หลินเฟิงพยักหน้า: “แบบนั้นก็ดีแล้ว”“คุณถัง หลินคนนี้ขอลาไปก่อน”หลังจากกล่าวลาถังว่านหลี่แล้ว หลินเฟิงก็เดินตามฉินเสี่ยวเทียนไปที่รถของสำนักงานผู้ว่าราชการและออกจากบ้านตระกูลถังไปไม่ช้า รถก็มาถึงวิลล่าแห่งหนึ่งในเขตตงเฉิง ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาและแม่น้ำ ทำให้ที่นี่เหมือนกับสรวงสวรรค์โดยเฉพาะวิลล่าที่ตั้งอยู่บนยอดเขาซึ่งถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางของสรวงสวรรค์แห่งนี้หลินเฟิงจ้องผ่านหน้าต่างรถเป็นเวลานาน โดยคิดว่าถ้าฝึกตนที่นี่จะให้ผลลัพธ์เป็นสองเท่าอย่างแน่นอน ซึ่งใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียวขณะที่รถขับเข้าไปในจวนผู้ว่าราชการ ฉินหยิงก็รีบมาอย่างรวดเร็วและช่วยเปิดประตูรถให้หลินเฟิง“เชิญค่ะ คุณหลิน”"ขอบคุณครับ"ระหว่างทาง สมาชิกของตระกูลฉินต่างกำลังซ้อมหรือฝึกฝนศิลปะการต่อสู้เห็นได้ชัดว่าตระกูลฉินมีธรรมเนียมการต่อสู้ที่แข็งแกร่งหลินเฟิงได้ตามฉินเสี่ยวเทียนเข้าไปในห้องโถงข้างในมีชายคนหนึ่งที่แข็งแกร่งกำลังรออยู่แล้วหน้าตาความคล้ายคลึงกับท่านผู้ว่าฉินเมื่อเห็นฉินเสี่ยวเทียน ชายคนนั้นก็ลุกขึ้นยืนทันที "ท่านพ่อ"ฉินเสี่ยวเทียนพยักหน้า: "คุณหลิน ขอให้ฉันแนะนำคุณให้รู้จ
ฉินอิ๋งหน้าแดงเล็กน้อย จากนั้นก้มหน้าลงด้วยสัญชาตญาณ ไม่กล้าสบตากับหลินเฟิงด้วยซ้ำเธอก็ไม่มีทางเลือก เป็นกังวลว่าหลินเฟิงจะถูกถังอวิ๋นเฟิงกลั่นแกล้งจึงอยากให้พ่อของตัวเองช่วยเหลือแต่กลับไม่มีเหตุผลที่เหมาะสมคิดไปคิดมา จึงทำได้แค่พูดว่าหลินเฟิงเป็นแฟนของเธอ พ่อของเธอถึงได้ยอมลงมือช่วยเหลือ“เอ่อ......เรื่องนี้”หลินเฟิงเกาหัวติดต่อกัน เขาไม่รู้จะอธิบายอย่างไรด้วยซ้ำฉินอิ๋งรีบพูดขึ้น: “พ่อ หนูกับหลินเฟิงเพิ่งคบกันหนึ่งเดือน เรื่องส่วนตัวของพวกเราสองคนพ่อไม่ต้องถามแล้ว”ฉินเซี่ยวเทียนยิ้มบางแล้วพูดขึ้น: “ได้ ได้ ได้......งั้นพ่อไม่ถามแล้ว”“หลินเฟิง อยากเป็นน้องเขยของฉัน ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น”ในตอนนี้ฉินสือบริหารกล้ามเนื้อแล้วพูดขึ้น: “อย่างน้อยนายต้องผ่านด่านของฉันไปให้ได้ก่อน”หลินเฟิงรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที ฉันไม่ได้อยากเป็นน้องเขยของนายจริง ๆ นะฉินเซี่ยวเทียนยิ้มแล้วพูด: “ลูกชายฉันพูดแล้ว น้องเขยของเขาอย่างน้อยต้องสู้เขาได้ ถึงจะมีความสามารถปกป้องอิ๋งอิ๋งได้”“ความสามารถของคุณหนูฉินไม่ธรรมดา คนที่เอาชนะเธอได้เกรงว่ามีแค่ไม่กี่คนหรอกครับ”หลินเฟิงยิ้มอย่างเก้กังความสา
ได้ยินคำเตือนของน้องสาว ฉินสือโมโหมากกว่าเดิมและก็ไม่เกรงใจอีกต่อไปตั้งท่าให้ดีและพุ่งออกไปเต็มกำลัง โจมตีไปทางหลินเฟิงหัตถ์สายฟ้าดุดันและบ้าระห่ำจริง ๆ หนึ่งหมัดปล่อยออกไป ลมหมัดเหมือนฟ้าร้องฟ้าผ่าหลินเฟิงกลับไม่ใส่ใจสักนิด แค่ปัดเบา ๆ ก็สะบัดกำปั้นของฉินสือออกไปได้“แม่งเอ๊ย......”ฉินสือสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากหัตถ์สายฟ้าเจ็ดกระบวนท่าสามสิบหกวิธีปล่อยออกไปจนหมดหลินเฟิงรับมือได้โดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงจนกระทั่งฉินสือต่อยหมัดสุดท้ายออกไปหลินเฟิงรับรู้ถึงกระบวนท่าทั้งหมดของเขาแล้วเขาพูดขึ้นช้า ๆ: “คุณให้ความสำคัญกับการโจมตีมากเกินไป ข้อบกพร่องถูกเปิดเผยออกมาโดยเลือนราง”เสียงที่นุ่มนวลและสงบนิ่งแบบนี้เมื่ออยู่ที่ข้างหูของฉินสือกลับเป็นเหมือนฟ้าร้องดังระเบิดเห็นเพียงแค่หลินเฟิงก็ร่ายหัตถ์สายฟ้าขึ้นมา เขาปรับเปลี่ยนหัตถ์สายฟ้าอีกครั้งเหมาะสมกับผู้ชายที่ฝึกบำเพ็ญมากยิ่งขึ้นทันใดนั้น ฉินสือหยุดชะงักอยู่กับที่ ม่านตาขยายใหญ่ด้วยความตกตะลึงอย่างมากเขารู้สึกว่าบนตัวของหลินเฟิงเหมือนมีแสงสว่างหลินเฟิงปล่อยหมัดออกไป เหมือนพายุที่โหมกระหน่ำไม่หยุดหย่อนฉินสือถู
ฉินสือที่อยู่ด้านข้างมองดูสูตรลับที่หลินเฟิงปรับเปลี่ยนก็ตกตะลึงอย่างมาก: “ว้าว หลินเฟิง คุณอัจฉริยะมากจริง ๆ!”ฉินเซี่ยวเทียนพูดชื่นชม: “สหายน้อยหลิน สูตรลับของคุณขายราคาเท่าไหร่? ผมฉินเซี่ยวเทียนรับซื้อเอาไว้”หลินเฟิงยิ้มแล้วพูดขึ้น: “ผู้ว่าฉินพูดเกินไปแล้ว ก็แค่สูตรลับเล่มเดียวเอง ถ้าหากคุณอยากได้ผมมอบให้คุณก็ได้”สูตรลับแค่เล่มเดียว สำหรับเขาแล้วไม่มีคุณค่าอะไรเห็นแก่หน้าของฉินอิ๋งมอบให้พวกเขาก็ไม่เป็นไร“เอ่อ......นี่ เกรงใจเกินไปแล้วครับ!”ฉินเซี่ยวเทียนคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าหลินเฟิงจะใจกว้างขนาดนี้“สหายน้อยหลิน มีความต้องการอะไรเอ่ยปากมาได้เต็มที่ เรื่องที่ผมฉินเซี่ยวเทียนสามารถทำได้ ผมไม่มีทางบ่ายเบี่ยง”หลินเฟิงครุ่นคิดและพูดขึ้นกะทันหัน: “คุณฉินทราบไหมครับว่า คฤหาสน์หลังนั้นบนยอดเขาเป็นของใคร?”ฉินเซี่ยวเทียนชะงักงัน จากนั้นยิ้มพูด: “บังเอิญมาก คฤหาสน์ทั่วทั้งอ่าวเทียนสุ่ยเป็นโครงการที่ลูกชายของผมบุกเบิก”ฉินสือรีบพูดขึ้น: “คุณหลินอยากได้คฤหาสน์หลังนั้นเหรอครับ?”เห็นความสามารถของหลินเฟิง เขารู้สึกนับถือหลินเฟิงอย่างมาก จึงไม่มีความคิดดูถูกแม้แต่นิดเดียวแล้วหลิ
บรรยากาศเก้กังอย่างมากเมื่อไปถึงคฤหาสน์ที่ยอดเขา ฉินอิ๋งเปิดประตูทันที: “คุณหลินถึงแล้วค่ะ คุณดูว่าที่นี่สภาพแวดล้อมเป็นอย่างไรบ้าง?”หลินเฟิงกวาดตามองไปรอบ ๆ ทั้งตึกคฤหาสน์ตกแต่งได้ครบครัน ถึงแม้จะมีฝุ่นเกาะเล็กน้อย แต่ก็ไม่เลวเลย“ดีมากครับ”ฉินอิ๋งพูด: “อีกเดี๋ยวฉันจะเรียกพนักงานทำความสะอาดมาทำความสะอาดสักหน่อย คืนนี้คุณฉินสามารถเข้าพักได้เลยค่ะ”“รบกวนด้วยครับ” หลินเฟิงพยักหน้า“อ่อใช่ คุณหลิน ก่อนหน้านี้ที่คุณให้ฉันไปตามหาคนที่ชื่อหลินเสวี่ยฮุ่ยคนนั้น มีเบาะแสนิดหน่อยแล้วค่ะ”จู่ ๆ ฉินอิ๋งนึกเรื่องใหญ่ขึ้นมาได้ จึงพูดรายงานต่อหลินเฟิง: “ฉันสืบถามจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า คนคนนี้ถูกคนรับเลี้ยงไป ภายหลังครอบครัวนั้นย้ายไปที่จงโจว ฉันได้สั่งคนให้ไปสืบดูแล้วค่ะ”“ขอบคุณครับคุณฉิน ถ้าหากคุณหาคนคนนี้เจอผมจะขอบคุณเป็นอย่างดี” หลินเฟิงพูดด้วยสีหน้าจริงจังในตอนนี้ฉินอิ๋งถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ: “คุณหลินคะ ฉันขอสอบถามหน่อยค่ะ คนคนนี้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับคุณเหรอคะ?”หลินเฟิงให้ความสำคัญกับคนคนนี้ขนาดนี้ อีกอย่างเด็กผู้หญิงคนนั้นก็นามสกุลหลิน หรือว่าจะเป็นน้องสาวของหลินเฟิงหลิน
หลายวันมานี้หลี่ฮุ่ยหรานงานยุ่งจนบอบช้ำหลังจากที่โครงการเริ่มต้น เงินที่อยู่ในมือของเธอก็ร่อยหรออย่างรวดเร็วเธอปิดเอกสารในห้องหนังสือแล้วเดินตรงไปที่ห้องของแม่“ก๊อก ก๊อก ก๊อก......”“มีอะไร?” ภายในห้องมีเสียงของจางกุ้ยหลานดังขึ้นหลี่ฮุ่ยหรานผลักประตูเข้าไป เห็นแม่ของตัวเองเสื้อผ้ายุ่งเหยิง ลุกขึ้นมาจากเตียงอย่างสะลึมสะลือ“แม่ เลี่ยวกั๋วต้งช่วงนี้ทำไมไม่มาหาแม่แล้ว?” หลี่ฮุ่ยหรานถามขึ้นความสัมพันธ์ของแม่ตัวเองกับเลี่ยวกั๋วต้ง หลี่ฮุ่ยหรานเห็นแล้วแต่แค่ไม่ได้พูดออกมาในเมื่อแต่ละคนมีสิทธิในการเลือกตัวเองก็เข้ามายุ่งมากเกินไม่ได้ แต่ตั้งแต่ที่ครอบครัวตัวเองเอาเงินให้เลี่ยวกั๋งต้งยืมความถี่ที่เลี่ยวกั๋วต้งคนนี้มาหาแม่ของตัวเองยิ่งอยู่ยิ่งน้อยลงจางกุ้ยหลานพูดด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย: “เห้อ ช่วงนี้กั๋วต้งยุ่งมาก ไม่มีเวลา เป็นช่วงที่เขาการงานเจริญรุ่งเรือง”หลี่ฮุ่ยหรานขมวดคิ้ว: “บริษัทของเขาเปิดตลาดแล้วไม่ใช่เหรอ? เอาแบบนี้แม่ให้เขาเอาเงินมาก่อนเถอะ!”“ช่วงนี้บริษัทมีเรื่องให้ใช้เงินเยอะมาก”จางกุ้ยหลานพูดอย่างเก้กัง “นี่เพิ่งให้ยืมไปไม่นาน ลูกก็รีบร้อนทวงเงิน ไม่ค่อยดีหรอ
หลี่ฮุ่ยหรานขมวดคิ้วแน่น: “พวกคุณเป็นใครกัน?”คนหัวล้านหนึ่งในนั้นพูดขึ้น: “แน่นอนว่าต้องเป็นเจ้าหนี้ของคุณไง คุณก็คือจางกุ้ยหลาน?”“จางกุ้ยหลานคือคุณแม่ของฉัน”ชายหัวล้านพูด: “งั้นพวกเราก็ไม่ได้มาผิดที่ แม่ของคุณยืมเงินจากซิ่นต๋าสินเชื่อของพวกเราไปหนึ่งร้อยล้านบาท บอกว่าจะคืนจนครบภายในสิบวัน”พูดจบ ชายหัวล้านก็หยิบสัญญาออกมา ด้านบนเขียนชื่อจริงของแม่ของเธออย่างชัดเจนหลี่ฮุ่ยหรานงุนงงในทันที จากนั้นหันมองไปทางแม่ของตัวเอง: “แม่ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”จางกุ้ยหลานพูดจาอ้อมแอ้ม: “ฉัน......คือ ไหนบอกว่าสิบวันไม่ใช่เหรอ? พวกคุณทำไมถึงมาวันนี้ล่ะ?”ชายหัวล้านยิ้มเยาะ: “นับตั้งแต่วันที่คุณยืมเงิน ไม่ใช่เริ่มนับวันที่สอง”“คือว่า พวกคุณผ่อนผันหน่อยได้ไหม พรุ่งนี้ฉันจะเอาเงินคืนให้พวกคุณ” จางกุ้ยหลานรีบพูดขึ้น“คุณล้อเล่นเหรอ? ติดหนี้ใช้หนี้เป็นเรื่องที่ถูกต้องตามหลัก เรื่องแบบนี้ผ่อนผันกันได้ด้วยเหรอ?” ชายหัวร้านสายตาแน่นิ่ง ดูท่าทางแบบนี้อีกฝ่ายไม่อยากคืนเงินสินะ“แม่? แม่ไปยืมเงินหนึ่งร้อยล้านบาทตั้งแต่ตอนไหน? แม่เอาเงินหนึ่งร้อยล้านบาทนี้ไปทำอะไร?”หลี่ฮุ่ยหรานรีบพูดขึ้น“เงิ
หลี่ฮุ่ยหรานมีแรงแค่นั้นดิ้นไม่หลุดด้วยซ้ำจางกุ้ยหลานรีบเข้าไปช่วยดึงและพูดตะโกนขึ้น: “พวกแกทำอะไร? ปล่อยูกสาวฉันนะ”“ไสหัวไป”ชายหัวล้านไม่ไว้หน้าสักนิด เขาถีบจางกุ้ยหลานจนล้มลงบนพื้นจากนั้นชี้หน้าด่าทอเธอ: “อีแก่ รีบไปหาเงินมาไถ่ตัวลูกสาวแกซะ”“อย่านะ ขอร้องพวกคุณปล่อยลูกสาวฉันไปเถอะ” จางกุ้ยหลานมือกุมท้องร้องโอดครวญแต่กลับทำได้แค่มองดูลูกสาวของตัวเองถูกพวกเขาพาตัวไปเธอทรุดตัวนั่งลงบนพื้นและร้องไห้เสียงดัง“เลี่ยวกั๋วต้ง! ผู้ชายที่สมควรถูกแทงเป็นพันครั้ง คุณหลอกฉันจนแย่แล้ว”……ขณะเดียวกัน หลินเฟิงเสร็จสิ้นการเข้ากรรมฐานฝึกบำเพ็ญพิษเย็นในร่างกายถูกเขาหลอมละลายไปจนหมดคนทั้งคนวิทยายุทธพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่งเข้ากรรมฐานติดต่อกันหลายวัน เขารู้สึกหิวเล็กน้อย คิดจะไปหาอะไรกินใกล้ ๆเมื่อเดินออกจากคฤหาสน์ ลงจากเขาไปเพิ่งไปถึงตีนเขา รถเฟอร์รารี่คันหนึ่งก็ขับเข้ามาเกือบจะชนกับเขาโชคดีที่หลินเฟิงปราดเปรี่ยวคล่องแคล่ว หลบเลี่ยงได้อย่างไวรถเฟอร์รารี่จอดที่ข้างทาง กระจกรถลดลงช้า ๆ และมีเสียงด่าทอดังขึ้น: “ไอ้หนุ่ม เดินไม่ตาม้าตาเรือเหรอ?”หลินเฟิงขมวดคิ้ว: “พรรคพวก เป็นคุ