“ว๊าย!!”เซี่ยเชียนฮวันกรีดร้องด้วยความตกใจนางล้มไปทางกิ่งไม้ที่แขวนเสื้อผ้าไว้เต็มไปหมด“ระวัง” เซียวเย่หลันเอื้อมมือไปรับนางเอาไว้เสียงโครมดังขึ้น แม้กระทั่งกิ่งไม้แขวนเสื้อก็ล้มลงไปกับพื้น ส่วนเซี่ยเชียนฮวันนั้นตกอยู่ในอ้อมกอดของเซียวเย่หลันในสภาพที่แทบจะเปลือยเปล่าทั้งสองต่างก็ใกล้ชิดกันจนถึงขั้นเนื้อแนบเนื้อวินาทีนั้น โลกทั้งใบก็ดูเหมือนจะหยุดนิ่งโดยพลันเซียวเย่หลันยังคงค้างอยู่ในท่ากอดเซี่ยเชียนฮวัน โดยศีรษะของเซี่ยเชียนฮวันยังฝังอยู่ในหน้าอกของเขา ทำให้ไม่กล้าขยับตัว และไม่กล้าจะส่งเสียงสุดท้าย เซียวเย่หลันจึงกระแอมไอออกมา ก่อนจะเปิดปากถามว่า “เจ้าไม่ได้ล้มใช่หรือไม่?”“ไม่...ไม่ได้ล้ม โชคดีที่ท่านรับไว้ทัน...”“แต่ข้าเริ่มเจ็บแผลนิดหน่อย”เขาโดนชาวซีเหลียงพวกนั้นฟันซ้ายฟันขวาไปข้างละที ถึงแม้จะเลี่ยงจุดตายไปได้ แต่ก็ยังคงมีบาดแผลทั่วร่าง ทุกการเคลื่อนไหวจะทำให้บาดแผลของเขาฉีกก่อนหน้านี้เขาเพิ่งทำให้สายลับสองคนหมดสติไป ทำให้แผลที่พันเริ่มมีเลือดไหลออกมาเพียงแต่ว่าเซียวเย่หลันไม่ชอบร้องด้วยความเจ็บปวด ความอดทนของเขาแข็งแกร่งมาก จนกระทั่งถูกเซี่ยเชียนฮวันล้มทั
ถ้าเมื่อครู่ เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกราวกับว่าถูกช้อนขึ้นมาจากห้องน้ำแข็ง และหนาวเย็นถึงกระดูกเช่นนั้น ตอนนี้นางก็รู้สึกเหมือนตกลงไปในเตาเผารู้สึกร้อนจนทนไม่ไหวนางอยู่ใกล้เขามากเกินไป จนรู้สึกถึงหน้าท้องของเขา และผมสีเข้มของเขาก็ตกลงมาที่คอของนาง“ท้องเริ่มใหญ่ขึ้นแล้วใช่ไหม?”ทันใดนั้นมือใหญ่ของเซียวเย่หลันก็ยกปิดหน้าท้องของนาง ทำให้นางอดตัวสั่นไม่ได้ และอยากจะโดดหนีโดยไม่ลังเลแต่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ นางจะหนีไปไหนได้เซี่ยเชียนฮวันตอบเสียงสั่นว่า “มันใหญ่ขึ้นนิดหน่อย ดังนั้น...ท่านอย่าแตะซี้ซั้ว”ดวงตาของชายผู้นั้นพลันเย็นชามือของเขาไม่อยู่นิ่ง ทุกๆ ที่ที่เขาสัมผัส ราวกับมีเปลวไฟเผาไหม้นาง ทำให้นางตัวสั่นเซี่ยเชียนฮวันจับแขนเซียวเย่หลันไว้แน่น พลางคิดในใจอย่างเงียบๆ ว่า “ผู้ชายล้วนเป็นสัตว์ป่า มือไม่มักอยู่ไม่สุข เจ้าไม่ควรเคลิบเคลิ้มไปกับเขา!”ดังนั้น นางจึงหยิกขาของเซียวเย่หลัน“ซี๊ด...”เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแค่หยิกไม่นับเป็นอะไรได้ ทว่ามันดันกระทบกับบาดแผลส่วนอื่นไปด้วย นี่สิที่ทำให้เซียวเย่หลันรู้สึกทรมานสุดท้ายเขาก็ปล่อยมือ และกดหัวของเซี่ยเชียนฮวัน กัดฟั
“เสด็จพ่อ บาดแผลของลูกค่อนข้างหนัก การแข่งขันล่าสัตว์ต่อจากนี้คงไม่อาจเข้าร่วมได้”ใบหน้าของเซียวเย่หลันยังคงเย็นชา เหมือนไม่รู้สึกว่าตัวเองได้ทำผลงานยิ่งใหญ่อะไรนักท่าทางไม่แยแสต่อชื่อเสียงและผลงานเช่นนี้ ยิ่งทำให้องค์ชายรองรู้สึกไม่สบายใจฮ่องเต้หัวเราะร่วนพลางโบกมือ “แน่นอนเจ้าต้องพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูร่างกาย! อย่างที่ข้าเพิ่งกล่าวไป นักโทษสองคนที่เจ้าจับมานั้นคือเหยื่อที่ดีที่สุด ข้าขอประกาศว่า การล่าสัตว์ในครั้งนี้ เจ้าคู่ควรกับอันดับหนึ่ง”“ขอแสดงความยินดีกับจ้านอ๋องด้วยพ่ะย่ะค่ะ”ขุนนางโดยรอบต่างประสานมือแสดงความยินดี“เจ้าเจ็ด ยินดีกับเจ้าด้วยนะ” องค์ชายรองยิ้มกว้างบนใบหน้า อย่างไรก็ตาม เล็บของเขากลับจิกเข้าไปในเนื้อไก่ฟ้าโดยไม่รู้ตัว“จริงสิ เจ้าพันผ้าพันแผลด้วยตัวเองหรือเปล่า?”ฮ่องเต้ชำเลืองมองบาดแผลที่ได้รับการจัดการอย่างหมดจดบนตัวของเซียวเย่หลันเซียวเย่หลันดวงตาหดแคบ “ขอรับ”“โอ้ ดูเหมือนว่าหลังจากที่เจ้าแต่งงานกับพระชายาจ้านอ๋องมาหลายเดือน กระทั่งทักษะแพทย์ก็ยังได้รับมาจากนางไม่น้อย”ฮ่องเต้พยักหน้า ไม่กล่าวอะไรมาก และไม่พูดถึงเซี่ยเชียนฮวันอีกเขาขี่ม้ากลับไปท
ด้วยป้ายคำสั่งของจ้านอ๋อง ในไม่ช้าเซี่ยเชียนฮวันก็พบเต็นท์ของอันติ้งโหวนางยกม่านเต็นท์ขึ้นแล้วก้าวเข้าไปข้างใน“เจ้าๆ เจ้าเป็นใคร?!”อันติ้งโหวสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ตัวเขานั้นแรงจะจับไก่ก็ยังไม่มี แต่ถึงกระนั้นก็กระวีกระวาดยกไม้เท้าขึ้นมา และเตรียมจะฟาดไปที่หัวของเซี่ยเชียนฮวันเพื่อปกป้องตัวเองเซี่ยเชียนฮวันหน้าถอดสี “ท่านพ่อ นี่ข้าเอง”เห็นท่าทางของท่านโหวแล้ว ช่างเหมือนบิดากลับชาติมาเกิดใหม่จริงๆ หากเป็นเช่นนั้นบิดาของนางก็คงประจบประแจงบรรพบุรุษเป็นอย่างดี แม้กระทั่งติดหนึ่งในร้อยขุนนางที่สามารถติดตามฮ่องเต้มาล่าสัตว์ได้ไม่รู้ว่าคนเลวพวกนั้นคิดอะไรอยู่ถึงได้วางแผนเล่นงานเขา“ฮวันฮวัน เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่?!”หลังจากอันติ้งโหวมองดีดี ก็พบว่าเป็นใบหน้าของบุตรสาวอันเป็นที่รัก เขาก็รู้สึกดีใจจนพูดไม่ออกเขาดึงมือเซี่ยเชียนฮวันขึ้นมา และมองลูกสาวอย่างละเอียด พลางรู้สึกปวดใจ “ดูสิเจ้าผอมลงเช่นนี้ได้อย่างไร! เฮ้อ ตั้งแต่เล็กจนโตเจ้าก็ถูกเลี้ยงดูเป็นอย่างดี แต่ตอนนี้กลับต้องกินอาหารมังสวิรัติในอารามชี แน่นอนว่าย่อมไม่ดีต่อร่างกาย”“ท่านพ่อ ท่านวางใจเถอะ ข้าสบายดี”มีบิดาเช่น
“ฮวันฮวัน เจ้าอยากพูดอะไร”อันติ้งโหวไม่ค่อยเห็นท่าทางจริงจังของบุตรสาวผู้นี้นัก ดังนั้นจึงรู้สึกไม่ชินเล็กน้อยเขากล่าวปลอบโยนอย่างเอาใจ “เจ้าอยากกินเนื้อ ดื่มเหล้า หรือว่าอยากได้หนุ่มรูปงามล่ะ? ไม่ต้องห่วงนะพ่อจะหาทางแอบส่งไปให้เจ้าเอง”“ท่านพ่อ ข้ากำลังพูดเรื่องจริงจังกับท่านอยู่นะ”เซี่ยเชียนฮวันพลันครุ่นคิดว่า ในใจของอันติ้งโหว นางเป็นคนเช่นนั้นหรอกหรือ?นางเล่าข้อมูลที่ชายสวมหน้ากากบอกให้อันติ้งโหวฟัง แต่ทว่าไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับชายสวมหน้ากาก บอกแค่ว่ามีคนส่งข่าวให้นางอันติ้งโหวขมวดคิ้วหลังจากที่ฟังจบ “ช่วงนี้อัครมหาเสนาบดีหลี่มักจะพุ่งเป้ามาที่ข้า แม้กระทั่งอยากให้ฝ่าบาทลดตำแหน่งของข้าลง หรือว่าเขาคิดจะทำอะไรบางอย่าง” “ค่อนข้างเป็นไปได้ ท่านพ่อ แล้วเซี่ยเหยียนล่ะ?” เซี่ยเชียนฮวันถาม“พี่ชายเจ้าไปดื่มเหล้านะ กระดูกผุๆ อย่างข้าทนความครื้นเครงไม่ไหว ซ้ำยังปวดเอวอีก เลยพักผ่อนอยู่ในเต็นท์จะดีกว่า”อันติ้งโหวพูดพลางใช้มือนวดเอวตัวเองไปด้วยเซี่ยเชียนฮวันกอดแขนเขาแล้วกล่าวฉอเลาะ “ท่านพ่อไม่แก่สักหน่อย เรียกว่าวัยกำลังเนื้อหอมถึงจะถูก”“หึหึ ปากของเจ้าเนี่ยนับวันยิ่งหวานข
“เจ้า นี่พวกเจ้า...”เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกว่านี่คงจะเป็นฉากที่น่าตกใจมากที่สุดในหนึ่งเดือนของนางมันน่าตกใจยิ่งกว่าคืนนั้น ที่นางกับหลินซวี่ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ และบังเอิญไปเจองูยักษ์ที่ตัวหนาเท่ากับชามฉากตรงหน้านางตอนนี้ คือฉากที่เซี่ยเหยียนกำลังกอดกับเฉิงกุ้ยเฟย!หรือถ้าจะพูดกันตรงๆ ก็คือเป็นเฉิงกุ้ยเฟยที่กำลังกอดเซี่ยเหยียนแน่นจากทางด้านหลัง ทั้งสองใกล้ชิดกันราวกับคู่รักที่รักกันอย่างดูดดื่มเพียงแต่ว่า สีหน้าของเซี่ยเหยียนกลับตกใจพอๆ กับเซี่ยเชียนฮวัน “ไม่ใช่นะ ฮวันฮวันฟังข้าอธิบายก่อน เรื่องนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าคิด”หัวของเขาส่งเสียงดังวิ้งวิ้ง คาดไม่ถึงเลยว่าจู่ๆ น้องสาวของเขาก็โผล่เข้ามา รู้สึกเหมือนถูกจับได้คาหนังคาเขาอย่างไรก็ไม่รู้เห็นได้ชัดว่า เฉิงกุ้ยเฟยก็คาดไม่ถึงว่าแขกที่ไม่ได้รับเชิญจะเป็นเซี่ยเชียนฮวัน นางจึงนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง“เซี่ยเหยียนจับนางไว้!”เซี่ยเชียนฮวันเห็นเฉิงกุ้ยเฟยอ้าปากเหมือนจะกรีดร้อง จึงรีบพุ่งเข้ามา พลางสั่งให้เซี่ยเหยียนจับเฉิงกุ้ยเฟยเอาไว้ และปิดปากไม่ให้นางส่งเสียงร้องออกมา“อื้ออื้ออื้อ!”เฉิงกุ้ยเฟยพยายามดิ้น ขณะถลึงตาใส่ด้วยควา
“พระสนมกุ้ยเฟย อย่าโทษพวกข้าที่ทำกับท่านเช่นนี้ เป็นท่านที่ไร้เมตตาก่อน”“กลอุบายที่ท่านใช้กับเซี่ยเหยียนนั้นร้ายแรงเกินไป หากพวกเขาเข้ามาเห็นเซี่ยเหยียนกอดกับท่าน ท่านคงจะบอกว่าหลังจากที่เขาดื่มจนเมา ก็บุกเข้ามาทำมิดีมิร้ายท่าน”เซี่ยเชียนฮวันจ้องไปที่เฉิงกุ้ยเฟยเมื่อเรื่องนี้ถูกรายงานต่อฮ่องเต้ สถานเบาคือตัดหัวเซี่ยเหยียน สถานหนักคือเก้าชั่วโครตไม่ว่าเป็นกรณีใดพี่ชายของนางก็จะไม่รอดเฉิงกุ้ยเฟยแสดงท่าทางดูถูกเหยียดหยาม ก่อนพ่นหายใจออกมา แสดงท่าทีเย้ยหยันเซี่ยเชียนฮวันนางไม่เชื่อว่าสองพี่น้องจะกล้าทําอะไรกับนาง“ข้ารู้ว่าการต่อสู้ในวังหลังนั้นน่ากลัวมาก หลายปีที่ผ่านมาเกรงว่าคงมีนางสนมและทายาทมังกรจำนวนไม่น้อยที่ถูกท่านจัดการไป ในความคิดของท่าน ชีวิตของเซี่ยเหยียนนั้นไม่มีค่าอะไรเลย อย่างมากก็เป็นหินรองเท้าให้ท่านและโอรสของท่านเหยียบขึ้นไป”เซี่ยเชียนฮวันลุกขึ้น และหยิบจอกเหล้าที่เซี่ยเหยียนเคยดื่มขึ้นมาจากนั้นก็ดึงขวดยาขนาดเล็กออกมาจากอก ก่อนจะเทผงยาลงไปในเหล้า และกล่าวเสียงเรียบว่า “แต่เซี่ยเหยียนเป็นพี่ชายเพียงคนเดียวข้า ข้าไม่อาจปล่อยให้ท่านทำร้ายเขาได้”“อื้ออื้ออื้
“พี่ชาย พวกเราแก้มัดกุ้ยเฟยกันเถอะ”เซี่ยเชียนฮวันหยิบเสื้อผ้าของเฉิงกุ้ยเฟยไปวางอีกด้านหนึ่ง จากนั้นก็สั่งให้เซี่ยเหยียนแก้มัดให้เฉิงกุ้ยเฟยขั้นตอนสุดท้าย นอกจากนี้ยังเป็นขั้นตอนที่สําคัญที่สุด นั่นก็คือนำถุงเท้าเหม็นๆ ที่ยัดใส่ปากของเฉิงกุ้ยเฟยออก“ฮวันฮวัน เจ้าไม่คิดว่านางจะเรียกคนมาหรือ?”เซี่ยเหยียนรู้สึกไม่แน่ใจตอนนี้เฉิงกุ้ยเฟยกำลังโมโหสุดขีด ถ้าหากนางถูกโทสะครอบงำ และอยากตายไปพร้อมพวกเขาจริงๆ ล่ะเซี่ยเชียนฮวันแสยะยิ้ม “นางไม่ทำหรอก”“เจ้าแน่ใจได้อย่างไร?”“ด้วยความอัปยศที่เราทำกับนางในวันนี้ บางทีนางอาจจะอยากตายไปพร้อมกับพวกเราก็ได้ แต่ถ้าทำเช่นนั้น ชั่วชีวิตนี้ลูกชายของนางก็ไม่อาจเป็นฮ่องเต้ได้”ตอนนี้ที่องค์ชายรองสามารถฟื้นความโปรดปรานขึ้นมาได้ นอกจากความสามารถของตัวเองและการสนับสนุนของตระกูลหลี่แล้ว ก็ยังมีสาเหตุจากความโปรดปรานที่ฮ่องเต้มีต่อเฉิงกุ้ยเฟยว่ากันว่ามารดาพึ่งพาลูกชาย แต่สำหรับราชวงศ์แล้ว เป็นลูกชายที่พึ่งพามารดาชายผู้สูงศักดิ์ที่สุดในใต้หล้าเช่นฮ่องเต้ วังหลังมีสนมนับพัน ย่อมไม่ขาดแคลนโอรสที่ยอดเยี่ยม แต่สตรีที่สามารถได้รับความโปรดปรานจากเขามาหลาย
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา