ได้ยินคำเตือนของน้องสาว ฉินสือโมโหมากกว่าเดิมและก็ไม่เกรงใจอีกต่อไปตั้งท่าให้ดีและพุ่งออกไปเต็มกำลัง โจมตีไปทางหลินเฟิงหัตถ์สายฟ้าดุดันและบ้าระห่ำจริง ๆ หนึ่งหมัดปล่อยออกไป ลมหมัดเหมือนฟ้าร้องฟ้าผ่าหลินเฟิงกลับไม่ใส่ใจสักนิด แค่ปัดเบา ๆ ก็สะบัดกำปั้นของฉินสือออกไปได้“แม่งเอ๊ย......”ฉินสือสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากหัตถ์สายฟ้าเจ็ดกระบวนท่าสามสิบหกวิธีปล่อยออกไปจนหมดหลินเฟิงรับมือได้โดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงจนกระทั่งฉินสือต่อยหมัดสุดท้ายออกไปหลินเฟิงรับรู้ถึงกระบวนท่าทั้งหมดของเขาแล้วเขาพูดขึ้นช้า ๆ: “คุณให้ความสำคัญกับการโจมตีมากเกินไป ข้อบกพร่องถูกเปิดเผยออกมาโดยเลือนราง”เสียงที่นุ่มนวลและสงบนิ่งแบบนี้เมื่ออยู่ที่ข้างหูของฉินสือกลับเป็นเหมือนฟ้าร้องดังระเบิดเห็นเพียงแค่หลินเฟิงก็ร่ายหัตถ์สายฟ้าขึ้นมา เขาปรับเปลี่ยนหัตถ์สายฟ้าอีกครั้งเหมาะสมกับผู้ชายที่ฝึกบำเพ็ญมากยิ่งขึ้นทันใดนั้น ฉินสือหยุดชะงักอยู่กับที่ ม่านตาขยายใหญ่ด้วยความตกตะลึงอย่างมากเขารู้สึกว่าบนตัวของหลินเฟิงเหมือนมีแสงสว่างหลินเฟิงปล่อยหมัดออกไป เหมือนพายุที่โหมกระหน่ำไม่หยุดหย่อนฉินสือถู
ฉินสือที่อยู่ด้านข้างมองดูสูตรลับที่หลินเฟิงปรับเปลี่ยนก็ตกตะลึงอย่างมาก: “ว้าว หลินเฟิง คุณอัจฉริยะมากจริง ๆ!”ฉินเซี่ยวเทียนพูดชื่นชม: “สหายน้อยหลิน สูตรลับของคุณขายราคาเท่าไหร่? ผมฉินเซี่ยวเทียนรับซื้อเอาไว้”หลินเฟิงยิ้มแล้วพูดขึ้น: “ผู้ว่าฉินพูดเกินไปแล้ว ก็แค่สูตรลับเล่มเดียวเอง ถ้าหากคุณอยากได้ผมมอบให้คุณก็ได้”สูตรลับแค่เล่มเดียว สำหรับเขาแล้วไม่มีคุณค่าอะไรเห็นแก่หน้าของฉินอิ๋งมอบให้พวกเขาก็ไม่เป็นไร“เอ่อ......นี่ เกรงใจเกินไปแล้วครับ!”ฉินเซี่ยวเทียนคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าหลินเฟิงจะใจกว้างขนาดนี้“สหายน้อยหลิน มีความต้องการอะไรเอ่ยปากมาได้เต็มที่ เรื่องที่ผมฉินเซี่ยวเทียนสามารถทำได้ ผมไม่มีทางบ่ายเบี่ยง”หลินเฟิงครุ่นคิดและพูดขึ้นกะทันหัน: “คุณฉินทราบไหมครับว่า คฤหาสน์หลังนั้นบนยอดเขาเป็นของใคร?”ฉินเซี่ยวเทียนชะงักงัน จากนั้นยิ้มพูด: “บังเอิญมาก คฤหาสน์ทั่วทั้งอ่าวเทียนสุ่ยเป็นโครงการที่ลูกชายของผมบุกเบิก”ฉินสือรีบพูดขึ้น: “คุณหลินอยากได้คฤหาสน์หลังนั้นเหรอครับ?”เห็นความสามารถของหลินเฟิง เขารู้สึกนับถือหลินเฟิงอย่างมาก จึงไม่มีความคิดดูถูกแม้แต่นิดเดียวแล้วหลิ
บรรยากาศเก้กังอย่างมากเมื่อไปถึงคฤหาสน์ที่ยอดเขา ฉินอิ๋งเปิดประตูทันที: “คุณหลินถึงแล้วค่ะ คุณดูว่าที่นี่สภาพแวดล้อมเป็นอย่างไรบ้าง?”หลินเฟิงกวาดตามองไปรอบ ๆ ทั้งตึกคฤหาสน์ตกแต่งได้ครบครัน ถึงแม้จะมีฝุ่นเกาะเล็กน้อย แต่ก็ไม่เลวเลย“ดีมากครับ”ฉินอิ๋งพูด: “อีกเดี๋ยวฉันจะเรียกพนักงานทำความสะอาดมาทำความสะอาดสักหน่อย คืนนี้คุณฉินสามารถเข้าพักได้เลยค่ะ”“รบกวนด้วยครับ” หลินเฟิงพยักหน้า“อ่อใช่ คุณหลิน ก่อนหน้านี้ที่คุณให้ฉันไปตามหาคนที่ชื่อหลินเสวี่ยฮุ่ยคนนั้น มีเบาะแสนิดหน่อยแล้วค่ะ”จู่ ๆ ฉินอิ๋งนึกเรื่องใหญ่ขึ้นมาได้ จึงพูดรายงานต่อหลินเฟิง: “ฉันสืบถามจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า คนคนนี้ถูกคนรับเลี้ยงไป ภายหลังครอบครัวนั้นย้ายไปที่จงโจว ฉันได้สั่งคนให้ไปสืบดูแล้วค่ะ”“ขอบคุณครับคุณฉิน ถ้าหากคุณหาคนคนนี้เจอผมจะขอบคุณเป็นอย่างดี” หลินเฟิงพูดด้วยสีหน้าจริงจังในตอนนี้ฉินอิ๋งถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ: “คุณหลินคะ ฉันขอสอบถามหน่อยค่ะ คนคนนี้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับคุณเหรอคะ?”หลินเฟิงให้ความสำคัญกับคนคนนี้ขนาดนี้ อีกอย่างเด็กผู้หญิงคนนั้นก็นามสกุลหลิน หรือว่าจะเป็นน้องสาวของหลินเฟิงหลิน
หลายวันมานี้หลี่ฮุ่ยหรานงานยุ่งจนบอบช้ำหลังจากที่โครงการเริ่มต้น เงินที่อยู่ในมือของเธอก็ร่อยหรออย่างรวดเร็วเธอปิดเอกสารในห้องหนังสือแล้วเดินตรงไปที่ห้องของแม่“ก๊อก ก๊อก ก๊อก......”“มีอะไร?” ภายในห้องมีเสียงของจางกุ้ยหลานดังขึ้นหลี่ฮุ่ยหรานผลักประตูเข้าไป เห็นแม่ของตัวเองเสื้อผ้ายุ่งเหยิง ลุกขึ้นมาจากเตียงอย่างสะลึมสะลือ“แม่ เลี่ยวกั๋วต้งช่วงนี้ทำไมไม่มาหาแม่แล้ว?” หลี่ฮุ่ยหรานถามขึ้นความสัมพันธ์ของแม่ตัวเองกับเลี่ยวกั๋วต้ง หลี่ฮุ่ยหรานเห็นแล้วแต่แค่ไม่ได้พูดออกมาในเมื่อแต่ละคนมีสิทธิในการเลือกตัวเองก็เข้ามายุ่งมากเกินไม่ได้ แต่ตั้งแต่ที่ครอบครัวตัวเองเอาเงินให้เลี่ยวกั๋งต้งยืมความถี่ที่เลี่ยวกั๋วต้งคนนี้มาหาแม่ของตัวเองยิ่งอยู่ยิ่งน้อยลงจางกุ้ยหลานพูดด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย: “เห้อ ช่วงนี้กั๋วต้งยุ่งมาก ไม่มีเวลา เป็นช่วงที่เขาการงานเจริญรุ่งเรือง”หลี่ฮุ่ยหรานขมวดคิ้ว: “บริษัทของเขาเปิดตลาดแล้วไม่ใช่เหรอ? เอาแบบนี้แม่ให้เขาเอาเงินมาก่อนเถอะ!”“ช่วงนี้บริษัทมีเรื่องให้ใช้เงินเยอะมาก”จางกุ้ยหลานพูดอย่างเก้กัง “นี่เพิ่งให้ยืมไปไม่นาน ลูกก็รีบร้อนทวงเงิน ไม่ค่อยดีหรอ
หลี่ฮุ่ยหรานขมวดคิ้วแน่น: “พวกคุณเป็นใครกัน?”คนหัวล้านหนึ่งในนั้นพูดขึ้น: “แน่นอนว่าต้องเป็นเจ้าหนี้ของคุณไง คุณก็คือจางกุ้ยหลาน?”“จางกุ้ยหลานคือคุณแม่ของฉัน”ชายหัวล้านพูด: “งั้นพวกเราก็ไม่ได้มาผิดที่ แม่ของคุณยืมเงินจากซิ่นต๋าสินเชื่อของพวกเราไปหนึ่งร้อยล้านบาท บอกว่าจะคืนจนครบภายในสิบวัน”พูดจบ ชายหัวล้านก็หยิบสัญญาออกมา ด้านบนเขียนชื่อจริงของแม่ของเธออย่างชัดเจนหลี่ฮุ่ยหรานงุนงงในทันที จากนั้นหันมองไปทางแม่ของตัวเอง: “แม่ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”จางกุ้ยหลานพูดจาอ้อมแอ้ม: “ฉัน......คือ ไหนบอกว่าสิบวันไม่ใช่เหรอ? พวกคุณทำไมถึงมาวันนี้ล่ะ?”ชายหัวล้านยิ้มเยาะ: “นับตั้งแต่วันที่คุณยืมเงิน ไม่ใช่เริ่มนับวันที่สอง”“คือว่า พวกคุณผ่อนผันหน่อยได้ไหม พรุ่งนี้ฉันจะเอาเงินคืนให้พวกคุณ” จางกุ้ยหลานรีบพูดขึ้น“คุณล้อเล่นเหรอ? ติดหนี้ใช้หนี้เป็นเรื่องที่ถูกต้องตามหลัก เรื่องแบบนี้ผ่อนผันกันได้ด้วยเหรอ?” ชายหัวร้านสายตาแน่นิ่ง ดูท่าทางแบบนี้อีกฝ่ายไม่อยากคืนเงินสินะ“แม่? แม่ไปยืมเงินหนึ่งร้อยล้านบาทตั้งแต่ตอนไหน? แม่เอาเงินหนึ่งร้อยล้านบาทนี้ไปทำอะไร?”หลี่ฮุ่ยหรานรีบพูดขึ้น“เงิ
หลี่ฮุ่ยหรานมีแรงแค่นั้นดิ้นไม่หลุดด้วยซ้ำจางกุ้ยหลานรีบเข้าไปช่วยดึงและพูดตะโกนขึ้น: “พวกแกทำอะไร? ปล่อยูกสาวฉันนะ”“ไสหัวไป”ชายหัวล้านไม่ไว้หน้าสักนิด เขาถีบจางกุ้ยหลานจนล้มลงบนพื้นจากนั้นชี้หน้าด่าทอเธอ: “อีแก่ รีบไปหาเงินมาไถ่ตัวลูกสาวแกซะ”“อย่านะ ขอร้องพวกคุณปล่อยลูกสาวฉันไปเถอะ” จางกุ้ยหลานมือกุมท้องร้องโอดครวญแต่กลับทำได้แค่มองดูลูกสาวของตัวเองถูกพวกเขาพาตัวไปเธอทรุดตัวนั่งลงบนพื้นและร้องไห้เสียงดัง“เลี่ยวกั๋วต้ง! ผู้ชายที่สมควรถูกแทงเป็นพันครั้ง คุณหลอกฉันจนแย่แล้ว”……ขณะเดียวกัน หลินเฟิงเสร็จสิ้นการเข้ากรรมฐานฝึกบำเพ็ญพิษเย็นในร่างกายถูกเขาหลอมละลายไปจนหมดคนทั้งคนวิทยายุทธพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่งเข้ากรรมฐานติดต่อกันหลายวัน เขารู้สึกหิวเล็กน้อย คิดจะไปหาอะไรกินใกล้ ๆเมื่อเดินออกจากคฤหาสน์ ลงจากเขาไปเพิ่งไปถึงตีนเขา รถเฟอร์รารี่คันหนึ่งก็ขับเข้ามาเกือบจะชนกับเขาโชคดีที่หลินเฟิงปราดเปรี่ยวคล่องแคล่ว หลบเลี่ยงได้อย่างไวรถเฟอร์รารี่จอดที่ข้างทาง กระจกรถลดลงช้า ๆ และมีเสียงด่าทอดังขึ้น: “ไอ้หนุ่ม เดินไม่ตาม้าตาเรือเหรอ?”หลินเฟิงขมวดคิ้ว: “พรรคพวก เป็นคุ
หวางเส้าหลงพึงพอใจอย่างมาก และล้วงบัตรธนาคารออกมาใบหนึ่ง: “เงินนี้คุณเอาไปก่อน มีเรื่องอะไรผมค่อยติดต่อคุณ”“คืนนี้ผมยังมีเรื่องใหญ่ให้ทำ”“ได้ครับคุณชายหวาง” เลี่ยวกั๋วต้งยิ้มและรับบัตรธนาคารมากหลินเฟิงที่อยู่ห้องด้านข้างส่ายหน้า เขารู้สึกตั้งนานแล้วว่าเลี่ยวกั๋วต้งคนนี้เป็นต้มตุ๋น คิดไม่ถึงว่าจะร่วมมือกับหวางเส้าหลง“จางกุ้ยหลานนะจางกุ้ยหลาน จะต่อว่าเธอว่าอะไรดี”เงินสองร้อยล้านบาทสำหรับเขาไม่นับประสาอะไร แต่สำหรับหลี่ซื่อกรุ๊ปนั้นเป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลยหวางเสาหลงกับเลี่ยวกั๋วต้งทานอาหารเสร็จ ทั้งสองคนต่างแยกย้ายตัวใครตัวมันหลินเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตามเลี่ยวกั๋วต้งไปเลี่ยวกั๋วต้งฮัมเพลงในลำคอ เข้าไปนั่งในรถยนต์ของตัวเองจู่ ๆ เสียงหนึ่งดังขึ้นที่เบาะหลัง: “คุณเลี่ยวอารมณ์ดีจังเลยนะ?”“แน่นอนอยู่แล้ว”เลี่ยวกั๋วต้งตอบรับผ่าน ๆ แต่เมื่อพูดจบเขาก็พบความผิดปกติในทันทีมองผ่านกระจกมองหลัง หลินเฟิงนั่งอยู่บนเบาะหลังรถของตัวเองไอ้เวรนี่ขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหนเขาตกตะลึงอย่างมาก กำลังจะลงจากรถหลินเฟิงกลับจับคอของเขาเอาไว้จากด้านหลังเลี่ยวกั๋วต้งขยับไม่ได้ในทันท
“อะไรนะ?” หลินเฟิงได้ฟังก็โกรธจนระงับอารมณ์ไม่อยู่แรงที่มือรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมเลี่ยวกั๋วต้งถูกบีบคอจนหน้าแดงก่ำทันที และหายใจอย่างยากลำบากมาก“อ่อกอ่อก……ไว้ชีวิต ไว้ชีวิตด้วย……”หลินเฟิงตะโกนเสียงดังขึ้นมา: “หลี่ฮุ่ยหรานตอนนี้อยู่ที่ไหน?”“อยู่ที่อ่าวเทียนสุ่ย คฤหาสน์หมายเลข 13”เลี่ยวกั๋วต้งพยายามใช้แรงทั้งหมดพูดออกมา“ผมบอกทุกอย่างที่ผมรู้ไปหมดแล้ว รีบปล่อยผมเถอะ”หลินเฟิงขมวดคิ้วแน่น คฤหาสน์อ่าวเทียนสุ่ย?เขาเปิดประตูรถ ดึงเลี่ยวกั๋วต้งลงมาทันทีจากนั้นขับรถกลับไป“หลินเฟิง คุณเอายาแก้มาให้ผมสิ” เลี่ยวกั๋วต้งล้มนั่งบนพื้นแล้วตะโกนพูดขึ้นมาหลินเฟิงไม่ได้หันหน้ากลับมา จากนั้นตวาดใส่ด้วยเสียงเย็นชา: “เมื่อไหร่ที่คุณคืนเงินกลับไป ค่อยมาเอายาแก้จากผม”ขณะเดียวกันอ่าวเทียนสุ่ย คฤหาสน์หมายเลย 13 หลี่ฮุ่ยหรานถูกชายหัวล้านและคนอื่น ๆ ขังอยู่ในห้องรับแขกเธอรีบดึงหน้ากากที่คลุมหัวออกนี่ถึงได้เห็นสถานการณ์ตรงหน้าห้องที่เป็นระเบียบเรียบร้อยดูแล้วไม่เหมือนกับบริษัทสินเชื่ออะไรหลี่ฮุ่ยหรานเคาะประตูไม่หยุดและตะโกนเสียงดัง “ที่นี่ที่ไหนกัน? ปล่อยฉันออกไปนะ”ชายหัวล้านที่
แต่เมื่ออยู่ข้าง ๆหลินเฟิง จะต้องไว้หน้าหลินเฟิง“คุณหลิน คุณคิดว่าควรจะทำอย่างไรดี?”“ผม.....”ขณะที่หลินเฟิงกำลังจะพูด ประตูห้องทำงานของหลี่ฮุ่ยหรานก็ถูกผลักเปิดออกมาทันทีหลี่ฮุ่ยหรานที่ได้ยินการเคลื่อนไหวที่ทางเดินก็รีบออกไปเมื่อเธอมองเห็นจางซิน แววตาก็อึมครึ้มลงด้วยความโกรธทันที และเกือบจะเป็นลม ทำไมยัยนี่สร้างปัญหาให้เธออีก“หลินเฟิง คุณกลับมาแล้ว”แต่ตอนนี้อยู่ต่อหน้าคนนอก หลี่ฮุ่ยหรานก็ไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองเสียมารยาทได้เธอพยักหน้าให้หลินเฟิงเล็กน้อย ก่อนจะเดินอ้อมจางซิน แล้วมองไปที่เผิงกวงฉี่พร้อมกับเอ่ยถามว่า :“ท่านนี้คือ?”“ผมเป็นนักแสดงที่ได้รับการว่าจ้างจากคุณหลินในราคาที่สูงลิ่ว ให้มารับบทเป็นเผิงกวงฉี่ คนที่ร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งในหัวตง”เมื่อได้ยินคำแนะนำนี้จากสุภาพบุรุษที่ไม่ธรรมดาคนนี้ หลี่ฮุ่ยหรานก็ตะลึงทันที แต่เธอก็ฉลาดมาก เพียงแค่เหลือบมองไปทางจางซิน ก็เข้าใจได้ทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่นี่“เฮ้อ...ตัวซวย”หลี่ฮุ่ยหรานจับใหน้าผากแต่แทบจะในทันที หลี่ฮุ่ยหรานก็แสดงรอยยิ้มออกมาอย่างชำนาญ พร้อมกับทันทายเผิงกวงฉี่ว่า : “คิดไม่ถึงว่าเถ้าแก่เผิงจะม
ถึงแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะทำธุรกิจมานานหลายปี ถึงจะสุขุมล้ำลึกและมีความอดทนสูงมาก แต่โดยธรรมชาติเขาจะไม่โต้เถียงกับจางซินเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆอย่างแบบนี้แต่ตอนนี้ สิ่งจางซินพูดออกมาอย่างนี้ นั่นก็เป็นการยั่วยุหลินเฟิงและสถานะของเขาโดยเฉพาะ“เอ๊ะ คุณหลิน วันนี้ผมยังต้องพิสูจน์สักหน่อย”เมื่อเห็นว่าหลินเฟิงเข้ามาขวาง เผิงกวงฉี่ก็ยกมือขึ้นมาห้ามหลินเฟิง แล้วหยิบบัตรสีทองออกมาจากในกระเป๋า แสงสีทองส่องประกาย จนทำให้หลาย ๆคนต้องตาพร่ากันอยู่ครู่หนึ่ง“นี่คืออะไรนะ?”จางซินขมวดคิ้ว เธอไม่รู้จักบัตรทองที่อยู่ในมือของเผิงกวงฉี่“นี่คือเอกลักษณ์เฉพาะของเผิงกวงกรุ๊ปของเรา ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ของบัตรทองที่มีไว้สำหรับการตรวจสอบตัวตนระดับชั้นสูงสุดของเผิงกวงกรุ๊ปของเรา ผู้ที่มีบัตรทองนี้ สามารถใช้จ่ายที่เผิงกวงกรุ๊ปของเราได้ฟรีทั้งหมด”หลังจากพูดสิ่งนี้จบ เผิงกวงฉี่ก็ชี้ไปที่จางซิน ด้วยใบหน้าที่สลักอยู่บนบัตรทอง ก่อนจะยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า:“คุณจาง คุณลองดูใบหน้าที่สลักอยู่บนบัตรใบนี้สิ ว่ามันคล้ายกับผมขนาดไหน?”“คล้ายขนาดไหน?”จางซินรับบัตรทองของเผิงกวงฉี่มา แล้วเปรียบเทียบทั้งหน้าและหลัง ก่อนที่
แต่ทว่าหลินเฟิงที่อยู่ข้างๆ กลับพบเห็นบ่อยจนชินตาแล้ว“ไม่จำเป็นต้องสนใจเธอ ก็แค่ตัวตลกคนหนึ่งก็เท่านั้น”หลินเฟิงโบกมือ และเรียกเผิงกวงฉี่ให้อ้อมจางซิน เข้าไปในห้องทำงานของหลี่ฮุยหราน“เอ๊ะ เดี๋ยวสิ”จู่ๆ จางซินก็ก้าวเดินเข้ามา ขวางทางของเผิงกวงฉี่“คุณมีธุระอะไรไหมครับ?”เผิงกวงฉี่เห็นในดวงตาของผู้หญิงคนนี้เต็มไปด้วยความดูถูก ในใจก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเขาเป็นถึงเศรษฐีอันดับหนึ่งที่มีชื่อเสียงของหัวตงปกติแล้วใครกล้าใช้ท่าทางแบบนี้ปฏิบัติต่อเขากัน?“ให้ฉันเดาดูนะ คุณคงไม่ใช่เผิงกวงฉี่เศรษฐีอันดับหนึ่งของหัวตงที่หลินเฟิงเชิญมาหรอกนะ?”จางซินพูดไปพูดมา ก็ตั้งใจเคลื่อนสายตาไปที่ตัวหลินเฟิง“ถูกต้อง ผมเองครับ”เผิงกวงฉี่พยักหน้าเรียบๆ“จางซิน ฉันเตือนเธอให้เจียมตัวหน่อย อย่าหาเรื่องใส่ตัว”หลินเฟิงขมวดคิ้วตวาดเสียงเย็นชา“ไม่ไม่ไม่ ฉันจะหาเรื่องใส่ตัวได้ยังไงล่ะ!”จางซินหัวเราะเยาะ จ้องมองเผิงกวงฉี่ที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นส่งเสียงจุ๊ปากพูดด้วยความประหลาดใจ:“นายพูดสิ หลินเฟิง นายจ้างนักแสดงมาทำไมถึงไม่จ้างคนที่เป็นมืออาชีพหน่อย หาคนที่สีหน้าซีดเซียว เหมือนวินาทีต่อไปจะนอน
“คุณหลินมีความสามารถขนาดนี้ ทำไมถึงได้...ได้เป็นเพียงแค่หัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัย?! นี่มันช่าง...”หลังจากเผิงกวงฉี่ตั้งตัวได้ ก็ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดีตามหลักแล้ว หลินเฟิงคนที่มีความสามารถขนาดนี้ ต่อให้แย่แค่ไหนก็ควรจะเป็นกรรมการบริษัท เข้าร่วมในการวางแผนของบริษัทแต่คิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะเป็นแค่หัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยเท่านั้นพูดให้ดูแย่หน่อย ก็คือหัวหน้ายามนี่ทำให้เผิงกวงฉี่รับมือไม่ทัน“หึหึ...”หลินเฟิงก็ไม่ได้รู้สึกโมโห เพียงแค่หัวเราะ และไม่ได้พูดอะไรมากมายนักเผิงกวงฉี่กลับทอดถอนใจเล็กน้อย จากนั้นมองหลินเฟิงที่อยู่ข้างๆ พูดเชื้อเชิญด้วยความจริงใจว่า:“คุณหลิน เทียบกับการเป็นแค่หัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยเล็กๆ ที่นี่ ไม่สู้มาเผิงกวงกรุ๊ปของผมดีกว่า”“ผมจะจัดตำแหน่งที่เหมาะสมกับสถานะของคุณให้ อีกทั้งขอให้คุณเป็นกรรมการบริษัท เข้าร่วมแผนงานของเผิงกวงกรุ๊ป”“เชื่อผมนะครับ คุณอยู่ที่เผิงกวงกรุ๊ป จะต้องมีอนาคตที่สูงกว่าตอนนี้อย่างแน่นอน”เผชิญหน้ากับการเชื้อเชิญของเผิงกวงฉี่ หลินเฟิงปฏิเสธอ้อมๆ“ผมเกิดมาชอบความอิสระ ไม่ชอบการผูกมัด โดยเฉพาะเรื่องซับซ้อนภา
“หึ หลี่ฮุ่ยหราน เธออย่าลำพองใจไป วุ่นวายอยู่นาน เธอเปลี่ยนเรื่องพูด ไม่ใช่เพราะฉันพูดความจริงงั้นเหรอ?”“เธอกับหลินเฟิงไม่สามารถเอาที่ดินกลับมาจากเผิงกวงฉี่ได้ด้วยซ้ำ หรือไม่ใช่งั้นเหรอ?”“งั้นเธอคิดผิดแล้ว”ตอนที่หลี่ฮุ่ยหรานผลักประตูห้องทำงานของตัวเอง กำลังจะเดินเข้าไป ก็ได้ยินเสียงตะโกนของจางซินพอดีเธอหยุดชะงักฝีเท้า หันหน้าไปทางจางซินและส่งสายตาดูถูกและเย็นชาให้เธอ“ฉันเชื่อว่าหลินเฟิงจะนำที่ดินเหล่านั้นที่หลี่ซื่อกรุ๊ปของเราต้องการกลับมาได้แน่ ในเมื่อเขารับปากกับฉันแล้ว งั้นก็จะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง”“หึ งั้นเธอพูดแบบนี้ ฉันก็ยังไม่กลับไปก่อนชั่วคราว”จางซินพูดหน้าด้านๆ:“ฉันอยากดูว่าหลินเฟิงคนนั้นมีความสามารถอะไร! ถูกเธอยกยอปอปั้นได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้”“หลี่ฮุ่ยหราน ถ้าหากหลินเฟิงไม่สามารถนำที่ดินมาจากในมือของเผิงกวงฉี่ได้ เธอจะว่ายังไง?”“งั้นฉันถอนตัวจากประธานบริษัทหลี่ซื่อกรุ๊ป”หลี่ฮุ่ยหรานหัวเราะเยาะ และกลับเข้าไปที่ห้องทำงานของตัวเอง“ฮ่าฮ่า ดี...เธอพูดเองนะ!”จางซินหัวเราะเสียงดังตอนนี้เธอโมโหจนหน้ามืดตามัวไปหมดไม่เพียงเพราะเรื่องของจ้าวเว่ย ยิ่งเป็นเพราะหลี่
“พวกเธอเดาสิ วันนี้ฉันกับพี่สาวของฉัน ฟังคำพูดของอดีตสามีของเธอ ไปที่บริษัทเต๋อหนิงด้วยกันกับเขา พวกเธอเดาสิว่าเกิดอะไรขึ้น?”ตอนที่หลี่ฮุ่ยหรานกลับมาถึงบริษัท ก็เห็นจางซินกำลังเก็บกวาดข้าวของของตัวเอง เตรียมตัวจะจากไปแต่ก่อนที่เธอจะจากไป ยังตั้งใจพูดเสียงดังกับพนักงานของหลี่ซื่อกรุ๊ปว่า:“เขาบอกว่าเผิงกวงฉี่จะโอนที่ดินห้าผืนที่ประมูลมาได้ให้อย่างว่าง่าย แต่ความเป็นจริงล่ะ?”“คนรับใช้ส่วนตัวของเผิงกวงฉี่ ไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำ พวกเราไปที่นั่น เป็นการถูกหักหน้าชัดๆ เลย”“จิ๊จิ๊จิ๊ พวกเธอไม่ได้เห็นช่างน่าเสียดายจริงๆ หน้าของหลี่ฮุ่ยหรานนะ ยังมีสีหน้าของหลินเฟิงคนนั้น แต่ละคนหน้าตาบึ้งตึง เหมือนกับกินแมลงวันเข้าไป”“ฮ่าฮ่าฮ่า...น่าขำชะมัดเลย”“พวกเธอคิดดูนะ เผิงกวงฉี่เขาเป็นใครกัน จะฟังคำพูดของหลินเฟิงอย่างว่าง่ายได้ยังไง?”“เขานับประสาอะไรกัน?”“ยังไงฉันไปแล้ว พวกเธออยู่ที่นี่ ถูกอดีตสามีของหลี่ฮุ่ยหรานพาพวกเธอตกต่ำไปด้วยกันเถอะ!”ขณะพูด จางซินเก็บกวาดข้าวของของตัวเอง และหัวเราะเสียงดังเดินออกจากห้องทำงานแต่ทว่าที่ทางเดิน เธอเห็นหลี่ฮุ่ยหรานที่กลับมาแล้วพอดีหลี่ฮุ่ยหรานฟัง
พ่อบ้านหวังถึงแม้ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้หลินเฟิงใช้วิธีอะไรหลบการตรวจสอบจากเขาแต่ตอนนี้สามารถสัมผัสพลังของหลินเฟิงได้อย่างชัดเจน ความกังวลที่อยู่ในใจก็ถูกกำจัดไปขั้นเซียนเทียนต้าหยวนหม่านแข็งแกร่งไหม?แข็งแกร่ง!แต่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา“ตายยยย!”เพื่อไม่ให้เป็นการยืดเยื้อ พ่อบ้านหวังใช้วิชาฝ่ามือที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองออกมา พลังทั้งหมดของร่างกายรวมอยู่ที่บนฝ่ามือ จะฆ่าหลินเฟิงได้หรือไม่ ก็ดูวิชานี้แหละแน่นอนว่า เขาก็มองออกว่าหลินเฟิงจะปกป้องเผิงกวงฉี่ให้ได้ ดังนั้นฝ่ามือนี้จึงใช้แรงทั้งหมดถ้าหากหลินเฟิงจะหลบเช่นนั้นฝ่ามือนี้ก็จะตกไปที่ตัวของเผิงกวงฉี่เช่นนั้นเผิงกวงฉี่ก็จะต้องตายอย่างแน่นอนดังนั้นหลินเฟิงอยากให้เผิงกวงฉี่มีชีวิตรอด งั้นก็จะต้องรับฝ่ามือนี้ของเขาเอาไว้!เห็นเพียงแค่ฝ่ามือขาวดำผสมผสานกันของพ่อบ้านหวัง กลับเกิดพลังชี่แท้สีเทาหม่นๆ ออกมาเมื่อพลังชี่แท้ปรากฏออกมา ก็ทำให้สิ่งรอบข้างเคลื่อนไหว ทั่วทั้งอาคารสำนักงานสั่นคลอนเหมือนจะถล่มนี่ก็คือการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของผู้แข็งแกร่งแดนแปรภาพ“หึ...”มองดูฝ่ามือที่โจมตีอย่างดุดัน หลินเฟิงไม่มีท่าที
“คุณหลิน นี่เป็นเรื่องของผมกับหวังเจิง คุณอย่าเข้ามายุ่ง ทางที่ดีคุณรีบถือโอกาสหนีไปซะเถอะ”หลังจากเผิงกวงฉี่ทำการวิเคราะห์เขาคิดว่าหลินเฟิงอายุน้อยขนาดนี้ และมีวิชาแพทย์ที่มหัศจรรย์อย่างมาก ดังนั้นเวลาที่ทุ่มเทให้กับศิลปะการต่อสู้ก็คงมีไม่มากเท่าไหร่เมื่อครู่สกัดกั้นฝ่ามือหนึ่งเอาไว้ก็คงจะพยายามเต็มที่แล้วหากเป็นแบบนี้ต่อไป จุดจบของหลินเฟิงคงไม่ต่างอะไรกับนักบู๊คนอื่นๆ จะต้องตายไปด้วยสภาพที่น่าอนาถอย่างถึงที่สุดในเมื่อถือว่าเป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตเขา เขาไม่อยากเห็นหลินเฟิงเสียชีวิตไปอย่างสูญเปล่า“หึหึ...”ใครจะรู้ว่าหลินเฟิงไม่เพียงไม่ได้จากไป แต่กลับหัวเราะเบาๆ และหันหน้ามาถามว่า:“เถ้าแก่ผมคิดว่าผมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขางั้นเหรอ?”“เรื่องนี้...”คำถามนี้ของหลินเฟิงกลับทำให้เผิงกวงฉี่นิ่งอึ้งไปเขาไม่สามารถตอบกลับว่า “ใช่” ได้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่อยากให้หลินเฟิงอวดฝีมืออัดอั้นอยู่นาน ก็ทำได้เพียงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา“คุณหลิน พ่อบ้านหวังคนนี้เป็นเพื่อนกับผมตั้งแต่เด็ก ก่อนหน้านี้คุณช่วยชีวิตผมไว้ครั้งหนึ่งแล้ว ทำให้ผมรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณอย่างมาก ตอนนี้ผมไม่ควรจะดึงคุณเข
เห็นเผิงกวงฉี่เผชิญหน้ากับความตายของตัวเองได้สงบนิ่งขนาดนี้ ถึงกับยังเห็นเขาเป็นคนรับใช้ สีหน้าของพ่อบ้านหวังบิดเบี้ยวเล็กน้อยถึงขั้นที่เขาคิดว่าหากฆ่าเผิงกวงฉี่ไปแบบนี้กลับจะเป็นเขาที่พ่ายแพ้เผชิญหน้ากับสายตาจริงจังของเผิงกวงฉี่ ในตอนนี้พ่อบ้านหวังกลับรู้สึกลังเลแล้ว“สิบกว่าปีก่อน นายเคยให้คำสัตย์กับฉัน นายจะติดตามฉันตลอดชีวิต”จู่ๆ เผิงกวงฉี่ก็พูดเรื่องเก่าๆ ขึ้นมาเขายิ้มพูดเรียบๆ:“ตอนนั้นสีหน้าที่อับจนหนทางของนาย คำพูดที่จริงจังแต่ละคำ ทำให้ฉันจดจำฝังใจ จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังสามารถนึกขึ้นมาได้”เผงกวงฉี่เหมือนกับได้เห็นฉากในตอนนั้นขึ้นมาจริงๆเขาถอนหายใจพูดว่า:“เราสองคนเป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่เด็ก ถึงแม้ภายหลังจะแยกจากกันเป็นเวลานาน ตอนที่นายถูกตามฆ่า และกลับมาพึ่งพาฉันอีกครั้ง ฉันยังเห็นคงมีความเชื่อมั่นต่อนายโดยที่ไม่มีเงื่อนไขใดๆ”“ฉันกวงเผิงฉี่ชีวิตนี้เชื่อใจแค่นายคนเดียวของฉัน แต่ว่า...”เผิงกวงฉี่ยิ้มอย่างขมขื่นพูดว่า:“ดูท่าแล้วโชคชะตาล้อเล่นกับคนสินะ...”“......”ได้ยินคำพูดแบบนี้ของเผิงกวงฉี่ พ่อบ้านหวังนิ่งอึ้งครู่หนึ่ง สีหน้าค่อยๆ เปลี่ยนไปละอายใจเล็กน้