“นายทำได้ไม่เลว วางใจได้ ฉันหลินเฟิงไม่ใช่คนที่ไม่รักษาคำพูด นี่คือยาแก้พิษ นายทานเข้าไป สามารถแก้พิษในร่างกายของนายได้ชั่วคราว”“ขอบคุณครับคุณหลิน”จ้าวเว่ยรับมาด้วยความเคารพครู่หนึ่ง หลินเฟิงก็พูดต่อว่า: “ฉันดูแล้วนายก็ฝึกวิทยายุทธศิลปะการต่อสู้ด้วยเหรอ?”“เอ่อ...”จ้าวเว่ยเกาศีรษะอย่างกระอักกระอ่วน และฝืนยิ้มพูดว่า:“เคยเรียน แต่พรสวรรค์ของผมไม่เพียงพอ เคยเรียนแค่ท่วงท่าผิวเผินเท่านั้น ดังนั้น...”“อืม”หลินเฟิงยื่นยาเม็ดนี้ให้เขา พร้อมทั้งพยักหน้าพูดว่า:“นี่คือยาอมตะเลือดราชันย์ สามารถเพิ่มพลังชีวิตในร่างกายให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นได้ ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นทำให้โครงกระดูกมีเนื้องอกขึ้นมา หรือชุบชีวิตคนตายได้ แต่ผลลัพธ์ก็พอๆกัน”“ครั้งหน้าฝึกวิทยายุทธการต่อสู้ นายก็กลืนยาเม็ดนี้เข้าไป เพียงพอที่จะทำให้นายเข้าสู่การเป็นยอดฝีมือกำลังภายในได้”“ขอบคุณคุณหลินมากๆ ครับ!”จ้าวเว่ยรับยาเม็ดนี้มาด้วยความตื่นเต้น ในสายตาของเขาเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจวิชาศิลปะการต่อสู้ผิวเผินบนตัวของเขา ได้รับมาจากหลงเซียวแน่นอนอยู่แล้วในตอนที่เขาแสดงออกว่าเขาเรียนรู้ช้ามาก หลงเซียวกลับมีท่าทางที่ไม่
ในที่สุดกัวโหย่งคังก็ยอมรับความพ่ายแพ้ถึงแม้ว่าจะเห็นแก่หน้าของเผิงกวงฉี่ แต่หลี่ฮุ่ยหรานก็รู้ว่าครั้งนี้ เธอสามารถรับช่วงหลี่ซื่อกรุ๊ปได้เร็วขนาดนี้ และทำให้ปัญหาที่แก้ยากหมดไปด้วยเช่นกันทุกอย่างล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับหลินเฟิงอย่างไรก็ตามคนสำคัญอย่างหลินเฟิงก็ไม่ได้หยุดอยู่ที่หลี่ซื่อกรุ๊ปนานเกินไปหลังจากที่เขาได้ยินว่ากัวโหย่วคังยอมรับความพ่ายแพ้ ก็ยิ่งรู้สึกวางใจ และส่งมอบหลี่ซื่อกรุ๊ปให้กับหลี่ฮุ่ยหรานและเผิงกวงฉี่แล้วเขาก็รีบขับรถไปทางเมืองจิง“หลินเฟิง ถังหว่านไม่ให้ฉันบอกคุณเรื่องของตระกูลถัง...ตอนนี้มันซับซ้อนมาก”หลินเสวี่ยเยี่ยน เแม่ของถังหว่านร้องไห้ผ่านทางโทรศัพท์พร้อมกับพูดว่า :“ดูเหมือนว่าพ่อของเขาจะถูกวางยาพิษแล้วหมดสติไป พวกเราอยากจะถามเขาว่าเมื่อคืนวานมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แต่ก็ไม่มีวิธีอื่น”“ทางพันธมิตรบู๊ขอแค่ให้พวกเราส่งคนให้ และหากยังเป็นแบบนี้ต่อไป ตระกูลถังก็คงจะไม่สามารถทนต่อความกดดันได้อีกแล้ว”“คุณน้า คุณไม่ต้องร้อนใจ”หลินเฟิงถือพวงมาลัยด้วยมือข้างหนึ่ง โดนที่มืออีกข้างถือโทรศัพท์อยู่ พร้อมกับพูดอย่างใจเย็นว่า :“ถังหว่านล่ะ? ตอนนี้เธอถึงเมื
