เซี่ยเชียนฮวันฝันร้ายในความฝัน นางติดอยู่ในโคลน และล้อมรอบไปด้วยเลือด มีบางคนคอยเรียกชื่อนางไม่หยุด “ฮวันฮวัน ฮวันฮวัน....”นางสะดุ้งลืมตาตื่น หอบหายใจอย่างหนักหน่วง“ฮวันฮวัน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”ในดวงตาของเซี่ยเชียนฮวัน ปรากฏสีหน้าเป็นห่วงของพี่ชายนาง เซี่ยเหยียนนางหายใจเข้าลึกๆ แล้วส่ายหน้า “ข้าไม่เป็นไร”เซี่ยเหยียนถอนหายใจออกมา “ท่านพ่อท่านแม่เป็นห่วงเจ้ามาก ฮวันฮวัน ตอนนี้เจ้าต้องพูดความจริงกับข้า เกิดอะไรขึ้นระหว่างเจ้ากับจ้านอ๋อง”“เดิมทีซูอวี้เออร์ไม่เป็นที่รู้จัก แต่ตอนนี้ท่านอ๋องกลับโปรดปรานนาง และอยากแต่งตั้งนางเป็นพระชายารอง แต่สตรีจากที่อโคจรเช่นนั้น จะเป็นพระชายารองของท่านอ๋องได้อย่างไร ฮ่องเต้ทรงตำหนิท่านอ๋องในเรื่องนี้ แต่ท่านอ๋องกลับยืนกรานในความคิดนี้ ซึ่งดูไม่เหมือนนิสัยของท่านเลย”“เขาอยากยกใครเป็นพระชายารองก็ช่างเขา ข้าไม่สน” เซี่ยเชียนฮวันกล่าวเสียงเย็นชา“เจ้าเป็นพระชายา เป็นภรรยาของเขา จะไม่สนได้เยี่ยงไร”เซี่ยเหยียนดุเซี่ยเชียนฮวันกลับยิ้มเยาะ “แต่ไหนแต่ไรมา เขาก็ไม่เคยเห็นข้าเป็นภรรยา ไม่เคยเชื่อใจข้า”“เจ้าดื้อรั้นเกินไป...”“ท่านพี่ ท่านได้พ
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันชื่ออิงเออร์~”“ท่านอ๋อง หม่อมฉันชื่อไฉ่เหลียน~”“ท่านอ๋อง หม่อมฉันชื่อซิ่วเออร์~”เหล่าสาวงามต่างโบกผ้าเช็ดหน้าน้อยๆ ยิ้มฉะอ้อนส่งไปให้ ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว แย่งกันแนะนำชื่อตัวเองให้เซียวเย่หลันเซียวเย่หลันรู้สึกรำคาญ ก่อนตวาดอย่างเย็นชา “ถอยออกไปให้หมด!”พวกนางสะดุ้งตกใจ ไม่กล้าส่งเสียงดังวุ่นวายอีกต่อไป ก่อนจะถอยออกไปอย่างพร้อมเพียงกันบ่าวรับใช้ที่เหลือก็ไม่กล้าอ้อยอิ่งเวลานี้มีเพียงเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันเท่านั้น นางนั่งบนเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย ยกแก้วชาขึ้นจิบพลางกล่าวยิ้มเยาะ “ข้าตัดสินใจแทนสามีแล้ว ซื้อสัญญาขายตัวพวกนางทั้งหมด จากนี้เป็นต้นไปพวกนางจะเป็นคนของจวนอ๋อง”“โอ้ใช่ ตอนที่พาพวกนางเข้ามาในจวน บ้านก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นทันที คนข้างนอกคอยชมอยู่มากมาย ทั้งใต้เท้าจางและราชบุตรเขยหยางที่อยู่ใกล้ๆ ก็เข้ามาร่วมชมด้วย แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าจ้านอ๋องชื่นชอบหญิงนางโลม เลยไม่พูดอะไร เพียงกล่าวทักทายและจากไป”ยิ่งเซี่ยเชียนฮวันพูด สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ยิ่งดูไม่ได้เขาก้าวเท้าเข้ามา และยกมือปัดแก้วชาในมือของเซี่ยเชียนฮวัน ดวงตามืดมนจับจ้องมาที่นาง “เจ้าต้อง
อันที่จริงแล้ว เย่ซิ่นไม่รู้ว่าใครส่งผู้ที่อยู่ด้านนอกมาแต่เขายกไทเฮาขึ้นมา เพื่อเตือนสติท่านอ๋องว่า ไม่สามารถฆ่าเซี่ยเชียนฮวันได้และโชคดี ที่วิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของเขานั้นได้ผลถึงแม้เซียวเย่หลันจะเป็นคนไม่เกรงฟ้ากลัวดินที่สุดในราชวงศ์ แต่สุดท้ายเขาก็ใจเย็นลง สะบัดชายแขนเสื้อพลางกล่าวอย่างเย็นชา “เซี่ยเชียนฮวัน ถือว่าเจ้าโชคดีไป”กล่าวจบ เขาก็เดินออกจากห้องโถงใหญ่เย่ซิ่นลังเลสักพัก เขาไม่ได้ติดตามเจ้านายไปทันที แต่เลือกเทชาร้อนให้เซี่ยเชียนฮวันก่อน แล้วช่วยประคองนางขึ้นมา“ไทเฮาส่งคนมาตามข้าเข้าวังจริงหรือ” เซี่ยเชียนฮวันจิบชาเพื่อสงบสติอารมณ์ ส่งผลให้หายใจไม่สะดวก และเริ่มไอเบาๆ อีกครั้งเย่ซิ่นมองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าแถวนี้ไม่มีใคร จึงยกมือขึ้นมาลูบหลังพระชายาเบาๆ แล้วกระซิบตอบไปว่า “เรียนพระชายา ข้าน้อยไม่แน่ใจ กงกงท่านนั้นเพียงกล่าวว่าเจ้านายของตนต้องการจะเชิญท่าน แต่ไม่ได้บอกว่าเจ้านายของเขาเป็นใคร”“อืม ข้าทราบแล้ว”เซี่ยเชียนฮวันนวดหว่างคิ้วเบาๆแม้วังหลังจะใหญ่ แต่นางก็ไม่ได้คุ้นเคยกับพระสนมเหล่านั้น มีเพียงไทเฮาเท่านั้นที่จะเชิญนางเข้าไปพบในวังเป็นบางครั้งนางเดิ
“ท่านอ๋อง? ท่านอ๋อง?”ซูอวี้เออร์เห็นเซียวเย่หลันไม่พูดตอบ จึงอดเรียกซ้ำมิได้นางรอคอยสถานะมาเนิ่นนานแล้ว ครั้งนี้อุบายที่ใช้กับเซี่ยเชียนฮวันและเฟิงเยว่ ก็บรรลุเป้าหมายแล้ว นางจะอดทนต่อไปได้อย่างไร เมื่อความคิดของเซียวเย่หลันถูกขัดจังหวะโดยซูอวี้เออร์ ดวงตาก็พลันเย็นชา เขากล่าวเสียงเรียบว่า “ไว้ค่อยคุยกัน”สี่คำสั้นสั้น แต่กลับเหมือนน้ำเย็นๆ ราดตั้งแต่หัวจรดเท้าของซูอวี้เออร์นางยืนนิ่งอยู่กับที่ราวกับโดนฟ้าผ่าถึงแม้เซียวเย่หลันจะไม่อธิบายอะไร แต่นางก็รู้ว่า เรื่องแต่งตั้งนางให้เป็นพระชายารองนั้นหมดหวังแล้ว......เซี่ยเชียนฮวันตามหลังขันทีเข้าไปในวังตามเส้นที่คดเคี้ยวอยู่นานสองนานยิ่งนางเดินนานเท่าไร ข้ารับใช้ในวังก็ยิ่งพบน้อยลงเรื่อยๆและทิศทางก็ค่อยๆ ไกลขึ้นเรื่อยๆ“กงกง พระสนมหมิงพำนักอยู่ที่ใด? นี่ข้าเดินจนปวดขาแล้วนะ” เซี่ยเชียนฮวันถามเมื่อเห็นสภาพแวดล้อมที่รกร้างเปล่าเปลี่ยว ในใจนางก็อดร้องเตือนไม่ได้ขันทีนำทางมีรูปร่างที่ผ่ายผอม และถ้าหากเขามีเจตนาที่ไม่ดีจริงๆ นางจะเตะเขาให้คว่ำแล้ววิ่งหนีไปขันทีก้มหัวลง แล้วตอบกลับโดยไม่ลังเล “เรือนเจียวชวน!”“เรือน?”เ
เซี่ยเชียนฮวันได้ยินประโยคดังกล่าว ในใจก็พลันตื่นตระหนก!เหตุใดหมิงเฟยถึงทราบเรื่องนี้?หรือมีคนในจวนแจ้งให้ทราบ?นางสงบสติอารมณ์ แล้วตอบกลับอย่างถ่อมตัวแต่มิต่ำต้อย “พระสนมเข้าใจผิดแล้ว แค่มีคนเลวบางคนอยู่เบื้องหลังในการสร้างข่าวลือพวกนี้ เพื่อใส่ร้ายหม่อมฉัน...แฮ่ม ใส่ร้ายลูกสะใภ้ หากเสด็จแม่อดทนรออีกนิด เมื่อเด็กเกิดมา เราก็มีวิธีพิสูจน์”เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกได้รางๆ ว่านางกำลังตกอยู่ในอันตราย จึงถูกบีบให้เปลี่ยนคำพูดเพื่อดึงความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดกัน เพื่อพยายามเกลี้ยกล่อมหมิงเฟยหมิงเฟิยค่อยๆ ลุกขึ้นยืน รองเท้าปักสีแดงอันประณีตก็เดินเข้ามาใกล้ม่านสีแดง จากนั้น นางก็ยกมือขึ้นแล้วเปิดผ้าม่านที่กั้นระหว่างทั้งสองคนขึ้นสตรีผู้นี้เป็นหญิงงามทว่าซีดเซียวใบหน้าของนางไม่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเฉกเช่นฮองเฮากับเฉิงกุ้ยเฟย จึงมองเห็นอายุที่แท้จริงอย่างชัดเจน แต่สายตาของนางยังคงเย็นชาและสูงส่ง นางมีจิตวิญญาณที่เย่อหยิ่งเหมือนเซียวเย่หลันหมิงเฟยเริ่มเดินไปรอบๆ เซี่ยเชียนฮวัน ในบางครั้งก็เผยรอยยิ้มเย้ยหยันที่น่าขนลุกออกมา “พิสูจน์? แม้มีการพิสูจน์แล้วอย่างไร ถุงฟางไร้ประโยชน์เช่นเจ้าไ
“หมับ…”ทันใดนั้น ข้อมือของหมิงเฟยก็ถูกใครบางคนจับเอาไว้เซี่ยเชียนฮวันเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย...“ปล่อยมือ” เซียวเย่หลันกล่าวเสียงเย็นชาเขาจับข้อมือของหมิงเฟยเอาไว้แล้วออกแรงบีบเล็กน้อย ทำให้กรรไกรในมือนางร่วงลงพื้นดัง “แกร๊ก”“เซียวเย่หลัน? ท่าน ท่านมาได้อย่างไร...”การปรากฏตัวของชายผู้นี้ อยู่เหนือความคาดหมายของเซี่ยเชียนฮวันสีหน้าของเซียวเย่หลันดูราบเรียบ “ตอนที่ข้าเห็นข้ารับใช้ในวังเหล่านี้ ก็รู้สึกไม่เหมือนข้ารับใช้ที่รับใช้อยู่ข้างกายองค์ไทเฮา”“ที่แท้ท่านก็รู้ว่าใครเป็นคนพาข้าไป”ประโยคนี้ทำให้ใจของเซี่ยเชียนฮวันสั่นไหวเล็กน้อยในตอนแรกนางนึกว่าเขาจะไม่สนใจความเป็นความตายของนางแล้ว แต่คาดไม่ถึงว่า เขาจะจับตาดูคนที่มาพาตัวนางไปอย่างรอบคอบ“ปล่อยข้านะ! ไอ้เด็กนอกคอก ไอ้เด็กสารเลว!!”หมิงเฟยพยายามสะบัดมือออกเมื่อได้ยินคำสถบด่าของนาง เซี่ยเชียนฮวันก็รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากเพราะตอนที่สตรีผู้นี้ด่าลูกของตัวเอง คำพูดคำจายิ่งไม่น่าฟังมากขึ้นเรื่อยๆ มันรุนแรงกว่าตอนที่ด่านางว่าถุงฟางไร้ประโยชน์กับสวะเสียอีก“หมิงเยว่จ
“เร็วเข้า ให้ข้าปฐมพยาบาลเบื้องต้น!”เซี่ยเชียนฮวันเกรงหมิงเฟยจะสูญเสียสติอีกครั้ง จึงไม่กล้าอ้อยอิ่ง นางประคองเซียวเย่หลันออกมา และมองหาห้องว่างเพื่อให้เซียวเย่หลันได้นั่งพักเนื่องจากมีเลือดออกเป็นจำนวนมากนางจึงหยิบขวดยาขนาดเล็กที่พกติดตัวออกมา และฉีกแขนเสื้อโดยไม่ลังเล เผยให้เห็นข้อมืออันขาวผ่องที่กำลังโรยผงยาบนเศษผ้า เซียวเย่หลันจ้องมองมือนางแล้วกล่าวเสียงแหบว่า “คนในวังมีมากมาย หากเจ้าถูกเห็นในสภาพเช่นนี้ จะกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวเอาได้”เซี่ยเชียนฮวันกรอกตาใส่เขา “ดูแลตัวเองก่อนเถอะ”นางคลุมแผลให้เซียวเย่หลันด้วยเศษผ้า ใช้มือจับกรรไกร ตั้งสมาธิ แล้วดึงมันออกมาจากเนื้อ!นี่เป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวดที่สุด แต่เซียวเย่หลันแค่กัดฟันแน่น ไม่ยอมส่งเสียงออกมาแม้แต่ครึ่งคำเซี่ยเชียนฮวันเช็ดเลือดออกอย่างระมัดระวังบาดแผลบนร่างกายของเขาดูแย่มาก แต่ไม่ได้ร้ายแรงจริงๆ พละกำลังของหมิงเฟิยนั้นอ่อนแอ บวกกับกล้ามเนื้อของชายผู้นี้แข็งแกร่งไม่เลว กรรไกรจึงไม่ทำร้ายอวัยวะภายใน หลังจากใช้ผงยาพิเศษของนาง ความเสี่ยงที่แผลจะติดเชื้อจึงลดน้อยลง แน่นอนว่าหากมีดแทงที่ท้องนาง เกรงว่าคงมิใช่เรื่องเล
เมื่อได้ยินคําถามประชดประชันนี้ เซี่ยเชียนฮวันก็รู้ว่า เซียวเย่หลันเข้าใจความหมายของนางผิดอีกครั้งแต่นางไม่สนใจ“ใช่ ข้าให้ความสำคัญกับตำแหน่งพระชายาจ้านอ๋องมาก! และก่อนที่ฮ่องเต้องค์ใหม่จะขึ้นครองบัลลังก์ ข้าอยากผูกติดท่านไว้กับจวนอันติ้งโหว ต่อให้จู่ๆ ท่านจะตัดสินใจตามหารักแท้จนสุดขอบฟ้า หรือเต็มใจละทิ้งตำแหน่งองค์ชายเพื่อเคียงคู่กับซูอวี้เออร์ แต่ทั้งหมดนั่นจะต้องรอให้เรื่องราวสิ้นสุดลงเสียก่อน แล้วพวกเราค่อยหย่ากัน”พูดจบ เซี่ยเชียนฮวันก็เห็นแววตาของเซียวเย่หลันค่อยๆ เปลี่ยนไป แววตาดูถูกในตอนแรกหายไปแล้ว และแทนที่ด้วยความประหลาดใจระคนโกรธเคือง“เซี่ยเชียนฮวัน อธิบายความหมายของเจ้าให้ชัดเจน” เขาพูดด้วยความโมโห“ไม่มีอะไรต้องอธิบาย ความหมายก็ตามตัว” เซี่ยเชียนฮวันแสดงท่าทีเรียบเฉยสีหน้าของเซียวเย่หลันก็พลันอึมครึม แต่ไม่มีการระเบิดโทสะ ทว่ากลับหัวเราะอย่างเย็นชา “เจ้าจะบอกว่า ที่เจ้าทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับข้า ก็เพื่อปกป้องจวนอันติ้งโหว?”“ใช่”ทุกคนล้วนเข้าใจผิด คิดว่าเจ้าของร่างเดิมเป็นคนไร้สมอง มีเพียงนางที่รู้ว่า เจ้าของร่างเดิมไม่ได้เป็นเช่นนั้นแน่นอนว่านางยังเข้าใจ
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา