“เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อใด คนดีๆ เช่นนี้จะตายได้อย่างไร? ใครเป็นคนบังคับนาง?”เซี่ยเชียนฮวันถามอย่างกังวลใจ ต้องการจะยกม่านขึ้น และกระโดดขึ้นรถม้าทันทีแต่คาดไม่ถึงว่า เด็กสาวคนหนึ่งจะยกม่านรถขึ้นดวงตาเมล็ดซิ่งเบิกโพลง ถลึงมองเซี่ยเชียนฮวันอย่างโมโห“เซวี่ยจวิ้นทำให้ท่านพ่อสูญเสียอนาคต และชื่อเสียงของพวกเราพี่น้องก็พลอยเสียหาย ตอนนี้เราไม่สามารถอยู่ในเมืองหลวงได้ มันคงดีกว่านี้ถ้าหากนางตาย!”เซี่ยเชียนฮวันชะงักเมื่อฟังน้ำเสียงของเด็กสาวผู้นี้ ปรากฎว่าเซวี่ยจวิ้นยังไม่ตาย นางเพียงระบายความขุ่นเคืองในใจออกมา“เจ้าเป็นน้องสาวต่างมารดาของเซวี่ยจวิ้น?” เซี่ยเชียนฮวันมองไปที่เด็กสาว“แล้วอย่างไร คนที่สูญเสียพรหมจรรย์ก็คือนาง คนที่ไม่มีหน้าไปพบใครก็คือนาง ข้าไม่ยอมรับนางเป็นพี่สาวของข้าหรอก”เนื่องจากเด็กสาวคนนี้ตอนอยู่ในบ้านก็ได้รับความโปรดปรานจากบิดา ปกติจึงเป็นคนโผงผางแม้จะเป็นลูกสาวที่เกิดจากอนุภรรยา แต่กลับกล้าดูถูกเซวี่ยจวิ้นกลางถนนเช่นนี้สีหน้าของเซี่ยเชียนฮวันพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา “เจ้ามีจิตใจที่ชั่วร้ายตั้งแต่อายุยังน้อย เจ้ารู้ชัดเจนว่ามีคนชั่วที่ทำร้ายพี่สาวของเจ้า แต
“หม่อมฉันไม่อาจตอบแทนความเมตตาของพระชายาได้”หลังจากที่เซวี่ยจวิ้นรับยาทาแล้ว นางก็โค้งคำนับเซี่ยเชียนฮวันเซี่ยเชียนฮวันประคองนางขึ้น “ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ จริงๆ แล้วข้าควรจะขอบคุณเจ้ามากกว่า เจ้าช่วยล้างชื่อเสียงให้ข้าตอนที่ฟื้นความทรงจำขึ้นมา หากไม่มีคำให้การของเจ้า ข้าคงตายในสำนักคุมประพฤติไปแล้ว”“เดิมทีพระชายาลำบากก็เพราะข้า”เซวี่ยจวิ้นถอนหายใจนี่เป็นสถานการณ์ที่พุ่งเป้าไปที่เซี่ยเชียนฮวันกับเซียวเย่หลันตั้งแต่ต้นส่วนนาง ในฐานะที่เป็นลูกสาว ก็เป็นแค่เบี้ยในกระดานเท่านั้นการช่วยล้างชื่อเสียงให้กับเซี่ยเชียนฮวัน ก็เป็นการต่อต้านของเบี้ยอย่างนางที่มีต่อผู้บงการเบื้องหลัง“ครั้งนี้เป็นการเดินทางที่ยาวไกล คุณหนูรองเซวี่ยโปรดดูแลตัวเองด้วย ข้าเชื่อว่าแม้จะยากลำบากในตอนนี้ แต่เจ้าจะมีความสุขและมีชีวิตที่ราบรื่นในอนาคต”เซี่ยเชียนฮวันไม่ค่อยเก่งในการปลอบโยนผู้คน นางจึงกล่าวอวยพรเซวี่ยจวิ้นแค่สองสามคำเท่านั้นเซวี่ยจวิ้นยิ้มเล็กน้อย “เมื่อกลับถึงบ้านเกิดข้าคงใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้ แต่พระชายา ยังคงอยู่ศูนย์กลางของพายุน้ำวนนี้ ทรงระวังตัวเองให้มากขึ้น”“ข้าชินแล้วล่ะ” เซี่ย
“พี่ ถ้าต้องการโค่นตระกูลหลี่ลง มันไม่ง่ายเลยหรือ”เซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้วถามเซี่ยเหยียนเกาคอแล้วพูดว่า “เจ้าพูดไร้สาระอันใดกัน ตระกูลหลี่เป็นอัครมหาเสนาบดีมาหลายชั่วอายุคน อำนาจในราชสำนักมีความเกี่ยวพันกันอย่างซับซ้อน ถ้าตระกูลหลี่โค่นล้มได้ง่ายขนาดนั้น ก็ยังไม่ถึงตาเจ้าหรอก คงมีหลายคนแย่งกันลงมือ”“แต่พวกเขาสร้างความลำบากให้แก่ข้าครั้งแล้วครั้งเล่า” ดวงตาของเซี่ยเชียนฮวันดูเย็นชาเซี่ยเหยียนแสดงท่าทีที่หยาบคาย ใช้นิ้วดีดหน้าผากนาง “ใครบอกให้เจ้าอวดความเฉียบคมของเจ้ากัน เจ้าไม่รู้วิธีซ่อนความแข็งแกร่งและรอเวลา!”“ข้าก็อยากจะซ่อนความแข็งแกร่งและรอเวลา แต่ความแข็งแกร่งของข้าไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น”เซี่ยเชียนฮวันพึมพำนางเป็นหมอ เมื่อเห็นคนไข้ได้รับบาดเจ็บ นางก็ไม่สามารถอดกลั้นไม่ลงมือได้“วางความแข็งแกร่งของเจ้าไว้ข้างๆ แล้วคิดให้รอบคอบ หลี่จิ้งหย่ากล้าวางยาฮองเฮา แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ติดคุก แค่โดนปลดออกจากตำแหน่งพระชายาเท่านั้น ลองเปลี่ยนเป็นคนอื่นดูสิ? เจ้าแค่ต้องสงสัยว่าวางแผนการร้ายกับลูกสาวของขุนนางคนหนึ่ง แต่กลับถูกส่งไปสำนักคุมประพฤติจนได้กินซาลาเปาประทังชีวิต”เซี่ยเหยียนยก
“ข้าติดสินบนใคร ใครจะรู้ว่าคนอย่างท่านที่ไม่อาบน้ำพุร้อนมาแปดร้อยปีจู่ๆ ก็มาปรากฏตัวที่นี่ ถ้ารู้ว่าท่านจะมา ข้ายอมเทน้ำเย็นใส่หัวดีกว่ามาแช่ตัวที่นี่”เมื่อเซี่ยเชียนฮวันเห็นเซียวเย่หลันตอนนี้ ก็มีเพียงสองคำในใจโชคร้าย!แต่เซียวเย่หลันกลับคิดว่านางแค่ปากแข็ง จึงเปรยขึ้นเบาๆ ว่า “ไม่จำเป็นต้องเล่นลูกไม้นี้กับข้า ข้าเบื่อแล้ว”“ใครเล่นลูกไม้กับท่าน ไร้เหตุผลสิ้นดี!”เซี่ยเชียนฮวันพยายามจะหนีจากเขาอย่างไรก็ตาม เซียวเย่หลันกดไหล่นางด้วยมือข้างหนึ่ง และอีกข้างหนึ่งจับเอวของนาง ก่อนตะโกนด้วยเสียงต่ำว่า “อย่าขยับ! ก้นสระนี้ลื่น ถ้าหากท้องเจ้ากระแทกอะไรเข้า ก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือน”เซี่ยเชียนฮวันเม้มปาก ไม่กล้าขยับซี้ซั้วแต่มือของชายผู้นี้ไม่อยู่เฉยเขา เขาฉวยโอกาสแตะต้องนาง ในขณะที่นางเปลือยเปล่า...“เซียวเย่หลัน ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ข้าจะขึ้นฝั่ง!” เซี่ยเชียนฮวันกัดฟันพูด“หาได้ยากที่พระชายาจะมาแช่น้ำกับข้าเหมือนเป็ดแมนดาริน หากจบลงเร็วขนาดนี้ คงน่าเสียดายแย่”น้ำเสียงของเซียวเย่หลันดูไม่ใส่ใจ จับร่างของนางไว้แน่นไม่ยอมปล่อยเซี่ยเชียนฮวันโกรธจัด “ไปให้พ้น! หยุดคำพูดที่น่าสะอิดส
