เซียวเย่หลันมาที่เรือนจิ่นซิ่วพร้อมโทสะเต็มท้องซูอวี้เออร์ชื่นชอบความสง่างาม เรือนของนางจึงเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ และสะพานน้อยพร้อมธารา ดูเปี่ยมไปด้วยอารมณ์สุนทรีย์ เมื่อใดก็ตามที่เซียวเย่หลันอารมณ์ไม่ดี เขาจะมาที่นี่สักพักเพื่อผ่อนคลาย “ปลาคาร์ปสองตัวนี้ ให้เลี้ยงไว้ในเรือนเจ้า”เซียวเย่หลันมอบปลาคาร์ปหางทองสองตัวให้กับซูอวี้เออร์ซูอวี้เออร์ที่ได้รับความโปรดปรานโดยไม่คาดฝัน จึงกล่าวตอบไปว่า “ขอบพระทัยท่านอ๋อง! ข้าจะเลี้ยงดูเป็นอย่างดี”ในใจนางแอบรู้สึกดีใจ มิรู้ว่าเซี่ยเชียนฮวันได้รับของขวัญแบบเดียวกันหรือไม่?ดังนั้น ซูอวี้เออร์จึงแอบเหลือบมองสาวใช้อวิ๋นซี อวิ๋นซีที่เข้าใจความนัยของเจ้านายจึงรีบถอยออกไป นางวิ่งไปสืบข่าวที่หอหลันเซียง“มาดื่มเป็นเพื่อนข้าสักสองแก้วเถอะ”เซียวเย่หลันนั่งบนเก้าอี้ใต้ร่มไม้ซูอวี้เออร์ก็เอาอกเอาใจอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก รีบอุ่นเหล้า และเตรียมเครื่องเคียงด้วยตัวเอง ทุกอย่างถูกจัดเรียงเป็นอย่างดีไม่นานนักอวิ๋นซีก็กลับเข้ามา แล้วกระซิบที่ข้างหูซูอวี้เออร์ “พระชายาไม่ได้รับปลาคาร์ปแม้แต่ตัวเดียว”เซี่ยเชียนฮวันไม่ได้ปลาเลยสักตัว!พอได้ฟังข่าว
เซียวเย่หลันตีหน้านิ่ง ขณะเดินเล่นในสวนหลังทานอาหารเย็นเมื่อเดินผ่านบ่อน้ำ เซียวเย่หลันก็เหลือบไปเห็นผิวน้ำกระดำกระด่างนั่น เพลิงโทสะก็ลุกโชนขึ้นมาบ่อปลาคาร์ปดีดีบ่อหนึ่ง ถูกสตรีคนนั้นทำจนกลายเป็นเช่นนี้!หรือว่าจวนจ้านอ๋องถูกใช้เป็นบ่อเลี้ยงปลาไปแล้ว??เขาอยากจะหันหัวกลับแต่ทว่า เพิ่งก้าวเท้าได้ก้าวเดียว เซียวเย่หลันก็ได้กลิ่นหอมๆ ที่ชวนน้ำลายสอขึ้นมามันเป็นกลิ่นที่เขาไม่เคยได้กลิ่นจากไหนมาก่อนทั้งฉุนทั้งหอมเซียวเย่หลันลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหวเดินไปยังหอหลันเซียง มาดูสิว่าเซี่ยเชียนฮวันกําลังทําอะไรอยู่“เสี่ยวตง เจ้าใส่ผักกาดหอมและฮวาเจียวลงไปได้แล้ว”เสียงใสกังวานของหญิงสาวดังก้องอยู่ภายในลานบ้านเซี่ยเชียนฮวันและเสี่ยวตงทำงานหนักมาตลอดทั้งบ่ายนางเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นเงาลับๆ ล่อๆ อยู่นอกประตู จึงกล่าวอย่างอารมณ์เสียว่า “มาแล้วก็เข้ามา เป็นถึงผู้หลักผู้ใหญ่จะเดินเข้ามากินข้าวแบบสุภาพไม่ได้หรือ”“แค่กๆ ”เซียวเย่หลันกระแอมไออย่างอึดอัด ก่อนเดินมือไพล่หลังเข้ามาในเรือน สีหน้านิ่งขรึมเขาไม่ได้อยากลิ้มรสอาหารที่เซี่ยเชียนฮวันทำ เพียงแต่บังเอิญเดินผ่
เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกเสียใจมากที่ทำอาหารให้เซียวเย่หลันกินก่อนบุรุษสุนัขนั่นจะไปที่สนามฝึก ยังส่งข้อความถึงนางโดยเฉพาะ บอกให้นางเตรียมอาหารให้พร้อม เย็นนี้เขาจะกลับมากินด้วยฉะนั้น ถึงได้บอกว่าไม่ควรให้บุรุษได้ชิมของหวานเพราะพวกเขามักได้คืบจะเอาศอกเป็นที่สุดเซี่ยเชียนฮวันไม่พอใจมาก อย่างไรก็ตามอาศัยใต้ชายคาบ้านคนอื่นก็จำเป็นต้องก้มหัวให้ นางเตรียมออกไปซื้อวัตถุดิบสดใหม่ด้วยตนเอง“พระชายา ขอทานที่อยู่ด้านหลังแอบสะกดรอยตามพวกเรามาโดยตลอด ตั้งแต่ตอนเริ่มออกจากจวนอ๋อง”เสี่ยวตงเดินช้าๆ เคียงข้างเซี่ยเชียนฮวัน ได้กล่าวกระซิบเตือนเซี่ยเชียนฮวันพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว”ตอนที่ออกจากจวนนางก็คิดว่าเป็นขอทานธรรมดา แต่พอลองคิดดูอีกที จะมีขอทานคนไหนกล้ามาขออาหารแถวจวนจ้านอ๋องด้วยบทเรียนที่ได้รับจากชายสวมหน้ากากครั้งที่แล้ว สองนายบ่าวต่างระมัดระวังมากยิ่งขึ้นพวกนางเลือกสถานที่ที่มีคนจำนวนมาก เพื่อเลี่ยงการมอบโอกาสให้อีกฝ่ายลงมือแต่ทว่านิสัยของเซี่ยเชียนฮวันนั้นไม่ชอบอยู่เฉยๆ หลังจดจำเส้นทางโดยรอบอย่างชัดเจน นางก็กระซิบกับเสี่ยวตงว่า “ประเดี๋ยวพวกเราจะแยกทางกัน เจ้าไปทางนั้น และปล่อยให้
ปฏิกิริยาที่เงียบสงบของเซียวเย่หลัน อยู่เหนือความคาดหมายของหลินซวี่ราวกับว่าเขารู้เรื่องนี้อยู่แล้ว“กล่าวต่อไป”หลินซวี่กล่าวสิ่งที่พินิจพิเคราะห์ออกมา “พระชายาบอกว่าชายคนนั้นเคยเป็นผู้อารักขาของจวนโหวมาก่อน แต่ข้าน้อยสังเกตเห็นว่า ความห่วงใยที่เขามีต่อพระชายาดูลึกซึ้งเกินไป มันเกินกว่าขอบเขตของผู้อารักขาคนหนึ่ง”ในฐานะองค์รักษ์ลับ หลินซวี่รู้ดีว่าเมื่อเผชิญหน้ากับเจ้านาย เขาควรจะวางตัวเองไว้ที่ตำแหน่งใดเขาละเว้นคำพูดที่ไม่สุภาพของเฟิงเยว่ และเล่าคร่าวๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นให้เซียวเย่หลันฟัง “ข้ารู้แล้ว เจ้าไปเถอะ” เซียวเย่หลันสีหน้าสงบนิ่งเมื่อหลินซวี่รู้สึกถึงสายตาของเซียวเย่หลัน เขาก็อดเสียวสันหลังวาบไม่ได้ เหงื่ออันเย็นเยียบแตกพลั่กไปทั่วร่าง!ท่านอ๋องทรงพิโรธแล้วจริงๆ.....หรือว่าบางทีเขาไม่ควรพูดเรื่องนี้?แม้ว่าชายคนนั้นจะทำตัวเกินหน้าที่ไปบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม พระชายาก็ไม่ได้พูดคุยกับเขามากนัก...หลินซวี่เดินตัวสั่นออกจากห้องหนังสือ และกลับไปที่หอหลันเซียงเพื่อคุ้มกันเซี่ยเชียนฮวันต่อหนึ่งคืนผ่านไปโดยไร้เรื่องราวเซี่ยเชียนฮวันนอนจนถึงเที่ยง เมื่อได้ยินเสียงคนจากด้
หลิวหรูซวี่ถูกตบ ก็รู้สึกคับข้องใจเหลือคณา ได้แต่กุมหน้าน้ำตาคลอเบ้า “ขอโทษ พี่เชียนฮวัน...”“น้องหรูซวี่คนแสนดี เจ้าจะยืนอยู่ทำไมเล่า นั่งลงสิ”เซี่ยเชียนฮวันยกยิ้มที่มุมปาก คิ้วโค้งงอดุจจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ทั้งงดงามและเฉลียวฉลาดหลิวหรูซวี่นั่งลงอย่างประชดประชัน นางไม่กล้าพูดมากอีกมื้อเที่ยงนี้ สองแม่ลูกตระกูลเซี่ยก็ทานอาหารด้วยความหดหู่พวกนางดูไม่กระฉับกระเฉงเหมือนตอนที่เพิ่งเข้ามาในจวนจ้านอ๋องหลิวหรูซวี่ไม่เข้าใจ เมื่อก่อนลูกพี่ลูกน้องของนางทั้งโง่ทั้งปากหนัก หากรู้สึกน้อยใจก็แค่บ่น แต่จู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นเข้มแข็งเช่นนี้หรือเพราะได้เป็นพระชายา ถึงทำให้นิสัยเปลี่ยนไปมากเช่นนี้คิดได้ดังนั้น หลิวหรูซวี่ก็อดโลภในตำแหน่งพระชายามิได้!หลังมื้ออาหารน้าเซี่ยก็คลี่ยิ้มปลอมๆ ขึ้นมา และพูดคุยอย่างสนิทสนม “เชียนฮวัน ข้าคงไม่รบกวนเจ้าพาพวกเราไปเดินเล่นที่สวน ประเดี๋ยวข้ากับซวี่เออร์จะไปเดินเล่นกันเอง”“ตามสบาย”เซี่ยเชียนฮวันยกแก้วชาขึ้นจิบขณะมองไล่หลังน้าเซี่ยและหลิวหรูซวี่กระซิบกระซาบอะไรบางอย่าง ก่อนจะเดินออกไปอย่างลับๆ ล่อๆ“เชียนฮวัน น้าของเจ้าค่อนข้างหัวสูง แต่ไม่มีเจตนาร้
เดิมทีหลิวหรูซวี่ต้องการจะแอบฟังต่อ แต่แม่ของนางกำลังโบกมืออยู่ไกลๆ ส่งสัญญาณให้นางเข้าไปหา“ดูเหมือนวันนี้คงไม่ได้พบจ้านอ๋อง ไว้คราวหน้าแม่จะหาโอกาสให้เจ้าอีกครั้ง รอเจ้ากับเขาเปลี่ยนข้าวสารให้กลายเป็นข้าวสุกเสียก่อน ถึงตอนนั้นต่อให้ลูกพี่ลูกน้องของเจ้าจะไม่ยินยอม แต่นางก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้”สายตาของน้าเซี่ยลอกแลกไปมาขณะเริ่มวางอุบาย“ข้ารู้แล้ว” หลิวหรูซวี่กำลังครุ่นคิดถึงสิ่งที่นางแอบฟังเมื่อครู่อนุภรรยาแซ่ซูกับอดีตนายประตูของเซี่ยเชียนฮวันกำลังสมรู้ร่วมคิดกัน พวกนั้นคิดจะทำอะไรกันนะ?มันต้องไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอนอย่างไรก็ตาม หลิวหรูซวี่ก็ไม่คิดจะบอกเซี่ยเชียนฮวันเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ใครให้เซี่ยเชียนฮวันไม่ไว้หน้านางล่ะ!ด้วยแผนร้ายของอนุภรรยาผู้นั้น หึหึ ลูกพี่ลูกน้องของนางจะต้องทนทุกข์อย่างแน่นอน...เซียวเย่หลันไม่ได้มาทานข้าวในคืนนี้เซี่ยเชียนฮวันจึงเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาสบายๆในขณะที่นางอาบน้ำเสร็จและเตรียมที่จะเข้านอน ทันใดนั้น ก็เหมือนมีหินเล็กๆ ถูกปามาชนกับหน้าต่าง ส่งเสียงดัง “ตึกๆๆ” อยู่สามรอบเซี่ยเชียนฮวันยื่นมือออกไปผลักหน้าต่างเพื่อตรวจดูว่ามีอะไรผิ
“เซียวเย่หลัน ท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่...”เซี่ยเชียนฮวันหน้าซีดเล็กน้อยนางไม่แน่ใจว่าเซียวเย่หลันได้ยินบทสนทนามากน้อยแค่ไหน แต่นางสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างของชายผู้นี้เฟิงเยว่รีบหันหลังกลับทันที เขาชักดาบในแนวนอนออกมา แล้วยืนอยู่ด้านหน้าเซี่ยเชียนฮวัน “อย่าเข้ามา!”เซียวเย่หลันจ้องมองชายที่ปกป้องภรรยาของเขาอย่างเงียบงัน มุมปากพลันกระตุกยิ้มเยาะออกมา“ท่านอ๋อง คนทั้งเมืองหลวงต่างทราบว่าท่านมีใจให้ผู้อื่น สำหรับท่านแล้วคุณหนูไม่ต่างอะไรไปจากภาระ แต่นางคือสมบัติอันล้ำค่าในใจของข้าน้อย ใยท่านไม่ทำตามความปรารถนาของพวกเรา ตราบใดที่คุณหนูหายไป ท่านก็สามารถครองคู่ชูชื่นกับแม่นางซูผู้นั้นได้ ใช่หรือไม่”เฟิงเยว่กัดฟันแน่น ข่มความกลัวภายในใจเขาไม่คิดว่าเซียวเย่หลันจะปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ดูเหมือนแผนการร่วมมือกับซูอวี้เออร์ ที่จะพาเซี่ยเชียนฮวันจากไปคงรั่วไหลสายตาเซียวเย่หลันมองข้ามไหล่ของเฟิงเยว่ และมองตรงไปที่เซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา“ข้าบอกให้เจ้าพูดต่อ” เขากล่าวอย่างเย็นชา “พูดให้ชัดสิ ว่าเหตุใดชายผู้นี้ถึงถูกไล่ออกจากจวนอันติ้งโหว และพ่อของเด็ก
“คุณหนู ข้า...เฮ้อ ถ้าหากท่านคิดว่าเช่นนี้ดีกว่า ข้าแซ่เฟิงแม้เป็นผีก็จะคอยคุ้มครองท่าน”เฟิงเยว่ถอนหายใจออกมาแม้เซี่ยเชียนฮวันจะกำลังโกรธอยู่ แต่นางก็ได้ยินสิ่งผิดปกติในคำพูดของเขาด้วยเช่นกันเป็นผี?ผู้อารักขาผู้นี้ หากล่อลวงนางให้หนีไปไม่สำเร็จ คงไม่ฆ่าตัวตายหรอกนะ?“เจ้าออกจากจวนอันติ้งโหวไปนานแล้ว ไม่ว่าข้าจะเป็นเช่นไร เจ้าก็ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก ปล่อยวางเรื่องของข้าไปเสีย แล้วออกจากเมืองหลวงไปซะ ใช้ชีวิตของตัวเองให้ดี” เซี่ยเชียนฮวันกล่าวเสียงเบาในที่สุดนางก็หันมามองเฟิงเยว่เฟิงเยว่หัวเราะอย่างขมขื่น เขาจ้องมองนางอย่างเงียบๆ คาดว่าอาจเป็นการกล่าวลาครั้งสุดท้ายแต่ก่อนที่เขาจะได้พูด ประกายแสงอันเย็นเยือกพลันสว่างวูบต่อหน้าเซี่ยเชียนฮวัน!จากนั้น โลหิตก็สาดกระเซ็นออกมา วินาทีนั้นความมืดมิดก็ถูกย้อมด้วยเลือดสีแดงสดเซี่ยเชียนฮวันตกตะลึงจนตาค้าง นางมองเฟิงเยว่ล้มลงต่อหน้าอย่างตกใจ!คนที่ยังมีชีวิตเมื่อครู่ พริบตาเดียวก็กลายเป็นศพเสียแล้ว“เซียวเย่หลัน เจ้า!”เซี่ยเชียนฮวันทั้งโมโหทั้งตกใจ นางคาดไม่ถึงเลยว่า เซียวเย่หลันจะจู่โจมอย่างกระทันหัน เขาสังหารเฟิงเยว่ต่อหน้านา
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา