ทันใดนั้น รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนมุมปากของฟู่จิ้นหานเดิมทีเขาต้องการถามเธอว่า เธอรู้รึเปล่าว่าผลที่จะตามมาของการมาที่นี่จะเป็นอย่างไรแต่ในตอนนี้ เขาก็กลับไม่อยากที่จะถามอะไรอีกการที่เธอเป็นห่วงเขามาก! แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว!ส่วนเรื่องอื่น......ฟู่จิ้นหานจับข้อมือของซูหราน ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขา โน้มตัวลง และจูบไปที่ริมฝีปากของเธอประตูห้องถูกปิดลงซูหรานตกอยู่ในอาการงุนงง เธอถูกเขาจูบจนรู้สึกเวียนหัว กระทั่งเธอได้สติกลับมา เธอถึงได้สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติกับสามีตัวพ่อของเธอพฤติกรรมของเขาดูคล้ายกับปฏิกิริยาของเธอตอนที่เธอถูกวางยาสองครั้งนั้นมากเขาถูกวางยาอย่างงั้นเหรอ?“หรานหราน......” เสียงของฟู่จิ้นหานถูกกระซิบข้างหูของเธอ เขาอุ้มเธอไว้ และอยากที่จะอิงแอบแนบชิดกับเรือนร่างของเธอภายในห้อง อุณหภูมิเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วซูหรานแน่ใจได้ทันทีว่าเขาถูกวางยาเธอต้องการผลักเขาออกไป แต่เมื่อนึกถึงตอนที่สามีตัวพ่อเคยช่วยเธอเอาไว้ตั้งสองครั้ง พอตอนนี้ถึงตอนที่เขาลำบาก เธอจะไม่ช่วยเขาก็ดูเหมือนว่าจะขาดมโนธรรมไปหน่อย!ฟู่จิ้นหานไม่ยอมให้ซูหรานคิดมากไปกว่านี้การที่เธอถู
แววตาของฟู่จิ้นหานดูเย็นชา “เธอมาได้ยังไง?”นอกจากซูหรานแล้ว ก็มีเพียงแค่จี้เยี่ยนโจวเท่านั้นที่รู้ว่าเขาอยู่ที่นี่จี้เยี่ยนโจวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเผชิญหน้ากับความโกรธที่ซ่อนเร้นของฟู่จิ้นหาน แรงผลักดันของเขาก็อ่อนลงทันที “เย่ซือเหยียนพยายามตามหานาย ฉันก็เลยพาเธอมา ยะ......ยังไงก็เป็น......เพื่อนกัน”ฟู่จิ้นหานขมวดคิ้วหัวใจของจี้เยี่ยนโจวเต้นรัว ก่อนที่เขาจะอธิบายต่อไปอีกว่า “เดิมทีฉันก็ขึ้นมาด้วย แต่ฉันเพิ่งจะมีสายเข้ามา ฉันเลยขอให้เธอเข้ามาก่อน เมื่อกี้......ไม่เป็นไรใช่ไหม?”จี้เยี่ยนโจวเหลือบมองห้อง และรู้สึกว่าฉากตรงหน้านี้ค่อนข้างคุ้นตาทันใดนั้น เขาก็จับอะไรบางอย่างได้ รูม่านตาของเขาก็ขยายกว้างขึ้น “เมื่อคืนนี้นาย......คือใคร? นี่นายถูกคนอื่นจัดการมาใช่ไหม? เป็นผู้หญิงคนไหนกัน?”จู่ ๆ จี้เยี่ยนโจวก็มองดูฟู่จิ้นหานด้วยแววตาที่มาพร้อมกับข้อกล่าวหา “นายมีเซ็กส์ตอนที่นายเมามากขนาดนี้ แล้วสาวสวยคนนั้นล่ะ เป็นยังไงบ้าง?”ฟู่จิ้นหาน “......”เขารู้ว่าจี้เยี่ยนโจวกำลังเข้าใจผิดเขากลับไม่อยากอธิบาย แต่เพราะสายตาที่น่าตำหนิของจี้เยี่ยนโจวนั่น ดูเหมือนว่าเขาจะมองซูหรานด้
ในตอนแรกเขาไม่พอใจนิดหน่อย แต่ในไม่ช้า มุมปากของฟู่จิ้นหานก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเธอน่าจะเหนื่อยจากเมื่อคืนบางทีเมื่อกี้เธออาจจะแค่กำลังนอนอยู่ พอได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา ไม่ทันดูว่าเป็นใคร ก็กดตัดสายไป จากนั้นก็นอนหลับต่อฉากที่เขาคิดปรากฏอยู่ในหัวของฟู่จิ้นหาน ใบหน้าที่หล่อเหลาก็ยิ้มด้วยความพึงพอใจฟู่จิ้นหานมองดูเวลาครู่หนึ่ง และตัดสินใจรอจนกว่าเธอจะนอนจนเต็มที่ แล้วค่อยสั่งอาหารส่งไปให้เธอระหว่างทาง ฟู่จิ้นหานก็ดูสดชื่นขึ้นเย่ซือเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ เขา ในใจของเธอก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างกดทับเอาไว้อยู่ต้องบอกว่าเมื่อกี้เธอเองก็เพิ่งจะโดนเตือนมา ในเวลานี้การที่เธอเห็นว่าฟู่จิ้นหานหมกมุ่นอยู่กับผู้หญิงคนนั้นมากแค่ไหน เธอก็รู้ได้ในทันทีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้นค่อนข้างที่จะรับมือได้ยากเย่ซือเหยียนเองก็ไม่ได้รบกวนอะไรฟู่จิ้นหานอีกเธอขอให้จี้เยี่ยนโจวพาเธอมาส่งจนถึงโรงแรมไห่เฉิง จากนั้นเธอก็ลงรถแล้วเดินจากไปฟู่จิ้นหานได้รับสายโทรศัพท์กะทันหันจากบริษัทแห่งหนึ่ง ช่วงนี้เขาทำงานที่ซิงหลานจิวเวลรี่มาโดยตลอด น้อยมากที่จะเข้าตึกฟู่ซือกรุ๊ปไม่ว่าจะมีเอกสารอะไร
ก่อนที่ฉินฟั่งจะทันได้พูดจบ ฟู่จิ้นหานก็เหลือบมองเขาอย่างเย็นชา“พรุ่งนี้ค่อยคุย!” ฟู่จิ้นหานก้าวเท้ายาว ๆ ไปข้างหน้าจะมีเรื่องอะไรสำคัญไปมากกว่าการไปส่งข้าวให้ซูหรานกัน?“แต่......” แต่ถ้าจะให้พูดในวันพรุ่งนี้ เกรงว่ามันจะสายเกินไป!ฉินฟั่งมองตามหลังท่าทางที่มีความสุขของคุณชายที่กำลังจะหายไปจากสายตา จากนั้นก็ตกอยู่ในความรู้สึกสงสัยเห็นได้ชัดว่าเขาในเมื่อวานราวกับคนที่เพิ่งจะอกหักมา อารมณ์ค่อนข้างหดหู่ และต้องการที่จะอยู่ห่างจากโลกภายนอก แต่ผ่านไปแค่คืนเดียว ก็ดูเหมือนว่าเขาจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?ฉินฟั่งคิดว่า บางทีคุณซูอาจจะไม่ได้สำคัญสำหรับคุณชายขนาดนั้นก็ได้ ไม่เช่นนั้น เขาที่เพิ่งจะอกหัก จะหลุดพ้นจากความรู้สึกที่แตกสลายได้ไวขนาดนั้นได้ยังไง?และข่าวที่เขาเพิ่งจะได้รับเมื่อครู่......ฉินฟั่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเขาก็ตัดสินใจที่จะลืมมันไปในขณะเดียวกันนี้เอง ซูหรานก็ได้จัดการกับเรื่องในบริษัทจนเสร็จ เธอมองดูเวลา ตอนนี้ก็เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงสิบนาทีแล้วเป็นเวลาที่เหมาะที่จะออกไปทานอาหารกลางวันซูหรานเก็บข้าวของอย่างลวก ๆ จากนั้นก็หยิบกระเป๋
ฟู่จิ้นหาน? ? ?“อะไรที่บอกว่าตอนเช้าเธออยู่ที่บริษัท ตอนนี้น่าจะไม่อยู่แล้ว?”ตอนเช้าซูหรานน่าจะนอนชดเชยจากเมื่อคืนไม่ใช่รึไง?เปลือกตาของฉินฟั่งดีดตัวขึ้นด้วยความตกใจจากเสียงคำรามของเขา น้ำเสียงของเขาดูเศร้าเล็กน้อย “ตอนที่คุณกำลังจะออกไปเมื่อกี้ ผมก็พยายามบอกแล้ว ว่ามีเรื่องสำคัญที่ต้องบอกคุณ แต่คุณกลับบอกว่าพรุ่งนี้ค่อยคุย......”แม้ว่าเขาจะคุยกับอีกฝ่ายผ่านโทรศัพท์ แต่ฉินฟั่งก็ยังคงรู้สึกสั่นกลัวอยู่ดี“พูด!” ฟู่จิ้นหานเปิดปากพูดอย่างเย็นชา“คุณชายใหญ่เย่รอคุณซูอยู่ที่แผนกต้อนรับของซิงหลานจิวเวลรี่มาทั้งเช้าครับ ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเขาน่าจะออกไปข้างนอกด้วยกันแล้วครับ ในเวลานี้......”ทั้งสองก็น่าจะกำลังทานอาหารมื้ออร่อยด้วยกันอยู่ฉินฟั่งไม่กล้าพูดประโยคสุดท้ายอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ก็เงียบลงทันทีอีกนิดเดียวฉินฟั่งคงคิดว่าสายถูกตัดไปแล้ว เขาจึงลองเอ่ยปากพูดเพื่อเช็คสถานการณ์ “คุณชายครับ?”ในที่สุดก็มีเสียงตอบกลับจากคนในสาย“รีบค้นหาว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนเดี๋ยวนี้ แล้วก็......ต่อไปก็ให้นายเรียกเธอว่าคุณผู้หญิง!”ฟู่จิ้นหานกดวางสายโทรศัพท์ฉินฟั่งรู้สึกสับสน “......”ค
“ขอบคุณค่ะ คุณชายใหญ่เย่......” ซูหรานที่เพิ่งจะตกใจก็ค่อย ๆ สงบลง และรีบกล่าวขอบคุณเขาอย่างรวดเร็วเย่ถิงเซินส่งยิ้มให้ด้วยความอ่อนโยน “นี่ผมถึงขั้นเรียกคุณว่าซูหรานแล้วนะ แต่คุณยังเรียกผมว่าคุณชายใหญ่เย่อยู่เลย แบบนี้มันห่างเหินเกินไปรึเปล่าครับ?”ซูหราน “......”ถ้าไม่ให้เรียกว่าคุณชายใหญ่เย่ แล้วจะให้เรียกเขาว่าอะไรกันล่ะ? เย่ถิงเซินงั้นเหรอ? นั่นมัน......ไม่ค่อยสุภาพไปหน่อยมั้ง!“พี่ใหญ่เย่ เรียกผมว่าพี่ใหญ่เย่ก็ได้ครับ!” แววตาของเย่ถิงเซินมาพร้อมกับความรู้สึกเอ็นดู“ค่ะ พี่ใหญ่เย่!”ชื่อเรียกนี้ ไม่ห่างเหินเกินไป แล้วก็ไม่ล้ำเส้นเกินไป กำลังดีเลย!ไม่ไกลจากตรงนั้น ฟู่จิ้นหานเองก็เดินเข้ามาในสวนสนุกด้วยเช่นกันพอเห็นท่าทีพูดคุยและหัวเราะด้วยกันของพวกเขาทั้งสอง แววตาของเขาก็ดูเหมือนว่าต้องการที่จะสังหารใครสักคนคุณชายสามฟู่ผู้สง่างามอย่างเขา ในตอนที่เขาจัดระเบียบฟู่ซือกรุ๊ปใหม่ เขาคือผู้ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุด แถมยังเป็นคนที่เด็ดเดี่ยว แต่เมื่อถึงตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับซูหราน เขากลับไม่สามารถทำอะไรได้เลย ฉินฟั่งที่อยู่ข้าง ๆ เองก็ไม่กล้าส่งเสียงออกมาเลยด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่า
เย่ถิงเซินรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย ทำไมครั้งนี้ฟู่จิ้นหานถึงเอาแต่เฝ้าดูอย่างระมัดระวังอยู่ข้าง ๆ เขากลับไม่กล้าที่จะเข้ามาใกล้เลยด้วยซ้ำยังไงก็ตาม ยิ่งเป็นแบบนี้ก็ยิ่งน่าสนใจมากขึ้นไปอีกเย่ถิงเซินพาซูหรานเดินเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ฟู่จิ้นหานเองก็ลงจากรถแล้วตามไป เขาเดินเข้าไปอย่างเร่งรีบ แต่เมื่อเขาจะเดินเข้าไปในประตู เจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วก็ขวางเอาไว้“ขออภัยด้วยครับคุณผู้ชาย ไม่มีตั๋ว ก็เข้าไปไม่ได้ครับ รบกวนหลีกทางด้วยครับ เชิญสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีที่มีตั๋วเข้ามาได้ครับ” คนที่ตรวจตั๋วเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งบนใบหน้าเขามีรอยยิ้มที่เป็นมาตรฐาน และมีทัศนคติที่เป็นมิตรแต่สายตานั้นที่เขามองดูฟู่จิ้นหาน กลับเผยให้เห็นความคิดที่อยู่ภายในของเขาผู้ชายคนนี้เป็นคนที่หล่อ แถมยังแต่งตัวดีอีกต่างหาก แต่กลับคิดที่จะเข้างานฟรี ๆ ทั้งที่ไม่มีตั๋วฮึ......มีเขาเป็นผู้ตรวจตั๋ว ขอแค่ไม่มีตั๋ว ต่อให้จะเป็นยุงก็อย่าคิดที่จะผ่านเข้าไปได้ฟู่จิ้นหานถอยหลังออกมา ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขามืดมนจนไม่สามารถมืดมนได้มากกว่านี้อีกแล้วไม่เคยมีใครไล่เขาออกมาแบบนี้มาก่อนฉินฟั่งที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ในใจก็อดไม่ได้ที่จะ
ซูหรานและเย่ถิงเซินหันกลับไปมองพร้อมกันทันทีที่เห็นว่าใครอยู่ด้านหลัง สีหน้าของทั้งสองก็เปลี่ยนทันทีผู้ที่มาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเย่ซือเหยียนเย่ถิงเซินขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง ในเวลาแบบนี้เขากลับไม่อยากให้เย่ซือเหยียนเข้ามารบกวนแต่ก็น้อยมากที่เย่ซือเหยียนจะเห็นเย่ถิงเซินอยู่กับผู้หญิงคนไหนสักครั้ง และผู้หญิงคนนี้......สายตาของเย่ซือเหยียนค่อย ๆ ไล่ขึ้นไปบนหน้าของซูหรานในตอนที่ซูหรานเห็นเธอ ร่างกายของซูหรานก็แข็งทื่อ ต่อให้เธอจะสวมแว่นกันแดด แต่ซูหรานก็ยังจำเธอได้!เธอคือผู้สนับสนุนคนใหม่ของสามีตัวพ่อของเธอคิดไม่ถึง ว่าจะได้มาเจอเธอที่นี่แล้วสามีตัวพ่อของเธอล่ะ? เขาเองก็มาด้วยเหรอ?ซูหรานกวาดสายตามองไปรอบ ๆ โดยไม่รู้ตัว พอไม่เห็นเงาของสามีตัวพ่อของเธอ เธอถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่ครู่ต่อมา เธอถึงได้ค้นพบว่า เธอรู้สึกกลัวเล็กน้อยหากต้องเผชิญหน้ากับพวกเขาในตอนที่ทั้งสองยืนอยู่ด้วยกันอีกครั้งโดยเฉพาะหลังจากเมื่อคืนนี้ เธอเองก็รู้สึกอึดอัดอยู่นิดหน่อยเย่ถิงเซินสังเกตเห็นว่าสีหน้าของซูหรานไม่ค่อยดี เขาจึงถามด้วยความเป็นห่วง “ซูหราน คุณโอเคใช่ไหม?”จากข้อมูลที่เขามี