“เฮ้อ....”เมื่อเห็นหลินเฟิงพยักหน้าให้กับตัวเองแล้ว หยินหลิงก็เหมือนกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก พร้อมกับนิ้วของเธอที่ถือกระบี่ก็ผ่อนคลายลงอย่างมาก“ผู้นำ เมื่อครู่ชายคนนั้นคือ....”“เขาเป็นศิษย์พี่ของฉัน”เห็นได้ชัดว่าหยินหลิงไม่ต้องการที่จะพูดมากไปกว่าแค่ประโยคนี้“ศิษย์พี่....”ผู้อาวุโสที่อยู่ด้านข้างครุ่นคิด ก่อนจะพึมพำกับตัวเองว่า :“ศิษย์พี่ที่นามสกุลหลิน......ฉันเหมือนกับจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว....”หยินหลิงเหลือบมองผู้อาวุโสที่กำลังพูดกับตัวเอง แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือยืนยัน“ปัง!”หลินเฟิงเตะประตูห้องโถงประชุมให้เปิดออกในเวลานี้ห้องโถมประชุมของตระกูลถังเต็มไปด้วยผู้คน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่พอใจอย่างมากกับวิธีการเข้ามาที่หยาบคายของหลินเฟิงถึงขนาดที่หลาย ๆคนอยากจะดุด่าทันที“เอาล่ะ” ถังเจี้ยนหยวนที่ถูกหลินเฟิงทำให้ตกใจเช่นกัน แต่เขาก็ตอบสนองกลับมาอย่างรวดเร็ว และใช้สายตาเพื่อหยุดไม่ให้คนรอบตัวตำหนิเรื่องในคราวนี้ร้ายแรงเกินไปมันเกี่ยวข้องกับคำแถลงและการเจริญและเสื่อมถอยของตระกูลถังไม่ใช่เวลาที่จะมาปฏิบัติตามมารยาทและศีลธรรม ถังเจี้ยนหยวนก้านไปข้างหน้า ก่อนจ
“เอาล่ะคุณน้า ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาระบายอารมณ์นะ ตอนนี้พวกเราต้องหาคำตอบให้ชัดเจนว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”หลินเฟิงว้าวุ่นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะดึงหลินเสวี่ยเยี่ยนออกไป“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”ถังว่านหลี่เหลือบมองผู้คนที่อยู่โดยรอบ แล้วทำสีหน้าสงสัยก่อนจะตบศีรษะ พร้อมกับนึกคิดย้อนความทรงจำและขมวดคิ้วพูดว่า :“ไม่ถูกสิ ฉันไม่ใช่ตัวแทนตระกูลถังไปเข้าร่วมงานเลี้ยงตอนเย็นของลูกสาวผู้ว่ารัฐมนตรีประจำเมืองจิงงั้นเหรอ? ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่ได้ล่ะ?” “เป็นถังจวินที่พาคุณกลับมา”ถังเจสี้ยนหยวนมองไปที่ชายร่างสูงที่ร่างกายแข็งแรง วัยสามสิบกว่าปีที่อยู่ด้านข้าง“ถังจวิน?”ถังว่านหลี่ตกตะลึง ถังจวินคนนี้คือหัวหน้าหน่วยลับของตระกูลถัง เป็นลูกบุญธรรมของคุณปู่ตระกูลถัง ที่ได้มอบนามสกุลถังให้หากคระกูลถังส่งหน่วยลับไปช่วยชีวิตตัวเองกลับมา ถ้าอย่างนั้นเรื่องราวก็คงจะซับซ้อนแล้ว “อาถัง คุณยังจำงานเลี้ยงตอนเย็นเมื่อวานว่ามันเกิดอะไรขึ้นได้ไหม?”“งานเลี้ยงเมื่อวาน?”ถังว่านหลี่พยายามนึกให้ออก ก่อนจะส่ายหัวด้วยความเจ็บปวดและพูดว่า :“ฉันจำได้แค่ว่าฉันดื่มเหล้าของหลงเซียวที่มายื่นให้ด้วยความเคารพไปหนึ
“พวกคุณเข้ามาไม่ได้!”ผู้คุ้มกันของตระกูลถังขัดขวางนักบู๊เหล่านี้อยู่ที่หน้าประตู ปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างซื่อสัตย์“ดูให้ดีนะ ในมือฉันมีหลักฐานที่ถังว่านหลี่กระทำเรื่องเลวร้าย และหมายจับที่อนุมัติลงมาโดยผู้ว่ารัฐมนตรีประจำเมืองจิง!”“ถ้าหากตระกูลถังของพวกคุณยังกล้ากีดขวางอีก เช่นนั้นก็จะเป็นศัตรูกับกลุ่มพันธมิตรบู๊ และทั้งประเทศมังกร หลีกไปซะ!”หลังจากเสียงตะโกนของหยินหลิงผู้คุ้มกันของตระกูลถังมองหน้ากันไปมาจากนั้นทำได้เพียงหลีกทางให้ด้วยท่าทางหดหู่ถ้าหากเปิดศึกกับกลุ่มพันธมิตรบู๊ การตัดสินแบบนี้พวกเขาไม่กล้าคิดเลยอีกทั้งฝ่ายที่เสียเปรียบก็คือพวกเขาพวกเขาจับคนอย่างถูกกฎหมาย หลักฐานวางอยู่ตรงหน้าพวกเขาถ้าหากกล้าขัดขืนอีก แบบนั้นก็จะเป็นการปกป้องคนผิดแล้วเห็นได้ชัดว่า หยินหลิงรอหลักฐานด้วยเวลาที่นานขนาดนี้ อันที่จริงก็เพื่อลดภัยแห่งความตายถ้าหากเมื่อครู่ไม่มีหลักฐานแล้วฝืนบุกเข้าไปที่ประตูตระกูลถังก็ต้องเกิดการสู้รบกันยกใหญ่“ไป!”หยินหลิงพาลูกน้องของกลุ่มพันธมิตรบู๊ ไม่นานนักก็มาถึงวิลล่าขนาดเล็กที่ถังว่านหลี่อาศัยอยู่“ถังว่านหลี่ตระกูลหลี่! ลวนลามหลี่เซี่ยงถง
“ไม่ได้นะ ท่าผู้นำ ไม่สามารถปล่อยอาว่านหลี่ไปกับพวกเขาได้!”“ใช่แล้วท่านผู้นำ อย่างมากพวกคุณกับพวกเขาจะต้องต่อสู้กันจนตายทั้งสองฝ่าย!”“ใช่ พวกเราไม่กลัวตาย!”เมื่อเห็นกลุ่มศิษย์น้องของตระกูลถังที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ทันใดนั้นใบหน้าของถังเจี้ยนหยวนก็เย็นชาขึ้นมาทันที“สู้กันจนตายทั้งสองฝ่าย? เหอะ พูดง่ายนักนะ!”“พวกแกเคยคิดหรือเปล่า หากต้องมีปัญหากับผู้ว่ารัฐมนตรีเมืองจิง แล้วตระกูลถังของพวกเราจะมีผลกระทบขนาดแค่ไหน?!”“ไม่ต้องพูดว่าพวกเรายากที่จะรับมือกับนักบู๊ไของกลุ่มพันธมิตรบู๊ได้ ราวกับผู้ว่าโกรธ แล้วระดมกำลังทหารไปทั่งทั้งเมืองจิงอย่างนั้นตระกูลถังของเราคงจะจบลงอย่างแท้จริงแล้ว!”“ถึงตอนนั้น...”ถังเจี้ยนหยวนมองไปรอบ ๆ ก่อนจะพูดอย่างเฉยเมยว่า :“พวกเราไม่เพียงแต่จะล้างความอัปยศไม่ได้แล้ว แต่ยังถูกฆ่าด้วยน้ำมือของคนอื่น!”“ศัตรูของพวกเรา คงจะกังวลที่พวกเราไม่หาเรื่องตายไปซะ”“เขาหวังว่าพวกเราจะปะทะกับกลุ่มพันธมิตร!”ถังเจี้ยนหยวนตะโกนประโยคนี้ออกมา ทันใดนั้นก็ทำให้คนตระกูลถังทุกคนที่อยู่โดยรอบตกใจกันทันที“แต่ว่า....ท่านผู้นำ แล้วพวกเราจะยอมรับความพ่ายแพ่งั้นเหรอ?”
ด้วยเหตุนี้ ทุกคนในตระกูลถังจึงทำได้เพียงเฝ้าดูถังว่านหลี่ถูกนักบู๊กลุ่มพันธมิตรสองคนลากออกไปอย่างรุนแรงโดยช่วยอะไรไม่ได้“พ่อเอ๊ย!”หลินเสวี่ยเยี่ยนอยากจะไล่ตามไป แต่กลับถูถังเจี้ยนหยวนขวางเอาไว้“น้องสะใภ้ ฉันรู้ว่าคุรไม่สบายใจ แต่.....อย่าเศร้าไปเลย พวกเราจะต้องหาหลักฐานให้เจอโดยเร็วที่สุด....” เมื่อถังเจี้ยนหยวนพูดออกมาแบบนี้ สีหน้าของตัวเขาเองก็ดูทำอะไรไม่ถูกอย่างยิ่ง และไม่มีสิทธิ์เกลี้ยกล่อมอะไรได้“หยิงหลิง!”หลินเฟิงไล่ตามออกไป โดยที่ทุกคนในตระกูลถังต่างก็ไม่ทันสังเกตการตะโกนของหลินเฟิงทำให้หยินหลิงตกตะลึงไปชั่วครู่ เธอชะงักเล้กน้อย ก่อนที่รอยยิ้มแข็ง ๆจะปรากฏบนใบหน้าก่อนจะค่อย ๆหันหลังกลับไปถ้าเป็นไปได้ หยินหลิงก็ไม่อยากเจอหลินเฟิงในสถานการณ์แบบนี้สิ่งนี้จะทำให้เธอดูเหมือนเป็นคนเลือดเย็นอย่างไม่ต้องสงสัยหลังจากแยกทางกันมานาน เธอก็ไม่อยากทิ้งความรู้สึกไม่ดีแบบนี้ไว้ในใจของหลินเฟิง“พี่....หลินเฟิง มีอะไรหรือเปล่า?”“เขา”หลินเฟิงยื่นนิ้วไปชี้ถังว่านหลี่ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดีนักว่า :“อาถังว่านหลี่ เขาถูกใส่ร้ายจริง ๆ”“เขาถูกวางยาพิษปรสารท ไม่
ถึงแม้พวกเขาไม่รู้ว่าหลินเฟิงกับหยินหลิงคุยอะไรกันแต่ประโยคสุดท้าย พวกเขาได้ยินแล้วนั่นก็คือหยินหลิงคิดที่จะรับข้อเสนอของหลินเฟิง ปกป้องถังว่านหลี่แทนเขาเป็นเวลาสองวันอย่ามองเวลาแค่สองวัน นี่เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ต้องรู้ไว้ว่า ผู้ว่ารัฐมนตรีประจำเมืองจิงมีพลังอำนาจมากแค่ไหนกัน?ลูกสาวของเขาถูกลวนลามต่อหน้าสาธารณะ ความแค้นแบบนี้ จะยอมให้ยืดเวลาออกไปสองวันแล้วค่อยแก้แค้นได้อย่างไร?ไม่แน่ พวกเขาเพิ่งจะพาตัวถังว่านหลี่ไป จากนั้นถังว่านหลี่ก็ถูกฆ่าตายในทันทีส่วนหยินหลิงที่เป็นเจ้าแห่งพันธมิตรบู๊คนนี้ ดูภายนอกยิ่งใหญ่แต่มากสุด ก็แค่รปภ. ระดับสูงก็เท่านั้นเองเพียงแค่ว่าสิ่งที่เธอรักษาความปลอดภัย ก็คือเมืองเจิง หัวใจของทั้งประเทศมังกรผิดใจกับผู้ว่ารัฐมนตรีประจำเมืองจิง เธอก็จะเดือดร้อนเช่นกันดังนั้นได้ยินหยินหลิงรับปากหลินเฟิง นักบู๊ของกลุ่มพันธมิตรบู๊และเหล่าผู้อาวุโสพากันสีหน้าเปลี่ยนไป รีบเข้ามาห้ามปรามไว้“ผู้นำ ไม่ได้นะ!”“จริงด้วยผู้นำ ถ้าหากคุณทำแบบนี้ ก็เท่ากับล่วงเกินผู้ว่ารัฐมนตรีประจำเมืองจิง นี่...นี่จะส่งผลเสียต่ออนาคตของคุณนะ!”ผลลัพธ์ของการที่เธอป
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน