ถังอวิ๋นเฟิงกลิ้งไปมาและกรีดร้องครวญครางต่อหน้าคังโหยวฟู่ตอนนั้นเอง เหงื่อของเขาควบแน่นกลายเป็นเกร็ดน้ำแข็งร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งหลายชั้นอย่างน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งถังหว่านมองไปที่ร่างกายที่น่าเกียจน่ากลัวของเขา และรู้สึกตกใจจนขนหัวลุกอาการของเข้าเหมือนกับตอนที่เธอต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคเกล็ดน้ำค้างเงาทมิฬหลังจากที่อาจารย์คังวัดชีพจรแล้ว รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขา: "นายน้อยถังอย่าเพิ่งตื่นตระหนกไป สิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกเจ็บปวดคือพิษเหมันต์ เดี๋ยวฉันจะลงมือฝังเข็ม"ทันทีที่คำพูดจบ คังโหยวฟู่ก็สะบัดข้อมือและมีเข็มเงินชุดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาเมื่อได้ยินเข้า ถังอวิ๋นเฟิงก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกดูเหมือนว่าพิษนี้ ไม่ได้มีอะไรน่ากลัวเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาคังโหยวฟู่หยิบเข็มเงินขึ้นมา แล้วปักลงไปที่จุดตันจงของถังอวิ๋นเฟิงอย่างรวดเร็วความเจ็บปวดในร่างกายของเขาหายไปทันที ทำให้ถังอวิ๋นเฟิงรู้สึกหายห่วงจากนั้นอาจารย์คังก็ฝังเข็มเข้าไปในจุดเทียนทูตรงหน้าอกฝังเข็มไปทั้งหมดสิบสองเล่ม ถังอวิ๋นเฟิงก็ได้กลับคืนสู่สภาพเดิม โดยไม่แสดงอาการถูกพิษเล่นงานถังห
"แก..." ถังอวิ๋นเฟิงกัดฟันด้วยความหงุดหงิดดวงตาของเขาจ้องมองไปที่หลินเฟิงอย่างดุร้าย: "คราวนี้แกชนะ รีบส่งยาแก้พิษมาได้แล้ว""ห้ะ?"หลินเฟิงยักไหล่และพูดว่า "พวกเราไม่เคยตกลงว่าจะมอบยาแก้พิษให้กับอีกฝ่ายนิ"“กะ...แกหมายความว่าอะไร?” ดวงตาของถังอวิ๋นเฟิงเต็มไปด้วยความว่างเปล่า มองไปที่หลินเฟิงด้วยความที่ไม่เชื่อไอ้เด็กคนนี้อยากเห็นฉันตายจริงๆเหรอ?หลินเฟิงส่ายหัวและตอบ: "ขอโทษนะคุณถัง ฉันไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องให้ยาแก้พิษแก่คุณ"“ไอ้คนแซ่หลิน แค้นนี้ฉันจะชำระคืนแน่” คังโหยวฟู่เดินไปข้างหน้าและด่าตามหลัง"ฮ่าๆ..."หลินเฟิงหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจและพูด: "คืนนี้เขาอาจจะไม่รอดด้วยซ้ำ อย่าไปมัวพูดแต่เรื่องในอนาคตเลย?""นี่..."คังโหยวฟู่พูดไม่ออกกับคำพูดนั้น“ลุงสอง ลุงสองได้โปรดช่วยฉันเร็วๆขอให้เขาให้ยาแก้พิษกับผมเถอะ ผมจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว”ถังอวิ๋นเฟิงร้องไห้ออกมาและจับขาลุงด้วยความเจ็บปวดตอนนี้ ถังว่านหลี่ไม่รู้จะทำอย่างไรดีเขาทำได้แค่มองหลินเฟิงอย่างอ้อนวอน: "คุณหลิน โปรดแสดงความมีน้ำใจด้วย อย่าต้องตกต่ำไปถึงระดับเดียวกับเขาเลย ทำไมไม่ให้ยาแก้พิษแก่เขาล่ะ?"ท้ายที่สุ
ในฐานะนายน้อยคนที่สองของตระกูลถัง เขาเคยคุกเข่าขอโทษใครตอนไหนกันล่ะ?“ให้ฉันขอโทษเขาเหรอ?”“ให้ตายเถอะ ฉันเป็นนายน้อยคนที่สองของตระกูลถังเชียวนะ”ถังวานยักไหล่อย่างเฉยเมย "แล้วแต่ ถ้าคุณไม่ต้องการขอโทษ ก็นอนรอความตายได้เลย"หลินเสวี่ยเยี่ยนหันไปหาหลินเฟิง "หลินเฟิง แกกำลังรออะไรอยู่? รีบเอายาแก้พิษให้เขาสิ"หลินเฟิงกอดอกและพูดอย่างเฉยเมยว่า "ขอโทษด้วย ถ้าเขาไม่ขอโทษ ฉันก็จนปัญญา""แก..."ขณะที่หลินเสวี่ยเยี่ยนกำลังพยายามอดทนอดกลั้น ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอพบเจอคนหยิ่งผยองเช่นนี้ถังหว่านยืนอยู่ข้างๆ หลินเฟิงและพูด: "แม่ ถังอวิ๋นเฟิงเป็นคนขอให้มีการแข่งขันเอง และตอนนี้คนที่พ่ายแพ้ก็คือเขา"“ถ้าเขาแพ้ แล้วทนไม่ได้ที่จะขอโทษก็ปล่อยให้เขาตายไปเถอะ ยังไงฉันก็ทำดีที่สุดแล้ว”ถังหว่านลี่มองไปที่หลินเฟิงด้วยสายตาที่เย็นชา จากนั้นจึงมองไปที่หลานชายที่กำลังทุรนทุรายการโน้มน้าวหลินเฟิงนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยเขาทำได้เพียงก้มลงแล้วพูดกับหลานชาย: "อวิ๋นเฟิง ทำไมไม่ขอโทษอย่างจริงใจล่ะ"เส้นเลือดที่คอของถังอวิ๋นเฟิงปูดขึ้นมา และใบหน้าก็บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
หลินเฟิงพยักหน้า: “แบบนั้นก็ดีแล้ว”“คุณถัง หลินคนนี้ขอลาไปก่อน”หลังจากกล่าวลาถังว่านหลี่แล้ว หลินเฟิงก็เดินตามฉินเสี่ยวเทียนไปที่รถของสำนักงานผู้ว่าราชการและออกจากบ้านตระกูลถังไปไม่ช้า รถก็มาถึงวิลล่าแห่งหนึ่งในเขตตงเฉิง ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาและแม่น้ำ ทำให้ที่นี่เหมือนกับสรวงสวรรค์โดยเฉพาะวิลล่าที่ตั้งอยู่บนยอดเขาซึ่งถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางของสรวงสวรรค์แห่งนี้หลินเฟิงจ้องผ่านหน้าต่างรถเป็นเวลานาน โดยคิดว่าถ้าฝึกตนที่นี่จะให้ผลลัพธ์เป็นสองเท่าอย่างแน่นอน ซึ่งใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียวขณะที่รถขับเข้าไปในจวนผู้ว่าราชการ ฉินหยิงก็รีบมาอย่างรวดเร็วและช่วยเปิดประตูรถให้หลินเฟิง“เชิญค่ะ คุณหลิน”"ขอบคุณครับ"ระหว่างทาง สมาชิกของตระกูลฉินต่างกำลังซ้อมหรือฝึกฝนศิลปะการต่อสู้เห็นได้ชัดว่าตระกูลฉินมีธรรมเนียมการต่อสู้ที่แข็งแกร่งหลินเฟิงได้ตามฉินเสี่ยวเทียนเข้าไปในห้องโถงข้างในมีชายคนหนึ่งที่แข็งแกร่งกำลังรออยู่แล้วหน้าตาความคล้ายคลึงกับท่านผู้ว่าฉินเมื่อเห็นฉินเสี่ยวเทียน ชายคนนั้นก็ลุกขึ้นยืนทันที "ท่านพ่อ"ฉินเสี่ยวเทียนพยักหน้า: "คุณหลิน ขอให้ฉันแนะนำคุณให้รู้จ
ฉินอิ๋งหน้าแดงเล็กน้อย จากนั้นก้มหน้าลงด้วยสัญชาตญาณ ไม่กล้าสบตากับหลินเฟิงด้วยซ้ำเธอก็ไม่มีทางเลือก เป็นกังวลว่าหลินเฟิงจะถูกถังอวิ๋นเฟิงกลั่นแกล้งจึงอยากให้พ่อของตัวเองช่วยเหลือแต่กลับไม่มีเหตุผลที่เหมาะสมคิดไปคิดมา จึงทำได้แค่พูดว่าหลินเฟิงเป็นแฟนของเธอ พ่อของเธอถึงได้ยอมลงมือช่วยเหลือ“เอ่อ......เรื่องนี้”หลินเฟิงเกาหัวติดต่อกัน เขาไม่รู้จะอธิบายอย่างไรด้วยซ้ำฉินอิ๋งรีบพูดขึ้น: “พ่อ หนูกับหลินเฟิงเพิ่งคบกันหนึ่งเดือน เรื่องส่วนตัวของพวกเราสองคนพ่อไม่ต้องถามแล้ว”ฉินเซี่ยวเทียนยิ้มบางแล้วพูดขึ้น: “ได้ ได้ ได้......งั้นพ่อไม่ถามแล้ว”“หลินเฟิง อยากเป็นน้องเขยของฉัน ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น”ในตอนนี้ฉินสือบริหารกล้ามเนื้อแล้วพูดขึ้น: “อย่างน้อยนายต้องผ่านด่านของฉันไปให้ได้ก่อน”หลินเฟิงรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที ฉันไม่ได้อยากเป็นน้องเขยของนายจริง ๆ นะฉินเซี่ยวเทียนยิ้มแล้วพูด: “ลูกชายฉันพูดแล้ว น้องเขยของเขาอย่างน้อยต้องสู้เขาได้ ถึงจะมีความสามารถปกป้องอิ๋งอิ๋งได้”“ความสามารถของคุณหนูฉินไม่ธรรมดา คนที่เอาชนะเธอได้เกรงว่ามีแค่ไม่กี่คนหรอกครับ”หลินเฟิงยิ้มอย่างเก้กังความสา
ได้ยินคำเตือนของน้องสาว ฉินสือโมโหมากกว่าเดิมและก็ไม่เกรงใจอีกต่อไปตั้งท่าให้ดีและพุ่งออกไปเต็มกำลัง โจมตีไปทางหลินเฟิงหัตถ์สายฟ้าดุดันและบ้าระห่ำจริง ๆ หนึ่งหมัดปล่อยออกไป ลมหมัดเหมือนฟ้าร้องฟ้าผ่าหลินเฟิงกลับไม่ใส่ใจสักนิด แค่ปัดเบา ๆ ก็สะบัดกำปั้นของฉินสือออกไปได้“แม่งเอ๊ย......”ฉินสือสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากหัตถ์สายฟ้าเจ็ดกระบวนท่าสามสิบหกวิธีปล่อยออกไปจนหมดหลินเฟิงรับมือได้โดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงจนกระทั่งฉินสือต่อยหมัดสุดท้ายออกไปหลินเฟิงรับรู้ถึงกระบวนท่าทั้งหมดของเขาแล้วเขาพูดขึ้นช้า ๆ: “คุณให้ความสำคัญกับการโจมตีมากเกินไป ข้อบกพร่องถูกเปิดเผยออกมาโดยเลือนราง”เสียงที่นุ่มนวลและสงบนิ่งแบบนี้เมื่ออยู่ที่ข้างหูของฉินสือกลับเป็นเหมือนฟ้าร้องดังระเบิดเห็นเพียงแค่หลินเฟิงก็ร่ายหัตถ์สายฟ้าขึ้นมา เขาปรับเปลี่ยนหัตถ์สายฟ้าอีกครั้งเหมาะสมกับผู้ชายที่ฝึกบำเพ็ญมากยิ่งขึ้นทันใดนั้น ฉินสือหยุดชะงักอยู่กับที่ ม่านตาขยายใหญ่ด้วยความตกตะลึงอย่างมากเขารู้สึกว่าบนตัวของหลินเฟิงเหมือนมีแสงสว่างหลินเฟิงปล่อยหมัดออกไป เหมือนพายุที่โหมกระหน่ำไม่หยุดหย่อนฉินสือถู
ฉินสือที่อยู่ด้านข้างมองดูสูตรลับที่หลินเฟิงปรับเปลี่ยนก็ตกตะลึงอย่างมาก: “ว้าว หลินเฟิง คุณอัจฉริยะมากจริง ๆ!”ฉินเซี่ยวเทียนพูดชื่นชม: “สหายน้อยหลิน สูตรลับของคุณขายราคาเท่าไหร่? ผมฉินเซี่ยวเทียนรับซื้อเอาไว้”หลินเฟิงยิ้มแล้วพูดขึ้น: “ผู้ว่าฉินพูดเกินไปแล้ว ก็แค่สูตรลับเล่มเดียวเอง ถ้าหากคุณอยากได้ผมมอบให้คุณก็ได้”สูตรลับแค่เล่มเดียว สำหรับเขาแล้วไม่มีคุณค่าอะไรเห็นแก่หน้าของฉินอิ๋งมอบให้พวกเขาก็ไม่เป็นไร“เอ่อ......นี่ เกรงใจเกินไปแล้วครับ!”ฉินเซี่ยวเทียนคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าหลินเฟิงจะใจกว้างขนาดนี้“สหายน้อยหลิน มีความต้องการอะไรเอ่ยปากมาได้เต็มที่ เรื่องที่ผมฉินเซี่ยวเทียนสามารถทำได้ ผมไม่มีทางบ่ายเบี่ยง”หลินเฟิงครุ่นคิดและพูดขึ้นกะทันหัน: “คุณฉินทราบไหมครับว่า คฤหาสน์หลังนั้นบนยอดเขาเป็นของใคร?”ฉินเซี่ยวเทียนชะงักงัน จากนั้นยิ้มพูด: “บังเอิญมาก คฤหาสน์ทั่วทั้งอ่าวเทียนสุ่ยเป็นโครงการที่ลูกชายของผมบุกเบิก”ฉินสือรีบพูดขึ้น: “คุณหลินอยากได้คฤหาสน์หลังนั้นเหรอครับ?”เห็นความสามารถของหลินเฟิง เขารู้สึกนับถือหลินเฟิงอย่างมาก จึงไม่มีความคิดดูถูกแม้แต่นิดเดียวแล้วหลิ
บรรยากาศเก้กังอย่างมากเมื่อไปถึงคฤหาสน์ที่ยอดเขา ฉินอิ๋งเปิดประตูทันที: “คุณหลินถึงแล้วค่ะ คุณดูว่าที่นี่สภาพแวดล้อมเป็นอย่างไรบ้าง?”หลินเฟิงกวาดตามองไปรอบ ๆ ทั้งตึกคฤหาสน์ตกแต่งได้ครบครัน ถึงแม้จะมีฝุ่นเกาะเล็กน้อย แต่ก็ไม่เลวเลย“ดีมากครับ”ฉินอิ๋งพูด: “อีกเดี๋ยวฉันจะเรียกพนักงานทำความสะอาดมาทำความสะอาดสักหน่อย คืนนี้คุณฉินสามารถเข้าพักได้เลยค่ะ”“รบกวนด้วยครับ” หลินเฟิงพยักหน้า“อ่อใช่ คุณหลิน ก่อนหน้านี้ที่คุณให้ฉันไปตามหาคนที่ชื่อหลินเสวี่ยฮุ่ยคนนั้น มีเบาะแสนิดหน่อยแล้วค่ะ”จู่ ๆ ฉินอิ๋งนึกเรื่องใหญ่ขึ้นมาได้ จึงพูดรายงานต่อหลินเฟิง: “ฉันสืบถามจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า คนคนนี้ถูกคนรับเลี้ยงไป ภายหลังครอบครัวนั้นย้ายไปที่จงโจว ฉันได้สั่งคนให้ไปสืบดูแล้วค่ะ”“ขอบคุณครับคุณฉิน ถ้าหากคุณหาคนคนนี้เจอผมจะขอบคุณเป็นอย่างดี” หลินเฟิงพูดด้วยสีหน้าจริงจังในตอนนี้ฉินอิ๋งถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ: “คุณหลินคะ ฉันขอสอบถามหน่อยค่ะ คนคนนี้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับคุณเหรอคะ?”หลินเฟิงให้ความสำคัญกับคนคนนี้ขนาดนี้ อีกอย่างเด็กผู้หญิงคนนั้นก็นามสกุลหลิน หรือว่าจะเป็นน้องสาวของหลินเฟิงหลิน
“อย่างน้อยเมื่อฉันตาย ก็ตายเหมือนมนุษย์คนหนึ่ง”“ไม่ใช่ถูกทำเหมือนกับสุนัขตัวหนึ่ง”“......”เมื่อเห็นแบบนี้ หลินเฟิงก็ตกตะลึงไปชั่วครู่เมื่อทั้งสองคนเดินผ่านระเบียงทางเดิน แล้วผลักประตูห้องทำงานขนาดใหญ่ของโจวเจี้ยนโหลวให้เปิดออก ทันใดนั้นก็เห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยร่างใหญ่โตยี่สิบกว่าคนอยู่ภายในสำนักงานในจำนวนนั้นมียอดฝีมืออยู่มากมายพวกเขาทั้งหมดต่างก็ยืนเรียงกันอยู่ทั้งสองข้างโต๊ะของผู้ชายคนหนึ่ง ราวกับจงใจรอใครสักคนมา“หึหึ ยินดีต้อนรับ หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป ได้ยินมาว่าคุณมีธุระกับผมงั้นเหรอ? ชายคนหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับโจวเซวียโหลวอยู่เล็กน้อย แต่ดูเด็กกว่าไม่กี่ปีอย่างเห็นได้ชัด กำลังนั่งอยู่ที่ด้านหลังโต๊ะเขามีกล้องยาสูบไม้อยู่ในปากพร้อมกับจ้องมองไปที่หลี่เหวินเชาและหลินเฟิงด้วยรอยยิ้มเยาะ“คุณก็คือโจวเจี้ยนโหลวงั้นเหรอ?”หลินเฟิงไม่ได้หวาดกลัวต่อการเผชิญหน้ากับเหล่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่กดดันอยู่รอบ ๆเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเดินไปช้า ๆที่ด้านหน้าโต๊ะของโจวเจี้ยนโหลวแทน“ใช่แล้ว ผมเอง”โจวเจี้ยนโหลวพยักหน้า“ที่ผมมาหาคุณวันน
“อ่อ?”เมื่อได้ยินแบบนี้ บอดี้การ์ดก็ตกตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนจะสลับหันไปมองเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ แล้วทั้งคู่ต่างก็ประหลาดใจกันเล็กน้อย“คิดไม่ถึงเลยว่าหมาอย่างนายจะเก่งขนาดนี้!”พนักงานรักษาความปลอดภัยกล่าวชื่นชมว่า :“ดีมาก ดีมาก รองประธานโจวยังบอกพวกเราเป็นพิเศษว่า ถ้าถึงเวลาแล้ว ก็ไปเอาหัวหมาของนายได้เลย”“หาก คิดแบบนี้พวกเราก็ประหยัดแรงไปได้มากเลยทีเดียว”“หึหึ ยินดีครับ ยินดี”หลี่เหวินเชาพยักหน้าอย่างประจบสอพลอ“ได้ นายเข้าไปเถอะ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเปิดทางให้ พร้อมกับชี้ไปที่ลิฟต์ที่ตกแต่งด้วยสีทองอร่าม ซึ่งอยู่ตรงห้องโถง“ขอบคุณมากพี่ชาย หึหึ...ขอบใจนะ ขอบใจ”หลี่เหวินเชาอ่อนน้อมอย่างมาก พร้อมกับก้มหัวและพยักหน้าขอบคุณไม่หยุด แต่ทว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกลับไม่ซาบซึ้ง ทั้งยังเยาะเย้ยว่า :“ใครเป็นพี่ชายกับแกว่ะ? แกก็เป็นแค่หมาพนันที่ถูกประธานโจวเลี้ยงเท่านั้น ยังจะเรียกพวกเราว่าพี่น้องอีก แกคู่ควรงั้นเหรอ?”“หึหึ....ไม่ ไม่คู่ควร ต้องขอโทษด้วย ขอโทษด้วยนะ...”หลี่เหวินเชายังคงพยักหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างไร้ศักดิ์ศรีอย่างไรก็ตาม เมื่อหลินเฟิงต้องการที
เขาจำได้ว่าจิ่วเทาเคยแนะนำตัวกับเขา คนของแก๊งทลายโลหิตน้อยที่สุด แต่แข็งแกร่งมากที่สุดมีนักบู๊จำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะยังมีพี่น้องตระกูลหานแต่พี่น้องตระกูลหานถูกเขากำจัดไปแล้ว“ทำไมเหรอ? หัวหน้าหลิน คุณมีเรื่องกับแก๊งทลายโลหิตงั้นเหรอครับ?”ได้ยินคำถามลองเชิงของจิ่วเทาในโทรศัพท์ หลินเฟิงพูดอย่างมั่นใจว่า:“ถูกต้อง ฉันกำลังเตรียมตัวจะไปเจี้ยนหงกรุ๊ป ไปพบรองประธานของเจี้ยนหงกรุ๊ป นายบอกว่าที่นี่เป็นถิ่นของแก๊งทลายโลหิต งั้นนายก็พาคนมาที่นี่หน่อย”“ได้เลยครับ!”แทบจะไม่ลังเลเลยจิ่วเทาตอบรับได้เด็ดขาดอย่างมาก และก็ตะโกนเสียงดังในโทรศัพท์:“พรรคพวก มีงานมาแล้ว หัวหน้าหลินจะไปทำลายที่ซ่อนของแก๊งทลายโลหิต คนที่ขยับเขยื้อนได้ ตามฉันไป!”“ไม่ต้องระดมกำลัง”หลินเฟิงได้ยินการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของจิ่วเทา จึงรีบเอ่ยปากพูดว่า:“มาแค่ไม่กี่คนก็พอแล้ว”“อ๊ะ? ไปแค่ไม่กี่คน?”จิ่วเทาสงสัยเป็นอย่างมาก “หัวหน้าหลิน พวกเราพาคนไปไม่กี่คน นี่จะไม่เป็นการส่งของว่างให้พวกเขางั้นเหรอ?”“วางใจเถอะ ต่อกลอนกับแก๊งทลาโลหิต ฉันคนเดียวก็พอแล้ว สำหรับพวกนาย เป้าหมายก็คือมารับมือต่อถิ่นฐานของแก๊งทลายโลหิ
หลี่เหวินเชาตกใจจนล้มลงบนพื้น ถึงแม้เขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊ที่น่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด แต่อาคารของเจี้ยนหงกรุ๊ปนั่นเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยคนเก่งกาจ เป็นสำนักงานใหญ่ของแก๊งหมาป่าสีเลือดก่อนที่จะแบ่งแยกออกไปต่อให้พวกเขาจะไม่สามารถหาคนที่แข็งแกร่งกว่าพี่น้องตระกูลหานมาได้ แต่ในนั้นก็มีนักบู๊จำนวนไม่น้อยบวกกับอันธพาลและลูกสมุนรับจ้าง มีจำนวนเป็นร้อยเป็นพันคนนับจำนวนคน ก็สามารถทับถมเขากับหลินเฟิงจนตายได้หลี่เหวินเชากลืนน้ำลาย ไม่กล้าปฏิเสธหลินเฟิง ทำได้เพียงนั่งทรุดอยู่บนพื้นและส่ายหน้าอย่างรุนแรง แสดงออกว่าเขาไม่กล้า“หึ ในเมื่อเป็นแบบนี้ นายก็ไสหัวไปเถอะ”“เอาที่ดินไปไม่ได้ คิดว่าไม่ต้องให้ฉันลงมือ ชีวิตกระจอกๆ แบบนี้ก็คงมีคนจัดการอยู่แล้ว”หลินเฟิงหัวเราะเยาะ หันหน้าจะเดินจากไปเมื่อได้ยินคำพูดของหลินเฟิง หลี่เหวินเชานิ่งอึ้งทันทีจู่ๆ เขาก็คิดถึงใบหน้าที่เหี้ยมโหดของโจวเจี้ยนโหลว จึงตัวสั่นเทาทันทีหลินเฟิงพูดถูกถ้าหากเอาที่ดินกลับไปไม่ได้ เช่นนั้นจุดจบของเขาแค่เดาก็รู้ได้ ต้องตายเพียงทางเดียวเท่านั้นไม่ได้คิดอะไรมาก หลี่เหวินเชารีบคลานไปตรงหน้าหลินเฟิง ขวางทาง
หวังว่าเธอจะสามารถเปลี่ยนนิสัยของเธอได้ไม่ต้องเป็นแม่พระอะไร อย่างน้อยอย่าก่อปัญหาให้หลี่ฮุ่ยหราน ทำให้เธอรู้สึกไม่ดีก็พอแล้ว“ผมจะทำนะครับ”หลินเฟิงพยักหน้าอย่างจนใจ“หึ”จางซินมีท่าทีหงุดหงิด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นตามจางกุ้ยหลานที่เดินจากไปส่วนหลี่เหวินเชาอยากจะถือโอกาสนี้จากไป แต่กลับถูกหลินเฟิงดึงคอเสื้อเอาไว้“ฉันให้นายกลับไปแล้วเหรอ?”ได้ยินคำพูดเย็นชาของหลินเฟิง แต่ในน้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยแรงสังหารสีหน้าของหลี่เหวินเชาหลากหลายอารมณ์ เขากระวนกระวายก่อน จากนั้นหวาดกลัว สุดท้ายก็ฝืนยิ้มออกมา“พี่…”ยังไม่ทันพูดคำว่า “เขย” ออกมา หลินเฟิงกลับตบไปที่ใบหน้าของเขา ทำให้เขาหน้ามืดตาลาย กลิ้งล้มบนพื้นหลายตลบก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนพื้นไม่กี่วินาที ใบหน้าของหลี่เหวินเชาก็เกิดรอยช้ำขึ้นมา“พี่…พี่สะใภ้…ไม่ อย่า…”เมื่อตั้งสติได้ หลี่เหวินเชานั่งตาลายอยู่บนพื้น เห็นหลินเฟิงเดินมาทางเขาอีก เขาก็สีหน้ากระวนกระวาย หันหน้ากลับไปอยากจะคลานหนี แต่ก็ยังถูกหลินเฟิงจับเอาไว้ได้“หลี่เหวินเชา ก่อนหน้านี้ไม่ได้ข่าวของนายมาโดยตลอด ฉันยังคิดว่านายรู้จักฉลาดแล้ว ได้งานที่ดีกว่าที่ต่างถิ
“จางซิน เธอทำเป็นเสแสร้งอะไร? ความคิดนี้เธอเป็นคนแรกที่เสนอออกมาไม่ใช่เหรอ?”“ถ้าไม่ใช่เพราะเธออยากกอบโกยผลประโยชน์ และแก้แค้นหลี่ฮุ่ยหรานด้วย เธอจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ตอนนี้เธออยากเอากลับไป? สายไปแล้ว!”หลี่เหวินเชาเห็นว่าจางซินกำลังจะหนีไป จึงคว้าเธอไว้ด้วยความโมโห และพูดว่า:“ทุกคน ดูเธอไว้ ความคิดนี้เธอเป็นคนเสนอออกมา เธอเป็นคนต้นคิด พวกเราถูกบีบบังคับ!”เมื่อเห็นว่าความโมโหของทุกคนเคลื่อนย้ายมาที่ตัวเธอ จางซินก็โมโห และพลิกมือตบหน้าหลี่เหวินเชา“แกมันสัตว์เดียรัจฉาน หลอกเงินของคุณป้าไปจนหมดก็หลบหนีไป ถ้าไม่ใช่เพราะนายเห็นว่าที่ดินผืนนี้มูลค่าเพิ่มขึ้น ถูกรองประธานเจี้ยนหงกรุ๊ปบีบคั้น นายจะกลับมาทำไม?”“ฉันบอกนายให้นะ ที่ดินผืนนี้พวกเราไม่เอา ก็ไม่เสียหายอะไรทั้งนั้น”“ส่วนนายถ้าเอาที่ดินผืนนี้ไปไม่ได้ ผ่านไปไม่กี่วันนายก็จะถูกพวกเขาฆ่าตาย!”“แกกล้าตบฉันเหรอ?!”หลี่เหวินเชากระโจนเข้าไปทันที เขาไม่สนใจเรื่องการถ่อมตัวกับผู้หญิงอะไรหรอก จึงตบตีกับจางซินต่อหน้าทุกคนทันทีส่วนจางซินก็ยื่นเล็บของตัวเองออกไป ข่วนหน้าของหลี่เหวินเชาจนเต็มไปด้วยรอยเลือด“พอแล้ว!”เมื่อเห็นคนใ
“อีกทั้งตอนนี้ฉันตัดขาดความสัมพันธ์กับหลี่ฮุ่ยหรานนังสารเลวนั่น ต่อไปฉันจะไม่ขอร้องเธออีก และก็ไม่ขอร้องพวกแกอีก!”“หญิงร้ายชายชั่ว พวกแกสมควรแล้วที่ถูกหลอก!”“ไสหัวไปซะ!”......บรรยากาศเงียบสงบจากนั้นหลินเฟิงนำโทรศัพท์ใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าช้าๆพนักงานทุกคนของหลี่ซื่อกรุ๊ปที่อยู่ในเหตุการณ์ สีหน้าเปลี่ยนไปไม่ค่อยดีนัก ถึงขั้นที่รู้สึกอับอาย และรู้สึกผิดเพราะแค่บันทึกเสียงเมื่อครู่นี้พวกเขาก็รู้แล้วว่าจางกุ้ยหลานหลอกลวงพวกเขาเพราะจางกุ้ยหลานและคนอื่นๆ พูดว่าที่ดินผืนนั้น ถูกหลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหรานแย่งชิงไปแต่ในบันทึกเสียงโทรศัพท์ พวกเขาขายที่ดินผืนนั้นให้หลินเฟิง ทั้งยังเห็นหลินเฟิงเป็นคนโง่อีกด้วย พูดฉีกหน้า และดูถูกต่างๆ นานาแต่หลินเฟิงก็ไม่ได้โมโห กลับยังพูดปากเปียกปากแฉะภายหลัง ก็เป็นคำด่าทอของจางกุ้ยหลานถึงขึ้นยังเรียกลูกสาวและลูกเขยว่าหญิงร้ายชายชั่วอีกด้วยหลักฐานแน่นหนาบันทึกเสียง มีประโยชน์มากกว่าพูดจนปากเปื่อย“ตุ่บ”พนักงานของหลี่ซื่อกรุ๊ปที่โยนป้ายทำงานทิ้งเป็นคนแรกเมื่อครู่นี้คุกเข่าให้หลี่ฮุ่ยหรานทันที ริมฝีปากของเขาสั่นเทร ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้ม
ถ้าหากเอาที่ดินผืนนี้กลับมาไม่ได้ ต่อให้หลี่ฮุ่ยหรานถูกล้ม ถึงขั้นที่กลายเป็นขอทาน เขาหลี่เหวินเชาก็ไม่สามารถรอดชีวิตไปได้ดังนั้นตอนนี้คนที่ร้อนใจที่สุดก็คือเขา“หลินเฟิงเขา…”หลี่ฮุ่ยหรานยังคิดคำพูดหลีกเลี่ยงไม่ออกก็ได้ยินเสียงตวาดดังขึ้นมาจากจุดไกลๆ“พอแล้ว!”ชายหนุ่มที่ร่างกายสูงโปร่งเดินเข้ามาช้าๆ เขาขยับชิดข้างกายของหลี่ฮุ่ยหราน โอบหลี่ฮุ่ยหรานเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว และมองทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยสายตาโกรธเคือง พูดเย็นชาว่า:“พวกคนโง่ ถูกคนหลอกใช้แล้วยังไม่รู้ตัวอีก!”“พวกคุณรู้ถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวไหม?”“ฟังแค่คำพูดของฝ่ายเดียว ก็ใจดำและใส่ร้ายเจ้านนายของตัวเองแบบนี้ ฉันดูแล้ว พวกคุณทั้งหมดเป็นแค่พวกไร้ประโยชน์!”“พวกไร้ประโยชน์แบบนี้ ถ้าหากอยากจะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป หลี่ซื่อกรุ๊ปของเราก็ไม่เก็บพวกคุณไว้!”“ไสหัวไปให้หมด!”คนที่พูด ก็คือหลินเฟิงนั่นเองคำพูดอันทรงพลังของหลินเฟิงในเวลานี้ ทำให้ ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงเงียบลงทันทีแต่ก็มีบางส่วนในนั้นที่ไม่ปฏิบัติตาม“หึ หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ปของเรา ดูท่าคุณก็เป็นเหมือนกับที่คนอื่นพูด ทั
“ฉันคิดว่าเธอเป็นหญิงแกร่งคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้เลื่อมใสเธอเป็นอย่างมาก แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะเป็นคนที่เลวทรามต่ำช้าแบบนี้!”“จริงด้วย คิดไม่ถึงว่าจะใช้ให้คนนอกมาตีแม่ของตัวเองเองอีกด้วย โหดเหี้ยมยิ่งกว่าสัตว์เดียรัจฉาน!”“ยังสู้กัวโหย่วคังก่อนหน้านี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ!”พนักงานอีกหลายคนที่มีอารมณ์รุนแรงกว่าก็ยืนออกมาเช่นกันพวกเขาดึงป้ายทำงานออก โยนลงกับพื้น“หึ ให้เธอเป็นเจ้านายของเรา ถูกพูดออกไป คนอื่นคงคิดว่าเราเป็นเหมือนเธอ เป็นคนเนรคุณคนแบบนี้!“ฉันไม่ทำแล้ว!”“ใช่ ฉันก็ไม่ทำแล้ว!”“ติดตามคนชั่วร้ายเช่นนี้ จะมีอนาคตอะไร?!”หลังจากที่คนแรกหันหลังเดินจากไป พนักงานคนอื่นๆ ก็พากันกระตือรือร้น ดึงป้ายพนักงานที่อยู่ตรงหน้าอกออก ประกาศตัดความสัมผันธ์กับหลี่ซื่อกรุ๊ป“ประธานหลี่ ประธานทางด้านนั้นก็มีการประชุมฉุกเฉิน:ในตอนนี้ เลขาของหลี่ฮุ่ยหรานก็วิ่งเข้ามา มองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความเป็นห่วงและการประชุมฉุกเฉินในตอนนี้ ความหมายก็ชัดเจนเป็นอย่างมากนั่นคือจะขับไล่หลี่ฮุ่ยหรานออกจากตำแหน่ง“ไม่ใช่ พวกคุณฟังฉันนะ ความจริงไม่ใช่แบบนี้…”การโต้เถียงที่ไร้เรี่ยวแรงของหลี่ฮุ่ยหรานทว่าเธอมีแ