ไห่ถง "ตามคำแนะนำของหมอ ต้องให้เขาอยู่ในโรงพยาบาลสักสองสามวัน และรอจนกว่าเขาจะฟื้นตัวจากเจ็ดหรือแปดในสิบของร่างกายก่อน จึงจะออกจากโรงพยาบาลได้ งานของเขา... เงินเดือนของเขา..."จ้านหยินนอนโรงพยาบาล ไห่ถงหวังว่าจะได้มีโอกาสพักผ่อนอย่างเต็มที่สักสองสามวันบริษัทเป็นของเจ้านาย ไม่ใช่เขาสักหน่อย ป่วยขนาดนี้แล้วยังต้องทำงานหนักเพื่อเจ้านายอีกเหรอ?ผู้จัดการทั่วไปรีบพูดว่า "คุณหนูไห่ ไม่ต้องกังวล พวกเราจะรับช่วงต่องานของประธานจ้านเอง เมื่อประธานจ้านรับการรักษาในโรงพยาบาล พวกเราสัญญาว่าจะไม่รบกวนเขาในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงาน ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในช่วงเดินทางทำงานต่างเมือง ซึ่งจะไม่กระทบต่อเงินเดือนของเขา”จ้านซื่อกรุ๊ปทั้งหมดเป็นของประธานจ้าน แต่ภรรยาประธาน กลับถามเกี่ยวกับเงินเดือนของประธานจ้านอย่างน่าประหลาดใจ เพราะกังวลว่าเขาจะไม่ได้รับเงินเดือน ช่วงที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล"ขอบคุณค่ะ"ไห่ถงขอบคุณ และรู้สึกว่าผู้ชายได้ลาหยุดพักร้อนสองสามวัน โดยยังได้รับค่าจ้าง“คุณหนูไห่ พวกเรายังต้องดูแลประธานจ้านที่นี่อีกไหมครับ?”ไห่ถงถามว่า “เขาต้องให้น้ำเกลืออีกกี่ขวดคะ?”“อีกขวดเดียวครั
หลังจากส่งข้อความไปแล้ว เธอก็ยัดโทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อตอนนี้ดึกแล้วและทุกคนกำลังนอนอยู่ เธอไม่คาดหวังที่จะได้รับคำตอบทันทีจ้านหยินค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นเมื่อเขาลืมตาขึ้นและเห็นไห่ถง เขาจงใจดูประหลาดใจ ราวกับว่าเขาไม่เชื่อว่าจะได้เห็นไห่ถง เขายกมือข้างที่ไม่ได้เจาะสายน้ำเกลือ ขยี้ตาและพึมพำกับตัวเองว่า "เป็นเพราะพิษไข้ทำให้สับสนไป? ตาเลยฝาด ฉันจะเห็นถงถงได้อย่างไร"ไห่ถงดึงมือของเขาลง แล้วหยิกหลังมืออย่างแรง"โอ๊ย!"“เจ็บมั้ย?”ไห่ถงถามเขาจ้านหยินมีสีหน้าน่าสงสารและพูดว่า "เจ็บ มันเจ็บมาก"“ถ้ามันเจ็บก็ใช่แล้ว นี่คือความจริง ไม่ใช่ความฝัน ฉันบอกว่าถ้าไม่ไปหาหมอ ฉันจะฆ่าคุณเอง”จ้านหยินกำลังจะลุกขึ้นนั่ง“นอนลงก่อนค่ะ อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว อาการไข้ยังไม่ลดลงเลย คุณจะไปทำอะไรได้”ไห่ถงจับเขาไว้แล้วพูดว่า "นอนลงเถอะ ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง?"“อุณหภูมิลดลงแล้ว แต่ไข้ยังไม่หายสนิท เจ็บคอ เวลาพูดเสียงก็แหบ และไอตลอด”จ้านหยินไออีกสองครั้ง“เริ่มไออีกแล้ว ถงถง ไปขอหน้ากากอนามัยจากพยาบาลมาใส่สิ ฉันเป็นไข้ และมันติดต่อได้”เขาเอื้อมมือไปกดกริ่งข้างเตียง หลังจากพยาบา
จ้านหยินพูดในใจว่า "บริษัทนี้เป็นของฉัน"ไห่ถงพูดต่อ "นั่นคือคุณตงเป็นผู้จัดการทั่วไปของสาขาที่นี่หรือเปล่า เขาแนะนำตัวเองแบบนี้"“เขาบอกว่า คุณต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลสักสองสามวัน ช่วงนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรทั้งนั้น พักผ่อนให้เพียงพอ ปกติคุณจะดูสุขภาพของตัวเองดีมาก แต่คุณมักจะยุ่งและเหนื่อยตลอด ซึ่งทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง และความเจ็บป่วยง่าย"“ตอนนี้คุณกำลังลาโดยได้รับค่าจ้าง และคุณตงยังบอกอีกว่าฉันมาดูแลคุณ ก็จะคำนวณเงินเดือนของฉัน พวกเขาพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว”ไห่ถงรู้สึกควรที่จะทำงานในบริษัทใหญ่ และมีความรอบคอบมาก พวกเขาคำนวณเงินเดือนให้เธอ ดยไม่จำเป็นต้องให้คนในครอบครัวพูดออกมาจ้านหยินกำลังกินโจ๊กและพึมพำในใจว่าเป็นเงินของฉันแต่กลับไม่กล้าพูดออกไป“ต้องนอนโรงพยาบาลกี่วันครับ แค่เป็นหวัด มีไข้ ฉันจะออกจากโรงพยาบาลตอนรุ่งสางและพักผ่อนที่บ้านพัก แล้วฉันค่อยมาฉีดยาเข้าเส้นเลือดทุกวัน ฉันไม่อยากนอนโรงพยาบาล ฉันไม่ชอบมาโรงพยาบาลที่สุด”ไห่ถงพูดอย่างโกรธ ๆ “ ใครชอบมาโรงพยาบาลกัน? แต่คุณป่วยและไม่มาโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษา แล้วจะหายไหม คุณดูนะ ถึงแม้จะกินยาเข้าไปก็ไม่ได้ผล เป็
ไห่ถงยกมือขึ้นทันที และพูดว่า "จ้านหยิน อย่าพูดแบบนั้นอีก เสียงของแหบแห้งของคุณ และแม้ว่าคุณจะลากหางเสียงยาวออกไป ได้ยินแล้วก็ขนลุก คุณอยากจะอยากจะแอ๊บแบ๊ว แต่ไม่มีเห็นว่าจะแอ๊บแบ๊วตรงไหนเลย เสียงน่ากลัวมาก ขอจูบๆ แค่นั้นก็พอ คุณอย่าแอ๊บแบ๊วเลย ฉันกลัวการแอ๊บแบ๊วของคุณ แถมยังทำให้ขนหัวของฉันลุกอีก”จ้านหยินมองเธอด้วยสายตาไม่พอใจเขาไม่ต้องการที่จะแอ๊บแบ๊วเช่นกันและก็แอ๊บแบ๊วไม่เป็นยังโชคดีที่ตอนนี้เสียงของเขาแหบแห้ง ถ้าเสียงไม่แหบแห้ง เขาก็จงใจเปลี่ยนเสียง และไห่ถงก็จะด่าเขาออกมาแน่นอนไม่เป็นไร ต่อไปจะไม่ทำอีกไห่ถงทำตามคำขอของเขาและจูบบนใบหน้าของเขาเบา ๆ จากนั้นถามเขาว่า "พอใจหรือยัง?"เมื่อเธอจูบ จ้านหยินก็หลับตาและสัมผัสได้ถึงจูบอันอ่อนโยนของเธอจากหัวใจของเขา แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากอนามันอยู่ แต่เขาก็ไม่รู้สึกถึงความอบอุ่น แต่เขาสัมผัสได้ถึงความรักที่เธอมีต่อเขาใช่แล้ว มันคือความรักจ้านหยินหัวใจเต็มเปลี่ยนไปด้วยความพอใจเขาพอใจกับริมฝีปากของเธอมากกว่า ตอนที่เธอล้อเล่นตามปกติ เพราะเธอจูบเขาด้วยความรู้สึก ไม่ใช่ด้วยหัวใจที่หยอกล้อไห่ถงเอื้อมมือออกไปและสัมผัสใบหน้าของเขา
ไห่ถงเห็นเขายังคงมองเธออยู่ เธอจึงวางมือถือลง ลุกขึ้น โน้มตัวแล้วจูบเขาที่หน้าผากอีกครั้งเธอพูดด้วยเสียงแผ่วเบา: "ไปนอนซะ"จากนั้นฉันก็อดไม่ได้ที่จะแตะหน้าผากของเขาอีกครั้ง“มีปรอทวัดไข้ไหม ฉันจะช่วยวัดอุณหภูมิ แตะยังไงก็ยังร้อนอยู่ กินยาแล้วไข้ก็ยังไม่ลงเลย”จ้านหยินพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า "ผมไม่รู้ว่าที่นี่มีปรอทวัดไข้หรือเปล่า"“ฉันจะไปที่โต๊ะพยาบาลแล้วถาม”ไห่ถงหยิบมือถือขึ้นมาแล้วเดินออกไปทันทีที่เธอจากไป โทรศัพท์ของจ้านหยินก็ดังขึ้นเป็นสายจากซูหนานจ้านหยินรับสาย“ดึกดื่นขนาดนี้ยังไม่นอนอีกเหรอ?”“ฉันตื่นจากการงีบหลับและเช็คโทรศัพท์เป็นนิสัย เห็นข้อความจากภรรยานายบอกว่าเธอมาถึงอย่างปลอดภัย ในเมื่อฉันตื่นฉันก็เลยคิดว่าจะโทรมาเช็คดูอาการนาย นายไข้ลดลงหรือยัง?”จ้านหยินตอบอย่างเฉยเมย: "ไข้ยังไม่ลดลงเลย หมอบอกว่าฉันควรนอนโรงพยาบาลอีกสักสองสามวัน พวกเขาแค่ต้องการหาเงินเพิ่ม"ผู้ป่วยมักจะมีความคิดเช่นนั้น โดยคิดว่าอาการของตนเองไม่ร้ายแรง และเมื่อแพทย์แนะนำให้เข้าโรงพยาบาล พวกเขาก็เชื่อว่าเป็นเพียงการหารายได้นายน้อยจ้านไม่สนใจเรื่องเงิน เขาเกลียดการนอนบนเตียงในโรงพยาบาล
“คุณอยากดื่มน้ำไหม?”“ไม่อยากดื่มแล้ว กลัวต้องเข้าห้องน้ำบ่อย ไม่สะดวกเข้าห้องน้ำตอนนี้”ไห่ถงหยุดพูดทันทีจ้านหยินยังไม่อยากนอน และไห่ถงก็ไม่ดูวิดีโออีกต่อไป พวกเขาคุยกัน แต่ส่วนใหญ่เป็นเขาพูดและเธอกำลังฟังขณะที่เธอฟังเขาพูดถึงเรื่องนี้ จ้านหยินก็ค่อยๆ รู้สึกว่าเปลือกตาของเขาเริ่มหนักและค่อยๆ หลับไปเมื่อให้น้ำเกลือเสร็จแล้ว ไห่ถงก็เรียกพยาบาลให้เปลี่ยนขวด หลังจากนั้นเธอก็กลับไปที่เตียงที่จัดให้ญาติผู้ป่วยและเริ่มเล่นโทรศัพท์ใช่แล้ว เปลือกตาของเธอเริ่มหนักขึ้นและเธอทนไม่ไหวอีกต่อไปไห่ถงไม่กล้าเล่นโทรศัพท์อีกต่อไปด้วยความกลัวที่จะหลับไป เธอลุกจากเตียง ไปเข้าห้องน้ำ ถอดหน้ากากอนามัยออก และล้างหน้าด้วยน้ำเย็นเพื่อปลุกตัวเองให้ตื่นเธอยังคงตื่นอยู่จนกระทั่งหยดน้ำเกลือของจ้านหยินขวดสุดท้ายหมด เธอปลุกจ้านหยินให้กินยาของเขาแล้วงีบหลับบนเตียงญาติผู้ป่วยวันรุ่งขึ้น ไห่ถงถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์ของเธอพี่สาวเธอโทรมา.."พี่"“ถงถง จ้านหยินโอเคไหม?”ไห่หลิงถามด้วยความกังวลไห่ถงลุกขึ้นนั่งและมองไปที่จ้านหยินบนเตียงผู้ป่วย เธอเห็นว่าเขายังหลับอยู่ เธอเดินเข้าไปและเอื้อมมือไปแตะหน