“ข้าไม่เคยไปที่นั่น!!”นางไม่ต้องการที่จะยอมรับ เพียงแค่จ้องมองเขาด้วยความโมโห“เจ้าไม่เคยไปที่นั่นจริงๆ หรือแค่ตอบข้าส่งๆ”เซียวเย่หลันบีบหน้านาง ดวงตาที่เย็นชาของเขาระเบิดความโกรธอย่างรุนแรงออกมา ราวกับว่านางเป็นนักโทษที่ถูกทรมานเซี่ยเชียนฮวันกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “คำตอบสำหรับคำถามนี้ สำคัญกับท่านมากหรือ?”ไม่ว่าคำตอบจะเป็นเช่นไร เขาก็เลือกซูอวี้เออร์อยู่แล้วที่ซูอวี้เออร์กล้าปลอมตัวเป็นนางอย่างไร้ยางอาย เพราะรู้ว่าหัวใจของเซียวเย่หลันมีอคติต่อใคร และเขาจะเชื่อคำพูดของนางอย่างแน่นอน“ใช่” เซียวเย่หลันเหมือนจะรู้ว่าสีหน้าของเขาดุร้ายเกินไป ดังนั้นเขาจึงอ่อนลงเล็กน้อย และกระซิบว่า “มันสำคัญมากสำหรับข้า ดังนั้นเจ้าต้องบอกความจริง”เซี่ยเชียนฮวันเม้มริมฝีปากแน่นและหลับตานางรู้สึกว่าพูดความจริงไปก็ไร้ประโยชน์บอกเซียวเย่หลันว่าผู้หญิงที่ดูแลเขาในกระท่อมมุงจาก และใช้เวลาค่ำคืนกับเขาไม่ใช่ซูอวี้เออร์ แต่เป็นนาง?เมื่อเผชิญหน้ากัน แค่ซูอวี้เออร์แกล้งทำตัวน่าสงสาร กลับดำเป็นขาวอีกครั้ง ในท้ายที่สุดเขาก็ยังคงเข้าข้างซูอวี้เออร์ โดยคิดว่านางกำลังโกหก“ลืมตามองข้า”เซียวเ
“ไปให้พ้น...ข้าไม่ต้องการท่าน...”เซี่ยเชียนฮวันซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเซียวเย่หลัน แต่คิ้วของนางขมวด และนางก็ใช้มือทั้งสองข้างผลักเบาๆ ราวกับว่านางต้องการหนีจากเขาเซียวเย่หลันบีบหน้านางแล้วกระซิบเสียงเหี้ยม “นอกจากข้า ยังมีใครสามารถช่วยเจ้าได้?”“ข้าไม่ชอบท่าน เซียวเย่หลัน...”เสียงของนางเบามาก แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ชายคนหนึ่งได้ยินอย่างชัดเจนคำพูดนี้ ทำให้ใบหน้าของเขามืดมนไม่ชอบเขา?ผู้หญิงคนนี้ ถึงกับพูดออกมาตอนหลับอย่างไร้ยางอายเซียวเย่หลันพลิกตัว เงาดุจปีศาจพลันปกคลุมร่างกายของนาง จอนผมสองสามเส้นก็ร่วงหล่นลงมา ปัดแก้มของนางเบาๆเขาจ้องมองนาง “แล้วเจ้าชอบใครล่ะ? ทหารองค์รักษ์คนนั้น พ่อของเด็กในท้อง หรือว่าคนอื่น”“……”เซี่ยเชียนฮวันไม่ตอบนางแค่ละเมอออกมาเพราะรู้สึกไม่สบาย นางไม่ได้ยินคำถามของเซียวเย่หลัน จึงไม่สามารถตอบได้เป็นธรรมดาอย่างไรก็ตาม ท่าทางงอตัวอย่างน่าสงสารเหมือนกวางน้อยตื่นกลัวของนาง กลับกระตุ้นความโกรธในใจของเขาอีกครั้ง ทำให้เขาไม่สามารถระงับความปรารถนาของเขาได้ความกระวนกระวายใจเช่นนี้ เหมือนกับคืนนั้นมากจู่ๆ เซียวเย่หลันก็คิดว่า ตราบใดที่เขาหลับ
“นั่นไม่จำเป็น”เซียวเย่หลันปฏิเสธข้อเสนอของซูอวี้เออร์ซูอวี้เออร์ตกตะลึง “เพราะเหตุใด?”“ถึงแม้เจ้าจะเป็นพระชายารอง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องรับใช้หรือดูแลใครเลย”“ท่านอ๋อง ท่านช่างดีกับอวี้เออร์เหลือเกิน”ซูอวี้เออร์รู้สึกซาบซึ้งใจ และรู้สึกโล่งใจอย่างลับๆความหมายของประโยคนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการยกระดับตำแหน่งของนาง เพื่อที่นางจะได้ไม่ต้องด้อยกว่าเซี่ยเชียนฮวันดูเหมือนในใจของท่านอ๋องจะใกล้ชิดกับนางมากแม้ว่าเซี่ยเชียนฮวันจะปีนขึ้นเตียงเป็นครั้งคราว แต่ก็ไม่เสียหายนักนางกอดแขนของเซียวเย่หลัน และเลื่อนสายตาไปมองเซี่ยเชียนฮวันอย่างยั่วยุ“ท่านอ๋อง ท่านจะทรงออกไปเที่ยวกับอวี้เออร์เมื่อใด? มีแค่เราสองคน แม้แต่เย่ซิ่นก็ห้ามไป”ซูอวี้เออร์เอนตัวพิงแขนของเซียวเย่หลันอย่างอ่อนโยน ก่อนจะดึงเขาให้เดินออกมา ทิ้งเซี่ยเชียนฮวันไว้ตามลำพังในห้อง“ในอีกสองวัน...”“ดีเลย...”เสียงบทสนทนาของพวกเขาดังลิบๆ มาจากด้านนอก ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของซูอวี้เออร์ ทำให้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังนั่งอยู่ตามลำพังบนแท่งนอนอย่างโดดเดี่ยวและเดียวดาย เซี่ยเชียนฮวันหัวเราะเสียงเย็นชา สวมเสื้อผ้าขอ
วันที่ในจดหมายคือสองวันต่อมาช่างบังเอิญเสียจริง เพราะตอนที่อยู่ในห้องของเซียวเย่หลันในเช้าวันนี้ เซี่ยเชียนฮวันได้ยินเขาบอกว่าจะพาซูอวี้เออร์ไปเที่ยวในอีกสองวันข้างหน้า ซึ่งเป็นทริปฮันนีมูนสำหรับพวกเขาสองคน ที่แม้แต่เย่ซิ่นก็ไม่สามารถไปด้วยได้โชคร้ายจริงๆเมื่อถึงวันนั้น นางจะต้องออกไปเร็วกว่าพวกเขาสองคน เพื่อไม่ให้ไปเจอพวกเขาโอ้อวดเหมือนนกยูงเซี่ยเชียนฮวันโยนจดหมายของหลี่จิ้งหย่าเข้าไปฟืนเช่นเดียวกับเสื้อผ้าของเซียวเย่หลัน เผามันไปด้วยกัน……ฮัวเยว่ถังเซี่ยเชียนฮวันกลับมาเปิดกิจการ และนั่งอยู่ในโรงหมอตลอดทั้งวัน จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน จากนั้นก็เตรียมจะปิดร้านน่าเสียดายที่วันนี้บรรพบุรุษหมอผีก็ยังไม่ปรากฏตัวและไม่รู้ว่าเขาไปเที่ยวที่ใดจากที่ชิวหมิ่นพูด ทุกปีเสิ่นหรงจะไม่ปรากฏตัวในวันส่งท้ายปีเก่า บางทีเขาอาจจะกลับไปที่บ้านเกิดของเขา แต่ไม่มีใครรู้ว่าบ้านเกิดของเขาอยู่ที่ไหน“อี๋ เกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนี้”“สวรรค์ นางมีกลิ่นเหม็นมาก…”“อยู่ให้ห่างจากนาง ดูหน้ามันเยิ้มของนางสิ ระวังโดนน้ำมันกระเด็นใส่ด้วย”จู่ๆ ก็มีเสียงอื้ออึงดังมาจากหน้าประตูโรงหมอเซี่ยเชีย