“อะไรนะ?” หลินเฟิงได้ฟังก็โกรธจนระงับอารมณ์ไม่อยู่แรงที่มือรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมเลี่ยวกั๋วต้งถูกบีบคอจนหน้าแดงก่ำทันที และหายใจอย่างยากลำบากมาก“อ่อกอ่อก……ไว้ชีวิต ไว้ชีวิตด้วย……”หลินเฟิงตะโกนเสียงดังขึ้นมา: “หลี่ฮุ่ยหรานตอนนี้อยู่ที่ไหน?”“อยู่ที่อ่าวเทียนสุ่ย คฤหาสน์หมายเลข 13”เลี่ยวกั๋วต้งพยายามใช้แรงทั้งหมดพูดออกมา“ผมบอกทุกอย่างที่ผมรู้ไปหมดแล้ว รีบปล่อยผมเถอะ”หลินเฟิงขมวดคิ้วแน่น คฤหาสน์อ่าวเทียนสุ่ย?เขาเปิดประตูรถ ดึงเลี่ยวกั๋วต้งลงมาทันทีจากนั้นขับรถกลับไป“หลินเฟิง คุณเอายาแก้มาให้ผมสิ” เลี่ยวกั๋วต้งล้มนั่งบนพื้นแล้วตะโกนพูดขึ้นมาหลินเฟิงไม่ได้หันหน้ากลับมา จากนั้นตวาดใส่ด้วยเสียงเย็นชา: “เมื่อไหร่ที่คุณคืนเงินกลับไป ค่อยมาเอายาแก้จากผม”ขณะเดียวกันอ่าวเทียนสุ่ย คฤหาสน์หมายเลย 13 หลี่ฮุ่ยหรานถูกชายหัวล้านและคนอื่น ๆ ขังอยู่ในห้องรับแขกเธอรีบดึงหน้ากากที่คลุมหัวออกนี่ถึงได้เห็นสถานการณ์ตรงหน้าห้องที่เป็นระเบียบเรียบร้อยดูแล้วไม่เหมือนกับบริษัทสินเชื่ออะไรหลี่ฮุ่ยหรานเคาะประตูไม่หยุดและตะโกนเสียงดัง “ที่นี่ที่ไหนกัน? ปล่อยฉันออกไปนะ”ชายหัวล้านที่
“คุณ……” หลี่ฮุ่ยหรานตกตะลึงจนหน้าซีดจากนั้นลุกขึ้นในทันที อยากจะหนีไปจากที่นี่หวางเส้าหลงจับเธอเอาไว้ได้ และทุ่มลงบนพื้นอย่างแรง“อ๊ะ……” หลี่ฮุ่ยหรานเจ็บปวดจนร้องออกมาหวางเส้าหลงพูดเยาะหยัน: “หลี่ฮุ่ยหราน เธอยอมฉันซะดี ๆ เธอ สถานที่นี้เธอหนี้ออกไปไม่ได้หรอก”ขณะพูดก็ค่อย ๆ ถอดเสื้อคลุมของตัวเองออกในตอนที่จะยื่นมือออกไปถอดเสื้อผ้าของหลี่ฮุ่ยหรานหลี่ฮุ่ยหรานก็กัดไปที่ข้อมือของเขาอย่างแรงทันใดนั้นหวางเส้าหลงก็เลือดไหลออกมาเป็นทาง“อ๊าก……แม่งหาเรื่องตายเหรอวะ” หวางเส้าหลงรู้สึกเจ็บปวดอย่างมากร้องโอดครวญในทันทีเขามองดูบาดแผลตรงข้อมือ และสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังของหลี่ฮุ่ยหรานเขาอดทนไม่ได้อีกต่อไปฟาดฝ่ามือตบไปที่ใบหน้าของเธอ“ว้าย……”หลี่ฮุ่ยหรานถูกตบจนล้มลงไปบนพื้นหวางเส้าหลงกลับไม่ยอมปล่อยไปเตะไปที่ท้องของหลี่ฮุ่ยหรานอย่างแรง“แม่ง ให้เกียรติไม่ยอมรับเกียรติ”“ฉันเปลืองแรงตามจีบเธอ เธอแม่งเห็นฉันเป็นอากาศ?”หลี่ฮุ่ยหรานหน้าซีดเซียว ขดตัวและกุมท้องเอาไว้ความเจ็บปวดแผ่ซ่านออกมาจากร่างกาย ทำให้เธอลุกขึ้นยืนไม่ได้ด้วยซ้ำหวางเส้าหลงกลับไม่มีความคิดจะหย
จู่ ๆ ในกระเป๋าของหวางเส้าหลงเสียงริงโทนโทรศัพท์ดังขึ้นหลินเฟิงล้วงโทรศัพท์ออกมาทันทีคนที่โทรมาก็คือพ่อของหวางเส้าหลงทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนโกรธเกรี้ยวดังขึ้นจากอีกด้าน: “แกไปอยู่ที่ไหนอีก? ฉันให้แกไปรับคุณหนูเฉินไม่ใช่เหรอ?”“ลูกชายของคุณตายแล้ว” หลินเฟิงพูดกับโทรศัพท์อย่างเรียบเฉย“แกแม่งเป็นใครกัน?” หวางเจ้นได้ยินเสียงของหลินเฟิงก็ตะโกนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงโมโห“ฉันคือหลินเฟิง ลูกชายคุณหาเรื่องตายเอง ถูกผมฆ่าตายแล้ว”หลินเฟิงน้ำเสียงสงบนิ่ง เหมือนกับกำลังพูดเรื่องเล็กจิ๊บจ๊อยเรื่องหนึ่ง“แกว่าอะไรนะ?” หวางเจิ้นไม่กล้าเชื่อหูของตัวเองแต่น้ำเสียงของอีกฝ่ายกลับไม่สะทกสะท้านเหมือนกับไม่ได้กำลังโกหก“ลูกชายของฉันอยู่ที่ไหน?” หวางเจิ้นน้ำเสียงเย็นชาหลินเฟิงเหลือบมองศพของหวางเส้าหลง: “คฤหาสน์อ่าวเทียนสุ่ย บ้านของลูกชายคุณ”“ไอ้หนุ่ม ไม่ว่านายเป็นใคร ถ้ากล้าหลอกฉัน นายตายแน่”“เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่”หลินเฟิงพูดจบก็วางสายไปหวางเจ้นกลับตกตะลึงและสับสน เดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายพูดจริงหรือล้อเล่นคิดไปคิดมาจึงตัดสินใจไปดูหน่อยพาคนของตระกูลหวางเดินทางไปที่คฤหาสน์อ่าวเทียนสุ่ยทั
“คุณพยาบาลครับ นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ?”“ผู้ป่วยถูกทำร้ายร่างกาย หมดสติไปแล้ว คุณเป็นอะไรกับเธอคะ?” พยาบาลคนหนึ่งถามขึ้น“ผมคือเพื่อนของเธอ”พยาบาลเห็นแบบนี้จึงรีบถามขึ้น: “งั้นคุณติดต่อครอบครัวของเธอได้ไหม?”“ได้ ได้อยู่แล้วครับ……” ชายชุดสูทรีบพูดขึ้น“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นคุณก็ไปกับพวกเราหน่อยค่ะ”“ได้ครับ” ชายชุดสูทไม่ได้ปฏิเสธ เขาพยักหน้าในทันที และขึ้นรถไปด้วยกันรถพยาบาลเพิ่งขับออกไปได้ไม่นานด้านหลัง คนของตระกูลหวางก็ตามมาถึงที่นี่หวางเจิ้นพาคนบุกเข้าไปในคฤหาสน์ของตระกูลเองทันทีนอกจากศพกองหนึ่งบนพื้น ก็เหลือเพียงหลินเฟิงที่ยังมีชีวิตอยู่ และนั่งสบายใจเฉิบอยู่บนโซฟา“นายก็คือหลินเฟิง?” หวางเจิ้นถามขึ้นอย่างโมโหหลินฟิงพยักหน้าอย่างเรียบเฉย“ลูกชายฉันอยู่ที่ไหน?” หวางเจิ้นถามคำถามที่ตัวเองเป็นกังวลมากที่สุดหลินเฟิงชี้ไปที่ห้องนอนหวางเจิ้นไม่พูดจา พุ่งเข้าไปในห้องทันทีเมื่อเห็นลูกชายของตัวเองตายอย่างน่าอนาถ หวางเจิ้นก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างควบคุมไม่ได้“ไอ้สารเลว แกมีสิทธิอะไรฆ่าลูกชายของฉัน?” หวางเจิ้นสีหน้าดุดันตะโกนขึ้นมาหลินเฟิงกลับลุกขึ้
“ว่าไงนะ?” หวางเจิ้นตัวแข็งทื่อในฉับพลันดวงตาทั้งสองมองไปที่หลินเฟิงอย่างเหลือเชื่อไอ้หมอนี่มีคุณสมบัติอะไรที่จะมาเป็นลูกเขยของฉินเซี่ยวเทียน? “พูดแบบนี้ แสดงว่าวันนี้ผู้ว่าฉินจะปกป้องนายหลินเฟิงนี่ให้ได้เลยใช่ไหม?” “ถูกต้อง คุณทำอะไรหลินเฟิงไม่ได้หรอก ถ้าคุณอยากจะได้การชดเชยอะไรก็บอกผมมา”ฉินเซี่ยวเทียนเอ่ยด้วยใบหน้าที่ดูจริงจัง “แต่นับจากนี้ตระกูลหวางจะไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับตระกูลฉินของเราอีก”“แล้วอ่าวเทียนสุ่ยก็ไม่ขอต้อนรับพวกคุณอีก”หวางเจิ้นเอ่ยด้วยใบหน้าอึมครึมว่า “ผู้ว่าฉินกะอีแค่หลินเฟิง คุณถึงต้องตัดขาดกับตระกูลหวางของเราเลยเหรอ?”“ดูไม่คุ้มใช่ไหมล่ะ?” “ไม่มีอะไรที่ไม่คุ้ม”ฉินเซี่ยวเทียนโบกมือ “สำหรับผมแล้วหลินเฟิงดีกว่าตระกูลหวางนับสิบตระกูลเสียอีก” “ฮึ”หวางเจิ้นส่งเสียงคำราม “ผู้ว่าฉินยังไม่ทันไรก็มาดูหมิ่นดูแคลนตระกูลหวางของเราแล้ว”“จะบอกความจริงให้คุณฟังนะ ธุรกิจตระกูลหวางในตอนนี้ได้ขยับขยายไปถึงจงโจวแล้ว อิทธิพลในเจียงโจวแบบนี้ไม่มีทางขัดขวางตระกูลหวางของผมได้หรอก”เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเฟิงและฉินเซี่ยวเทียนถึงกับขมวดคิ้วเบา ๆคิดไม่ถึงว่าตร
ก่อนจะไป ซ่งเฉียนคุนขวางและเอ่ยข่มขู่หวางเจิ้นว่า “ทำไม? คุณหวางคิดจะมาแก้แค้นวันหลังอีกเหรอ?”สีหน้าหวางเจิ้นซีดเผือด แน่นอนว่าเขาต้องคิดอยู่แล้วแต่ปากยังจะพูดออกไปว่า “ในเมื่อท่านผู้นำซ่งออกปากไว้ กระผมจะไปกล้าได้ยังไงกัน” “งั้นก็ดี”หวางเจิ้นพร้อมกับคนของตนรีบก้าวออกไปอย่างฉับไวฉินเซี่ยวเทียนเองก็ถอนหายใจโล่งอกเช่นกัน หันกลับไปมองซ่งเฉียนคุนแล้วเอ่ยว่า “คิดไม่ถึงนะเนี่ยว่าท่านผู้นำซ่งจะรู้จักเจ้าหลินด้วย?” “ฮ่า ๆ ๆ ......”ซ่งเฉียนคุนหัวเราะและเอ่ยด้วยความเบิกบานใจว่า “ก่อนหน้านี้คุณถังเคยแนะนำให้ผมรู้จักกับเจ้าหลินมาก่อน”“ไม่ใช่แค่นี้นะ ผมยังเคยเห็นเจ้าหลินใช้ยารักษาท่านผู้ว่าหลิวจนหายดีกับตาตัวเองเลยด้วย” “มีเรื่องแบบนี้ด้วย?” ฉินเซี่ยวเทียนมองหลินเฟิงอย่างทึ่งเจ้าเด็กนี้ยังมีความลับอะไรอีกบ้างนะ“เจ้าหลิน ดูจากท่าทีหวางเจิ้นแล้ว เกรงว่าจะไม่ยอมรามือง่าย ๆ แน่”ในเวลานี้ซ่งเฉียนคุนได้เอ่ยเตือนว่า “ยังไงเจ้าหลินก็ระวังตัวไว้ให้ดีก็แล้วกัน"หลินเฟิงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “ถ้าเกิดเขายังกล้ามายุ่งกับผมอีก ผมจะล้มสำนักเขาให้สิ้นซาก”ในน้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความอาฆาตยิ่
“อาเชา ฮุ่ยหรานของเราอยู่ไหนเหรอ?” จางกุ้ยหลานที่เพิ่งฉุกนึกถึงลูกสาวของตนขึ้นในเวลานี้จึงรีบเอ่ยถามในทันทีสวีเชาจึงรีบเอ่ยทันทีว่า “ฮุ่ยหรานไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงอะไรครับ อยู่ที่ห้องพักฟื้นครับ”“หมอบอกว่าเธอแค่ได้รับการกระแทกที่สมองเล็กน้อย พักสักหน่อยก็ไม่เป็นไรแล้วงั้นเหรอ?”เมื่อคนเหล่านั้นมาถึงห้องพักฟื้น เห็นหลี่ฮุ่ยหรานที่หมดสติไม่ฟื้น จางกุ้ยหลานก็หลั่งน้ำตาออกมาโดยไม่รู้ตัว“โธ่ ๆ ลูกสาวที่โชคร้ายของฉัน......”ในเวลานี้สวีเชาก็เอ่ยถามอย่างสงสัย “คุณป้าครับ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ? ทำไมฮุ่ยหรานถึงถูกคนทำร้ายจนเข้าโรงพยาบาลล่ะครับ?”จางกุ้ยหลานอธิบายด้วยความคร่ำครวญว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะป้าทำตัวเลอะเลือน จนถูกคนหลอกเอาเงินไป พอคนของบริษัทเห็นว่าป้าคืนเงินไม่ไหว พวกเขาก็เลยจับตัวฮุ่ยหรานไป”“คุณป้าเป็นหนี้เท่าไหร่ครับ” สวีเชาเอ่ยถาม“ก็ประมาณร้อยกว่าล้านน่ะ” จางกุ้ยหลานหลบสายตา เพราะเธอเองก็เป็นคนที่เห็นแก่หน้าตาเลยไม่ได้บอกว่าตนเองเป็นหนี้อยู่เท่าไหร่สวีเชาได้ฟังจึงหัวเราะร่า “ผมก็คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่โตมากเสียอีก ก็แค่เงินร้อยกว่าล้านเอง” “เอาแบบนี้ไหมครับ วันมะร
แต่ในเวลานั้นหลี่ฮุ่ยหรานยุ่งอยู่กับการเรียนมาโดยตลอด ไม่สนใจที่จะมีความรักมากนัก“ฮุ่ยหรานไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”สวีเชาผุดรอยยิ้มที่อ่อนโยนมองเธอด้วยสายตาที่เร่าร้อนในตอนนั้นเขาชอบหลี่ฮุ่ยหรานจริง ๆ นั่นแหละแต่น่าเสียดายที่พื้นเพครอบครัวของตนเองไม่ได้ดีเท่าไหร่ ในตอนนั้นวางแผนไว้ว่าหลังเรียนจบจะไปสารภาพรัก แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินข่าวการแต่งงานของหลี่ฮุ่ยหรานเพื่อหน้าที่การงาน เขาก็เลยทำได้เพียงยอมแพ้คิดไม่ถึงว่าหลายปีผ่านไปพอกลับมาจากต่างประเทศ ก็ทำให้ตนได้พบกับนางฟ้าในตอนนั้นอีกครั้ง“ไม่......ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกเขินเล็กน้อยไม่คิดว่าหลายปีผ่านไปจะได้เจอเห็นเพื่อนร่วมรุ่นสมัยก่อนของตนเองในสภาพแบบนี้“วันนี้ต้องขอบคุณสวีเชาจริง ๆ ไม่งั้นก็ไม่รู้ฮุ่ยหรานของเราจะเป็นยังไงบ้าง ป้าไม่รู้จะขอบคุณเรายังไงดี” จางกุ้ยหลานมองสวีเชาด้วยใบหน้าที่รู้สึกขอบคุณสวีเชายิ้มร่าและเอ่ยว่า “คุณป้า ผมกับฮุ่ยหรานเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ช่วยเหลือกันเป็นเรื่องสมควรทำครับ” “ใช่ ๆ ๆ......แถมเป็นคนมีการศึกษาด้วย การพูดการจาก็ไม่เหมือนกันด้วย” จางกุ้ยหลานเอ่ยอย่างเบิกบานใจใ