“คุณหลินต่อยคุณก็สมควรแล้ว” ชุยข่ายพูดไปด่าไป“โอ๊ย......”เลี่ยวกั๋วต้งประคองเอวตนเองแล้วกรีดร้องอย่างข่มไว้ไม่อยู่ทำหน้างุนงงมองไปที่ชุยข่าย “ผู้จัดการชุย เรารู้จักกันมานาน ทำไมคุณถึงช่วยพูดแก้ต่างให้เจ้าเด็กนี่ล่ะ?”แม้แต่รปภ.ที่อยู่ข้าง ๆ ก็ยังอึ้งตาม ๆ กันหรือว่าไอ้เด็กนี่จะเป็นญาติของผู้จัดการชุย?ชุยข่ายจ้องเขาแล้วเอ่ยว่า “คุณหลินเป็นลูกค้าคนสำคัญของธนาคารเจียงโจวมาฝากเงินหนึ่งร้อยล้าน คุณคิดว่าคุณเป็นใคร”อีกคนเป็นลูกค้าที่มาฝากเงินสดหนึ่งร้อยล้าน กับอีกคนที่เอาแต่ร้องไห้อ้อนวอนขอกู้เงินกับตัวเองเขารู้ดีว่าควรจะช่วยใคร“ว่าไงนะ? ผู้จัดการชุย คุณไม่ได้เล่นตลกใช่ไหม?” จางกุ้ยหลานมองหลินเฟิงด้วยใบหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ “มัน...... มันจะเอาเงินมาจากไหนตั้งร้อยล้าน?”หลี่ฮุ่ยหรานก็ตกใจช็อคเหมือนกันหลินเฟิงมีเงินถึงร้อยล้านเลยเหรอ?ชุยข่ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณหลินได้ฝากเงินไว้ที่ธนาคารเจียงโจวเรียบร้อยแล้ว ยังจะไม่จริงอีกเหรอ?”“เช็คร้อยล้านนั่นอาจเป็นถังหว่านที่ออกให้ก็ได้”เมื่อได้ยินเช่นนั้นจางกุ้ยหลานก็รู้ในทันทีดวงตาคู่นั้นจ้องไปที่หลินเฟิงอย่างอิจฉานึก
“ก็บัตรเอทีเอ็มไง” จางกุ้ยหลานพูดออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำ“บัตรเอทีเอ็ม? ทำไมต้องให้คุณ?”หลินเฟิงรู้สึกตลกกับการทำตัวเย่อหยิ่งของเธอ“แกมานั่งกินนอนกินอยู่ในตระกูลหลี่ของเราตั้งสามปี แถมยังมาทำร้ายลูกชายฉันอีก หรือแกคิดว่าไม่ควรจ่ายเงินชดใช้?” จางกุ้ยหลานนับนิ้วแล้วเอ่ยว่า “ค่าที่แกมานั่งกินนอนกินสามปี แกต้องให้ห้าสิบล้าน ค่าหมอ ค่าทำขวัญที่ทำร้ายลูกชายฉันก็ห้าสิบล้านเหมือนกัน” “รีบเอาบัตรเอทีเอ็มมาให้ฉันเลย” “แม่...พอได้แล้ว เรารีบไปกันเถอะ” พอหลี่ฮุ่ยหรานได้ฟังการคิดบัญชีจากผู้เป็นมารดาถึงกับหมดคำพูดสามปีหลินเฟิงกินอะไรนักหนาถึงต้องจ่ายห้าสิบล้าน?เมื่อเผชิญหน้ากับแม่ที่งี่เง่าไร้เหตุผลแบบนี้ เธอก็รู้สึกขายขี้หน้าอยู่เล็กน้อย“แกหลีกไปเลย”จางกุ้ยหลานผลักลูกสาวออกไป วันนี้เธอต้องได้เงินร้อยล้านนี่หลินเฟิงยืนเอามือไพล่หลังและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “จางกุ้ยหลาน ผมหลินเฟิงคนนี้นั่งกินนอนกินที่บ้านคุณมาสามปี แต่ผมก็คืนให้พวกคุณไปหมดแล้ว” “แล้วที่หลี่เหวินเชาถูกต่อย นั่นเป็นเพราะเขาไปหลอกถังหว่าน ถ้าไม่รั้งถังหว่านไว้ พวกคุณก็จะได้เห็นว่าการแก้แค้นของถังหว่านนั้นน่ากลั
ภายในธนาคารเจียงโจวชุยข่ายเตะตูดเลี่ยวกั๋วต้งไปหนึ่งป๊าบ “ตายเหรอยัง? เมื่อไหร่จะคืนเงิน?”“ผู้จัดการชุย อีกสองวัน อีกสองวันผมจะคืนเงินให้”เลี่ยวกั๋วต้งลูบเอวของตนเองแล้วเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม“วันนี้ก็คงต้องขอให้ผู้จัดการชุยช่วยเป็นธุระให้ผมหน่อยนะครับ”“ยังจะให้ผมช่วยคุณอีกเหรอ? คุณรีบมาชำระเงินกู้ของธนาคารให้หมดเร็ว ๆ เลย ไม่อย่างนั้นก็อย่าเปิดบริษัทของคุณอีกเลย” ชุยข่ายด่ากราด“ผู้จัดการชุยขอให้คุณช่วยผมแค่ครั้งนี้ เงินกู้ยี่สิบห้าล้านของธนาคารเจียงโจว ผมสามารถคืนได้ในทันที”ชุยข่ายนิ่งชะงัก ถามอย่างไม่เข้าใจ “พูดว่าไงนะ?”“เมื่อกี้สาวสวยคนนั้นเป็นประธานของหลี่ซื่อกรุ๊ป เธอรับปากว่าจะโอนเงินห้าสิบล้านให้ผม พอถึงเวลานั้นเงินยี่สิบห้าล้านก็พอที่จะชำระคืนเงินกู้แล้ว”เลี่ยวกั๋วต้งพูดอย่างขบขันชุยข่ายมองเขาด้วยความสงสัย “ดูไม่ออกเลยนะ ว่าคนอย่างคุณจะมีความสามารถอยู่บ้าง จะทำให้แม่หนูนั่นเอาเงินให้คุณได้ตั้งห้าสิบล้านได้จริง ๆ เหรอ?”เลี่ยวกั๋วต้งยิ้มและตบเข้าที่เอวของตนเอง “เพราะเอวผมยังดีอยู่ไงล่ะ ถ้าได้แม่ของเธอแล้วเอามาทำเงินสักหน่อยก็สบายแล้วไหม?”ชุยข่ายครุ่น
ทันใดนั้นก็ถูกรปภ. ห้ามเอาไว้บอดี้การ์ดของคุณถังรู้จักกันอยู่แล้ว และอีกฝ่ายก็ยังเป็นลูกสาวจากจวนผู้ว่าราชการด้วยแต่ก่อนหน้านี้หินเฟิงสั่งห้ามไม่ให้ใครรบกวนเขา“คุณหนูฉิน......คุณเข้าไปไม่ได้ครับ”ฉินอิ๋งแสดงบัตรห้องพักแล้วพูดว่า “ฉันได้รับคำสั่งจากคุณถังให้มาพบหลินเฟิง”“แต่นี่......”รปภ.ถีงกับงง ก่อนหน้านี้ไม่ได้ถามเอาไว้ด้วยสิแม้แต่คุณถัง หลินเฟิงก็ไม่ให้เข้าพบ บางทีก็อาจไม่อยากพบเธอด้วยรีบอธิบายว่า “คุณหนูฉิน คือแบบนี้นะครับ ก่อนหน้านี้คุณหลินกำชับไว้ว่า ห้ามให้ใครเข้าไปในห้องของเขา รวมถึงคุณถังด้วย”“ใช่ครับ ๆ คุณหลินบอกว่าเขากำลังปลีกวิเวก.......ดูเหมือนจะต้องฝึกบำเพ็ญ”ยังไงซะหลินเฟิงก็บอกไว้เช่นนี้ฉินหยิงขมวดคิ้ว “นี่มันเวลาไหนแล้วยังจะมาฝึกอีก? ฉันมีเรื่องสำคัญต้องพบหลินเฟิง เกิดอะไรขึ้นมาพวกนายไม่ต้องรับผิด ไปให้พ้น”รปภ.สองนายกล้าห้ามที่ไหนเล่า ทำได้เพียงหลีกทางให้อย่างเชื่อฟังประตูโรงแรมถูกฉินหยิงเปิดออกเธอได้รับคำสั่งจากถังหว่านว่า ให้พาหลินเฟิงออกจากเจียงโจวให้เร็วที่สุดข่าวที่ถังหยุนเหลยถูกฆาตกรรมได้แพร่กระจายไปถึงตระกูลถังที่เมืองจิงตูแล้วที่ตร
เสื้อผ้าบนร่างของฉินอิ๋งถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆร่างเปลือยเปล่าไม่เหลือสักชิ้นร่างนวลขาวเผยต่อสายตาของหลินเฟิงแต่เขากลับไม่อ่อนโยนเลยสักนิดฉินอิ๋งหวาดกลัวจนตาทั้งสองดูอึ้ง น้ำตาไหลออกมาจากเบ้าตาในเวลานี้เธอเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต่อต้านยังไง“หลินเฟิง ขอร้องล่ะ...... มีสติหน่อย”หลินเฟิงเมินเฉยต่อคำอ้อนวอนของเธอ โน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อปิดปากเธอฉินอิ๋งพยายามผลักเขาออกสุดชีวิต แต่หลินเฟิงเหมือนกับภูเขาลูกใหญ่ที่กดเธอไว้จนหายใจไม่ออกจนกระทั่งเธอรู้สึกว่าหลินเฟิงกำลังจะฉีกกางเกงของตนในยามวิกฤตนี้ ฉินอิ๋งกัดลิ้นของหลินเฟิงอย่างแรงทันใดนั้นหลินเฟิงก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแล้วเด้งตัวออกจากร่างของฉินอิ๋งสุดแรงช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดแสนสาหัสนี้ทำให้เขาคืนสติมาได้นิดนึงถึงได้เห็นชัด ๆ ว่าเมื่อกี้ตนเองทำอะไรลงไปกระแทกนิ้วไปที่จุดถานจง จุดเทียนทูและจุดเสินเชวียสีหน้าของหลินเฟิงเปลี่ยนไปมาก แล้วก็กระอักเลือดออกมาดวงตาที่แดงก่ำคู่นั้นก็ค่อย ๆ หายไปมองฉินอิ๋งที่หดตัวอยู่มุมห้อง กอดไหล่ทั้งสองไว้ น้ำตาเอ่อไหลและไม่รู้ว่าจะอธิบายกับเธอว่ายังไง“คุณ...... คุณหลิน คุณ......
ฉินอิ๋งอึ้งชะงัก “คุณหลิน นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น”“คุณอย่าใช้อารมณ์สิ เมื่อถึงเวลาที่ต้องเลี่ยงก็ควรจะเลี่ยงสิ!”“ให้ซ่อนตัวสักพัก จะให้ซ่อนไปตลอดชีวิตเลยเหรอไง? แทนที่จะซ่อนตัวไปตลอด สู้ไปเผชิญหน้ากันไม่ดีกว่าเหรอ”หลินเฟิงเอ่ยอย่างราบเรียบทำให้ฉินอิ๋งพูดไม่ออกไปชั่วขณะแต่หลินเฟิงกลับไม่ให้เวลาเธอได้พิจารณา เดินตรงออกจากโรงแรมไปเลยฉินอิ๋งที่เห็นสถานการณ์ก็ทำได้แค่รีบตามไปหลินเฟิงขึ้นรถ แต่ฉินอิ๋งกลับยืนนิ่งอยู่ข้าง ๆ“เธอไม่ไปด้วยใช่ไหม?”ฉินอิ๋งส่ายหน้า “ฉัน...... ยังมีธุระอีก ต้องกลับบ้าน”หลินเฟิงพยักหน้าและขับรถไปหาตระกูลถังเพียงลำพังฉินอิ๋งรีบควักโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาถังหว่าน “พี่หว่านเอ๋อ หลินเฟิงไม่ไปกับฉัน แต่กลับไปที่วิลล่าตระกูลถังค่ะ”“ฉันโน้มน้าวเขาไม่ได้เลย”ถังหว่านได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยอย่างเสียดายว่า “รู้งี้ ไม่บอกเรื่องนี้กับเขาหรอก”“โอเค ขอบใจเธอนะ เรื่องหลังจากนี้ฉันจะจัดการเอง”บนรถ หลินเฟิงได้รับสายจากถังหว่าน“ฮัลโหล? หลินเฟิง? คุณอยู่ที่ไหน?”หลินเฟิงเอ่ยอย่างราบเรียบว่า “ใกล้จะถึงบ้านคุณแล้ว”“หลินเฟิง คุณจะมาจริง ๆ เหรอ?” ถังหว่านถามทั
ในเวลานี้ถังหว่านได้เอ่ยเตือน “พี่รอง ฉันขอแนะนำว่าเก็บอำนาจความเป็นคุณชายไว้กับตัวเถอะ อีกเดี๋ยวก็ทำตัวสุภาพ ๆ กับคุณหลินไว้หน่อยนะ”“มันเป็นใคร? เธอถึงได้สั่งให้ฉันทำตัวสุภาพกับมัน?”ถังอวิ๋นเฟิงพูดด้วยใบหน้าที่อวดดี “มันได้คุยกับฉันซึ่ง ๆ หน้า เรียกว่าเป็นเกียรติของชีวิตมันเถอะ”ถังหว่านได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหน้าอย่างจนปัญญาไม่นานหลังจากนั้น หลินเฟิงก็มาถึงวิลล่าตระกูลถังทันทีถังหว่านและถังว่านหลี่ยืนขึ้นต้อนรับเขาในนาทีแรกที่มาถึง“คุณหลิน คุณมาแล้ว”“หลินเฟิง”ถังว่านหลี่เอ่ยกำชับ “คุณหลิน คุณชายรองตระกูลเราจากเมืองจิงตูมาเยี่ยมในครั้งนี้ อยากจะถามคุณเกี่ยวกับการตายของถังอวิ๋นเฟิง เดี๋ยวคุณช่วยเล่าความจริง ไม่ต้องปิดบัง”“ท่านผู้นำอาวุโสตระกูลถังไม่ต้องห่วงครับ ผมทราบดี”หลินเฟิงยิ้มให้เบา ๆเข้าไปในห้องรับแขกหลินเฟิงและถังอวิ๋นเฟิงมองหน้ากันถังอวิ๋นเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แกคือหลินเฟิงสินะ?”“ใช่”“แกเป็นคนฆ่าถังหยุนเหลยใช่ไหม?”หลินเฟิงเล่าด้วยท่าทีเฉย ๆ ว่า “ไอ้หมอนั่นร่วมมือกับฆาตกรทรยศตระกูลถัง ฆ่าอาจารย์เหลียงแล้วยังจะฆ่าฉินอิ๋งอีก”“หลังจากที่ผมช่วย
“แกไม่เห็นจะต้องเอาเรื่องเล็ก ๆ แบบนี้มาทำให้พี่รองของแกขุ่นเคืองเลยหนิ”“แม่ นี่หนูกำลังช่วยชีวิตเขาอยู่นะ ถ้าคนกลุ่มนี้กล้าแตะต้องหลินเฟิง วันนี้เขาได้ตายกันอยู่ตรงนี้แน่” ถังหว่านกัดฟันพูดที่จริงเธอรู้จักหลินเฟิงเป็นอย่างดี กล้าดียังไงมาทำเบ่งต่อหน้าเขาแม้แต่เทพพระเจ้า หลินเฟิงก็ไม่ไว้หน้าเหมือนกันนับประสาอะไรกับคุณชายรองตระกูลถัง“นี่...…” หลินเสวี่ยเยี่ยนพูดไม่ออกไปชั่วขณะเมื่อถังอวิ๋นเฟิงได้ยินเช่นนั้น สีหน้าก็ค่อย ๆ ขรึมลงหลินเฟิงมันเป็นใคร กล้ามาถามเอาชีวิตตนเชียวเหรอ?“พวกแกมัวรออะไรอยู่ ลงมือเลย”เขาชี้ไปที่หลินเฟิงและตะโกนออกมาอย่างโมโหถังหว่านส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พี่ชายรองของตนรนหาที่ตายจริง ๆแล้วในเวลานี้มีเสียงตะโกนดังมาจากด้านนอกของวิลล่าตระกูลถัง “อย่าแตะต้อง......”ทุกคนได้ยินจึงหันไปมอง ผู้มาเยือนคือจ้าวเทียนหวาถังหว่านแอบดีใจ“ลุงจ้าว ลุงมาได้ไงคะ?”จ้าวเทียนหวายิ้มพร้อมเอ่ยว่า “ได้ยินว่ามีคนจะรังแกคุณชายหลิน ลุงจะไม่มายุ่งก็ไม่ได้”ถังอวิ๋นเฟิงพอจะรู้จักจ้าวเทียนหวาอยู่บ้างประธานของบริษัทเทียนหัวอินเตอร์เนชั่นแนลที่จู่ ๆ ก็กลับจากต่างประเทศ
“ดังนั้นพวกเราจึงทำได้แค่ยอมแพ้งั้นเหรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานขมวดคิ้ว พร้อมกับถอนหายใจออกมาเบา ๆพูดตามตรง เธอไม่อยากให้กัวโหย่วคังทำสำเร็จจริง ๆ แต่มีบางเรื่องที่ทำไม่ได้ก็คือทำไม่ได้ ไม่สามารถที่จะโอ้อวดได้ อย่างน้อยก็สามารถทำให้กัวโหย่วคังได้รับโทษที่รุนแรงก็ถือว่าเป็นการชดเชยนิดหน่อย ๆแล้ว“ไม่ พวกเราไม่ได้จะยอมแพ้อยู่แล้ว”หลินเฟิงยิ้มให้หลี่ฮุ่ยหรานพร้อมกับพยักหน้าให้เธอและพูดว่า:“ผมมีวิธีแล้ว คุณกลับไปรอข่าวจากผมเถอะ”“จริงเหรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานไม่เชื่อเล็กน้อย แต่ในเมื่อหลินเฟิงพูดมาแบบนี้แล้ว เธอก็ทำได้แค่พยักหน้า และกำชับกับหลินเฟิงว่าอย่าทำอะไรซี้ซั้วจากนั้นก็ขับรถออกไป“เอาล่ะ ให้ฉันไปพบหน้าคนที่ร่ำรวยคนนั้นของหัวตงสักหน่อย”หลินเฟิงยืดเอวอย่างขี้เกียจ และออกเดินไปจากคฤหาสน์ ก่อนจะไปหยุดเรียกแท็กซี่บนถนน พร้อมกับบอกที่อยู่ให้กับคนขับ“โรงแรมหวยปินแกรนด์”ถูกต้อง มันเป็นบ้านหลังเดียวกับที่หลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหรานเคยอาศัยอยู่กัยมาก่อน“ใครนะ?”โทรศัพท์ในห้องพักแขกถูกเชื่อมต่อชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อคลุมอาบน้ำ ใบหน้าและริมฝีปากสีเข้มเล็กน้อย และหัวล้านได้หยิบหูโทรศั
“ทุกคน โปรดอดทนรอสักครู่ นี่คือการตัดสินใจจากเบื้องบน ผมเป็นเพียงผู้จัดการตัวเล็ก ๆ และไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ หากทุกท่านโกรธก็อย่ามาระบายกับผม”ในขณะที่พูดประโยคนี้ออกมา จ้าวเว่ยก็เหลือบมองมาทางหลินเฟิงจึงทำให้หลินเฟิงเข้าใจในทันทีไม่ใช่จ้าวเว่ยไม่ช่วยพวกเขา แต่เป็นคนที่อยู่เหนือกว่าจ้าวเว่ยเข้ามาแทรกแซง“บริษัทเต๋อหนิง?”หลินเฟิงมองไปทาง “ประธานหวัง” รูปร่างสูงผอม ที่มีอายุประมานสี่สิบปี ทั้งยังเห็นได้ชัดว่าดูไม่เหมือน “ประธานหวัง” ที่เป็นประธาน ก่อนจะถามหลี่ฮุ่ยหรานที่อยู่ข้าง ๆว่า:“คุณเคยได้ยินบริษัทนี้ไหม?”“ไม่เคย และไม่ควรมีบริษัทแบบนี้ในเมืองเจิ้งเต๋อ ถ้าหากมี ก็ไม่สามารถเป็นบริษัทใหญ่ได้”หลี่ฮุ่ยหรานพูดออกมาอย่างมั่นใจเพราะว่าเธอทำการบ้านมาเรียบร้อยแล้วบริษัทที่มีชื่อเสียงทั้งหมดในเมืองเจิ้งเต๋อ หลี่ฮุ่ยหรานสามารถพูดออกมาได้ทั้งหมด แต่เธอกลับไม่เคยได้ยินอะไรที่เกี่ยวกับบริษัทเต๋อหนิงเลย“ฮัลโหล จ้าวเทียนหวา ผมอยากให้คุณตรวจสอบบริษัทหนึ่ง ชื่อว่าบริษัทเต๋อหนิง....ใช่ น่าจะเป็นบริษัทก่อสร้าง”หลินเฟิงโทรส่วนตัวไปหาจ้าวเทียนหวา และขอให้จ้าวเทียนหวาช่วยตรวจ
“คุณ...เมื่อครู่คุณพูดอะไรกับผู้หญิงคนนั้น?”หลี่ฮุ่ยหรานจับหลินเฟิงไว้ ก่อนจะถามด้วยความหึงหวงเล็กน้อย“อ๊ะ?”หลินเฟิงตะลึงงันไปชั่วครู่ เมื่อก่อนหลี่ฮุ่ยหรานคิดเล็กคิดน้อยขนาดนี้เชียวเหรอ?หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลินเฟิงก็หัวเราะออกมาเบา ๆและพูดว่า:“เมื่อครู่ผู้หญิงคนนั้นจะชวนผมไปงานเต้นรำสวมหน้ากากอะไรสักอย่าง”“งานเต้นรำสวมหน้ากาก?!”เมื่อหลี่ฮุ่ยหรานได้ยินคำนี้ จู่ ๆใบหน้าก็อึมครึมทันทีเธอจะไม่รู้ได้ยังไงว่ามันหมายความว่าอะไร?“แล้วคุณตอบรับเธอไปงั้นเหรอ?” หลี่ฮุ่ยหรานเอ่ยถามออกมาตรง ๆ“คุณเดาสิ”หลินเฟิงทิ้งคำพูดเหล่านื้ ก่อนจะรีบเดินหนีเข้าไปในคฤหาสน์“คุณ!”หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกร้อนอกร้อนใจแต่เธอก็สงบอารมณ์ลงได้ และรู้ด้วยว่านิสัยของหลินเฟิงนั้น จะไม่ไปสถานที่แบบนี้แน่นอนไม่อย่างนั้นก่อนหน้านี้มีโอกาสดี ๆ ขนาดนั้น เขาก็คงไม่มีทาง....เมื่อนึกถึงในคืนนั้น หลี่ฮุ่ยหรานก็รู้สึกได้ทันทีว่าใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเล็กน้อย“เหอะ.....”เธอส่งเสียงไม่พอใจออกมา จากนั้นจึงได้ตามเข้าไปข้างในที่แท้ ภายในคฤหาสน์ก็แน่นไปด้วยผู้คนจำนวนไม่น้อยแล้ว ทุกคนต่างก็จ้องมองไปท
รอให้หลินเฟิงขับรถไปถึงจุดที่ตั้งพร้อมกับหลี่ฮุ่ยหรานทั้งสองคนพบว่า สถานที่การประมูลขนาดใหญ่แบบนี้ จะเป็นเหมือนงานเต้นรำเพื่อเข้าสังคม ถึงขนาดมีบุฟเฟ่ต์และเครื่องดื่มบริกรก็เดินไปมาท่ามกลางกลุ่มคนพร้อมควบคู่กับทำนองเพลงแม้แต่ที่จัดงานก็ถูกเลือกเป็นคฤหาสน์ที่มีความเป็นส่วนตัวสูงมากด้วยแขกที่มาเยือนต่างก็เป็นบริษัทชั้นนำของเมืองเจิ้งเต๋อ ถึงแม้ว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปอยู่ในจำนวนนั้นไม่นับว่ากระจอก แต่ก็ไม่ถือว่าแข็งแกร่งสักเท่าไหร่แขกผู้มาเยือนทั้งหมดจะมีป้ายเล็ก ๆที่ทำขึ้นพิเศษติดอยู่บนร่างกาย เพื่อใช้แสดงให้ผู้คนโดยรอบได้เห็นถึงบริษัทหรือกลุ่มเครือข่ายของตัวเองแม้แต่หลินเฟิงก็ยังมองเห็นซือหม่าเซิงที่อยู่ไกลออกไป“หืม? หลี่ซื่อกรุ๊ป คนที่มาไม่ใช่กัวโหย่วคังหรอกเหรอ?”ในขณะนี้ ก็มีชายชราคนหนึ่งเดินถือไวน์แดงเข้ามา แขนของเขาคล้องผู้หญิงวัยยี่สิบต้นๆ อยู่ เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นโคแก่กินหญ้าอ่อนในเมื่อชายชราคนนี้ดูเหมือนจะอายุหกสิบกว่าปีแล้ว“หึหึ คุณโจวของเจี้ยนหงกรุ๊ปใช่ไหม ฉันชื่อหลี่ฮุ่ยหรานเป็นประธานบริษัทคนใหม่ของหลี่ซื่อกรุ๊ป ฉันได้ยินชื่อของคุณมานานและชื่นชมคุณมานานมาก....”
หากเกิดขึ้นอีกครั้งบางทีหลินเฟิงอาจจะทนไม่ไหวก็ได้นี่มันทรมานเกินไปจริง ๆหลี่ฮุ่ยหรานก็ตื่นเช้าด้วยเธอเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่ จัดผมของเธอ และเฝ้าดูหลินเฟิงวิ่งอย่างแข็งขันด้านล่างนอกจากความผิดหวังแล้ว ยังมีอารมณ์ขันและความอ่อนโยนแฝงอยู่ในดวงตาด้วยหนึ่งสัปดาห์จึงผ่านไปสัปดาห์นี้ หลินเฟิงต้องอยู่ข้างตัวหลี่ฮุ่ยหรานทุกวัน คอยระวังการตอบโต้และการลอบโจมตีที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อการจัดการหลี่ซื่อกรุ๊ปนั้นง่ายกว่าที่คาดไว้ภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ บริษัทก็ฟื้นตัวจากภาวะตกต่ำครั้งก่อน โดยโครงการต่าง ๆ เริ่มหมุนเวียนอย่างราบรื่น ในฐานะผู้นำ หลี่ฮุ่ยหรานได้รับความชื่นชมและการสนับสนุนจากกรรมการและผู้ถือหุ้นรายใหญ่แน่นอนว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับข่าวลือไร้สาระภายในบริษัท ที่ว่าหลี่ฮุ่ยหรานมีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งอยู่เบื้องหลังท้ายที่สุดแล้ว เธอคือคนที่สามารถทวงเงินจากบริษัทเต๋อเซิ่งได้ เหล่าบอร์ดบริหารจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไร?สำหรับกัวโหย่วคัง เขายังคงถูกกักบริเวณในออฟฟิศตัวเอง สีหน้าอมทุกข์ แต่ยังไม่เต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้“พี่ คุณวางใจได้!”จางซินนั่งอยู่ข้
“แบบว่า...สามี อย่าไปเลย ฉันกลัวความมืดและอะไรแบบนี้….”เมื่อเห็นรอยยิ้มซุกซนของหลินเฟิงหลี่ฮุ่ยหรานเปิดปาก สับสนจนทำอะไรไม่ถูก และพูดว่า“ไม่ ฉันแค่ไม่คิดว่าเราจำเป็นต้องฟุ่มเฟือยและสิ้นเปลือง ค่าใช้จ่ายในการเปิดสองห้องนั้นสูง และมีข้อเสียมากมาย”หลี่ฮุ่ยหรานอยู่ในความสับสนและเริ่มพูดเรื่องไร้สาระแล้ว“ฮึ…”หลินเฟิงอดหัวเราะไม่ได้เมื่อเขาเห็นท่าทางเขินอายและโกรธของหลี่ฮุ่ยหรานในร่างผู้หญิงตัวเล็ก ๆและเมื่อหลี่ฮุ่ยหรานเห็นหลินเฟิงหัวเราะเยาะเธอ ในที่สุดเธอก็หยุดอธิบาย จากนั้นเบือนหน้าด้วยความโกรธ“เอาล่ะ ฉันจะไม่แกล้งคุณอีกแล้ว”หลินเฟิงก้าวไปข้างหน้าและนั่งลงข้าง ๆ หลี่ฮุ่ยหราน กอดเธอไว้ในอ้อมแขนและยิ้มพร้อมพูดว่า“ห้องหนึ่งก็คือห้องหนึ่ง แต่ฉัน หลินเฟิง ไม่ใช่คนทำอะไรไม่รู้จักคิด เมื่อฉันได้ลงหลักปักฐานจริง ๆ ฉันจะให้สถานะที่คุณสมควรได้รับแก่คุณ”“อย่ารีบร้อนในตอนนี้ คุณรู้ไหม?”ดวงตาที่จริงใจของหลินเฟิงทำให้หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก และเธอก็ทำปากยื่นเหมือนเด็กผู้หญิงที่ถูกกระทำผิด“แล้ว… เมื่อไหร่จะเป็นอย่างนั้น”“ใช่… เมื่อไหร่กันนะ…”หลินเฟิงกอดหลี่ฮุ่ยหร
306ทันทีที่ใช้การ์ดประตูนี้เปิดประตู หลินเฟิงก็มองไปที่ภายในห้องและตกตะลึงทันทีมันเป็นห้องนอนขนาดคิงไซส์!เขาหันศีรษะอย่างเกร็ง ๆ และมองไปที่หลี่ฮุ่ยหราน“ห้องสวีทระดับพรีเมียมมีคนจองไปแล้ว ดังนั้น ฉันจึงต้องตกลงที่จะเข้าพักในห้องดีลักซ์สวีทแทน ไม่ต้องกังวล สิ่งอำนวยความสะดวกในโรงแรมนี้ยังคงมีอยู่…”หลี่ฮุ่ยหรานเดินเข้ามาในห้องขณะพูดแต่ทันทีที่เธอเห็นเตียงขนาดใหญ่ในห้องที่กว้างขวาง ท่าทางของเธอก็แข็งค้างและเธอดูสับสนเล็กน้อย“เฮ้อ นี่….”หลินเฟิงเกาหัวและยิ้มอย่างเก้ ๆ กัง ๆหลี่ฮุ่ยหรานมองเห็นอะไรได้มากมายจากรอยยิ้มของหลินเฟิง และใบหน้าอันบอบบางของเธอก็แดงขึ้นขณะที่เธอพึมพำ“ไม่ควรเป็นอย่างนั้น ฉันจำได้ว่าฉันขอให้จางซินจองห้องชุด”หลี่ฮุ่ยหรานพูดแล้วเดินไปที่ทางเดินนอกห้องและทักทายพนักงานเสิร์ฟเพื่อสอบถาม“ฉันขอโทษจริง ๆ คุณหลี่ ห้องที่คุณขอให้เลขาจองไว้ก่อนหน้านี้ก็คือห้อง 506 ซึ่งเป็นห้องดีลักซ์สวีท”“แต่เนื่องจากต้องซ่อมบำรุงรักษาชั่วคราว เราจึงไม่สามารถย้ายเข้าได้ชั่วคราว เราได้จัดห้องดีลักซ์อีกห้องให้คุณแล้ว และเลขาของคุณก็ตกลงด้วย ดังนั้น”“ต้องขอโทษที่ไม่ได้แจ้
กลับมาที่โต๊ะอาหารอีกครั้งเมื่อเผชิญกับหน้ากับความกังวลของจางซิน จ้าวเว่ยก็อ้างเหตุผลอย่างไม่ใส่ใจ บังเอิญล้มลงและฝ่ามือของเขาไปกระแทกกับส้อมที่ใครบางคนทิ้งไว้จึงทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นเมื่อเห็นบาดแผลบนฝ่ามือของจ้าวเว่ย จางซินก็ไม่สามารถนั่งนิ่งได้และรีบดึงเขาออกไป“ไปกันเถอะ ฉันจะช่วยคุณหาหมอมาทำแผลให้”“ไม่จำเป็น”จ้าวเว่ยรู้สึกอาย เขาแอบเหลือบมองหลินเฟิงแล้วกระแอมออกมาพร้อมพูดว่า“คุณหลินเพิ่งรักษาฉันมาและตอนนี้ไม่เจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว”“ไม่ใช่มั้ง? เขาเป็นแค่หมอกระเป๋า คุณไว้ใจเขามากกว่าโรงพยาบาลจริงเหรอ? ไปกันเถอะ! อย่าเสี่ยงติดเชื้อเพราะผู้ชายคนนั้น ถ้ามันทิ้งรอยแผลเป็นไว้ คุณจะต้องเสียใจ…”จางซินไม่ไว้ใจหลินเฟิงเลยและเยาะเย้ยความคิดเรื่องการรักษาของเขาสุดท้าย จ้าวเว่ยทำได้เพียงปล่อยให้จางซินลากเขาออกไปอย่างช่วยไม่ได้ขณะที่เขาจากไป เขาพยักหน้าให้หลินเฟิงอย่างหมดหนทางหลินเฟิงดื่มกาแฟบนโต๊ะเท่านั้นและไม่แสดงปฏิกิริยาใด ๆ เพิ่มเติม“หลินเฟิง ก่อนหน้านี้ นาย…”เมื่อเห็นจางซินและจ้าวเว่ยจากไป หลี่ฮุ่ยหรานก็อดไม่ได้ที่จะมองหลินเฟิงที่ไม่ปิดบังอะไรและพยักหน้าพร้อมพูดว่
หลินเฟิงตกตะลึงไปชั่วขณะ ตระกูลหลงจะสู้สุดตัวกับตระกูลถังจริงหรือ?ก่อนหน้านี้ ถังเจี้ยนหยวนยังบอกด้วยว่ากลยุทธ์ของตระกูลหลงนั้นถูกวางแผนโดยหลงหยวนเพียงคนเดียว หากผู้นำตระกูลหลงอยู่ที่นี่ เขาจะไม่เสี่ยงทําเรื่องแบบนี้แน่นอนแต่ไม่คาดคิดว่าเวลาผ่านไปหนึ่งเดือนกว่า ท่าทางของตระกูลหลงก็เปลี่ยนไป พวกเขาต้องการทำสงครามกับตระกูลถังอย่างเต็มตัว?!แม้แต่วางแผนมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อโค่นล้มตระกูลหลี่ดูเหมือนว่าความพยายามส่วนใหญ่ของตระกูลหลงจะมุ่งเป้าไปที่เขา!หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลินเฟิงก็หัวเราะเยาะออกมา“ฉันเข้าใจแล้ว... เพราะเป็นอย่างนี้นี่เอง….”หลินเฟิงหยิบยาเม็ดสีเข้มน่ากลัว ออกมาจากกระเป๋าอย่างไม่ใส่ใจ ยัดเข้าไปในปากของจ้าวเว่ย แล้วพูดอย่างเย็นชา“ถ้านายรู้จักฉัน แกก็จะรู้ทักษะทางการแพทย์ของฉัน ยาเม็ดนี้เรียกว่าถังเจี้ยนหยวน และตั้งแต่วันที่แกกินยานี้ไป แกจะต้องได้รับยาแก้พิษทุกสัปดาห์”“ไม่งั้นสิ่งที่รอแกอยู่คือความเจ็บปวด โดยที่เส้นลมปราณของแกจะระเบิด และแกจะตายอย่างทุกข์ทรมานเป็นเวลาร้อยวัน”เมื่อได้ยินคำอธิบายของหลินเฟิง จ้าวเว่ยก็ตัวสั่นด้วยความกลัว“แน่นอนว่าฉัน