เลี่ยวกั๋วต้งขมวดคิ้วขึ้นเขาอยู่ใกล้ชิดกับจางกุ้ยหลานเพราะอยากได้เงินเธอเท่านั้น ทุกวันอยู่ใกล้กับหญิงแก่วัยสี่สิบจนเขาอยากจะอ้วกแล้ว เมื่อเห็นผู้ชายที่รักของเธอขมวดคิ้วขึ้น จางกุ้ยหลานเลยถามว่า "ทำไมหรอกั๋วต้ง คุณไม่ตกลงงั้นเหรอ?"“เอ่อ...จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงหละ?”เลี่ยวกั๋วต้งเปลี่ยนสีหน้าทันที พูดด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ "จริงๆฉันคิดเรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะ""ทำไมล่ะ?"“หนึ่งคือเราไม่มีสถานะกัน ถึงแม้ว่าเราจะแต่งงานครั้งที่สอง แต่ฉันคิดว่าก็ควรทำให้มันเป็นกิจลักษณะทำให้คนทั้งเจียงโจวรู้”เมื่อได้ยินจางกุ้ยหลานได้ยินสิ่งนี้ หน้าเธอก็ยิ้มอย่างเขินอาย "เราก็โตๆกันแล้ว ทำไมถึงคิดเรื่องเด็กๆแบบนี้อยู่?"“จะพูดแบบนี้ไม่ได้นะ การแต่งงานมันเป็นเรื่องใหญ่ ฉันมาเที่ยวมาบ้านคุณตลอดก็จะถูกคนอื่นเอาไปนินทาได้” เลี่ยวกั๋วต้งพูดอย่างชอบธรรมพอจางกุ้ยหลานได้ฟังก็รู้สึกว่าดูมีเหตุสมผลในใจก็รู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งขึ้น เธอไม่คิดว่าเลี่ยวกั๋วต้งจะคิดถึงเพื่อเธอมากมายขนาดนี้ตัวเองไม่ได้ดูคนผิดไปจริงๆเลี่ยวกั๋วต้งพูดอย่างเศร้าโศกในเวลานี้ "อีกอย่าง เรื่องที่บริษัทก็มีเ
จางกุ้ยหลานพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก "เหวินเชาวางใจเถอะ แม่จะโทรหาพี่สาวเราเดี๋ยวนี้"เธอรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาหลี่ฮุ่ยหรานในตอนนี้หลี่ฮุ่ยหรานกำลังจัดการเรื่องการเมืองในบริษัทอยู่จู่ๆ ก็มีสายเข้าจากแม่ เธอรู้สึกแปลกใจมาก“แม่ มีอะไรไหมคะ?”จางกุ้ยหลานบีบเอวแล้วกัดฟันพูดว่า "ฮุ่ยหราน น้องชายแกถูกตี"“อะไรนะ? ใครโดนตีมา?”“จะเป็นใครอีกล่ะ? แน่นอนว่าเป็นอดีตสามีของลูก” จางกุ้ยหลานพูดด้วยความโกรธ“หลินเฟิง? เพราะอะไร?” หลี่ฮุ่ยหรานถามอย่างสับสนจางกุ้ยหรานตอบว่า "จะเพราะอะไรอีก วันนี้พี่ชายของลูกไปสัมภาษณ์ที่บริษัทเซิ่งถัง หลินเฟิงไอ้สวะนั่นพูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับน้องชายของลูกกับถังหว่าน"“พี่ชายของลูกถูกไล่ออกแล้ว หลินเฟิงใช้โอกาสนี้แก้แค้น”“ตอนนี้ลูกโทรหาหลินเฟิง แล้วให้เขาขอโทษน้องชายของลูกซะ”หลี่ฮุ่ยหรานเบื่อหน่ายเลยพูดว่า "แม่ หลินเฟิงมีผลอะไรในการตัดสินใจของถังหว่านล่ะ?"“เขาเป็นเด็กที่อ่อนต่อโลกของถังหว่าน ขอร้องเขาสักนิดก็ได้แล้ว”หลี่ฮุ่ยหรานมองบนแม่มองว่าถังหว่านเป็นคนง่ายๆงั้นหรอหากถ้อยคำรักสองสามคำสามารถเปลี่ยนใจของถังหว่านได้ งั้นเธอก็จะไม่ล้ำเส้นถัง
ทันทีที่เข้าไป พนักงานธนาคารในชุดมืออาชีพก็รีบเดินมาข้างหน้าแล้วพูดว่า "คุณผู้ชายคะ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?"หลินเฟิงหยิบเช็คออกมา "เปิดบัญชีให้ผมหน่อยครับ และฝากเงินในเช็คเข้าไปครับ"เมื่อพนักงานเห็นเช็ค คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเงินจำนวนมหาศาลถึง 20 ล้าน จึงรีบพูดว่า "กรุณามากับฉันด้วยค่ะ ธุรกรรมของคุณเป็นบริการวีไอพีระดับสูง ฉันจะแจ้งให้ผู้จัดการทราบ และให้เขาช่วยจัดการให้ค่ะ”หลินเฟิงพยักหน้า "ยุ่งยากจัง"สุดท้ายแล้ว หากฝากเงินจำนวนมหาศาล 20 ล้านในธนาคารใดก็ตาม ก็อยู่ในระดับผู้มีอิทธิพลแล้วโดยปกติแล้วธนาคารไม่กล้าละเลยพนักงานธนาคารแนะนำหลินเฟิงเข้าไปในล็อบบี้ที่ตกแต่งอย่างหรูหราอีกทั้งยังนำกาแฟมาให้เขาเป็นการส่วนตัว โน้มตัวลงมาโดยไม่ลืมที่จะเบียดตัวเองเข้าไปชิดเนินเขาที่สวยงามปรากฏต่อหน้าหลินเฟิงธนาคารเจียงโจวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติมากมาย แต่คนรุ่นใหม่และร่ำรวยอย่างหลินเฟิงนั้นหายากโดยปกติแล้วพนักงานธนาคารไม่ยอมที่จะปล่อยโอกาสนี้ไปน่าเสียดายที่หลินเฟิงไม่ได้มองด้วยซ้ำนี่ทำให้เธอผิดหวังมากสักพัก ผู้จัดการในชุดสูทก็ได้เดินเข้ามาทันทีที่เข้าไป เขาก็โค้งคำนับหลินเฟิง"สวัสด
พนักงานเคาน์เตอร์ที่อยู่ข้าง ๆ มองพริบตาเดียวก็จำได้ว่าเป็นหลี่ฮุ่ยหราน เดินเข้าไปพูดด้วยความเคารพว่า “ที่แท้ก็คุณหลี่นี่เอง ผู้จัดการของเรากำลังให้บริการอยู่ค่ะ”“อ้อเหรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานถามอย่างแปลกใจเล็กน้อยว่า “งั้นเราคงต้องรออีกสักพักเลยสินะ”คนที่ทำให้ชุยข่ายถึงกับต้องให้บริการด้วยตนเองต้องเป็นคนไม่ธรรมดาแน่ ๆ บางทีอาจเป็นเจ้าสัวสักคนงั้นตนก็รออีกสักครู่แล้วกันพนักงานเคาน์เตอร์รีบพาพวกเขาไปที่ห้องพักรับรองทันทีหลังจากนั้นสักพัก หลินเฟิงก็ทำธุระเสร็จก็เดินออกมาหลี่ฮุ่ยหรานเห็นหลินเฟิงก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ “หลินเฟิง คุณมาทำอะไรที่นี่?”หลินเฟิงมองไปที่พวกเธอสามคนแล้วเอ่ยอย่างราบเรียบว่า “มาทำธุระที่นี่” “แล้วคุณล่ะ?”หลี่ฮุ่ยหรานพูดอธิบาย “บริษัทของคุณเลี่ยวต้องการเงินทุนห้าสิบล้าน จะยืมจากฉันห้าสิบล้าน ฉันเลยมาโอนเงินให้คุณเลี่ยวน่ะ”แววตาของหลินเฟิงนิ่งชะงัก หันกลับไปมองเลี่ยวกั๋วต้ง “คุณให้เขายืมเงิน?”ผู้ชายคนนี้ชอบโกหก ไม่ใช่คนที่น่าเชื่อถือหลี่ฮุ่ยหรานให้เขายืมเงิน จะได้เงินคืนกลับมาไหมนั้นยากที่จะบอกได้พอจางกุ้ยหลานเห็นหลินเฟิงก็ถึงกับขมวดคิ้ว ลุกขึ้นยืนทัน
“ทำไม? คุณอยากจะต่อยผมเหรอ?” หลินเฟิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาเลี่ยวกั๋วต้งกลืนน้ำลายไปหนึ่งอึก ครั้งก่อนสู้กับหลินเฟิงที่ร้านอาหารเขาเองก็รู้ตัวว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “คนอย่างนาย ไม่คู่ควรให้ฉันได้ออกแรงหรอก”เขาตะโกนเสียงดังในทันที “รปภ. ๆ”หลังจากเขาตะโกนเสียงดังไปได้ไม่เท่าไหร่ รปภ.ของธนาคารเจียงโจวก็รีบพุ่งตัวเข้ามาหัวหน้ารปภ.กลับรู้จักเลี่ยวกั๋วต้ง“คุณเลี่ยว เกิดอะไรขึ้นครับ?”เลี่ยวกั๋วต้งชี้ไปที่หลินเฟิงและพูดว่า “ไอ้เด็กนี่มันจะต่อยคนอื่น พวกนายไม่ใส่ใจเลยเหรอไง?”“ว่าไงนะครับ? กล้ามาสร้างความวุ่นวายในธนาคารเจียงโจวเลยเหรอ?”หัวหน้ารปภ.เห็นสายตาของหลินเฟิง ก็ยังเด็กมากอยู่นั่นแหละ ดูแค่แวบเดียวก็ดูไม่เหมือนคนรวยตะคอกด้วยเสียงเข้มว่า “รีบขอโทษคุณเลี่ยวเลยนะ”หลินเฟิงเหลือบมองเขาอย่างเมินเฉย “คุณคิดว่าคุณเป็นใคร กล้ามาสั่งผม?”“แม่งเอ๊ย” หัวหน้ารปภ.คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะกล้าทำตัวโอหังขนาดนี้เหวี่ยงกระบองในมือขึ้นมาแล้วฟาดไปที่หัวของหลินเฟิงหลินเฟิงยกฝ่ามือขึ้นเสียงดัง “ผัวะ” ทำให้หัวน้ารปภ.ถึงกับลอยออกไป“โอ๊ย......” ชั่วพริบตาหัว
“คุณหลินต่อยคุณก็สมควรแล้ว” ชุยข่ายพูดไปด่าไป“โอ๊ย......”เลี่ยวกั๋วต้งประคองเอวตนเองแล้วกรีดร้องอย่างข่มไว้ไม่อยู่ทำหน้างุนงงมองไปที่ชุยข่าย “ผู้จัดการชุย เรารู้จักกันมานาน ทำไมคุณถึงช่วยพูดแก้ต่างให้เจ้าเด็กนี่ล่ะ?”แม้แต่รปภ.ที่อยู่ข้าง ๆ ก็ยังอึ้งตาม ๆ กันหรือว่าไอ้เด็กนี่จะเป็นญาติของผู้จัดการชุย?ชุยข่ายจ้องเขาแล้วเอ่ยว่า “คุณหลินเป็นลูกค้าคนสำคัญของธนาคารเจียงโจวมาฝากเงินหนึ่งร้อยล้าน คุณคิดว่าคุณเป็นใคร”อีกคนเป็นลูกค้าที่มาฝากเงินสดหนึ่งร้อยล้าน กับอีกคนที่เอาแต่ร้องไห้อ้อนวอนขอกู้เงินกับตัวเองเขารู้ดีว่าควรจะช่วยใคร“ว่าไงนะ? ผู้จัดการชุย คุณไม่ได้เล่นตลกใช่ไหม?” จางกุ้ยหลานมองหลินเฟิงด้วยใบหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ “มัน...... มันจะเอาเงินมาจากไหนตั้งร้อยล้าน?”หลี่ฮุ่ยหรานก็ตกใจช็อคเหมือนกันหลินเฟิงมีเงินถึงร้อยล้านเลยเหรอ?ชุยข่ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณหลินได้ฝากเงินไว้ที่ธนาคารเจียงโจวเรียบร้อยแล้ว ยังจะไม่จริงอีกเหรอ?”“เช็คร้อยล้านนั่นอาจเป็นถังหว่านที่ออกให้ก็ได้”เมื่อได้ยินเช่นนั้นจางกุ้ยหลานก็รู้ในทันทีดวงตาคู่นั้นจ้องไปที่หลินเฟิงอย่างอิจฉานึก
“ก็บัตรเอทีเอ็มไง” จางกุ้ยหลานพูดออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำ“บัตรเอทีเอ็ม? ทำไมต้องให้คุณ?”หลินเฟิงรู้สึกตลกกับการทำตัวเย่อหยิ่งของเธอ“แกมานั่งกินนอนกินอยู่ในตระกูลหลี่ของเราตั้งสามปี แถมยังมาทำร้ายลูกชายฉันอีก หรือแกคิดว่าไม่ควรจ่ายเงินชดใช้?” จางกุ้ยหลานนับนิ้วแล้วเอ่ยว่า “ค่าที่แกมานั่งกินนอนกินสามปี แกต้องให้ห้าสิบล้าน ค่าหมอ ค่าทำขวัญที่ทำร้ายลูกชายฉันก็ห้าสิบล้านเหมือนกัน” “รีบเอาบัตรเอทีเอ็มมาให้ฉันเลย” “แม่...พอได้แล้ว เรารีบไปกันเถอะ” พอหลี่ฮุ่ยหรานได้ฟังการคิดบัญชีจากผู้เป็นมารดาถึงกับหมดคำพูดสามปีหลินเฟิงกินอะไรนักหนาถึงต้องจ่ายห้าสิบล้าน?เมื่อเผชิญหน้ากับแม่ที่งี่เง่าไร้เหตุผลแบบนี้ เธอก็รู้สึกขายขี้หน้าอยู่เล็กน้อย“แกหลีกไปเลย”จางกุ้ยหลานผลักลูกสาวออกไป วันนี้เธอต้องได้เงินร้อยล้านนี่หลินเฟิงยืนเอามือไพล่หลังและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “จางกุ้ยหลาน ผมหลินเฟิงคนนี้นั่งกินนอนกินที่บ้านคุณมาสามปี แต่ผมก็คืนให้พวกคุณไปหมดแล้ว” “แล้วที่หลี่เหวินเชาถูกต่อย นั่นเป็นเพราะเขาไปหลอกถังหว่าน ถ้าไม่รั้งถังหว่านไว้ พวกคุณก็จะได้เห็นว่าการแก้แค้นของถังหว่านนั้นน่ากลั
ภายในธนาคารเจียงโจวชุยข่ายเตะตูดเลี่ยวกั๋วต้งไปหนึ่งป๊าบ “ตายเหรอยัง? เมื่อไหร่จะคืนเงิน?”“ผู้จัดการชุย อีกสองวัน อีกสองวันผมจะคืนเงินให้”เลี่ยวกั๋วต้งลูบเอวของตนเองแล้วเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม“วันนี้ก็คงต้องขอให้ผู้จัดการชุยช่วยเป็นธุระให้ผมหน่อยนะครับ”“ยังจะให้ผมช่วยคุณอีกเหรอ? คุณรีบมาชำระเงินกู้ของธนาคารให้หมดเร็ว ๆ เลย ไม่อย่างนั้นก็อย่าเปิดบริษัทของคุณอีกเลย” ชุยข่ายด่ากราด“ผู้จัดการชุยขอให้คุณช่วยผมแค่ครั้งนี้ เงินกู้ยี่สิบห้าล้านของธนาคารเจียงโจว ผมสามารถคืนได้ในทันที”ชุยข่ายนิ่งชะงัก ถามอย่างไม่เข้าใจ “พูดว่าไงนะ?”“เมื่อกี้สาวสวยคนนั้นเป็นประธานของหลี่ซื่อกรุ๊ป เธอรับปากว่าจะโอนเงินห้าสิบล้านให้ผม พอถึงเวลานั้นเงินยี่สิบห้าล้านก็พอที่จะชำระคืนเงินกู้แล้ว”เลี่ยวกั๋วต้งพูดอย่างขบขันชุยข่ายมองเขาด้วยความสงสัย “ดูไม่ออกเลยนะ ว่าคนอย่างคุณจะมีความสามารถอยู่บ้าง จะทำให้แม่หนูนั่นเอาเงินให้คุณได้ตั้งห้าสิบล้านได้จริง ๆ เหรอ?”เลี่ยวกั๋วต้งยิ้มและตบเข้าที่เอวของตนเอง “เพราะเอวผมยังดีอยู่ไงล่ะ ถ้าได้แม่ของเธอแล้วเอามาทำเงินสักหน่อยก็สบายแล้วไหม?”ชุยข่ายครุ่น
ได้ยินการวิเคราะห์ของหลินเฟิง เฝิงเอ้อกับเฝิงชางถลึงตาโตทันที“เฝิงหลี?!”หรือว่าเมื่อครู่เฝิงหลีถือโอกาสตอนที่พวกเขาไม่ได้สังเกต วางยาพิษเฝิงอวี้อู่เป็นครั้งที่สองงั้นเหรอ?!ดังนั้นหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวเพิ่งรักษาจนดีขึ้นเล็กน้อย ก็ได้อาการหนักขึ้นทันที ?“ไอ้สารเลว ผมจะไปจับตัวเขามาถามเดี๋ยวนี้!”เฝิงเอ้ออารมณ์ร้อน ตะโกนเสียงดังด้วยความโมโหทันที“หยุดก่อน!”เฝิงชางกลับตะโกนเสียงดัง จ้องมองเฝิงเอ้อแล้วพูดว่า:“หรือว่านายอยากให้ตระกูลเฝิงของเราตายงั้นเหรอ?”“ไม่พูดก่อนว่านี่เป็นคำพูดของไอ้หมอนี่ฝ่ายเดียว ต่อให้ไอ้หนุ่มคนนี้พูดจริง หรือว่าพวกเราจะแตกหักกับเฝิงหลีจริงๆ งั้นเหรอ?!”“ถ้าหากไอ้หมอนี่รักษาไม่หาย งั้นพวกเราตระกูลเฝิงจะทำยังไง?!”เผชิญหน้ากับการสอบถามของเฝิงชาง เฝิงเอ้อนิ่งอึ้งอยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายก็โมโหจนทรุดนั่งลงกับพื้น“แม่งเอ๊ย แบนี้ก็ไม่ได้ แบบนั้นก็ไม่ได้ ทำให้ผมโมโหตายไปเลยเถอะ!”เมื่อเห็นว่าน้องรองของตัวเองโมโหขนาดนี้ เฝิงชางก็รู้สึกเชื่อความสามารถของหลินเฟิงขึ้นมาเล็กน้อย เขาจึงรีบถามว่า:“หลินเฟิง ถ้าหากคุณสามารถรักษาอวี้อู่กับหมอเทวดาเลี่ยวจนหายได
เลี่ยวจื้อหมิงอายุเยอะขนาดนี้ ถูกพวกเขาทำแบบนี้ ยังไงก็ต้องอายุสั้นลงสองปี“หลินเฟิง ผมเตือนคุณว่าทางที่ดีอย่างวู่วาม”“ยาพิษนี้แม้แต่หมอเทวดาเลี่ยวก็โดนโดยที่ไม่ระวัง ทางที่ดีนายช่างใจให้ดีเฝิงชางสีหน้าเย็นชา“หึ ไม่ฟังคำเตือนของผม ตอนนี้เสนอตัวออกมาแสร้งเป็นคนดีงั้นเหรอ?”หลินเฟิงไม่ได้มีความรู้สึกดีๆ อะไรต่อผู้นำตระกูลเฝิง เขาสามารถอยู่ที่นี่ได้ เป็นเพราะผลประโยชน์ล้วนๆ“เพียงแค่ผมช่วยเฝิงอวี้อู่ให้รอดได้ คุณก็จะบอกข่าวของหยินหลิงให้กับผมใช่ไหม?”“หยินหลิง?”ผู้นำตระกูลเฝิงนิ่งอึ้ง“ผู้นำตระกูล หยินหลิงก็คือชื่อของผู้นำตระกูลกลุ่มพันธมิตรบู๊”เฝิงเอ้อที่อยู่ข้างๆ รีบพูดขึ้น“......”สีหน้าของเฝิงชางอึดอัดเล็กน้อย ในเมื่อเมื่อครู่เขาบอกตำแหน่งของหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊ไปแล้ว อยู่ที่เรือนด้านหลังของตระกูลเฝิงของพวกเขาคราวนี้ หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊น่าจะถูกเขาพาตัวไปแล้วเป้าหมายก็เพื่อมอบให้กับผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษต่อให้เป็นแบบนี้ เฝิงชางพยักหน้าพูดว่า:“แต่ตอนนี้บวกกับหมอเทวดาเลี่ยว ในเมื่อคุณสามารถช่วยลูกชายของผมให้รอดได้ งั้นก็ช่วยหมอเทวดาเลี่ยวด้วยคงไม่ยากใช่
“เร็ว! น้องรอง อย่ามัวแต่ยืนอยู่ รีบไปเชิญอาจารย์ของหมอเทวดาเลี่ยว!”“พี่ใหญ่ อาจารย์ของหมอเทวดาเลี่ยวเป็นยอดฝีมือคนไหนกัน เขาไม่ได้พูด พวกเราจะรู้ได้ยังไง?!”เฝิงเอ้อที่ยืนอยู่ตรงประตูก็งุนงงเช่นเดียวกันหมอเทวดาลั่วตายอยู่ที่ตระกูลเฝิงของพวกเขา เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่แล้วเฝิงเอ้อรู้ดีเช่นกัน“พี่ใหญ่ เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว พี่มอบตัวหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรออกมาอย่างว่าง่ายดีกว่า แบบนี้ผมยังสามารถขอร้องให้ผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษถอนพิษให้ได้ ไม่อย่างนั้น จะไม่ทันการณ์แล้วจริงๆ!”เฝิงหลีใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์“ได้...ฉันมอบตัวให้! ฉันมอบให้!”เฝิงชางร้อนใจแล้ว ถ้าหากแค่ลูกชายของเขา งั้นเขายังสามารถสงบสติเลือกที่จะรับหรือไม่รับได้ และคิดถึงอนาคตของตระกูลแต่ชีวิตของหมอเทวดาเลี่ยงกลับไม่สามารถผิดพลาดได้หากเมื่อหมอเทวดาเลี่ยวเสียชีวิต พวกเขาตระกูลเฝิงก็จบสิ้นแล้ว“หึหึ วางใจเถอะพี่ใหญ่ มีผมอยู่ หมอเทวดาเลี่ยวกับหลานอวี้อู่ ไม่มีทางเป็นอันตรายอย่างแน่นอน”เฝิงหลียิ้มอย่างลำพองใจมากที่สุดแผนการของเขาในที่สุดก็สำเร็จแล้วต่อไป ผู้นำตระกูลของตระกูลเฝิงก็จะกลายเป็นเขาเฝิงหลีต
เฝิงอวี้อู่สงบลงแล้วแต่ตอนนี้สีหน้าของเขากลับดูแย่ลงกว่าเดิม ลมหายใจก็เปลี่ยนไปอ่อนแรง ถึงขั้นมีแต่ถอนหายใจ ไม่มีหายใจเข้าผิวทั่วตัวเริ่มคล้ำขึ้น“หมอเทวดาเลี่ยว นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”เฟิงชางวิตกกังวลมากจนไม่รู้จะทำอย่างไร เมื่อครู่ลูกชายของเขาเพิ่งดีขึ้น มันแย่ลงอีกแล้วเหรอ?“ผมดูหน่อย!”หมอเทวดาเลี่ยวถอดเข็มเงินที่เจาะเข้าไปในเส้นลมปราณหลักของเฝิงอวี้อู่ออกโดยตรง ใส่ไว้ในมือแล้วหมุน สีหน้าก็เปลี่ยนไป“หมอเทวดาเลี่ยวเป็นอะไรเหรอครับ?”เฝิงชางขยับเข้ามาถามใกล้ๆ ส่วนเฝิงเอ้อที่อยู่ไกลออกไปกลับเหม่อลอยเล็กน้อยเพราะว่าในตอนนี้จู่ๆ เขาก็นึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของหลินเฟิงขึ้นมาได้“อย่าลืมบอกหมอเทวาดาเลี่ยว ห้ามใช้มือสัมผัสเข็มเงินโดยตรง พิษนี้ต่อให้โดนแค่ผิวหนัง ก็ติดเชื้อได้อย่างรวดเร็ว”“หมอเทวดาเลี่ยว!”เฟิงเอ้ออดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา“หือ?”หมอเทวดาเลี่ยวกับเฝิงชางหันหน้ามาส่วนเฟิงเอ้อยังคงยื่นมือออกไป เขาต้องการพูดสิ่งที่หลินเฟิงเตือนไว้ก่อนหน้านี้ แต่ก็ดูไม่เหมาะสมนักหมอเทวดาเลี่ยวไม่รู้ว่ามันมีพิษเหรอ ต้องให้นายเตือนด้วย?สุดท้ายเฝิงเอ้ออ้าปาก แต่สุดท้ายก็ส่ายหน
เขาฝังเข็มโดนใช้ใจอย่างมาก แต่ละเข็มฝังลงไปได้อย่างแม่นยำในที่สุดหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวฝังเข็มสุดท้ายลงบนหน้าอกของเฝิงอวี้อู่ ความมืดบนใบหน้าของเฝิงอวี้อู่ก็ลดลงอย่างน่าอัศจรรย์แม้แต่ลมหายใจก็มั่นคงขึ้นไม่น้อย“เอ๊ะ?”เมื่อเห็นภาพนี้ เฝิงหลีที่อยู่ไกลออกไปดูตกใจ“นี่คือยาล้างพิษ แม้จะไม่ได้ผลเท่ากับยาของอาจารย์ของผม แต่ก็เป็นแบบจำลองที่วิจัยออกมาโดยศูนย์การแพทย์ตระกูลเลี่ยวของผม”ขณะพูด หมอเทวดาเลี่ยวยัดยาเม็ดสีเหลืองขนาดเท่าลำไยเข้าไปในปากของเฝิงอวี้อู่ยาเม็ดนี้ทานเข้าไปแล้วจะน้ำลายไหล ในสายตาของทุกคน ยาเม็ดนั้นกลายเป็นลูกบอลสีเหลืองไหลลงคอของเฝิงอวี้อู่ทันทีส่วนเฝิงอวี้อู่กลับไอสองครั้งในขณะที่หมดสติใบหน้าก็แดงก่ำอย่างผิดปกติ“ได้ผลจริงๆ ด้วย!”เห็นลูกชายของตัวเองดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เฝิงชางตื่นเต้นมากจนเขาคุกเข่าให้หมอเทวดาเลี่ยวทันที“ไม่เสียแรงที่เป็นหมอเทวดาเลี่ยว ก่อนหน้านี้คุณถ่อมตัวเกินไปแล้วจริงๆ!”เฝิงชางเห็นภาพนี้ คิดว่าลูกชายของตัวเองรอดแล้ว เมื่อครู่เป็นแค่คำถ่อมตัวของหมอเทวดาเลี่ยวและในตอนนี้หมอเทวดาเลี่ยวก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันเพราะวิธีการที่
เมื่อดูแบบนี้ เป็นที่น่าตื่นตะลึงหัวใจของหมอเทวดาเลี่ยวก็กระตุกมองแค่ใบหน้า ก็รู้ว่าคุณชายเฝิงอยู่ได้ไม่นานแล้ว หน้าผากเต็มไปด้วยอากาศสีดำ ใบหน้าดูเหมือนตายแล้ว นี่มันถูกพิษที่ไหนกันนี่เป็นการยื้อลมหายใจสุดท้ายด้วยซ้ำ!หากปล่อยลมหายใจสุดท้ายนี้ออกมา คุณชายตระกูลเฝิงคงจะตายไปนานแล้ว“เป็นยังไงบ้าง? หมอเทวดาเลี่ยว?”เฝิงชางและคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างๆ รีบถามด้วยความกังวลนี่คือลูกชายของเขา ยังเป็นความหวังสำหรับอนาคตของตระกูลเฝิงของพวกเขาอีกด้วย ตอนนี้เห็นลูกชายกลายเป็นแบบนี้ หัวใจของเฝิงชางแทบจะแตกสลาย“ผู้นำตระกูลเฝิงไม่ต้องร้อนใจ”หน้าผากของหมอเทวดาเลี่ยวเต็มไปด้วยเหงื่อถ้าหากพูดว่าเมื่อครู่เขายังรู้สึกว่าตัวเองมีความหวัง สามารถใช้ความคิดส่วนตัวของตัวเองได้ แต่ตอนนี้ หัวใจของเขาจมลงสู่ก้นบึ้งแค่มองรูปลักษณ์ภายนอกของคุณชายเฝิง อย่าว่าแต่เขาเลย ต่อให้อาจารย์ของเขามา เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถช่วยกลับมาได้“เฮ้อ…”หมอเทวดาเลี่ยวถอนหายใจ ภายใต้การจ้องมองของทุกคน“พิษที่คุณชายเฝิงโดนได้แทรกซึมเข้าอวัยวะภายในแล้ว เกรงว่ากระเพาะทะลุลำไส้เน่าไปแล้ว เหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย”“ผมทำ
ไม่ต้องพูดถึงหมอเทวดาเลี่ยวที่มีสถานะอันสูงส่งเลยพูดไร้สาระมากกว่านี้ นั่นก็เป็นการหาเรื่องใส่ตัวถ้าอีกฝ่ายโกรธและปฏิเสธที่จะทำการรักษา ตระกูลเฝิงจะหันไปพึ่งใครได้?หรือว่าจะไปหาหลินเฟิงคนนั้นงั้นเหรอ?“เมืองเจิ้งเต๋อ?”หมอเทวดาเลี่ยวตกตะลึงเล็กน้อย เขารู้อยู่แล้วว่าช่วงนี้หลินเฟิงอยู่ที่เมืองเจิ้งเต๋อ แต่เมื่อเห็นท่าทางของตระกูลเฝิงในเวลานี้ เขาก็ไม่สามารถยืนยันได้จึงทำได้แค่พยักหน้า ความสงสัยนี้วางเอาไว้ก่อนในเมื่อเมืองเจิ้งเต๋อมีคนมากมาย แต่คนที่สามารถกำเริบเสิบสานที่ตระกูลเฝิงได้กลับมีไม่เยอะหมอเทวดาเลี่ยวก็รู้สึกสงสัยเป็นธรรมดา“หึหึ หมอเทวดาเลี่ยว เชิญทางด้านนี้ครับ”เฝิงชางนำทางอยู่ข้างหน้า พาหมอเทวดาเลี่ยวไปที่ชั้นลอยโบราณ ทุกคนเพิ่งผลักประตูเขาไปก็ได้รับกลิ่นหอมที่รุนแรงของยา“อืม? เทียนหลงเสียน เจิ้นเฟิงจือ…”ยังไม่ได้เข้าห้อง หมอเทวดาเลี่ยวก็ย่นปลายจมูก ได้กลิ่นหอมอันล้ำค่าของสมุนไพรสมบัติล้ำค่าจำนวนมากได้ยินหมอเทวดาเลี่ยวพูดชื่อยาสมุนไพรมากกว่าสิบชนิดที่ไม่ขาดไปแม้แต่น้อย รอยยิ้มบนใบหน้าของเฟิงชางและเฟิงเอ้อค่อยๆ ลึกซึ้งขึ้นรีบพยักหน้าพูดว่า:“หมอเทวดา
“เดี๋ยวนะไอ้หนุ่ม สมองของนายไม่ได้มีปัญหาอะไรจริงๆ ใช่ไหม?”“ชู่วชู่วชู่ว อย่าเพิ่งพูด ให้ไอ้หมอนี่พูดพร่ำเพ้อไปเถอะ ให้หมอเทวดาเลี่ยวกราบเขา พรวด...”ทั้งสองคนพากันหัวเราะจนปวดท้องเนื่องด้วยคำพูดโอ้อวดของหลินเฟิงหมอเทวดาเลี่ยวมีสถานะอะไร?ทำไมจะต้องคุกเข่ากราบให้นายเด็กหนุ่มที่ไม่มีชื่อเสียง และอวดดีอย่างบ้าระห่ำแบบนี้ด้วย?เขายิ้มบางพูดว่า:“ถ้าหากผมพูดได้ไม่ถูกต้อง เช่นนั้นผมจะคุกเข่ากราบทั้งสองท่าน ชีวิตน้อยๆ ของผมก็จะปล่อยให้พวกคุณสองคนจัดการ”“แต่ถ้าหากผมพูดถูกต้อง...”หลินเฟิงมองไปทางทั้งสองคนและพูดอย่างนิ่งเฉยว่า:“พวกคุณคุกเข่าลง และคลานจากตรงนี้ไปที่หน้าประตูจวนตระกูลเฝิง อีกทั้งขณะที่คลาน จะต้องเลียนแบบหมาเห่าด้วย เป็นยังไง?”เห็นหลินเฟิงเล่นจริง ผู้คุ้มกันทั้งสองนิ่งอึ้งเล็กน้อยพวกเขาเห็นสีหน้าที่จะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มของหลินเฟิง ในใจก็รู้สึกกังวลใจเล็กน้อยดูยังไง ไอ้หมอนี่ก็ตั้งใจล่อให้พวกเขาติดกับชัดๆแต่ว่าการเดิมพันเกินเหตุไปหน่อยไหมให้หมอเทวดาเลี่ยว หมอเทวดาเมืองจิงที่มีชื่อเสียงโด่งดังกราบตรงหน้าเขา อีกทั้งขอร้องให้เขาลงมือรักษา?เรื่องแบบนี้พูดออกไปใคร
“คุณท่านรอง ไอ้หมอนี่พาลเกเรที่ตระกูลเฝิงของเราครับ!”“ใช่ครับคุณท่านรอง ไอ้หมอนี่กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว!””วันนี้พวกเราจะปิดประตูตีสุนัข สั่งสอนเขาอย่างดีสักหน่อย!”“หุบปาก”ฟังถึงตรงนี้ เฝิงเอ้อจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้นเขาเหลือบมองหลินเฟิง ไม่ได้พูดขอโทษอะไร แต่กลับมองไปทางลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงและพูดอย่างเย็นชาว่า:“ผู้ที่มาเยือนคือแขก ตระกูลเฝิงของเราจะให้คนนอกหัวเราะเยาะไม่ได้”“แยกย้ายไปให้หมด!”“แต่ว่าคุณท่านรอง...”“ทำไม?”เฝิงเอ้อถลึงตาใส่ และพูดด้วยความโมโห:“ไม่ฟังคำสั่งของฉันงั้นเหรอ?”“......”เห็นเฝิงเอ้อแสดงอำนาจ ลูกศิษย์ตระกูลเฝิงที่อยู่ในเหตุการณ์ทำได้แค่ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ และพากันแยกย้าย ก่อนจะเดินออกไป ก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่หลินเฟิง“คุณหลินเฟิง ไม่ว่าคุณจะมองตระกูลเฝิงของเรายังไง ลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงไม่จำเป็นต้องให้คนนอกมาอบรมสั่งสอน”“หวังว่าคุณจะเข้าใจ”หลังจากพูดคำเหล่านี้จบ เฝิงเอ้อก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปหลินเฟิงได้ยินแบบนี้ ก็รู้ว่าเฝิงเอ้อคนนี้ไม่ได้รู้สึกคาดหวังอะไรต่อเขาเลยสักนิด สำหรับเรื่องที่หลินเฟิงพูดว่าสามารถแก้พิษให้อวี