“ดังนั้นพวกเราจึงทำได้แค่ยอมแพ้งั้นเหรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานขมวดคิ้ว พร้อมกับถอนหายใจออกมาเบา ๆพูดตามตรง เธอไม่อยากให้กัวโหย่วคังทำสำเร็จจริง ๆ แต่มีบางเรื่องที่ทำไม่ได้ก็คือทำไม่ได้ ไม่สามารถที่จะโอ้อวดได้ อย่างน้อยก็สามารถทำให้กัวโหย่วคังได้รับโทษที่รุนแรงก็ถือว่าเป็นการชดเชยนิดหน่อย ๆแล้ว“ไม่ พวกเราไม่ได้จะยอมแพ้อยู่แล้ว”หลินเฟิงยิ้มให้หลี่ฮุ่ยหรานพร้อมกับพยักหน้าให้เธอและพูดว่า:“ผมมีวิธีแล้ว คุณกลับไปรอข่าวจากผมเถอะ”“จริงเหรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานไม่เชื่อเล็กน้อย แต่ในเมื่อหลินเฟิงพูดมาแบบนี้แล้ว เธอก็ทำได้แค่พยักหน้า และกำชับกับหลินเฟิงว่าอย่าทำอะไรซี้ซั้วจากนั้นก็ขับรถออกไป“เอาล่ะ ให้ฉันไปพบหน้าคนที่ร่ำรวยคนนั้นของหัวตงสักหน่อย”หลินเฟิงยืดเอวอย่างขี้เกียจ และออกเดินไปจากคฤหาสน์ ก่อนจะไปหยุดเรียกแท็กซี่บนถนน พร้อมกับบอกที่อยู่ให้กับคนขับ“โรงแรมหวยปินแกรนด์”ถูกต้อง มันเป็นบ้านหลังเดียวกับที่หลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหรานเคยอาศัยอยู่กัยมาก่อน“ใครนะ?”โทรศัพท์ในห้องพักแขกถูกเชื่อมต่อชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อคลุมอาบน้ำ ใบหน้าและริมฝีปากสีเข้มเล็กน้อย และหัวล้านได้หยิบหูโทรศั
เงียบไปชั่วขณะหนึ่ง“ฮาฮา คุยทางโทรศัพท์น่าเบื่อไปหน่อย ทำไมพวกเราถึงไม่คุยกันต่อหน้าล่ะ?”รอเป็นเวลานานเผิงกวงฉี่กลับรอคำว่าคุยกันต่อหน้า แต่เขาก็ไม่ลังเลอะไร จึงตอบตกลงทันทีหลังจากวางสายโทรศัพท์ เผิงกวงฉี่ก็จมดิ่งอยู่ในความคิดเมื่อพิจารณาเสียงจากในโทรศัพท์ คนที่โทรหาตัวเองยังเป็นวัยรุ่น อีกทั้งน้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความมั่นใจอีกด้วย“หึ....”เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เผิงกวงฉี่ก็อยากจะหัวเราะเยาะตัวเองจริง ๆแล้วเขาป่วยด้วยโรคประหลาดนี้มาเป็นเวลาหนึ่งปีแล้วในระหว่างนั้น การเก็บรักษาความลับของเขาก็ทำได้ดีมากตอนแรกแค่รู้สึกว่าเรื่องบนเตียงไม่สามารถทำตามได้อย่างใจคิดได้ ภรรยาตัวน้อยของเขาก็เย็นชากับเขาขึ้นเรื่อยๆหลังจากนั้นก็รู้สึกว่าร่างกายอ่อนแอลง และบางครั้งขณะที่เดินก็ยังหายใจไม่ออกด้วยซ้ำและตอนนี้ เขาก็แทบจะเดินเองไม่ได้แล้วเพียงแค่ยืนขึ้นก็รู้สึกเวียนหัว และยังปวดกล้ามเนื้อจนทนไม่ไหวเผิงกวงฉี่ต้องทรมานอย่างมากกับโรคประหลาดนี้ของตัวเองเขาพบแพทย์ที่มีชื่อเสียงจำนวนนับไม่ถ้วนภายในประเทศ และไปโรงพยาบาลทั่วประเทศมังกร พร้อมกับสอบถามแพทย์อาวุโสที่เคารพนับถือเกือบทั้ง
หลินเฟิงก็คิดไม่ถึงคนที่เปิดประตูให้เขาจะเป็นถานหงราชินีนักร้องประเทศมังกรที่มีเรื่องเคืองใจกับเขาเล็กน้อย ในพิธีเปิดโฮมสเตย์หลินเฟิงจำผู้หญิงคนนี้ได้อย่างชัดเจน และไม่มีทางที่จะจำผิดด้วย“ใครให้คุณเข้ามา? ออกไป!”เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ถานหงก็จำหลินเฟิงได้ เธอตะคอกอย่างไม่เกรงใจ และอยากจะประแทกประตูใส่หน้า“ปัง!”หลินเฟิงดันประตูด้วยมือเดียวเขาไม่ได้สนใจถานหงเลยแม้แต่น้อย และก็ไม่สามารถปล่อยโอกาสที่ตัวเองช่วงชิงมาหลุดไปได้เช่นกันหลินเฟิงยิ้มให้ถานหงเล็กน้อย:“คุณถานหง ผมมาที่นี่เพื่อรักษาประธานเผิงโดยเฉพาะ คุณรีบไล่ผมไปแบบนี้ เกรงว่าจะเสียมารยาทเกินไปหน่อยไหม?”“คุณเนี่ยนะ?”เมื่อถานหงเห็นหลินเฟิงดันประตูไว้อย่างหน้าด้านๆ เธอก็ละทิ้งความคิดที่จะปิดประตู ก่อนจะถอยหลังไปสองก้าว แล้วกอดอกพูดอย่างเย็นชาว่า:“ฉันรู้ว่าคุณเป็นที่ปรึกษาของบริษัทเภสัชกรรมเชิงถังไร้สาระอะไรนั่น แต่ก็เป็นเพียงที่ปรึกษา คู่ควรมารักษาอาการป่วยให้สามีของฉันด้วยงั้นเหรอ?” “ เป็นผม....”ขณะที่หลินเฟิงพูดไปได้แค่ครึ่งทาง จู่ ๆก็ได้ยินเสียงแผ่วเบาดังออกมาจากห้องสวีท“เสี่ยวหง คุณรู้จักเด็กหนุ่งคนน
“มันบังเอิญมากจริงๆ”หลินเฟิงทอดถอนใจออกมา“ที่คุณหลินพูดไปครึ่งหนึ่งเมื่อครู่ ผมอยากจะฟังตอนนี้ คุณหลินต้องการรางวัลตอบแทนอะไรงั้นเหรอ?”สีหน้าของเผิงกวงฉี่ชะงักไปชั่วครู่ตอนนี้สิ่งที่เขากลัวไม่ใช่การเรียกราคาสูงของหลินเฟิง กลัวจะเป็นคำร้องขอแปลก ๆของหลินเฟิงมีคนเก่งมากมายที่มีนิสัยแปลก ๆและบางครั้งเงินก็ไม่สามารถจัดการได้จริง ๆถ้าหากต้องการเงิน เผิงกวงฉี่มีเงินมากมายก่ายกองไม่อย่างนั้นก็คงเป็นไปไม่ได้ที่ราชินีนักร้องที่ชื่อเสียงโด่งดังจะตามเขาไป“ได้ งั้นผมก็ขอพูดตรง ๆเลยแล้วกัน”หลินเฟิงยิ้มเล็กน้อย“วันนี้ผมและภรรยาของผม กำลังจะคว้าที่ดินห้าแห่งในเขตพัฒนาทางตอนใต้ของเมือง แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกคนมาคว้าไปซะก่อน”“หืม?”เมื่อเผิงกวงฉี่ได้ยินคำพูดของหลินเฟิง ทันใดนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าที่หลินเฟิงมาที่นี่ ก็เพื่อที่ดินเหล่านี้นี่เองด้วยเหตุนี้เขาจึงหัวเราะแล้วพูดว่า:“เรื่องเล็ก”“ผมจะโทรถามผู้จัดการหวัง เพื่อดูว่าเขากลับมาแล้วยัง หากกลับมาแล้ว ผมก็จะให้เขาทำเอกสาร พร้อมกับมอบที่ดินทั้งหมดให้กับคุณหลินด้วย”“อะไรนะ?!”ถานหงที่อยู่ด้านข้างไม่ยินยอมเธอกอดอกพร้อมกับขมว
“เกี่ยวกับสาเหตุของโรค.....”หลินเฟิงรู้สึกว่ามันยากที่จะพูดเล็กน้อย เขามองไปที่ถานหงที่ยืนอยู่ไกล ๆด้วยท่าทางที่ลำบากใจ “หืม?”ทันใดนั้นเผิงกวงฉี่ก็ตอบสนองกลับมาทันที เขาโบกมือไปทางถานหง แสดงเจตนาให้ถานหงรู้ว่าควรหลบหลีกไปสักหน่อยอย่างไรก็ตามในขณะนี้ ใบหน้าของถานหงแสดงถึงความร้อนใจที่ไม่เป็นธรรมชาติออกมา เมื่อเธอเดินเข้าไปในห้อง ก็เหลือบมองหลินเฟิงอย่างครุ่นคิด“เอาล่ะ คุณหลิน เชิญพูดเลยเถอะ หรือว่าอาการป่วยของผมจะเกี่ยวกับเสี่ยวหงใช่ไหม?”ในที่สุดเมื่อไม่มีใครอยู่รอบ ๆแล้ว หลินเฟิงก็พยักหน้าอย่างไม่รู้สึกตัว“ประธานเผิง ก่อนที่ผมจะสรุปผลให้คุณ คุณก็อย่าเพิ่งตื่นตระหนกไปนะ”“คุณพูดมาเถอะ”เมื่อเห็นสีหน้าของหลินเฟิงแย่ลงเล็กน้อย เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกใจเสียขึ้นมาทันที“ร่างกายของคุณถูกคนวางยาพิษ มีแมลงพิษยาวครึ่งเมตรสามตัวฟักเป็นตัวอยู่ในร่างกายของคุณ รอให้โตเต็มที่แล้วก็จะพุ่งออกมาจากอกของคุณ “คำพูดที่สงบของหลินเฟิง ทำให้สีหน้าของเผิงกวงฉี่เปลี่ยนไปอย่างมากเห็นได้ว่าหลินเฟิงได้กล่าวเตือนเขาก่อน แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังไม่สามารถยอมรับเรื่องนี้ได้ เขาเหลือบมองที่ท้องของตัวเอง ราว
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะคาดเดาอยู่คร่าวๆแต่เมื่อได้รับคำเตือนของหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็ปล่อยวางความแค้นทั้งหมดลง แล้วเข้าใจว่าฆาตกรคือใครกันแน่เผิงกวงฉี่ไม่มีทายาทดังนั้นเขาจึงทำพินัยกรรมไว้ตั้งนานแล้วถ้าหากตัวเองตายก่อนที่จะมีทายาท ถ้าอย่างนั้นมรดกของตัวเองก็จะถูกส่งมอบให้กับถานหงและพ่อบ้านหวังเพื่อจัดการร่วมกัน“ถานหง....พ่อบ้านหวัง...”เขากำหมัดแน่น ท่าทางของเผิงกวงฉี่ที่โกรธมากจนเกือบชักกระตุก เป็นเพราะก่อนหน้านี้เขาก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนี้มัน “กลมกลืน” จนเกินไปพูดตามหลักหากเขาป่วยหนักจนตาย ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ทั้งสองคนนี้ก็จะไม่ถูกชะตากันเพราะมรดกของเขาแต่สิ่งที่น่าแปลกประหลาดก็คือ ทั้งสองคนนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าตัวเองก็ไม่มีท่าทีที่ไม่ถูกกัน กลับยังมีแต่ความสามัคคีกันมากกว่าก่อนหน้านี้เห็นทั้งสองเป็นเช่นนี้ เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่าจุดจบของตัวเองใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว สองคนนี้จึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อแสดงท่าทีต่อหน้าเขาแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีลับลมคมในบางอย่างอยู่ถึงแม้ว่าจะไม่อยากยอมรับ แต่เผิงกวงฉี่ก็แทบจะสรุปได้ในตอนนี้ว่าทั้งสองคนนี้ต้
“ก็จะเป็นชีวิตที่มีความสุขของพวกเราทั้งสองคน และก็จะไม่มีใครมาขัดขวางได้อีก”“ฉันรู้สึกไม่สบายใจ...นิดหน่อย”ถานหงเหลือบมองไปทางหลินเฟิงและเผิงกวงฉี่ ที่ยังคงขมวดคิ้วอยู่“ผู้ชายที่ชื่อหลินเฟิงคนนั้น ก็เป็นผู้ชายที่อิ่นนั่วเจียชื่นชมมากสินะ ถึงแม้ว่าภายนอกจะดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ฉันก็เคยสัมผัสมาก่อนที่โฮมสเตย์ในเมืองจิง”“มันได้ผลจริง ๆ”“ดังนั้น....”“เอาล่ะ!”ท่าทางของพ่อบ้านหวังที่ดูสุขุมเล็กน้อย พูดรับรองกับถานหงว่า :“ในเมื่อคุณเกลียดเขาขนาดนี้ งั้นผมก็หาวิธีจัดการเขาอย่างลับ ๆ ผมเป็นถึงยอดฝีมือระดับเซียนเทียน สามารถที่จะฆ่าเด็กหนุ่มได้อย่างสบาย ๆ นั่นยังไม่ใช่เรื่องง่าย ๆหรอกเหรอ?”เมื่อฟังมาถึงตรงนี้ ถานหงก็ยิ้มออกมาด้วยความยินดี“งั้นคุณก็ต้องสัญญานะ!”“ฮาฮา แน่นอน เพียงแค่คุณมีความสุข ต่อให้ผมขึ้นต้องเป็นอันตรายก็ได้ทั้งหมด....”“แค่ก แค่ก แค่ก...”ในขณะนี้เอง จู่ ๆหลินเฟิงก็ไอออกมาอย่างรุนแรง“หืม?!”พ่อบ้านหวังมองไปทางหลินเฟิงอย่างตื่นตระหนกระหว่างพวกเขาทั้งสองมีกำแพงกั้นไว้อยู่ และหลินเฟิงที่กำลังมุ่งความสนใจไปที่การรักษาอาการป่วยของเผิงกวงฉี่พ่อบ้านหวัง
“อ้าก!”เผิงกวงฉี่ไปที่ห้องน้ำ หลังจากพยายามอยู่เต็มๆ สิบนาที จู่ๆ เขาก็ส่งเสียงร้องที่ดังลั่นออกมาได้ยินเสียงตะโกนนี้ หลินเฟิงยื่นมือออกไปขัดขวางการเข้าใกล้ของถานหงกับพ่อบ้านหวังเขาขยับเข้าไปใกล้ เคาะประตูห้องน้ำ และยิ้มพูดว่า:“เถ้าแก่เผิง เป็นยังไงบ้าง?”“ฝี…ฝีมือการรักษาของคุณหลิน มันช่าง…ช่าง…”เห็นได้ชัดว่าเผิงกวงฉี่คนนี้เห็นสิ่งของที่ตัวเองขับออกมา จึงตกใจอย่างมาก“หึ ในเมื่อเถ้าแก่เผิงไม่เป็นไรแล้ว เช่นนั้นหลินเฟิงก็ขอตัวลาก่อน ไม่ทราบว่าค่ารักษาพยาบาลที่คุณรับปากผม จะจ่ายให้ผมเมื่อไหร่ครับ?”“งั้นก็พรุ่งนี้ เดี๋ยว…แค่กแค่กแค่ก…ไม่ไม่ไม่ ไม่ได้ คุณหลิน ได้โปรดเข้ามาหน่อย ผม…ผมรู้สึกว่าในท้องของผมยังเจ็บปวดอย่างมาก ผม…อ้าก!”ในตอนที่หลินเฟิงคิดว่าเผิงกวงฉี่ไม่เป็นไรแล้วเผิงกวงฉี่ที่อยู่ในห้องน้ำ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นกะทันหัน“หือ?!”หลินเฟิงนิ่งอึ้งไป หรือว่าเขาทำพลาดอะไรงั้นเหรอ?คิดถึงตรงนี้ เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง พุ่งเข้าไปในห้องน้ำโดยตรงแต่ทว่าเพิ่งจะพุ่งเข้าไปหลินเฟิงก็เห็นเผิงกวงฉี่กำลังพิงกำแพงด้านหนึ่งอยู่ถึงแม้สีหน้ายังคงอ่อนแอ แต่ไม่ได้เจ็บปวดเหมื
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน