เดิมทีเซี่ยเชียนฮวันกำลังตั้งใจทำแผลให้กับนาง และครุ่นคิดว่าจะจัดการเช่นไรต่อไปดี แต่กลับถูกเตะเข้าให้ ด้วยสัญชาตญาณนางใช้มือยกขึ้นกุมท้องหงายไปด้านหลังเมื่อเห็นพระชายาองค์ชายรองตำหนินางเช่นนั้น แววตาของเซี่ยเชียนฮวันก็มืดมนลง กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “เมื่อครู่ข้าเล่นอยู่กับพระราชนัดดาน้อย ไม่มีเวลาไปทำเรื่องไร้สาระเช่นนั้นหรอก"เมื่อสิ้นเสียงลง นางก็เห็นว่ามีมือข้างหนึ่งยื่นมาตรงหน้าเป็นมือของเซียวเย่หลันเซี่ยเชียนฮวันชะงักลง หลังจากจับมือเขาเอาไว้แล้วก็ถูกเขาค่อยๆ ดึงขึ้นมาพระชายาองค์ชายรองเห็นดังนั้น ในใจรู้สึกโมโหเป็นยิ่งนัก ใบหน้าของนางเผยถึงความชั่วร้ายกล่าวขึ้นว่า "งั้นหรือ? แต่ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากับพระราชนัดดาน้อยเล่นซ่อนหากันอยู่ นั่นหมายความว่าพวกเจ้าไม่ได้อยู่ด้วยกัน"เซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้วเข้าหากันหากพระชายาองค์ชายรองกล่าวเช่นนี้ นางก็ไม่มีสิ่งใดจะคัดค้านทันใดนั้นเอง เซียวเย่หลันก็กล่าวขึ้นว่า "ผู้ที่อยู่เพียงลำพังไม่ได้มีนางแค่คนเดียว เมื่อครู่ข้าก็อยู่เพียงลำพัง พี่สะใภ้รองก็สงสัยข้าด้วยงั้นหรือ?""ขะ ข้า ไม่ได้หมายความเช่นนั้น...”พระชายาองค์ชายรองพู
เซี่ยเชียนฮวันจึงได้เข้าใจตอนเด็กๆ เซวียนชินอ๋องเคยถูกงูกัดและทิ้งความกลัวไว้จนขึ้นสมอง จวบจนบัดนี้ยังมีอาการกำเริบอยู่บ้างเป็นครั้งคราว เกรงว่าต้องใช้เลือดงูสดมาทำเป็นยา จึงจะระงับอาการกลัวงูได้แน่นอนว่าอาการเหล่านี้โดยมากถือเป็นปัญหาด้านประสาท เลือดงูไม่สามารถนำมารักษาโรคได้ เซี่ยเชียนฮวันคิดว่ามันเพียงช่วยในด้านจิตใจก็เท่านั้น“ข้าได้สั่งให้บ่าวรับใช้ไปทำยาถอนพิษมาให้แล้ว ประเดี๋ยวเมื่อกินเข้าไปก็หายเอง ไม่จำเป็นต้องกังวล” เซวียนชินอ๋องปลอบโยนองค์ชายรองและพระชายาองค์ชายรองพยักหน้า “ขอบพระทัยเสด็จอา ว่าแต่งูที่ท่านเลี้ยงไว้ไม่ควรหลุดออกมาที่นี่ คาดว่าบ่าวรับใช้คงจะละเลย ท่านต้องลงโทษพวกเขาให้หนัก คราวหน้าจะได้ไม่เกิดเหตุเช่นนี้อีก”“อืม ข้ารู้”เซวียนชินอ๋องทำสีหน้าลำบากใจ การเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นอย่างนี้ ตัวเขาในฐานะเจ้าบ้านก็รู้สึกผิดไม่น้อยจากนั้นพระชายาองค์ชายรองก็มองไปทางเซี่ยเชียนฮวัน กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ใครบอกว่าต้องเป็นบ่าวรับใช้สะเพร่าเท่านั้น อาจมีใครบางคนจงใจเข้าไปยังที่เลี้ยงงูแล้วปล่อยมันออกมาก็ได้”“ไม่น่าเป็นไปได้...” เซวียนชินอ๋องขมวดคิ้วเข้
“เรือนหนานเฟิง? คือที่ใด?”เซี่ยเชียนฮวันทำสีหน้าสงสัยเนื่องจากก่อนหน้านี้นางก็ไม่รู้ว่าเรือนหนานเฟิงคือที่ใด ดังนั้นนางจึงแกล้งทำสีหน้าสงสัยได้อย่างแนบเนียนต่อให้ตอนนี้เซี่ยเชียนฮวันพอจะเดาได้ว่าเป็นเรือนเล็กๆ ที่เก็บความลับนั้นไว้ก็ตามโซ่วหยางจวิ้นจู่ยิ้มขึ้นด้วยใบหน้าไร้เดียงสา “เมื่อครู่ท่านไม่ได้เพิ่งพาพระราชนัดดาออกมาจากป่าไม้แดงของเรือนหนานเฟิงหรอกหรือ ข้าและซานหรงเห็นกับตา”บ่าวรับใช้ในจวนที่ติดตามโซ่วหยางจวิ้นจู่อยู่ด้านหลังต่างพากันพยักหน้าเซวียนชินอ๋องสีหน้าเคร่งขรึมลงแล้วตะคอกว่า “ซานหรง เจ้าควรนึกให้ดีก่อน!”“ท่านอ๋องเพคะ บ่าว บ่าวเห็นกับตาเพคะ ได้ยินว่าเห็นใครบางคนที่เรือนหนานเฟิง ดังนั้นบ่าวและจั๋วเสิ่นเออร์จึงรีบเข้าไปดู พบว่าพระชายาจ้านอ๋องกำลังออกมาจากป่าไม้แดง” บ่าวรับใช้ที่ถูกเรียกชื่อตอบตะกุกตะกัก“ผู้ที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าเล่า?!” น้ำเสียงของเซวียนชินอ๋องดูโมโหเล็กน้อย“พะ เพราะว่าในวันนี้มีแขกเดินทางมามากมาย ห้องครัวทำอาหารไม่ทันจนไฟแทบลุกไหม้ ทุกคนจึงได้ไปช่วยเพคะ...” บ่าวรับใช้ตกใจจนตัวสั่นพระชายาองค์รัชทายาทเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เสด็จอาเพคะ เรือนหนา
พระชายาองค์ชายรองพูดขึ้นอีกครั้งว่า “เพียงแค่บอกความจริงมา อยากได้ของเล่นหรือขนมใด จะให้เจ้าทั้งหมด!”เซี่ยเชียนฮวันคิดเอาไว้แล้วว่าการที่นางและพระราชนัดดาเข้าไปในเรือนหนานเฟิงแต่ไม่เห็นงู อาจเป็นเพราะทั้งสองเข้าไปเพียงลานด้านหน้า ไม่ได้เข้าไปด้านหลังอีกอย่าง หากเทียบกันระหว่างงูกับหนังสือและจดหมายที่นางเห็น สิ่งเหล่านั้นน่ากลัวกว่านักคาดว่าเซวียนชินอ๋องคงตั้งใจเก็บมันไว้ในที่ที่เลี้ยงงูเช่นนี้ทุกคนจะได้ไม่กล้าเข้าใกล้“พระชายาองค์ชายรองโปรดระวังกิริยาด้วย อย่าเอาเด็กเข้ามาเกี่ยวข้อง”พระชายาองค์รัชทายาทเข้ามาปกป้องพระราชนัดดาไว้ แล้วดึงเขาเข้ามาในอ้อมอกของตนคำที่นางกล่าวกับหลี่จิ้งหย่ามากที่สุดน่าจะเป็น ‘โปรดระวังกิริยา’ โซ่วหยางจวิ้นจู่กล่าวว่า “แต่เรื่องในวันนี้มีที่มาที่ไป ต้องมีเหตุมีผล คงต้องรบกวนพระราชนัดดาน้อยออกมาเล่าความจริงด้วย”“เขายังเด็กนัก สิ่งที่พูดอาจถูกชี้นำจนไม่ใช่ความจริง ไม่อาจเชื่อได้แน่นอน” พระชายาองค์รัชทายาทกล่าวเบาๆ ในเมื่อกล่าวมาถึงจุดนี้ พระชายาองค์ชายรองและโซ่วหยางจวิ้นจู่จึงต้องล้มเลิกความคิดที่จะถามพระราชนัดดาต่อไปเซี่ยเชียนฮวันแอบขอบคุณ
โซ่วหยางจวิ้นจู่มั่นใจยิ่งนักเพราะตอนที่นาง ‘ไม่ทันระวัง’ ล้มไปทางเซี่ยเชียนฮวัน ได้แอบเอาสงหวงใส่ไว้ในเสื้อผ้าของเซี่ยเชียนฮวันแล้วเซี่ยเชียนฮวันมั่นใจมาก แต่เพราะกำลังตกอยู่ในความคลุมเครือ ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าตนถูกใส่สิ่งแปลกปลอมเข้ามายิ่งคิด โซ่วหยางจวิ้นจู่ก็ยิ่งได้ใจ นางเลิกคิ้วขึ้นว่า “พระชายาจ้านอ๋อง ข้าได้ให้คำสัญญาไว้ ณ ที่นี้แล้ว ท่านกล้ารับไว้หรือไม่?”เซี่ยเชียนฮวันไม่ได้ตอบนางหันไปมองพระชายาองค์ชายรอง “เจ้าก็จะคุกเข่าก้มศีรษะขอโทษข้าด้วยหรือไม่?”“เอ่อ...”พระชายาองค์ชายรองลังเลเล็กน้อยในฐานะบุตรสาวของอัครมหาเสนาบดี นางเป็นชนชั้นสูง นางหยิ่งในศักดิ์ศรีของตนยิ่งนักจะให้เอ่ยขอโทษคนอื่นงั้นหรือ ปกติแล้วนางมาเคยทำพระชายาองค์ชายรองหันไปสบตาโซ่วหยางจวิ้นจู่ เมื่อเห็นว่าเจ้าหนูมีความมั่นใจมาก นางจึงฝืนตอบไปว่า “หากค้นตัวเจ้าไม่เจอสงหวง ข้าจะขอโทษเจ้าอย่างแน่นอน แต่หากค้นเจอละก็ เจ้าจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัย และต้องเดินทางไปศาลต้าหลี่กับข้า”ศาลต้าหลี่...ทุกคนได้แต่แอบขนลุกซู่เพราะพวกเขารู้ดีว่า ศาลต้าหลี่เป็นเขตแดนของอัครมหาเสนาบดีหลี่หากถูกพระชายาองค์ชายรองจั
“จั๋วเสิ่นเออร์ เจ้ารับสินบนจากนางมาใช่หรือไม่? ข้าได้กลิ่นสงหวงชัดเจนยิ่งนัก มันมาจากร่างกายนาง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของโซ่วหยางจวิ้นจู่หาได้บริสุทธิ์อีกต่อไป เหลือไว้เพียงสีหน้าเหยเกดึงดันจั๋วเสิ่นเออร์กล่าวอย่างหน่ายใจว่า “ต่อให้บ่าวใจกล้าเพียงไรก็ไม่กล้าเสแสร้งต่อหน้าชนชั้นสูงมากมายเพียงนี้”“ข้าไม่สน ข้าจะเปลี่ยนคนมาค้นใหม่ ค้นใหม่อีกรอบ!” โซ่วหยางจวิ้นจู่กรีดร้องนางมั่นใจว่าได้ยัดสงหวงใส่ไปในเสื้อของเซี่ยเชียนฮวันจริงๆ แค่รอเวลาเปิดโปงเท่านั้น ทุกคนก็จะได้รู้ว่าเซี่ยเชียนฮวันรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าจะมีงูพิษออกมาแผนการเฉลียวฉลาดของนางสมบูรณ์เพียงนี้จะเกิดข้อผิดพลาดได้อย่างไร!เซี่ยเชียนฮวันมองไปทางเด็กหญิงที่กำลังฟาดงวงฟาดงา จากนั้นเผยอริมฝีปากขึ้นว่า “ก็ได้ ข้าจะให้ค้นตัวอีกรอบ”“ว่าอย่างไรนะ”คนอื่นๆ ก็ตกตะลึงอย่าว่าแต่พระชายาอ๋องเลย แม้เป็นสตรีทั่วไปหากถูกค้นตัวต่อหน้าสาธารณะเพียงครั้งเดียวก็นับว่าน่าอายมากแล้ว แต่เซี่ยเชียนฮวันกล้าให้ค้นตัวรอบที่สอง?!“ที่จริงแล้วคำพูดของโซ่วหยางจวิ้นจู่เตือนสติข้า” เซี่ยเชียนฮวันกระตุกยิ้ม “นางยังเด็ก ความจำอาจไม่ดีนัก บางทีนางอา
เนื่องจากว่าพระชายาองค์ชายรองถูกงูฉกขาจนได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นนางจึงนั่งอยู่ที่นี่ ไม่ได้ให้บ่าวรับใช้ไปค้นตัวที่ด้านข้างด้วยจั๋วเสิ่นเออร์กล่าวขึ้นด้วยความมั่นใจว่า "บ่าวมีแรงมากกว่าคนอื่น ให้บ่าวพยุงไปทางโน้นเถิดเจ้าค่ะ""อย่าแตะต้องตัวข้า! ข้า ข้าไม่ให้เจ้าค้นตัว หากข้ามีสงหวงติดตัวอยู่จริง เหตุใดจึงยังถูกงูฉกได้ ไร้สาระสิ้นดี!"พระชายาองค์ชายรองปฏิเสธคัดค้านเซี่ยเชียนฮวันยิ้มขึ้นแล้วกล่าวเบาๆ ว่า "แม้สงหวงจะมีคุณสมบัติขับไล่งู แต่หากเจ้าเหยียบไปที่ร่างของมัน มันก็ยังจะฉกเจ้าอยู่ดี เพียงแต่ฉกได้ไม่แรงนัก""ข้าเป็นถึงพระชายาองค์ชายรอง บุตรสาวผู้มีอำนาจสืบทอดจากจวนอัครมหาเสนาบดี จะให้พวกเจ้ามาค้นตัวง่ายๆ ได้อย่างไร! พี่ฉงเพคะ รีบห้ามพวกเขาเร็วเข้า..."พระชายาองค์ชายรองตั้งใจจะสะบัดจั๋วเสิ่นเออร์ออกไปคิดไม่ถึงว่านางออกแรงมากไปหน่อยจึงทำให้มีห่อเล็กๆ ร่วงหล่นลงมาจากเสื้อจั๋วเสิ่นเออร์โน้มกายลงไปเก็บ เมื่อดมมันก็ต้องตกใจ "นี่ นี่คือสงหวง..."วินาทีนั้นทุกคนก็เงียบสนิทต่างคนต่างเบิกตากว้างจ้องมองไปไร้คำบรรยายพระชายาองค์ชายรองก็ชะงักลงไปชั่วครู่เช่นกันนางนึกไม่ถึงว่าลางสั
ใบหน้าของโซ่วหยางจวิ้นจู่ถูกบีบบังคับเสียจนแดงเรื่อทุกคนใช้แววตาที่พูดยากมองไปที่นาง ทำให้นางสัมผัสได้ถึงความอับอายจนอยากจะมุดแผ่นดินหนีเซวียนชินอ๋องเข้ามาเกลี้ยกล่อมสถานการณ์ว่า "เอาเถิดๆ แม่หนูน้อยค่อนข้างจะขี้อาย ให้นางคุกเข่าขอโทษต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงนาง ในเมื่อเป็นเพียงความเข้าใจผิดไป เช่นนั้นให้นางโค้งกายขอโทษเจ้าก็พอ โซ่วหยาง ยังไม่รีบโค้งกายขอโทษพระชายาจ้านอ๋องอีกหรือ""ข้าไม่ผิด นางฉวยโอกาสแอบเอาสงหวงใส่ไว้ที่เสื้อของพี่จิ้งหย่าอย่างแน่นอน!"เป็นดังที่ซูอวี้เออร์คิดไว้ตอนนั้น ถึงอย่างไรโซ่วหยางจวิ้นจู่ก็เป็นเพียงแค่เด็ก การอดทนอดกลั้นยังไม่อาจสู้ได้กับผู้ใหญ่นางกัดฟันแน่นไม่ยอมสารภาพผิดกับเซี่ยเชียนฮวันเซี่ยเชียนฮวันกล่าวอย่างเยือกเย็นออกมาเบาๆ "จวนกงชินอ๋องอบรมสั่งสอนกันมาเช่นนี้เองหรือ!""เจ้า! เจ้ากล้าให้คำสาบานหรือไม่ หากเจ้าแอบเอาของสิ่งนี้ใส่ไปที่เสื้อพี่จิ้งหย่า ขอให้ฟ้าผ่าเจ้าตาย!"โซ่วหยางจวิ้นจู่โมโหมากจริงๆ เซี่ยเชียนฮวันเผยอยิ้มขึ้น ใช้แววตาอันน่าสงสารสมเพชมองไปที่นาง "จวิ้นจู่ การทำตามอารมณ์ของตน แม้เป็นเด็กก็ควรมี
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา