ถ้าไห่ถงรู้ตั้งแต่แรกว่า จ้านหยินเป็นนายน้อยคนของตระกูลจ้าน ไห่ถงคงจะไม่ยอมแต่งงานกับจ้านหยินแบบสายฟ้าแลบหรืออาจพูดได้ว่าตระกูลจ้านปิดบังตัวตนจาก ไห่ถง โดยเริ่มตั้งแต่คุณยายจ้านซูหนานพูดในใจ: ไม่มีใครในครอบครัวรู้ความจริงซึ่งมันไม่เหมือนกับการลักพาตัวหลานสะใภ้เมื่อคิดถึงว่าตัวเขาเองก็ยังไม่ได้สารภาพถึงสถานะที่แท้จริงกับเซินเสี่ยวจวิน จู่ๆ ซูหนานก็รู้สึกเสียใจและตัดสินใจจะบอกเซินเสี่ยวจวินในครั้งหน้าว่า จริงๆ แล้วเขาเป็นนายน้อยตระกูลซูเพื่อหลีกเลี่ยงการเดินตามรอยเท้าของจ้านหยิน“นายจัดการเองเลย ฉันไม่ใช่นายและฉันไม่สามารถตัดสินใจแทนนายได้ แต่พี่สะใภ้เป็นคนหัวแข็ง และถ้าจัดการได้ไม่ถูกต้อง คุณสองคนก็อาจกลายเป็นคนแปลกหน้ากัน"จ้านหยินหน้าซีดสิ่งที่เขากลัวก็คือไห่ถงจะจบความสัมพันธ์กับเขาดังนั้น เขาจึงคิดว่ารอจนความสัมพันธ์ลึกซึ้งมากขึ้นและเธอเริ่มลังเลที่จะแยกกับเขา ตอนนั้นคงจะเหมาะที่จะพูดความจริงจริงๆ แล้ว เขาเคยทดสอบปฎิกิริยาเธอมาก่อน แต่เธอไม่เชื่อว่าเขาเป็นเศรษฐีตอนนี้เขาพูดความจริงไป บางทีเธออาจจะเก็บข้าวของแล้วหนีไปก็ได้“อย่ากังวลมากไปเลย พี่สะใภ้ก็มีรู้สึกกับน
ที่จริงแล้ว เขาคิดว่าลงมือทำดีกว่าที่จะพูดการพิสูจน์ความรักที่เขามีต่อเธอด้วยการกระทำนั้นง่ายกว่าการคำพูดหวาน ๆ ที่ออกมาจากปากแน่นอนว่า ถ้าไห่ถงชอบฟังคำหวานๆ ไม่ว่าเขาจะเย็นชาแค่ไหนเขาก็เต็มใจที่จะเรียนรู้ซูหนานลุกขึ้นยืน เอนตัวไปและกระซิบกับเพื่อน "เรื่องของคุณเซิน"จ้านหยินค่อยๆ ผลักซูหนานออกไป หลังจากคุยกับไห่ถงทางโทรศัพท์ไปสักพัก ก็ช่วยซูหนานถาม "ถงถง คุณเซินจะกลับมาที่ร้านบ่ายนี้ไหม? เพื่อนร่วมงานของฉันกำลังเป็นห่างอาการป่วยของเธอและต้องการพบเธอ"ไห่ถงยิ้ม "เสี่ยวจวินยังไม่มา ฉันขอให้เธอพักผ่อนที่บ้าน รอให้ไข้ของเธอก็ลดลง แล้วก่อนค่อยมาที่ร้าน เพื่อนร่วมงานของคุณอยากเจอเธอ? แค่โทรหาเธอและนัดเธอออกมาก็ได้นะ"“คุณเซินไม่สบายและวันนี้ก็อากาศเย็นด้วย ถ้าเรียกเธออกมาแแล้วอาหารนักลงไปอีก เพื่อนร่วมงานของฉันก็จะตำหนิตัวเอง งั้นรอจนกว่าคุณเซินจะกลับมาทำงาน คุณส่งข้อความมาหาฉันและฉันจะบอกเพื่อนร่วมงานเอง”“โอเคค่ะ จ้านหยิน พวกเขามีความคืบหน้ากันไหมคะ?”ไห่ถงเป็นแม่สื่อครั้งแรก หวังว่าเธอจะเชื่อมด้ายแดงได้สำเสร็จ“คุณเซินมีความประทับใจที่ดีต่อเพื่อนร่วมงานของฉันหรือไม่? เธอยังไม
จ้านหยินหยิบถุงที่เลขาจ้าวส่งมาข้างในมีกล่องผ้ากำมะหยี่สีแดงสองกล่องเขาหยิบออกมาหนึ่งกล่องซูหนานไม่ใช่คนโง่ เขาเข้าใจดีว่าหคุณยายจ้านเอาของดี ๆ ออกมาจากคลังสมบัติส่วนตัว เพื่อให้จ้านหยินเอาชนะใจไห่ถงเขาอิจฉาจ้านหยินที่มีคุณยายที่ดี และกังวลเกี่ยวกับการแต่งงานของจ้านหยินยิ่งไปกว่านั้น คุณยายยังเป็นผู้อาวุสโสของตระกูลจ้าน ซึ่งทุกคนต่างก็เคารพ เธอจัดการให้จ้านหยินแต่งงานกับไห่ถงก็ไม่มีใครหยุดเธอได้ยายแบบนี้ ซูหนานก็อยากมีบ้างน่าเสียดายที่คุณยายเขาจากไปแล้ว"ฉันกลับไปทำงานต่อ"ซูหนานไม่อยากถูกเพื่อนๆ กระตุ้นต่อมอิจฉาอีก เพราะเรื่องบางอย่างเขา ไม่สามารถอิจฉาได้จริงๆเขาลุกขึ้นยืนและเดินออกจากห้องทำงานของประธาน พร้อมกับเลขาจ้าวจ้านหยินมองไปที่แหวนเพชรสองวงที่คุณยายส่งมาให้ เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาคุณยาย แล้วพูดอว่า “คุณยาย ฉันจะจ่ายค่าแหวนเพชรสองวงนี้ให้เอง และเพื่อใช้เป็นแหวนแต่งงาน จะคุณยายมอบให้ง่ายๆ ได้อย่างไร”คุณยายจ้านยิ้ม "ก็ได้นะ พวกเราเป็นยายหลานกัน งั้นยายจะให้ราคาที่ถูกๆ นะ หลานจ่ายให้ค่าแหวนเพชรมาแต่ละวงละได้ 5 บาท และต้องจ่ายให้ยายทั้งหมด 10 บาท""คุณยาย!"
พ่อโจวในใจคิดอย่างชัดเจนว่าจะต้องหย่ากับไห่หลิงอย่างแน่นอนแม่โจวหยิบชามและตะเกียบออกมา ช่วยลูกชายตักอาหารอีกด้วย “ลูกไม่ได้บอกแม่ล่วงหน้าเลยมไม่ได้ทำอาหารให้ เลยเหลือข้าวอยู่ชามเดียว เดิมทีเก็บไว้ให้หมากินก็เอามาให้ ถ้ากินไม่พอ แม่จะไปทำบะหมี่ให้”"แม่ ฉันกินข้าวถ้วยเดียวก็อิ่มแล้ว"ตั้งแต่ที่เข้ามา โจวหงหลินอนุญาตให้แม่นำชามและตะเกียบมาให้ ช่วยตักอาหารให้เขา ดังนั้นเริ่มคุ้นเคยกับพฤติกรรมของแม่หลังจากที่ทั้งสามคนกินอาหารเสร็จแล้ว โจวหงหลินก็ยื่นซองเอกสารสีเหลืองให้พ่อก่อน"อะไร?"พ่อไม่ค่อยจะเชื่อ จึงเอื้อมมือไปหยิบซองเอกสาร เปิดมันแล้วหยิบกระดาษและรูปถ่ายออกมาจากด้านในแม่โจวก็ขยับมาดูด้วยขณะที่พวกเขากำลังดูก็ขมวดคิ้ว“หงหลิน ลูกมีเงินมากมายขนาดนั้นเลยเหรอ?” แม่โจวตกใจมากที่ลูกชายมีเงินเยอะขนาดนั้นพ่อโจวขมวดคิ้วและถามลูกชายว่า “เป็นเงินไห่หลิงให้แก?”โจวหงหลินพยักหน้า“เธออยากทำอะไร?”“เธอรู้ทรัพย์สินของฉันทั้งหมดแล้ว และด้วยหลักฐานนี้ เธอจะฟ้องหย่า ดังนั้นต้องแบ่งทรัพย์สินให้เธอเท่า ๆ กัน”พ่อโจวมีสีหน้าน่าเกียจแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วลูกชายมีเงินมากแค่ไหน
“เป็นเด็กทะเลาะกันและมันก็เป็นอุบัติเหตุด้วยซ้ำ ถ้าเอา หยางหยางมาให้พวกเราในอนาคต ก็จะดูแลเขาอย่างดีอย่างแน่นอนและจะไม่ปล่อยให้เขาถูกรังแกอีก”แม่โจวเจ็บปวดหัวใจ"หงหลินไม่ต้องหย่าแล้ว แม่ทำใจไม่ได้"เธอคิดไม่ถึงว่าแค่เด็กทะเลาะกัน จะส่งผลต่อสิทธิ์การเลี้ยงดูหลานชายด้วยเธอแก่ขนาดนี้แล้ว ยังไม่เคยเห็นใครฟ้องหย่ามาก่อนเลย คนรอบตัวที่หย่าก็ให้ผู้หญิงเก็บข้าวของและออกจากบ้านไป ส่วนบ้าน รถ และลูกๆ เป็นของผู้ชาย“ก็แค่เด็กทะเลาะกัน แต่ยังแสดงให้คนอื่นเห็นว่าหยางหยางอยู่กับพวกเรานั้น มันจะไม่เอื้อต่อการเติบโตของหยางหยาง”โจวหงหลินค่อยๆ เกลี้ยกล่อมพ่อแม่อย่างอดทนว่า “แม่ ฉันไม่ได้รักไห่หลิงแล้ว ส่วนไห่หลิงก็ยอมแพ้ในตัวฉันแล้ว ยุยังไงก็ไม่ขึ้นหรอก ถ้าทำแบบนี้ต่อไปก็มีแต่เจ็บกับเจ็บ นอกจากนี้ไห่หลิงเต็มใจหย่าร้าง ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการตัดสินแล้ว”“ฉันก็ตัดสินใจแล้ว แค่กลับมาบอกพ่อแม่เท่านั้น”เย่เจียนีพูดถูก นี่เป็นเรื่องระหว่างเขากับไห่หลิง และเขาได้ตัดสินใจแล้วแค่มาบอกพ่อแม่เท่านั้นแม่โจวกำลังจะร้องไห้ เธอตีสามี "ตาเฒ่า ช่วยพูดอะไรหน่อยเถอะ ไม่ได้แล้ว ฉันต้องโทรหาหงหยิงและขอให้เธอมา
แม่โจวหยิบสัญญาหย่ามาอ่านอีกครั้ง และทุกครั้งที่เธอเห็นเงินจำนวนหนึ่งที่ต้องแบ่งออกเป็นไห่หลิง เธอก็รู้สึกเจ็บปวดว "บอกว่าแบ่งเท่า ๆ กัน จำนวนนี้แน่ใช่ไหม?"“ทั้งบ้านและรถ ไห่หลิงไม่ต้องการ ดังนั้นฉันต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูให้เธอเพิ่ม และเมื่อรวมเข้าด้วยกันแล้ว ก็คือจำนวนเงินนั่น”แม่โจว: “...แล้วค่าตกแต่งบ้านล่ะ?”โจวหงหลินตอบว่า "ไม่รวมอยู่ในเนื้อหา ฉันบอกเธอแล้วว่าจะไม่คืนให้เธอ"แม่โจวรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย และพูดต่อว่า "ของตกแต่งมีราคาหลายแสนด้วย เธอไม่ได้ขอค่าตกแต่งคืนจากแกอีก และพวกเราก็ไม่ขาดทุนแล้ว"ไม่เจ็บใจเท่าไหร่แล้ว“หงลิน ไห่หลิงรวบรวมหลักฐานหล่านี้ได้อย่างไร?” พ่อโจวรู้สึกว่าลูกสะใภ้ไม่ได้มีความสามารถขนาดนี้ “มีคนช่วยเธอหรือเปล่า?”“ฉันถามเธอแล้ว แต่เธอไม่ยอมบอก และฉันก็ไม่รู้ว่าใครช่วยเธอด้วย คนที่ทำสิ่งนี้ได้มีอำนาจมาก และสำหรับฉันก็เหมือนระเบิดเวลา พ่อ ฉันกลัวจึงยอมประนีประนอม” "แม่โจวก็พูดออกมา หลังจากที่คิดทบทวนแล้วว่า "อาจเป็นไห่ถงและสามีที่ช่วย?"“ตอนที่หยางหยางประสบอุบัติเหตุ ไห่หลิงไม่ได้นำหลักฐานเหล่านี้ออกมาด้วยซ้ำ ซึ่งบ่งชี้ว่าเธอไม่มีหลักฐานเหล่านั้นในต
“หงหยิงบอกว่างานของเธอไม่ราบรื่นนัก เกิดอะไรขึ้น? ตำแหน่งของเธอไม่ได้ทำงานสบายๆ เหรอ ทำไมถึงงานไม่ราบรื่นได้ล่ะ?”แม่โจวบ่นไป พร้อมมือกดโทรออกหาลูกสาวทันทีปลายสาย โจวหงหยิงพูดอย่างหงุดหงิดว่า "แม่ ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันรู้สึกเหมือนว่าพวกเขาจงใจมุ่งเป้ามาที่ฉัน ตลอดทั้งวันงานไม่ราบรื่นเลย แม่ ถ้าหงหลินต้องการ หย่าก็ปล่อยให้พวกเขาหย่าไป ยังไงซะ ลูกชายแม่กฌเก่งมาก ไม่ต้องกังวลว่าจะหาภรรยาไม่ได้”“หลักฐานที่ไห่หลิงรวบรวมมานั้น สร้างเป็นผลเสียต่อน้องอย่างมาก เธอขู่ให้น้องยอมรับเงื่อนไขทั้งหมดที่เธอเสนอมา และสำหรับหย่านี้ เธอจะได้รับเงินมากกว่าห้าล้าน สิทธิ์การเลี้ยงดูหยางหยางก็เป็นของเธอ และก็ต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูหยางหยางให้อีกเดือนละ 15,000 บาท"หงหลินต้องให้เงินเยอะขนาดนั้นกับเธอ?"โจวหงอิงตกใจมาก“ตอนแรกหงลินก็โอนทรัพย์สินไปไว้ที่อื่น แต่ไห่หลิงได้รวบรวมหลักฐานการโอนนั้นมา ช่างมันเถอะ ลูกอารมณ์ไม่ดีและงานก็ไม่ค่อยราบรื่นนนัก ดังนั้นไม่ต้องไปกับแม่แล้ว แม่กับพ่อจะเข้าไปในเมือง เพื่อคุยกับไห่หลิงและน้องในตอนเช้า”โจวหงอิ๋งพูดว่า "แม่ไปหาไห่ถงนะ ถ้าสามารถโน้มน้าวเธอได้
โทรศัพท์ตกอยู่บนเตียงเธอรอจนผล็อยหลับไปก่อนหัวใจของจ้านหยินที่เต็มไปด้วยความสุข กลับแตกสลายเขาเอาแหวนเพชรสองวงที่ซื้อมาจากคุณยายของเขา ซึ่งเขาวางแผนจะใส่ให้กับไห่ถงคืนนี้ แต่เธอก็ผล็อยหลับไปจ้านหยินนั่งอยู่บนขอบเตียงและเอื้อมมือไปแตะใบหน้าของไห่ถงเบาๆ “เจ้าอ้วนนอนหลับสบายจริงๆ นะ”หลังจากแตะหน้าเธอแล้ว เขาก็ก้มลงจูบหน้าไห่ถง จากนั้นจิ้มไปที่ฝีปากของเธอก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์มาวางบนโต๊ะข้างเตียงแม้ว่าภรรยาจะหลับรอเขาอยู่ แต่อย่างน้อยเธอก็อยู่ในห้องของเขามันทำให้หัวใจของจ้านหยินอุ่นใจหน่อยวันรุ่งขึ้นตอนที่ไห่ถงตื่นขึ้นมา เธอก็ประหลาดใจกับช่อดอกไม้ขนาดใหญ่เบื้องหลังช่อดอกไม้นั้นคือใบหน้าที่หล่อเหลาของจ้านหยินเธอกระพริบตาเธอนั่งขึ้นและยิ้ม เพื่อยืนยันว่าตัวเองตื่นแล้วจริงๆ พร้อมกับเห็นจ้านหยินตัวจริง "คุณกลับมาแล้วเหรอ?”"ภรรรยา อรุณสวัสดิ์"อรุณสวัสดิ์?“คุณทำงานโอทีจนถึงเช้า?”“ไม่ ฉันกลับมาเมื่อคืนนี้ แต่มีคนสัญญาว่าจะรอฉันกลับมา สุดท้ายก็กลับไปก่อน”ไห่ถงยิ้มออกมาอย่างเขิลๆ และเอื้อมมือไปหยิบช่อดอกไม้ที่สดใสและสวยงาม “ร้านดอกไม้เปิดเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?”“ฉันซื้
"ฉันคิดว่าคุณนายลู่ถ่ายรูปคุณหนูหยูและแสดงให้พี่สาวดูโดยตั้งใจ เพื่อทดสอบว่าเธอมีความรู้สึกกับตงหมิงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ผลก็คือเธอไม่มีความคิดนั้นอย่างแน่นอน เธอไม่เคยคิดอะไรกับตงหมิงเลย ตอนนี้เธอหมกมุ่นอยู่กับร้านอาหารเช้าและต้องการเพียงแค่ประกอบอาชีพและหาเงิน"จ้านหยินก็มองไห่หลิงออกเช่นกัน"ถ้าเธอมีความคิดอะไรกับตงหมิง คุณนายลู่คงจะไม่ยอมให้เธอเปิดร้านที่นั่นต่อไป"ไห่ถงเห็นด้วยกับสิ่งที่สามีของเธอพูดคุณนายลู่กำลังทดสอบพี่สาวของเธอ พี่สาวของเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ไม่เป็นไร เธอจะได้ไม่ได้รับผลกระทบ"ที่รัก คุณคิดว่าฉันควรบอกเรื่องพวกนี้กับพี่สาวของฉันไหม?""คุณนายลู่คงทำอะไรไม่ได้ แสดงให้เห็นว่าเธอเพียงสงสัยเช่นเดียวกับเรา แต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ คุณไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกับพี่สาวของคุณ ฉันแค่ต้องคุยกับตงหมิงและบอกเขาว่าอย่าไปทานอาหารเช้าที่บ้านพี่สาวของเราในอนาคต"จ้านหยินบ่นให้เพื่อนๆ ฟังว่าครอบครัวของเขาไม่ได้เตรียมอาหารเช้าไว้ ลู่ตงหมิงต้องรีบไปร้านกินได้ไม่อั้นแต่เช้าเพื่อทานอาหารเช้าในวันหยุดสุดสัปดาห์ใช่ไหม"ตกลง"หลังจากจ้านหยินกินและดื่มจนอิ่มแล้ว ไห่ถงก็ยิ้มและถา
ไห่ถงรู้สึกโชคดีอีกครั้ง เธอได้แต่งงานกับผู้ชายที่แม้จะแสดงอาการงอแงเล็กน้อยเป็นครั้งคราว แต่เขาก็ปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี เขาไม่เคยใช้ความรุนแรงในครอบครัวกับเธอ และเขาไม่ต้องกังวลว่าเขาจะนอกใจด้วยกุญแจสำคัญอยู่ที่การเลี้ยงดูของเขา บ้านสามีที่่ใจกว้างและมีเมตตาอย่างแม่สามีตระกูลจ้าน เป็นสิ่งที่หาได้ยากในตระกูลที่ร่ำรวยเมื่อคิดย้อนกลับไปเมื่อคุณยายจ้านบอกกับเธอว่าเธอช่วยชีวิตอีกฝ่ายไว้และจะไม่แนะนำหลานชายที่ไม่ดีให้เธอรู้จักที่จริงแล้ว หลานชายทุกคนในครอบครัวของหญิงชราอย่างเธอนั้นนั้นดีมากจ้านหยินเป็นหลานชายคนโต และหญิงชราก็เลือกที่จะจับคู่เธอกับหลานชายที่ดีที่สุด"คุณนายลู่ได้ช่วยประธานลู่หาภรรยาที่เหมาะสมแล้ว เธอคือคุณหนูหยูหยินหยิน ทั้งสาว สวย และดูเฉลียวฉลาดและมีความสามารถ เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นคนที่อยู่ในแวดวงชั้นสูงมายาวนาน ความมั่นใจและรัศมีแห่งความสง่างามที่แผ่ออกมาจากทุกการเคลื่อนไหว ท่าทางของเธอบ่งบอกว่าเธอมาจากภูมิหลังที่ร่ำรวยหรือสูงศักดิ์ นั่นสามารถทำให้คุณนายลู่ชอบเธอได้โดยไม่ต้องลำบากอะไร""ฉันรู้"จ้านหยินพูดขณะกิน "เป็นเพราะคุณนายลู่เลือกภรรยาที่เหมาะสมกับตงหมิง
"ไม่ต้องพูดถึงว่าเราทุกคนต่างก็มีสิ่งที่ต้องทำ แม้ว่าในอนาคตเราจะเกษียณ เราก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าเราจะตื่นขึ้นทุกวันและพบกันเมื่อเราลืมตาขึ้น"มีคนตื่นก่อนเสมอ และมีคนตื่นทีหลังเสมอจ้านหยินรู้ว่าเขาสร้างปัญหาโดยไม่มีเหตุผล"ป้าเหลียงบอกว่าคุณยังไม่ได้กินข้าว คุณหิวไหม ออกไปกินข้าวกันเถอะ ฉันจะอยู่กับคุณ"ไห่ถงรู้ว่าการยืดเวลาการสนทนาออกไปอาจทำให้เกิดความตึงเครียดระหว่างพวกเขามากขึ้นหลีกเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้ง เพราะอาจทำให้ทั้งคู่โกรธกันได้"อืม"จ้านหยินพยักหน้าแล้วปล่อยภรรยาที่รักของเขาจากอ้อมแขนไห่ถงดึงเขาออกมาป้าเหลียงเตรียมอาหารเช้าของจ้านหยินไว้บนโต๊ะอาหารแล้วนายน้อยชอบทำตัวจุกจิกจู้จี้ แต่ต่อหน้านายหญิง เขามักจะต้องก้มหัวและประนีประนอมอยู่เสมอป้าเหลียงไม่กังวลเลยว่าอาหารเช้าที่เธอทำจะเสียเปล่า"ทำไมคุณไม่พาหยางหยางมาล่ะ?"จ้านหยินทานอาหารเช้ากับภรรยา และอารมณ์ของเขาก็ดีขึ้น เขาเลิกทำหน้าเย็นชาและถามถึงเจ้าตัวน้อย"พี่สาวของฉันบอกว่าวันนี้เธอจะปิดร้านเร็วและปล่อยให้หยางหยางเล่นในร้าน เธอจะพาหยางหยางกลับบ้านเร็วๆ นี้ จ้าน...ที่รัก พาหยางหยางมาอยู่ที่นี่กันเถ
"เมื่อไหร่คุณยายจะกลับมา? ฉันคิดถึงเธอมาก"ไห่ถงคิดถึงวันที่คุณยายจ้านเคยอยู่ที่นี่มากป้าเหลียงพูด: "เมื่อฉันรู้ตัวว่าต้องเตือนนายหญิง มันก็สายเกินไปเสียแล้ว คุณผลักประตูเปิดและเดินเข้าไปแล้ว"ไห่ถงถอนหายใจอีกครั้งและพูดว่า "ฉันจะไปล้างมือ"เธอล้างมือสองครั้งด้วยสบู่และกลับไปที่ห้องที่เธอเคยอยู่ เธอหยิบชุดเสื้อผ้าที่สะอาดจากตู้เสื้อผ้า เปลี่ยนชุด แล้วกลับไปที่ห้องนอนใหญ่"ที่รัก ฉันล้างมือและฆ่าเชื้อสองครั้ง ฉันยังเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีขนแมวติดตัวของฉัน"ไห่ถงเดินไปข้างหลังจ้านหยิน และขณะที่เธอพูด เธอก็เอื้อมมือไปโอบรอบเอวของเขา"ที่รัก ฉันขอโทษ ฉันลืมไปจริงๆ ว่าฉันกำลังอุ้มแมวอยู่เมื่อกี้ จริงๆ แล้วพวกมันน่ารักมาก คุณให้ฉันเลี้ยงพวกมัน และพวกมันก็มีค่าสำหรับฉันทั้งหมด คุณพูดว่า ถ้าฉันให้หญ้าคุณหนึ่งกำมือ คุณจะถือว่ามันเป็นสมบัติ ในทำนองเดียวกัน ไม่ว่าคุณจะให้อะไรกับฉัน ฉันก็จะรักมันมาก"จ้านหยินไม่หันหลังกลับและปล่อยให้เธอโอบเอวของเขาเขากล่าว: "ฉันตื่นมาแล้วไม่เห็นคุณ ฉันถามป้าเหลียงแล้วเธอก็บอกว่าคุณออกไปแต่เช้า ฉันรู้สึกเหมือนถูกคุณทิ้งเอาไว้ข้างหลัง เมื่อคุ
ไห่ถงก้มตัวลงและอุ้มแมวขึ้นมา"นายหญิง คุณไปง้อนายน้อยก่อนเถอะ นายน้อยเพิ่งตื่นและยังไม่ได้กินข้าว"ป้าเหลียงรู้สึกไร้เรี่ยวแรงเมื่อจู่ๆ นายน้อยของเธอกลายเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยถ้าเธอไม่มาทำงาน เธอคงไม่รู้ว่านายน้อยจะมีด้านที่คิดเล็กคิดน้อยเช่นนี้ไห่ถงลูบแมวแล้วถามป้าเหลียง: "ป้าเหลียง คุณต้องบอกฉันว่าทำไมเขาถึงโกรธ ฉันถึงจะง้อได้ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย"ป้าเหลียงกระซิบ: "ฉันเดาว่านายน้อยคงโกรธที่คุณออกไปข้างนอกแต่เช้าในวันหยุดสุดสัปดาห์ นายน้อยพักผ่อนที่บ้านและหวังว่านายหญิงจะอยู่กับเขา"ไห่ถง: "... ฉันแค่ไปช่วยงานพี่สาวของฉัน แม้ว่าจะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่โรงงานหลายแห่งไม่มีวันหยุดและยังต้องทำงาน ดังนั้นร้านอาหารเช้าของน้องสาวฉันจึงยังคงยุ่งมาก ฉันออกไปเร็วแต่ก็กลับมาเร็วเช่นกัน ฉันยังกลับมาก่อน 10 โมง"เธอไม่เคยคิดว่าจ้านหยินจะกลายเป็นคนใจแคบเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ป้าเหลียงก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเหมือนกัน"ฉันจะเข้าไปง้อเขา"ไห่ถงซึ่งรู้ดีว่าสามีของเธอเป็นคนแบบไหน เดินเข้าไปในห้องอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกับแมวของเธอในอ้อมแขนหลังจากที่เธอผลักประตูเปิดและเข้าไป ป้าเหลียงก็จำ
ขณะที่ยุ่งอยู่ตรงนี้ จ้านหยินก็ตื่นขึ้นตามปกติ ก่อนที่เขาจะลืมตา เขาหันข้างและเหยียดแขนยาวของเขาออกไปเพื่อกอดภรรยาที่รักของเขา แต่สุดท้ายก็คว้าลมนั่นคือตอนที่เขาลืมตาขึ้นแน่ล่ะ ไห่ถงไม่อยู่ในห้องอีกต่อไปเมื่อมองดูท้องฟ้าภายนอก พระอาทิตย์กำลังขึ้นสูงจ้านหยินหันกลับมาและหยิบโทรศัพท์จากโต๊ะข้างเตียงเพื่อดูเวลา"ตอนนี้เก้าโมงแล้ว!"จู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นนั่งแม้กระทั่งในวันหยุดสุดสัปดาห์ เขาก็ไม่เคยเข้าตื่นสายขนาดนี้มาก่อนบางทีอาจเป็นเพราะว่าเขากลับบ้านดึกเมื่อคืนก่อนเขารีบอาบน้ำและเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าลำลอง โดยตั้งใจเลือกชุดที่ไห่ถงซื้อมาให้เขาเมื่อเขาเปิดประตู เขาก็เห็นป้าเหลียงกำลังนั่งอยู่บนโซฟา อุ้มแมวตัวหนึ่งไว้และดูทีวี เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด เธอจึงหันไปมองเขา จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนพร้อมรอยยิ้ม “นายน้อย คุณตื่นแล้ว คุณอยากกินอาหารเช้าไหม?”"ตอนนี้เก้าโมงกว่าแล้ว"จ้านหยินบ่นพึมพำขณะเดินออกไป“ถึงจะเก้าโมงกว่าแล้ว ก็ยังควรกินอะไรนะ นายหญิงได้สั่งเราไว้ก่อนที่เธอจะออกไป ให้เตือนนายน้อยว่าควรกินอาหารเช้าเมื่อเขาตื่นนอน”"นายหญิงของคุณอยู่ที่ไหน? เธอตื่นและออกไปข้างนอกตั้ง
หยูหยินหยินก็ไม่ได้โกรธเช่นกันเธอและลู่ตงหมิงรู้จักกันมาเป็นเวลานานแล้ว แต่พวกเขาแทบจะไม่ได้พูดคุยกันเลย ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าพวกเขาไม่ได้รู้จักกันดีนักเขาไม่รู้เกี่ยวกับอดีตของเธอ ก็ถือเป็นเรื่องปกติ"คุณหนูหยู นี่อาหารเช้าของคุณ"หลังจากไห่หลิงทำอาหารเช้าให้หยูหยินหยินแล้ว เธอก็เอามาวางไว้ตรงหน้าเธอ ด้วยรอยยิ้ม เธอกล่าวกับหยูหยินหยินว่า "คุณหนูหยู ทานให้อร่อยนะคะ"หยูหยินหยินตอบด้วยรอยยิ้มไห่หลิงกลับไปที่นั่งและนั่งลง"พี่ คุณเจอเธอเมื่อไหร่?"ไห่ถงกระซิบกับพี่สาวของเธอ"คุณนายลู่แวะมาวันก่อนและเข้ามานั่งคุยกับฉัน ขณะที่คุยกับฉัน เธอบอกฉันว่าเธอต้องการจับคู่คุณหนูหยูกับประธานลู่ และแสดงรูปถ่ายของคุณหนูหยูให้ฉันดู ฉันก็เลยจำเธอได้"ไห่หลิงตอบน้องสาวของเธอด้วยเสียงต่ำและกระซิบ: "เห็นไหม พวกเขาเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ คุณหนูหยูก็ให้ความรู้สึกสบายใจมากเช่นกัน โดยไม่มีความรู้สึกห่างเหินแบบทายาทเศรษฐี"ไห่ถงมองน้องสาวอย่างละเอียด จากนั้นก้มหัวลงเพื่อกินบะหมี่และกระซิบว่า "เข้ากันได้ดีทีเดียว"ป้าเคยพูดว่าคุณนายลู่เข้ากับคนยากมากจ้านหยินก็พูดเช่นกันเนื่องจากคุณนายลู่ม
เขาไม่มีอะไรจะคุยกับไห่ถงมากนักและด้วยไห่ถงที่อยู่ที่นี่ ลู่ตงหมิงและไห่หลิงก็ไม่ได้พูดอะไรมากนักลูกค้าก็เริ่มทยอยเข้ามาเพื่อกินเกี๊ยวนึ่ง ผู้ช่วยร้านเป็นคนจัดการรับออเดอร์ พนักงานจะเสิร์ฟอาหารเช้าให้พวกเขาแทนไห่หลิงซึ่งเป็นเถ้าแก่เนี้ยเองเธอสามารถนั่งลงในที่เดิมและกินบะหมี่ต่อไปได้"พี่ลู่"คำว่าพี่ลู่นั้น ทำให้ลู่ตงหมิงหมดความอยากอาหารทันทีพี่น้องไห่มองไปที่หญิงสาวสวยที่เปิดประตูกระจกและเดินเข้ามา ไห่ถงไม่เคยรู้จักหยูหยินหยิน แต่ไห่หลิงเคยเห็นภาพของหยูหยินหยิน เมื่อมองไปหยูหยินหยินที่เข้ามา เธอคิดว่าหยูหยินหยินสวยกว่าในรูปเข้ากันได้ดีกับลู่ตงหมิง"คุณหนูหยู คุณอยากทานอาหารเช้าไหม?"ไห่หลิงวางตะเกียบลงและยืนขึ้นอีกครั้งเพื่อต้อนรับแขกสายตาของหยูหยินหยินละสายตาจากลู่ตงหมิงและจ้องมองไปที่ไห่หลิง เธอเคยเห็นไห่หลิงหลายครั้งจากไกลๆ แต่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นหน้าอีกฝ่ายกับตาตัวเอง เมื่อมองดูไห่หลิงอย่างดีๆแล้ว หยูหยินหยินรู้สึกว่าไห่หลิงเป็นหญิงสาวที่สวยมาก“ฉันได้ยินมาว่าอาหารเช้าที่นี่อร่อยมาก ฉันจะทานเหมือนกับพี่ลู่ ขอบคุณ”หยูหยินหยินเดินไปที่โต๊ะของลู่ตงหมิง วางกระเ
"ตกลง"น้องของเธออยากกินบะหมี่เครื่องในหมู ไห่หลิงยังต้มบะหมี่เครื่องในหมูสองชามด้วย เธอไม่ชอบผักชี ดังนั้นจึงมีแต่ชามน้องของเธอเท่านั้นที่ใส่ผักชีในชามของเธอ"บะหมี่เสร็จแล้ว"ไห่หลิงเรียกน้อฃให้มาเอาบะหมี่ที่ปรุงแล้วไห่ถงหยุดงาน ล้างมือ แล้วเดินไปหยิบชามบะหมี่ของเธอสองพี่น้องนั่งลงที่โต๊ะ ไห่ถงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอย่างเป็นนิสัยและเตรียมกินบะหมี่ไปพร้อมกับอ่านข่าวไปด้วย"เวลากิน อย่ามัวแต่ดูโทรศัพท์ข เก็บโทรศัพท์ของเธอลงไป"ไห่หลิงไม่ยอมให้เธอกินในขณะที่เล่นโทรศัพท์ของเธอแบบนี้"ฉันแค่จะดูมันเฉยๆ"ไห่ถงพูด แต่ก็เก็บโทรศัพท์ของเธอกลับเข้าไปในกระเป๋าอย่างเชื่อฟัง"ต่อไปนี้ กินข้าวอยู่ห้ามเล่นโทรศัพท์ไปด้วย""เข้าใจแล้ว"ต่อหน้าพี่สาวของเธอ ไห่ถงไม่กล้าที่จะดื้อรั้น นอกจากนี้ การใช้โทรศัพท์ขณะกินอาหารก็เป็นนิสัยที่ไม่ดีจริงๆ“พี่ คืนนี้พี่จะไม่ไปงานเลี้ยงกับฉันจริงๆ เหรอ”"ไม่ไป""พี่ ฉันคิดว่าคุณควรออกไปเปิดโลกบ้าง"ไห่หลิงค่อยๆ กินบะหมี่ที่เพิ่งปรุงเสร็จและร้อนมาก"ฉันไม่จำเป็นต้องไปดูโลกแล้ว ฉันยังไปไม่ถึงระดับนั้น เธอแตกต่าง เธอเป็นนายหญิงคนโตของตระกูลจ้าน เธอต้