หลังจากที่หมอได้ตรวจคนไข้เสร็จแล้ว พยาบาลก็มาเปลี่ยนน้ำเกลือให้จ้านหยินอีกครั้งไห่ถงมองเขา ขณะที่คุณตงไปรับใบสั่งยาของจ้านหยิน แล้วเอาไปที่ร้านขายยาข้างนอกเพื่อจัดยาจ้านหยินจ้องไปที่ขวดยาและคิดว่าจะหลีกเลี่ยงการดื่มยาจีนได้อย่างไร?“จ้านหยิน คุณเป็นอะไรไป?”เมื่อเห็นจ้านหยินจ้องมองขวดยาอย่างไม่กระพริบตา เหมือนเหม่อลอย ไห่ถงก็ถามด้วยความเป็นห่วง: "คุณรู้สึกไม่สบายตรงไหนไหม?""ถงถง"จ้านหยินจับมือของเธอ แล้วพูดอย่างอ้อนวอน: "ฉันขอกลับไปใช้ยาแผนตะวันตกได้ไหม ฉันไม่ชอบดื่มยาจีน มันขมมาก"“หวานเป็นลม ขมเป็นยา นอกจากนี้ คุณไม่ได้บอกเหรอว่ายาแผนตะวันตกมีผลข้างเคียงมาก ก็เลยเปลี่ยนมาใช้ยาจีนแทนแล้วกัน”ไห่ถงดึงมือกลับมา บีบหน้าของเขาอย่างสนุกสนาน "แม้แต่คนอย่างจ้านหยินก็ยังมีสิ่งที่กลัว"จ้านหยินจับมือของเธออีกครั้งและมองเธอด้วยความรัก: "สิ่งที่ผมกลัวที่สุดคือคุณจะทิ้งผมไป"“เอาล่ะ หยุดเล่นละครได้แล้ว แกล้งทำเป็นพ่อหนุ่มนักรัก หรือจะทำตัวน่าสงสารก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะได้ขอให้หมอเปลี่ยนมาใช้ยาแผนจีน จะขมแค่ไหนก็ยังต้องดื่ม”จ้านหยิน "..."เขาอยากจะเป็นลมอีกครั้งจะได้ไหม?ซูห
ยัดแก้วใส่ในมือเขา ไห่ถงมองพร้อมกับเผยรอยยิ้มเล็กน้อยและพูด: "ถ้าอย่างนั้นคุณก็ดื่มเองเถอะ คุณอายุสามสิบแล้วนะ จ้านหยิน คุณเป็นผู้ชายอายุสามสิบปีแล้ว คุณทนความขมแค่นี้ไม่ได้เหรอ?"เดิมทีจ้านหยินกลัวการดื่มยาจีนโบราณในอนาคตให้เขามาทำให้เธอโกรธ ดีกว่าที่เขาจะต้องป่วย เมื่อใดก็ตามที่เขารู้สึกไม่สบายเพียงเล็กน้อย เธอก็จะไปหยิบยาจีนโบราณให้เขาสักสิบหรือแปดถุง จากต้มยาให้เขาดื่มทุกวันจนกว่าเขาจะกลัวเมื่อเห็นเขามีสีหน้าเคร่งขรึมและไม่พูดอะไร ไห่ถงก็โน้มตัวไปใกล้หูของเขาแล้วกระซิบ: "จ้านหยิน ดื่มยาแล้วรีบหายป่วยเถอะ ฉันจะได้ใช้เวลากับคุณก่อนที่คุณจะกลับไป ถือว่าเป็นค่าตอบแทนสำหรับการรีบร้อนมาดูแลคุณ"ดวงตาสีดำของจ้านหยินกะพริบเขาถามเธอ: "มันไม่เป็นไรใช่ไหม?"ไห่ถงนั่งตัวตรงพร้อมรอยยิ้มในดวงตาที่งดงาม "คุณจะสบายดีเมื่อคุณออกจากโรงพยาบาล"“แล้วไงล่ะ คุณจะดื่มยานี้หรือเปล่า?”จ้านหยินใบหน้าดูขมขื่น ท้ายที่สุดเขาก็เอื้อมมือออกไปหยิบยาจีนโบราณถ้วยใหญ่ด้วยท่าทางเด็ดเดี่ยว จากนั้นจึงหลับตาและดื่มยาลงไปในขณะที่ดื่ม เขาก็กำลังบอกกับตัวเอง: ฉันกำลังดื่มน้ำน้ำผึ้ง ฉันกำลังดื่มน้ำน้ำผึ้งถ้า