ในค่ายคบเพลิงถูกเผาไหม้ตลอดทั้งคืน บริเวณลานล่าสัตว์จึงมีแสงสว่างทั้งคืนด้วยเช่นกันฮ่องเต้นำทุกคนทานเนื้อสัตว์อย่างมีความสุข ดื่มเหล้าคำโต และชมนางกำนัลเต้นระบำรอบกองไฟ เหล่าข้าราชบริพารบางส่วนถ้าหากถูกฮ่องเต้ขานชื่อ ก็จำเป็นต้องเข้าแถวรอเต้นรำ เพื่อสร้างเสียงหัวเราะให้กับโอรสสวรรค์“ฉงเอ๋อร์ ในอดีตผู้ที่ล่าสัตว์ได้มากที่สุดล้วนเป็นเจ้าเจ็ดทุกครั้ง แต่คาดไม่ถึงว่าครั้งนี้เจ้าจะเป็นผู้ชนะ ไม่เลวเลยทีเดียว ข้ารู้สึกชื่นชมกับความก้าวหน้าของเจ้า!”ฮ่องเต้ทรงพอพระทัยมาก จึงชื่นชมองค์ชายรองต่อหน้าทุกคนองค์รัชทายาทที่นั่งประทับอยู่ข้างๆ กลับขมวดคิ้วมุ่น และกล่าวพึมพำว่า “ครั้งนี้น้องเจ็ดยังคงล่าสัตว์ได้มาก แต่ทว่า จนป่านนี้ก็ยังไม่กลับออกมาเสียที”บอกเพียงแต่ว่าจะเข้าป่าไปตรวจสอบอะไรบางอย่าง แต่มันใช้เวลานานขนาดนี้เชียวหรือ?ตอนนี้การแข่งขันล่าสัตว์ก็จบลงไปแล้ว องค์ชายรองก็ฉวยโอกาสหยิบชิ้นปลามันไปอย่างสบายๆ และคว้าตำแหน่งผู้ชนะ ทำให้มีหน้ามีตาขึ้นมา “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ประทานรางวัลให้กับลูก ในอนาคตลูกจะพยายามให้มากขึ้นกว่านี้ หากมีข้อผิดพลาดก็แก้เสีย แต่หากไม่มีก็ถือเป็นข้อเตื
“ร่างกายของเจ้ามีส่วนไหนบ้างที่ข้าไม่เคยเห็น”เซียวเย่หลันเหลือบมองนางอย่างเย็นชาเซี่ยเชียนฮวันทำปากจู๋ “มันไม่เหมือนกันสักหน่อย ตอนนั้นมันมืดท่านจะเห็นอะไรมากกัน แต่ตอนนี้มีแสงไฟสว่าง ถ้าหากข้าถอดเสื้อผ้า ไม่ใช่ว่าท่านจะมองเห็นอย่างชัดเจนหรือ?” “จะมืดจะสว่างข้าก็เห็นชัดเจนทั้งนั้น”เซียวเย่หลันส่งเสียงหึไม่เพียงแค่เห็นเท่านั้น แต่ยังได้สัมผัสอีกด้วยเวลานี้นางรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมาเซี่ยเชียนฮวันแก้มแดงเล็กน้อย เหตุการณ์บางอย่างที่ไม่ควรจำก็ปรากฏขึ้นในหัวของนาง นางหันหลังให้กับเซียวเย่หลันและกล่าวว่า “ข้าไม่สนเรื่องในอดีต แต่คืนนี้ท่านไม่ได้รับอนุญาตให้มองข้า”“ก็ได้ ข้าก็คร้านจะมองเจ้าเช่นกัน”เซียวเย่หลันนั่งลงโดยหันหลังให้กับเซี่ยเชียนฮวัน ดวงตาเย็นชาคู่นั้นจ้องไปยังสายลับชาวซีเหลียงทั้งสองคนที่ถูกมัดเป็นบ๊ะจ่างเซี่ยเชียนฮวันลอบมองเขา หลังจากที่แน่ใจว่าชายคนนั้นไม่หันกลับมา จึงถอดเสื้อนอกอย่างรวดเร็ว และนำไปแขวนเพื่อตากความจริงแล้ว ชุดชั้นในของนางก็เปียกโชกเช่นกันหลังจากลังเลอยู่สักพัก เซี่ยเชียนฮวันก็ถอดชุดชั้นในของนางอย่างเงียบๆ แล้วนำไปตากให้แห้งเช่นกันตอนนี้นา
“ว๊าย!!”เซี่ยเชียนฮวันกรีดร้องด้วยความตกใจนางล้มไปทางกิ่งไม้ที่แขวนเสื้อผ้าไว้เต็มไปหมด“ระวัง” เซียวเย่หลันเอื้อมมือไปรับนางเอาไว้เสียงโครมดังขึ้น แม้กระทั่งกิ่งไม้แขวนเสื้อก็ล้มลงไปกับพื้น ส่วนเซี่ยเชียนฮวันนั้นตกอยู่ในอ้อมกอดของเซียวเย่หลันในสภาพที่แทบจะเปลือยเปล่าทั้งสองต่างก็ใกล้ชิดกันจนถึงขั้นเนื้อแนบเนื้อวินาทีนั้น โลกทั้งใบก็ดูเหมือนจะหยุดนิ่งโดยพลันเซียวเย่หลันยังคงค้างอยู่ในท่ากอดเซี่ยเชียนฮวัน โดยศีรษะของเซี่ยเชียนฮวันยังฝังอยู่ในหน้าอกของเขา ทำให้ไม่กล้าขยับตัว และไม่กล้าจะส่งเสียงสุดท้าย เซียวเย่หลันจึงกระแอมไอออกมา ก่อนจะเปิดปากถามว่า “เจ้าไม่ได้ล้มใช่หรือไม่?”“ไม่...ไม่ได้ล้ม โชคดีที่ท่านรับไว้ทัน...”“แต่ข้าเริ่มเจ็บแผลนิดหน่อย”เขาโดนชาวซีเหลียงพวกนั้นฟันซ้ายฟันขวาไปข้างละที ถึงแม้จะเลี่ยงจุดตายไปได้ แต่ก็ยังคงมีบาดแผลทั่วร่าง ทุกการเคลื่อนไหวจะทำให้บาดแผลของเขาฉีกก่อนหน้านี้เขาเพิ่งทำให้สายลับสองคนหมดสติไป ทำให้แผลที่พันเริ่มมีเลือดไหลออกมาเพียงแต่ว่าเซียวเย่หลันไม่ชอบร้องด้วยความเจ็บปวด ความอดทนของเขาแข็งแกร่งมาก จนกระทั่งถูกเซี่ยเชียนฮวันล้มทั
ถ้าเมื่อครู่ เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกราวกับว่าถูกช้อนขึ้นมาจากห้องน้ำแข็ง และหนาวเย็นถึงกระดูกเช่นนั้น ตอนนี้นางก็รู้สึกเหมือนตกลงไปในเตาเผารู้สึกร้อนจนทนไม่ไหวนางอยู่ใกล้เขามากเกินไป จนรู้สึกถึงหน้าท้องของเขา และผมสีเข้มของเขาก็ตกลงมาที่คอของนาง“ท้องเริ่มใหญ่ขึ้นแล้วใช่ไหม?”ทันใดนั้นมือใหญ่ของเซียวเย่หลันก็ยกปิดหน้าท้องของนาง ทำให้นางอดตัวสั่นไม่ได้ และอยากจะโดดหนีโดยไม่ลังเลแต่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ นางจะหนีไปไหนได้เซี่ยเชียนฮวันตอบเสียงสั่นว่า “มันใหญ่ขึ้นนิดหน่อย ดังนั้น...ท่านอย่าแตะซี้ซั้ว”ดวงตาของชายผู้นั้นพลันเย็นชามือของเขาไม่อยู่นิ่ง ทุกๆ ที่ที่เขาสัมผัส ราวกับมีเปลวไฟเผาไหม้นาง ทำให้นางตัวสั่นเซี่ยเชียนฮวันจับแขนเซียวเย่หลันไว้แน่น พลางคิดในใจอย่างเงียบๆ ว่า “ผู้ชายล้วนเป็นสัตว์ป่า มือไม่มักอยู่ไม่สุข เจ้าไม่ควรเคลิบเคลิ้มไปกับเขา!”ดังนั้น นางจึงหยิกขาของเซียวเย่หลัน“ซี๊ด...”เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแค่หยิกไม่นับเป็นอะไรได้ ทว่ามันดันกระทบกับบาดแผลส่วนอื่นไปด้วย นี่สิที่ทำให้เซียวเย่หลันรู้สึกทรมานสุดท้ายเขาก็ปล่อยมือ และกดหัวของเซี่ยเชียนฮวัน กัดฟั
“เสด็จพ่อ บาดแผลของลูกค่อนข้างหนัก การแข่งขันล่าสัตว์ต่อจากนี้คงไม่อาจเข้าร่วมได้”ใบหน้าของเซียวเย่หลันยังคงเย็นชา เหมือนไม่รู้สึกว่าตัวเองได้ทำผลงานยิ่งใหญ่อะไรนักท่าทางไม่แยแสต่อชื่อเสียงและผลงานเช่นนี้ ยิ่งทำให้องค์ชายรองรู้สึกไม่สบายใจฮ่องเต้หัวเราะร่วนพลางโบกมือ “แน่นอนเจ้าต้องพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูร่างกาย! อย่างที่ข้าเพิ่งกล่าวไป นักโทษสองคนที่เจ้าจับมานั้นคือเหยื่อที่ดีที่สุด ข้าขอประกาศว่า การล่าสัตว์ในครั้งนี้ เจ้าคู่ควรกับอันดับหนึ่ง”“ขอแสดงความยินดีกับจ้านอ๋องด้วยพ่ะย่ะค่ะ”ขุนนางโดยรอบต่างประสานมือแสดงความยินดี“เจ้าเจ็ด ยินดีกับเจ้าด้วยนะ” องค์ชายรองยิ้มกว้างบนใบหน้า อย่างไรก็ตาม เล็บของเขากลับจิกเข้าไปในเนื้อไก่ฟ้าโดยไม่รู้ตัว“จริงสิ เจ้าพันผ้าพันแผลด้วยตัวเองหรือเปล่า?”ฮ่องเต้ชำเลืองมองบาดแผลที่ได้รับการจัดการอย่างหมดจดบนตัวของเซียวเย่หลันเซียวเย่หลันดวงตาหดแคบ “ขอรับ”“โอ้ ดูเหมือนว่าหลังจากที่เจ้าแต่งงานกับพระชายาจ้านอ๋องมาหลายเดือน กระทั่งทักษะแพทย์ก็ยังได้รับมาจากนางไม่น้อย”ฮ่องเต้พยักหน้า ไม่กล่าวอะไรมาก และไม่พูดถึงเซี่ยเชียนฮวันอีกเขาขี่ม้ากลับไปท
ด้วยป้ายคำสั่งของจ้านอ๋อง ในไม่ช้าเซี่ยเชียนฮวันก็พบเต็นท์ของอันติ้งโหวนางยกม่านเต็นท์ขึ้นแล้วก้าวเข้าไปข้างใน“เจ้าๆ เจ้าเป็นใคร?!”อันติ้งโหวสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ตัวเขานั้นแรงจะจับไก่ก็ยังไม่มี แต่ถึงกระนั้นก็กระวีกระวาดยกไม้เท้าขึ้นมา และเตรียมจะฟาดไปที่หัวของเซี่ยเชียนฮวันเพื่อปกป้องตัวเองเซี่ยเชียนฮวันหน้าถอดสี “ท่านพ่อ นี่ข้าเอง”เห็นท่าทางของท่านโหวแล้ว ช่างเหมือนบิดากลับชาติมาเกิดใหม่จริงๆ หากเป็นเช่นนั้นบิดาของนางก็คงประจบประแจงบรรพบุรุษเป็นอย่างดี แม้กระทั่งติดหนึ่งในร้อยขุนนางที่สามารถติดตามฮ่องเต้มาล่าสัตว์ได้ไม่รู้ว่าคนเลวพวกนั้นคิดอะไรอยู่ถึงได้วางแผนเล่นงานเขา“ฮวันฮวัน เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่?!”หลังจากอันติ้งโหวมองดีดี ก็พบว่าเป็นใบหน้าของบุตรสาวอันเป็นที่รัก เขาก็รู้สึกดีใจจนพูดไม่ออกเขาดึงมือเซี่ยเชียนฮวันขึ้นมา และมองลูกสาวอย่างละเอียด พลางรู้สึกปวดใจ “ดูสิเจ้าผอมลงเช่นนี้ได้อย่างไร! เฮ้อ ตั้งแต่เล็กจนโตเจ้าก็ถูกเลี้ยงดูเป็นอย่างดี แต่ตอนนี้กลับต้องกินอาหารมังสวิรัติในอารามชี แน่นอนว่าย่อมไม่ดีต่อร่างกาย”“ท่านพ่อ ท่านวางใจเถอะ ข้าสบายดี”มีบิดาเช่น
“ฮวันฮวัน เจ้าอยากพูดอะไร”อันติ้งโหวไม่ค่อยเห็นท่าทางจริงจังของบุตรสาวผู้นี้นัก ดังนั้นจึงรู้สึกไม่ชินเล็กน้อยเขากล่าวปลอบโยนอย่างเอาใจ “เจ้าอยากกินเนื้อ ดื่มเหล้า หรือว่าอยากได้หนุ่มรูปงามล่ะ? ไม่ต้องห่วงนะพ่อจะหาทางแอบส่งไปให้เจ้าเอง”“ท่านพ่อ ข้ากำลังพูดเรื่องจริงจังกับท่านอยู่นะ”เซี่ยเชียนฮวันพลันครุ่นคิดว่า ในใจของอันติ้งโหว นางเป็นคนเช่นนั้นหรอกหรือ?นางเล่าข้อมูลที่ชายสวมหน้ากากบอกให้อันติ้งโหวฟัง แต่ทว่าไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับชายสวมหน้ากาก บอกแค่ว่ามีคนส่งข่าวให้นางอันติ้งโหวขมวดคิ้วหลังจากที่ฟังจบ “ช่วงนี้อัครมหาเสนาบดีหลี่มักจะพุ่งเป้ามาที่ข้า แม้กระทั่งอยากให้ฝ่าบาทลดตำแหน่งของข้าลง หรือว่าเขาคิดจะทำอะไรบางอย่าง” “ค่อนข้างเป็นไปได้ ท่านพ่อ แล้วเซี่ยเหยียนล่ะ?” เซี่ยเชียนฮวันถาม“พี่ชายเจ้าไปดื่มเหล้านะ กระดูกผุๆ อย่างข้าทนความครื้นเครงไม่ไหว ซ้ำยังปวดเอวอีก เลยพักผ่อนอยู่ในเต็นท์จะดีกว่า”อันติ้งโหวพูดพลางใช้มือนวดเอวตัวเองไปด้วยเซี่ยเชียนฮวันกอดแขนเขาแล้วกล่าวฉอเลาะ “ท่านพ่อไม่แก่สักหน่อย เรียกว่าวัยกำลังเนื้อหอมถึงจะถูก”“หึหึ ปากของเจ้าเนี่ยนับวันยิ่งหวานข
“เจ้า นี่พวกเจ้า...”เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกว่านี่คงจะเป็นฉากที่น่าตกใจมากที่สุดในหนึ่งเดือนของนางมันน่าตกใจยิ่งกว่าคืนนั้น ที่นางกับหลินซวี่ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ และบังเอิญไปเจองูยักษ์ที่ตัวหนาเท่ากับชามฉากตรงหน้านางตอนนี้ คือฉากที่เซี่ยเหยียนกำลังกอดกับเฉิงกุ้ยเฟย!หรือถ้าจะพูดกันตรงๆ ก็คือเป็นเฉิงกุ้ยเฟยที่กำลังกอดเซี่ยเหยียนแน่นจากทางด้านหลัง ทั้งสองใกล้ชิดกันราวกับคู่รักที่รักกันอย่างดูดดื่มเพียงแต่ว่า สีหน้าของเซี่ยเหยียนกลับตกใจพอๆ กับเซี่ยเชียนฮวัน “ไม่ใช่นะ ฮวันฮวันฟังข้าอธิบายก่อน เรื่องนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าคิด”หัวของเขาส่งเสียงดังวิ้งวิ้ง คาดไม่ถึงเลยว่าจู่ๆ น้องสาวของเขาก็โผล่เข้ามา รู้สึกเหมือนถูกจับได้คาหนังคาเขาอย่างไรก็ไม่รู้เห็นได้ชัดว่า เฉิงกุ้ยเฟยก็คาดไม่ถึงว่าแขกที่ไม่ได้รับเชิญจะเป็นเซี่ยเชียนฮวัน นางจึงนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง“เซี่ยเหยียนจับนางไว้!”เซี่ยเชียนฮวันเห็นเฉิงกุ้ยเฟยอ้าปากเหมือนจะกรีดร้อง จึงรีบพุ่งเข้ามา พลางสั่งให้เซี่ยเหยียนจับเฉิงกุ้ยเฟยเอาไว้ และปิดปากไม่ให้นางส่งเสียงร้องออกมา“อื้ออื้ออื้อ!”เฉิงกุ้ยเฟยพยายามดิ้น ขณะถลึงตาใส่ด้วยควา