“ท่านอ๋องเพคะ อวี้เออร์รอคอยวันนี้มาเนิ่นนานเหลือเกินแล้ว ได้โปรดท่านอ๋องอย่าทิ้งอวี้เออร์ไว้เพียงลำพังได้หรือไม่"ซูอวี้เออร์เข้าไปดึงแขนเสื้อของเซียวเย่หลันเอาไว้ด้วยใบหน้าออดอ้อนร้องขอท่าทางที่ดูน่าสงสารเช่นนั้นของนาง ราวกับลูกสัตว์ตัวน้อยซึ่งถูกทอดทิ้ง ร้องขอความรักความเมตตาจากชายหนุ่มแผนนี้นางใช้ได้ผลตลอดมาชายหนุ่มล้วนรู้สึกทะนุถนอมหญิงสาวผู้บอบบาง และชื่นชอบให้หญิงสาวที่อ่อนแอเอ่ยร้องขออ้อนวอนตนแต่ทว่าเซียวเย่หลันกลับผลักมือของนางออกไปเบา ๆ กล่าวว่า “ข้าจะรีบกลับมา""ไม่ข้าไม่เชื่อ!”ซูอวี้เออร์ส่ายหน้านางรู้ดีว่าหากเสียโอกาสครั้งนี้ไปแล้ว ในอนาคตต้องการร่วมค่ำคืนเช่นนี้กับเซียวเย่หลันอีกก็คงยากเซียวเย่หลันอธิบายด้วยความอดทนว่า “หากเย่ซิ่นไม่มีเรื่องเร่งด่วนใด เขาจะไม่มาหาข้าโดยพลการเช่นนี้ คาดว่าคงจะมีเรื่องเร่งด่วนจริง ๆ ”“องครักษ์เย่เพียงแต่ไม่ชอบหม่อมฉันก็เท่านั้น มิเช่นนั้นเหตุใดทุกครั้งที่ท่านอ๋องมาหากระหม่อม เขาจะต้องหาเหตุผลทำให้ท่านอ๋องจากไปเสียทุกที"ซูอวี้เออร์พูดขึ้นด้วยท่าทางน้อยใจ“หาได้เป็นเช่นนั้น เจ้าอย่าคิดมากไป"เซียวเย่หลันทำได้เพียงปลอบโยน
มหาดเล็กเซวี่ยโมโหยิ่งนักแต่ต่อให้ตระกูลเซวี่ยต้องการปกปิดเรื่องนี้สักเพียงใด ทว่าบนท้องถนนมีผู้คนพบเห็นมากมายเหลือเกิน ไม่ช้าก็เร็วเรื่องนี้คงเผยแพร่ไปทั่วเมืองหลวง อีกอย่างจะให้พวกเขาส่งบุตรสาวเสียสติเข้าไปในจวนจ้านอ๋องเพื่อเป็นพระชายารองของเซียวเย่หลันได้อย่างไรเรื่องนี้ไม่อาจปิดบังได้อีกต่อไปด้วยความหวาดกลัวในอำนาจ ในที่สุดพวกเขาจึงทำได้เพียงเดินทางมาจวนจ้านอ๋องเพื่อให้คำชี้แจงต่อเซียวเย่หลันเซี่ยเชียนฮวันฟังที่เสี่ยวตงรายงานจบแล้ว นางก็ขมวดคิ้วครุ่นคิดนางทั้งสงสารเห็นใจเซวี่ยจวิ้น และกังวลถึงเรื่องราวเบื้องหลัง เกรงว่าจะไม่ได้เป็นเพียงการลักพาตัวสตรีไปกระชำทำเราธรรมดา ๆ “เหนียงเหนียงเพคะ คุณหนูรองตระกูลเซวี่ยน่าสงสารมากก็จริงอยู่ แต่เมื่อนางเป็นเช่นนี้ ท่านอ๋องคงไม่รับนางเข้าจวนแน่ ในอนาคตเรื่องราวในจวนอ๋องจะน้อยลงเรื่องหนึ่ง ก็ใช่ว่าจะมีแต่ผลเสียนะเพคะ” เสี่ยวตงกระซิบในฐานะบ่าวรับใช้ของเซี่ยเชียนฮวัน นางต้องอยู่ข้างเดียวและคิดแทนเซี่ยเชียนฮวันแน่นอนเซี่ยเชียนฮวันก้มหน้าลงแล้วส่ายหัวช้า ๆ “เจ้าคิดผิดไปเสียแล้วเสี่ยวตง การที่เซวี่ยจวิ้นถูกลักพาตัวไปนั้น หมายความว่าเ
“หัวใจของนางหยุดเต้นนานแล้ว สมองกำลังตายลง ตอนที่พบนางหากข้าอยู่ที่นั่นด้วยอาจมีโอกาสรอด แต่บัดนี้ข้าทำได้เพียงให้นางตื่นตัวก่อนจากไปอย่างสงบ”เซี่ยเชียนฮวันวางมือของชุนถงลงแล้วส่ายหน้าสิ่งที่นางพูด มหาดเล็กเซวี่ยและคนอื่น ๆ ไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่พวกเขาฟังคำว่าจากไปอย่างสงบออกชัดเจน“เพียงสามารถทำให้ชุนถงบอกว่าคนร้ายเป็นใครก็พอ!” มหาดเล็กเซวี่ยกล่าว“ข้าจะลองดู”เซี่ยเชียนฮวันหยิบเข็มหยกดำออกมาจากกล่องเซียวเย่หลันเห็นเข็มสีดำในมือของนาง จึงขมวดคิ้วขึ้นกล่าวว่า “เข็มเงินของเจ้าอยู่ไหน เจ้าใช้เข็มขึ้นสนิมเช่นนี้จะช่วยคนได้หรือ”“ขออภัยด้วย เข็มเล่มนี้เคยช่วยชีวิตน้อย ๆ ของเจ้าไว้”“เมื่อไร?”“ตอนที่เจ้าจำไม่ได้”เซี่ยเชียนฮวันไม่อยากเสียเวลาอธิบายให้เขาฟัง นางฝังเข็มลงไปยังหัวคิ้วของชุนถง อีกเล่มฝังลงไปยังยอดหัวกะโหลก เพียงแค่สองเข็มก็ทำให้คนที่ดูอยู่ด้านข้างหวาดกลัวไม่น้อยหากเป็นหมอคนอื่น อาจไม่กล้าฝังเข็มลงไปยังจุดเหล่านี้ หรืออาจเป็นลมทันทีที่ฝังเสร็จมีเพียงเซี่ยเชียนฮวันเท่านั้นที่มีความสามารถสูงส่งและกล้าหาญ แต่ละเข็มที่ฝังลงไป นางช่างสงบนิ่งไม่สั่นคลอน“แค่ก ๆ ...”
"หากไม่อยากให้จวิ้นเออร์แต่งเข้ามาในจวนอ๋อง เพียงบอกกับเราดี ๆ ก็ย่อมได้ เหตุใด... เหตุใดต้องใช้วิธีอันโหดเหี้ยมเช่นนี้ ทำลายความบริสุทธิ์ของจวิ้นเออร์...!"แม่เซวี่ยเห็นเซี่ยเชียนฮวันเป็นสตรีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตไปเสียแล้ว น้ำเสียงของนางเอ่ยขึ้นพร้อมน้ำตานองหน้า แต่ละคำราวแสดงความเจ็บปวดราวกับมีดกรีดหัวใจบรรดาขุนนางที่ถูกเชิญมาเป็นพยานต่างก็พากันแอบส่ายหน้า"พระชายาจ้านอ๋องนับวันยิ่งจิตใจโหดเหี้ยมขึ้นทุกที เดิมทีข้างคิดว่านางจะปรับปรุงนิสัยอันชั่วร้ายกลายเป็นคนดีแล้ว ใช้ความสามารถรักษาผู้เจ็บป่วย คิดไม่ถึงว่าแท้จริงแล้วจิตใจจะโหดเหี้ยม ยังคงเป็นคุณหนูแห่งจวนโหวผู้ชั่วร้ายดังเดิม”“ครั้งนี้นางทำเกินเหตุไปจริง ๆ "“นั่นสิ... บุตรสาวของมหาดเล็กเซวี่ยผู้บริสุทธิ์อ่อนช้อย กลับต้องมาถูกทรมานเสียจนเป็นบ้า”พวกเขาพากันกระซิบกระซาบมหาดเล็กเซวี่ยเป็นถึงมหาดเล็กผู้ที่ฮ่องเต้ให้ความโปรดปรานที่สุดแม้จะเทียบอัครมหาเสนาบดีหลี่ไม่ได้ แต่หนังสือที่เขากุมไว้ในมือมีความสำคัญยิ่งนัก จึงได้รับการเชื่อใจจากฮ่องเต้ บัดนี้เมื่อบุตรสาวของเขาถูกทำลายบริษัทความบริสุทธิ์ลง สร้างความอับอายขายหน้าให้แก่ต
"หากข้ากล่าวว่า ข้าไม่เคยให้ใครไปทำร้ายจวิ้นเออร์ เจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่"เซี่ยเชียนฮวันหันกลับมามองไปทางเซียวเย่หลันเซียวเย่หลันนิ่งเงียบไม่พูดสิ่งใดออกมาเขาไม่ได้ให้คำตอบอันแน่ชัดอย่างทันควันแม้เมื่อคืนนี้เขาจะเห็นเซี่ยเชียนฮวันอยู่ในจวนอ๋องก็จริง แต่เซวี่ยจวิ้นก็หายตัวไปตั้งแต่เมื่อคืนนี้เช่นกันจู่ ๆ น้ำเสียงของซูอวี้เออร์ก็ดังขึ้นในห้องโถง "ข้าได้ยินว่า คุณหนูรองเซวี่ยเคยไปหาพระชายาอ๋องที่โรงหมอ พระชายาอ๋องได้ให้ใบสั่งยาแก่นาง ในยานั้นอาจมีสิ่งผิดปกติก็ได้ ด้วยเหตุนี้คุณหนูรองเซวี่ยจึงถูกคนอื่นหลอกล่อไปง่าย ๆ ..."เมื่อครู่นางแอบฟังอยู่ข้างหลังฉากกั้น จึงได้ยินเรื่องราวทั้งหมดเซี่ยเชียนฮวันหันไปมองดูซูอวี้เออร์ด้วยแววตาเยือกเย็น เสื้อผ้าของนางไม่เป็นระเบียบ ผมเผ้ายุ่งเหยิงเล็กน้อย ดูเหมือนคืนนี้นางกับเซียวเย่หลันได้เกิดความสัมพันธ์กันแล้ว"ใบสั่งยาที่ข้าให้เซวี่ยจวิ้นนั้นเป็นเพียงยานอนหลับทั่วไป หมอทุกคนในโรงหมอล้วนเป็นพยานได้ พระชายารองซูเพิ่งจะขึ้นนั่งตำแหน่ง ก็รอไม่ไหวอยากจะใส่ร้ายข้าพร้อมกับคนนอกงั้นหรือ""พระชายาอ๋องเข้าใจผิดไปแล้ว ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้นเลย"ซ
คืนนี้เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมากเซี่ยเชียนฮวันวางมือลงบนท้องเบา ๆ และเต็มไปด้วยความกังวล โดยไม่รู้ว่าพรุ่งนี้นางจะได้รับผลลัพธ์แบบไหนในเวลาเพียงแค่คืนเดียว เกรงว่าจะเป็นเรื่องยากสำหรับเซียวเย่หลันที่จะค้นหาผู้กระทำความผิดที่แท้จริง!ตอนนี้นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อในตัวผู้ชายคนนั้น…ไม่รู้ว่ารอมานานแค่ไหนเซี่ยเชียนฮวันพยุงศีรษะของนางด้วยมือเดียว และงีบหลับท่ามกลางความกังวล“ท่านอ๋อง!”เสี่ยวตงตะโกน ทำให้เซี่ยเชียนฮวันตื่นขึ้นมานางขมวดคิ้วและลุกขึ้นยืน ในสายตาที่พร่ามัวของนาง ร่างของชายคนนั้นก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางแสงยามเช้า“ข้าเจอพวกอันธพาลที่ลักพาตัวเซวี่ยจวิ้นแล้ว”เสียงทุ้มลึกของเซียวเย่หลัน ลอยเข้าหูของเซี่ยเชียนฮวันนางเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ “จริงหรือ? เร็วมาก!”ใช้เวลาแค่คืนเดียวก็สามารถหาคนเจอได้!สมแล้วที่เป็นเขาต่อให้ตี๋เหรินเจี๋ยจะกลับชาติมาเกิด เกรงว่าจะต้องชื่นชมวิธีการสืบสวนที่น่าทึ่งของชายคนนี้อย่างไรก็ตาม การแสดงออกของเซียวเย่หลันกลับดูมืดมน ไม่สดใสเลยเขามองไปที่เซี่ยเชียนฮวันและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พวกเขาเปิดเผยชื่อของผู้
“เซียวเย่หลัน แม้ว่าท่านจะไม่เชื่อข้า แต่ท่านไม่เชื่อเสี่ยวตงหรือหลินซวี่ที่ท่านฝึกเป็นการส่วนตัวเหรอ?”เซี่ยเชียนฮวันกัดริมฝีปากของนาง ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธเซียวเย่หลันหรี่ตาลงและพูดอย่างใจเย็น “พวกเขาอยู่กับเจ้ามานาน จนกลายเป็นภักดีต่อเจ้าไปแล้ว”“ดี ดี...ท่านมีเหตุผลมาก” เซี่ยเชียนฮวันยิ้มอย่างขมขื่น “หากจิตใจของข้าเลวร้ายเพทุบายจริง แล้วพวกเขาจะภักดีกับข้าได้อย่างไร?”ทหารองค์รักษ์ของสำนักคุมประพฤติไม่ฟังคำอธิบาย ใส่กุญแจมือเซี่ยเชียนฮวันแล้วพานางไปเซี่ยเชียนฮวันทำได้เพียงตามพวกเขาไปเท่านั้นทุกย่างก้าว ทำให้นางมองย้อนกลับไปอย่างลึกซึ้ง“ในตอนแรกทุกคนล้วนบอกว่าเจ้าตายแล้ว แต่ข้าไม่เชื่อที่พวกเขาพูด ยืนหยัดตามหาเจ้า แต่ตอนนี้มีคนใส่ร้ายข้า บอกว่าข้าเป็นผู้บงการ เจ้ากลับเชื่ออย่างไม่สงสัย”“เซียวเย่หลัน การมาเป็นภรรยาท่าน คือความผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตนี้”เสียงหัวเราะของเซี่ยเชียนฮวันดังขึ้นเรื่อยๆไม่เพียงแต่หัวเราะกับความโหดเหี้ยมของชายคนนั้นเท่านั้น แต่ยังหัวเราะกับความโง่เขลาของตัวเองอีกด้วยเพราะนางคิดว่าเขาจะคืนความบริสุทธิ์ของนางได้จริงๆหลังจากรอทั้งคืน เขาก็
อาหารกระจัดกระจายไปทั่วพื้น กลิ่นเหม็นหืนก็แพร่กระจายออกไปและรุนแรงขึ้นโชคดีที่ตอนนี้เป็นฤดูหนาวมิฉะนั้นหากยุงและหนูถูกดึงดูดจะยิ่งเจ็บปวดกว่านี้เซี่ยเชียนฮวันยังคงมีอาการแพ้ท้อง จึงเป็นเรื่องปกติ ที่พอได้กลิ่นเปรี้ยวและเหม็นหืนเหล่านี้ จะไม่สามารถควบคุมความอยากอาเจียนได้จริงๆนางยกผ้าห่มขึ้น วิ่งไปอีกมุมหนึ่งของห้องแล้วอาเจียนออกมา“แค่กๆ...”เซี่ยเชียนฮวันอาเจียนออกมาเป็นน้ำดี ปากของนางเต็มไปด้วยรสขมมันอึดอัดมากจริงๆก่อนหน้านี้นางมีอาการแพ้ท้อง แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนี้ ทว่าตอนนี้กลับรู้สึกเหมือนจะตายจริงๆ“เฮ้ อย่าอ้วกออกมาข้างนอก!”ผู้คุมเห็นดังนั้น จึงใช้แส้ฟาดลูกกรงอย่างดุร้าย และหวิดจะโดนร่างเซี่ยเชียนฮวันอยู่หลายครั้งนางทำได้เพียงกุมท้องแล้วเดินกลับไปทันใดนั้นนางก็มีแผนในใจความแตกต่างระหว่างสำนักคุมประพฤติกับเรือนจำธรรมดาคือ จะมีคนคอยบันทึกทุกการเคลื่อนไหวของนักโทษ และสิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องรายงานต่อฮ่องเต้หากนางแสดงความเจ็บปวดมากขึ้น บางทีฮ่องเต้อาจจะใจอ่อนเพราะเห็นแก่สายโลหิตในท้องของนางเซี่ยเชียนฮวันเริ่มลงมือทันทีทันใดนั้นนางก็คุกเข่าลงกับพื้นโดยกุ