“ตอนนี้หนาวแล้ว เจ้าจะไปไหนล่ะ”เซียวเย่หลันรู้สึกประหลาดใจฤดูหนาวมาถึงแล้ว และวันส่งท้ายปีเก่าก็กำลังใกล้เข้ามา ซึ่งเป็นเวลาที่หนาวที่สุดของปีทุกคนล้วนอยู่ในบ้านรอบกองไฟเพื่อให้ความอบอุ่น แต่อวี้เออร์กลับต้องการออกไปข้างนอกซูอวี้เออร์หน้านิ่งไม่เปลี่ยน น้ำเสียงอ่อนโยนกล่าวว่า “ได้ยินมาว่ามีสวนบ๊วยที่สวยงามแห่งหนึ่งในอำเภอถานใกล้เมืองหลวง ผู้รู้หนังสือหลายคนชอบไปที่นั่น เพื่อเพลิดเพลินกับดอกบ๊วยและดื่มชาในฤดูหนาว ข้าจึงอยากเห็นมันเหมือนกัน”“เจ้ายังคงสง่างาม”เซียวเย่หลันยิ้มน้อยๆ คิ้วที่ขมวดก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลงเขาชื่นชมความอ่อนโยน มีคุณธรรม และพรสวรรค์ของซูอวี้เออร์สตรีที่สูงส่งมีความสามารถควรเป็นเหมือนซูอวี้เออร์แทนที่จะเป็นเหมือนผู้หญิงบางคนที่พึ่งพาทักษะแพทย์ที่ไม่ธรรมดา และภูมิใจมากจนตาไปแปะอยู่บนศีรษะ แม้แต่สามีของตัวเองก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์“ท่านอ๋องไปดูกับอวี้เออร์นะ”ซูอวี้เออร์จับแขนของเซียวเย่หลัน และแสดงท่าทีออดอ้อนเซียวเย่หลันพยักหน้า “ตกลง ช่วงนี้ข้าไม่ได้อยู่กับเจ้ามากนัก ข้าจะพาเจ้าไปชมดอกบ๊วยในอีกไม่กี่วัน”“เยี่ยมมาก”แผนการของซูอวี้เออร์ประสบค
เมื่อได้อยู่ในสถานที่อันหนาวเย็นและโดดเดี่ยวเช่นนั้นครั้งหนึ่ง ก็จะไม่อยากไปที่นั่นอีกเลยนางจำได้ว่าอาหารในคุกมีกลิ่นเหม็นแค่ไหนและยังจำได้ว่าถูกผู้คุมหยอกล้อและสร้างความอัปยศมากเพียงใด หลังจากโชคดีออกมาได้ ก็มาเห็นฉากที่เซียวเย่หลันถูกรายล้อมไปด้วยนางรำและกำลังดื่มสุราสิ่งเหล่านี้ทิ้งร่องรอยที่ลบไม่ออกไว้ในใจของนางนางจะไม่ลืมไปตลอดชีวิต“พั่บ——”ทันใดนั้นนกน้อยบนยอดไม้ก็กระพือปีกบินจากไป ทำลายความเงียบงันระหว่างทั้งสองคนเซี่ยเชียนฮวันรู้สึกประหลาดใจ จึงยื่นมือออกแล้วตะโกนว่า “เจ้าอย่าเพิ่งไป ข้ายังพูดไม่จบเลยนะ!”“เมื่อครู่เจ้ากำลังคุยกับนกน้อยตัวนั้นอยู่หรือ...”เซียวเย่หลันลดสายตาลง น้ำเสียงของเขาดูเหมือนจะแหบแห้งกว่าปกติ พร้อมกับมีอาการฝืดเคืองแต่เซี่ยเชียนฮวันไม่ได้สังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในอารมณ์ของชายคนนั้น ทั้งยังพูดด้วยความโกรธว่า “ใช่ เพราะท่านอ๋องมา มันจึงตกใจกลัวจนหนีไป”“หากเจ้ามีคนอื่นที่ชอบ ก็สามารถบอกข้าได้ตามตรง ไม่จำเป็นต้องพูดกับนกก็ได้”เซียวเย่หลันถอนหายใจเขาอยากรู้ว่า ผู้ชายแบบไหนที่สามารถเปลี่ยนหัวใจของเซี่ยเชียนฮวันสตรีบ้าผู้ชายคนนี้ได้
“ไม่จำเป็น”เดิมทีเซียวเย่หลันคิดว่าอยากจะพูดกับเซี่ยเชียนฮวันหลังจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้เสร็จแต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าไม่มีประโยชน์ที่จะพูดออกไปความทุกข์ทรมานของเซี่ยเชียนฮวันตอนอยู่ในคุกไม่สามารถลบล้างได้ ไม่ว่าเขาจะอธิบายให้นางฟังมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้สิ่งที่เกิดขึ้นไม่เคยเกิดขึ้นได้ยิ่งพยายามอธิบาย ก็ยิ่งกลายเป็นปกป้องตัวเองมากเท่านั้นแต่เย่ซิ่นคิดต่างออกไป เขาโน้มน้าวว่า “ที่ท่านอ๋องส่งทหารไปจับกุมตัวพระชายาเข้าสำนักคุมประพฤตินั้นเป็นทางเลือกสุดท้าย ถ้าหากท่านไม่ดำเนินการก่อน มหาดเล็กเซวี่ยจะรายงานต่อฝ่าบาท และให้ศาลต้าหลี่สอบปากคำ ถึงตอนนั้นพระชายาจะถูกปฏิบัติอย่างโหดร้ายมากขึ้นอย่างแน่นอน”“ภายนอก ท่านออกคำสั่งให้จับกุมพระชายา แต่จริงๆ แล้วท่านกำลังปกป้องนาง! ไม่ว่าสำนักคุมประพฤติจะเลวร้ายแค่ไหน แต่อย่างน้อยก็อยู่ภายใต้อำนาจของฝ่าบาท ทว่าศาลต้าหลี่อยู่ภายใต้อิทธิพลของอัครมหาเสนาบดีหลี่ หากพระชายาเข้าไป เกรงว่านางอาจจะไม่สามารถออกมาได้อย่างสมบูรณ์”ดังที่เย่ซิ่นกล่าวไว้ เส่าชิงคนปัจจุบันของศาลต้าหลี่เป็นลูกศิษย์ของอัครมหาเสนาบดีหลี่เป็นที่ทราบกันดีว่าอัครมหาเสนาบดีหลี่ไม่
“มันอยู่ด้านหลังห้องตำราของท่านอ๋อง ปกติไม่มีใครไปที่นั่น ท่านอ๋องไม่ชอบอาบน้ำในบ่อน้ำพุร้อน หากพระชายามีเวลา ก็สามารถลงไปแช่ตัวเพื่อกำจัดความเย็นในร่างกายของท่านได้”“อืม”น้ำพุร้อนหรือ ฟังดูไม่เลวเลยแต่วันนี้มันดึกมากแล้ว หลังจากที่เซี่ยเชียนฮวันเขียนใบสั่งยาเสร็จก็เตรียมตัวอาบน้ำนอน เรื่องแช่น้ำพุร้อนนะเอาไว้วันหลังแล้วกันนางสูดจมูก วางใบสั่งยาไว้ข้างๆ แล้วเดินไปที่ห้องด้านในเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้านอนความสบายของผ้าห่มไหมผืนนี้เหนือจินตนาการของนางมากเมื่อเปรียบเทียบกับผ้าห่มขาดรุ่งริ่งในคุก เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกเหมือนกับว่าอยู่ท่ามกลางเมฆนุ่มๆ ในตอนนี้ ไม่ช้านางก็หลับไปอย่างรวดเร็วเป็นค่ำคืนที่ไร้ความฝันวันรุ่งขึ้น เซี่ยเชียนฮวันเริ่มยุ่งเกี่ยวกับการเลือกยาและเตรียมขี้ผึ้ง จึงผ่านไปอีกหนึ่งวันโดยไม่รู้ตัวจนกระทั่งตกเย็น ร่างของเซียวเย่หลันฃก็ปรากฏตัวต่อหน้านางเขากระแอมไอและพูดว่า “เสด็จพ่อถอดเซวี่ยฉีออกจากตำแหน่งราชการ และให้เขาเกษียณกลับบ้านเกิด”“จริงหรือ?” เซี่ยเชียนฮวันชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นมอง “พวกเขาจะจากไปเมื่อไหร่?”“ไม่นานนัก อีกประมาณแค่สองวัน”“ยังไม่สาย
เซียวเย่หลันตัดสินใจที่จะไม่โต้เถียงกับผู้หญิงตัวเล็กๆ อีกต่อไปเขาจากไปด้วยความโกรธเย่ซิ่นซึ่งยืนอยู่นอกประตูหันกลับมาสบตากับเสี่ยวตงที่อยู่ข้างใน ก่อนที่สองพี่น้องจะพากันถอนหายใจความขัดแย้งระหว่างท่านอ๋องกับพระชายาคราวนี้ ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการคืนดี…เซียวเย่หลันยังคงทานอาหารเย็นที่เรือนจิ่นซิ่วคืนนี้เขาไม่เคยไปเยี่ยมเซี่ยเชียนฮวันอีกเลยสองวันผ่านไปเมื่อเซี่ยเชียนฮวันได้ยินว่าตระกูลเซวี่ยเตรียมรถม้าพร้อมออกจากเมืองหลวงแล้ว จึงเรียกเซี่ยเหยียนไปนั่งรอพวกเขาที่โรงน้ำชาใกล้ประตูเมือง“ฮวันฮวัน ตอนที่เจ้าถูกส่งไปยังสำนักคุมประพฤติ อาหารที่ส่งให้เจ้าล้วนเป็นพี่ชายเป็นคนซื้อให้ ตอนนี้เจ้าออกมาแล้ว ไม่ควรเชิญข้ามาทานอาหารดีๆ สักมื้อหรือ”เซี่ยเหยียนฉีกยิ้มกว้าง และสั่งชากับผลไม้ที่แพงที่สุดในโรงน้ำชา ขณะแสร้งทำเป็นถูกเซี่ยเชียนฮวันทำร้ายจิตใจเซี่ยเชียนฮวันจับคางแล้วมองไปที่ถนน “เจ้าจะซื้อเยอะไปทำไม สุดท้ายพอมาถึงมือข้าก็เหลือแค่ซาลาเปาไม่กี่ลูก”“ถูกต้อง ข้าเดาออกแต่แรกแล้วว่าจะเป็นเช่นนี้ ดังนั้นข้าจึงซื้อของอย่างอื่นแบบส่งๆ มีเพียงซาลาเปาซึ่งข้าไปซื้อที่ร้านแม
“เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อใด คนดีๆ เช่นนี้จะตายได้อย่างไร? ใครเป็นคนบังคับนาง?”เซี่ยเชียนฮวันถามอย่างกังวลใจ ต้องการจะยกม่านขึ้น และกระโดดขึ้นรถม้าทันทีแต่คาดไม่ถึงว่า เด็กสาวคนหนึ่งจะยกม่านรถขึ้นดวงตาเมล็ดซิ่งเบิกโพลง ถลึงมองเซี่ยเชียนฮวันอย่างโมโห“เซวี่ยจวิ้นทำให้ท่านพ่อสูญเสียอนาคต และชื่อเสียงของพวกเราพี่น้องก็พลอยเสียหาย ตอนนี้เราไม่สามารถอยู่ในเมืองหลวงได้ มันคงดีกว่านี้ถ้าหากนางตาย!”เซี่ยเชียนฮวันชะงักเมื่อฟังน้ำเสียงของเด็กสาวผู้นี้ ปรากฎว่าเซวี่ยจวิ้นยังไม่ตาย นางเพียงระบายความขุ่นเคืองในใจออกมา“เจ้าเป็นน้องสาวต่างมารดาของเซวี่ยจวิ้น?” เซี่ยเชียนฮวันมองไปที่เด็กสาว“แล้วอย่างไร คนที่สูญเสียพรหมจรรย์ก็คือนาง คนที่ไม่มีหน้าไปพบใครก็คือนาง ข้าไม่ยอมรับนางเป็นพี่สาวของข้าหรอก”เนื่องจากเด็กสาวคนนี้ตอนอยู่ในบ้านก็ได้รับความโปรดปรานจากบิดา ปกติจึงเป็นคนโผงผางแม้จะเป็นลูกสาวที่เกิดจากอนุภรรยา แต่กลับกล้าดูถูกเซวี่ยจวิ้นกลางถนนเช่นนี้สีหน้าของเซี่ยเชียนฮวันพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา “เจ้ามีจิตใจที่ชั่วร้ายตั้งแต่อายุยังน้อย เจ้ารู้ชัดเจนว่ามีคนชั่วที่ทำร้ายพี่สาวของเจ้า แต
“หม่อมฉันไม่อาจตอบแทนความเมตตาของพระชายาได้”หลังจากที่เซวี่ยจวิ้นรับยาทาแล้ว นางก็โค้งคำนับเซี่ยเชียนฮวันเซี่ยเชียนฮวันประคองนางขึ้น “ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ จริงๆ แล้วข้าควรจะขอบคุณเจ้ามากกว่า เจ้าช่วยล้างชื่อเสียงให้ข้าตอนที่ฟื้นความทรงจำขึ้นมา หากไม่มีคำให้การของเจ้า ข้าคงตายในสำนักคุมประพฤติไปแล้ว”“เดิมทีพระชายาลำบากก็เพราะข้า”เซวี่ยจวิ้นถอนหายใจนี่เป็นสถานการณ์ที่พุ่งเป้าไปที่เซี่ยเชียนฮวันกับเซียวเย่หลันตั้งแต่ต้นส่วนนาง ในฐานะที่เป็นลูกสาว ก็เป็นแค่เบี้ยในกระดานเท่านั้นการช่วยล้างชื่อเสียงให้กับเซี่ยเชียนฮวัน ก็เป็นการต่อต้านของเบี้ยอย่างนางที่มีต่อผู้บงการเบื้องหลัง“ครั้งนี้เป็นการเดินทางที่ยาวไกล คุณหนูรองเซวี่ยโปรดดูแลตัวเองด้วย ข้าเชื่อว่าแม้จะยากลำบากในตอนนี้ แต่เจ้าจะมีความสุขและมีชีวิตที่ราบรื่นในอนาคต”เซี่ยเชียนฮวันไม่ค่อยเก่งในการปลอบโยนผู้คน นางจึงกล่าวอวยพรเซวี่ยจวิ้นแค่สองสามคำเท่านั้นเซวี่ยจวิ้นยิ้มเล็กน้อย “เมื่อกลับถึงบ้านเกิดข้าคงใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้ แต่พระชายา ยังคงอยู่ศูนย์กลางของพายุน้ำวนนี้ ทรงระวังตัวเองให้มากขึ้น”“ข้าชินแล้วล่ะ” เซี่ย
“พี่ ถ้าต้องการโค่นตระกูลหลี่ลง มันไม่ง่ายเลยหรือ”เซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้วถามเซี่ยเหยียนเกาคอแล้วพูดว่า “เจ้าพูดไร้สาระอันใดกัน ตระกูลหลี่เป็นอัครมหาเสนาบดีมาหลายชั่วอายุคน อำนาจในราชสำนักมีความเกี่ยวพันกันอย่างซับซ้อน ถ้าตระกูลหลี่โค่นล้มได้ง่ายขนาดนั้น ก็ยังไม่ถึงตาเจ้าหรอก คงมีหลายคนแย่งกันลงมือ”“แต่พวกเขาสร้างความลำบากให้แก่ข้าครั้งแล้วครั้งเล่า” ดวงตาของเซี่ยเชียนฮวันดูเย็นชาเซี่ยเหยียนแสดงท่าทีที่หยาบคาย ใช้นิ้วดีดหน้าผากนาง “ใครบอกให้เจ้าอวดความเฉียบคมของเจ้ากัน เจ้าไม่รู้วิธีซ่อนความแข็งแกร่งและรอเวลา!”“ข้าก็อยากจะซ่อนความแข็งแกร่งและรอเวลา แต่ความแข็งแกร่งของข้าไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น”เซี่ยเชียนฮวันพึมพำนางเป็นหมอ เมื่อเห็นคนไข้ได้รับบาดเจ็บ นางก็ไม่สามารถอดกลั้นไม่ลงมือได้“วางความแข็งแกร่งของเจ้าไว้ข้างๆ แล้วคิดให้รอบคอบ หลี่จิ้งหย่ากล้าวางยาฮองเฮา แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ติดคุก แค่โดนปลดออกจากตำแหน่งพระชายาเท่านั้น ลองเปลี่ยนเป็นคนอื่นดูสิ? เจ้าแค่ต้องสงสัยว่าวางแผนการร้ายกับลูกสาวของขุนนางคนหนึ่ง แต่กลับถูกส่งไปสำนักคุมประพฤติจนได้กินซาลาเปาประทังชีวิต”เซี่ยเหยียนยก
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา