รอให้หลินเฟิงขับรถไปถึงจุดที่ตั้งพร้อมกับหลี่ฮุ่ยหรานทั้งสองคนพบว่า สถานที่การประมูลขนาดใหญ่แบบนี้ จะเป็นเหมือนงานเต้นรำเพื่อเข้าสังคม ถึงขนาดมีบุฟเฟ่ต์และเครื่องดื่มบริกรก็เดินไปมาท่ามกลางกลุ่มคนพร้อมควบคู่กับทำนองเพลงแม้แต่ที่จัดงานก็ถูกเลือกเป็นคฤหาสน์ที่มีความเป็นส่วนตัวสูงมากด้วยแขกที่มาเยือนต่างก็เป็นบริษัทชั้นนำของเมืองเจิ้งเต๋อ ถึงแม้ว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปอยู่ในจำนวนนั้นไม่นับว่ากระจอก แต่ก็ไม่ถือว่าแข็งแกร่งสักเท่าไหร่แขกผู้มาเยือนทั้งหมดจะมีป้ายเล็ก ๆที่ทำขึ้นพิเศษติดอยู่บนร่างกาย เพื่อใช้แสดงให้ผู้คนโดยรอบได้เห็นถึงบริษัทหรือกลุ่มเครือข่ายของตัวเองแม้แต่หลินเฟิงก็ยังมองเห็นซือหม่าเซิงที่อยู่ไกลออกไป“หืม? หลี่ซื่อกรุ๊ป คนที่มาไม่ใช่กัวโหย่วคังหรอกเหรอ?”ในขณะนี้ ก็มีชายชราคนหนึ่งเดินถือไวน์แดงเข้ามา แขนของเขาคล้องผู้หญิงวัยยี่สิบต้นๆ อยู่ เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นโคแก่กินหญ้าอ่อนในเมื่อชายชราคนนี้ดูเหมือนจะอายุหกสิบกว่าปีแล้ว“หึหึ คุณโจวของเจี้ยนหงกรุ๊ปใช่ไหม ฉันชื่อหลี่ฮุ่ยหรานเป็นประธานบริษัทคนใหม่ของหลี่ซื่อกรุ๊ป ฉันได้ยินชื่อของคุณมานานและชื่นชมคุณมานานมาก....”
“คุณ...เมื่อครู่คุณพูดอะไรกับผู้หญิงคนนั้น?”หลี่ฮุ่ยหรานจับหลินเฟิงไว้ ก่อนจะถามด้วยความหึงหวงเล็กน้อย“อ๊ะ?”หลินเฟิงตะลึงงันไปชั่วครู่ เมื่อก่อนหลี่ฮุ่ยหรานคิดเล็กคิดน้อยขนาดนี้เชียวเหรอ?หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลินเฟิงก็หัวเราะออกมาเบา ๆและพูดว่า:“เมื่อครู่ผู้หญิงคนนั้นจะชวนผมไปงานเต้นรำสวมหน้ากากอะไรสักอย่าง”“งานเต้นรำสวมหน้ากาก?!”เมื่อหลี่ฮุ่ยหรานได้ยินคำนี้ จู่ ๆใบหน้าก็อึมครึมทันทีเธอจะไม่รู้ได้ยังไงว่ามันหมายความว่าอะไร?“แล้วคุณตอบรับเธอไปงั้นเหรอ?” หลี่ฮุ่ยหรานเอ่ยถามออกมาตรง ๆ“คุณเดาสิ”หลินเฟิงทิ้งคำพูดเหล่านื้ ก่อนจะรีบเดินหนีเข้าไปในคฤหาสน์“คุณ!”หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกร้อนอกร้อนใจแต่เธอก็สงบอารมณ์ลงได้ และรู้ด้วยว่านิสัยของหลินเฟิงนั้น จะไม่ไปสถานที่แบบนี้แน่นอนไม่อย่างนั้นก่อนหน้านี้มีโอกาสดี ๆ ขนาดนั้น เขาก็คงไม่มีทาง....เมื่อนึกถึงในคืนนั้น หลี่ฮุ่ยหรานก็รู้สึกได้ทันทีว่าใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเล็กน้อย“เหอะ.....”เธอส่งเสียงไม่พอใจออกมา จากนั้นจึงได้ตามเข้าไปข้างในที่แท้ ภายในคฤหาสน์ก็แน่นไปด้วยผู้คนจำนวนไม่น้อยแล้ว ทุกคนต่างก็จ้องมองไปท
“ทุกคน โปรดอดทนรอสักครู่ นี่คือการตัดสินใจจากเบื้องบน ผมเป็นเพียงผู้จัดการตัวเล็ก ๆ และไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ หากทุกท่านโกรธก็อย่ามาระบายกับผม”ในขณะที่พูดประโยคนี้ออกมา จ้าวเว่ยก็เหลือบมองมาทางหลินเฟิงจึงทำให้หลินเฟิงเข้าใจในทันทีไม่ใช่จ้าวเว่ยไม่ช่วยพวกเขา แต่เป็นคนที่อยู่เหนือกว่าจ้าวเว่ยเข้ามาแทรกแซง“บริษัทเต๋อหนิง?”หลินเฟิงมองไปทาง “ประธานหวัง” รูปร่างสูงผอม ที่มีอายุประมานสี่สิบปี ทั้งยังเห็นได้ชัดว่าดูไม่เหมือน “ประธานหวัง” ที่เป็นประธาน ก่อนจะถามหลี่ฮุ่ยหรานที่อยู่ข้าง ๆว่า:“คุณเคยได้ยินบริษัทนี้ไหม?”“ไม่เคย และไม่ควรมีบริษัทแบบนี้ในเมืองเจิ้งเต๋อ ถ้าหากมี ก็ไม่สามารถเป็นบริษัทใหญ่ได้”หลี่ฮุ่ยหรานพูดออกมาอย่างมั่นใจเพราะว่าเธอทำการบ้านมาเรียบร้อยแล้วบริษัทที่มีชื่อเสียงทั้งหมดในเมืองเจิ้งเต๋อ หลี่ฮุ่ยหรานสามารถพูดออกมาได้ทั้งหมด แต่เธอกลับไม่เคยได้ยินอะไรที่เกี่ยวกับบริษัทเต๋อหนิงเลย“ฮัลโหล จ้าวเทียนหวา ผมอยากให้คุณตรวจสอบบริษัทหนึ่ง ชื่อว่าบริษัทเต๋อหนิง....ใช่ น่าจะเป็นบริษัทก่อสร้าง”หลินเฟิงโทรส่วนตัวไปหาจ้าวเทียนหวา และขอให้จ้าวเทียนหวาช่วยตรวจ
“ดังนั้นพวกเราจึงทำได้แค่ยอมแพ้งั้นเหรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานขมวดคิ้ว พร้อมกับถอนหายใจออกมาเบา ๆพูดตามตรง เธอไม่อยากให้กัวโหย่วคังทำสำเร็จจริง ๆ แต่มีบางเรื่องที่ทำไม่ได้ก็คือทำไม่ได้ ไม่สามารถที่จะโอ้อวดได้ อย่างน้อยก็สามารถทำให้กัวโหย่วคังได้รับโทษที่รุนแรงก็ถือว่าเป็นการชดเชยนิดหน่อย ๆแล้ว“ไม่ พวกเราไม่ได้จะยอมแพ้อยู่แล้ว”หลินเฟิงยิ้มให้หลี่ฮุ่ยหรานพร้อมกับพยักหน้าให้เธอและพูดว่า:“ผมมีวิธีแล้ว คุณกลับไปรอข่าวจากผมเถอะ”“จริงเหรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานไม่เชื่อเล็กน้อย แต่ในเมื่อหลินเฟิงพูดมาแบบนี้แล้ว เธอก็ทำได้แค่พยักหน้า และกำชับกับหลินเฟิงว่าอย่าทำอะไรซี้ซั้วจากนั้นก็ขับรถออกไป“เอาล่ะ ให้ฉันไปพบหน้าคนที่ร่ำรวยคนนั้นของหัวตงสักหน่อย”หลินเฟิงยืดเอวอย่างขี้เกียจ และออกเดินไปจากคฤหาสน์ ก่อนจะไปหยุดเรียกแท็กซี่บนถนน พร้อมกับบอกที่อยู่ให้กับคนขับ“โรงแรมหวยปินแกรนด์”ถูกต้อง มันเป็นบ้านหลังเดียวกับที่หลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหรานเคยอาศัยอยู่กัยมาก่อน“ใครนะ?”โทรศัพท์ในห้องพักแขกถูกเชื่อมต่อชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อคลุมอาบน้ำ ใบหน้าและริมฝีปากสีเข้มเล็กน้อย และหัวล้านได้หยิบหูโทรศั
เงียบไปชั่วขณะหนึ่ง“ฮาฮา คุยทางโทรศัพท์น่าเบื่อไปหน่อย ทำไมพวกเราถึงไม่คุยกันต่อหน้าล่ะ?”รอเป็นเวลานานเผิงกวงฉี่กลับรอคำว่าคุยกันต่อหน้า แต่เขาก็ไม่ลังเลอะไร จึงตอบตกลงทันทีหลังจากวางสายโทรศัพท์ เผิงกวงฉี่ก็จมดิ่งอยู่ในความคิดเมื่อพิจารณาเสียงจากในโทรศัพท์ คนที่โทรหาตัวเองยังเป็นวัยรุ่น อีกทั้งน้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความมั่นใจอีกด้วย“หึ....”เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เผิงกวงฉี่ก็อยากจะหัวเราะเยาะตัวเองจริง ๆแล้วเขาป่วยด้วยโรคประหลาดนี้มาเป็นเวลาหนึ่งปีแล้วในระหว่างนั้น การเก็บรักษาความลับของเขาก็ทำได้ดีมากตอนแรกแค่รู้สึกว่าเรื่องบนเตียงไม่สามารถทำตามได้อย่างใจคิดได้ ภรรยาตัวน้อยของเขาก็เย็นชากับเขาขึ้นเรื่อยๆหลังจากนั้นก็รู้สึกว่าร่างกายอ่อนแอลง และบางครั้งขณะที่เดินก็ยังหายใจไม่ออกด้วยซ้ำและตอนนี้ เขาก็แทบจะเดินเองไม่ได้แล้วเพียงแค่ยืนขึ้นก็รู้สึกเวียนหัว และยังปวดกล้ามเนื้อจนทนไม่ไหวเผิงกวงฉี่ต้องทรมานอย่างมากกับโรคประหลาดนี้ของตัวเองเขาพบแพทย์ที่มีชื่อเสียงจำนวนนับไม่ถ้วนภายในประเทศ และไปโรงพยาบาลทั่วประเทศมังกร พร้อมกับสอบถามแพทย์อาวุโสที่เคารพนับถือเกือบทั้ง
หลินเฟิงก็คิดไม่ถึงคนที่เปิดประตูให้เขาจะเป็นถานหงราชินีนักร้องประเทศมังกรที่มีเรื่องเคืองใจกับเขาเล็กน้อย ในพิธีเปิดโฮมสเตย์หลินเฟิงจำผู้หญิงคนนี้ได้อย่างชัดเจน และไม่มีทางที่จะจำผิดด้วย“ใครให้คุณเข้ามา? ออกไป!”เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ถานหงก็จำหลินเฟิงได้ เธอตะคอกอย่างไม่เกรงใจ และอยากจะประแทกประตูใส่หน้า“ปัง!”หลินเฟิงดันประตูด้วยมือเดียวเขาไม่ได้สนใจถานหงเลยแม้แต่น้อย และก็ไม่สามารถปล่อยโอกาสที่ตัวเองช่วงชิงมาหลุดไปได้เช่นกันหลินเฟิงยิ้มให้ถานหงเล็กน้อย:“คุณถานหง ผมมาที่นี่เพื่อรักษาประธานเผิงโดยเฉพาะ คุณรีบไล่ผมไปแบบนี้ เกรงว่าจะเสียมารยาทเกินไปหน่อยไหม?”“คุณเนี่ยนะ?”เมื่อถานหงเห็นหลินเฟิงดันประตูไว้อย่างหน้าด้านๆ เธอก็ละทิ้งความคิดที่จะปิดประตู ก่อนจะถอยหลังไปสองก้าว แล้วกอดอกพูดอย่างเย็นชาว่า:“ฉันรู้ว่าคุณเป็นที่ปรึกษาของบริษัทเภสัชกรรมเชิงถังไร้สาระอะไรนั่น แต่ก็เป็นเพียงที่ปรึกษา คู่ควรมารักษาอาการป่วยให้สามีของฉันด้วยงั้นเหรอ?” “ เป็นผม....”ขณะที่หลินเฟิงพูดไปได้แค่ครึ่งทาง จู่ ๆก็ได้ยินเสียงแผ่วเบาดังออกมาจากห้องสวีท“เสี่ยวหง คุณรู้จักเด็กหนุ่งคนน
“มันบังเอิญมากจริงๆ”หลินเฟิงทอดถอนใจออกมา“ที่คุณหลินพูดไปครึ่งหนึ่งเมื่อครู่ ผมอยากจะฟังตอนนี้ คุณหลินต้องการรางวัลตอบแทนอะไรงั้นเหรอ?”สีหน้าของเผิงกวงฉี่ชะงักไปชั่วครู่ตอนนี้สิ่งที่เขากลัวไม่ใช่การเรียกราคาสูงของหลินเฟิง กลัวจะเป็นคำร้องขอแปลก ๆของหลินเฟิงมีคนเก่งมากมายที่มีนิสัยแปลก ๆและบางครั้งเงินก็ไม่สามารถจัดการได้จริง ๆถ้าหากต้องการเงิน เผิงกวงฉี่มีเงินมากมายก่ายกองไม่อย่างนั้นก็คงเป็นไปไม่ได้ที่ราชินีนักร้องที่ชื่อเสียงโด่งดังจะตามเขาไป“ได้ งั้นผมก็ขอพูดตรง ๆเลยแล้วกัน”หลินเฟิงยิ้มเล็กน้อย“วันนี้ผมและภรรยาของผม กำลังจะคว้าที่ดินห้าแห่งในเขตพัฒนาทางตอนใต้ของเมือง แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกคนมาคว้าไปซะก่อน”“หืม?”เมื่อเผิงกวงฉี่ได้ยินคำพูดของหลินเฟิง ทันใดนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าที่หลินเฟิงมาที่นี่ ก็เพื่อที่ดินเหล่านี้นี่เองด้วยเหตุนี้เขาจึงหัวเราะแล้วพูดว่า:“เรื่องเล็ก”“ผมจะโทรถามผู้จัดการหวัง เพื่อดูว่าเขากลับมาแล้วยัง หากกลับมาแล้ว ผมก็จะให้เขาทำเอกสาร พร้อมกับมอบที่ดินทั้งหมดให้กับคุณหลินด้วย”“อะไรนะ?!”ถานหงที่อยู่ด้านข้างไม่ยินยอมเธอกอดอกพร้อมกับขมว
“เกี่ยวกับสาเหตุของโรค.....”หลินเฟิงรู้สึกว่ามันยากที่จะพูดเล็กน้อย เขามองไปที่ถานหงที่ยืนอยู่ไกล ๆด้วยท่าทางที่ลำบากใจ “หืม?”ทันใดนั้นเผิงกวงฉี่ก็ตอบสนองกลับมาทันที เขาโบกมือไปทางถานหง แสดงเจตนาให้ถานหงรู้ว่าควรหลบหลีกไปสักหน่อยอย่างไรก็ตามในขณะนี้ ใบหน้าของถานหงแสดงถึงความร้อนใจที่ไม่เป็นธรรมชาติออกมา เมื่อเธอเดินเข้าไปในห้อง ก็เหลือบมองหลินเฟิงอย่างครุ่นคิด“เอาล่ะ คุณหลิน เชิญพูดเลยเถอะ หรือว่าอาการป่วยของผมจะเกี่ยวกับเสี่ยวหงใช่ไหม?”ในที่สุดเมื่อไม่มีใครอยู่รอบ ๆแล้ว หลินเฟิงก็พยักหน้าอย่างไม่รู้สึกตัว“ประธานเผิง ก่อนที่ผมจะสรุปผลให้คุณ คุณก็อย่าเพิ่งตื่นตระหนกไปนะ”“คุณพูดมาเถอะ”เมื่อเห็นสีหน้าของหลินเฟิงแย่ลงเล็กน้อย เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกใจเสียขึ้นมาทันที“ร่างกายของคุณถูกคนวางยาพิษ มีแมลงพิษยาวครึ่งเมตรสามตัวฟักเป็นตัวอยู่ในร่างกายของคุณ รอให้โตเต็มที่แล้วก็จะพุ่งออกมาจากอกของคุณ “คำพูดที่สงบของหลินเฟิง ทำให้สีหน้าของเผิงกวงฉี่เปลี่ยนไปอย่างมากเห็นได้ว่าหลินเฟิงได้กล่าวเตือนเขาก่อน แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังไม่สามารถยอมรับเรื่องนี้ได้ เขาเหลือบมองที่ท้องของตัวเอง ราว
ได้ยินการวิเคราะห์ของหลินเฟิง เฝิงเอ้อกับเฝิงชางถลึงตาโตทันที“เฝิงหลี?!”หรือว่าเมื่อครู่เฝิงหลีถือโอกาสตอนที่พวกเขาไม่ได้สังเกต วางยาพิษเฝิงอวี้อู่เป็นครั้งที่สองงั้นเหรอ?!ดังนั้นหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวเพิ่งรักษาจนดีขึ้นเล็กน้อย ก็ได้อาการหนักขึ้นทันที ?“ไอ้สารเลว ผมจะไปจับตัวเขามาถามเดี๋ยวนี้!”เฝิงเอ้ออารมณ์ร้อน ตะโกนเสียงดังด้วยความโมโหทันที“หยุดก่อน!”เฝิงชางกลับตะโกนเสียงดัง จ้องมองเฝิงเอ้อแล้วพูดว่า:“หรือว่านายอยากให้ตระกูลเฝิงของเราตายงั้นเหรอ?”“ไม่พูดก่อนว่านี่เป็นคำพูดของไอ้หมอนี่ฝ่ายเดียว ต่อให้ไอ้หนุ่มคนนี้พูดจริง หรือว่าพวกเราจะแตกหักกับเฝิงหลีจริงๆ งั้นเหรอ?!”“ถ้าหากไอ้หมอนี่รักษาไม่หาย งั้นพวกเราตระกูลเฝิงจะทำยังไง?!”เผชิญหน้ากับการสอบถามของเฝิงชาง เฝิงเอ้อนิ่งอึ้งอยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายก็โมโหจนทรุดนั่งลงกับพื้น“แม่งเอ๊ย แบนี้ก็ไม่ได้ แบบนั้นก็ไม่ได้ ทำให้ผมโมโหตายไปเลยเถอะ!”เมื่อเห็นว่าน้องรองของตัวเองโมโหขนาดนี้ เฝิงชางก็รู้สึกเชื่อความสามารถของหลินเฟิงขึ้นมาเล็กน้อย เขาจึงรีบถามว่า:“หลินเฟิง ถ้าหากคุณสามารถรักษาอวี้อู่กับหมอเทวดาเลี่ยวจนหายได
เลี่ยวจื้อหมิงอายุเยอะขนาดนี้ ถูกพวกเขาทำแบบนี้ ยังไงก็ต้องอายุสั้นลงสองปี“หลินเฟิง ผมเตือนคุณว่าทางที่ดีอย่างวู่วาม”“ยาพิษนี้แม้แต่หมอเทวดาเลี่ยวก็โดนโดยที่ไม่ระวัง ทางที่ดีนายช่างใจให้ดีเฝิงชางสีหน้าเย็นชา“หึ ไม่ฟังคำเตือนของผม ตอนนี้เสนอตัวออกมาแสร้งเป็นคนดีงั้นเหรอ?”หลินเฟิงไม่ได้มีความรู้สึกดีๆ อะไรต่อผู้นำตระกูลเฝิง เขาสามารถอยู่ที่นี่ได้ เป็นเพราะผลประโยชน์ล้วนๆ“เพียงแค่ผมช่วยเฝิงอวี้อู่ให้รอดได้ คุณก็จะบอกข่าวของหยินหลิงให้กับผมใช่ไหม?”“หยินหลิง?”ผู้นำตระกูลเฝิงนิ่งอึ้ง“ผู้นำตระกูล หยินหลิงก็คือชื่อของผู้นำตระกูลกลุ่มพันธมิตรบู๊”เฝิงเอ้อที่อยู่ข้างๆ รีบพูดขึ้น“......”สีหน้าของเฝิงชางอึดอัดเล็กน้อย ในเมื่อเมื่อครู่เขาบอกตำแหน่งของหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊ไปแล้ว อยู่ที่เรือนด้านหลังของตระกูลเฝิงของพวกเขาคราวนี้ หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊น่าจะถูกเขาพาตัวไปแล้วเป้าหมายก็เพื่อมอบให้กับผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษต่อให้เป็นแบบนี้ เฝิงชางพยักหน้าพูดว่า:“แต่ตอนนี้บวกกับหมอเทวดาเลี่ยว ในเมื่อคุณสามารถช่วยลูกชายของผมให้รอดได้ งั้นก็ช่วยหมอเทวดาเลี่ยวด้วยคงไม่ยากใช่
“เร็ว! น้องรอง อย่ามัวแต่ยืนอยู่ รีบไปเชิญอาจารย์ของหมอเทวดาเลี่ยว!”“พี่ใหญ่ อาจารย์ของหมอเทวดาเลี่ยวเป็นยอดฝีมือคนไหนกัน เขาไม่ได้พูด พวกเราจะรู้ได้ยังไง?!”เฝิงเอ้อที่ยืนอยู่ตรงประตูก็งุนงงเช่นเดียวกันหมอเทวดาลั่วตายอยู่ที่ตระกูลเฝิงของพวกเขา เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่แล้วเฝิงเอ้อรู้ดีเช่นกัน“พี่ใหญ่ เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว พี่มอบตัวหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรออกมาอย่างว่าง่ายดีกว่า แบบนี้ผมยังสามารถขอร้องให้ผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษถอนพิษให้ได้ ไม่อย่างนั้น จะไม่ทันการณ์แล้วจริงๆ!”เฝิงหลีใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์“ได้...ฉันมอบตัวให้! ฉันมอบให้!”เฝิงชางร้อนใจแล้ว ถ้าหากแค่ลูกชายของเขา งั้นเขายังสามารถสงบสติเลือกที่จะรับหรือไม่รับได้ และคิดถึงอนาคตของตระกูลแต่ชีวิตของหมอเทวดาเลี่ยงกลับไม่สามารถผิดพลาดได้หากเมื่อหมอเทวดาเลี่ยวเสียชีวิต พวกเขาตระกูลเฝิงก็จบสิ้นแล้ว“หึหึ วางใจเถอะพี่ใหญ่ มีผมอยู่ หมอเทวดาเลี่ยวกับหลานอวี้อู่ ไม่มีทางเป็นอันตรายอย่างแน่นอน”เฝิงหลียิ้มอย่างลำพองใจมากที่สุดแผนการของเขาในที่สุดก็สำเร็จแล้วต่อไป ผู้นำตระกูลของตระกูลเฝิงก็จะกลายเป็นเขาเฝิงหลีต
เฝิงอวี้อู่สงบลงแล้วแต่ตอนนี้สีหน้าของเขากลับดูแย่ลงกว่าเดิม ลมหายใจก็เปลี่ยนไปอ่อนแรง ถึงขั้นมีแต่ถอนหายใจ ไม่มีหายใจเข้าผิวทั่วตัวเริ่มคล้ำขึ้น“หมอเทวดาเลี่ยว นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”เฟิงชางวิตกกังวลมากจนไม่รู้จะทำอย่างไร เมื่อครู่ลูกชายของเขาเพิ่งดีขึ้น มันแย่ลงอีกแล้วเหรอ?“ผมดูหน่อย!”หมอเทวดาเลี่ยวถอดเข็มเงินที่เจาะเข้าไปในเส้นลมปราณหลักของเฝิงอวี้อู่ออกโดยตรง ใส่ไว้ในมือแล้วหมุน สีหน้าก็เปลี่ยนไป“หมอเทวดาเลี่ยวเป็นอะไรเหรอครับ?”เฝิงชางขยับเข้ามาถามใกล้ๆ ส่วนเฝิงเอ้อที่อยู่ไกลออกไปกลับเหม่อลอยเล็กน้อยเพราะว่าในตอนนี้จู่ๆ เขาก็นึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของหลินเฟิงขึ้นมาได้“อย่าลืมบอกหมอเทวาดาเลี่ยว ห้ามใช้มือสัมผัสเข็มเงินโดยตรง พิษนี้ต่อให้โดนแค่ผิวหนัง ก็ติดเชื้อได้อย่างรวดเร็ว”“หมอเทวดาเลี่ยว!”เฟิงเอ้ออดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา“หือ?”หมอเทวดาเลี่ยวกับเฝิงชางหันหน้ามาส่วนเฟิงเอ้อยังคงยื่นมือออกไป เขาต้องการพูดสิ่งที่หลินเฟิงเตือนไว้ก่อนหน้านี้ แต่ก็ดูไม่เหมาะสมนักหมอเทวดาเลี่ยวไม่รู้ว่ามันมีพิษเหรอ ต้องให้นายเตือนด้วย?สุดท้ายเฝิงเอ้ออ้าปาก แต่สุดท้ายก็ส่ายหน
เขาฝังเข็มโดนใช้ใจอย่างมาก แต่ละเข็มฝังลงไปได้อย่างแม่นยำในที่สุดหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวฝังเข็มสุดท้ายลงบนหน้าอกของเฝิงอวี้อู่ ความมืดบนใบหน้าของเฝิงอวี้อู่ก็ลดลงอย่างน่าอัศจรรย์แม้แต่ลมหายใจก็มั่นคงขึ้นไม่น้อย“เอ๊ะ?”เมื่อเห็นภาพนี้ เฝิงหลีที่อยู่ไกลออกไปดูตกใจ“นี่คือยาล้างพิษ แม้จะไม่ได้ผลเท่ากับยาของอาจารย์ของผม แต่ก็เป็นแบบจำลองที่วิจัยออกมาโดยศูนย์การแพทย์ตระกูลเลี่ยวของผม”ขณะพูด หมอเทวดาเลี่ยวยัดยาเม็ดสีเหลืองขนาดเท่าลำไยเข้าไปในปากของเฝิงอวี้อู่ยาเม็ดนี้ทานเข้าไปแล้วจะน้ำลายไหล ในสายตาของทุกคน ยาเม็ดนั้นกลายเป็นลูกบอลสีเหลืองไหลลงคอของเฝิงอวี้อู่ทันทีส่วนเฝิงอวี้อู่กลับไอสองครั้งในขณะที่หมดสติใบหน้าก็แดงก่ำอย่างผิดปกติ“ได้ผลจริงๆ ด้วย!”เห็นลูกชายของตัวเองดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เฝิงชางตื่นเต้นมากจนเขาคุกเข่าให้หมอเทวดาเลี่ยวทันที“ไม่เสียแรงที่เป็นหมอเทวดาเลี่ยว ก่อนหน้านี้คุณถ่อมตัวเกินไปแล้วจริงๆ!”เฝิงชางเห็นภาพนี้ คิดว่าลูกชายของตัวเองรอดแล้ว เมื่อครู่เป็นแค่คำถ่อมตัวของหมอเทวดาเลี่ยวและในตอนนี้หมอเทวดาเลี่ยวก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันเพราะวิธีการที่
เมื่อดูแบบนี้ เป็นที่น่าตื่นตะลึงหัวใจของหมอเทวดาเลี่ยวก็กระตุกมองแค่ใบหน้า ก็รู้ว่าคุณชายเฝิงอยู่ได้ไม่นานแล้ว หน้าผากเต็มไปด้วยอากาศสีดำ ใบหน้าดูเหมือนตายแล้ว นี่มันถูกพิษที่ไหนกันนี่เป็นการยื้อลมหายใจสุดท้ายด้วยซ้ำ!หากปล่อยลมหายใจสุดท้ายนี้ออกมา คุณชายตระกูลเฝิงคงจะตายไปนานแล้ว“เป็นยังไงบ้าง? หมอเทวดาเลี่ยว?”เฝิงชางและคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างๆ รีบถามด้วยความกังวลนี่คือลูกชายของเขา ยังเป็นความหวังสำหรับอนาคตของตระกูลเฝิงของพวกเขาอีกด้วย ตอนนี้เห็นลูกชายกลายเป็นแบบนี้ หัวใจของเฝิงชางแทบจะแตกสลาย“ผู้นำตระกูลเฝิงไม่ต้องร้อนใจ”หน้าผากของหมอเทวดาเลี่ยวเต็มไปด้วยเหงื่อถ้าหากพูดว่าเมื่อครู่เขายังรู้สึกว่าตัวเองมีความหวัง สามารถใช้ความคิดส่วนตัวของตัวเองได้ แต่ตอนนี้ หัวใจของเขาจมลงสู่ก้นบึ้งแค่มองรูปลักษณ์ภายนอกของคุณชายเฝิง อย่าว่าแต่เขาเลย ต่อให้อาจารย์ของเขามา เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถช่วยกลับมาได้“เฮ้อ…”หมอเทวดาเลี่ยวถอนหายใจ ภายใต้การจ้องมองของทุกคน“พิษที่คุณชายเฝิงโดนได้แทรกซึมเข้าอวัยวะภายในแล้ว เกรงว่ากระเพาะทะลุลำไส้เน่าไปแล้ว เหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย”“ผมทำ
ไม่ต้องพูดถึงหมอเทวดาเลี่ยวที่มีสถานะอันสูงส่งเลยพูดไร้สาระมากกว่านี้ นั่นก็เป็นการหาเรื่องใส่ตัวถ้าอีกฝ่ายโกรธและปฏิเสธที่จะทำการรักษา ตระกูลเฝิงจะหันไปพึ่งใครได้?หรือว่าจะไปหาหลินเฟิงคนนั้นงั้นเหรอ?“เมืองเจิ้งเต๋อ?”หมอเทวดาเลี่ยวตกตะลึงเล็กน้อย เขารู้อยู่แล้วว่าช่วงนี้หลินเฟิงอยู่ที่เมืองเจิ้งเต๋อ แต่เมื่อเห็นท่าทางของตระกูลเฝิงในเวลานี้ เขาก็ไม่สามารถยืนยันได้จึงทำได้แค่พยักหน้า ความสงสัยนี้วางเอาไว้ก่อนในเมื่อเมืองเจิ้งเต๋อมีคนมากมาย แต่คนที่สามารถกำเริบเสิบสานที่ตระกูลเฝิงได้กลับมีไม่เยอะหมอเทวดาเลี่ยวก็รู้สึกสงสัยเป็นธรรมดา“หึหึ หมอเทวดาเลี่ยว เชิญทางด้านนี้ครับ”เฝิงชางนำทางอยู่ข้างหน้า พาหมอเทวดาเลี่ยวไปที่ชั้นลอยโบราณ ทุกคนเพิ่งผลักประตูเขาไปก็ได้รับกลิ่นหอมที่รุนแรงของยา“อืม? เทียนหลงเสียน เจิ้นเฟิงจือ…”ยังไม่ได้เข้าห้อง หมอเทวดาเลี่ยวก็ย่นปลายจมูก ได้กลิ่นหอมอันล้ำค่าของสมุนไพรสมบัติล้ำค่าจำนวนมากได้ยินหมอเทวดาเลี่ยวพูดชื่อยาสมุนไพรมากกว่าสิบชนิดที่ไม่ขาดไปแม้แต่น้อย รอยยิ้มบนใบหน้าของเฟิงชางและเฟิงเอ้อค่อยๆ ลึกซึ้งขึ้นรีบพยักหน้าพูดว่า:“หมอเทวดา
“เดี๋ยวนะไอ้หนุ่ม สมองของนายไม่ได้มีปัญหาอะไรจริงๆ ใช่ไหม?”“ชู่วชู่วชู่ว อย่าเพิ่งพูด ให้ไอ้หมอนี่พูดพร่ำเพ้อไปเถอะ ให้หมอเทวดาเลี่ยวกราบเขา พรวด...”ทั้งสองคนพากันหัวเราะจนปวดท้องเนื่องด้วยคำพูดโอ้อวดของหลินเฟิงหมอเทวดาเลี่ยวมีสถานะอะไร?ทำไมจะต้องคุกเข่ากราบให้นายเด็กหนุ่มที่ไม่มีชื่อเสียง และอวดดีอย่างบ้าระห่ำแบบนี้ด้วย?เขายิ้มบางพูดว่า:“ถ้าหากผมพูดได้ไม่ถูกต้อง เช่นนั้นผมจะคุกเข่ากราบทั้งสองท่าน ชีวิตน้อยๆ ของผมก็จะปล่อยให้พวกคุณสองคนจัดการ”“แต่ถ้าหากผมพูดถูกต้อง...”หลินเฟิงมองไปทางทั้งสองคนและพูดอย่างนิ่งเฉยว่า:“พวกคุณคุกเข่าลง และคลานจากตรงนี้ไปที่หน้าประตูจวนตระกูลเฝิง อีกทั้งขณะที่คลาน จะต้องเลียนแบบหมาเห่าด้วย เป็นยังไง?”เห็นหลินเฟิงเล่นจริง ผู้คุ้มกันทั้งสองนิ่งอึ้งเล็กน้อยพวกเขาเห็นสีหน้าที่จะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มของหลินเฟิง ในใจก็รู้สึกกังวลใจเล็กน้อยดูยังไง ไอ้หมอนี่ก็ตั้งใจล่อให้พวกเขาติดกับชัดๆแต่ว่าการเดิมพันเกินเหตุไปหน่อยไหมให้หมอเทวดาเลี่ยว หมอเทวดาเมืองจิงที่มีชื่อเสียงโด่งดังกราบตรงหน้าเขา อีกทั้งขอร้องให้เขาลงมือรักษา?เรื่องแบบนี้พูดออกไปใคร
“คุณท่านรอง ไอ้หมอนี่พาลเกเรที่ตระกูลเฝิงของเราครับ!”“ใช่ครับคุณท่านรอง ไอ้หมอนี่กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว!””วันนี้พวกเราจะปิดประตูตีสุนัข สั่งสอนเขาอย่างดีสักหน่อย!”“หุบปาก”ฟังถึงตรงนี้ เฝิงเอ้อจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้นเขาเหลือบมองหลินเฟิง ไม่ได้พูดขอโทษอะไร แต่กลับมองไปทางลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงและพูดอย่างเย็นชาว่า:“ผู้ที่มาเยือนคือแขก ตระกูลเฝิงของเราจะให้คนนอกหัวเราะเยาะไม่ได้”“แยกย้ายไปให้หมด!”“แต่ว่าคุณท่านรอง...”“ทำไม?”เฝิงเอ้อถลึงตาใส่ และพูดด้วยความโมโห:“ไม่ฟังคำสั่งของฉันงั้นเหรอ?”“......”เห็นเฝิงเอ้อแสดงอำนาจ ลูกศิษย์ตระกูลเฝิงที่อยู่ในเหตุการณ์ทำได้แค่ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ และพากันแยกย้าย ก่อนจะเดินออกไป ก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่หลินเฟิง“คุณหลินเฟิง ไม่ว่าคุณจะมองตระกูลเฝิงของเรายังไง ลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงไม่จำเป็นต้องให้คนนอกมาอบรมสั่งสอน”“หวังว่าคุณจะเข้าใจ”หลังจากพูดคำเหล่านี้จบ เฝิงเอ้อก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปหลินเฟิงได้ยินแบบนี้ ก็รู้ว่าเฝิงเอ้อคนนี้ไม่ได้รู้สึกคาดหวังอะไรต่อเขาเลยสักนิด สำหรับเรื่องที่หลินเฟิงพูดว่าสามารถแก้พิษให้อวี