“สวรรค์ช่วยฉันไว้แท้ๆ...”“เสี่ยวหง พ่อบ้านหวัง”ในตอนนี้ ภายในห้องน้ำมีเสียงตะโกนที่อ่อนเพลียของเผิงกวงฉี่ดังขึ้นทั้งสองคนมองตากัน พากันเก็บรอยยิ้มลำพองใจบนใบหน้าเอาไว้ เปลี่ยนไปเป็นสีหน้ากังวลใจเหมือนกับในเวลาปกติ......หลินเฟิงเรียกรถแท็กซี่ไปที่หลี่ซื่อกรุ๊ปตอนนี้จางซินกำลังระเบิดอารมณ์อยู่ที่ทางเดินของห้องทำงานเธอหยิบแจกันดอกไม้ตรงทางเดินขึ้นมาขว้างไปทางจ้าวเว่ย และด่าทอเสียงดัง:“ก่อนหน้านี้คุณรับปากฉันไม่ใช่เหรอ บอกว่าจะเอาโควต้าห้าแห่งมาให้บริษัทของพี่สาวฉันไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้จบกัน ฉันคุยโวโอ้อวดออกไป ปรากฏว่าคว้าเอามาไม่ได้แม้แต่โควต้าเดียว!”“คุณรู้ไหมว่าตอนนี้ฉันอับอายขายหน้าไปจนถึงบ้านคุณย่าแล้ว!”“ฉันไม่กล้าไปพบญาติผู้พี่ของฉันแล้ว!”จางซินโมโหจนด่าสาดเสียเทเสีย ถึงกับดึงดูดกลุ่มคนมาล้อมดูจ้าวเว่ยหลบแจกันดอกไม้ที่จางซินโยนมา ครั้งนี้ที่เขามาเพราะอยากจะอธิบายกับหลินเฟิง คิดไม่ถึงว่าเพิ่งเข้าบริษัทมาก็ได้พบกับผู้หญิงบ้าคนนี้เธอไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ระบายอารมณ์ใส่เขาถ้าหากไม่ใช่ว่าต้องแสร้งทำเป็นแฟนของเธอ จ้าวเว่ยอาจจะตบหน้าจางซินในตอนนี้ซะเลย“หือ? เกิดอะไรข
“เผิงกวงฉี่ยอมจ่ายเงินเต็มที่เพื่อที่ดินเหล่านี้ หรือจะเป็นเพราะอยากให้หลี่ซื่อกรุ๊ปของเรา ใช้เงินทุนทั้งหมดเพื่อไปตีเสมอกับเศรษฐีอันดับหนึ่งของหัวตงงั้นเหรอ?”“งั้นคุณไม่สู้ให้หลี่ซื่อกรุ๊ปล้มละลายไปซะเลยดีกว่า!”คำพูดของหลี่ฮุ่ยหรานทำให้พนักงานในบริษัทคนอื่นๆ พากันพยักหน้าหลี่ฮุ่ยหรานพูดไม่ผิด เผิงกวงฉี่เศรษฐีอันดับหนึ่งเมืองหัวตงไม่มีสิ่งอื่น แต่มีเงินเต็มไปหมดต่อให้หลี่ซื่อกรุ๊ปเก่งกาจแค่ไหนก็ไม่มีทางที่จะแข่งขันเงินกับเขาได้นั่นก็คือรนหาที่ตาย“หึหึ”กัวโหย่วคังกลอกตามองบน ตอนนี้ลูกชายของเขาตายแล้ว เขาเปลี่ยนไปสุดขีดและไม่สนใจสิ่งใด จากนั้นฉีกยิ้มพูดว่า:“ผมไม่สนอะไรขนาดนั้นหรอก ยังไงพวกคุณก็ทำเงื่อนไขข้อที่สองไม่สำเร็จ นี่คือเรื่องจริงใช่ไหมล่ะ?”“ใช่ความเป็นจริง แต่ว่า...”“ไม่มีแต่ว่าอะไร”กัวโหย่วคังยิ้มเยาะพูดว่า:“ผมดูแค่ผลลัพธ์เท่านั้น ถ้าหากพวกคุณทำไม่ได้ นั่นก็คือทำไม่ได้ ตอนนี้ผมบอกพวกคุณให้ว่าหลายปีมานี้ผมเอาเงินของหลี่ซื่อกรุ๊ปไปเท่าไหร่”“หกหมื่นล้านบาท”ตอนที่กัวโหย่วคังพูดตัวเลขนี้ออกมา พนักงานของหลี่ซื่อกรุ๊ปที่อยู่ข้างๆ พากันสูดลมหายใจเข้าอย่างแรง
“พรวด...”ภายใต้ความเงียบสงัด จางซินอดกลั้นไม่ไหวก่อนใคร และหัวเราะออกมา“หลินเฟิง สมองของนายไม่ได้มีปัญหาใช่ไหม?”จางซินมองหลินเฟิงและหัวเราะเยาะ จากนั้นพูดเหน็บแนมว่า:“อุ๊ย ถูกแล้วแหละ!”“เศรษฐีอันดับหนึ่งของหัวตง ถูกนายคนที่ไม่มีชื่อเสียงอะไรไปพูดคุยที่บ้านสองสามประโยค ก็ตัดสินใจยกที่ดินที่ตกมาอยู่ในมือให้นาย”“เช่นนั้นขอถามหน่อยว่า...”“นายคือลูกชายของเศรษฐีอันดับหนึ่งของหัวตงท่านนั้น หรือเป็นหลาน หรือเป็นแฟนของเขากันล่ะ?”เผชิญหน้ากับคำเยาะหยันอย่างโจ่งแจ้งของจางซิน หลินเฟิงไม่ได้รับคำพูดต่อเขามองไปทางหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความสงบนิ่งและพูดว่า:“วางใจเถอะ เรื่องที่ดินผมจัดการเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้พวกเรานำสัญญาไปที่บริษัทเต๋อหนิงโดยตรงก็พอแล้ว”“จริงเหรอหลินเฟิง?”ข่าวนี้กระทันหันจนเกินไป ทำให้หลี่ฮุ่ยหรานไม่ทันได้ตั้งตัวเธอไม่รู้ว่าตอนนี้ควรจะร้องไห้หรือหัวเราะสิ้นหวังก่อน จากนั้นก็มีความหวังหัวใจของหลี่ฮุ่ยหรานเหมือนกับนั่งรถไฟเหาะ เธอยกมือทาบหน้าอกของตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองแทบจะแบกรับไม่ไหวแล้ว“ต้องเป็นเรื่องจริงแน่นอนอยู่แล้ว ผมเคยโกหกคุณเมื่อไหร่กัน?”รอยยิ้มขอ
วันต่อมาหลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหรานเตรียมตัวกันตั้งแต่เช้า ก่อนจะขับรถออกไปหาอาคารสำนักงานที่เป็นที่ตั้งของบริษัทเต๋อหนิงจนเจอส่วนจางซินที่ร้องไห้โวยวายก็ติดตามมาด้วย ใช้คำพูดที่เธอพูดมา เธอต้องการจะเห็นด้วยตาของตัวเองว่าหลินเฟิงมีความสามารถอะไรจะสามารถเอาที่ดินที่อยู่ในมือของเผิงกวงฉี่กลับมาได้ไม่เป็นไปตามที่คาดไว้เลยบริษัทเต๋อหนิงแห่งนี้เป็นบริษัทก่อสร้าง ๆขนาดเล็กในท้องถิ่น ก่อนหน้านี้ได้ถูกเผิงกวงฉี่กว้านซื้อไปหมดแล้ว ตอนนี้จึงเป็นเพียงบริษัทที่มีแต่เปลือกนอกเท่านั้น“สวัสดี คุณมาหาใคร?”ชายหนุ่มที่มีไม้จิ้มฟันคาอยู่ที่ปากนั้น มองดูภายนอกก็รู้ว่าเป็นคนที่หยิ่งยโส ได้เข้ามาขวางทางของหลินเฟิงและคนอื่น ๆเมื่อดวงตาของเขากวาดมองไปที่จางซินและไปหยุดอยู่ที่หลี่ฮุ่ยหราน ทันใดนั้นดวงตาก็เบิกกว้างขึ้น พร้อมกับไม้จิ้มฟันในปากที่ตกลงบนพื้น“เชี่ย!”ชายหนุ่มคนนี้สบถคำหยาบออกมา“มีอะไรงั้นเหรอ?”ในเวลานี้ ชายที่อ้วนท้วมเล็กน้อยเดินออกมาจากด้านใน เขาเดินขมวดคิ้วพร้อมกับพูดว่า :“ถ้าหากจะมาพูดคุยเรื่องธุรกิจกับบริษัทเต๋อหนิงของพวกเรา ต้องขอโทษด้วย บริษัทเต๋อหนิงของพวกเราถูกคนซื้อกิจ
ไม่รอให้ผู้ชายอธิบายจนจบ ชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆเขา ซึ่งกำลังจ้องมองไปที่หลี่ฮุ่ยหรานอยู่ ก็โต้ตอบกลับมา พร้อมกับพูดอย่างสงสัยว่า :“พี่ใหญ่ เมื่อครู่พวกเขาก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอว่าพวกเราถูกเถ้าแก่เผิงกว้านซื้อไปแล้วนะ? แล้วพวกเขายังจะมาที่นี่ทำไมอีก?”“ใช่ พวกคุณมาทำอะไรที่นี่? ไม่ใช่เรื่องการรับซื้อที่ดินหรอกงั้นเหรอ?”ผู้ชายขมวดคิ้วพร้อมกับมองไปทางหลินเฟิง“เป็นเรื่องการรับซื้อที่ดินนั้นแหละ”หลินเฟิงพยักหน้า เพื่อยืนยันคำพูดของพวกเขา“ชิ”ผู้ชายแตะลูบศีรษะ แล้วพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ว่า :“ไม่ใช่ว่าฉันพูดหรอกนะ สหาย คุณก็รู้ว่าเถ้าแก่เผิงต้องการที่ดินพวกนี้ แล้วคุณยังจะมาทำอะไรที่นี่อีกล่ะ?”“หรือว่าพวกคุณต้องการซื้อที่ดินที่อยู่ในมือของเถ้าแก่เผิงกลับไปนะ?“ใช่แล้ว สติปัญญาของคุณไม่ผิดปกติใช่ไหม?”ชายหนุ่มก็ชี้ไปที่หัวของตัวเอง พร้อมกับเยาะเย้ยหลินเฟิง“พี่ พี่เห็นชัดแล้ว”จางซินก็ยืนอยู่ด้านข้างอย่างดีใจ แล้วพูดขึ้นว่า :“พวกเขาไม่เคยรู้เรื่องการซื้อที่ดินของพวกเราเลย พี่มองไม่ออกเหรอว่าหลินเฟิงเพียงแค่โอ้อวดเท่านั้นนะ?”“แล้วยังขอให้เถ้าแก่เผิงเต็มใจยอมขายให้กับคุณอีก
ในตอนที่หลินเฟิงได้พบกับพ่อบ้านหวังเมื่อครู่นี้ สีหน้าไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่นักเหตุผลแรกที่เขาคิดได้ก่อนเป็นลำดับแรกก็คือเผิงกวงฉี่หักหลังเขาแต่เมื่อคิดอีกที ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ทั้งสองคนที่อยู่ข้างกายมีความคิดที่จะฆ่าเผิงกวงฉี่ นอกจากเผิงกวงฉี่คนนี้จะเป็นบ้าไปแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำเรื่องที่หักหลังหลินเฟิงคนโง่ที่ไหนจะกลายเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของหัวตง?พ่อบ้านหวังเผยสีหน้าโมโหออกมาเหมือนเขาจะนึกอะไรออกขึ้นมา จึงพูดอย่างไม่เกรงใจว่า:“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ผมทราบแล้ว คุณ คงจะอยากถือโอกาสในตอนที่คุณเผิงร่างกายไม่แข็งแรง และฉวยโอกาสยึดครองไปสินะ?!”“อะไรนะ?”ไม่เพียงแค่หลินเฟิงที่ขมวดคิ้ว หลี่ฮุ่ยหรานก็ขมวดคิ้วแน่นเช่นกันเธอยอมเชื่อหลินเฟิงแต่คนรับใช้ส่วนตัวของเผิงกวงฉี่กลับไม่รู้เรื่องนี้ไม่ว่าดูยังไง หลินเฟิงเหมือนกับคนที่พูดมีเหตุผลมีหลักการอย่างมาก จากนั้นกลับถูกตอกหน้าอย่างแท้จริงยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าอีกฝ่ายโมโหแล้ว อีกทั้งตำหนิหลินเฟิงว่าอยากจะฉวยโอกาส“หลินเฟิง ไม่อย่างนั้นพวกเราออกจากที่นี่กันก่อนเถอะ จากนั้นค่อยวางแผนกันใหม่?”หลี่ฮุ่ยหรานหาทางปกป้องศ
“แก...ฝากไว้ก่อนเถอะ!”ทั้งสองคนทิ้งคำพูดข่มขู่ประโยคนี้ไว้ก็หนีหางจุกตูดเข้าไปในห้องที่อยู่ภายในบริษัท“คนผู้นี้ก็เป็นนักบู๊งั้นเหรอ? ทำไมฉันถึงไม่สามารถสัมผัสตัวตนของพลังชี่ใดๆ บนตัวของเขาได้เลย?”ในตอนที่พ่อบ้านหวังถูกหลินเฟิงสกัดกั้นการโจมตีเมื่อครู่นี้ ก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อยและก็เห็นท่าทางที่คล่องแคล่วอย่างมากของหลินเฟิง ตบไอ้กระจอกสองคนนั้นกระเด็นออกไป จึงหรี่ตาเล็กลงยิ่งกว่าเดิม“ไม่ทราบว่าสหายท่านนี้ มาจากตระกูลไหน หรือเป็นลูกศิษย์ของสำนักไหนงั้นเหรอ?”พ่อบ้านหวังหยุดลงมือ สายตาที่มองไปทางหลินเฟิงค่อนข้างระแวงเล็กน้อยถ้าหากพูดว่าเมื่อครู่เขาคิดว่าหลินเฟิงเป็นเพียงแค่คนธรรมดาทั่วไปที่ไม่มีพลังชี่แท้กับกำลังภายในเขาในตอนนี้ ก็ค่อยๆ สัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ไร้ตัวตนรอบๆ ตัวหลินเฟิงได้แล้วแรงกดดันนี้ทำให้ในใจของเขาวิตกกังวลเขาไม่สามารถมั่นใจได้ว่าตัวเองจะจัดการหลินเฟิงได้อายุน้อยขนาดนี้ก็มีพลังถึงขั้นนี้ นี่จึงทำให้พ่อบ้านหวังเกิดความสงสัยต่อเบื้องหลังของหลินเฟิง“ผมไร้พรรคไร้พวก ยิ่งไม่มีเบื้องหลังอะไร”หลินเฟิงส่ายหน้า พูดอย่างแน่นิ่ง:“เป็นอย่างไรบ้างพ่อบ้านหว
“ตระกูลหลี่ของเธอเลี้ยงดูฉันสามปีงั้นเหรอ?”ได้ยินคำพูดนี้ หลินเฟิงรู้สึกอยากจะหัวเราะเสียจริงแต่ตอนนี้เขาขี้เกียจจะถกเถียงกับจางซิน แต่กลับมองไปทางหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความจริงจัง อยากจะถามความคิดเห็นของหลี่ฮุ่ยหราน“ฉันไม่รู้ว่าคุณพบเจอเรื่องอะไร จึงทำให้คุณเกิดความคิดแบบนี้...”หลี่ฮุ่ยหรานเงียบขรึมครู่หนึ่ง และพูดเสียงเบาว่า:“แต่ว่า หลินเฟิง ฉันบอกกับคุณอย่างจริงจังอีกครั้ง ต่อไปห้ามมีความคิดแบบนี้อีก ฉันหลี่ฮุ่ยหรานไม่มีทางแยกจากคุณอีก!”“ใครก็ห้ามฉันไม่ได้!”หลี่ฮุ่ยหรานสะบัดแขนของจางซินออก และพูดกับจางซินอย่างเย็นชาว่า:“จางซิน ตอนนี้ฉันขอสั่งเธอ ออกจากเมืองเจิ้งเต๋อ กลับเจียงโจวไปซะ จากนั้นบอกแม่ของฉัน ให้เธอเป็นกังวลเรื่องของฉันให้น้อยๆ หน่อย และยังมีเรื่องของเธอด้วย”“ฉันรู้ว่าเธออกหักและเสียใจ”“แต่ฉันกับหลินเฟิงไม่ใช่ที่ระบายของเธอ อีกทั้งหลี่ซื่อกรุ๊ปก็ไม่ต้องการเธอที่เป็นขยะไร้ค่าทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ตามองสูงแต่ความสามารถไม่ถึง”“อะไรนะ?!”จางซินถอยหลังไปหลายก้าวด้วยใบหน้าตกตะลึง: “พี่ พี่ด่าฉันว่าอะไร? พี่บอกว่าฉัน...”“ฉันบอกว่าเธอเป็นขยะไร้ค่า!”“เธอไม่คู่ค
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน