หลินเฟิงพยักหน้า: “แบบนั้นก็ดีแล้ว”“คุณถัง หลินคนนี้ขอลาไปก่อน”หลังจากกล่าวลาถังว่านหลี่แล้ว หลินเฟิงก็เดินตามฉินเสี่ยวเทียนไปที่รถของสำนักงานผู้ว่าราชการและออกจากบ้านตระกูลถังไปไม่ช้า รถก็มาถึงวิลล่าแห่งหนึ่งในเขตตงเฉิง ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาและแม่น้ำ ทำให้ที่นี่เหมือนกับสรวงสวรรค์โดยเฉพาะวิลล่าที่ตั้งอยู่บนยอดเขาซึ่งถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางของสรวงสวรรค์แห่งนี้หลินเฟิงจ้องผ่านหน้าต่างรถเป็นเวลานาน โดยคิดว่าถ้าฝึกตนที่นี่จะให้ผลลัพธ์เป็นสองเท่าอย่างแน่นอน ซึ่งใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียวขณะที่รถขับเข้าไปในจวนผู้ว่าราชการ ฉินหยิงก็รีบมาอย่างรวดเร็วและช่วยเปิดประตูรถให้หลินเฟิง“เชิญค่ะ คุณหลิน”"ขอบคุณครับ"ระหว่างทาง สมาชิกของตระกูลฉินต่างกำลังซ้อมหรือฝึกฝนศิลปะการต่อสู้เห็นได้ชัดว่าตระกูลฉินมีธรรมเนียมการต่อสู้ที่แข็งแกร่งหลินเฟิงได้ตามฉินเสี่ยวเทียนเข้าไปในห้องโถงข้างในมีชายคนหนึ่งที่แข็งแกร่งกำลังรออยู่แล้วหน้าตาความคล้ายคลึงกับท่านผู้ว่าฉินเมื่อเห็นฉินเสี่ยวเทียน ชายคนนั้นก็ลุกขึ้นยืนทันที "ท่านพ่อ"ฉินเสี่ยวเทียนพยักหน้า: "คุณหลิน ขอให้ฉันแนะนำคุณให้รู้จ
ฉินอิ๋งหน้าแดงเล็กน้อย จากนั้นก้มหน้าลงด้วยสัญชาตญาณ ไม่กล้าสบตากับหลินเฟิงด้วยซ้ำเธอก็ไม่มีทางเลือก เป็นกังวลว่าหลินเฟิงจะถูกถังอวิ๋นเฟิงกลั่นแกล้งจึงอยากให้พ่อของตัวเองช่วยเหลือแต่กลับไม่มีเหตุผลที่เหมาะสมคิดไปคิดมา จึงทำได้แค่พูดว่าหลินเฟิงเป็นแฟนของเธอ พ่อของเธอถึงได้ยอมลงมือช่วยเหลือ“เอ่อ......เรื่องนี้”หลินเฟิงเกาหัวติดต่อกัน เขาไม่รู้จะอธิบายอย่างไรด้วยซ้ำฉินอิ๋งรีบพูดขึ้น: “พ่อ หนูกับหลินเฟิงเพิ่งคบกันหนึ่งเดือน เรื่องส่วนตัวของพวกเราสองคนพ่อไม่ต้องถามแล้ว”ฉินเซี่ยวเทียนยิ้มบางแล้วพูดขึ้น: “ได้ ได้ ได้......งั้นพ่อไม่ถามแล้ว”“หลินเฟิง อยากเป็นน้องเขยของฉัน ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น”ในตอนนี้ฉินสือบริหารกล้ามเนื้อแล้วพูดขึ้น: “อย่างน้อยนายต้องผ่านด่านของฉันไปให้ได้ก่อน”หลินเฟิงรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที ฉันไม่ได้อยากเป็นน้องเขยของนายจริง ๆ นะฉินเซี่ยวเทียนยิ้มแล้วพูด: “ลูกชายฉันพูดแล้ว น้องเขยของเขาอย่างน้อยต้องสู้เขาได้ ถึงจะมีความสามารถปกป้องอิ๋งอิ๋งได้”“ความสามารถของคุณหนูฉินไม่ธรรมดา คนที่เอาชนะเธอได้เกรงว่ามีแค่ไม่กี่คนหรอกครับ”หลินเฟิงยิ้มอย่างเก้กังความสา
ได้ยินคำเตือนของน้องสาว ฉินสือโมโหมากกว่าเดิมและก็ไม่เกรงใจอีกต่อไปตั้งท่าให้ดีและพุ่งออกไปเต็มกำลัง โจมตีไปทางหลินเฟิงหัตถ์สายฟ้าดุดันและบ้าระห่ำจริง ๆ หนึ่งหมัดปล่อยออกไป ลมหมัดเหมือนฟ้าร้องฟ้าผ่าหลินเฟิงกลับไม่ใส่ใจสักนิด แค่ปัดเบา ๆ ก็สะบัดกำปั้นของฉินสือออกไปได้“แม่งเอ๊ย......”ฉินสือสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากหัตถ์สายฟ้าเจ็ดกระบวนท่าสามสิบหกวิธีปล่อยออกไปจนหมดหลินเฟิงรับมือได้โดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงจนกระทั่งฉินสือต่อยหมัดสุดท้ายออกไปหลินเฟิงรับรู้ถึงกระบวนท่าทั้งหมดของเขาแล้วเขาพูดขึ้นช้า ๆ: “คุณให้ความสำคัญกับการโจมตีมากเกินไป ข้อบกพร่องถูกเปิดเผยออกมาโดยเลือนราง”เสียงที่นุ่มนวลและสงบนิ่งแบบนี้เมื่ออยู่ที่ข้างหูของฉินสือกลับเป็นเหมือนฟ้าร้องดังระเบิดเห็นเพียงแค่หลินเฟิงก็ร่ายหัตถ์สายฟ้าขึ้นมา เขาปรับเปลี่ยนหัตถ์สายฟ้าอีกครั้งเหมาะสมกับผู้ชายที่ฝึกบำเพ็ญมากยิ่งขึ้นทันใดนั้น ฉินสือหยุดชะงักอยู่กับที่ ม่านตาขยายใหญ่ด้วยความตกตะลึงอย่างมากเขารู้สึกว่าบนตัวของหลินเฟิงเหมือนมีแสงสว่างหลินเฟิงปล่อยหมัดออกไป เหมือนพายุที่โหมกระหน่ำไม่หยุดหย่อนฉินสือถู
ฉินสือที่อยู่ด้านข้างมองดูสูตรลับที่หลินเฟิงปรับเปลี่ยนก็ตกตะลึงอย่างมาก: “ว้าว หลินเฟิง คุณอัจฉริยะมากจริง ๆ!”ฉินเซี่ยวเทียนพูดชื่นชม: “สหายน้อยหลิน สูตรลับของคุณขายราคาเท่าไหร่? ผมฉินเซี่ยวเทียนรับซื้อเอาไว้”หลินเฟิงยิ้มแล้วพูดขึ้น: “ผู้ว่าฉินพูดเกินไปแล้ว ก็แค่สูตรลับเล่มเดียวเอง ถ้าหากคุณอยากได้ผมมอบให้คุณก็ได้”สูตรลับแค่เล่มเดียว สำหรับเขาแล้วไม่มีคุณค่าอะไรเห็นแก่หน้าของฉินอิ๋งมอบให้พวกเขาก็ไม่เป็นไร“เอ่อ......นี่ เกรงใจเกินไปแล้วครับ!”ฉินเซี่ยวเทียนคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าหลินเฟิงจะใจกว้างขนาดนี้“สหายน้อยหลิน มีความต้องการอะไรเอ่ยปากมาได้เต็มที่ เรื่องที่ผมฉินเซี่ยวเทียนสามารถทำได้ ผมไม่มีทางบ่ายเบี่ยง”หลินเฟิงครุ่นคิดและพูดขึ้นกะทันหัน: “คุณฉินทราบไหมครับว่า คฤหาสน์หลังนั้นบนยอดเขาเป็นของใคร?”ฉินเซี่ยวเทียนชะงักงัน จากนั้นยิ้มพูด: “บังเอิญมาก คฤหาสน์ทั่วทั้งอ่าวเทียนสุ่ยเป็นโครงการที่ลูกชายของผมบุกเบิก”ฉินสือรีบพูดขึ้น: “คุณหลินอยากได้คฤหาสน์หลังนั้นเหรอครับ?”เห็นความสามารถของหลินเฟิง เขารู้สึกนับถือหลินเฟิงอย่างมาก จึงไม่มีความคิดดูถูกแม้แต่นิดเดียวแล้วหลิ
บรรยากาศเก้กังอย่างมากเมื่อไปถึงคฤหาสน์ที่ยอดเขา ฉินอิ๋งเปิดประตูทันที: “คุณหลินถึงแล้วค่ะ คุณดูว่าที่นี่สภาพแวดล้อมเป็นอย่างไรบ้าง?”หลินเฟิงกวาดตามองไปรอบ ๆ ทั้งตึกคฤหาสน์ตกแต่งได้ครบครัน ถึงแม้จะมีฝุ่นเกาะเล็กน้อย แต่ก็ไม่เลวเลย“ดีมากครับ”ฉินอิ๋งพูด: “อีกเดี๋ยวฉันจะเรียกพนักงานทำความสะอาดมาทำความสะอาดสักหน่อย คืนนี้คุณฉินสามารถเข้าพักได้เลยค่ะ”“รบกวนด้วยครับ” หลินเฟิงพยักหน้า“อ่อใช่ คุณหลิน ก่อนหน้านี้ที่คุณให้ฉันไปตามหาคนที่ชื่อหลินเสวี่ยฮุ่ยคนนั้น มีเบาะแสนิดหน่อยแล้วค่ะ”จู่ ๆ ฉินอิ๋งนึกเรื่องใหญ่ขึ้นมาได้ จึงพูดรายงานต่อหลินเฟิง: “ฉันสืบถามจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า คนคนนี้ถูกคนรับเลี้ยงไป ภายหลังครอบครัวนั้นย้ายไปที่จงโจว ฉันได้สั่งคนให้ไปสืบดูแล้วค่ะ”“ขอบคุณครับคุณฉิน ถ้าหากคุณหาคนคนนี้เจอผมจะขอบคุณเป็นอย่างดี” หลินเฟิงพูดด้วยสีหน้าจริงจังในตอนนี้ฉินอิ๋งถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ: “คุณหลินคะ ฉันขอสอบถามหน่อยค่ะ คนคนนี้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับคุณเหรอคะ?”หลินเฟิงให้ความสำคัญกับคนคนนี้ขนาดนี้ อีกอย่างเด็กผู้หญิงคนนั้นก็นามสกุลหลิน หรือว่าจะเป็นน้องสาวของหลินเฟิงหลิน
หลายวันมานี้หลี่ฮุ่ยหรานงานยุ่งจนบอบช้ำหลังจากที่โครงการเริ่มต้น เงินที่อยู่ในมือของเธอก็ร่อยหรออย่างรวดเร็วเธอปิดเอกสารในห้องหนังสือแล้วเดินตรงไปที่ห้องของแม่“ก๊อก ก๊อก ก๊อก......”“มีอะไร?” ภายในห้องมีเสียงของจางกุ้ยหลานดังขึ้นหลี่ฮุ่ยหรานผลักประตูเข้าไป เห็นแม่ของตัวเองเสื้อผ้ายุ่งเหยิง ลุกขึ้นมาจากเตียงอย่างสะลึมสะลือ“แม่ เลี่ยวกั๋วต้งช่วงนี้ทำไมไม่มาหาแม่แล้ว?” หลี่ฮุ่ยหรานถามขึ้นความสัมพันธ์ของแม่ตัวเองกับเลี่ยวกั๋วต้ง หลี่ฮุ่ยหรานเห็นแล้วแต่แค่ไม่ได้พูดออกมาในเมื่อแต่ละคนมีสิทธิในการเลือกตัวเองก็เข้ามายุ่งมากเกินไม่ได้ แต่ตั้งแต่ที่ครอบครัวตัวเองเอาเงินให้เลี่ยวกั๋งต้งยืมความถี่ที่เลี่ยวกั๋วต้งคนนี้มาหาแม่ของตัวเองยิ่งอยู่ยิ่งน้อยลงจางกุ้ยหลานพูดด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย: “เห้อ ช่วงนี้กั๋วต้งยุ่งมาก ไม่มีเวลา เป็นช่วงที่เขาการงานเจริญรุ่งเรือง”หลี่ฮุ่ยหรานขมวดคิ้ว: “บริษัทของเขาเปิดตลาดแล้วไม่ใช่เหรอ? เอาแบบนี้แม่ให้เขาเอาเงินมาก่อนเถอะ!”“ช่วงนี้บริษัทมีเรื่องให้ใช้เงินเยอะมาก”จางกุ้ยหลานพูดอย่างเก้กัง “นี่เพิ่งให้ยืมไปไม่นาน ลูกก็รีบร้อนทวงเงิน ไม่ค่อยดีหรอ
หลี่ฮุ่ยหรานขมวดคิ้วแน่น: “พวกคุณเป็นใครกัน?”คนหัวล้านหนึ่งในนั้นพูดขึ้น: “แน่นอนว่าต้องเป็นเจ้าหนี้ของคุณไง คุณก็คือจางกุ้ยหลาน?”“จางกุ้ยหลานคือคุณแม่ของฉัน”ชายหัวล้านพูด: “งั้นพวกเราก็ไม่ได้มาผิดที่ แม่ของคุณยืมเงินจากซิ่นต๋าสินเชื่อของพวกเราไปหนึ่งร้อยล้านบาท บอกว่าจะคืนจนครบภายในสิบวัน”พูดจบ ชายหัวล้านก็หยิบสัญญาออกมา ด้านบนเขียนชื่อจริงของแม่ของเธออย่างชัดเจนหลี่ฮุ่ยหรานงุนงงในทันที จากนั้นหันมองไปทางแม่ของตัวเอง: “แม่ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”จางกุ้ยหลานพูดจาอ้อมแอ้ม: “ฉัน......คือ ไหนบอกว่าสิบวันไม่ใช่เหรอ? พวกคุณทำไมถึงมาวันนี้ล่ะ?”ชายหัวล้านยิ้มเยาะ: “นับตั้งแต่วันที่คุณยืมเงิน ไม่ใช่เริ่มนับวันที่สอง”“คือว่า พวกคุณผ่อนผันหน่อยได้ไหม พรุ่งนี้ฉันจะเอาเงินคืนให้พวกคุณ” จางกุ้ยหลานรีบพูดขึ้น“คุณล้อเล่นเหรอ? ติดหนี้ใช้หนี้เป็นเรื่องที่ถูกต้องตามหลัก เรื่องแบบนี้ผ่อนผันกันได้ด้วยเหรอ?” ชายหัวร้านสายตาแน่นิ่ง ดูท่าทางแบบนี้อีกฝ่ายไม่อยากคืนเงินสินะ“แม่? แม่ไปยืมเงินหนึ่งร้อยล้านบาทตั้งแต่ตอนไหน? แม่เอาเงินหนึ่งร้อยล้านบาทนี้ไปทำอะไร?”หลี่ฮุ่ยหรานรีบพูดขึ้น“เงิ
หลี่ฮุ่ยหรานมีแรงแค่นั้นดิ้นไม่หลุดด้วยซ้ำจางกุ้ยหลานรีบเข้าไปช่วยดึงและพูดตะโกนขึ้น: “พวกแกทำอะไร? ปล่อยูกสาวฉันนะ”“ไสหัวไป”ชายหัวล้านไม่ไว้หน้าสักนิด เขาถีบจางกุ้ยหลานจนล้มลงบนพื้นจากนั้นชี้หน้าด่าทอเธอ: “อีแก่ รีบไปหาเงินมาไถ่ตัวลูกสาวแกซะ”“อย่านะ ขอร้องพวกคุณปล่อยลูกสาวฉันไปเถอะ” จางกุ้ยหลานมือกุมท้องร้องโอดครวญแต่กลับทำได้แค่มองดูลูกสาวของตัวเองถูกพวกเขาพาตัวไปเธอทรุดตัวนั่งลงบนพื้นและร้องไห้เสียงดัง“เลี่ยวกั๋วต้ง! ผู้ชายที่สมควรถูกแทงเป็นพันครั้ง คุณหลอกฉันจนแย่แล้ว”……ขณะเดียวกัน หลินเฟิงเสร็จสิ้นการเข้ากรรมฐานฝึกบำเพ็ญพิษเย็นในร่างกายถูกเขาหลอมละลายไปจนหมดคนทั้งคนวิทยายุทธพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่งเข้ากรรมฐานติดต่อกันหลายวัน เขารู้สึกหิวเล็กน้อย คิดจะไปหาอะไรกินใกล้ ๆเมื่อเดินออกจากคฤหาสน์ ลงจากเขาไปเพิ่งไปถึงตีนเขา รถเฟอร์รารี่คันหนึ่งก็ขับเข้ามาเกือบจะชนกับเขาโชคดีที่หลินเฟิงปราดเปรี่ยวคล่องแคล่ว หลบเลี่ยงได้อย่างไวรถเฟอร์รารี่จอดที่ข้างทาง กระจกรถลดลงช้า ๆ และมีเสียงด่าทอดังขึ้น: “ไอ้หนุ่ม เดินไม่ตาม้าตาเรือเหรอ?”หลินเฟิงขมวดคิ้ว: “พรรคพวก เป็นคุ
ได้ยินการวิเคราะห์ของหลินเฟิง เฝิงเอ้อกับเฝิงชางถลึงตาโตทันที“เฝิงหลี?!”หรือว่าเมื่อครู่เฝิงหลีถือโอกาสตอนที่พวกเขาไม่ได้สังเกต วางยาพิษเฝิงอวี้อู่เป็นครั้งที่สองงั้นเหรอ?!ดังนั้นหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวเพิ่งรักษาจนดีขึ้นเล็กน้อย ก็ได้อาการหนักขึ้นทันที ?“ไอ้สารเลว ผมจะไปจับตัวเขามาถามเดี๋ยวนี้!”เฝิงเอ้ออารมณ์ร้อน ตะโกนเสียงดังด้วยความโมโหทันที“หยุดก่อน!”เฝิงชางกลับตะโกนเสียงดัง จ้องมองเฝิงเอ้อแล้วพูดว่า:“หรือว่านายอยากให้ตระกูลเฝิงของเราตายงั้นเหรอ?”“ไม่พูดก่อนว่านี่เป็นคำพูดของไอ้หมอนี่ฝ่ายเดียว ต่อให้ไอ้หนุ่มคนนี้พูดจริง หรือว่าพวกเราจะแตกหักกับเฝิงหลีจริงๆ งั้นเหรอ?!”“ถ้าหากไอ้หมอนี่รักษาไม่หาย งั้นพวกเราตระกูลเฝิงจะทำยังไง?!”เผชิญหน้ากับการสอบถามของเฝิงชาง เฝิงเอ้อนิ่งอึ้งอยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายก็โมโหจนทรุดนั่งลงกับพื้น“แม่งเอ๊ย แบนี้ก็ไม่ได้ แบบนั้นก็ไม่ได้ ทำให้ผมโมโหตายไปเลยเถอะ!”เมื่อเห็นว่าน้องรองของตัวเองโมโหขนาดนี้ เฝิงชางก็รู้สึกเชื่อความสามารถของหลินเฟิงขึ้นมาเล็กน้อย เขาจึงรีบถามว่า:“หลินเฟิง ถ้าหากคุณสามารถรักษาอวี้อู่กับหมอเทวดาเลี่ยวจนหายได
เลี่ยวจื้อหมิงอายุเยอะขนาดนี้ ถูกพวกเขาทำแบบนี้ ยังไงก็ต้องอายุสั้นลงสองปี“หลินเฟิง ผมเตือนคุณว่าทางที่ดีอย่างวู่วาม”“ยาพิษนี้แม้แต่หมอเทวดาเลี่ยวก็โดนโดยที่ไม่ระวัง ทางที่ดีนายช่างใจให้ดีเฝิงชางสีหน้าเย็นชา“หึ ไม่ฟังคำเตือนของผม ตอนนี้เสนอตัวออกมาแสร้งเป็นคนดีงั้นเหรอ?”หลินเฟิงไม่ได้มีความรู้สึกดีๆ อะไรต่อผู้นำตระกูลเฝิง เขาสามารถอยู่ที่นี่ได้ เป็นเพราะผลประโยชน์ล้วนๆ“เพียงแค่ผมช่วยเฝิงอวี้อู่ให้รอดได้ คุณก็จะบอกข่าวของหยินหลิงให้กับผมใช่ไหม?”“หยินหลิง?”ผู้นำตระกูลเฝิงนิ่งอึ้ง“ผู้นำตระกูล หยินหลิงก็คือชื่อของผู้นำตระกูลกลุ่มพันธมิตรบู๊”เฝิงเอ้อที่อยู่ข้างๆ รีบพูดขึ้น“......”สีหน้าของเฝิงชางอึดอัดเล็กน้อย ในเมื่อเมื่อครู่เขาบอกตำแหน่งของหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊ไปแล้ว อยู่ที่เรือนด้านหลังของตระกูลเฝิงของพวกเขาคราวนี้ หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊น่าจะถูกเขาพาตัวไปแล้วเป้าหมายก็เพื่อมอบให้กับผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษต่อให้เป็นแบบนี้ เฝิงชางพยักหน้าพูดว่า:“แต่ตอนนี้บวกกับหมอเทวดาเลี่ยว ในเมื่อคุณสามารถช่วยลูกชายของผมให้รอดได้ งั้นก็ช่วยหมอเทวดาเลี่ยวด้วยคงไม่ยากใช่
“เร็ว! น้องรอง อย่ามัวแต่ยืนอยู่ รีบไปเชิญอาจารย์ของหมอเทวดาเลี่ยว!”“พี่ใหญ่ อาจารย์ของหมอเทวดาเลี่ยวเป็นยอดฝีมือคนไหนกัน เขาไม่ได้พูด พวกเราจะรู้ได้ยังไง?!”เฝิงเอ้อที่ยืนอยู่ตรงประตูก็งุนงงเช่นเดียวกันหมอเทวดาลั่วตายอยู่ที่ตระกูลเฝิงของพวกเขา เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่แล้วเฝิงเอ้อรู้ดีเช่นกัน“พี่ใหญ่ เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว พี่มอบตัวหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรออกมาอย่างว่าง่ายดีกว่า แบบนี้ผมยังสามารถขอร้องให้ผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษถอนพิษให้ได้ ไม่อย่างนั้น จะไม่ทันการณ์แล้วจริงๆ!”เฝิงหลีใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์“ได้...ฉันมอบตัวให้! ฉันมอบให้!”เฝิงชางร้อนใจแล้ว ถ้าหากแค่ลูกชายของเขา งั้นเขายังสามารถสงบสติเลือกที่จะรับหรือไม่รับได้ และคิดถึงอนาคตของตระกูลแต่ชีวิตของหมอเทวดาเลี่ยงกลับไม่สามารถผิดพลาดได้หากเมื่อหมอเทวดาเลี่ยวเสียชีวิต พวกเขาตระกูลเฝิงก็จบสิ้นแล้ว“หึหึ วางใจเถอะพี่ใหญ่ มีผมอยู่ หมอเทวดาเลี่ยวกับหลานอวี้อู่ ไม่มีทางเป็นอันตรายอย่างแน่นอน”เฝิงหลียิ้มอย่างลำพองใจมากที่สุดแผนการของเขาในที่สุดก็สำเร็จแล้วต่อไป ผู้นำตระกูลของตระกูลเฝิงก็จะกลายเป็นเขาเฝิงหลีต
เฝิงอวี้อู่สงบลงแล้วแต่ตอนนี้สีหน้าของเขากลับดูแย่ลงกว่าเดิม ลมหายใจก็เปลี่ยนไปอ่อนแรง ถึงขั้นมีแต่ถอนหายใจ ไม่มีหายใจเข้าผิวทั่วตัวเริ่มคล้ำขึ้น“หมอเทวดาเลี่ยว นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”เฟิงชางวิตกกังวลมากจนไม่รู้จะทำอย่างไร เมื่อครู่ลูกชายของเขาเพิ่งดีขึ้น มันแย่ลงอีกแล้วเหรอ?“ผมดูหน่อย!”หมอเทวดาเลี่ยวถอดเข็มเงินที่เจาะเข้าไปในเส้นลมปราณหลักของเฝิงอวี้อู่ออกโดยตรง ใส่ไว้ในมือแล้วหมุน สีหน้าก็เปลี่ยนไป“หมอเทวดาเลี่ยวเป็นอะไรเหรอครับ?”เฝิงชางขยับเข้ามาถามใกล้ๆ ส่วนเฝิงเอ้อที่อยู่ไกลออกไปกลับเหม่อลอยเล็กน้อยเพราะว่าในตอนนี้จู่ๆ เขาก็นึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของหลินเฟิงขึ้นมาได้“อย่าลืมบอกหมอเทวาดาเลี่ยว ห้ามใช้มือสัมผัสเข็มเงินโดยตรง พิษนี้ต่อให้โดนแค่ผิวหนัง ก็ติดเชื้อได้อย่างรวดเร็ว”“หมอเทวดาเลี่ยว!”เฟิงเอ้ออดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา“หือ?”หมอเทวดาเลี่ยวกับเฝิงชางหันหน้ามาส่วนเฟิงเอ้อยังคงยื่นมือออกไป เขาต้องการพูดสิ่งที่หลินเฟิงเตือนไว้ก่อนหน้านี้ แต่ก็ดูไม่เหมาะสมนักหมอเทวดาเลี่ยวไม่รู้ว่ามันมีพิษเหรอ ต้องให้นายเตือนด้วย?สุดท้ายเฝิงเอ้ออ้าปาก แต่สุดท้ายก็ส่ายหน
เขาฝังเข็มโดนใช้ใจอย่างมาก แต่ละเข็มฝังลงไปได้อย่างแม่นยำในที่สุดหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวฝังเข็มสุดท้ายลงบนหน้าอกของเฝิงอวี้อู่ ความมืดบนใบหน้าของเฝิงอวี้อู่ก็ลดลงอย่างน่าอัศจรรย์แม้แต่ลมหายใจก็มั่นคงขึ้นไม่น้อย“เอ๊ะ?”เมื่อเห็นภาพนี้ เฝิงหลีที่อยู่ไกลออกไปดูตกใจ“นี่คือยาล้างพิษ แม้จะไม่ได้ผลเท่ากับยาของอาจารย์ของผม แต่ก็เป็นแบบจำลองที่วิจัยออกมาโดยศูนย์การแพทย์ตระกูลเลี่ยวของผม”ขณะพูด หมอเทวดาเลี่ยวยัดยาเม็ดสีเหลืองขนาดเท่าลำไยเข้าไปในปากของเฝิงอวี้อู่ยาเม็ดนี้ทานเข้าไปแล้วจะน้ำลายไหล ในสายตาของทุกคน ยาเม็ดนั้นกลายเป็นลูกบอลสีเหลืองไหลลงคอของเฝิงอวี้อู่ทันทีส่วนเฝิงอวี้อู่กลับไอสองครั้งในขณะที่หมดสติใบหน้าก็แดงก่ำอย่างผิดปกติ“ได้ผลจริงๆ ด้วย!”เห็นลูกชายของตัวเองดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เฝิงชางตื่นเต้นมากจนเขาคุกเข่าให้หมอเทวดาเลี่ยวทันที“ไม่เสียแรงที่เป็นหมอเทวดาเลี่ยว ก่อนหน้านี้คุณถ่อมตัวเกินไปแล้วจริงๆ!”เฝิงชางเห็นภาพนี้ คิดว่าลูกชายของตัวเองรอดแล้ว เมื่อครู่เป็นแค่คำถ่อมตัวของหมอเทวดาเลี่ยวและในตอนนี้หมอเทวดาเลี่ยวก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันเพราะวิธีการที่
เมื่อดูแบบนี้ เป็นที่น่าตื่นตะลึงหัวใจของหมอเทวดาเลี่ยวก็กระตุกมองแค่ใบหน้า ก็รู้ว่าคุณชายเฝิงอยู่ได้ไม่นานแล้ว หน้าผากเต็มไปด้วยอากาศสีดำ ใบหน้าดูเหมือนตายแล้ว นี่มันถูกพิษที่ไหนกันนี่เป็นการยื้อลมหายใจสุดท้ายด้วยซ้ำ!หากปล่อยลมหายใจสุดท้ายนี้ออกมา คุณชายตระกูลเฝิงคงจะตายไปนานแล้ว“เป็นยังไงบ้าง? หมอเทวดาเลี่ยว?”เฝิงชางและคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างๆ รีบถามด้วยความกังวลนี่คือลูกชายของเขา ยังเป็นความหวังสำหรับอนาคตของตระกูลเฝิงของพวกเขาอีกด้วย ตอนนี้เห็นลูกชายกลายเป็นแบบนี้ หัวใจของเฝิงชางแทบจะแตกสลาย“ผู้นำตระกูลเฝิงไม่ต้องร้อนใจ”หน้าผากของหมอเทวดาเลี่ยวเต็มไปด้วยเหงื่อถ้าหากพูดว่าเมื่อครู่เขายังรู้สึกว่าตัวเองมีความหวัง สามารถใช้ความคิดส่วนตัวของตัวเองได้ แต่ตอนนี้ หัวใจของเขาจมลงสู่ก้นบึ้งแค่มองรูปลักษณ์ภายนอกของคุณชายเฝิง อย่าว่าแต่เขาเลย ต่อให้อาจารย์ของเขามา เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถช่วยกลับมาได้“เฮ้อ…”หมอเทวดาเลี่ยวถอนหายใจ ภายใต้การจ้องมองของทุกคน“พิษที่คุณชายเฝิงโดนได้แทรกซึมเข้าอวัยวะภายในแล้ว เกรงว่ากระเพาะทะลุลำไส้เน่าไปแล้ว เหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย”“ผมทำ
ไม่ต้องพูดถึงหมอเทวดาเลี่ยวที่มีสถานะอันสูงส่งเลยพูดไร้สาระมากกว่านี้ นั่นก็เป็นการหาเรื่องใส่ตัวถ้าอีกฝ่ายโกรธและปฏิเสธที่จะทำการรักษา ตระกูลเฝิงจะหันไปพึ่งใครได้?หรือว่าจะไปหาหลินเฟิงคนนั้นงั้นเหรอ?“เมืองเจิ้งเต๋อ?”หมอเทวดาเลี่ยวตกตะลึงเล็กน้อย เขารู้อยู่แล้วว่าช่วงนี้หลินเฟิงอยู่ที่เมืองเจิ้งเต๋อ แต่เมื่อเห็นท่าทางของตระกูลเฝิงในเวลานี้ เขาก็ไม่สามารถยืนยันได้จึงทำได้แค่พยักหน้า ความสงสัยนี้วางเอาไว้ก่อนในเมื่อเมืองเจิ้งเต๋อมีคนมากมาย แต่คนที่สามารถกำเริบเสิบสานที่ตระกูลเฝิงได้กลับมีไม่เยอะหมอเทวดาเลี่ยวก็รู้สึกสงสัยเป็นธรรมดา“หึหึ หมอเทวดาเลี่ยว เชิญทางด้านนี้ครับ”เฝิงชางนำทางอยู่ข้างหน้า พาหมอเทวดาเลี่ยวไปที่ชั้นลอยโบราณ ทุกคนเพิ่งผลักประตูเขาไปก็ได้รับกลิ่นหอมที่รุนแรงของยา“อืม? เทียนหลงเสียน เจิ้นเฟิงจือ…”ยังไม่ได้เข้าห้อง หมอเทวดาเลี่ยวก็ย่นปลายจมูก ได้กลิ่นหอมอันล้ำค่าของสมุนไพรสมบัติล้ำค่าจำนวนมากได้ยินหมอเทวดาเลี่ยวพูดชื่อยาสมุนไพรมากกว่าสิบชนิดที่ไม่ขาดไปแม้แต่น้อย รอยยิ้มบนใบหน้าของเฟิงชางและเฟิงเอ้อค่อยๆ ลึกซึ้งขึ้นรีบพยักหน้าพูดว่า:“หมอเทวดา
“เดี๋ยวนะไอ้หนุ่ม สมองของนายไม่ได้มีปัญหาอะไรจริงๆ ใช่ไหม?”“ชู่วชู่วชู่ว อย่าเพิ่งพูด ให้ไอ้หมอนี่พูดพร่ำเพ้อไปเถอะ ให้หมอเทวดาเลี่ยวกราบเขา พรวด...”ทั้งสองคนพากันหัวเราะจนปวดท้องเนื่องด้วยคำพูดโอ้อวดของหลินเฟิงหมอเทวดาเลี่ยวมีสถานะอะไร?ทำไมจะต้องคุกเข่ากราบให้นายเด็กหนุ่มที่ไม่มีชื่อเสียง และอวดดีอย่างบ้าระห่ำแบบนี้ด้วย?เขายิ้มบางพูดว่า:“ถ้าหากผมพูดได้ไม่ถูกต้อง เช่นนั้นผมจะคุกเข่ากราบทั้งสองท่าน ชีวิตน้อยๆ ของผมก็จะปล่อยให้พวกคุณสองคนจัดการ”“แต่ถ้าหากผมพูดถูกต้อง...”หลินเฟิงมองไปทางทั้งสองคนและพูดอย่างนิ่งเฉยว่า:“พวกคุณคุกเข่าลง และคลานจากตรงนี้ไปที่หน้าประตูจวนตระกูลเฝิง อีกทั้งขณะที่คลาน จะต้องเลียนแบบหมาเห่าด้วย เป็นยังไง?”เห็นหลินเฟิงเล่นจริง ผู้คุ้มกันทั้งสองนิ่งอึ้งเล็กน้อยพวกเขาเห็นสีหน้าที่จะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มของหลินเฟิง ในใจก็รู้สึกกังวลใจเล็กน้อยดูยังไง ไอ้หมอนี่ก็ตั้งใจล่อให้พวกเขาติดกับชัดๆแต่ว่าการเดิมพันเกินเหตุไปหน่อยไหมให้หมอเทวดาเลี่ยว หมอเทวดาเมืองจิงที่มีชื่อเสียงโด่งดังกราบตรงหน้าเขา อีกทั้งขอร้องให้เขาลงมือรักษา?เรื่องแบบนี้พูดออกไปใคร
“คุณท่านรอง ไอ้หมอนี่พาลเกเรที่ตระกูลเฝิงของเราครับ!”“ใช่ครับคุณท่านรอง ไอ้หมอนี่กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว!””วันนี้พวกเราจะปิดประตูตีสุนัข สั่งสอนเขาอย่างดีสักหน่อย!”“หุบปาก”ฟังถึงตรงนี้ เฝิงเอ้อจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้นเขาเหลือบมองหลินเฟิง ไม่ได้พูดขอโทษอะไร แต่กลับมองไปทางลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงและพูดอย่างเย็นชาว่า:“ผู้ที่มาเยือนคือแขก ตระกูลเฝิงของเราจะให้คนนอกหัวเราะเยาะไม่ได้”“แยกย้ายไปให้หมด!”“แต่ว่าคุณท่านรอง...”“ทำไม?”เฝิงเอ้อถลึงตาใส่ และพูดด้วยความโมโห:“ไม่ฟังคำสั่งของฉันงั้นเหรอ?”“......”เห็นเฝิงเอ้อแสดงอำนาจ ลูกศิษย์ตระกูลเฝิงที่อยู่ในเหตุการณ์ทำได้แค่ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ และพากันแยกย้าย ก่อนจะเดินออกไป ก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่หลินเฟิง“คุณหลินเฟิง ไม่ว่าคุณจะมองตระกูลเฝิงของเรายังไง ลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงไม่จำเป็นต้องให้คนนอกมาอบรมสั่งสอน”“หวังว่าคุณจะเข้าใจ”หลังจากพูดคำเหล่านี้จบ เฝิงเอ้อก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปหลินเฟิงได้ยินแบบนี้ ก็รู้ว่าเฝิงเอ้อคนนี้ไม่ได้รู้สึกคาดหวังอะไรต่อเขาเลยสักนิด สำหรับเรื่องที่หลินเฟิงพูดว่าสามารถแก้พิษให้อวี