ใบหน้าของโซ่วหยางจวิ้นจู่ถูกบีบบังคับเสียจนแดงเรื่อทุกคนใช้แววตาที่พูดยากมองไปที่นาง ทำให้นางสัมผัสได้ถึงความอับอายจนอยากจะมุดแผ่นดินหนีเซวียนชินอ๋องเข้ามาเกลี้ยกล่อมสถานการณ์ว่า "เอาเถิดๆ แม่หนูน้อยค่อนข้างจะขี้อาย ให้นางคุกเข่าขอโทษต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงนาง ในเมื่อเป็นเพียงความเข้าใจผิดไป เช่นนั้นให้นางโค้งกายขอโทษเจ้าก็พอ โซ่วหยาง ยังไม่รีบโค้งกายขอโทษพระชายาจ้านอ๋องอีกหรือ""ข้าไม่ผิด นางฉวยโอกาสแอบเอาสงหวงใส่ไว้ที่เสื้อของพี่จิ้งหย่าอย่างแน่นอน!"เป็นดังที่ซูอวี้เออร์คิดไว้ตอนนั้น ถึงอย่างไรโซ่วหยางจวิ้นจู่ก็เป็นเพียงแค่เด็ก การอดทนอดกลั้นยังไม่อาจสู้ได้กับผู้ใหญ่นางกัดฟันแน่นไม่ยอมสารภาพผิดกับเซี่ยเชียนฮวันเซี่ยเชียนฮวันกล่าวอย่างเยือกเย็นออกมาเบาๆ "จวนกงชินอ๋องอบรมสั่งสอนกันมาเช่นนี้เองหรือ!""เจ้า! เจ้ากล้าให้คำสาบานหรือไม่ หากเจ้าแอบเอาของสิ่งนี้ใส่ไปที่เสื้อพี่จิ้งหย่า ขอให้ฟ้าผ่าเจ้าตาย!"โซ่วหยางจวิ้นจู่โมโหมากจริงๆ เซี่ยเชียนฮวันเผยอยิ้มขึ้น ใช้แววตาอันน่าสงสารสมเพชมองไปที่นาง "จวิ้นจู่ การทำตามอารมณ์ของตน แม้เป็นเด็กก็ควรมี
ณ หน้าประตูจวนเซวียนชินอ๋องซูอวี้เออร์เดินลงมาจากบันได จู่ๆ ร่างของนางก็เซราวกับถูกลมพัด "อุ้ย" จากนั้น เอนไปอยู่ในอ้อมแขนของเซียวเย่หลัน"เป็นอะไรไป?" เซียวเย่หลันเอ่ยถาม"ท่านอ๋องเพคะ เมื่อครู่ตอนที่พระชายาองค์ชายรองถูกงูกัด ข้าก็อยู่ที่ข้างกายนางด้วย ตอนที่งูเลื้อยผ่านไปทำข้าตกใจเสียแทบเป็นลม" ซูอวี้เออร์กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว เจ้าไม่ต้องกังวลไป"ซูอวี้เออร์ดึงชายเสื้อของเขาเบาๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า "แต่ว่าข้ากลัวยิ่งนัก... ท่านอ๋องนั่งไปกับข้าได้หรือไม่เพคะ หากท่านอยู่ข้างกายข้าจึงรู้สึกปลอดภัย"เซียวเย่หลันชะงักลงเล็กน้อยเซี่ยเชียนฮวันชื่นชมการแสดงของสตรีผู้เสแสร้งทำเป็นอ่อนแอคนนี้เหลือเกิน ดังนั้นจึงได้เอ่ยช่วยขึ้นว่า "เจ้าไปอยู่กับนางเถอะ นางอ่อนแอบอบบางจะตายไป หากไม่มีชายอยู่ข้างกาย คงจะตกใจตายในรถม้าเสียก่อน!”"แท้จริงแล้วข้าก็ไม่ได้อ่อนแอถึงเพียงนั้น" ซูอวี้เออร์กล่าวขึ้นอย่างบอบบาง "หากท่านอ๋องไม่ยินดี...""ไปเถิด"เซียวเย่หลันเหลือบมองเซี่ยเชียนฮวัน จากนั้นเดินไปยังรถม้าคันที่สองของซูอวี้เออร์ที่จอดอยู่ด้านหลัง"ดูท่าทางเขาเข้า
"ท่านอ๋อง ได้ยินว่าตอนอยู่บนรถม้าท่านชอบ..."ซูอวี้เออร์ใบหน้าแดงเรื่อ พ่นลมหายใจรดต้นหูของเซียวเย่หลันสิ่งที่เขาทำกับเซี่ยเชียนฮวันนางเองก็อยากทำแต่ว่าเซียวเย่หลันกลับนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนราวกับรูปปั้นซูอวี้เออร์จึงได้พบว่าเขาหลับไปแล้ว!นางโมโหจนกัดฟันกรอด แต่ก็ไม่รู้จะทำเช่นไร...ในพระราชวังหลวง ณ ห้องทรงพระอักษรร่างสีดำของใครบางคนปรากฏขึ้นตรงหน้าของฮ่องเต้ ซึ่งบัดนี้กำลังนั่งตรวจดูงานของราชวังหลวง ก่อนที่เงาดำนั้นจะรายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นในจวนเซวียนชินอ๋องโดยละเอียดออกมาให้เขาฟังฮ่องเต้ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น ตรัสว่า "หลี่จิ้งหย่าอ้างโทษร้ายแรงเช่นนี้ให้กับพระชายาจ้านอ๋อง เป็นความคิดของนางเองหรือความคิดขององค์ชายรองกันแน่?""น่าจะเป็นความคิดของนางเองพ่ะย่ะค่ะ" เงาดำนั้นตอบว่า "หลังจากที่องค์ชายรองกลับถึงจวนแล้วก็โมโหยิ่งนัก ทั้งยังได้ตบหน้าหลี่จิ้งหย่าไปหนึ่งหน เขาเข้าใจว่าหลี่จิ้งหย่ายังคงมีความรู้สึกดีๆ ให้กับจ้านอ๋อง จึงได้สร้างเรื่องราวในวันนี้ขึ้นมา""ไร้ประโยชน์ยิ่งนัก ภรรยาของตนเองก็ยังควบคุมไม่ได้” ฮ่องเต้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาเงาดำเห็นด
ณ จวนจ้านอ๋องในมือของนางถือกรรไกรไว้เล่มหนึ่งแล้วตัดเสื้อผ้าของตนขาดเป็นกองโตราวกับว่าผ้าเหล่านั้นคือเลือดเนื้อของเซี่ยเชียนฮวันบ่าวรับใช้อวิ๋นซีเห็นดังนั้นก็รู้สึกเสียดาย "คุณหนูเจ้าคะ ของเหล่านี้ท่านอ๋องเป็นคนให้ท่านมานะเจ้าคะ""ข้ามีวิธีให้เขาเอามาให้ข้าอีกจนได้ล่ะน่ะ" ซูอวี้เออร์ตะคอกออกมาเมื่อนางนึกถึงท่าทางของเซี่ยเชียนฮวันที่ปฏิบัติอยู่ในจวนเซวียนชินอ๋องอย่างเย่อหยิ่ง ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโมโหริษยานางเป็นสตรีที่แม้แต่พระชายาองค์ชายรองก็ยังจัดการไม่ได้! กลยุทธ์ยืมมือคนอื่นมาฆ่าอันแสนแยบยลของนาง ท้ายที่สุดแล้วก็ยังล้มเหลวไม่เป็นท่า!"ข้าไม่มีวิธีจะจัดการกับเซี่ยเชียนฮวันได้แล้วจริงหรือ?!"ซูอวี้เออร์โยนกรรไกรลงพื้นอย่างแรงอวิ๋นซีกล่าวขึ้นด้วยความระมัดระวังว่า "เรื่องนี้คงต้องพยายามให้ความสำคัญที่ท่านอ๋องเสียแล้ว ถึงอย่างไรพระชายาอ๋องก็เป็นภรรยาของท่านอ๋อง เมื่อแต่งออกมาแล้วก็ต้องฟังคำสั่งของสามี เพียงแค่ท่านอ๋องรังเกียจเดียดฉันท์นาง ชีวิตของนางก็จะไม่มีวันมีสุขได้"ซูอวี้เออร์กล่าวขึ้นด้วยความโมโหว่า "ไม่รู้ว่านางทำเสน่ห์อะไรใส่ท่านอ๋องกัน จากที่ข้ามองดู บัดนี้ท่าน
เซียวเย่หลันมาที่เรือนจิ่นซิ่วพร้อมโทสะเต็มท้องซูอวี้เออร์ชื่นชอบความสง่างาม เรือนของนางจึงเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ และสะพานน้อยพร้อมธารา ดูเปี่ยมไปด้วยอารมณ์สุนทรีย์ เมื่อใดก็ตามที่เซียวเย่หลันอารมณ์ไม่ดี เขาจะมาที่นี่สักพักเพื่อผ่อนคลาย “ปลาคาร์ปสองตัวนี้ ให้เลี้ยงไว้ในเรือนเจ้า”เซียวเย่หลันมอบปลาคาร์ปหางทองสองตัวให้กับซูอวี้เออร์ซูอวี้เออร์ที่ได้รับความโปรดปรานโดยไม่คาดฝัน จึงกล่าวตอบไปว่า “ขอบพระทัยท่านอ๋อง! ข้าจะเลี้ยงดูเป็นอย่างดี”ในใจนางแอบรู้สึกดีใจ มิรู้ว่าเซี่ยเชียนฮวันได้รับของขวัญแบบเดียวกันหรือไม่?ดังนั้น ซูอวี้เออร์จึงแอบเหลือบมองสาวใช้อวิ๋นซี อวิ๋นซีที่เข้าใจความนัยของเจ้านายจึงรีบถอยออกไป นางวิ่งไปสืบข่าวที่หอหลันเซียง“มาดื่มเป็นเพื่อนข้าสักสองแก้วเถอะ”เซียวเย่หลันนั่งบนเก้าอี้ใต้ร่มไม้ซูอวี้เออร์ก็เอาอกเอาใจอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก รีบอุ่นเหล้า และเตรียมเครื่องเคียงด้วยตัวเอง ทุกอย่างถูกจัดเรียงเป็นอย่างดีไม่นานนักอวิ๋นซีก็กลับเข้ามา แล้วกระซิบที่ข้างหูซูอวี้เออร์ “พระชายาไม่ได้รับปลาคาร์ปแม้แต่ตัวเดียว”เซี่ยเชียนฮวันไม่ได้ปลาเลยสักตัว!พอได้ฟังข่าว
เซียวเย่หลันตีหน้านิ่ง ขณะเดินเล่นในสวนหลังทานอาหารเย็นเมื่อเดินผ่านบ่อน้ำ เซียวเย่หลันก็เหลือบไปเห็นผิวน้ำกระดำกระด่างนั่น เพลิงโทสะก็ลุกโชนขึ้นมาบ่อปลาคาร์ปดีดีบ่อหนึ่ง ถูกสตรีคนนั้นทำจนกลายเป็นเช่นนี้!หรือว่าจวนจ้านอ๋องถูกใช้เป็นบ่อเลี้ยงปลาไปแล้ว??เขาอยากจะหันหัวกลับแต่ทว่า เพิ่งก้าวเท้าได้ก้าวเดียว เซียวเย่หลันก็ได้กลิ่นหอมๆ ที่ชวนน้ำลายสอขึ้นมามันเป็นกลิ่นที่เขาไม่เคยได้กลิ่นจากไหนมาก่อนทั้งฉุนทั้งหอมเซียวเย่หลันลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหวเดินไปยังหอหลันเซียง มาดูสิว่าเซี่ยเชียนฮวันกําลังทําอะไรอยู่“เสี่ยวตง เจ้าใส่ผักกาดหอมและฮวาเจียวลงไปได้แล้ว”เสียงใสกังวานของหญิงสาวดังก้องอยู่ภายในลานบ้านเซี่ยเชียนฮวันและเสี่ยวตงทำงานหนักมาตลอดทั้งบ่ายนางเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นเงาลับๆ ล่อๆ อยู่นอกประตู จึงกล่าวอย่างอารมณ์เสียว่า “มาแล้วก็เข้ามา เป็นถึงผู้หลักผู้ใหญ่จะเดินเข้ามากินข้าวแบบสุภาพไม่ได้หรือ”“แค่กๆ ”เซียวเย่หลันกระแอมไออย่างอึดอัด ก่อนเดินมือไพล่หลังเข้ามาในเรือน สีหน้านิ่งขรึมเขาไม่ได้อยากลิ้มรสอาหารที่เซี่ยเชียนฮวันทำ เพียงแต่บังเอิญเดินผ่
เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกเสียใจมากที่ทำอาหารให้เซียวเย่หลันกินก่อนบุรุษสุนัขนั่นจะไปที่สนามฝึก ยังส่งข้อความถึงนางโดยเฉพาะ บอกให้นางเตรียมอาหารให้พร้อม เย็นนี้เขาจะกลับมากินด้วยฉะนั้น ถึงได้บอกว่าไม่ควรให้บุรุษได้ชิมของหวานเพราะพวกเขามักได้คืบจะเอาศอกเป็นที่สุดเซี่ยเชียนฮวันไม่พอใจมาก อย่างไรก็ตามอาศัยใต้ชายคาบ้านคนอื่นก็จำเป็นต้องก้มหัวให้ นางเตรียมออกไปซื้อวัตถุดิบสดใหม่ด้วยตนเอง“พระชายา ขอทานที่อยู่ด้านหลังแอบสะกดรอยตามพวกเรามาโดยตลอด ตั้งแต่ตอนเริ่มออกจากจวนอ๋อง”เสี่ยวตงเดินช้าๆ เคียงข้างเซี่ยเชียนฮวัน ได้กล่าวกระซิบเตือนเซี่ยเชียนฮวันพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว”ตอนที่ออกจากจวนนางก็คิดว่าเป็นขอทานธรรมดา แต่พอลองคิดดูอีกที จะมีขอทานคนไหนกล้ามาขออาหารแถวจวนจ้านอ๋องด้วยบทเรียนที่ได้รับจากชายสวมหน้ากากครั้งที่แล้ว สองนายบ่าวต่างระมัดระวังมากยิ่งขึ้นพวกนางเลือกสถานที่ที่มีคนจำนวนมาก เพื่อเลี่ยงการมอบโอกาสให้อีกฝ่ายลงมือแต่ทว่านิสัยของเซี่ยเชียนฮวันนั้นไม่ชอบอยู่เฉยๆ หลังจดจำเส้นทางโดยรอบอย่างชัดเจน นางก็กระซิบกับเสี่ยวตงว่า “ประเดี๋ยวพวกเราจะแยกทางกัน เจ้าไปทางนั้น และปล่อยให้
ปฏิกิริยาที่เงียบสงบของเซียวเย่หลัน อยู่เหนือความคาดหมายของหลินซวี่ราวกับว่าเขารู้เรื่องนี้อยู่แล้ว“กล่าวต่อไป”หลินซวี่กล่าวสิ่งที่พินิจพิเคราะห์ออกมา “พระชายาบอกว่าชายคนนั้นเคยเป็นผู้อารักขาของจวนโหวมาก่อน แต่ข้าน้อยสังเกตเห็นว่า ความห่วงใยที่เขามีต่อพระชายาดูลึกซึ้งเกินไป มันเกินกว่าขอบเขตของผู้อารักขาคนหนึ่ง”ในฐานะองค์รักษ์ลับ หลินซวี่รู้ดีว่าเมื่อเผชิญหน้ากับเจ้านาย เขาควรจะวางตัวเองไว้ที่ตำแหน่งใดเขาละเว้นคำพูดที่ไม่สุภาพของเฟิงเยว่ และเล่าคร่าวๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นให้เซียวเย่หลันฟัง “ข้ารู้แล้ว เจ้าไปเถอะ” เซียวเย่หลันสีหน้าสงบนิ่งเมื่อหลินซวี่รู้สึกถึงสายตาของเซียวเย่หลัน เขาก็อดเสียวสันหลังวาบไม่ได้ เหงื่ออันเย็นเยียบแตกพลั่กไปทั่วร่าง!ท่านอ๋องทรงพิโรธแล้วจริงๆ.....หรือว่าบางทีเขาไม่ควรพูดเรื่องนี้?แม้ว่าชายคนนั้นจะทำตัวเกินหน้าที่ไปบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม พระชายาก็ไม่ได้พูดคุยกับเขามากนัก...หลินซวี่เดินตัวสั่นออกจากห้องหนังสือ และกลับไปที่หอหลันเซียงเพื่อคุ้มกันเซี่ยเชียนฮวันต่อหนึ่งคืนผ่านไปโดยไร้เรื่องราวเซี่ยเชียนฮวันนอนจนถึงเที่ยง เมื่อได้ยินเสียงคนจากด้