คังโหยวฟู่ยิ้มและถาม: "ไม่รู้ว่าคุณหลินต้องการแข่งขันแบบไหน?"หลินเฟิงยืนเอามือไพล่หลัง และเต็มไปด้วยความมั่นใจ “ได้หมด คุณเก่งอะไรก็จะแข่งขันด้วยสิ่งนั้น”ปากของคังโหยวฟู่กระตุกเล็กน้อย ผู้ชายคนนี้สามารถโอ้อวดได้จริงๆหลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก็พูด "ฉันเชี่ยวชาญในเรื่องสร้างยาพิษและยาแก้พิษ"“ทำไมพวกเราไม่แข่งด้วยเรื่องนั้นล่ะ”“เราสองคนจะปรุงยาพิษ จากนั้นก็นำไปแก้พิษ”หลินเฟิงพยักหน้า "ไม่มีปัญหา"ถังอวิ๋นเฟิงยืนอยู่ด้านข้างแล้ว ก็เยาะเย้ย "ในเมื่อคุณหลินมั่นใจขนาดนั้น ทำไมพวกเราไม่ลองใช้คนมาทดสอบพิษซะล่ะ"“นั่นจะทำให้การแข่งขันน่าสนใจมากยิ่งขึ้น”“และยังช่วยให้พวกคุณทั้งคู่สร้างผลงานได้ดีที่สุดอีกด้วย”เขามีความมั่นใจในตัวคังโหยวฟู่อย่างมาก และสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อกำจัดหลินเฟิงได้อย่างสมบูรณ์แบบ“ใช้คนทดสอบพิษ? มันหมายความว่าไง?” ถังหว่านขมวดคิ้วแน่น“มันหมายความว่าพวกเขาแต่ละคนจะวางยาพิษด้วยตัวเอง จากนั้นจึงแสดงทักษะยาแก้พิษของพวกเขา” ถังอวิ๋นเฟิงอธิบาย“สูด…..”ทุกคนสูดหายใจเข้าอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเช่นนี้ นี่…..มันไม่เล่นเกินขอบเขตไปงั้นเหรอ?“ถังอวิ๋นเฟิง คุ
ดวงตาของถังหว่านเบิกกว้าง และใบหน้าก็กลายเป็นขาวซีดเหมือนกับหยวกกล้วยเธอไม่เคยคาดคิดว่าหลินเฟิงจะดื่มทั้งหมดไปในฮึกเดียวปริมาณทั้งหมดนี่คือห้าสิบกรัมนะฉินหยิงรู้สึกขนลุกมากขึ้นและไม่รู้ว่าจะพูดอะไรหลินเสว่เยี่ยนกอดอก พร้อมส่ายหัวและหัวเราะออกมาอย่างเย็นชาโดยคิดว่าหลินเฟิงเป็นคนโง่เง่าอย่างยิ่ง“คะ...คุณกำลังรนหาที่ตาย”คังโหย่วฟูคิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะทำอะไรบุ่มบ่ามขนาดนี้“ยาแก้พิษของฉันสามารถแก้พิษได้เพียงห้ากรัมเท่านั้น ตอนนี้คุณได้กลืนผงดวงฤทัยแตกสลายไปจนหมดขวด แม้แต่ตัวฉันเองก็ช่วยคุณไม่ได้”ถังอวิ๋นเฟิงระเบิดเสียงหัวเราะ "ฮ่าๆ หลินเฟิง แกแส่หาเรื่องเองนะ ตอนนี้ไม่มีใครสามารถช่วยแกได้"ถังหว่านรีบพูดกับคนรับใช้: "โทรหาหมอเทวดาจางเร็วเข้า"หลินเฟิงยกมือขึ้นเพื่อห้ามเธอเอาไว้ “ไม่จำเป็น พิษนี้ไม่มีผลอะไรต่อระบบประสาทนี้ ฉันสามารถรักษามันได้ด้วยการพลิกฝ่ามือเดียว”“หลินเฟิง เลิกพูดล้อเล่นสักที” ถังหว่านกังวลจนคิ้วขมวด“เหมือนฉันล้อเล่นเหรอ?”ท่าทางของหลินเฟิงจริงจัง: “พวกคุณอย่าเข้ามาใกล้ฉัน”จากนั้นเขาก็นั่งขัดสมาธิเขาเริ่มถ่ายโอนลมปราณภายในร่างเพื่อขับไล่พิษเย
ถังอวิ๋นเฟิงกลิ้งไปมาและกรีดร้องครวญครางต่อหน้าคังโหยวฟู่ตอนนั้นเอง เหงื่อของเขาควบแน่นกลายเป็นเกร็ดน้ำแข็งร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งหลายชั้นอย่างน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งถังหว่านมองไปที่ร่างกายที่น่าเกียจน่ากลัวของเขา และรู้สึกตกใจจนขนหัวลุกอาการของเข้าเหมือนกับตอนที่เธอต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคเกล็ดน้ำค้างเงาทมิฬหลังจากที่อาจารย์คังวัดชีพจรแล้ว รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขา: "นายน้อยถังอย่าเพิ่งตื่นตระหนกไป สิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกเจ็บปวดคือพิษเหมันต์ เดี๋ยวฉันจะลงมือฝังเข็ม"ทันทีที่คำพูดจบ คังโหยวฟู่ก็สะบัดข้อมือและมีเข็มเงินชุดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาเมื่อได้ยินเข้า ถังอวิ๋นเฟิงก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกดูเหมือนว่าพิษนี้ ไม่ได้มีอะไรน่ากลัวเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาคังโหยวฟู่หยิบเข็มเงินขึ้นมา แล้วปักลงไปที่จุดตันจงของถังอวิ๋นเฟิงอย่างรวดเร็วความเจ็บปวดในร่างกายของเขาหายไปทันที ทำให้ถังอวิ๋นเฟิงรู้สึกหายห่วงจากนั้นอาจารย์คังก็ฝังเข็มเข้าไปในจุดเทียนทูตรงหน้าอกฝังเข็มไปทั้งหมดสิบสองเล่ม ถังอวิ๋นเฟิงก็ได้กลับคืนสู่สภาพเดิม โดยไม่แสดงอาการถูกพิษเล่นงานถังห
"แก..." ถังอวิ๋นเฟิงกัดฟันด้วยความหงุดหงิดดวงตาของเขาจ้องมองไปที่หลินเฟิงอย่างดุร้าย: "คราวนี้แกชนะ รีบส่งยาแก้พิษมาได้แล้ว""ห้ะ?"หลินเฟิงยักไหล่และพูดว่า "พวกเราไม่เคยตกลงว่าจะมอบยาแก้พิษให้กับอีกฝ่ายนิ"“กะ...แกหมายความว่าอะไร?” ดวงตาของถังอวิ๋นเฟิงเต็มไปด้วยความว่างเปล่า มองไปที่หลินเฟิงด้วยความที่ไม่เชื่อไอ้เด็กคนนี้อยากเห็นฉันตายจริงๆเหรอ?หลินเฟิงส่ายหัวและตอบ: "ขอโทษนะคุณถัง ฉันไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องให้ยาแก้พิษแก่คุณ"“ไอ้คนแซ่หลิน แค้นนี้ฉันจะชำระคืนแน่” คังโหยวฟู่เดินไปข้างหน้าและด่าตามหลัง"ฮ่าๆ..."หลินเฟิงหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจและพูด: "คืนนี้เขาอาจจะไม่รอดด้วยซ้ำ อย่าไปมัวพูดแต่เรื่องในอนาคตเลย?""นี่..."คังโหยวฟู่พูดไม่ออกกับคำพูดนั้น“ลุงสอง ลุงสองได้โปรดช่วยฉันเร็วๆขอให้เขาให้ยาแก้พิษกับผมเถอะ ผมจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว”ถังอวิ๋นเฟิงร้องไห้ออกมาและจับขาลุงด้วยความเจ็บปวดตอนนี้ ถังว่านหลี่ไม่รู้จะทำอย่างไรดีเขาทำได้แค่มองหลินเฟิงอย่างอ้อนวอน: "คุณหลิน โปรดแสดงความมีน้ำใจด้วย อย่าต้องตกต่ำไปถึงระดับเดียวกับเขาเลย ทำไมไม่ให้ยาแก้พิษแก่เขาล่ะ?"ท้ายที่สุ
ในฐานะนายน้อยคนที่สองของตระกูลถัง เขาเคยคุกเข่าขอโทษใครตอนไหนกันล่ะ?“ให้ฉันขอโทษเขาเหรอ?”“ให้ตายเถอะ ฉันเป็นนายน้อยคนที่สองของตระกูลถังเชียวนะ”ถังวานยักไหล่อย่างเฉยเมย "แล้วแต่ ถ้าคุณไม่ต้องการขอโทษ ก็นอนรอความตายได้เลย"หลินเสวี่ยเยี่ยนหันไปหาหลินเฟิง "หลินเฟิง แกกำลังรออะไรอยู่? รีบเอายาแก้พิษให้เขาสิ"หลินเฟิงกอดอกและพูดอย่างเฉยเมยว่า "ขอโทษด้วย ถ้าเขาไม่ขอโทษ ฉันก็จนปัญญา""แก..."ขณะที่หลินเสวี่ยเยี่ยนกำลังพยายามอดทนอดกลั้น ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอพบเจอคนหยิ่งผยองเช่นนี้ถังหว่านยืนอยู่ข้างๆ หลินเฟิงและพูด: "แม่ ถังอวิ๋นเฟิงเป็นคนขอให้มีการแข่งขันเอง และตอนนี้คนที่พ่ายแพ้ก็คือเขา"“ถ้าเขาแพ้ แล้วทนไม่ได้ที่จะขอโทษก็ปล่อยให้เขาตายไปเถอะ ยังไงฉันก็ทำดีที่สุดแล้ว”ถังหว่านลี่มองไปที่หลินเฟิงด้วยสายตาที่เย็นชา จากนั้นจึงมองไปที่หลานชายที่กำลังทุรนทุรายการโน้มน้าวหลินเฟิงนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยเขาทำได้เพียงก้มลงแล้วพูดกับหลานชาย: "อวิ๋นเฟิง ทำไมไม่ขอโทษอย่างจริงใจล่ะ"เส้นเลือดที่คอของถังอวิ๋นเฟิงปูดขึ้นมา และใบหน้าก็บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
หลินเฟิงพยักหน้า: “แบบนั้นก็ดีแล้ว”“คุณถัง หลินคนนี้ขอลาไปก่อน”หลังจากกล่าวลาถังว่านหลี่แล้ว หลินเฟิงก็เดินตามฉินเสี่ยวเทียนไปที่รถของสำนักงานผู้ว่าราชการและออกจากบ้านตระกูลถังไปไม่ช้า รถก็มาถึงวิลล่าแห่งหนึ่งในเขตตงเฉิง ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาและแม่น้ำ ทำให้ที่นี่เหมือนกับสรวงสวรรค์โดยเฉพาะวิลล่าที่ตั้งอยู่บนยอดเขาซึ่งถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางของสรวงสวรรค์แห่งนี้หลินเฟิงจ้องผ่านหน้าต่างรถเป็นเวลานาน โดยคิดว่าถ้าฝึกตนที่นี่จะให้ผลลัพธ์เป็นสองเท่าอย่างแน่นอน ซึ่งใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียวขณะที่รถขับเข้าไปในจวนผู้ว่าราชการ ฉินหยิงก็รีบมาอย่างรวดเร็วและช่วยเปิดประตูรถให้หลินเฟิง“เชิญค่ะ คุณหลิน”"ขอบคุณครับ"ระหว่างทาง สมาชิกของตระกูลฉินต่างกำลังซ้อมหรือฝึกฝนศิลปะการต่อสู้เห็นได้ชัดว่าตระกูลฉินมีธรรมเนียมการต่อสู้ที่แข็งแกร่งหลินเฟิงได้ตามฉินเสี่ยวเทียนเข้าไปในห้องโถงข้างในมีชายคนหนึ่งที่แข็งแกร่งกำลังรออยู่แล้วหน้าตาความคล้ายคลึงกับท่านผู้ว่าฉินเมื่อเห็นฉินเสี่ยวเทียน ชายคนนั้นก็ลุกขึ้นยืนทันที "ท่านพ่อ"ฉินเสี่ยวเทียนพยักหน้า: "คุณหลิน ขอให้ฉันแนะนำคุณให้รู้จ
ฉินอิ๋งหน้าแดงเล็กน้อย จากนั้นก้มหน้าลงด้วยสัญชาตญาณ ไม่กล้าสบตากับหลินเฟิงด้วยซ้ำเธอก็ไม่มีทางเลือก เป็นกังวลว่าหลินเฟิงจะถูกถังอวิ๋นเฟิงกลั่นแกล้งจึงอยากให้พ่อของตัวเองช่วยเหลือแต่กลับไม่มีเหตุผลที่เหมาะสมคิดไปคิดมา จึงทำได้แค่พูดว่าหลินเฟิงเป็นแฟนของเธอ พ่อของเธอถึงได้ยอมลงมือช่วยเหลือ“เอ่อ......เรื่องนี้”หลินเฟิงเกาหัวติดต่อกัน เขาไม่รู้จะอธิบายอย่างไรด้วยซ้ำฉินอิ๋งรีบพูดขึ้น: “พ่อ หนูกับหลินเฟิงเพิ่งคบกันหนึ่งเดือน เรื่องส่วนตัวของพวกเราสองคนพ่อไม่ต้องถามแล้ว”ฉินเซี่ยวเทียนยิ้มบางแล้วพูดขึ้น: “ได้ ได้ ได้......งั้นพ่อไม่ถามแล้ว”“หลินเฟิง อยากเป็นน้องเขยของฉัน ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น”ในตอนนี้ฉินสือบริหารกล้ามเนื้อแล้วพูดขึ้น: “อย่างน้อยนายต้องผ่านด่านของฉันไปให้ได้ก่อน”หลินเฟิงรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที ฉันไม่ได้อยากเป็นน้องเขยของนายจริง ๆ นะฉินเซี่ยวเทียนยิ้มแล้วพูด: “ลูกชายฉันพูดแล้ว น้องเขยของเขาอย่างน้อยต้องสู้เขาได้ ถึงจะมีความสามารถปกป้องอิ๋งอิ๋งได้”“ความสามารถของคุณหนูฉินไม่ธรรมดา คนที่เอาชนะเธอได้เกรงว่ามีแค่ไม่กี่คนหรอกครับ”หลินเฟิงยิ้มอย่างเก้กังความสา
ได้ยินคำเตือนของน้องสาว ฉินสือโมโหมากกว่าเดิมและก็ไม่เกรงใจอีกต่อไปตั้งท่าให้ดีและพุ่งออกไปเต็มกำลัง โจมตีไปทางหลินเฟิงหัตถ์สายฟ้าดุดันและบ้าระห่ำจริง ๆ หนึ่งหมัดปล่อยออกไป ลมหมัดเหมือนฟ้าร้องฟ้าผ่าหลินเฟิงกลับไม่ใส่ใจสักนิด แค่ปัดเบา ๆ ก็สะบัดกำปั้นของฉินสือออกไปได้“แม่งเอ๊ย......”ฉินสือสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากหัตถ์สายฟ้าเจ็ดกระบวนท่าสามสิบหกวิธีปล่อยออกไปจนหมดหลินเฟิงรับมือได้โดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงจนกระทั่งฉินสือต่อยหมัดสุดท้ายออกไปหลินเฟิงรับรู้ถึงกระบวนท่าทั้งหมดของเขาแล้วเขาพูดขึ้นช้า ๆ: “คุณให้ความสำคัญกับการโจมตีมากเกินไป ข้อบกพร่องถูกเปิดเผยออกมาโดยเลือนราง”เสียงที่นุ่มนวลและสงบนิ่งแบบนี้เมื่ออยู่ที่ข้างหูของฉินสือกลับเป็นเหมือนฟ้าร้องดังระเบิดเห็นเพียงแค่หลินเฟิงก็ร่ายหัตถ์สายฟ้าขึ้นมา เขาปรับเปลี่ยนหัตถ์สายฟ้าอีกครั้งเหมาะสมกับผู้ชายที่ฝึกบำเพ็ญมากยิ่งขึ้นทันใดนั้น ฉินสือหยุดชะงักอยู่กับที่ ม่านตาขยายใหญ่ด้วยความตกตะลึงอย่างมากเขารู้สึกว่าบนตัวของหลินเฟิงเหมือนมีแสงสว่างหลินเฟิงปล่อยหมัดออกไป เหมือนพายุที่โหมกระหน่ำไม่หยุดหย่อนฉินสือถู
ไม่รอให้ผู้ชายอธิบายจนจบ ชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆเขา ซึ่งกำลังจ้องมองไปที่หลี่ฮุ่ยหรานอยู่ ก็โต้ตอบกลับมา พร้อมกับพูดอย่างสงสัยว่า :“พี่ใหญ่ เมื่อครู่พวกเขาก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอว่าพวกเราถูกเถ้าแก่เผิงกว้านซื้อไปแล้วนะ? แล้วพวกเขายังจะมาที่นี่ทำไมอีก?”“ใช่ พวกคุณมาทำอะไรที่นี่? ไม่ใช่เรื่องการรับซื้อที่ดินหรอกงั้นเหรอ?”ผู้ชายขมวดคิ้วพร้อมกับมองไปทางหลินเฟิง“เป็นเรื่องการรับซื้อที่ดินนั้นแหละ”หลินเฟิงพยักหน้า เพื่อยืนยันคำพูดของพวกเขา“ชิ”ผู้ชายแตะลูบศีรษะ แล้วพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ว่า :“ไม่ใช่ว่าฉันพูดหรอกนะ สหาย คุณก็รู้ว่าเถ้าแก่เผิงต้องการที่ดินพวกนี้ แล้วคุณยังจะมาทำอะไรที่นี่อีกล่ะ?”“หรือว่าพวกคุณต้องการซื้อที่ดินที่อยู่ในมือของเถ้าแก่เผิงกลับไปนะ?“ใช่แล้ว สติปัญญาของคุณไม่ผิดปกติใช่ไหม?”ชายหนุ่มก็ชี้ไปที่หัวของตัวเอง พร้อมกับเยาะเย้ยหลินเฟิง“พี่ พี่เห็นชัดแล้ว”จางซินก็ยืนอยู่ด้านข้างอย่างดีใจ แล้วพูดขึ้นว่า :“พวกเขาไม่เคยรู้เรื่องการซื้อที่ดินของพวกเราเลย พี่มองไม่ออกเหรอว่าหลินเฟิงเพียงแค่โอ้อวดเท่านั้นนะ?”“แล้วยังขอให้เถ้าแก่เผิงเต็มใจยอมขายให้กับคุณอีก
วันต่อมาหลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหรานเตรียมตัวกันตั้งแต่เช้า ก่อนจะขับรถออกไปหาอาคารสำนักงานที่เป็นที่ตั้งของบริษัทเต๋อหนิงจนเจอส่วนจางซินที่ร้องไห้โวยวายก็ติดตามมาด้วย ใช้คำพูดที่เธอพูดมา เธอต้องการจะเห็นด้วยตาของตัวเองว่าหลินเฟิงมีความสามารถอะไรจะสามารถเอาที่ดินที่อยู่ในมือของเผิงกวงฉี่กลับมาได้ไม่เป็นไปตามที่คาดไว้เลยบริษัทเต๋อหนิงแห่งนี้เป็นบริษัทก่อสร้าง ๆขนาดเล็กในท้องถิ่น ก่อนหน้านี้ได้ถูกเผิงกวงฉี่กว้านซื้อไปหมดแล้ว ตอนนี้จึงเป็นเพียงบริษัทที่มีแต่เปลือกนอกเท่านั้น“สวัสดี คุณมาหาใคร?”ชายหนุ่มที่มีไม้จิ้มฟันคาอยู่ที่ปากนั้น มองดูภายนอกก็รู้ว่าเป็นคนที่หยิ่งยโส ได้เข้ามาขวางทางของหลินเฟิงและคนอื่น ๆเมื่อดวงตาของเขากวาดมองไปที่จางซินและไปหยุดอยู่ที่หลี่ฮุ่ยหราน ทันใดนั้นดวงตาก็เบิกกว้างขึ้น พร้อมกับไม้จิ้มฟันในปากที่ตกลงบนพื้น“เชี่ย!”ชายหนุ่มคนนี้สบถคำหยาบออกมา“มีอะไรงั้นเหรอ?”ในเวลานี้ ชายที่อ้วนท้วมเล็กน้อยเดินออกมาจากด้านใน เขาเดินขมวดคิ้วพร้อมกับพูดว่า :“ถ้าหากจะมาพูดคุยเรื่องธุรกิจกับบริษัทเต๋อหนิงของพวกเรา ต้องขอโทษด้วย บริษัทเต๋อหนิงของพวกเราถูกคนซื้อกิจ
“พรวด...”ภายใต้ความเงียบสงัด จางซินอดกลั้นไม่ไหวก่อนใคร และหัวเราะออกมา“หลินเฟิง สมองของนายไม่ได้มีปัญหาใช่ไหม?”จางซินมองหลินเฟิงและหัวเราะเยาะ จากนั้นพูดเหน็บแนมว่า:“อุ๊ย ถูกแล้วแหละ!”“เศรษฐีอันดับหนึ่งของหัวตง ถูกนายคนที่ไม่มีชื่อเสียงอะไรไปพูดคุยที่บ้านสองสามประโยค ก็ตัดสินใจยกที่ดินที่ตกมาอยู่ในมือให้นาย”“เช่นนั้นขอถามหน่อยว่า...”“นายคือลูกชายของเศรษฐีอันดับหนึ่งของหัวตงท่านนั้น หรือเป็นหลาน หรือเป็นแฟนของเขากันล่ะ?”เผชิญหน้ากับคำเยาะหยันอย่างโจ่งแจ้งของจางซิน หลินเฟิงไม่ได้รับคำพูดต่อเขามองไปทางหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความสงบนิ่งและพูดว่า:“วางใจเถอะ เรื่องที่ดินผมจัดการเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้พวกเรานำสัญญาไปที่บริษัทเต๋อหนิงโดยตรงก็พอแล้ว”“จริงเหรอหลินเฟิง?”ข่าวนี้กระทันหันจนเกินไป ทำให้หลี่ฮุ่ยหรานไม่ทันได้ตั้งตัวเธอไม่รู้ว่าตอนนี้ควรจะร้องไห้หรือหัวเราะสิ้นหวังก่อน จากนั้นก็มีความหวังหัวใจของหลี่ฮุ่ยหรานเหมือนกับนั่งรถไฟเหาะ เธอยกมือทาบหน้าอกของตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองแทบจะแบกรับไม่ไหวแล้ว“ต้องเป็นเรื่องจริงแน่นอนอยู่แล้ว ผมเคยโกหกคุณเมื่อไหร่กัน?”รอยยิ้มขอ
“เผิงกวงฉี่ยอมจ่ายเงินเต็มที่เพื่อที่ดินเหล่านี้ หรือจะเป็นเพราะอยากให้หลี่ซื่อกรุ๊ปของเรา ใช้เงินทุนทั้งหมดเพื่อไปตีเสมอกับเศรษฐีอันดับหนึ่งของหัวตงงั้นเหรอ?”“งั้นคุณไม่สู้ให้หลี่ซื่อกรุ๊ปล้มละลายไปซะเลยดีกว่า!”คำพูดของหลี่ฮุ่ยหรานทำให้พนักงานในบริษัทคนอื่นๆ พากันพยักหน้าหลี่ฮุ่ยหรานพูดไม่ผิด เผิงกวงฉี่เศรษฐีอันดับหนึ่งเมืองหัวตงไม่มีสิ่งอื่น แต่มีเงินเต็มไปหมดต่อให้หลี่ซื่อกรุ๊ปเก่งกาจแค่ไหนก็ไม่มีทางที่จะแข่งขันเงินกับเขาได้นั่นก็คือรนหาที่ตาย“หึหึ”กัวโหย่วคังกลอกตามองบน ตอนนี้ลูกชายของเขาตายแล้ว เขาเปลี่ยนไปสุดขีดและไม่สนใจสิ่งใด จากนั้นฉีกยิ้มพูดว่า:“ผมไม่สนอะไรขนาดนั้นหรอก ยังไงพวกคุณก็ทำเงื่อนไขข้อที่สองไม่สำเร็จ นี่คือเรื่องจริงใช่ไหมล่ะ?”“ใช่ความเป็นจริง แต่ว่า...”“ไม่มีแต่ว่าอะไร”กัวโหย่วคังยิ้มเยาะพูดว่า:“ผมดูแค่ผลลัพธ์เท่านั้น ถ้าหากพวกคุณทำไม่ได้ นั่นก็คือทำไม่ได้ ตอนนี้ผมบอกพวกคุณให้ว่าหลายปีมานี้ผมเอาเงินของหลี่ซื่อกรุ๊ปไปเท่าไหร่”“หกหมื่นล้านบาท”ตอนที่กัวโหย่วคังพูดตัวเลขนี้ออกมา พนักงานของหลี่ซื่อกรุ๊ปที่อยู่ข้างๆ พากันสูดลมหายใจเข้าอย่างแรง
“สวรรค์ช่วยฉันไว้แท้ๆ...”“เสี่ยวหง พ่อบ้านหวัง”ในตอนนี้ ภายในห้องน้ำมีเสียงตะโกนที่อ่อนเพลียของเผิงกวงฉี่ดังขึ้นทั้งสองคนมองตากัน พากันเก็บรอยยิ้มลำพองใจบนใบหน้าเอาไว้ เปลี่ยนไปเป็นสีหน้ากังวลใจเหมือนกับในเวลาปกติ......หลินเฟิงเรียกรถแท็กซี่ไปที่หลี่ซื่อกรุ๊ปตอนนี้จางซินกำลังระเบิดอารมณ์อยู่ที่ทางเดินของห้องทำงานเธอหยิบแจกันดอกไม้ตรงทางเดินขึ้นมาขว้างไปทางจ้าวเว่ย และด่าทอเสียงดัง:“ก่อนหน้านี้คุณรับปากฉันไม่ใช่เหรอ บอกว่าจะเอาโควต้าห้าแห่งมาให้บริษัทของพี่สาวฉันไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้จบกัน ฉันคุยโวโอ้อวดออกไป ปรากฏว่าคว้าเอามาไม่ได้แม้แต่โควต้าเดียว!”“คุณรู้ไหมว่าตอนนี้ฉันอับอายขายหน้าไปจนถึงบ้านคุณย่าแล้ว!”“ฉันไม่กล้าไปพบญาติผู้พี่ของฉันแล้ว!”จางซินโมโหจนด่าสาดเสียเทเสีย ถึงกับดึงดูดกลุ่มคนมาล้อมดูจ้าวเว่ยหลบแจกันดอกไม้ที่จางซินโยนมา ครั้งนี้ที่เขามาเพราะอยากจะอธิบายกับหลินเฟิง คิดไม่ถึงว่าเพิ่งเข้าบริษัทมาก็ได้พบกับผู้หญิงบ้าคนนี้เธอไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ระบายอารมณ์ใส่เขาถ้าหากไม่ใช่ว่าต้องแสร้งทำเป็นแฟนของเธอ จ้าวเว่ยอาจจะตบหน้าจางซินในตอนนี้ซะเลย“หือ? เกิดอะไรข
“อ้าก!”เผิงกวงฉี่ไปที่ห้องน้ำ หลังจากพยายามอยู่เต็มๆ สิบนาที จู่ๆ เขาก็ส่งเสียงร้องที่ดังลั่นออกมาได้ยินเสียงตะโกนนี้ หลินเฟิงยื่นมือออกไปขัดขวางการเข้าใกล้ของถานหงกับพ่อบ้านหวังเขาขยับเข้าไปใกล้ เคาะประตูห้องน้ำ และยิ้มพูดว่า:“เถ้าแก่เผิง เป็นยังไงบ้าง?”“ฝี…ฝีมือการรักษาของคุณหลิน มันช่าง…ช่าง…”เห็นได้ชัดว่าเผิงกวงฉี่คนนี้เห็นสิ่งของที่ตัวเองขับออกมา จึงตกใจอย่างมาก“หึ ในเมื่อเถ้าแก่เผิงไม่เป็นไรแล้ว เช่นนั้นหลินเฟิงก็ขอตัวลาก่อน ไม่ทราบว่าค่ารักษาพยาบาลที่คุณรับปากผม จะจ่ายให้ผมเมื่อไหร่ครับ?”“งั้นก็พรุ่งนี้ เดี๋ยว…แค่กแค่กแค่ก…ไม่ไม่ไม่ ไม่ได้ คุณหลิน ได้โปรดเข้ามาหน่อย ผม…ผมรู้สึกว่าในท้องของผมยังเจ็บปวดอย่างมาก ผม…อ้าก!”ในตอนที่หลินเฟิงคิดว่าเผิงกวงฉี่ไม่เป็นไรแล้วเผิงกวงฉี่ที่อยู่ในห้องน้ำ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นกะทันหัน“หือ?!”หลินเฟิงนิ่งอึ้งไป หรือว่าเขาทำพลาดอะไรงั้นเหรอ?คิดถึงตรงนี้ เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง พุ่งเข้าไปในห้องน้ำโดยตรงแต่ทว่าเพิ่งจะพุ่งเข้าไปหลินเฟิงก็เห็นเผิงกวงฉี่กำลังพิงกำแพงด้านหนึ่งอยู่ถึงแม้สีหน้ายังคงอ่อนแอ แต่ไม่ได้เจ็บปวดเหมื
“ก็จะเป็นชีวิตที่มีความสุขของพวกเราทั้งสองคน และก็จะไม่มีใครมาขัดขวางได้อีก”“ฉันรู้สึกไม่สบายใจ...นิดหน่อย”ถานหงเหลือบมองไปทางหลินเฟิงและเผิงกวงฉี่ ที่ยังคงขมวดคิ้วอยู่“ผู้ชายที่ชื่อหลินเฟิงคนนั้น ก็เป็นผู้ชายที่อิ่นนั่วเจียชื่นชมมากสินะ ถึงแม้ว่าภายนอกจะดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ฉันก็เคยสัมผัสมาก่อนที่โฮมสเตย์ในเมืองจิง”“มันได้ผลจริง ๆ”“ดังนั้น....”“เอาล่ะ!”ท่าทางของพ่อบ้านหวังที่ดูสุขุมเล็กน้อย พูดรับรองกับถานหงว่า :“ในเมื่อคุณเกลียดเขาขนาดนี้ งั้นผมก็หาวิธีจัดการเขาอย่างลับ ๆ ผมเป็นถึงยอดฝีมือระดับเซียนเทียน สามารถที่จะฆ่าเด็กหนุ่มได้อย่างสบาย ๆ นั่นยังไม่ใช่เรื่องง่าย ๆหรอกเหรอ?”เมื่อฟังมาถึงตรงนี้ ถานหงก็ยิ้มออกมาด้วยความยินดี“งั้นคุณก็ต้องสัญญานะ!”“ฮาฮา แน่นอน เพียงแค่คุณมีความสุข ต่อให้ผมขึ้นต้องเป็นอันตรายก็ได้ทั้งหมด....”“แค่ก แค่ก แค่ก...”ในขณะนี้เอง จู่ ๆหลินเฟิงก็ไอออกมาอย่างรุนแรง“หืม?!”พ่อบ้านหวังมองไปทางหลินเฟิงอย่างตื่นตระหนกระหว่างพวกเขาทั้งสองมีกำแพงกั้นไว้อยู่ และหลินเฟิงที่กำลังมุ่งความสนใจไปที่การรักษาอาการป่วยของเผิงกวงฉี่พ่อบ้านหวัง
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะคาดเดาอยู่คร่าวๆแต่เมื่อได้รับคำเตือนของหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็ปล่อยวางความแค้นทั้งหมดลง แล้วเข้าใจว่าฆาตกรคือใครกันแน่เผิงกวงฉี่ไม่มีทายาทดังนั้นเขาจึงทำพินัยกรรมไว้ตั้งนานแล้วถ้าหากตัวเองตายก่อนที่จะมีทายาท ถ้าอย่างนั้นมรดกของตัวเองก็จะถูกส่งมอบให้กับถานหงและพ่อบ้านหวังเพื่อจัดการร่วมกัน“ถานหง....พ่อบ้านหวัง...”เขากำหมัดแน่น ท่าทางของเผิงกวงฉี่ที่โกรธมากจนเกือบชักกระตุก เป็นเพราะก่อนหน้านี้เขาก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนี้มัน “กลมกลืน” จนเกินไปพูดตามหลักหากเขาป่วยหนักจนตาย ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ทั้งสองคนนี้ก็จะไม่ถูกชะตากันเพราะมรดกของเขาแต่สิ่งที่น่าแปลกประหลาดก็คือ ทั้งสองคนนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าตัวเองก็ไม่มีท่าทีที่ไม่ถูกกัน กลับยังมีแต่ความสามัคคีกันมากกว่าก่อนหน้านี้เห็นทั้งสองเป็นเช่นนี้ เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่าจุดจบของตัวเองใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว สองคนนี้จึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อแสดงท่าทีต่อหน้าเขาแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีลับลมคมในบางอย่างอยู่ถึงแม้ว่าจะไม่อยากยอมรับ แต่เผิงกวงฉี่ก็แทบจะสรุปได้ในตอนนี้ว่าทั้งสองคนนี้ต้
“เกี่ยวกับสาเหตุของโรค.....”หลินเฟิงรู้สึกว่ามันยากที่จะพูดเล็กน้อย เขามองไปที่ถานหงที่ยืนอยู่ไกล ๆด้วยท่าทางที่ลำบากใจ “หืม?”ทันใดนั้นเผิงกวงฉี่ก็ตอบสนองกลับมาทันที เขาโบกมือไปทางถานหง แสดงเจตนาให้ถานหงรู้ว่าควรหลบหลีกไปสักหน่อยอย่างไรก็ตามในขณะนี้ ใบหน้าของถานหงแสดงถึงความร้อนใจที่ไม่เป็นธรรมชาติออกมา เมื่อเธอเดินเข้าไปในห้อง ก็เหลือบมองหลินเฟิงอย่างครุ่นคิด“เอาล่ะ คุณหลิน เชิญพูดเลยเถอะ หรือว่าอาการป่วยของผมจะเกี่ยวกับเสี่ยวหงใช่ไหม?”ในที่สุดเมื่อไม่มีใครอยู่รอบ ๆแล้ว หลินเฟิงก็พยักหน้าอย่างไม่รู้สึกตัว“ประธานเผิง ก่อนที่ผมจะสรุปผลให้คุณ คุณก็อย่าเพิ่งตื่นตระหนกไปนะ”“คุณพูดมาเถอะ”เมื่อเห็นสีหน้าของหลินเฟิงแย่ลงเล็กน้อย เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกใจเสียขึ้นมาทันที“ร่างกายของคุณถูกคนวางยาพิษ มีแมลงพิษยาวครึ่งเมตรสามตัวฟักเป็นตัวอยู่ในร่างกายของคุณ รอให้โตเต็มที่แล้วก็จะพุ่งออกมาจากอกของคุณ “คำพูดที่สงบของหลินเฟิง ทำให้สีหน้าของเผิงกวงฉี่เปลี่ยนไปอย่างมากเห็นได้ว่าหลินเฟิงได้กล่าวเตือนเขาก่อน แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังไม่สามารถยอมรับเรื่องนี้ได้ เขาเหลือบมองที่ท้องของตัวเอง ราว