“แอ๊ด……”ขณะที่ชายคนนั้นเปิดประตู แสงอาทิตย์ฤดูหนาวอันอบอุ่นเล็กน้อยในตอนเช้าก็ส่องเข้ามา แผ่แสงสีเหลืองทองไปทั่วพื้นที่ซูอวี้เออร์เดินไปหาเขาด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับคว้าแขนของชายคนนั้นไว้ “ท่านอ๋อง...”พูดออกมาแค่สองคำ ซูอวี้เออร์ก็ยืนอึ้งอยู่กับที่!หลังจากที่นางเห็นรูปร่างหน้าตาของชายคนนั้นอย่างชัดเจน นางก็รีบปล่อยแขนของเขาออก แล้วพูดด้วยความตกใจว่า “เป็นท่าน?”เขาไม่ใช่เซียวเย่หลัน แต่เป็นองค์ชายรองเซียวฉงองค์ชายรองพลันขมวดคิ้ว “ข้ายังอยากจะถามว่าเป็นเจ้าได้อย่างไร จิ้งหย่าล่ะ”“พระชายา...ฮูหยินหลี่ไม่ได้อยู่ห้องนี้ นางอยู่ปีกตะวันตก”ซูอวี้เออร์เกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นในใจ แต่นางยังคงแสร้งทำเป็นสงบ และชี้ทางให้องค์ชายรองอย่างไรก็ตาม หลังจากที่ฟังคำพูดของนาง ดวงตาขององค์ชายรองก็แสดงท่าทีสนุกสนาน เขาแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “ผู้หญิงเมื่อคืนนี้ไม่ใช่จิ้งหย่า แต่เป็นเจ้า ข้าจะบอกให้จิ้งหย่าเรียนรู้เทคนิคนี้ได้จากที่ไหน มันทำให้ข้ามีความสุขมาก”“องค์ชายรองพูดอะไร อวี้เออร์ไม่เข้าใจ”ซูอวี้เออร์ตื่นตระหนกแต่นางไม่สามารถแสดงออกมาได้ ดังนั้นจึงทำได้แค่หันหลังกลับอย่างรวดเร็ว และบี
“ท่านอ๋อง ท่านเป็นอะไรไป? เกิดอะไรขึ้น?”ซูอวี้เออร์เห็นสีหน้าสับสนเหมือนคนสูญเสียจิตวิญญาณไปของเซียวเย่หลัน ก็คิดว่าองค์ชายรองช่างปากเปราะจริงๆ และตอนนี้เซียวเย่หลันคงรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้หัวใจของนางเต้นแรงและพูดอย่างประหม่าว่า “ท่านอ๋อง อวี้เออร์ผิดไปแล้ว อวี้เออร์...สามารถอธิบายได้”“เจ้าทำอะไร?”เซียวเย่หลันใช้เวลาพักใหญ่ๆ กว่าจะดึงสติกลับมาได้ซูอวี้เออร์กล่าวอย่างระมัดระวังว่า “ข้าเพียงอยากให้ท่านอ๋องทราบว่า ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ในใจของข้าก็มีเพียงท่านอ๋องเท่านั้น ไม่มีใครอื่น”พูดจบ นางก็แอบมองชายหนุ่มแต่เซียวเย่หลันยังคงเหม่อลอย ดูสับสนและหลงทางมากกว่าโกรธราวกับว่าทำบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญหายไปซูอวี้เออร์สังเกตสีหน้า ในใจก็รู้สึกสงบขึ้นมาเล็กน้อยหากเซียวเย่หลันรู้เกี่ยวกับนางและองค์ชายรองจริงๆ เขาคงจะโกรธมาก ไม่มีทางตอบสนองเช่นนี้แน่“ท่านอ๋อง ท่านไม่ได้กลับมาทั้งคืน ข้าเป็นห่วงท่านจริงๆ เมื่อคืนท่านไปไหนมา?” หลังจากซูอวี้เออร์วางใจแล้ว นางก็ดึงแขนของเซียวเย่หลันให้นั่งลงนางรินชาแล้วถามอย่างอ่อนโยนว่า “ท่านจะไม่ทิ้งข้าไว้ตามลำพังโดยไม่มีเหตุผล หากมี
“ด้วยทักษะทางการแพทย์ของข้า แม้จะมีรอยแผลเป็นเกิดขึ้น แต่ข้าก็สามารถทำให้ผิวพรรณกลับมานุ่มนวลราวกับเด็กทารกได้ พระชายารองซู เจ้าควรกังวลเกี่ยวกับตัวเองก่อนเถอะ ข้าเห็นว่าเจ้าหมกมุ่นอยู่กับเรื่องอย่างว่ามากเกินไป เจ้ามีสัญญาณไตพร่องอยู่นะ”เซี่ยเชียนฮวันเหลือบมองซูอวี้เออร์แวบหนึ่ง จากนั้นก็หมุนตัวเดินจากไป“ท่านพูดเหลวไหล! ท่าน...ท่านใส่ร้ายข้า!”ซูอวี้เออร์ได้ยินประโยคนี้ ก็อดตื่นตระหนกไม่ได้ นางตะโกนไล่หลังเซี่ยเชียนฮวัน พยายามปฏิเสธสมควรตาย สีหน้านางแสดงสัญญาณออกมาชัดขนาดนั้นเลยหรือ?ถ้าหากถูกเซียวเย่หลันสังเกตเห็นเข้า จบเห่แน่ๆซูอวี้เออร์รีบไปหาเซียวหมิงเซียน ยืมชาดมาทาปากให้ตัวเองเพื่อปกปิดผิวของนางตะวันบ่ายคล้อยในที่สุดเซียวเย่หลันก็เปิดประตูเดินออกมาเขาไม่ได้ตามหาซูอวี้เออร์ บางทีอาจจะกล่าวได้ว่า อารมณ์ของเขามืดมนมากจนเพิกเฉยต่อการมีอยู่ของซูอวี้เออร์โดยสิ้นเชิงเขามาที่ศาลาหลัวสุ่ยและเล่าสั้นๆ ให้องค์หญิงสี่กับราชบุตรเขยฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ แล้วพูดว่า “มีชีวิตย่อมมีคนเห็น หากตายต้องเห็นศพ เสด็จพี่สี่โปรดเรียกทหารยามออกค้นหาด้วยเถอะ ข้าจะไปหาร่องรอยของ
“พี่เย่หลัน หรือว่าท่านต้องการยกซูอวี้เออร์ขึ้นเป็นพระชายา? นั่นเป็นไปไม่ได้ ฝ่าบาทจะไม่มีวันเห็นด้วย”หลี่จิ้งหย่ากอดเขาแน่น แทบจะรวมร่างกับเซียวเย่หลันเซียวเย่หลันกล่าวเสียงเย็นชา “เจ้าอยากจะเป็นพระชายาของข้า เซียวฉงจะเห็นด้วยหรือ?”“เราจะทำอย่างช้าๆ ไปทีละขั้นๆ ข้าจะช่วยท่านอย่างลับๆ ก่อน หลังจากที่ท่านแข็งแกร่งกว่าเขาแล้ว ไม่ว่าเขาอยากจะต่อต้านแค่ไหน ก็ทำอะไรไม่ได้…”ยังพูดไม่ทันจบ มือของหลี่จิ้งหย่าก็ถูกชายหนุ่มบีบให้ปล่อยเขาหมุนตัวกลับมาขณะที่เขากำลังจะพูด ทันใดนั้นเขาก็เห็นร่างที่คุ้นเคยอยู่ไกลๆ!วินาทีนั้น เซียวเย่หลันเกือบจะคิดว่าเขากำลังประสาทหลอน!“พี่เย่หลัน ท่านเป็นอะไรไป?”หลี่จิ้งหย่าหันหน้ากลับด้วยความสงสัย เมื่อมองไปที่ด้านหลังนั้นเมื่อนางเห็นเซี่ยเชียนฮวันเดินเข้ามาอย่างช้าๆ ก็อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา โดยคิดว่านางเห็นผีตอนกลางวันแสกๆ!เซี่ยเชียนฮวันเดินมาตรงหน้าพวกเขา กอดอกแล้วเอาหลังพิงต้นบ๊วย เลิกคิ้วแล้วพูดว่า “กอดต่อเลย ทำไมไม่กอดต่อล่ะ?”หลี่จิ้งหย่ามองนางด้วยความหวาดกลัว แต่ก็เห็นเงาอยู่บนพื้น จึงแน่ใจว่าไม่ใช่ผี“ปรากฏว่าเจ้ายังไม่ตาย?”น้ำเ
“เรื่องมันจบลงไปแล้ว ทำไมเจ้าต้องพูดถึงมันอีก”เซียวเย่หลันขมวดคิ้วขณะที่รถม้าเคลื่อนตัว เซี่ยเชียนฮวันก็รู้สึกว่ามันสะเทือนถึงบาดแผลบนร่างกาย สร้างความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ทำได้เพียงกัดฟันแล้วพูด “ในเมื่อท่านอ๋องบอกว่าอยู่กับท่านจะปลอดภัยกว่า ดังนั้นข้าก็อยากจะรู้ว่าท่านสามารถทำอะไรเพื่อปกป้องข้าได้บ้าง”เซียวเย่หลันเงียบไปนาน“ตอบข้ามาเถอะ ท่านจะตัดแขนตัวเองเพื่อข้าไหม?” เซี่ยเชียนฮวันจี้ถามในที่สุด เซียวเย่หลันก็ตอบเสียงต่ำว่า “ไม่”“อือ ข้าก็ว่าแล้ว...”เซี่ยเชียนฮวันหลับตาในคืนนั้นนางกังวลมากว่าเซียวเย่หลันจะถูกบังคับให้ตัดแขนของเขา และกลายเป็นคนพิการตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาแต่ตอนนี้พอมาคิดๆ ดูแล้ว ผู้ชายที่เยือกเย็นและมีเหตุผลอย่างเซียวเย่หลัน จะทำลายชีวิตของตัวเองเพียงเพื่อช่วยนางได้อย่างไรความกังวลของนางนั้นไม่จำเป็นเลยแน่นอนเซี่ยเชียนฮวันรู้ว่าคำถามต่อไปจะทำให้นางดูเหมือนตัวตลก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถาม “แล้วถ้าเป็นซูอวี้เออร์ล่ะ?”คำถามนี้ทำให้เซียวเย่หลันตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งแต่ไม่นาน เขาก็ตอบกลับว่า “ข้าเป็นหนี้อวี้เออร์ถึงสองชีวิต แขนข้างหนึ่งจะชดเชยได้อย่าง
“มีเรื่องอันใดกัน”องค์รัชทายาทและพระชายาองค์รัชทายาทต่างสบตากันฮ่องเต้ขมวดคิ้วและพูดอย่างเคร่งขรึม “ปล่อยให้เข้ามา”ขันทีรีบเดินออกไปส่งข้อความตามที่คาดไว้ คนที่บุกเข้ามาอย่างก้าวร้าวก็คือเซียวหมิงเซียนเซียวหมิงเซียนเงยมองเซี่ยเชียนฮวัน และเผยกริยาดูถูกออกมา ก่อนจะแสร้งทำเป็นว่าไม่เห็นนาง แล้ววิ่งมาประจบฮ่องเต้ “เสด็จพ่อ ท่านรับปากข้ามาตั้งนานแล้ว แต่ทำไมถึงยังไม่มีข่าวอีกล่ะ”“มันเพิ่งผ่านมาไม่กี่วันเอง” ฮ่องเต้พูดอย่างจนใจ“ไม่ ข้ารอไม่ไหวแล้ว ข้าจะแต่งงานกับอวี้สวี่ตอนนี้!”เซียวหมิงเซียนสร้างปัญหามาตั้งนาน ที่แท้ก็เพื่อเรื่องนี้องค์หญิงผู้สง่างามคนหนึ่ง กลับกระเหี้ยนกระหือรืออยากจะแต่งงานขนาดนี้...ฮ่องเต้กล่าว “เจ้าต้องรอสำนักหอดูดาวหลวงจะรวมวันเกิดของพวกเจ้า และคำนวณเวลาอันเป็นมงคล การแต่งงานขององค์หญิงถือว่าเป็นงานใหญ่ ดังนั้นจะรีบร้อนไม่ได้ ไม่งั้นจะทำให้ทุกคนหัวเราะเยาะเอา”“ใช่แล้ว หมิงเซียน เจ้ามีสัญญาการแต่งงานแล้ว จะรีบเร่งทำไม”องค์รัชทายาทที่อยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้นมาเซียวหมิงเซียนไม่ฟัง และยังคงสร้างปัญหาต่อไป “สำนักหอดูดาวหลวงเป็นกลุ่มตาเฒ่าตัวเหม็นที่ไร้
หลังจากกลับมาถึงจวนจ้านอ๋องเซี่ยเชียนฮวันก็จำได้ว่าหญิงอ้วนที่ชื่อเปาอิ๋งหันเคยบอกว่า ตัวเองพักอยู่ในโรงเตี๊ยมเย่ว์ไหล ดังนั้นจึงสั่งให้เสี่ยวตงไปแจ้งให้นางทราบอีกสองวันงานแต่งงานขององค์หญิงก็จะถูกจัดขึ้นตอนที่ราชบุตรเขยไปรับตัวเจ้าสาวจะมีการแห่ขบวนบนถนนหลวงใกล้ๆ กับพระราชวังไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างซืออวี้สวี่และซือเสียงจะเป็นเช่นไร มีเพียงเปาอิ๋งหันเท่านั้นที่สามารถบอกความแตกต่างได้ แค่ปล่อยให้นางดูด้วยตนเองขณะที่เสี่ยวตงกำลังจะออกไป จู่ๆ เซี่ยเชียนฮวันก็เรียกนางกลับมา“จำไว้ เมื่อเจ้าคุยกับผู้หญิงคนนั้น เจ้าแค่บอกนางว่าจอหงวนอาจจะรู้จักสามีของนาง และให้นางหาทางไปพบกับเขาเอง” เซี่ยเชียนฮวันกำชับแต่เสี่ยวตงไม่เข้าใจ “ทำไมล่ะเจ้าคะ? ไม่ใช่ว่าพระชายาสงสัยในตัวจอหงวนหรอกหรือ?”“ความสงสัยก็เป็นเพียงความสงสัย แต่ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด เขาเป็นมหาดเล็ก และตอนนี้กำลังจะกลายเป็นราชบุตรเขยของฮ่องเต้ เวลานี้เขามีชื่อเสียงที่รุ่งโรจน์ พวกเราก็อย่ามองข้ามเรื่องนี้ไป และทำให้ตัวเองต้องพลอยประสบปัญหาไปด้วย”เซี่ยเชียนฮวันหยุดชั่วคราวแล้วพูดว่า “อีกอย่างในสายตาของฮูหยินเปา สามี
“บ่าวพูดแล้ว บ่าวพูดแล้ว!”อวิ๋นซีรู้สึกว่ากระดูกในมือของนางส่งเสียงดังกร๊อบออกมา ราวกับว่ากำลังจะหัก!นางส่งเสียงร้องดังลั่นหลินซวี่จึงหยุดมือชั่วคราว“มี...มีสาวใช้ในจวนคนหนึ่ง แอบลักลอบได้เสียกับผู้ชายแล้วท้องขึ้นมา บ่าวไม่อยากให้เรื่องมันใหญ่โต จนทำให้จวนอ๋องต้องเสียหน้า ดังนั้นจึงออกไปซื้อยาทำแท้งมา” อวิ๋นซีตอบเซี่ยเชียนฮวันฟังนางพูดไปพลาง ครุ่นคิดไปพลาง นางเล่นนิ้วมือตัวเองแล้วกล่าวอย่างเกียจคร้านว่า “เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ?”“บ่าวไม่กล้า...”“แม้จะมีสาวใช้จวนอ๋องได้เสียกับผู้ชายข้างนอก แต่เรื่องเช่นนี้ก็ควรมอบให้ข้าผู้เป็นพระชายาตัดสินเอง ไม่ถึงคราวที่เจ้าต้องออกหน้าจัดการเอง”เซี่ยเชียนฮวันยิ้มเยาะไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นความจริงหรือไม่ก็ตาม แต่คำพูดของอวิ๋นซีนั้น เท่ากับไม่เห็นนางอยู่ในสายตาเลย!มีข้ารับใช้ในจวนทำผิด ไม่เพียงแต่ไม่รายงานให้พระชายาทรงทราบก่อน แต่ยังกล้าตัดสินใจจะจัดการด้วยตัวเองอีก เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขารู้สึกว่าซูอวี้เออร์ได้รับความโปรดปราน จึงถือว่านางเป็นนายหญิงของจวนแล้ว?“บ่าวเลอะเลือนไปชั่วครู่ ตอนนี้ทราบความผิดแล้ว พระชายาได้โปรดปล่อยบ่าวไปด้วย!”