หลินเฟิงก็คิดไม่ถึงคนที่เปิดประตูให้เขาจะเป็นถานหงราชินีนักร้องประเทศมังกรที่มีเรื่องเคืองใจกับเขาเล็กน้อย ในพิธีเปิดโฮมสเตย์หลินเฟิงจำผู้หญิงคนนี้ได้อย่างชัดเจน และไม่มีทางที่จะจำผิดด้วย“ใครให้คุณเข้ามา? ออกไป!”เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ถานหงก็จำหลินเฟิงได้ เธอตะคอกอย่างไม่เกรงใจ และอยากจะประแทกประตูใส่หน้า“ปัง!”หลินเฟิงดันประตูด้วยมือเดียวเขาไม่ได้สนใจถานหงเลยแม้แต่น้อย และก็ไม่สามารถปล่อยโอกาสที่ตัวเองช่วงชิงมาหลุดไปได้เช่นกันหลินเฟิงยิ้มให้ถานหงเล็กน้อย:“คุณถานหง ผมมาที่นี่เพื่อรักษาประธานเผิงโดยเฉพาะ คุณรีบไล่ผมไปแบบนี้ เกรงว่าจะเสียมารยาทเกินไปหน่อยไหม?”“คุณเนี่ยนะ?”เมื่อถานหงเห็นหลินเฟิงดันประตูไว้อย่างหน้าด้านๆ เธอก็ละทิ้งความคิดที่จะปิดประตู ก่อนจะถอยหลังไปสองก้าว แล้วกอดอกพูดอย่างเย็นชาว่า:“ฉันรู้ว่าคุณเป็นที่ปรึกษาของบริษัทเภสัชกรรมเชิงถังไร้สาระอะไรนั่น แต่ก็เป็นเพียงที่ปรึกษา คู่ควรมารักษาอาการป่วยให้สามีของฉันด้วยงั้นเหรอ?” “ เป็นผม....”ขณะที่หลินเฟิงพูดไปได้แค่ครึ่งทาง จู่ ๆก็ได้ยินเสียงแผ่วเบาดังออกมาจากห้องสวีท“เสี่ยวหง คุณรู้จักเด็กหนุ่งคนน
“มันบังเอิญมากจริงๆ”หลินเฟิงทอดถอนใจออกมา“ที่คุณหลินพูดไปครึ่งหนึ่งเมื่อครู่ ผมอยากจะฟังตอนนี้ คุณหลินต้องการรางวัลตอบแทนอะไรงั้นเหรอ?”สีหน้าของเผิงกวงฉี่ชะงักไปชั่วครู่ตอนนี้สิ่งที่เขากลัวไม่ใช่การเรียกราคาสูงของหลินเฟิง กลัวจะเป็นคำร้องขอแปลก ๆของหลินเฟิงมีคนเก่งมากมายที่มีนิสัยแปลก ๆและบางครั้งเงินก็ไม่สามารถจัดการได้จริง ๆถ้าหากต้องการเงิน เผิงกวงฉี่มีเงินมากมายก่ายกองไม่อย่างนั้นก็คงเป็นไปไม่ได้ที่ราชินีนักร้องที่ชื่อเสียงโด่งดังจะตามเขาไป“ได้ งั้นผมก็ขอพูดตรง ๆเลยแล้วกัน”หลินเฟิงยิ้มเล็กน้อย“วันนี้ผมและภรรยาของผม กำลังจะคว้าที่ดินห้าแห่งในเขตพัฒนาทางตอนใต้ของเมือง แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกคนมาคว้าไปซะก่อน”“หืม?”เมื่อเผิงกวงฉี่ได้ยินคำพูดของหลินเฟิง ทันใดนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าที่หลินเฟิงมาที่นี่ ก็เพื่อที่ดินเหล่านี้นี่เองด้วยเหตุนี้เขาจึงหัวเราะแล้วพูดว่า:“เรื่องเล็ก”“ผมจะโทรถามผู้จัดการหวัง เพื่อดูว่าเขากลับมาแล้วยัง หากกลับมาแล้ว ผมก็จะให้เขาทำเอกสาร พร้อมกับมอบที่ดินทั้งหมดให้กับคุณหลินด้วย”“อะไรนะ?!”ถานหงที่อยู่ด้านข้างไม่ยินยอมเธอกอดอกพร้อมกับขมว
“เกี่ยวกับสาเหตุของโรค.....”หลินเฟิงรู้สึกว่ามันยากที่จะพูดเล็กน้อย เขามองไปที่ถานหงที่ยืนอยู่ไกล ๆด้วยท่าทางที่ลำบากใจ “หืม?”ทันใดนั้นเผิงกวงฉี่ก็ตอบสนองกลับมาทันที เขาโบกมือไปทางถานหง แสดงเจตนาให้ถานหงรู้ว่าควรหลบหลีกไปสักหน่อยอย่างไรก็ตามในขณะนี้ ใบหน้าของถานหงแสดงถึงความร้อนใจที่ไม่เป็นธรรมชาติออกมา เมื่อเธอเดินเข้าไปในห้อง ก็เหลือบมองหลินเฟิงอย่างครุ่นคิด“เอาล่ะ คุณหลิน เชิญพูดเลยเถอะ หรือว่าอาการป่วยของผมจะเกี่ยวกับเสี่ยวหงใช่ไหม?”ในที่สุดเมื่อไม่มีใครอยู่รอบ ๆแล้ว หลินเฟิงก็พยักหน้าอย่างไม่รู้สึกตัว“ประธานเผิง ก่อนที่ผมจะสรุปผลให้คุณ คุณก็อย่าเพิ่งตื่นตระหนกไปนะ”“คุณพูดมาเถอะ”เมื่อเห็นสีหน้าของหลินเฟิงแย่ลงเล็กน้อย เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกใจเสียขึ้นมาทันที“ร่างกายของคุณถูกคนวางยาพิษ มีแมลงพิษยาวครึ่งเมตรสามตัวฟักเป็นตัวอยู่ในร่างกายของคุณ รอให้โตเต็มที่แล้วก็จะพุ่งออกมาจากอกของคุณ “คำพูดที่สงบของหลินเฟิง ทำให้สีหน้าของเผิงกวงฉี่เปลี่ยนไปอย่างมากเห็นได้ว่าหลินเฟิงได้กล่าวเตือนเขาก่อน แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังไม่สามารถยอมรับเรื่องนี้ได้ เขาเหลือบมองที่ท้องของตัวเอง ราว
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะคาดเดาอยู่คร่าวๆแต่เมื่อได้รับคำเตือนของหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็ปล่อยวางความแค้นทั้งหมดลง แล้วเข้าใจว่าฆาตกรคือใครกันแน่เผิงกวงฉี่ไม่มีทายาทดังนั้นเขาจึงทำพินัยกรรมไว้ตั้งนานแล้วถ้าหากตัวเองตายก่อนที่จะมีทายาท ถ้าอย่างนั้นมรดกของตัวเองก็จะถูกส่งมอบให้กับถานหงและพ่อบ้านหวังเพื่อจัดการร่วมกัน“ถานหง....พ่อบ้านหวัง...”เขากำหมัดแน่น ท่าทางของเผิงกวงฉี่ที่โกรธมากจนเกือบชักกระตุก เป็นเพราะก่อนหน้านี้เขาก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนี้มัน “กลมกลืน” จนเกินไปพูดตามหลักหากเขาป่วยหนักจนตาย ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ทั้งสองคนนี้ก็จะไม่ถูกชะตากันเพราะมรดกของเขาแต่สิ่งที่น่าแปลกประหลาดก็คือ ทั้งสองคนนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าตัวเองก็ไม่มีท่าทีที่ไม่ถูกกัน กลับยังมีแต่ความสามัคคีกันมากกว่าก่อนหน้านี้เห็นทั้งสองเป็นเช่นนี้ เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่าจุดจบของตัวเองใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว สองคนนี้จึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อแสดงท่าทีต่อหน้าเขาแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีลับลมคมในบางอย่างอยู่ถึงแม้ว่าจะไม่อยากยอมรับ แต่เผิงกวงฉี่ก็แทบจะสรุปได้ในตอนนี้ว่าทั้งสองคนนี้ต้
“ก็จะเป็นชีวิตที่มีความสุขของพวกเราทั้งสองคน และก็จะไม่มีใครมาขัดขวางได้อีก”“ฉันรู้สึกไม่สบายใจ...นิดหน่อย”ถานหงเหลือบมองไปทางหลินเฟิงและเผิงกวงฉี่ ที่ยังคงขมวดคิ้วอยู่“ผู้ชายที่ชื่อหลินเฟิงคนนั้น ก็เป็นผู้ชายที่อิ่นนั่วเจียชื่นชมมากสินะ ถึงแม้ว่าภายนอกจะดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ฉันก็เคยสัมผัสมาก่อนที่โฮมสเตย์ในเมืองจิง”“มันได้ผลจริง ๆ”“ดังนั้น....”“เอาล่ะ!”ท่าทางของพ่อบ้านหวังที่ดูสุขุมเล็กน้อย พูดรับรองกับถานหงว่า :“ในเมื่อคุณเกลียดเขาขนาดนี้ งั้นผมก็หาวิธีจัดการเขาอย่างลับ ๆ ผมเป็นถึงยอดฝีมือระดับเซียนเทียน สามารถที่จะฆ่าเด็กหนุ่มได้อย่างสบาย ๆ นั่นยังไม่ใช่เรื่องง่าย ๆหรอกเหรอ?”เมื่อฟังมาถึงตรงนี้ ถานหงก็ยิ้มออกมาด้วยความยินดี“งั้นคุณก็ต้องสัญญานะ!”“ฮาฮา แน่นอน เพียงแค่คุณมีความสุข ต่อให้ผมขึ้นต้องเป็นอันตรายก็ได้ทั้งหมด....”“แค่ก แค่ก แค่ก...”ในขณะนี้เอง จู่ ๆหลินเฟิงก็ไอออกมาอย่างรุนแรง“หืม?!”พ่อบ้านหวังมองไปทางหลินเฟิงอย่างตื่นตระหนกระหว่างพวกเขาทั้งสองมีกำแพงกั้นไว้อยู่ และหลินเฟิงที่กำลังมุ่งความสนใจไปที่การรักษาอาการป่วยของเผิงกวงฉี่พ่อบ้านหวัง
“อ้าก!”เผิงกวงฉี่ไปที่ห้องน้ำ หลังจากพยายามอยู่เต็มๆ สิบนาที จู่ๆ เขาก็ส่งเสียงร้องที่ดังลั่นออกมาได้ยินเสียงตะโกนนี้ หลินเฟิงยื่นมือออกไปขัดขวางการเข้าใกล้ของถานหงกับพ่อบ้านหวังเขาขยับเข้าไปใกล้ เคาะประตูห้องน้ำ และยิ้มพูดว่า:“เถ้าแก่เผิง เป็นยังไงบ้าง?”“ฝี…ฝีมือการรักษาของคุณหลิน มันช่าง…ช่าง…”เห็นได้ชัดว่าเผิงกวงฉี่คนนี้เห็นสิ่งของที่ตัวเองขับออกมา จึงตกใจอย่างมาก“หึ ในเมื่อเถ้าแก่เผิงไม่เป็นไรแล้ว เช่นนั้นหลินเฟิงก็ขอตัวลาก่อน ไม่ทราบว่าค่ารักษาพยาบาลที่คุณรับปากผม จะจ่ายให้ผมเมื่อไหร่ครับ?”“งั้นก็พรุ่งนี้ เดี๋ยว…แค่กแค่กแค่ก…ไม่ไม่ไม่ ไม่ได้ คุณหลิน ได้โปรดเข้ามาหน่อย ผม…ผมรู้สึกว่าในท้องของผมยังเจ็บปวดอย่างมาก ผม…อ้าก!”ในตอนที่หลินเฟิงคิดว่าเผิงกวงฉี่ไม่เป็นไรแล้วเผิงกวงฉี่ที่อยู่ในห้องน้ำ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นกะทันหัน“หือ?!”หลินเฟิงนิ่งอึ้งไป หรือว่าเขาทำพลาดอะไรงั้นเหรอ?คิดถึงตรงนี้ เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง พุ่งเข้าไปในห้องน้ำโดยตรงแต่ทว่าเพิ่งจะพุ่งเข้าไปหลินเฟิงก็เห็นเผิงกวงฉี่กำลังพิงกำแพงด้านหนึ่งอยู่ถึงแม้สีหน้ายังคงอ่อนแอ แต่ไม่ได้เจ็บปวดเหมื
“สวรรค์ช่วยฉันไว้แท้ๆ...”“เสี่ยวหง พ่อบ้านหวัง”ในตอนนี้ ภายในห้องน้ำมีเสียงตะโกนที่อ่อนเพลียของเผิงกวงฉี่ดังขึ้นทั้งสองคนมองตากัน พากันเก็บรอยยิ้มลำพองใจบนใบหน้าเอาไว้ เปลี่ยนไปเป็นสีหน้ากังวลใจเหมือนกับในเวลาปกติ......หลินเฟิงเรียกรถแท็กซี่ไปที่หลี่ซื่อกรุ๊ปตอนนี้จางซินกำลังระเบิดอารมณ์อยู่ที่ทางเดินของห้องทำงานเธอหยิบแจกันดอกไม้ตรงทางเดินขึ้นมาขว้างไปทางจ้าวเว่ย และด่าทอเสียงดัง:“ก่อนหน้านี้คุณรับปากฉันไม่ใช่เหรอ บอกว่าจะเอาโควต้าห้าแห่งมาให้บริษัทของพี่สาวฉันไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้จบกัน ฉันคุยโวโอ้อวดออกไป ปรากฏว่าคว้าเอามาไม่ได้แม้แต่โควต้าเดียว!”“คุณรู้ไหมว่าตอนนี้ฉันอับอายขายหน้าไปจนถึงบ้านคุณย่าแล้ว!”“ฉันไม่กล้าไปพบญาติผู้พี่ของฉันแล้ว!”จางซินโมโหจนด่าสาดเสียเทเสีย ถึงกับดึงดูดกลุ่มคนมาล้อมดูจ้าวเว่ยหลบแจกันดอกไม้ที่จางซินโยนมา ครั้งนี้ที่เขามาเพราะอยากจะอธิบายกับหลินเฟิง คิดไม่ถึงว่าเพิ่งเข้าบริษัทมาก็ได้พบกับผู้หญิงบ้าคนนี้เธอไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ระบายอารมณ์ใส่เขาถ้าหากไม่ใช่ว่าต้องแสร้งทำเป็นแฟนของเธอ จ้าวเว่ยอาจจะตบหน้าจางซินในตอนนี้ซะเลย“หือ? เกิดอะไรข
“เผิงกวงฉี่ยอมจ่ายเงินเต็มที่เพื่อที่ดินเหล่านี้ หรือจะเป็นเพราะอยากให้หลี่ซื่อกรุ๊ปของเรา ใช้เงินทุนทั้งหมดเพื่อไปตีเสมอกับเศรษฐีอันดับหนึ่งของหัวตงงั้นเหรอ?”“งั้นคุณไม่สู้ให้หลี่ซื่อกรุ๊ปล้มละลายไปซะเลยดีกว่า!”คำพูดของหลี่ฮุ่ยหรานทำให้พนักงานในบริษัทคนอื่นๆ พากันพยักหน้าหลี่ฮุ่ยหรานพูดไม่ผิด เผิงกวงฉี่เศรษฐีอันดับหนึ่งเมืองหัวตงไม่มีสิ่งอื่น แต่มีเงินเต็มไปหมดต่อให้หลี่ซื่อกรุ๊ปเก่งกาจแค่ไหนก็ไม่มีทางที่จะแข่งขันเงินกับเขาได้นั่นก็คือรนหาที่ตาย“หึหึ”กัวโหย่วคังกลอกตามองบน ตอนนี้ลูกชายของเขาตายแล้ว เขาเปลี่ยนไปสุดขีดและไม่สนใจสิ่งใด จากนั้นฉีกยิ้มพูดว่า:“ผมไม่สนอะไรขนาดนั้นหรอก ยังไงพวกคุณก็ทำเงื่อนไขข้อที่สองไม่สำเร็จ นี่คือเรื่องจริงใช่ไหมล่ะ?”“ใช่ความเป็นจริง แต่ว่า...”“ไม่มีแต่ว่าอะไร”กัวโหย่วคังยิ้มเยาะพูดว่า:“ผมดูแค่ผลลัพธ์เท่านั้น ถ้าหากพวกคุณทำไม่ได้ นั่นก็คือทำไม่ได้ ตอนนี้ผมบอกพวกคุณให้ว่าหลายปีมานี้ผมเอาเงินของหลี่ซื่อกรุ๊ปไปเท่าไหร่”“หกหมื่นล้านบาท”ตอนที่กัวโหย่วคังพูดตัวเลขนี้ออกมา พนักงานของหลี่ซื่อกรุ๊ปที่อยู่ข้างๆ พากันสูดลมหายใจเข้าอย่างแรง
“เป็นยังไงบ้าง? แผลคุณหายแล้วยัง?”“หายก็หายแล้วนั่นแหละ แต่ยังมีรอยแผลเป็นนิดหน่อย”ถังหว่านส่งเสียงไม่พอใจเล็กน้อย“ฉันไม่อยากให้หลี่ฮุ่ยหรานเห็นหรอกนะ ยังไงซะ ถ้าคิดถึงฉัน ก็ทำตัวดีๆ รออีกสักหน่อย”“อืม”หลินเฟิงวางสายโทรศัพท์และคิดอยู่ครู่หนึ่งเดิมทีเขาอยากไปกับหลี่ฮุ่ยหราน แต่เมื่อคิดว่าหลี่ฮุ่ยหรานงานยุ่งขนาดนี้ เขาอย่าไปเพิ่มความวุ่นวายให้เธอเลย“จ้าวเทียนหัว เตรียมรถให้ฉันคันหนึ่ง”หลินเฟิงโทรศัพท์ไปหาจ้าวเทียนหัว เมื่อจ้าวเทียนหัวได้ยิน กลับลำบากใจเป็นครั้งแรก“คุณชายหลิน ผมไม่มีสาขาย่อยที่เมืองเจิ้งเต๋อ ถ้าจะจัดเตรียมรถ เกรงว่าคงหารถที่เหมาะสมกับสถานะของคุณไม่ได้ชั่วคราว…”ได้ยินคำพูดนี้ หลินเฟิงส่ายหน้ายิ้มพูดว่า:“แค่ยานพาหนะเอง ไม่ต้องเอารถที่ดีอะไร นายรีบเตรียมให้หน่อยก็พอแล้ว”“ก็ได้รับ”จ้าวเทียนหัวขานรับ จากนั้นผ่านไปไม่นาน รถยนต์ออดี้ คันหนึ่งจอดอยู่ใต้ตึกของหลี่ซื่อกรุ๊ปหลินเฟิงก็ไม่ได้เลือกอะไรเพียงแต่หลังจากที่เขานำของขวัญที่ถังหว่านเตรียมเอาไว้ออกไปก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงนำหยกจิ้งจอกมีตำหนิที่ได้รับจากต่งเทียนไป๋ติดตัวไปด้วยถึงแม้หยกจิ้งจอกจะม
หลินเฟิงกลับมาถึงหลี่ซื่อกรุ๊ปเวลาหนึ่งสัปดาห์นี้ หลินเฟิงใช้ชีวิตอย่างสบายๆ มากเขาออกคำสั่งจิ่วเทาอยู่ในสำนักงานของเขา ขณะที่เขากำลังสั่งให้จิ่วเถาอยู่ในสำนักงานของเขาเพื่อรวบรวมสมาชิกที่เหลือของแก๊งหมาป่าสีเลือด และฝึกศิลปะการต่อสู้ไปด้วยให้ร่างกายของเขาปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการบรรลุหลินเฟิงในตอนนี้ได้กลายเป็นปรมาจารย์ระดับสูงที่แท้จริงของประเทศมังกรที่ไม่เป็นรองใครแล้วถ้าหากพูดว่า ก่อนหน้านี้พ่อบ้านกับบริวารของตระกูลหลง สามารถสร้างความลำบากให้หลินเฟิงได้ ส่วนตอนนี้ พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเฟิงอีกแล้วเกรงว่า มีเพียงผู้แข็งแกร่งที่สุดในประเทศมังกร ยอดฝีมือแดนเทพที่ยืนอยู่บนยอดปิรามิด ถึงจะสามารถงัดข้อกับหลินเฟิงได้เช่นผู้นำตระกูลหลงหรืออย่างเช่นราชาหลินแห่งตอนใต้…พ่อของเขาหลังจากความแข็งแกร่งที่เปลี่ยนไปของหลินเฟิง คนทั้งคนก็เปลี่ยนแปลงไปไม่เพียงมีออร่าที่ทำให้คนหลงใหลที่ไม่สามารถอธิบายได้ยังมีรัศมีของปรมาจารย์ผู้หลุดพ้นจากทางโลกและไม่สนใจเรื่องทางโลกอายุแค่นี้ก็มีออร่าที่แข็งแกร่งแบบนี้ สามารถพูดได้ว่าแปลกประหลาดอย่างมากสำหรับการเปลี่ยน
“เอ่อ…ค่ะ”หญิงรับใช้ก็ลำบากใจเล็กน้อย เห็นหลินเฟิงไม่พูดอะไร พวกเธอก็ทำได้คุกเข่าลงที่ด้านข้างหลินเฟิง และเก็บเศษหินเหล่านี้ขึ้นมาสุดท้ายก็คือให้กับหลินเฟิง“ขอบคุณ”หลินเฟิงขอบคุณหญิงรับใช้เสียงเบาส่วนหญิงรับใช้คนนี้เดิมคิดว่าหลินเฟิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่คิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะขอบคุณเธอที่เป็นบุคคลไม่สำคัญแบบนี้ทำให้เธอทำอะไรไม่ถูกชั่วคราว“เอาล่ะเอาล่ะ ผมเชื่อว่าสหายน้อยหลินก็มีความเป็นของตัวเอง ต่อให้เป็นเศษหินก็ไม่ส่งผลกระทบอะไร”ต่งเทียนไป๋เห็นบรรยากาศน่าอึดอัด จึงรีบพูดเสริมให้หลินเฟิงหินก้อนนี้แตกที่ในมือของหลินเฟิง ถ้าหากหลินเฟิงย้อนกลับมาหาเขา งั้นเขาก็สามารถเอาตัวเองออกมาได้แต่สุดท้ายก็ยังต้องไว้หน้าหลินเฟิงเขาข้ามตอนนี้ไปอย่างรวดเร็ว เอาสมบัติล้ำค่าชิ้นต่อไปออกมาส่วนสมาธิของหลินเฟิงในตอนนี้อยู่ที่ในร่างกาย ไม่ได้รู้สึกสนต่อสมบัติล้ำค่าของต่งเทียนไป๋อีกต่อไปผ่านไปครู่หนึ่ง ท้องฟ้าเริ่มมืดสมบัติล้ำค่าของต่งเทียนไป๋ก็ถูกนำออกมาจนหมดแล้วหนึ่งในนั้นมีขวดหยกที่ถูกถังฮั่วประมูลเอาไปได้ด้วยสองพันห้าร้อยล้านบาททุกคนต่างชื่นชม เป็นเพราะมูลค่าของขวดหยกชิ้นนี้
และเลือดที่เปื้อนอยู่บนหินก้อนนี้เป็นสารจำเป็นและเลือดของผู้นำสำนักเสวียนเทียน ที่เป็นเพราะถูกล้อมโจมตี จนทะลวงขั้นไม่สำเร็จ และนั่นก็คือเลือดของอาจารย์ของหลินเฟิงถึงแม้อาจารย์ของเขาตอนนั้นจะไม่ได้บรรลุขอบเขตเทพ แต่มีเค้าลางของพลังจิตวิญญาณเซียนแล้วและสารจำเป็นและเลือดที่อยู่บนหินนี้ ถูกเจือปนด้วยกลิ่นอายของจิตวิญญาณเซียนไม่ว่าจะจากมุมมองเหตุผล หรือส่วนบุคคล หลินเฟิงไม่อยากเห็นหินก้อนนี้หลุดล่องอยู่ภายนอกเลือดที่อยู่บนหินก้อนนี้ หมายถึงความไม่ยอมแพ้ของอาจารย์แสดงถึงโศกนาฏกรรมของสำนักเสวียนเทียนที่ถูกทำลายล้างแสดงถึงการเดินทางเร่ร่อนสามปีของหลินเฟิงดังนั้นสำหรับหลินเฟิงแล้ว หินก้อนนี้เป็นสมบัติที่ไม่สามารถประเมินค่าได้อย่าว่าแต่สองหมื่นห้าพันล้านบาท ต่อให้เป็นห้าหมื่นล้านบาท หนึ่งแสนล้านบาท หลินเฟิงก็ต้องเอามาให้ได้หลินเฟิงเอาเงินสองหมื่นห้าพันบาทที่มีทั้งตัวออกมา มอบให้ต่งเทียนไป๋ เขาก็ได้รับหินก้อนนั้นมาตามที่ต้องการถือไว้ในมือรู้สึกอบอุ่นมากที่สุดเหมือนกับเลือดร้อนที่อยู่ข้างบนยังไม่เหือดแห้ง หลินเฟิงอดไม่ได้ น้ำตาจะไหลออกมาในทันที แต่สุดท้ายก็ยังอดกลั้นเอาไ
หรือว่าหินก้อนนี้จะเป็นของล้ำค่าจริง ๆ?เขาจงใจประเมินค่าให้ต่ำ เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่น ๆแย่งชิงกับเขางั้นเหรอ?เมื่อคิดถึงตรงนี้ ทุกคนในนี่นั้นต่างก็เริ่มกังขาแล้วเมื่อต่งเทียนไป๋เห็นการกระทำของหลินเฟิง ก็รู้สึกดีใจขึ้นมาทันที การที่หลินเฟิงทำแบบนี้ ไม่ใช่เป็นการโฆษณาก้อนหินของตัวเองงั้นเหรอ?เขารีบถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มว่า :“เพื่อนตัวน้อยหลิน โปรดอภัยที่ผมสายตาไม่ดี ถึงแม้จะได้มาในราคาที่สูง แต่ก็คิดมาตลอดว่ามันคือทับทิม”“ไม่รู้ว่าเพื่อนตัวน้อยหลินจะช่วยแก้ปริศณาให้หน่อยได้ไหม? ถ้าหากไม่ใช่ทับทิม งั้นมันคืออะไร?”“เป็นเพียงแค่หินธรรมดาทั่วไป”หลินเฟิงยังคงอธิบายอย่างใจเย็น แต่แววตาของเขากลับดูซับซ้อนและพูดอย่างใจเย็นว่า :“ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ก้อนหินธรรมดาทั่วไป แต่กลับมีความหมายกับผมเป็นพิเศษ ดังนั้นผมจึงอยากได้มันมา”“พรวด....”หลังจากที่ได้ยินคำพูดนี้ ถังฮั่วที่อยู่ด้านข้างก็หัวเราะขึ้นมาหลินเฟิงคิดว่าพวกเขาเป็นคนโง่กันหมดแล้วใช่ไหม?พูดในตอนแรกว่ามันไม่ใช่ทับทิม และยังพยายามประเมินค่าให้ต่ำอีก หลังจากนั้นตัวเองก็เดินออกไปซื้อมัน เห็น ๆอยู่ว่ามันมีบางอ
เป็นไปตามที่คิด งานแกะสลักไม้ชิ้นนี้ไม่ได้มีมูลค่าสูงมากนักุท้ายก็ถูกคนซื้อไปในราคาเพียงสองล้านบาทเท่านั้นจากนั้น ต่งเทียนไป๋ก็เอาชามกระเบื้องอีกหนึ่งชุดออกมาชามลายนี้ก็ไม่ได้มีอะไรปัญหาอะไรเช่นกันเมื่อเห็นแบบนี้ หลินเฟิงก็พยักหน้าถึงแม้ว่าของพวกนี้จะไม่ได้เข้าตาหลินเฟิง แต่ก็ไม่ใช่ของปลอม ที่จะขายได้ในราคาเจ็ดร้อยห้าสิบล้านบาทเมื่อเห็นว่าหลินเฟิงไม่ได้พูดอะไรออกมานานแล้ว ในที่สุดต่งเทียนไป๋ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกดูเหมือนว่างานเขียนอักษรชิ้นก่อนหน้านี้ จะเป็นข้อยกเว้นจริง ๆสุดท้ายเขาก็วางใจและเอาของล้ำค่าอีกชิ้นหนึ่งออกมาจากของสะสมของตัวเองเป็นปะการังคริสตัลสีแดง“ทุกท่าน ปะการังคริสตัลสีแดงชิ้นนี้ผมได้รอบรวมสะสมมาจากเมืองหนานไห่ มีราคามากและหาได้ยากอย่างมาก หากไม่ใช่สถานการณ์พิเศษในครั้งนี้ละก็ ผมก็คงไม่มีวันที่ตะขายมัน”ต่งเทียนไป๋แนะนำอย่างภาคภูมิใจว่า :“ได้ยินมาว่าของล้ำค่าชิ้นนี้มีอออร่าและแกะสลักโดยท่านอาจารย์ แถมยังมีพลังงานวิญญาณอีกด้วย เพียงแค่วางไว้ที่บ้านก็จะทำให้บ้านเป็นสิริมงคลและอายุยืนยาวได้”ตอนนี้ผมพร้อมที่จะขายมันในราคาห้าพันล้านบาท!”“ห้าพันล้
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเฟิง สีหน้าของต่งเทียนไป๋ เขาตะคอกเสียงดังว่า:“ไป ไปซื้อไม้ขีดไฟมาให้ฉัน!”“จริง!”หญิงรับใช้ก็ตกใจ และรีบออกไป“หลินเฟิง หรือว่าคุณไม่รู้เหรอว่า อะไรที่เรียกว่าอภัยได้ก็ให้อภัย?”ถังฮั่วมองหลินเฟิงด้วยความโมโห“หึหึ เมื่อครู่ตอนที่ถังฮั่วบีบบังคับให้ผมกลับมาตรวจสอบ คุณได้ฟังคำเกลี้ยกล่อมของผมบ้างไหม?“ยังคิดว่าผมพูดแบบนี้ก็เพื่อที่จะหนีไป”“ตอนนั้นคุณยังต้องการให้ผมคุกเข่ากราบทุกคน ทำไมถึงไม่พูดว่าให้อภัยได้ก็ให้อภัยล่ะ?”ได้ยินคำพูดนี้ของหลินเฟิง ถังฮั่วก็รู้สึกจุกในลำคอพูดไม่ออกอยู่ครู่ใหญ่ ทำได้เพียงกัดส่งเสียงไม่พอใจออกมาผ่านไปครู่หนึ่ง หญิงรับซื้อไม่ขีดไฟกลับมาต่งเทียนไป๋กลับมือสั่นเทา สุดท้ายก็เผาภาพเขียนใบนั้นต่อหน้าทุกคน มองดูมันกลายเป็นขี้เถ้าส่วนเขาก็รู้สึกเสียดายจนใบหน้าเหี่ยวย่นกระตุกแต่ทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อพูดรับปากออกมาแล้ว งั้นก็จำเป็นต้องทำอยู่ในวงการตรวจสอบสมบัติล้ำค่า นี่เป็นกฏที่เด็ดขาด“เอาล่ะ แค่งานเขียนเท่านั้นเอง ผมขอตัวก่อนล่ะ”หลินเฟิงเห็นว่าสีหน้าของทุกคนที่อยู่ในงานไม่ค่อยดีนักและเขาก็รู้สึกว่าอยู่ต่อไปก็ไม่มีอ
หลินเฟิงกลับไปที่ข้างหน้างานเขียน เขาเพียงแค่มองดูเล็กน้อย ก็พบช่องโหว่หลายจุด“หึ หลินเฟิง เป็นยังไง? คิดคำโกหกเสร็จแล้วยัง?”ถังฮั่วไม่รู้ว่าเอาความเป็นศัตรูมาจากไหน ท่าทางที่มีต่อหลินเฟิงแฝงไปด้วยการดูถูกอยู่ตลอดหลินเฟิงไม่ได้สนใจเขา แต่กลับพยักหน้าอย่างมั่นใจ“ทุกท่านเชิญดูที่ตราปั๊มตรงนี้”หลินเฟิงชี้ไปที่ตราปั๊มตรงมุม และพูดอย่างเรียบเฉยว่า:“ตราประทับนี้ถึงแม้ตั้งใจทำให้เก่า แต่มีความแตกต่างเล็กน้อยกับยุคสมัยของกระดาษ“สถานการณ์แบบไหนกันที่ งานเขียนแผ่นหนึ่งหลังจากเสร็จสมบูรณ์เป็นร้อยปี รอให้ผู้เขียนสิ้นชีวิตแล้ว ถึงได้ประทับตราชื่อผู้เขียนลงไป?”“อะไรนะ?!”ได้ยินถึงตรงนี้ ทุกคนต่างไม่นิ่งเฉยโดยเฉพาะต่งเทียนไป๋ เขาหยิบแว่นขยายมาจากด้านข้างของเขา คุกเข่าลงและสังเกตอย่างละเอียด ถือโอกาสในตอนที่เขากำลังสังเกตอย่างละเอียด หลินเฟิงชี้ไปที่ตัวหนังสือบนงานเขียน และพูดอย่างเรียบเฉยว่า: “อักษรราชวงศ์ซ่งโบราณผมเคยเห็นมาเยอะแล้ว ตัวอักษรนี้ เห็นได้ชัดว่าที่ราชวงศ์ซ่งโบราณมีวิธีเขียนสองแบบ อย่าว่าแต่อาจารย์จางเลย ราชวงศ์ซ่งโบราณคนส่วนใหญ่ก็ไม่ใช้วิธีเขียนแบบนี้”“นี่เป็นรูป
ต่งเทียนไป๋ส่งเสียงไม่พอใจออกมา หลินเฟิงพูดออกมาแบบนี้แล้ว ถ้าหากวันนี้ปล่อยให้เขาจากไปนั่นหมายความว่าคำพูดของเขาเป็นจริงไม่ใช่หรือไง?เขาไม่ได้ขายสมบัติ แต่ขายชื่อเสียงเขาต่งเทียนไป๋ตรวจสอบและรับซื้อสมบัติล้ำค่ามาทั้งชีวิต ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่น เขาไม่สามารถทนต่อการถูกเหยียดหยามแบบนี้ได้“คุณผู้ชายท่านนี้ คุณพูดแบบนี้ถือว่าเป็นการทำลายงานของผม คุณจะกลับไปอย่างสงบงั้นเหรอ?”คำพูดของต่งเทียนไป๋ไม่เป็นมิตรอย่างมาก“หือ? งานแบบนี้ของคุณทำลายไม่ได้งั้นเหรอ?”หลินเฟิงพูดอย่างดูถูกเหยียดหยามว่า:“เอาของปลอมเป็นทรัพย์สมบัติ สิ่งที่ถูกประมูลกลับเป็นชื่อเสียงของคุณ หากมีคนคัดค้าน ก็จะลงไม้ลงมือ”“แต่ที่น่าเสียดายก็คือ ชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของคุณไม่มีมูลค่าอะไรในสายตาของผม อีกทั้งผมก็ไม่กลัวที่จะลงไม้ลงมือ”ได้ยินคำพูดของหลินเฟิง ต่งเทียนไป๋ตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่งวุ่นวายอยู่นาน หลินเฟิงรังเกียจที่เขาขายของปลอมงั้นเหรอ?คิดถึงตรงนี้ อารมณ์ของต่งเทียนไป๋สงบลงบ้างแล้วเขาเดินเข้ามาช้าๆ ยืนอยู่ข้างหลินเฟิงพูดด้วยความมั่นใจว่า:“พ่อหนุ่ม ที่นี่ขายสมบัติล้ำค่า ไม่ได้ขายชื่อเสียงหน้าตาของ