ซูอินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามอย่างไร้เดียงสาออกไปว่า “พี่ซิวหนิง พี่หมายถึงอะไรคะ?”ในใจเธอแอบมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอยู่นิดหน่อยลู่ซิวหนิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังคงเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ออกไป“ไม่รู้ว่าใครที่เป็นคนส่งคลิปมา ในคลิปวิดีโอเป็นหลินเยว่เยว่ที่ดึงเธอ เธอถึงได้ล้มลงกับพื้น”ยิ่งซูอินได้ยินแบบนั้น สีหน้าของเธอก็ยิ่งซีดมากกว่าเดิมแต่ในใจลู่ซิวหนิงก็ยังคงมีคำถามอีกมากมายที่เขาอยากจะรู้“อินอิน ทำไมคุณถึงพยายามเข้าไปขวางซูหราน? แล้วยังบอกอีกว่าซูหรานเป็นคนผลักเธอ แต่เห็นได้ชัด......”ซูอินรู้สึกอารมณ์เสียอย่างมาก เธอจึงพูดขัดจังหวะลู่ซิวหนิง “พี่ซิวหนิง......”ทันทีที่เปิดปากพูด ซูอินถึงตระหนักได้ว่าน้ำเสียงของตัวเองเย็นชาเกินไปแม้ว่าลู่ซิวหนิงจะไม่มีความสามารถอะไรมากนัก แต่เธอก็ยังต้องการคนแบบนี้มาปกป้องเธออยู่ซูอินหายใจเข้าลึก ๆ และแสร้งทำเป็นน่าสงสารอีกครั้ง “พี่ซิวหนิงคะ พี่ก็รู้ ว่าพี่หรานหรานเคยเรียนเทควันโด เยว่เยว่กับพี่หรานหรานกำลังทะเลาะกัน ฉันกลัวว่าเยว่เยว่จะเสียเปรียบ เพราะงั้นฉันเลยต้องเข้าไปร่วมด้วย แต่ใครจะไปรู้......”ซูอินสะอื้น และพูดต่
ซูหรานทำได้เพียงยิ้มเบา ๆ และไม่ได้พูดอะไรอีกเหมือนว่าเธอจงใจปฏิบัติต่อผู้คนเหล่านี้ไม่ต่างจากตัวตลก ที่คอยพูดจาหยาบคายใส่เธอตอนนี้ปล่อยให้พูดไปก่อน พอถึงเวลาที่ต้องขอโทษเธอขึ้นมาเมื่อไหร่ จะได้สนุกยิ่งกว่านี้แน่ซุนฉินมองเห็นรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของซูหราน ทันใดนั้นก็ทำให้เกิดความกังวลขึ้นมาเล็กน้อยแต่ว่าเธอเองก็รู้ดี ว่าซูจี้ไห่นั้นก็เกลียดซูหรานอยู่เช่นกัน เธอจึงชักจูงให้ซูจี้ไห่เข้ามาช่วยเป็นกองหนุนอีกแรง “จี้ไห่ คุณต้องให้ความเป็นธรรมกับอินอินนะคะ......”ซูจี้ไห่ก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางหัวฟัดหัวเหวี่ยง แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไร เย่ถิงเซินที่มาด้วยกันก็ได้ยืนขวางหน้าเขาต่อให้เขาสวมเสื้อผ้าธรรมดา แต่ก็สง่างามราวกับเจ้าชาย และด้วยบุคลิกที่ดูสูงส่งเช่นนี้ จึงทำให้ซูจี้ไห่รู้สึกขาดความมั่นใจเล็กน้อยซูหรานเดินตรงไปนั่งลงบนโซฟาในวอร์ดด้วยการกระทำนี้ ก็ยิ่งกระตุ้นความโกรธของซูจี้ไห่และซุนฉินขึ้นไปอีก“เหอะ ไม่ทีท่าทีสำนึกผิดเลยแม้แต่น้อย เจ้าหน้าที่ พวกเราไม่ต้องการคำขอโทษแล้วล่ะ พวกเราจะใช้กฎหมายเข้ามาแก้ไขปัญหานี้เอง”ตำรวจหลายคนต่างก็มีท่าทางสับสนเหลือบมองไปยัง
แล้วซูอินก็ตระหนักถึงอะไรบางอย่างได้ ร่างกายของเธอก็แข็งทื่อทันทีตำรวจที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็ได้เห็นกลอุบายของซูอินเช่นกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจหนึ่งในนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “พรืด” ออกมาแม้ว่าเสียงหัวเราะจะหยุดลงในวินาทีต่อมา แต่สำหรับซูอินแล้ว กลับทำให้เธอต้องอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีใบหน้าซีดเซียวของซูอินเปลี่ยนเป็นสีแดงจากความอายชั่วขณะหนึ่งนั้น ความคับแค้นใจทั้งหมดก็มุ่งร้ายไปยังซูหรานทั้งหมดเป็นเพราะซูหราน เธอทำให้ฉันต้องอับอาย!“คุณหนูซูอินบอกว่าอยากจะขอโทษอย่างจริงใจ เรื่องนี้ผมก็เห็นด้วย ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ควรคุกเข่าขอโทษเถอะครับ” เย่ถิงเซินที่เอาแต่เงียบมาตลอดก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาเดิมทีที่เขามาด้วย ก็เพราะกลัวว่าซูหรานจะถูกรังแกแต่เห็นได้ชัดเลย ว่าซูหรานไม่ใช่คนที่จะถูกรังแกได้ง่าย ๆ ขนาดนั้นเย่ถิงเซินเหลือบมองไปที่ซูหรานด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความปลาบปลื้มอยู่ไม่น้อยซูหรานสบตากับเขา นึกไม่ถึงว่าเขาจะให้การสนับสนุนเธอ เธอยิ้มและพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อเป็นการขอบคุณ จากนั้นก็หันกลับไปมองที่ซูอิน“คุกเข่าขอโทษซะสิ!” ซูหรานเลิกคิ้ว แล้วก็ยิ้มร่าคุกเข่าเหรอ? มันจะเป
ปฏิกิริยาของเย่ถิงเซินทำให้ซูหรานต้องตกใจท่าทางของเขาทั้งสง่างามและดูสุภาพอยู่เสมอ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเขาอารมณ์เสียผ่านไปสักพัก บรรยากาศก็เริ่มแปลก ๆแต่ปฏิกิริยาของเธอ กลับถูกเย่ซือเหยียนคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้วเย่ซือเหยียนเม้มริมฝีปากของเธอด้วยความคับข้องใจ และมองไปทางเย่ถิงเซินด้วยความตกตะลึง “พี่คะ ก็แค่ชื่อเองไม่ใช่เหรอคะ? ถ้าพี่ไม่ชอบ ฉันไม่ชื่อว่า “อาเหยียน” ก็ได้นี่คะ”หลังจากพูดจบ เย่ซือเหยียนก็พูดกับซูหรานต่ออีกว่า “คุณซูคะ พี่ของฉันไม่ชอบ งั้นคุณเรียนฉันว่าซือเหยียนก็ได้ค่ะ”น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความผิดหวังเหมือนว่าเธอจะคาดหวังให้ตัวเองใช้ชื่อ “อาเหยียน” นี้มาก แต่เธอก็กลับไม่มีคุณสมบัตินั้นซูหรานเต็มไปด้วยความรู้สึกงุนงงเธอคิดว่าอาเหยียนที่พูดถึงคือเย่ซือเหยียนซะอีกแต่ดูเหมือนว่า อาเหยียนจะเป็นอีกคนงั้นเหรอ?จู่ ๆ ในใจซูหรานก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับ “อาเหยียน” คนนี้มาก แต่เนื่องจากเป็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่น จะให้เธอถามออกไปได้อย่างไรทั้งสามคนขึ้นรถของเย่ซือเหยียน จากนั้นก็หยุดอยู่ที่ร้านอาหารร้านหนึ่งเพื่อทานข้าว ในช่วงเวลานี้
ฟู่จิ้นหานยืนอยู่ตรงประตู แววตาของเขาจับจ้องไปทางซูหรานดวงตาสีเข้มคู่นั้น ราวกับมีความรู้สึกมากมายอัดแน่นอยู่ข้างในความรู้สึกที่ทั้งน่าอึดอัดและทรงพลังเหล่านั้นได้พุ่งทะลุไปยังซูหรานผ่านการจ้องมองของเขา จนทำให้ซูหรานรู้สึกเหมือนเห็นภาพซ้อนจนอธิบายไม่ถูก และมันยังทำให้เธอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น......ใบหน้าเล็ก ๆ ของซูหรานเปลี่ยนเป็นสีแดง“คุณมาที่นี่ทำไม?” ท่าทีของซูหรานดูไม่เป็นธรรมชาติสักเท่าไหร่จู่ ๆ เธอก็นึกถึงผู้สนับสนุนคนใหม่ของเขา เย่ซือเหยียน แววตาของซูหรานก็ดูเย็นชาขึ้นมาฟู่จิ้นหานขมวดคิ้วเห็นได้ชัดว่าเมื่อกี้ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเขินอาย แต่ทำไมจู่ ๆ เธอถึงเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมากะทันหันได้ ราวกับว่าเธอไม่ต้อนรับเขายังไงอย่างงั้นไม่ต้อนรับ......ฟู่จิ้นหานรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยแต่ไม่นานเขาก็คิดออกต่อให้ไม่ต้อนรับ เขาก็ต้องหน้าด้านอยู่ต่อ!รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของฟู่จิ้นหาน เขาเดินไปหาซูหราน แต่ซูหรานกลับไม่เข้าใจ เห็น ๆ อยู่ว่าเขาเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟในบาร์ แต่ทำไมท่าทีที่ดูสูงส่งสง่างามในตัวเขาถึงได้ดูเป็นธรรมชาติได้มากขนาดนี้กันอย่างกับเป็นพ
ซูหรานพยายามจัดการกับอารมณ์ของตัวเองไปตลอดทาง และหนีขึ้นไปบนดาดฟ้าในตอนที่รอบข้างไม่มีใคร ถึงทำให้เธอตระหนักได้ว่า หัวใจของเธอมันเริ่มเจ็บปวดตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้สายลมพัดเข้ามาปะทะกับใบหน้าของซูหราน แม้จะผ่านไปพักใหญ่ แต่ความเจ็บปวดที่อยู่ในใจก็ยังไม่คลายซูหรานไม่รู้เลยว่าตนยืนอยู่บนดาดฟ้านานแค่ไหนแล้ว จนกระทั่งมีเสียงเรียกเข้าที่ไม่คุ้นดังขึ้น ซูหรานถึงได้สตินั่นไม่ใช่เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของเธอเอง แต่กลับเป็นเสียงที่ดังมาจากกระเป๋าของเธอพอนึกถึงวีดีโอที่เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ส่งมาเมื่อคืนนี้ซูหรานก็หยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นออกมาทันที และเห็นว่าเป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย เธอจึงรับสายโดยไม่ลังเล“สวัสดีค่ะ?” น้ำเสียงที่ดูลนลานของซูหรานถูกส่งออกไปเธออยากรู้ว่าโทรศัพท์เครื่องนี้เป็นของใครกันแน่ เมื่อวานเป็นใครที่แอบช่วยเธอกันแน่“สวัสดีครับ” เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นจากปลายสาย น้ำเสียงฟังดูไพเราะเป็นพิเศษซูหรานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “คุณเป็นเจ้าของโทรศัพท์เครื่องนี้รึเปล่าคะ? ต้องขอโทษด้วยนะคะ ฉันเป็นคนเก็บได้เองค่ะ ขอถาม......”ซูหรานไม่รู้ว
ในขณะเดียวกัน ฟู่จิ้นหานเองก็หยุดฝีเท้าด้วยเช่นกัน“ซูหราน......” ฟู่จิ้นหานเผยรอยยิ้มออกมาเขาไม่แค่เพิกเฉยต่อความจริงที่ว่าซูหรานกำลัง “จ้องมอง” มาที่เขา แต่กลับดีใจที่ในที่สุดซูหรานก็ยอมพูดกับเขาแต่ครู่ต่อมา กะละมังน้ำเย็น ๆ ก็ถูกสาดเข้าไปที่หน้าของเขา“เลิกตามฉันสักที! ไม่อย่างนั้น......ฉันจะแจ้งตำรวจ”ซูหรานพูดด้วยคำพูดที่รุนแรง แล้วหันหลังกลับ และเรียกแท็กซี่ทันทีรอยยิ้มของฟู่จิ้นหานแข็งค้างอยู่บนใบหน้าของเขา หลังจากได้สติกลับมา แท็กซี่ก็ได้ขับออกไปแล้วห่างไปไม่ไกลนัก ฉู่อี้ที่อยู่ในรถก็เก็บสายตาที่มองไปทางฟู่จิ้นหานด้วยความพออกพอใจกลับ จากนั้นก็สตาร์ทรถ แล้วขับไปยังสถานที่ที่เขาและซูหรานนัดกันเอาไว้ไม่กี่นาทีต่อมา ฉินฟั่งที่มารับฟู่จิ้นหาน ก็ขับรถมาจอดอยู่ตรงหน้าเขา“คุณชายครับ เป็นอะไรรึเปล่าครับ?” ฉินฟั่งลงจากรถ ทันทีที่เห็นท่าทีของคุณชายเขา ฉินฟั่งก็เข้าใจสถานการณ์ได้ในทันทีว่าเขาน่าจะเหนื่อยจากเรื่องภรรยาของเขามาสีหน้าของฟู่จิ้นหานดูเย็นชา ขึ้นรถโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำฉินฟั่งกลับไปยังที่นั่งคนขับ จากนั้นก็ถามอย่างระมัดระวังว่า “คุณชายครับ พวกเรากลับโรงแรมกันเล
“พี่ของผม......”ฉู่อี้สบตากับซูหราน และเขาก็ค่อนข้างมั่นใจว่าคนที่ซูหรานนึกถึงในเวลานี้คือฟู่จิ้นหานแต่เขาก็ไม่คิดที่จะเปิดเผยความสัมพันธ์ออกไปในทันทีหลังจากค้างคำพูดไปครู่หนึ่ง ฉู่อี้ก็ถอนหายใจภายใต้สายตาที่ดูคาดหวังของซูหราน “พี่ชายของผมไม่ชอบผม ยิ่งไม่ชอบที่ผมเป็นดาราแบบนี้ เพราะงั้นเขาเลยไม่ชอบให้ผมพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเขาสักเท่าไหร่”ฉู่อี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาดูเศร้าราวกับสัตว์ประหลาดตัวน้อยที่เพิ่งได้รับบาดเจ็บมาในขณะที่พูด เขาก็หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาพร้อมกับเงยหน้ากระดกขึ้นดื่มซูหรานละทิ้งความอยากรู้อยากเห็นในใจไป และอดไม่ได้ที่จะปลอบใจเขา “คุณมีแฟนคลับมากมายขนาดนั้น แถมคุณยังเป็นคนจิตใจดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่นอีก พี่ชายของคุณจะต้องเห็นค่าของคุณเข้าสักวัน”ฉู่อี้ตกตะลึงจะต้องมีสักวันที่ฟู่จิ้นหานจะเห็นค่าในตัวเขางั้นเหรอ?ตั้งแต่เล็กจนโต ดูเหมือนว่าเขาพยายามทำให้เขาเห็นมาโดยตลอด รวมถึงการอยู่ในวงการบันเทิงนี่ด้วยเขารู้ดีว่าฟู่จิ้นหานไม่ชอบที่เขาเข้าวงการบันเทิง ดังนั้นเขาจึงยิ่งต้องทำในสิ่งที่ฟู่จิ้นหานไม่ชอบเขาคิดว่าพี่เขาอาจจะกลับมาสั่งสอนเขาเห
คิดจะใช้มุกนี้อีกแล้วเหรอ?ตีเธอหรือด่าเธองั้นเหรอ?ในเมื่อเธอขอมาแบบนี้ เช่นนั้นเธอก็จะสนองความต้องการให้เธอได้สมใจเอง!“เธอ......” มานี่ซูหรานยังพูดไม่ทันจบ ฟู่จิ้นหานก็ได้ส่งสัญญาณให้ฉินฟั่งเสียก่อนเรื่องทำร้ายคนแบบนี้ ทำไมต้องให้ซูหรานเป็นคนลงมือด้วยตัวกันล่ะ?ฉินฟั่งก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาอันรวดเร็วนั้น เขาก็ได้ตบหน้าซูอินไปหนึ่งทีเสียงเพี๊ยะดังขึ้น ไม่มีความปรานีใด ๆ ซูอินเดินเซจนแทบล้ม ยากที่จะทรงตัวเอาไว้ได้ ในหัวขาวโพลนไปหมด เหลือเพียงเสียงหึ่ง ๆ เท่านั้นใครกัน......ที่กล้าทำร้ายเธอได้ถึงขนาดนี้? !ทันทีที่ซูอินได้สติกลับมา เธอจึงมองไปที่ฉินฟั่งด้วยความโกรธฉินฟั่งได้รับการฝึกฝนมา เขาได้ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งที่บริษัทชิงอวิ๋น แถมยังได้รับอิทธิพลจากฟูจิ้นหานที่มีความเด็ดขาดในการต่อสู้อีกด้วย เพียงแค่สายตาเดียว ความกดดันของซูอินก็ถูกลดทอนลงไปทันทีแต่จะให้ซูอินยอมได้อย่างไร?เธอเป็นถึงหลานสาวแท้ ๆ ของตระกูลเย่ ฉินฟั่งคนนี้......ก็เป็นแค่สุนัขรับใช้ข้างกายฟู่จิ้นหานเท่านั้นต่อให้การตบเธอจะเป็นความต้องการของฟู่จิ้นหาน แต่มีคนมากมายอยู่ด้วยขนาดนี้ ห
ไม่จำเป็นต้องแก้ไขพินัยกรรมงั้นเหรอ?ซูอินดีใจมาก รู้สึกเหมือนได้รับความมั่นใจมากขึ้นแน่นอนว่าขอแค่เธอยังเป็นลูกสาวของฉินเหยียนอยู่ คุณท่านเย่ก็จะเห็นแก่หน้าฉินเหยียน และยอมรับทุกอย่างที่เป็นเธอครั้งนี้ ไม่ว่าคุณท่านเย่จะรอดมาด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่ไม่ว่ายังไงพินัยกรรมของคุณท่าน เมื่อกี้ทุกคนต่างก็ได้ยินอย่างชัดเจนกันหมดแล้วคุณท่านเย่ได้มอบทุกอย่างของตระกูลเย่ให้กับเธอ แม้ว่าวันนี้เธอจะยังไม่ได้รับช่วงต่อจากตระกูลเย่ แต่เธอก็ยังเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวอยู่ส่วนคนพวกนี้......ซูอินรู้สึกไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่เมื่อนึกถึงวิดีโอเมื่อกี้แล้ว ซูอินจึงหันไปมองซูหรานที่อยู่ข้าง ๆ คุณท่านเย่ทันทีในตอนนี้ เธอไม่มีเวลามามัวคิดว่าคลิปวิดีโอนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ คือการใช้ประโยชน์จากอำนาจเสียงของคุณท่าน เพื่อช่วยลบข้อครหาและปฏิเสธว่าคนในคลิปไม่ใช่เธอน้ำสกปรกนี้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ต้องสาดไปที่ซูหรานให้ได้เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซูอินก็ขมวดคิ้วทันที “หนูไม่สนใจของนอกกายพวกนั้นหรอกค่ะ แต่ถ้าหากแม่ของหนูที่อยู่บนสวรรค์รู้ว่าหนูถูกใส่ร้ายด้วยคลิปวิดีโอนั้น จนทำ
น้ำเสียงนั้นดูทุ้มต่ำ แต่ก็มีความโกรธที่ไม่สามารถปิดบังเอาไว้ได้ปนอยู่ซูอินเงียบและไม่มีการตอบสนองอยู่นาน ส่วนคนอื่น ๆ ที่อยู่ตรงนั้น ก็กลับมีสีหน้าที่ดูต่างกันออกไปพวกเขาเพิ่งจะได้ยินอะไรกันแน่?เย่ซินกลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง ก่อนจะกอดแขนตัวเองแน่น ราวกับพยายามขับไล่ความหนาวของเมื่อครู่นี้ที่แผ่ซ่านเข้ามาในร่างกายออกไปเธอหูฝาดไปรึเปล่านะ?เสียงนั้นน่ะ คือเสียงของคุณท่านจริง ๆ!แต่เห็น ๆ อยู่ว่าคุณท่านเสียชีวิตไปแล้ว แล้วร่างก็กำลังนอนอยู่ในโลงแก้วอีกด้วย จะมีเสียงออกมาได้อย่างไร?แต่เมื่อนึกถึงคำว่า “วิญญาณ” ขึ้นมา เย่ซินก็กลืนน้ำลายลงคอด้วยความตื่นตัวและเสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันนั้น ก็กลับยิ่งทำให้เย่ซือเหยียนมั่นใจในข้อสันนิษฐานก่อนหน้านี้ได้ และเข้าใจมากยิ่งขึ้นว่าการแสดงในวันนี้มีซูอินที่เป็นเป้าหมาย!เย่ซือเหยียนรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เธอสังเกตเห็นว่าทั้งเย่ถิงเซินและหยางซู พวกเขาสองคนไม่ได้มีปฏิกิริยาใด ๆ มากนักต่อเสียงของคุณปู่ในตอนนั้นเธอก็รู้ได้ในทันที ว่าทั้งสองคนเองก็มีส่วนร่วมในแผนการนี้ด้วยเช่นกันส่วนซูอิน......ตอนนี้ ในหัวของซูอินมันขาวโพลนไปหมดเธอเ
หน้าตาที่ดูไร้เดียงสาและอ่อนแอของซูอินแข็งทื่อทันทีชั่วขณะหนึ่ง เหมือนว่าหน้ากากนั้นของเธอจะถูกเจาะจนทะลุ สีหน้าเธอดูไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่ “พี่ซู พี่หมายความว่ายังไง?”“ฮึ หมายความว่ายังไงงั้นเหรอ? น้องอินอิน เธอคงไม่คิดว่าทุกคนจะโง่กันหมดหรอกใช่ไหม? ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันเจอเธอ ฉันก็เดาได้แล้ว ว่าเธอเป็นคนยังไง ต่อหน้าก็แสร้งทำตัวไร้เดียงสาและอ่อนแอ แต่ในความเป็นจริง ใจกลับดำมืดเต็มไปด้วยแผนการ คุณสนุกกับการใช้หน้ากากที่เธอสร้างขึ้นมาหลอกลวงทุกคน ฉันก็เลยเล่นตามน้ำกับเธอไป แกล้งทำเป็นเชื่อในความดีและความไร้เดียงสาของเธอ”เสียงของหยางซูดังกึกก้องทั่วทั้งศาลาไว้ทุกข์ซูอินฟังแล้วก็รู้สึกบาดหูเป็นพิเศษในตอนนี้ ใบหน้าที่เคยแสดงความไร้เดียงสาของเธอก็เริ่มมีความโกรธปรากฏขึ้นมานิดหน่อยที่อยางซูจะบอกก็คือ ทุกสิ่งที่เขาปฏิบัติต่อเธอ มันเป็นเพียงแค่การแสดงอย่างนั้นน่ะเหรอ?แล้วที่เมื่อวานเขารับปากเธอว่าจะใช้เส้นสายเรียกทนายอู๋มาล่ะ มันเพื่ออะไรกัน?มีคนอื่นอยู่ด้วย ซูอินจึงไม่สะดวกที่จะถามออกมาแต่เมื่อเธอจ้องไปที่ตาของหยางซู กลับทำให้หยางซูเข้าใจในทันทีว่าเธอกำลังคิดอะไร และคิดจะ
ฟู่จิ้นหานก้มหน้าสบตากับซูหรานแววตาของเธอดูมั่นคง มือที่กำเสื้อตรงหน้าอกของเขาก็ยิ่งบีบแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ฟู่จิ้นหานรู้สึกกังวลในใจไม่หาย แต่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ไม่สามารถขัดขืนซูหรานได้ฟู่จิ้นหานวางเธอลง แต่แขนของเขายังคงโอบเอวเธอเอาไว้อยู่ ท่าทางที่เขาปกป้องเธอนี้ ทำให้ผู้คนรอบข้างเกิดความคิดที่แตกต่างกันออกไปคนที่ตกใจและประหลาดใจที่สุด ก็คือเย่ซินฟู่จิ้นหาน......ผู้นำคนใหม่ของฟู่ซือกรุ๊ปคนนี้ เย่ซินเคยเห็นมาก่อนเขาจัดการกับฟู่ซือกรุ๊ปด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยม ซึ่งเป็นที่พูดถึงกันในจิงเฉิง แค่เธอได้ยินก็รู้สึกขนลุกทุกคนต่างก็พูดกันว่าฟู่จิ้นหานเป็นคนเย็นชาไร้ความรู้สึก แต่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอในตอนนี้ สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยน แววตาของเขาจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ บ้างก็เหลือบมองไปยังอีกด้าน แต่แววตากลับเปลี่ยนเป็นเฉียบขาดในทันทีท่าทีที่ฟู่จิ้นหานปฏิบัติต่อผู้หญิงคนนี้พิเศษมากจริง ๆเย่ซินอดไม่ได้ที่จะมองไปยังคนที่อยู่ข้าง ๆ ฟู่จิ้นหาน และนึกถึงชื่อที่พวกเขาเพิ่งจะเรียกเธอขึ้นมาเมื่อกี้หรานหราน......ซูหราน......เธอคือหลานสาวที่คุณท่านรับอุปการะมา
ทุกคนต่างก็ตกตะลึงไปชั่วขณะเสียงของผู้หญิงที่ดังออกมาจากโทรศัพท์มือถือ ได้รับการปรับแต่งมาอย่างละเอียดถึงจะฟังไม่ชัดเจนว่าเป็นของใคร แต่ก็กลับฟังออกว่าบรรยากาศค่อนข้างจะเข้มข้นภายใต้เสียงร้องของหญิงสาว กระทั่งการพูดด้วยคำพูดที่ดูเปิดเผยต่าง ๆ ทำให้คนที่อยู่ ณ ตรงนั้นแค่ได้ยิน สีหน้าของพวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปบ้างแล้วซูอินรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย และแอบบ่นลินเยว่เยว่ที่ทำการแปลงเสียง แต่ยังไงก็ช่างเถอะ ต่อให้จะฟังไม่ออกว่าเป็นเสียงของซูหราน แต่ภาพที่ทุกคนเห็นก็เป็นซูหราน ยังไงก็มีผลลัพธ์เดียวกัน!ซูอินเหลือบมองไปที่เย่ถิงเซินเธออยากเห็นมากที่สุด ก็คือปฏิกิริยาของเย่ถิงเซินหลังจากที่เขาเห็นว่าคนในคลิปคือซูหราน แต่เย่ถิงเซินเพียงแค่ขมวดคิ้ว และมีสีหน้าที่ดูไม่พอใจเท่านั้น เขากลับไม่หยิบโทรศัพท์ออกมาสักทีดูเหมือนว่าเย่ซินจะตกใจกับภาพที่เธอเห็นมาก เธอจ้องมองที่หน้าจอโทรศัพท์อย่างงงงวยภายในห้องไว้ทุกข์ เสียงของหญิงสาวยังคงดังกึกก้องอยู่ในบรรยากาศที่แปลกประหลาด ก็มีคนที่สองที่หยิบโทรศัพท์ออกมา และเปิดข้อความที่เพิ่งได้รับเมื่อสักครู่นี้อ่า......เสียงที่เหมือนกับก่อนหน้านี้ก็ดัง
“พวกเขาจะทำอะไร?”ในหัวเย่ซือเหยียนยังคงคิดไม่ตก ไม่สามารถคาดเดาภาพรวมของเรื่องราวได้เลยแต่เธอก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง: หากคุณท่านยังไม่ตายจริง ๆ เช่นนั้นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้มันก็คือกับดักและกับดักนี้ ถูกจัดเตรียมเอาไว้เพื่อใครอย่างนั้นเหรอ?เย่ซิน? ตัวเธอ? หรือว่า......ซูอิน?เย่ซือเหยียนรู้สึกโชคดีที่เธอค้นพบเรื่องนี้ได้ก่อน ไม่เช่นนั้น เธอก็อาจจะตกหลุมพรางไปด้วยส่วนซูอิน......ความเกลียดชังสะสมอยู่ในดวงตาของเย่ซือเหยียนไม่ว่ากับดักนี้จะถูกจัดเตรียมเอาไว้สำหรับใครก็ตาม วันนี้ก็ยังถือว่าเป็นโอกาสที่ดีในตอนนั้นแทบจะในทันที เย่ซือเหยียนโทรหาสายสายหนึ่ง และสั่งการกับคนที่อยู่ปลายสายหนึ่งประโยค หลังจากวางสาย ในใจเย่ซือเหยียนก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป......ในขณะเดียวกัน ณ ศาลาไว้ทุกข์ ซูอินยังคงเต็มไปด้วยความคาดหวังกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นอาการเป็นลมของเย่ซือเหยียนทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจอย่างมากรอจนกระทั่งพ่อบ้านจัดแจงให้คนพาเย่ซือเหยียนออกไป ซูอินก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ทนายอู๋ แต่สุดท้ายเธอก็รู้สึกกลัวว่าจะมีคนเห็นความลนลานของเธอ เธอจึงไม่กล้าพู
ดูเหมือนว่า ผู้ที่อยู่ในที่นั้นนอกจากท่านท่านเย่แล้ว ก็มีเพียงเย่ถิงเซินเท่านั้นที่สามารถตัดสินใจได้การกระทำนี้ ทำให้ซูอินรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เธอคือผู้สืบทอดที่ถูกต้องตามกฎหมายของตระกูลเย่ และนอกจากนี้ ทนายความอู๋คนนี้เองก็เป็นพยานในการทำพินัยกรรมของคุณท่านเย่อีกด้วย เขาก็ควรจะรู้ว่าผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากพินัยกรรมของคุณท่านคือใครเขาควรถามเธอ และให้เธอเป็นผู้ตัดสินใจสิถึงจะถูกเขากลับถือหางให้เย่ถิงเซินเป็นตัวหลักแต่ไม่นาน ซูอินก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก ที่ทนายอู๋คนนี้เป็นคนที่มีตาแต่ไร้แวว รอให้ประกาศพินัยกรรมออกมาก่อน ว่าเธอคือผู้สืบทอดทรัพย์สินของตระกูลเย่ จะทำให้คนเหล่านี้ต้องตื่นตระหนกอีกครั้งแน่นอน“เชิญทนายประกาศได้เลยครับ”คำพูดของเย่ถิงเซินแต่ละคำ ทั้งหนักแน่นและชัดเจนทนายความอู๋เปิดถุงเอกสารที่ปิดผนึกเอาไว้ท่ามกลางสายตาของทุกคน และนำพินัยกรรมที่อยู่ข้างในออกมา“ฉัน เย่ชิงเหอ ทรัพย์สินทั้งหมดที่อยู่ภายใต้ชื่อของฉัน จะถูกสืบทอดโดย......”ทนายความอู๋กำลังอ่านเนื้อหาของพินัยกรรม ทุกคนในศาลาไว้ทุกข์ต่างก็ตั้งใจฟัง และเมื่อถึงจุดนี้ สีหน้าของทุกค
“มันแน่นอนอยู่แล้ว”หยางซูจ้องมองไปที่ซูอิน เขาจะไม่บอกกับเธอ ว่าทนายคนนั้นได้อยู่ที่ไห่เฉิงเรียบร้อยแล้วทันทีที่คุณท่านกลับมาที่ไห่เฉิง ก็ได้ให้ทนายรีบมาที่นี่อย่างลับ ๆและการกระทำของซูอินในคืนนี้ ดูท่าแล้ว คุณท่านเองก็น่าจะมองสถานการณ์ออกตั้งแต่แรกแล้วเมื่อได้รับคำตอบที่แน่นอนจากหยางซู ซูอินก็ยิ่งมีความสุขมากกว่าเดิมเธอไม่กล้าที่จะลำพองตัวมากเกินไป เหมือนว่าเธอจะรู้สึกพอใจมาก จึงถอนหายใจออกมา “การที่สามารถทำตามความปรารถนาของคุณปู่ได้ ก็ถือเป็นสิ่งเดียวที่ฉันสามารถทำเพื่อคุณปู่ได้แล้วล่ะค่ะ”ซูอินลดสายตาลง ให้ดูเหมือนว่าเธอไม่มีความต้องการอะไรเลยจริง ๆแต่หยางซูกลับรู้จักธาตุแท้ของผู้หญิงคนนี้แล้วในที่สุดหยางซูก็ไม่สามารถอดทนต่อความเกลียดชังในใจได้ เขาจึงอ้างว่าตนรู้สึกเหนื่อย และต้องการพักผ่อน จึงขอให้ซูอินออกไปก่อนเมื่อกลับมาถึงห้อง ซูอินก็รีบวางแผนทุกอย่างที่เหลือทันทีเช้าวันถัดมา ทั้งวิลล่าก็เริ่มวุ่นวายตั้งแต่เช้าแล้วเมื่อวานได้มีการกำหนดให้เผาศพวันนี้ก่อนเริ่มการเผาศพ ก็ควรไปสักการะร่างของผู้เสียชีวิตเสียก่อนภายในโลงแก้วคุณท่านนอนอยู่ข้างใน ใบหน้าดูมีชีว