ถังหว่านรับสั่งยาอย่างระมัดระวังแล้วถามอย่างสงสัยว่า “คุณหลิน ว่าแต่ยาเม็ดเล็กนี้ชื่อว่าอะไร?”“ยาปรับประสานพลัง ฉันพัฒนามันตอนว่างๆ ตอนแรกจะใช้เพื่อเพิ่มความแรง แต่ได้เพิ่มตัวยาอื่นๆเข้าไป แล้วก็มีสรรพคุณด้านความงามเช่นกัน”ฟังเขาบรรยายสรรพคุณอย่างสงบนิ่งถังหว่านกับฉินอิ๋งยิ่งอึ้งจนปากค้าง บางอย่างดูน่าเหลือเชื่อยาลูกกลอนวิเศษนี้หลินเฟิงทำแบบไม่ได้ตั้งใจงั้นหรอ?เขาสามารถพัฒนายาลูกกลอนได้จริงๆ ถ้านี่ไม่ใช่พรสวรรค์แล้วมันคืออะไรพวกเขาทั้งสองไม่สงสัยเลยว่าใบสั่งยานี้เป็นของจริงหรือไม่ ยังไงซะทักษะการแพทย์ของหลินเฟิงพวกเขาก็เคยเห็นการพัฒนาศิลปะการต่อสู้เป็นเรื่องง่าย การพัฒนายาลูกกลอนก็ไม่ใช่เรื่องยากเช่นกันทำให้ถังหว่านอดไม่ไหวที่จะกอดจูบหลินเฟิงสักสองครั้ง ตัวเองพบสมบัติล้ำค่าเข้าให้แล้วเธอรีบเซ็นเช็คอย่างรวดเร็ว บนนั้นเขียนเลขศูนย์แถวยาวแล้วยัดในมือหลินเฟิง“หลินเฟิง เอาเงินนี้ไป”หลินเฟิงก้มหน้ามองเช็คธนาคารในมือจำนวนยี่สิบล้าน นี่มันไม่ใช่จำนวนน้อยๆเลย“คุณเก็บเงินนี้ไว้เถอะ...”เงินมันไม่มีความหมายกับเขาเลย ถ้าต้องการใช้ก็แค่ไปหาจ้าวเทียนหวา ถังหว่านกลับปฏิเสธไป
เลี่ยวกั๋วต้งขมวดคิ้วขึ้นเขาอยู่ใกล้ชิดกับจางกุ้ยหลานเพราะอยากได้เงินเธอเท่านั้น ทุกวันอยู่ใกล้กับหญิงแก่วัยสี่สิบจนเขาอยากจะอ้วกแล้ว เมื่อเห็นผู้ชายที่รักของเธอขมวดคิ้วขึ้น จางกุ้ยหลานเลยถามว่า "ทำไมหรอกั๋วต้ง คุณไม่ตกลงงั้นเหรอ?"“เอ่อ...จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงหละ?”เลี่ยวกั๋วต้งเปลี่ยนสีหน้าทันที พูดด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ "จริงๆฉันคิดเรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะ""ทำไมล่ะ?"“หนึ่งคือเราไม่มีสถานะกัน ถึงแม้ว่าเราจะแต่งงานครั้งที่สอง แต่ฉันคิดว่าก็ควรทำให้มันเป็นกิจลักษณะทำให้คนทั้งเจียงโจวรู้”เมื่อได้ยินจางกุ้ยหลานได้ยินสิ่งนี้ หน้าเธอก็ยิ้มอย่างเขินอาย "เราก็โตๆกันแล้ว ทำไมถึงคิดเรื่องเด็กๆแบบนี้อยู่?"“จะพูดแบบนี้ไม่ได้นะ การแต่งงานมันเป็นเรื่องใหญ่ ฉันมาเที่ยวมาบ้านคุณตลอดก็จะถูกคนอื่นเอาไปนินทาได้” เลี่ยวกั๋วต้งพูดอย่างชอบธรรมพอจางกุ้ยหลานได้ฟังก็รู้สึกว่าดูมีเหตุสมผลในใจก็รู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งขึ้น เธอไม่คิดว่าเลี่ยวกั๋วต้งจะคิดถึงเพื่อเธอมากมายขนาดนี้ตัวเองไม่ได้ดูคนผิดไปจริงๆเลี่ยวกั๋วต้งพูดอย่างเศร้าโศกในเวลานี้ "อีกอย่าง เรื่องที่บริษัทก็มีเ
จางกุ้ยหลานพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก "เหวินเชาวางใจเถอะ แม่จะโทรหาพี่สาวเราเดี๋ยวนี้"เธอรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาหลี่ฮุ่ยหรานในตอนนี้หลี่ฮุ่ยหรานกำลังจัดการเรื่องการเมืองในบริษัทอยู่จู่ๆ ก็มีสายเข้าจากแม่ เธอรู้สึกแปลกใจมาก“แม่ มีอะไรไหมคะ?”จางกุ้ยหลานบีบเอวแล้วกัดฟันพูดว่า "ฮุ่ยหราน น้องชายแกถูกตี"“อะไรนะ? ใครโดนตีมา?”“จะเป็นใครอีกล่ะ? แน่นอนว่าเป็นอดีตสามีของลูก” จางกุ้ยหลานพูดด้วยความโกรธ“หลินเฟิง? เพราะอะไร?” หลี่ฮุ่ยหรานถามอย่างสับสนจางกุ้ยหรานตอบว่า "จะเพราะอะไรอีก วันนี้พี่ชายของลูกไปสัมภาษณ์ที่บริษัทเซิ่งถัง หลินเฟิงไอ้สวะนั่นพูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับน้องชายของลูกกับถังหว่าน"“พี่ชายของลูกถูกไล่ออกแล้ว หลินเฟิงใช้โอกาสนี้แก้แค้น”“ตอนนี้ลูกโทรหาหลินเฟิง แล้วให้เขาขอโทษน้องชายของลูกซะ”หลี่ฮุ่ยหรานเบื่อหน่ายเลยพูดว่า "แม่ หลินเฟิงมีผลอะไรในการตัดสินใจของถังหว่านล่ะ?"“เขาเป็นเด็กที่อ่อนต่อโลกของถังหว่าน ขอร้องเขาสักนิดก็ได้แล้ว”หลี่ฮุ่ยหรานมองบนแม่มองว่าถังหว่านเป็นคนง่ายๆงั้นหรอหากถ้อยคำรักสองสามคำสามารถเปลี่ยนใจของถังหว่านได้ งั้นเธอก็จะไม่ล้ำเส้นถัง
ทันทีที่เข้าไป พนักงานธนาคารในชุดมืออาชีพก็รีบเดินมาข้างหน้าแล้วพูดว่า "คุณผู้ชายคะ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?"หลินเฟิงหยิบเช็คออกมา "เปิดบัญชีให้ผมหน่อยครับ และฝากเงินในเช็คเข้าไปครับ"เมื่อพนักงานเห็นเช็ค คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเงินจำนวนมหาศาลถึง 20 ล้าน จึงรีบพูดว่า "กรุณามากับฉันด้วยค่ะ ธุรกรรมของคุณเป็นบริการวีไอพีระดับสูง ฉันจะแจ้งให้ผู้จัดการทราบ และให้เขาช่วยจัดการให้ค่ะ”หลินเฟิงพยักหน้า "ยุ่งยากจัง"สุดท้ายแล้ว หากฝากเงินจำนวนมหาศาล 20 ล้านในธนาคารใดก็ตาม ก็อยู่ในระดับผู้มีอิทธิพลแล้วโดยปกติแล้วธนาคารไม่กล้าละเลยพนักงานธนาคารแนะนำหลินเฟิงเข้าไปในล็อบบี้ที่ตกแต่งอย่างหรูหราอีกทั้งยังนำกาแฟมาให้เขาเป็นการส่วนตัว โน้มตัวลงมาโดยไม่ลืมที่จะเบียดตัวเองเข้าไปชิดเนินเขาที่สวยงามปรากฏต่อหน้าหลินเฟิงธนาคารเจียงโจวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติมากมาย แต่คนรุ่นใหม่และร่ำรวยอย่างหลินเฟิงนั้นหายากโดยปกติแล้วพนักงานธนาคารไม่ยอมที่จะปล่อยโอกาสนี้ไปน่าเสียดายที่หลินเฟิงไม่ได้มองด้วยซ้ำนี่ทำให้เธอผิดหวังมากสักพัก ผู้จัดการในชุดสูทก็ได้เดินเข้ามาทันทีที่เข้าไป เขาก็โค้งคำนับหลินเฟิง"สวัสด
พนักงานเคาน์เตอร์ที่อยู่ข้าง ๆ มองพริบตาเดียวก็จำได้ว่าเป็นหลี่ฮุ่ยหราน เดินเข้าไปพูดด้วยความเคารพว่า “ที่แท้ก็คุณหลี่นี่เอง ผู้จัดการของเรากำลังให้บริการอยู่ค่ะ”“อ้อเหรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานถามอย่างแปลกใจเล็กน้อยว่า “งั้นเราคงต้องรออีกสักพักเลยสินะ”คนที่ทำให้ชุยข่ายถึงกับต้องให้บริการด้วยตนเองต้องเป็นคนไม่ธรรมดาแน่ ๆ บางทีอาจเป็นเจ้าสัวสักคนงั้นตนก็รออีกสักครู่แล้วกันพนักงานเคาน์เตอร์รีบพาพวกเขาไปที่ห้องพักรับรองทันทีหลังจากนั้นสักพัก หลินเฟิงก็ทำธุระเสร็จก็เดินออกมาหลี่ฮุ่ยหรานเห็นหลินเฟิงก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ “หลินเฟิง คุณมาทำอะไรที่นี่?”หลินเฟิงมองไปที่พวกเธอสามคนแล้วเอ่ยอย่างราบเรียบว่า “มาทำธุระที่นี่” “แล้วคุณล่ะ?”หลี่ฮุ่ยหรานพูดอธิบาย “บริษัทของคุณเลี่ยวต้องการเงินทุนห้าสิบล้าน จะยืมจากฉันห้าสิบล้าน ฉันเลยมาโอนเงินให้คุณเลี่ยวน่ะ”แววตาของหลินเฟิงนิ่งชะงัก หันกลับไปมองเลี่ยวกั๋วต้ง “คุณให้เขายืมเงิน?”ผู้ชายคนนี้ชอบโกหก ไม่ใช่คนที่น่าเชื่อถือหลี่ฮุ่ยหรานให้เขายืมเงิน จะได้เงินคืนกลับมาไหมนั้นยากที่จะบอกได้พอจางกุ้ยหลานเห็นหลินเฟิงก็ถึงกับขมวดคิ้ว ลุกขึ้นยืนทัน
“ทำไม? คุณอยากจะต่อยผมเหรอ?” หลินเฟิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาเลี่ยวกั๋วต้งกลืนน้ำลายไปหนึ่งอึก ครั้งก่อนสู้กับหลินเฟิงที่ร้านอาหารเขาเองก็รู้ตัวว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “คนอย่างนาย ไม่คู่ควรให้ฉันได้ออกแรงหรอก”เขาตะโกนเสียงดังในทันที “รปภ. ๆ”หลังจากเขาตะโกนเสียงดังไปได้ไม่เท่าไหร่ รปภ.ของธนาคารเจียงโจวก็รีบพุ่งตัวเข้ามาหัวหน้ารปภ.กลับรู้จักเลี่ยวกั๋วต้ง“คุณเลี่ยว เกิดอะไรขึ้นครับ?”เลี่ยวกั๋วต้งชี้ไปที่หลินเฟิงและพูดว่า “ไอ้เด็กนี่มันจะต่อยคนอื่น พวกนายไม่ใส่ใจเลยเหรอไง?”“ว่าไงนะครับ? กล้ามาสร้างความวุ่นวายในธนาคารเจียงโจวเลยเหรอ?”หัวหน้ารปภ.เห็นสายตาของหลินเฟิง ก็ยังเด็กมากอยู่นั่นแหละ ดูแค่แวบเดียวก็ดูไม่เหมือนคนรวยตะคอกด้วยเสียงเข้มว่า “รีบขอโทษคุณเลี่ยวเลยนะ”หลินเฟิงเหลือบมองเขาอย่างเมินเฉย “คุณคิดว่าคุณเป็นใคร กล้ามาสั่งผม?”“แม่งเอ๊ย” หัวหน้ารปภ.คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะกล้าทำตัวโอหังขนาดนี้เหวี่ยงกระบองในมือขึ้นมาแล้วฟาดไปที่หัวของหลินเฟิงหลินเฟิงยกฝ่ามือขึ้นเสียงดัง “ผัวะ” ทำให้หัวน้ารปภ.ถึงกับลอยออกไป“โอ๊ย......” ชั่วพริบตาหัว
“คุณหลินต่อยคุณก็สมควรแล้ว” ชุยข่ายพูดไปด่าไป“โอ๊ย......”เลี่ยวกั๋วต้งประคองเอวตนเองแล้วกรีดร้องอย่างข่มไว้ไม่อยู่ทำหน้างุนงงมองไปที่ชุยข่าย “ผู้จัดการชุย เรารู้จักกันมานาน ทำไมคุณถึงช่วยพูดแก้ต่างให้เจ้าเด็กนี่ล่ะ?”แม้แต่รปภ.ที่อยู่ข้าง ๆ ก็ยังอึ้งตาม ๆ กันหรือว่าไอ้เด็กนี่จะเป็นญาติของผู้จัดการชุย?ชุยข่ายจ้องเขาแล้วเอ่ยว่า “คุณหลินเป็นลูกค้าคนสำคัญของธนาคารเจียงโจวมาฝากเงินหนึ่งร้อยล้าน คุณคิดว่าคุณเป็นใคร”อีกคนเป็นลูกค้าที่มาฝากเงินสดหนึ่งร้อยล้าน กับอีกคนที่เอาแต่ร้องไห้อ้อนวอนขอกู้เงินกับตัวเองเขารู้ดีว่าควรจะช่วยใคร“ว่าไงนะ? ผู้จัดการชุย คุณไม่ได้เล่นตลกใช่ไหม?” จางกุ้ยหลานมองหลินเฟิงด้วยใบหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ “มัน...... มันจะเอาเงินมาจากไหนตั้งร้อยล้าน?”หลี่ฮุ่ยหรานก็ตกใจช็อคเหมือนกันหลินเฟิงมีเงินถึงร้อยล้านเลยเหรอ?ชุยข่ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณหลินได้ฝากเงินไว้ที่ธนาคารเจียงโจวเรียบร้อยแล้ว ยังจะไม่จริงอีกเหรอ?”“เช็คร้อยล้านนั่นอาจเป็นถังหว่านที่ออกให้ก็ได้”เมื่อได้ยินเช่นนั้นจางกุ้ยหลานก็รู้ในทันทีดวงตาคู่นั้นจ้องไปที่หลินเฟิงอย่างอิจฉานึก
“ก็บัตรเอทีเอ็มไง” จางกุ้ยหลานพูดออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำ“บัตรเอทีเอ็ม? ทำไมต้องให้คุณ?”หลินเฟิงรู้สึกตลกกับการทำตัวเย่อหยิ่งของเธอ“แกมานั่งกินนอนกินอยู่ในตระกูลหลี่ของเราตั้งสามปี แถมยังมาทำร้ายลูกชายฉันอีก หรือแกคิดว่าไม่ควรจ่ายเงินชดใช้?” จางกุ้ยหลานนับนิ้วแล้วเอ่ยว่า “ค่าที่แกมานั่งกินนอนกินสามปี แกต้องให้ห้าสิบล้าน ค่าหมอ ค่าทำขวัญที่ทำร้ายลูกชายฉันก็ห้าสิบล้านเหมือนกัน” “รีบเอาบัตรเอทีเอ็มมาให้ฉันเลย” “แม่...พอได้แล้ว เรารีบไปกันเถอะ” พอหลี่ฮุ่ยหรานได้ฟังการคิดบัญชีจากผู้เป็นมารดาถึงกับหมดคำพูดสามปีหลินเฟิงกินอะไรนักหนาถึงต้องจ่ายห้าสิบล้าน?เมื่อเผชิญหน้ากับแม่ที่งี่เง่าไร้เหตุผลแบบนี้ เธอก็รู้สึกขายขี้หน้าอยู่เล็กน้อย“แกหลีกไปเลย”จางกุ้ยหลานผลักลูกสาวออกไป วันนี้เธอต้องได้เงินร้อยล้านนี่หลินเฟิงยืนเอามือไพล่หลังและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “จางกุ้ยหลาน ผมหลินเฟิงคนนี้นั่งกินนอนกินที่บ้านคุณมาสามปี แต่ผมก็คืนให้พวกคุณไปหมดแล้ว” “แล้วที่หลี่เหวินเชาถูกต่อย นั่นเป็นเพราะเขาไปหลอกถังหว่าน ถ้าไม่รั้งถังหว่านไว้ พวกคุณก็จะได้เห็นว่าการแก้แค้นของถังหว่านนั้นน่ากลั
“นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนของรองผู้จัดการหลงซิ่วด้วยหรือเปล่า?”"เอ่อ... ใช่"พูดอย่างตรงไปตรงมา จวงฉุนก็เป็นแค่สุนัขของหลงซิ่วเนื่องจากเขาไม่ใช่นักบู๊และไม่ได้รู้จักผู้คนมากมาย เขาจึงถูกหลงซิ่วส่งมาที่เมืองเจิ้งเต๋อทำหน้าที่เป็นผู้นำเล็กๆ ของคนเหล่านี้แต่คนเหล่านี้จากตระกูลหลงล้วนเป็นนักบู๊ ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาจึงดูถูกจวงฉุนที่เป็นคนโลภโมบและหื่นกามอย่างเขาดังนั้นครั้งนี้พวกเขาถูกเรียกมา เพราะเห็นแก่หน้าของหลงซิ่วเท่านั้น จวงฉุนก็ไม่มีอำนาจที่จะสั่งพวกเขาได้เลยจวงฉุนก็รู้ดีถึงเรื่องนี้เช่นกันดังนั้นเอาหลงซิ่วออกมาเป็นโล่ไม่อย่างนั้น คนพวกนี้คงหันหลังแล้วจากไปทันที“ก็ได้ งั้นเราควรรีบลงมือปฏิบัติการ หากหลี่ซื่อกรุ๊ปพบเห็นเรา เราคงเดือดร้อนแน่”“อย่ากังวล คนจากหลี่ซื่อกรุ๊ปจะไม่รู้เรื่องนี้”จวงฉุนยิ้มอย่างเย็นชาเขาคิดว่าเขาทำหน้าที่เก็บความลับได้ดีมาก แต่เกรงว่าจวงฉุนคิดจนหัวระเบิดก็ยังไม่เข้าใจอิ่นนั่วเจียจริงๆ แล้วเป็นคนของหลี่ซื่อกรุ๊ปและคนที่อยู่ข้างกายอิ่นนั่วเจีย ไม่ใช่บอดี้การ์ดส่วนตัวของอิ่นนั่วเจีย แต่เป็นคนของกลุ่มหลี่ซื่อกรุ๊ปไม่ควรยุ่งด้วยมา
“เถ้าแก่เริ่น ผมว่าผมเป็นคนใจดีมากและไม่ชอบใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา คุณเชื่อผมไหม?”หลินเฟิงไม่ตอบคำถามที่น่ากระอักกระอ่วนอย่างยิ่งของเริ่นโหย่วไฉ แต่กลับถามคำถามด้วยรอยยิ้มแทนคำถามนี้ของหลินเฟิง ทำให้ใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้“แม่งเอ๊ย”“ทำร้ายคนของฉันไปหลายคนในพริบตาเดียว ยังพูดว่าเราถูกล้อมรอบโดยแกเพียงผู้เดียว ตอนนี้แกยังบอกฉันอีกว่าแกเป็นคนใจดี ไม่ชอบแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงอีกเหรอ?”เริ่นโหย่วไฉเกือบจะกลอกตาไปด้านหลังศีรษะแต่เมื่อลองคิดดูดีๆ เขาเองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?เขาเหลือบมองหลินเฟิง และเห็นได้ชัดจากท่าทางเยาะเย้ยว่าหลินเฟิงกำลังล้อเลียนเขาเป็นที่ชัดเจนว่าคำถามของหลินเฟิงในเวลานี้เป็นการเสียดสีต่อเริ่นโหย่วไฉเริ่นโหย่วไฉก็มีตอบสนองกลับมาได้ และรู้สึกซับซ้อนขึ้นมาทันใดเขาใช้ชีวิตเร่ร่อนในเมืองเจิ้งเต๋อมาครึ่งชีวิตแล้ว ระมัดระวังและหวาดกลัวอยู่เสมอ พยายามตัดสินใจเลือกทุกอย่างให้ปลอดภัยที่สุดแต่วันนี้การกระโดดซ้ำๆ ของเขาล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงเพราะตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจนักบู๊เลยเขาไม่สามารถเข้าใจความสามารถของหลินเฟิงได้เลยยิ่งกว่าพระเอกบู๊
“ผิดแล้ว เถ้าแก่เริ่น จากที่ผมดู เป็นพวกคุณที่ถูกผมล้อมเอาไว้เพียงคนเดียว"อีกทั้ง......"รอยยิ้มของหลินเฟิงลึกมากขั้น“แถมยังส่งคนที่อยู่เบื้องหลังที่จัดการหลี่ซื่อกรุ๊ปของผมมาตรงหน้าผมอีกด้วย ประหยัดเวลาที่ผมไม่ต้องตามหาพวกเขาทีละคน มันสะดวกจริงๆ”“อ๊ะ? นายกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่? นายคนเดียวล้อมพวกเราไว้..”ก่อนที่ เริ่นโหย่วไฉจะพูดจบ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปจากความมั่นใจในชัยชนะกลายเป็นความตกตะลึงจากนั้นความตื่นตระหนกก็เกิดขึ้นหลินเฟิงกระโดดออกจากห้องทำงานและกลายเป็นเงาที่พร่ามัวทันทีเขาพุ่งเข้าไปในกลุ่มลูกสมุนจำนวนหลายร้อยคน ลำพังคนเดียวอย่างเปิดเผย“อ๊ากกกก!”"เอื้อกกก!"“อ้าก แขนฉัน แขนฉัน!”ท่ามกลางเสียงโอดครวญของพวกอันธพาลที่นี่ หลินเฟิงก็เหมือนกับสิงโตที่พุ่งเข้าใส่ฝูงแกะ และไม่มีใครหยุดเขาได้ด้วยซ้ำก่อนที่พวกอันธพาลเหล่านี้จะตอบโต้ หลินเฟิงก็ได้เคลื่อนไหวไปแล้ว เขาตัดแขนหรือต้นขาของพวกเขาอย่างไม่ใส่ใจ ราวกับว่าเขากำลังเดินเล่นอยู่ในสวนทำให้พวกเขาสูญเสียความสามารถในการโจมตีหลายๆ คนมองเห็นเงาดำแวบผ่านไปและรู้สึกเจ็บปวดอย่างอธิบายไม่ถูกเมื่อมองลงไป
“สหาย!”หลังจากที่เริ่นโหย่วไฉตะโกนใส่หลินเฟิง เขาก็มองไปที่กลุ่มสกายของเขาและออกคำสั่งเสียงดัง:"พวกนายแค่ลากผู้ชายคนนั้นออกไป!"“คุณชายจวงฉุนจะกลับมาแล้ว รอให้เขามาถึง เขาพายอดฝีมือของตระกูลหลง ก็สามารถฆ่าไอ้หมอนี่ได้โดยตรง!”"เรารอดูการแสดงก็พอ!""ดี!"ไม่พูดไม่ได้ว่า เริ่นโหย่วไฉหัวหน้าเล็กคนนี้มีเกียรติมากพอสมควรต่อหน้าพวกอันธพาลพวกนี้หลังจากเขาออกคำสั่ง ลูกสมุนพวกนี้ก็ล้อมรอบห้องทำงานที่หลินเฟิงและอิ่นนั่วเจียอยู่เอาไว้ท่าทางแบบนี้ ไม่ได้จะสู้ตายกับหลินเฟิงแค่อยากล้อมหลินเฟิงและอิ่นนั่วเจียไว้ที่นี่เท่านั้น"ต่ำทราม!"อิ่นนั่วเจียก็มองความคิดของเริ่นโหย่วไฉออก ยกคิ้วขึ้นทันที จากนั้นชี้ไปที่เริ่นโหย่วไฉและพูดด่าทอ“ต่ำทราม? หึ อิ่นนั่วเจีย อย่าคิดว่าเธอเป็นซูเปอร์สตาร์แห่งประเทศมังกร แล้วไม่มีใครกล้าแตะต้องเธอ!”“เธอในตอนนี้ไม่มีคนหนุนหลัง กลับยังอยากพึ่งพาตัวเองยิ่งใหญ่ขึ้นมา เธอไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!”“น่ารังเกียจจริงๆ”อิ่นนั่วเจียกำหมัดแน่นจริงๆแล้วเริ่นโหย่วไฉก็พูดถูกครั้งนี้อิ่นนั่วเจียอยากสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในวงการบันเทิงของประเทศมังกร ด้วยความพ
ครั้งนี้หลินเฟิงไม่ปล่อยไปอีกแล้ว คว้าคอเสื้อของเขาแล้วกดไว้กับผนังอย่างแรง“อ๊า!”เริ่นโหย่วไฉท้ายทอยกระแทกกับกับกำแพงอย่างแรงเจ็บจนเขาร้องโอดครวญออกมา“เถ้าแก่เริ่น ดูเหมือนคุณจะยังไม่สามารถเห็นสถานการณ์ได้ชัดเจนนักนะ!”หลินเฟิงเข้าไปหาเริ่นโหย่วไฉแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม:"ตอนนี้ผมให้โอกาสคุณครั้งสุดท้ายแล้ว"หลินเฟิงเอื้อมมือไปหยิบเช็คจำนวนยี่สิบห้าล้านจากในกระเป๋า ต่อหน้าเริ่นโหย่วไฉ“คุณอยากเป็นสุนัขของตระกูลหลง ถูกผมบีบคอตายตอนนี้ หรือคุณอยากจะบอกทุกสิ่งที่คุณรู้ให้ผมฟัง”เมื่อเห็นหลินเฟิงฉีกเช็คแล้วโยนลงพื้น ใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉก็บิดเบี้ยวด้วยความเสียใจ“ฉัน...ฉัน...”เริ่นโหย่วไฉพูดคำเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเขาตกอยู่ในความสับสนอย่างสิ้นเชิง“ตัดสินใจไม่ได้เหรอ? งั้นผมช่วยคุณเอง”หลินเฟิงยิ้มอย่างเย็นชา ประสานนิ้วเข้าด้วยกันเพื่อรวบรวมกระแสพลังชี่แท้ แทงมันไปที่จุดตันเถียนของเขาทันใดนั้นพลังชี่แท้เป็นเกลียวถูกหลินเฟิงปล่อยเข้าสู่ร่างกายของเริ่นโหย่วไฉในขณะที่พลังชี่แท้ยังคงหมุนวนและขยายตัวต่อไปพลังชี่แท้นี้ยังคงกระแทกอยู่ในร่างของเริ่นโหย่วไฉไม่หยุด ทำให้เขาต้องกรี
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?”เริ่นโหย่วไฉหน้าตาโศกเศร้าเขาเป็นเพียงเจ้าของโรงงานเสื้อผ้าเล็กๆ ที่ต้องการสร้างรายได้ แม้ว่าจะมีอำนาจอยู่บ้าง แต่แค่ชื่อโรงงานเสื้อผ้าของเขาก็สามารถฟังออกโรงงานเสื้อผ้าหลงชิ่งจะเป็นโรงงานใหญ่โตอะไรได้ล่ะ?เงินที่เขาได้รับมาแค่พอเลี้ยงชีพพรรคพวกเมื่อครู่ได้เท่านั้นมีจวงฉุนจากตระกูลหลงมาก่อน บังคับให้ลูกน้องของเขาทำเครื่องแบบมากกว่าสิบชุดภายในเวลาไม่กี่วันใช้เพื่อปกปิดความเคลื่อนไหวของพวกเขาเขาจำนนต่อผลประโยชน์และการบังคับ ตัดเย็บเสื้อผ้าให้กับจวงฉุนและคนอื่นๆ อย่างเชื่อฟัง แต่คิดไม่ถึงว่าวันถัดมา เขาจะกลับมาอวดดีกับเขาอีกเขาและพรรคพวกได้ทำลายอุปกรณ์มูลค่าหนึ่งหมื่นล้านของหลี่ซื่อกรุ๊ป!แม่เจ้า นั่นมันหนึ่งหมื่นล้านเลยนะ!เมื่อได้ยินข่าวนี้เริ่นโหย่วไฉก็ตกใจจนสติแทบกระเจิง หากหลี่ซื่อกรุ๊ปตรวจสอบมาจนถึงเขาจวงฉุนของตระกูลหลงอาจจะสามารถหลบหนีไปได้ส่วนทางด้านเขาก็ซวย!ไม่ต้องพูดถึงการที่อิ่นนั่วเจียมาเยี่ยมเยียนด้วยตนเองแถมยังเอากดกระดุมของเขามาด้วย ซึ่งทำให้เขาตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้นภายใต้การแสดง เงินทอง และออเดอร์ของอิ่นนั่วเจีย ในที่ส
“เขาขู่กรรโชคผมบ่อยมากในช่วงนี้”"ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีภูมิหลังอย่างตระกูลหลง ผมคงสั่งให้ลูกน้องของผมฆ่าเขาไปแล้ว!"เมื่อพูดถึงตรงนี้ รอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉก็กลายเป็นความจนปัญญา"ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง"หลินเฟิงพยักหน้า จากนั้นเหมือนจะนึกถึงบางอย่างได้ จึงมองไปที่เริ่นโหย่วไฉแล้วพูดว่า:“อ่อใช่ครับ เรื่องกระดุมที่คุณเพิ่งพูดเมื่อครู่นี้ผลิตที่นี่จริงๆ ใช่มั้ยครับ”“ถูก...ถูกต้องแล้ว”เริ่นโหย่วไฉตกตะลึงไปชั่วขณะ เขารู้สึกงุนงงเล็กน้อยหลังจากที่เขาพูดสถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้ออกมา หลินเฟิงและอิ่นนั่วเจียก็ไม่ได้แสดงท่าทางกระวนกระวายหรือตึงเครียดอะไรออกมาตรงกันข้าม คนหนึ่งกลับสงบและมีสติมากกว่าอีกคน“พวกคุณอย่ากังวลเรื่องกระดุมเลย นี่มันก็สายมากแล้ว ผมคิดว่าจวงฉุนกับลูกน้องของเขาใกล้จะกลับมาแล้ว”"ถ้าคุณไม่ไปตอนนี้ ก็จะไม่มีโอกาสแล้ว"เริ่นโหย่วไฉ่พูดเร่งด้วยความร้อนรนในเมื่อเขาต้องการให้อิ่นนั่วเจียหนีไปและมอบเงินเช็คคงเหลือจำนวนยี่สิบห้าล้านบาทให้เขา!หากอิ่นนั่วเจียถูกจวงฉุนจับได้ เขาจะไปเอาเงินจากใคร?ตอนนี้กลับเป็นเริ่นโหย่วไฉที่งวิตกกังวลมากที่ส
หลังจากตัดสินใจที่จะเปิดเผยแผนการของจวงฉุน ความภาคภูมิใจก็ปรากฏบนใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉ“คุณอิ่นนั่วเจีย คุณยังจำผู้ชายที่ชื่อจวงฉุนเมื่อครู่นี้ได้ไหมครับ?”“จวงฉุน?”อิ่นนั่วเจียพยักหน้าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนดีอะไรแน่นอนแค่เธอจ้องมองเขาก็รู้ว่าเขามีเจตนาไม่ดีต่อเธอถึงขั้นที่ภายหลังยังสารภาพโดยตรง ไม่ได้เสแสร้งแล้วเขากล่าวว่าอยากตรวจร่างกาย เพื่อตรวจสอบว่าเป็นของธรรมชาติหรือของเทียมแค่คิดก็ทำให้คนรู้สึกอยากอ้วกทำไมถึงได้มีคนไร้ยางอายแบบนี้นะ“มีอะไรเหรอคะเถ้าแก่เริ่น เขาจะทำร้ายฉันเหรอ?”อิ่นนั่วเจียข่มความคลื่นไส้ในใจและยื่นหน้าเข้าไปถาม"ถูกต้องครับ"เริ่นโหย่วไฉถอนหายใจเล็กน้อยและกล่าวว่า:"ผมจะบอกความจริงกับคุณแล้วกัน!"“จวงฉุนคนนี้เป็นสมาชิกของตระกูลหลง แต่เขาเป็นแค่ลูกสมุนเท่านั้น เป็นแค่ตัวประกอง”“ครั้งนี้เขาพายอดฝีมือของตระกูลหลงมาด้วยหลายคน ซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออย่างลับๆ ไม่รู้ว่าเขากำลังวางแผนอะไรอยู่”หลังจากหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าหลินเฟิงและอิ่นนั่วเจียต่างจ้องมองเขา เริ่นโหย่วไฉพิจารณาคำพูดของเขาเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า:“กระดุมที่คุณเอาออก
เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียก็ตกตะลึงเล็กน้อยเธอในฐานะซูเปอร์สตาร์แห่งประเทศมังกร แม้จะพิถีพิถันมากในการเลือกและออกแบบชุดของเธอ แต่โรงงานเล็กๆ แบบนี้กลับกล้าที่จะเรียกร้องเงินจำนวนมหาศาล ถึงยี่สิบห้าล้านบาทเรื่องนี้มันเกินเหตุไปหน่อยแล้วเงินยี่สิบห้าล้านบาทสำหรับอิ่นนั่วเจียไม่ใช่จำนวนเงินที่มากนัก แต่เอาเงินให้คนแบบนี้ ในใจของอิ่นนั่วเจียรู้สึกไม่พอใจเท่าไหร่นักเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียตกตะลึง เริ่นโหย่วไฉก็ไม่ได้อุบอิบแต่พูดอย่างจริงจังว่า:“เชื่อผมเถอะครับ คุณอิ่นนั่วเจีย เวลาของคุณเหลือไม่มากแล้ว มีแต่คุณยอมทำข้อตกลงกับผมเท่านั้น คุณจึงจะหนีจากอันตรายได้”"ฉัน......"ขณะที่อิ่นนั่วเจียกำลังแสดงท่าทีลังเลว่าจะจ่ายเงินยี่สิบห้าล้าน หลินเฟิงก็ก้าวไปข้างหน้า“ผมตกลงแทนของคุณอิ่นนั่วเจีย”หลินเฟิงหยิบเช็คออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขา เขียนตัวเลขยี่สิบห้าล้านด้วยปากกาในห้องทำงานของเขาต่อหน้าเริ่นโหย่วไฉ จากนั้นส่งให้เริ่นโหย่วไฉอย่างเบามือ“ดี...ดีๆๆ”เริ่นโหย่วไฉหยิบเช็คขึ้นมาแล้วตรวจดู เขาพบว่ามันไม่ได้เป็นของปลอม ใบหน้าของเขามีความสุขทันใด และสีหน้าของเขาเต็มไปด้วยคว