วันต่อมาหลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหรานเตรียมตัวกันตั้งแต่เช้า ก่อนจะขับรถออกไปหาอาคารสำนักงานที่เป็นที่ตั้งของบริษัทเต๋อหนิงจนเจอส่วนจางซินที่ร้องไห้โวยวายก็ติดตามมาด้วย ใช้คำพูดที่เธอพูดมา เธอต้องการจะเห็นด้วยตาของตัวเองว่าหลินเฟิงมีความสามารถอะไรจะสามารถเอาที่ดินที่อยู่ในมือของเผิงกวงฉี่กลับมาได้ไม่เป็นไปตามที่คาดไว้เลยบริษัทเต๋อหนิงแห่งนี้เป็นบริษัทก่อสร้าง ๆขนาดเล็กในท้องถิ่น ก่อนหน้านี้ได้ถูกเผิงกวงฉี่กว้านซื้อไปหมดแล้ว ตอนนี้จึงเป็นเพียงบริษัทที่มีแต่เปลือกนอกเท่านั้น“สวัสดี คุณมาหาใคร?”ชายหนุ่มที่มีไม้จิ้มฟันคาอยู่ที่ปากนั้น มองดูภายนอกก็รู้ว่าเป็นคนที่หยิ่งยโส ได้เข้ามาขวางทางของหลินเฟิงและคนอื่น ๆเมื่อดวงตาของเขากวาดมองไปที่จางซินและไปหยุดอยู่ที่หลี่ฮุ่ยหราน ทันใดนั้นดวงตาก็เบิกกว้างขึ้น พร้อมกับไม้จิ้มฟันในปากที่ตกลงบนพื้น“เชี่ย!”ชายหนุ่มคนนี้สบถคำหยาบออกมา“มีอะไรงั้นเหรอ?”ในเวลานี้ ชายที่อ้วนท้วมเล็กน้อยเดินออกมาจากด้านใน เขาเดินขมวดคิ้วพร้อมกับพูดว่า :“ถ้าหากจะมาพูดคุยเรื่องธุรกิจกับบริษัทเต๋อหนิงของพวกเรา ต้องขอโทษด้วย บริษัทเต๋อหนิงของพวกเราถูกคนซื้อกิจ
ไม่รอให้ผู้ชายอธิบายจนจบ ชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆเขา ซึ่งกำลังจ้องมองไปที่หลี่ฮุ่ยหรานอยู่ ก็โต้ตอบกลับมา พร้อมกับพูดอย่างสงสัยว่า :“พี่ใหญ่ เมื่อครู่พวกเขาก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอว่าพวกเราถูกเถ้าแก่เผิงกว้านซื้อไปแล้วนะ? แล้วพวกเขายังจะมาที่นี่ทำไมอีก?”“ใช่ พวกคุณมาทำอะไรที่นี่? ไม่ใช่เรื่องการรับซื้อที่ดินหรอกงั้นเหรอ?”ผู้ชายขมวดคิ้วพร้อมกับมองไปทางหลินเฟิง“เป็นเรื่องการรับซื้อที่ดินนั้นแหละ”หลินเฟิงพยักหน้า เพื่อยืนยันคำพูดของพวกเขา“ชิ”ผู้ชายแตะลูบศีรษะ แล้วพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ว่า :“ไม่ใช่ว่าฉันพูดหรอกนะ สหาย คุณก็รู้ว่าเถ้าแก่เผิงต้องการที่ดินพวกนี้ แล้วคุณยังจะมาทำอะไรที่นี่อีกล่ะ?”“หรือว่าพวกคุณต้องการซื้อที่ดินที่อยู่ในมือของเถ้าแก่เผิงกลับไปนะ?“ใช่แล้ว สติปัญญาของคุณไม่ผิดปกติใช่ไหม?”ชายหนุ่มก็ชี้ไปที่หัวของตัวเอง พร้อมกับเยาะเย้ยหลินเฟิง“พี่ พี่เห็นชัดแล้ว”จางซินก็ยืนอยู่ด้านข้างอย่างดีใจ แล้วพูดขึ้นว่า :“พวกเขาไม่เคยรู้เรื่องการซื้อที่ดินของพวกเราเลย พี่มองไม่ออกเหรอว่าหลินเฟิงเพียงแค่โอ้อวดเท่านั้นนะ?”“แล้วยังขอให้เถ้าแก่เผิงเต็มใจยอมขายให้กับคุณอีก
ในตอนที่หลินเฟิงได้พบกับพ่อบ้านหวังเมื่อครู่นี้ สีหน้าไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่นักเหตุผลแรกที่เขาคิดได้ก่อนเป็นลำดับแรกก็คือเผิงกวงฉี่หักหลังเขาแต่เมื่อคิดอีกที ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ทั้งสองคนที่อยู่ข้างกายมีความคิดที่จะฆ่าเผิงกวงฉี่ นอกจากเผิงกวงฉี่คนนี้จะเป็นบ้าไปแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำเรื่องที่หักหลังหลินเฟิงคนโง่ที่ไหนจะกลายเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของหัวตง?พ่อบ้านหวังเผยสีหน้าโมโหออกมาเหมือนเขาจะนึกอะไรออกขึ้นมา จึงพูดอย่างไม่เกรงใจว่า:“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ผมทราบแล้ว คุณ คงจะอยากถือโอกาสในตอนที่คุณเผิงร่างกายไม่แข็งแรง และฉวยโอกาสยึดครองไปสินะ?!”“อะไรนะ?”ไม่เพียงแค่หลินเฟิงที่ขมวดคิ้ว หลี่ฮุ่ยหรานก็ขมวดคิ้วแน่นเช่นกันเธอยอมเชื่อหลินเฟิงแต่คนรับใช้ส่วนตัวของเผิงกวงฉี่กลับไม่รู้เรื่องนี้ไม่ว่าดูยังไง หลินเฟิงเหมือนกับคนที่พูดมีเหตุผลมีหลักการอย่างมาก จากนั้นกลับถูกตอกหน้าอย่างแท้จริงยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าอีกฝ่ายโมโหแล้ว อีกทั้งตำหนิหลินเฟิงว่าอยากจะฉวยโอกาส“หลินเฟิง ไม่อย่างนั้นพวกเราออกจากที่นี่กันก่อนเถอะ จากนั้นค่อยวางแผนกันใหม่?”หลี่ฮุ่ยหรานหาทางปกป้องศ
“แก...ฝากไว้ก่อนเถอะ!”ทั้งสองคนทิ้งคำพูดข่มขู่ประโยคนี้ไว้ก็หนีหางจุกตูดเข้าไปในห้องที่อยู่ภายในบริษัท“คนผู้นี้ก็เป็นนักบู๊งั้นเหรอ? ทำไมฉันถึงไม่สามารถสัมผัสตัวตนของพลังชี่ใดๆ บนตัวของเขาได้เลย?”ในตอนที่พ่อบ้านหวังถูกหลินเฟิงสกัดกั้นการโจมตีเมื่อครู่นี้ ก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อยและก็เห็นท่าทางที่คล่องแคล่วอย่างมากของหลินเฟิง ตบไอ้กระจอกสองคนนั้นกระเด็นออกไป จึงหรี่ตาเล็กลงยิ่งกว่าเดิม“ไม่ทราบว่าสหายท่านนี้ มาจากตระกูลไหน หรือเป็นลูกศิษย์ของสำนักไหนงั้นเหรอ?”พ่อบ้านหวังหยุดลงมือ สายตาที่มองไปทางหลินเฟิงค่อนข้างระแวงเล็กน้อยถ้าหากพูดว่าเมื่อครู่เขาคิดว่าหลินเฟิงเป็นเพียงแค่คนธรรมดาทั่วไปที่ไม่มีพลังชี่แท้กับกำลังภายในเขาในตอนนี้ ก็ค่อยๆ สัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ไร้ตัวตนรอบๆ ตัวหลินเฟิงได้แล้วแรงกดดันนี้ทำให้ในใจของเขาวิตกกังวลเขาไม่สามารถมั่นใจได้ว่าตัวเองจะจัดการหลินเฟิงได้อายุน้อยขนาดนี้ก็มีพลังถึงขั้นนี้ นี่จึงทำให้พ่อบ้านหวังเกิดความสงสัยต่อเบื้องหลังของหลินเฟิง“ผมไร้พรรคไร้พวก ยิ่งไม่มีเบื้องหลังอะไร”หลินเฟิงส่ายหน้า พูดอย่างแน่นิ่ง:“เป็นอย่างไรบ้างพ่อบ้านหว
“ตระกูลหลี่ของเธอเลี้ยงดูฉันสามปีงั้นเหรอ?”ได้ยินคำพูดนี้ หลินเฟิงรู้สึกอยากจะหัวเราะเสียจริงแต่ตอนนี้เขาขี้เกียจจะถกเถียงกับจางซิน แต่กลับมองไปทางหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความจริงจัง อยากจะถามความคิดเห็นของหลี่ฮุ่ยหราน“ฉันไม่รู้ว่าคุณพบเจอเรื่องอะไร จึงทำให้คุณเกิดความคิดแบบนี้...”หลี่ฮุ่ยหรานเงียบขรึมครู่หนึ่ง และพูดเสียงเบาว่า:“แต่ว่า หลินเฟิง ฉันบอกกับคุณอย่างจริงจังอีกครั้ง ต่อไปห้ามมีความคิดแบบนี้อีก ฉันหลี่ฮุ่ยหรานไม่มีทางแยกจากคุณอีก!”“ใครก็ห้ามฉันไม่ได้!”หลี่ฮุ่ยหรานสะบัดแขนของจางซินออก และพูดกับจางซินอย่างเย็นชาว่า:“จางซิน ตอนนี้ฉันขอสั่งเธอ ออกจากเมืองเจิ้งเต๋อ กลับเจียงโจวไปซะ จากนั้นบอกแม่ของฉัน ให้เธอเป็นกังวลเรื่องของฉันให้น้อยๆ หน่อย และยังมีเรื่องของเธอด้วย”“ฉันรู้ว่าเธออกหักและเสียใจ”“แต่ฉันกับหลินเฟิงไม่ใช่ที่ระบายของเธอ อีกทั้งหลี่ซื่อกรุ๊ปก็ไม่ต้องการเธอที่เป็นขยะไร้ค่าทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ตามองสูงแต่ความสามารถไม่ถึง”“อะไรนะ?!”จางซินถอยหลังไปหลายก้าวด้วยใบหน้าตกตะลึง: “พี่ พี่ด่าฉันว่าอะไร? พี่บอกว่าฉัน...”“ฉันบอกว่าเธอเป็นขยะไร้ค่า!”“เธอไม่คู่ค
แต่เป็นเพราะพ่อบ้านหวังคนนี้เป็นผู้แข็งแกร่งแดนแปรภาพ จึงต้องรวบรวมกำลัง รับมืออย่างจริงจังดังนั้นหลินเฟิงถึงได้พบกับอุปสรรคโดยสรุปคือ ประโยคเดียวก็สามารถอธิบายได้หลินเฟิงมาเร็วเกินไปเขาไม่ได้รอให้เผิงกวงฉี่จัดการเรื่องของพ่อบ้านหวังเสร็จก็มาถึงก่อนแล้ว ดังนั้นทำให้พ่อบ้านหวังเข้าใจผิดว่าหลินเฟิงมาสร้างเรื่องหลอกลวง“คนพวกนี้คือ…”หลี่ฮุ่ยหรานก็มองเห็นคนเหล่านี้ ใบหน้าจึงเผยความประหลาดใจออกมาทันที“คนผู้นั้นก็คือเผิงกวงฉี่”หลินเฟิงนั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ ชี้ไปทางผู้ชายที่สีหน้าอ่อนแอ และถูกคนข้างๆ ประคองไว้“เขาก็คือเผิงกวงฉี่? ทำไม…ทำไมดูร่างกายอ่อนแอจัง”อย่าว่าแต่หลี่ฮุ่ยหราน แม้แต่คนทั่วไปก็ดูออกว่าร่างกายของเผิงกวงฉี่ไม่ดีนัก“อืม เขาถูกคนข้างกายทำร้าย ถูกวางหนอนคุณไสย เมื่อวานผมเอาหนอนคุณไสยออกให้เขาแล้ว”“และเขารับปากผมว่า วันนี้จะนำที่ดินที่ประมูลมาได้ส่งมอบให้ผม”คำพูดของหลินเฟิงทำให้หลี่ฮุ่ยหรานตกตะลึงเล็กน้อย“งั้นพูดแบบนี้…เผิงกวงฉี่ผิดคำพูดงั้นเหรอ?”“ไม่ ไม่ใช่ว่าเขาผิดคำพูด แต่เป็นเพราะเรามาเร็วไป เขายังจัดการเรื่องส่วนตัวของเขาไม่เสร็จ”หลินเฟิง
ถึงแม้เผิงกวงฉี่จะพานักบู๊มาจำนวนไม่น้อยแต่อยากจะฆ่าเอาชีวิตของพ่อบ้านหวังนั้น เห็นได้ชัดว่ามันยังไม่เพียงพอ อีกทั้งไม่แน่อาจจะยังพบกับอันตราย ถูกย้อนกลับมาฆ่าหลินเฟิงก็เป็นเพราะความกังวลนี้ ถึงได้อยู่ต่อตามลำพังเขาจะให้เผิงกวงฉี่ถูกฆ่าไม่ได้ถ้าหากเผิงกวงฉี่ถูกฆ่า งั้นที่ดินสี่ห้าผืนที่เขาอยากได้ก็จะกลายเป็นความคิดเพ้อเจ้อเขาเก็บซองเอกสารเอาไว้ เดินไปตามทางเดิน หลินเฟิงแอบเข้าไปข้างในเงียบๆเป็นอย่างที่หลินเฟิงคิดไว้ไม่ผิดในตอนที่หลินเฟิงแอบย่องมาถึงนอกห้องทำงาน เขาก็เห็นพ่อบ้านหวังกับเผิงกวงฉี่ที่กำลังคุมเชิงกันอยู่ตรงนี้“คุณเผิง คุณให้ผมตรวจสอบบัญชีของบริษัทเต๋อหนิงไม่ใช่เหรอครับ? ทำไมถึงมาที่นี่ด้วยตัวเองล่ะ แถมยังพาคนมาเยอะแยะขนาดนี้?”เห็นได้ชัดว่า บรรยากาศปะทุแบบนี้ พ่อบ้านหวังสัมผัสได้ถึงความผิดปกติแล้วแต่ทว่าคนกลุ่มนี้ที่เผิงกวงฉี่พามามีความระแวดระวังอย่างมากภายใต้สถานการณ์ที่พ่อบ้านหวังไม่ได้สังเกตเห็น ขยับฝีเท้า ล้อมทางหนีทีไล่ของเขาเอาไว้ทั้งหมด“หึหึ เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว หวังเจิง ฉันแบไต๋กับนายแล้วกัน”เผิงกวงฉี่ถูคนประคองเดินออกมา ถึงแม้เขาจะยิ้มอย
เป็นอย่างที่คิดเผิงกวงฉี่ส่ายหน้า ในดวงตาเผยความเยาะหยันออกมา และพูดเรียบๆ ว่า: “ใช่สิ คนข้างหมอนของฉัน แต่กลับโหดร้ายกับฉันได้ขนาดนี้...”“ทำให้ฉันเดินไปหาความตายช้าๆ มองดูฉันแย่ลงทุกวัน สุดท้ายอ่อนกำลังและตายไป หนอนคุณไสยทะลุท้อง”“ผม...”พ่อบ้านหวังยังอยากจะพูดอะไร แต่เขาก็พูดไม่ออกสักคำเขาเงียบขรึมอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นเงยหน้าพูดอย่างแน่วแน่:“เผิงกวงฉี่ เรื่องนี้ผมเป็นคนวางแผน ต้นเหตุทั้งหมดมาจากผม คุณปล่อยถานหงไป เพียงแค่คุณปล่อยถานหง ผมจะยอมให้คุณจัดการตามใจชอบ”“สายไปแล้ว”เผิงกวงฉี่พูดเสียงเบา:“ฉันบอกแล้วว่า ถานหงถูกฉันกำจัดไปแล้ว”“อะไรนะ? คุณทำจริงๆ เหรอ?”ความหวังสุดท้ายในดวงตาพ่อบ้านหวังถูกดับสูญจู่ๆ เขาก็ส่งเสียงหัวเราะที่มีอาการตื่นเต้นออกมาจากนั้น เสียงหัวเราะนี้ค่อยๆ เปลี่ยนไปดังขึ้น สุดท้ายก็เงยหน้าหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง“เผิงกวงฉี่ นายนี่มันใจไม้ไส้ระกำจริงๆ!”“คนที่ใจไม้ไส้ระกำไม่ใช่ฉัน แต่เป็นพวกนายต่างหาก”เผิงกวงฉี่เงยหน้าขึ้น ตอบโต้ด้วยสีหน้านิ่งเฉย“ฮ่าฮ่า ใช่ นายพูดไม่ผิด ฉันใจไม้ไส้ระกำจริงๆ นั่นแหละ...ฮ่าฮ่าฮ่า...แต่ฉันคิดไม่ถึงว่า นายจะฆ่า
ได้ยินการวิเคราะห์ของหลินเฟิง เฝิงเอ้อกับเฝิงชางถลึงตาโตทันที“เฝิงหลี?!”หรือว่าเมื่อครู่เฝิงหลีถือโอกาสตอนที่พวกเขาไม่ได้สังเกต วางยาพิษเฝิงอวี้อู่เป็นครั้งที่สองงั้นเหรอ?!ดังนั้นหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวเพิ่งรักษาจนดีขึ้นเล็กน้อย ก็ได้อาการหนักขึ้นทันที ?“ไอ้สารเลว ผมจะไปจับตัวเขามาถามเดี๋ยวนี้!”เฝิงเอ้ออารมณ์ร้อน ตะโกนเสียงดังด้วยความโมโหทันที“หยุดก่อน!”เฝิงชางกลับตะโกนเสียงดัง จ้องมองเฝิงเอ้อแล้วพูดว่า:“หรือว่านายอยากให้ตระกูลเฝิงของเราตายงั้นเหรอ?”“ไม่พูดก่อนว่านี่เป็นคำพูดของไอ้หมอนี่ฝ่ายเดียว ต่อให้ไอ้หนุ่มคนนี้พูดจริง หรือว่าพวกเราจะแตกหักกับเฝิงหลีจริงๆ งั้นเหรอ?!”“ถ้าหากไอ้หมอนี่รักษาไม่หาย งั้นพวกเราตระกูลเฝิงจะทำยังไง?!”เผชิญหน้ากับการสอบถามของเฝิงชาง เฝิงเอ้อนิ่งอึ้งอยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายก็โมโหจนทรุดนั่งลงกับพื้น“แม่งเอ๊ย แบนี้ก็ไม่ได้ แบบนั้นก็ไม่ได้ ทำให้ผมโมโหตายไปเลยเถอะ!”เมื่อเห็นว่าน้องรองของตัวเองโมโหขนาดนี้ เฝิงชางก็รู้สึกเชื่อความสามารถของหลินเฟิงขึ้นมาเล็กน้อย เขาจึงรีบถามว่า:“หลินเฟิง ถ้าหากคุณสามารถรักษาอวี้อู่กับหมอเทวดาเลี่ยวจนหายได
เลี่ยวจื้อหมิงอายุเยอะขนาดนี้ ถูกพวกเขาทำแบบนี้ ยังไงก็ต้องอายุสั้นลงสองปี“หลินเฟิง ผมเตือนคุณว่าทางที่ดีอย่างวู่วาม”“ยาพิษนี้แม้แต่หมอเทวดาเลี่ยวก็โดนโดยที่ไม่ระวัง ทางที่ดีนายช่างใจให้ดีเฝิงชางสีหน้าเย็นชา“หึ ไม่ฟังคำเตือนของผม ตอนนี้เสนอตัวออกมาแสร้งเป็นคนดีงั้นเหรอ?”หลินเฟิงไม่ได้มีความรู้สึกดีๆ อะไรต่อผู้นำตระกูลเฝิง เขาสามารถอยู่ที่นี่ได้ เป็นเพราะผลประโยชน์ล้วนๆ“เพียงแค่ผมช่วยเฝิงอวี้อู่ให้รอดได้ คุณก็จะบอกข่าวของหยินหลิงให้กับผมใช่ไหม?”“หยินหลิง?”ผู้นำตระกูลเฝิงนิ่งอึ้ง“ผู้นำตระกูล หยินหลิงก็คือชื่อของผู้นำตระกูลกลุ่มพันธมิตรบู๊”เฝิงเอ้อที่อยู่ข้างๆ รีบพูดขึ้น“......”สีหน้าของเฝิงชางอึดอัดเล็กน้อย ในเมื่อเมื่อครู่เขาบอกตำแหน่งของหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊ไปแล้ว อยู่ที่เรือนด้านหลังของตระกูลเฝิงของพวกเขาคราวนี้ หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊น่าจะถูกเขาพาตัวไปแล้วเป้าหมายก็เพื่อมอบให้กับผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษต่อให้เป็นแบบนี้ เฝิงชางพยักหน้าพูดว่า:“แต่ตอนนี้บวกกับหมอเทวดาเลี่ยว ในเมื่อคุณสามารถช่วยลูกชายของผมให้รอดได้ งั้นก็ช่วยหมอเทวดาเลี่ยวด้วยคงไม่ยากใช่
“เร็ว! น้องรอง อย่ามัวแต่ยืนอยู่ รีบไปเชิญอาจารย์ของหมอเทวดาเลี่ยว!”“พี่ใหญ่ อาจารย์ของหมอเทวดาเลี่ยวเป็นยอดฝีมือคนไหนกัน เขาไม่ได้พูด พวกเราจะรู้ได้ยังไง?!”เฝิงเอ้อที่ยืนอยู่ตรงประตูก็งุนงงเช่นเดียวกันหมอเทวดาลั่วตายอยู่ที่ตระกูลเฝิงของพวกเขา เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่แล้วเฝิงเอ้อรู้ดีเช่นกัน“พี่ใหญ่ เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว พี่มอบตัวหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรออกมาอย่างว่าง่ายดีกว่า แบบนี้ผมยังสามารถขอร้องให้ผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษถอนพิษให้ได้ ไม่อย่างนั้น จะไม่ทันการณ์แล้วจริงๆ!”เฝิงหลีใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์“ได้...ฉันมอบตัวให้! ฉันมอบให้!”เฝิงชางร้อนใจแล้ว ถ้าหากแค่ลูกชายของเขา งั้นเขายังสามารถสงบสติเลือกที่จะรับหรือไม่รับได้ และคิดถึงอนาคตของตระกูลแต่ชีวิตของหมอเทวดาเลี่ยงกลับไม่สามารถผิดพลาดได้หากเมื่อหมอเทวดาเลี่ยวเสียชีวิต พวกเขาตระกูลเฝิงก็จบสิ้นแล้ว“หึหึ วางใจเถอะพี่ใหญ่ มีผมอยู่ หมอเทวดาเลี่ยวกับหลานอวี้อู่ ไม่มีทางเป็นอันตรายอย่างแน่นอน”เฝิงหลียิ้มอย่างลำพองใจมากที่สุดแผนการของเขาในที่สุดก็สำเร็จแล้วต่อไป ผู้นำตระกูลของตระกูลเฝิงก็จะกลายเป็นเขาเฝิงหลีต
เฝิงอวี้อู่สงบลงแล้วแต่ตอนนี้สีหน้าของเขากลับดูแย่ลงกว่าเดิม ลมหายใจก็เปลี่ยนไปอ่อนแรง ถึงขั้นมีแต่ถอนหายใจ ไม่มีหายใจเข้าผิวทั่วตัวเริ่มคล้ำขึ้น“หมอเทวดาเลี่ยว นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”เฟิงชางวิตกกังวลมากจนไม่รู้จะทำอย่างไร เมื่อครู่ลูกชายของเขาเพิ่งดีขึ้น มันแย่ลงอีกแล้วเหรอ?“ผมดูหน่อย!”หมอเทวดาเลี่ยวถอดเข็มเงินที่เจาะเข้าไปในเส้นลมปราณหลักของเฝิงอวี้อู่ออกโดยตรง ใส่ไว้ในมือแล้วหมุน สีหน้าก็เปลี่ยนไป“หมอเทวดาเลี่ยวเป็นอะไรเหรอครับ?”เฝิงชางขยับเข้ามาถามใกล้ๆ ส่วนเฝิงเอ้อที่อยู่ไกลออกไปกลับเหม่อลอยเล็กน้อยเพราะว่าในตอนนี้จู่ๆ เขาก็นึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของหลินเฟิงขึ้นมาได้“อย่าลืมบอกหมอเทวาดาเลี่ยว ห้ามใช้มือสัมผัสเข็มเงินโดยตรง พิษนี้ต่อให้โดนแค่ผิวหนัง ก็ติดเชื้อได้อย่างรวดเร็ว”“หมอเทวดาเลี่ยว!”เฟิงเอ้ออดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา“หือ?”หมอเทวดาเลี่ยวกับเฝิงชางหันหน้ามาส่วนเฟิงเอ้อยังคงยื่นมือออกไป เขาต้องการพูดสิ่งที่หลินเฟิงเตือนไว้ก่อนหน้านี้ แต่ก็ดูไม่เหมาะสมนักหมอเทวดาเลี่ยวไม่รู้ว่ามันมีพิษเหรอ ต้องให้นายเตือนด้วย?สุดท้ายเฝิงเอ้ออ้าปาก แต่สุดท้ายก็ส่ายหน
เขาฝังเข็มโดนใช้ใจอย่างมาก แต่ละเข็มฝังลงไปได้อย่างแม่นยำในที่สุดหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวฝังเข็มสุดท้ายลงบนหน้าอกของเฝิงอวี้อู่ ความมืดบนใบหน้าของเฝิงอวี้อู่ก็ลดลงอย่างน่าอัศจรรย์แม้แต่ลมหายใจก็มั่นคงขึ้นไม่น้อย“เอ๊ะ?”เมื่อเห็นภาพนี้ เฝิงหลีที่อยู่ไกลออกไปดูตกใจ“นี่คือยาล้างพิษ แม้จะไม่ได้ผลเท่ากับยาของอาจารย์ของผม แต่ก็เป็นแบบจำลองที่วิจัยออกมาโดยศูนย์การแพทย์ตระกูลเลี่ยวของผม”ขณะพูด หมอเทวดาเลี่ยวยัดยาเม็ดสีเหลืองขนาดเท่าลำไยเข้าไปในปากของเฝิงอวี้อู่ยาเม็ดนี้ทานเข้าไปแล้วจะน้ำลายไหล ในสายตาของทุกคน ยาเม็ดนั้นกลายเป็นลูกบอลสีเหลืองไหลลงคอของเฝิงอวี้อู่ทันทีส่วนเฝิงอวี้อู่กลับไอสองครั้งในขณะที่หมดสติใบหน้าก็แดงก่ำอย่างผิดปกติ“ได้ผลจริงๆ ด้วย!”เห็นลูกชายของตัวเองดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เฝิงชางตื่นเต้นมากจนเขาคุกเข่าให้หมอเทวดาเลี่ยวทันที“ไม่เสียแรงที่เป็นหมอเทวดาเลี่ยว ก่อนหน้านี้คุณถ่อมตัวเกินไปแล้วจริงๆ!”เฝิงชางเห็นภาพนี้ คิดว่าลูกชายของตัวเองรอดแล้ว เมื่อครู่เป็นแค่คำถ่อมตัวของหมอเทวดาเลี่ยวและในตอนนี้หมอเทวดาเลี่ยวก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันเพราะวิธีการที่
เมื่อดูแบบนี้ เป็นที่น่าตื่นตะลึงหัวใจของหมอเทวดาเลี่ยวก็กระตุกมองแค่ใบหน้า ก็รู้ว่าคุณชายเฝิงอยู่ได้ไม่นานแล้ว หน้าผากเต็มไปด้วยอากาศสีดำ ใบหน้าดูเหมือนตายแล้ว นี่มันถูกพิษที่ไหนกันนี่เป็นการยื้อลมหายใจสุดท้ายด้วยซ้ำ!หากปล่อยลมหายใจสุดท้ายนี้ออกมา คุณชายตระกูลเฝิงคงจะตายไปนานแล้ว“เป็นยังไงบ้าง? หมอเทวดาเลี่ยว?”เฝิงชางและคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างๆ รีบถามด้วยความกังวลนี่คือลูกชายของเขา ยังเป็นความหวังสำหรับอนาคตของตระกูลเฝิงของพวกเขาอีกด้วย ตอนนี้เห็นลูกชายกลายเป็นแบบนี้ หัวใจของเฝิงชางแทบจะแตกสลาย“ผู้นำตระกูลเฝิงไม่ต้องร้อนใจ”หน้าผากของหมอเทวดาเลี่ยวเต็มไปด้วยเหงื่อถ้าหากพูดว่าเมื่อครู่เขายังรู้สึกว่าตัวเองมีความหวัง สามารถใช้ความคิดส่วนตัวของตัวเองได้ แต่ตอนนี้ หัวใจของเขาจมลงสู่ก้นบึ้งแค่มองรูปลักษณ์ภายนอกของคุณชายเฝิง อย่าว่าแต่เขาเลย ต่อให้อาจารย์ของเขามา เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถช่วยกลับมาได้“เฮ้อ…”หมอเทวดาเลี่ยวถอนหายใจ ภายใต้การจ้องมองของทุกคน“พิษที่คุณชายเฝิงโดนได้แทรกซึมเข้าอวัยวะภายในแล้ว เกรงว่ากระเพาะทะลุลำไส้เน่าไปแล้ว เหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย”“ผมทำ
ไม่ต้องพูดถึงหมอเทวดาเลี่ยวที่มีสถานะอันสูงส่งเลยพูดไร้สาระมากกว่านี้ นั่นก็เป็นการหาเรื่องใส่ตัวถ้าอีกฝ่ายโกรธและปฏิเสธที่จะทำการรักษา ตระกูลเฝิงจะหันไปพึ่งใครได้?หรือว่าจะไปหาหลินเฟิงคนนั้นงั้นเหรอ?“เมืองเจิ้งเต๋อ?”หมอเทวดาเลี่ยวตกตะลึงเล็กน้อย เขารู้อยู่แล้วว่าช่วงนี้หลินเฟิงอยู่ที่เมืองเจิ้งเต๋อ แต่เมื่อเห็นท่าทางของตระกูลเฝิงในเวลานี้ เขาก็ไม่สามารถยืนยันได้จึงทำได้แค่พยักหน้า ความสงสัยนี้วางเอาไว้ก่อนในเมื่อเมืองเจิ้งเต๋อมีคนมากมาย แต่คนที่สามารถกำเริบเสิบสานที่ตระกูลเฝิงได้กลับมีไม่เยอะหมอเทวดาเลี่ยวก็รู้สึกสงสัยเป็นธรรมดา“หึหึ หมอเทวดาเลี่ยว เชิญทางด้านนี้ครับ”เฝิงชางนำทางอยู่ข้างหน้า พาหมอเทวดาเลี่ยวไปที่ชั้นลอยโบราณ ทุกคนเพิ่งผลักประตูเขาไปก็ได้รับกลิ่นหอมที่รุนแรงของยา“อืม? เทียนหลงเสียน เจิ้นเฟิงจือ…”ยังไม่ได้เข้าห้อง หมอเทวดาเลี่ยวก็ย่นปลายจมูก ได้กลิ่นหอมอันล้ำค่าของสมุนไพรสมบัติล้ำค่าจำนวนมากได้ยินหมอเทวดาเลี่ยวพูดชื่อยาสมุนไพรมากกว่าสิบชนิดที่ไม่ขาดไปแม้แต่น้อย รอยยิ้มบนใบหน้าของเฟิงชางและเฟิงเอ้อค่อยๆ ลึกซึ้งขึ้นรีบพยักหน้าพูดว่า:“หมอเทวดา
“เดี๋ยวนะไอ้หนุ่ม สมองของนายไม่ได้มีปัญหาอะไรจริงๆ ใช่ไหม?”“ชู่วชู่วชู่ว อย่าเพิ่งพูด ให้ไอ้หมอนี่พูดพร่ำเพ้อไปเถอะ ให้หมอเทวดาเลี่ยวกราบเขา พรวด...”ทั้งสองคนพากันหัวเราะจนปวดท้องเนื่องด้วยคำพูดโอ้อวดของหลินเฟิงหมอเทวดาเลี่ยวมีสถานะอะไร?ทำไมจะต้องคุกเข่ากราบให้นายเด็กหนุ่มที่ไม่มีชื่อเสียง และอวดดีอย่างบ้าระห่ำแบบนี้ด้วย?เขายิ้มบางพูดว่า:“ถ้าหากผมพูดได้ไม่ถูกต้อง เช่นนั้นผมจะคุกเข่ากราบทั้งสองท่าน ชีวิตน้อยๆ ของผมก็จะปล่อยให้พวกคุณสองคนจัดการ”“แต่ถ้าหากผมพูดถูกต้อง...”หลินเฟิงมองไปทางทั้งสองคนและพูดอย่างนิ่งเฉยว่า:“พวกคุณคุกเข่าลง และคลานจากตรงนี้ไปที่หน้าประตูจวนตระกูลเฝิง อีกทั้งขณะที่คลาน จะต้องเลียนแบบหมาเห่าด้วย เป็นยังไง?”เห็นหลินเฟิงเล่นจริง ผู้คุ้มกันทั้งสองนิ่งอึ้งเล็กน้อยพวกเขาเห็นสีหน้าที่จะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มของหลินเฟิง ในใจก็รู้สึกกังวลใจเล็กน้อยดูยังไง ไอ้หมอนี่ก็ตั้งใจล่อให้พวกเขาติดกับชัดๆแต่ว่าการเดิมพันเกินเหตุไปหน่อยไหมให้หมอเทวดาเลี่ยว หมอเทวดาเมืองจิงที่มีชื่อเสียงโด่งดังกราบตรงหน้าเขา อีกทั้งขอร้องให้เขาลงมือรักษา?เรื่องแบบนี้พูดออกไปใคร
“คุณท่านรอง ไอ้หมอนี่พาลเกเรที่ตระกูลเฝิงของเราครับ!”“ใช่ครับคุณท่านรอง ไอ้หมอนี่กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว!””วันนี้พวกเราจะปิดประตูตีสุนัข สั่งสอนเขาอย่างดีสักหน่อย!”“หุบปาก”ฟังถึงตรงนี้ เฝิงเอ้อจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้นเขาเหลือบมองหลินเฟิง ไม่ได้พูดขอโทษอะไร แต่กลับมองไปทางลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงและพูดอย่างเย็นชาว่า:“ผู้ที่มาเยือนคือแขก ตระกูลเฝิงของเราจะให้คนนอกหัวเราะเยาะไม่ได้”“แยกย้ายไปให้หมด!”“แต่ว่าคุณท่านรอง...”“ทำไม?”เฝิงเอ้อถลึงตาใส่ และพูดด้วยความโมโห:“ไม่ฟังคำสั่งของฉันงั้นเหรอ?”“......”เห็นเฝิงเอ้อแสดงอำนาจ ลูกศิษย์ตระกูลเฝิงที่อยู่ในเหตุการณ์ทำได้แค่ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ และพากันแยกย้าย ก่อนจะเดินออกไป ก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่หลินเฟิง“คุณหลินเฟิง ไม่ว่าคุณจะมองตระกูลเฝิงของเรายังไง ลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงไม่จำเป็นต้องให้คนนอกมาอบรมสั่งสอน”“หวังว่าคุณจะเข้าใจ”หลังจากพูดคำเหล่านี้จบ เฝิงเอ้อก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปหลินเฟิงได้ยินแบบนี้ ก็รู้ว่าเฝิงเอ้อคนนี้ไม่ได้รู้สึกคาดหวังอะไรต่อเขาเลยสักนิด สำหรับเรื่องที่หลินเฟิงพูดว่าสามารถแก้พิษให้อวี