Share

บทที่ 74

Author: จิ้งซิง
เวินซื่อยืนอยู่บนขั้นบันได หลุบตามองพวกเขาสองคน “นั่นควรถามพวกท่านมิใช่หรอกหรือ?”

“เวินจื่อเฉินลงมือทำร้ายข้าอย่างรุนแรง ทำร้ายข้าจนบาดเจ็บสาหัส บัดนี้รอยฟกช้ำบนร่างกายยังไม่จางหาย พวกท่านคงจะไม่คิดว่าคำพูดง่าย ๆ เพียงประโยคเดียว ก็จะได้รับการยกโทษของข้ากระมัง?”

เวินจื่อเยวี่ยกับเวินเยวี่ยคิดแบบนี้จริง ๆ

ถึงอย่างไรที่แล้วมาบุตรสาวบุตรชายแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงผู้สง่าผ่าเผยมีเพียงคนอื่นขอโทษพวกเขา พวกเขาเคยก้มหัวให้คนอื่นเสียที่ไหนกัน?”

เวินซื่อเข้าใจอุปนิสัยพวกพี่ชายของนางเป็นอย่างดี

หากกล่าวถึงข้อเสียในนิสัยของเวินจื่อเฉิน นั่นคืออารมณ์หุนหันพลันแล่น ส่วนเวินจื่อเยวี่ยคือหยิ่งผยองเกินไป

เขาไม่เคยเห็นใครหน้าไหนอยู่ในสายตา

ดังนั้นจะให้เวินจื่อเยวี่ยมาขอโทษนาง แค่คิดนางก็รู้แล้ว สำหรับคนผู้นี้ เกรงว่าแม้แต่คำว่าขอโทษสองคำนี้ก็คงจะเขียนไม่เป็น

“พี่รองถูกลงโทษไปแล้วไม่ใช่หรือ?”

เวินจื่อเยวี่ยจ้องเวินซื่อเขม็งด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เขาถูกโบยแปดสิบไม้ใหญ่ ยังถูกขังอยู่ในคุกมาหลายวันแล้ว เช่นนี้แล้วยังไม่พออีกหรือ?”

“ไม่พอ”

เวินซื่อกล่าวอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

เวินจื่อเยวี่ยสีหน้าเย็น
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 75

    เวินจื่อเยวี่ยตวาดเรียกชื่อจริงของเวินซื่อออกมาอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาเย็นชา “เจ้ายอมรับน้องหกไม่ได้ขนาดนี้เชียวหรือ?”“ใช่ ไม่ผิด มีนางต้องไม่มีข้า มีข้าต้องไม่มีนาง”ทันทีที่เวินซื่อพูดประโยคนี้ออกไป ต่อให้เป็นเวินเยวี่ยก็คิดไม่ถึงว่านางจะพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมาขนาดนี้ ไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อยหลังจากที่เวินซื่อพูดจบ พูดออกไปเพียงประโยคเดียว “เงื่อนไขข้าได้พูดชัดเจนแล้ว หากยอมรับได้ วันพรุ่งนี้ก็นำสินเจ้าสาวทั้งหมดของท่านแม่มา”หากรับไม่ได้ละก็ เช่นนั้นก็ปล่อยให้เวินจื่อเฉินเขาอยู่ในคุกหลวงต่อไปก็แล้วกันสุดท้ายเวินจื่อเยวี่ยกับเวินเยวี่ยก็กลับไปด้วยสีหน้าอึมครึมจวนเจิ้นกั๋วกง“น้องห้านางกล่าวเช่นนี้จริงหรือ?”เวินฉางอวิ้นถามเวินจื่อเยวี่ยกับเวินเยวี่ยทั้งสองคนด้วยความประหลาดใจเวินจื่อเยวี่ยพยักหน้า กล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ข้าได้ยินมากับหู ยังจะหลอกพี่ใหญ่ได้อีกอย่างนั้นหรือ?”“ไม่ ข้าไม่ได้หมายความแบบนั้น...”เขาเพียงรู้สึกว่าไม่เข้าใจเวินซื่อมากขึ้นเรื่อย ๆ“เหตุใดนางถึงได้เกลียดชังน้องหกขนาดนี้? ไม่คิดเลยว่าแม้แต่คำพูดอย่างมีเจ้าไม่มีนางก็ยังพูดออกมาได้”เวินฉางอวิ้นอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 76

    เวินเยวี่ยตะลึงงันไปทันทีนางคิดไม่ถึงว่าเวินจื่อเยวี่ยจะไร้มโนธรรมเช่นนี้กลับบอกให้นางอย่าฟังคำพูดของพี่ใหญ่แต่ว่าเวินเยวี่ยก็ไม่ได้ตอบรับทันที นางยังคงแสร้งทำเป็นลังเลครู่หนึ่ง “แต่ข้ารับปากพี่ใหญ่เอาไว้แล้ว อีกทั้งพี่ใหญ่พูดถูกต้อง ครั้งนี้ท่านพ่อโมโหขนาดนี้ จะต้องเอาจริงอย่างแน่นอน”“ทางที่ดีควรเอาจริง”เวินจื่อเยวี่ยกล่าวด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก “ต่อให้ไม่เอาจริง ข้าก็จะทำให้เรื่องนี้กลายเป็นจริงขึ้นมาจนได้”“พี่สามพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”เวินเยวี่ยสีหน้างุนงง แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจเวินจื่อเยวี่ยยิ้ม “น้องหก เจ้าไร้เดียงสาเกินไปแล้ว ไม่เข้าใจว่าคนบางคนมีนิสัยเอาแต่ใจและอวดดีมาตั้งแต่เกิด ไม่ให้นางลองสูญเสียดูบ้าง นางก็จะไม่มีทางแก้ไขสันดานเลวของตนเองได้ ดังนั้นครั้งนี้ข้าเห็นด้วยกับวิธีการของท่านพ่อ”“หลังจากตัดขาดความสัมพันธ์กับเวินซื่อ นางก็จะสูญเสียสถานะบุตรภรรยาเอกแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงที่ทำให้นางมีทุกอย่างไปจนหมดสิ้น และในไม่ช้านางก็จะได้รู้ เมื่อไม่มีสถานะนี้ นางก็ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น”ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ก้นบึ้งหัวใจของเวินเยวี่ยยิ้มออกมาทันทียอดเยี่ยม ไม่คิดเลย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 77

    “อืม รู้แล้ว จำเอาไว้ว่าพรุ่งนี้ให้พาเขามาที่นี่ ไม่อย่างนั้นต่อให้รับสินเจ้าสาวของท่านแม่แล้ว ขอเพียงแค่เวินจื่อเฉินเขาไม่มาขอโทษ ข้าก็ไม่มีทางตกลง”หลังจากเวินซื่อพูดจบ ก็พูดเสริมตามเขาอีกหนึ่งประโยค “เข้าใจแล้วหรือไม่?”เวินจื่อเยวี่ยสีหน้าเย็นชาขึ้นมาทันที“ดี เวินซื่อ เจ้ายอดเยี่ยมอย่างที่คาดเอาไว้”เวินซื่อไม่ได้สนใจเขา ยกหีบสินเจ้าสาวทั้งหมดเข้าไปข้างในพร้อมกับบรรดาศิษย์พี่หญิงจนกระทั่งยกหีบสุดท้ายหมด นางก็ไม่ได้มองเวินจื่อเยวี่ยพวกเขาอีกแม้แต่แวบเดียวเวินเยวี่ยมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ข้าง ๆถึงอย่างไรนางก็เป็นเพียงแค่น้องสาวที่เชื่อฟังคำสั่งสอนพี่สามให้นางทำอะไร นางก็ทำอย่างนั้นรอจนถึงเรื่องจบสิ้นลงในที่สุดราวกับมีก้อนหินยักษ์ตกลงไปในก้นบึ้งหัวใจของเวินเยวี่ยโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่นำเรื่องนี้กลับไปบอกแก่เวินเฉวียนเซิ่ง วันต่อมาเวินเฉวียนเซิ่งก็นำชื่อของเวินซื่อลบออกจากบันทึกลำดับญาติเวินฉางอวิ้นอยากจะขวางแต่ก็ขวางเอาไว้ไม่ได้เวินเยวี่ยที่มองดูด้วยจิตใจมีความสุขเบิกบานยังจงใจไปรีบเวินจื่อเฉินโดยเฉพาะตอนที่เตรียมจะใกล้ชิดพี่รองคนที่ไม่ได้เจอมานานผู้นี้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 78

    “พี่รอง ท่านเสียสติไปแล้วหรือ?”เวินจื่อเยวี่ยหันไปมองเวินจื่อเฉินอย่างประหลาดใจแม้ทีแรกพวกเขาก็เตรียมที่จะพาเวินจื่อเฉินไปขอโทษก็ตาม แต่เวินจื่อเฉินที่สมัครใจเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกแปลกใจมากจริง ๆ”“เป็นเพราะการโบยแปดสิบไม้ใหญ่ทำให้ท่านโง่งมไปแล้ว หรือเป็นเพราะท่านอยู่ในคุกจนความฉลาดหายไป?”เวินจื่อเยวี่ยเอ่ยปากอย่างดูถูกประมาณหนึ่งเวินเยวี่ยเองก็อดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัย “พี่รอง ท่านไม่เป็นอะไรจริง ๆ หรือ?”เวินจื่อเฉินคิดไม่ถึงว่าตนเพียงแค่พูดประโยคนั้นเพียงประโยคเดียว ปฏิกิริยาของทั้งสองคนจะรุนแรงถึงเพียงนี้เขาพูดไปไม่ออกไปครู่หนึ่งจากนั้นก็พูดสิ่งที่ตนคิดตอนที่ติดอยู่ในคุกหลายวันนี้ออกมา “อันที่จริงวันนั้นหลังจากที่ลงมือตบตีเวินซื่อ ข้าก็นึกเสียใจ”หลายวันมานี้ ทุกครั้งที่เขาหวนนึกถึงสีหน้าของเวินซื่อในวันนั้นขึ้นมาช่างเป็นภาพที่บาดตาเสียจริงเหตุใดไม่ได้เจอกันเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ไม่คิดเลยว่าเวินซื่อจะแสดงสีหน้าเจ็บแค้นเขาแบบนั้น?เขากำลังคิดถึงจุดประสงค์แรกตอนที่ตนขึ้นไปบนภูเขา เดิมทีเขาแค่อยากจะพาตัวเวินซื่อกลับบ้านเท่านั้นแต่เขาคิดไม่ถึงว่าปฏิกิริยาของเวินซื่อ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 79

    “ผลัวะ!”เวินจื่อเยวี่ยยังไม่ทันพูดจบ จู่ ๆ เวินจื่อเฉินก็กระแทกหมัดใส่ใบหน้าของเขา ทำให้เวินจื่อเยวี่ยไม่ทันได้ป้องกันตัว“พี่รอง!”เวินเยวี่ยที่อยู่ด้านข้างก็คิดไม่ถึงว่าเวินจื่อเฉินจะลงมืออย่างกะทันหันเช่นนี้ยังเป็นการลงมือกับเวินจื่อเยวี่ย เพราะเวินซื่ออีกด้วย!“เจ้ามันคนไม่มีหัวจิตหัวใจ! เจ้าลืมสิ่งว่าก่อนท่านแม่ตายได้พูดอะไรกับพวกเราไปแล้วอย่างนั้นหรือ? นางให้พวกเราดูแลน้องสาวให้ดี เจ้ากลับดูแลนางแบบนี้หรือ? ไม่คิดเลยว่าเจ้ายังจะพูดว่านางดื้อรั้นจนสุดจะทนอีก? !”เวินจื่อเยวี่ยหันหลังกลับไปชกเวินจื่อเฉินคืนหนึ่งหมัดโดยไม่ออมมือเลยแม้แต่น้อยเมื่อเทียบกับเวินจื่อเฉินที่บนร่างกายยังมีอาการบาดเจ็บ และติดอยู่ในคุกมาหลายวัน หมัดของเขาต่อยได้อย่างหนักหน่วงต่อยเวินจื่อเฉินจนเกือบกระเด็นออกไปด้านนอกห้องโดยสารเผชิญหน้ากับความโกรธของเวินจื่อเฉิน หลังจากเวินจื่อเยวี่ยบ้วนเลือดออกมาคำหนึ่ง ก็จ้องมองเขาด้วยสีหน้าบึ้งตึงพร้อมกล่าว“พี่รอง ขอเตือนท่านว่าทางที่ดีอย่าเอาความโมโหมาระบายที่ข้า ข้าไม่ใช่เวินซื่อ เมื่อก่อนถ้าเป็นแบบนี้ละก็ พี่รองท่านก็คงต่อว่าเวินซื่อไม่น้อยเหมือนกัน ยิ่ง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 80

    เวินจื่อเยวี่ยเดาได้ไม่ผิดจริง ๆในตอนที่พวกเขากำลังรีบร้อนตามหาม้า รีบลากรถม้าไล่ตามไปถึงอารามสุ่ยเยว่ ก็เห็นเวินจื่อเฉินกำลังถูกบรรดาซือไท่ที่ถือไม้พลองกลุ่มหนึ่งล้อมเอาไว้ จ้องมองเขาด้วยสีหน้าโกรธแค้น“น้องห้า! น้องห้าเจ้าออกมาสิ!”“ข้าคือพี่รองของเจ้า ข้ามาขอโทษเจ้าแล้ว!”“น้องห้า ขอร้องเจ้าออกมาเจอหน้าข้าสักครั้ง ได้หรือไม่?”เวินจื่อเฉินยืนอยู่ที่ด้านนอกอารามสุ่ยเยว่ กำลังตะโกนเรียกเวินซื่อม่อโฉวซือไท่ที่ยืนอยู่บริเวณประตูอารามสุ่ยเยว่เอ่ยปากเย็นชา “หากประสกอยากจะขอโทษละก็ เช่นนั้นก็พูดมาตรงนี้เถอะ ข้าจะไปแจ้งอู๋โยวแทนท่าน”“ไม่ได้!”เวินจื่อเฉินส่ายหน้ากล่าว “ข้าต้องการให้น้องห้าออกมาพบข้า ในเมื่อเป็นการขอโทษนาง เช่นนั้นข้าก็ควรกล่าวขอโทษต่อหน้านาง”“ไม่ต้องหรอก”ม่อโฉวซือไท่ปฏิเสธเขาโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย“อารมณ์ของประสกฉุนเฉียวไม่ปกติ เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องราวแบบคราวก่อน ประสกไม่จำเป็นต้องพบอู๋โยวอีกแล้ว”เวินจื่อเฉินได้ยินคำพูดประโยคนี้ ก็ยืนอึ้งอยู่ที่เดิม “หมายความว่าอย่างไรที่ไม่จำเป็นต้องพบนางอีกแล้ว?”“ความหมายของข้าก็หมายความตามนั้น อู๋โย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 81

    “ขอโทษนะน้องห้า ขอโทษจริงๆ ข้ามันสมควรตายจริงๆ! ฮือๆ ๆ...”เวินจื่อเฉินกล่าวขอโทษไม่หยุด จนในที่สุดเขาก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้อีกต่อไป สติแตกปล่อยโฮออกมาเสียงดังเหล่าซือไท่ที่ล้อมเขาไว้ต่างสบตากันพวกนางไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะร้องไห้อย่างกะทันหันเช่นนี้คราวนี้จะทำอย่างไรดี?เหล่าซือไท่ต่างพากันหันกลับไปมองม่อโฉวซือไท่ที่อยู่ตรงประตูม่อโฉวซือไท่ส่งสายตาราบเรียบไป พวกนางจึงเก็บไม้พลองในมือ แล้วกลับไปอยู่ด้านหลังม่อโฉวซือไท่“ข้าได้ยินคำขอโทษของเจ้าแล้ว จะแจ้งให้อู๋โยวทราบ”แม้ว่าท่าทางของเวินจื่อเฉินจะดูน่าสงสารขนาดนั้น ร้องไห้เสียใจอย่างมากเช่นนั้น ม่อโฉวซือไท่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะใจอ่อนเลยหลังจากที่นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาจบ ก็สั่งให้คนปิดประตู ทิ้งเวินจื่อเฉินให้ร้องไห้คร่ำครวญอยู่ด้านนอกต่อไปเพียงลำพังเวินจื่อเยวี่ยรู้สึกว่าท่าทางแบบนี้ของพี่รองดูน่าอับอายขายหน้าเล็กน้อย เขาจึงก้าวไปข้างหน้าแล้วเตะเวินจื่อเฉินหนึ่งที“พี่รอง ข้าว่าท่านไม่เห็นต้องร้องไห้ขนาดนี้เลยนี่?”เขาเกาหัวอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย “ท่านอยากง้อเวินซื่อขนาดนั้นเชียวหรือ?”เวินจื่อเฉินยังคงร้องไห้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 82

    “เอาละ ในเมื่อเจ้าไม่ชอบ เช่นนั้นข้าก็จะไม่พูดแล้ว”ม่อโฉวซือไท่ลูบหัวของนาง พลางตรวจการบ้านไปด้วย กล่าวกับนางไปด้วย “จริงสิ อีกสักพักเจ้าลงเขาไปกับข้าสักรอบ”“หือ? ข้าลงเขาไปกับท่านอาจารย์ได้หรือ?”เดิมทีเวินซื่อไม่ได้ตื่นเต้นมากนัก แต่พอได้ยินเรื่องนี้ ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที“ได้แน่นอน”ม่อโฉวซือไท่ยิ้ม “ข้ามีคนไข้อยู่ที่เชิงเขา ต้องลงไปดูอาการให้นาง...”กล่าวได้เพียงครึ่ง นางก็ลังเลครู่หนึ่ง “แต่ฐานะของอีกฝ่ายอาจจะทำให้เจ้ารู้สึกอึดอัดใจอยู่บ้าง”“ฐานะอะไรหรือ?”เวินซื่อเอ่ยถามด้วยความสงสัย“คนผู้นั้นคือฮูหยินผู้เฒ่าจวนจงหย่งโหว”เมื่อม่อโฉวซือไท่เอ่ยประโยคนี้ เวินซื่อก็เข้าใจในทันทีว่านางกำลังกังวลเรื่องอะไรฮูหยินผู้เฒ่าจวนจงหย่งโหว ก็คือท่านย่าของชุยเส้าเจ๋อ อดีตคู่หมั้นของนางเวินซื่อยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นฮูหยินผู้เฒ่าท่านนั้นนี่เอง ไม่เป็นไรหรอกท่านอาจารย์ ข้ากับจวนจงหย่งโหวของพวกเขาได้ถอนหมั้นกันไปแล้ว ในเมื่อไม่ได้ไปหาชุยเส้าเจ๋อโดยเฉพาะ เช่นนั้นจะมีอะไรที่ต้องหลบเลี่ยงอีกเล่า?”“เด็กดี เจ้าคิดได้ก็ดีแล้ว”เดิมทีม่อโฉวซือไท่ก็เป็นห่วงนางในเรื่องนี้มากเหมือนกัน

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 308

    สายตาของเวินเฉวียนเซิ่งถอนกลับจากภายนอกอย่างช้า ๆ เขาเหลือบมองขาของเวินจื่อเยวี่ยอย่างเฉยชา“ยังไม่รู้ว่าเป็นนางจริง ๆ หรือเปล่า แต่คาดเดาว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับนางอย่างตัดไม่ขาด”“ข้ารู้อยู่แล้ว!”เวินจื่อเยวี่ยพูดอย่างโกรธเคือง “เวินซื่อจะไม่ปล่อยน้องหกไปแน่! คราวก่อนก็ใส่ร้ายน้องหกว่าขโมยกระดูกของท่านแม่ไป ตอนนี้แทนที่จะยอมรับผิดกลับเล่นงานฝ่ายตรงข้าม ซ้ำยังกล้าโกหกและร้องเรียนต่อฝ่าบาท ทำให้น้องหกถูกขังไว้ในวัง!”เมื่อได้ยินคำพูดครึ่งแรกของเวินจื่อเยวี่ย เวินเฉวียนเซิ่งก็นิ่งไปเล็กน้อยแต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไรสักอย่าง“ในเมื่อมีความเกี่ยวข้องกับเวินซื่อ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไม่ต้องไปหานางอีกหรือ?”เวินอวี้จือขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ค่อยอยากจะไปพบเวินซื่อสักเท่าใด“ถ้าพวกเจ้าไม่อยากไป ก็สามารถไปหาพี่รองของพวกเจ้าได้”เวินเฉวียนเซิ่งเสนอความคิดให้พวกเขาอย่างเฉยชาเมื่อเวินอวี้จือได้ยินดังนั้น ก็ลูบคางเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรขึ้นมาเวินจื่อเยวี่ยลังเลเล็กน้อย “พี่รองเขาจะตอบตกลงไหม?”ครั้งที่แล้วตอนที่เวินจื่อเฉินออกจากจวนเจิ้นกั๋วกง ก็เอะอะโวยวายกว่าพี่ใหญ่เสียอีกสีหน้ามีแว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 307

    “ท่านพ่ออีกคน ท่านก็เหมือนกัน ลูกรู้ว่าท่านลำเอียงเข้าข้างน้องหก แต่หัวใจของท่านก็อย่าเอนเอียงจนเกินไป!”เวินฉางอวิ้นจ้องเขม็งใส่บิดาท่านนี้ที่เขาเคยเคารพศรัทธามาโดยตลอดทั้ง ๆ ที่เคยเป็นแบบอย่างที่เขาอยากเดินตาม แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าอะไร ๆ ล้วนไม่จริง!ตัวตนของน้องหกก็ไม่จริงความรู้สึกของพ่อที่มีต่อแม่ก็ไม่จริงยังมีภาพลักษณ์พี่ชายที่ดีที่สุดในเมืองหลวงของเขา ก็ไม่จริงเช่นกัน!เขาไม่สมควรที่จะเรียกตัวเองแบบนั้น!เมื่อนึกขึ้นมาในตอนนี้ เขารู้สึกเสียใจมากจริง ๆทั้ง ๆ ที่เขาเป็นพี่ชายคนโตของครอบครัวนี้ แต่กลับไม่ห้ามน้องสาวออกบวช และไม่ได้เกลี้ยกล่อมน้องชายที่ออกจากบ้านให้กลับมาบัดนี้เมื่อเขาได้สติในที่สุด ก็ได้สูญเสียน้องห้าและน้องรองไปแล้วเวินฉางอวิ้นมองดูน้องชายสองคนที่เหลืออยู่ในบ้าน มองดูพวกเขาเหมือนกับตัวเองเมื่อก่อนทุกประการ ท่าทางไม่มีสติเลยแม้แต่นิดเดียวเขาอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “น้องสาม น้องสี่ ดูแลครอบครัวนี้ให้ดี หากพวกเจ้ายังไม่ได้สติอีกล่ะก็ ครอบครัวนี้ก็จะแตกแยกจริง ๆ แล้ว!น่าเสียดายที่เวินจื่อเยวี่ยไม่เข้าใจเวินอวี้จือก็ไม่เข้าใจเช่นกันพวกเขามองพี่ใหญ่ท

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 306

    การระเบิดคำถามอย่างกะทันหันของเวินฉางอวิ้น ทำให้ทั้งเวินจื่อเยวี่ยและเวินอวี้จือที่ตั้งใจจะคุยกับเวินจื่อเยวี่ยตกตะลึงไปเวินเฉวียนเซิ่งไม่ได้เอ่ยปาก เพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางเหลือบมองเวินฉางอวิ้นเวินจื่อเยวี่ยเปิดปาก อยากจะพูดบางอย่างเพื่อโต้แย้ง แต่สุดท้ายก็แค่บ่นด้วยความอึดอัดใจ “นั่นจะโทษตัวนางก็ไม่ได้ และไม่ใช่พวกเราที่บีบบังคับให้นางออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงให้ได้นี่”เวินฉางอวิ้นยิ้มเยาะ โยนมาให้เขาแล้ว พลางเอ่ยอย่างราบเรียบ “น้องสาม ดวงตาของเจ้าบอดแล้ว ข้าก็เช่นกัน พวกเราทุกคนก็เช่นเดียวกัน”“มีเพียงน้องรองเท่านั้นที่ได้สติแล้ว เขาเข้าใจทุกอย่าง ดังนั้นจึงไปจากบ้านหลังนี้โดยไม่ยอมหวนกลับเหมือนน้องห้า”“ได้สติอะไร แค่ออกไปเป็นคนโง่เท่านั้นเอง”เวินจื่อเยวี่ยกล่าวอย่างไม่แยแส“พี่ใหญ่ ท่านไม่ได้แอบไปดูหรือ? เขาออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงของเรา แม้แต่ที่อยู่อาศัยของตัวเองยังหาไม่ได้ด้วยซ้ำ ทำได้เพียงออกไปสร้างกระท่อมฟางโทรม ๆ เหมือนขอทาน นี่น่ะหรือได้สติอย่างที่พี่ใหญ่ว่า? ข้าว่าเขาเป็นแค่เรื่องขำขันมากกว่า”แต่เวินฉางอวิ้นกลับเหลือบมองเขาด้วยสีหน้าเวทนา“เจ้าบอกว่าน้องรองเสียสติ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 305

    จวนเจิ้นกั๋วกงห้องหนังสือ“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ ข้าไม่นึกเลยว่าพวกท่านจะปฏิบัติกับน้องหกแบบนี้!”“พวกท่านรู้ดีว่าวังหลังนั่นคือสถานที่อะไร รู้ดีว่าพระองค์เกรงกลัวจวนเจิ้นกั๋วกงของเราแค่ไหน พวกท่านยังกล้าวางใจทิ้งน้องหกไว้ที่นั่นอีก!”“ถ้าน้องหกอยู่ในวังถูกข่มเหงรังแกจะทำอย่างไร? หากพวกเราไม่ได้อยู่ใกล้ตัวนาง ใครจะสามารถปกป้องนางได้?!”“ได้ ได้! ในเมื่อพวกท่านไม่ไปหานาง ถ้าอย่างนั้นข้าจะไป!”“หากรู้ตั้งแต่แรกว่าวันนั้นหลังจากน้องหกตามพวกท่านเข้าวังไปแล้ว จะถูกพวกท่านทิ้งไว้ที่นั่นล่ะก็ ต่อให้ขาข้างนี้ของข้าต้องพิการก็จะตามพวกท่านเข้าวังไปด้วย!”สกุลเวินในเวลานี้เกิดการโต้เถียงใหญ่โตมาสองวันแล้ว เพราะเรื่องที่เวินเยวี่ยเข้าวังพูดให้ถูกก็คือ ส่วนใหญ่เป็นการโวยวายเพียงฝ่ายเดียวของเวินจื่อเยวี่ยเป็นหลักแม้ว่าเวินอวี้จือจะไม่เอะอะโวยวายเหมือนกับเวินจื่อเยวี่ย แต่ทุกครั้งเมื่อเวินจื่อเยวี่ยเสียงดัง โดยพื้นฐานเขาก็ยืนอยู่ข้างเวินจื่อเยวี่ยเสมอส่วนพ่อลูกคู่นี้เวินเฉวียนเซิ่งและเวินฉางอวิ้น ทั้งสองนั้นมีนิสัยใจคอเหมือนกัน ในตอนแรก ๆ ยังสามารถอดทนไว้ได้ อธิบายให้พวกเข้าฟังอย่างใจเย็น ไม่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 304

    เหลียงหมอมอคือคนเก่าคนแก่ที่อยู่ข้างกายองค์ไทเฮา และไทเฮาก็เจาะจงสั่งให้มาอบรมกฎเกณฑ์แก่เวินเยวี่ยดังนั้นนางจึงตอบปฏิเสธคำร้องขอของเวินเยวี่ยอย่างไม่ลังเล “ขออภัยด้วยคุณหนูหกสกุลเวิน เนื้อตัวของท่านมีกลิ่นอายชนบทมากเกินไป เพื่อให้ท่านได้เรียนรู้กฎเกณฑ์และกลายเป็นผู้สูงศักดิ์ในวังได้โดยเร็ว บ่าวจึงต้องเข้มงวดกับท่านเล็กน้อย”เมื่อได้ยินคำว่า “กลิ่นอายชนบทมากเกินไป” สีหน้าของเวินเยวี่ยก็บึ้งตึงขึ้นมาอย่างทนไม่ไหวทันทีนังแก่นี่กล้าดูหมิ่นนางได้อย่างไร?เวินเยวี่ยกัดฟันด้วยความโกรธ พลางข่มไฟโทสะไว้ “แต่ว่าพระองค์ตกหลุมรักข้าตั้งแต่แรกเห็น หากข้าไม่ทันระวังได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าในขณะที่เรียนรู้กฎเกณฑ์จากท่าน เกรงว่าหมอมอจะลำบากกระมัง?”ลูกไม้ตื้น ๆ แบบเวินเยวี่ยนี้ เหลียงหมอมอเคยเห็นมามากแล้วนางยิ้มเล็กน้อย “คุณหนูหกสกุลเวิน คำพูดของท่านนั้นไม่ถูกต้อง”เวินเยวี่ยไม่แยแส “ตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง?”“ไม่มีตรงไหนถูกต้องเลย พระองค์ทรงตกหลุมรักท่านตั้งแต่แรกเห็น ต้องการรับท่านเข้าวังในฐานะพระสนม ดังนั้นถึงให้ท่านเข้ามาเรียนรู้กฎเกณฑ์ในตำหนักของไทเฮา แต่ตอนนี้ท่านไม่เพียงแต่ไม่ตั้งใจเรียนรู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 303

    เวินฉางอวิ้นทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ“ไม่ใช่ขนมอบถั่วเขียวหรือ? ถ้าอย่างนั้นก็เป็นขนมกุ้ยฮวา?”รอยยิ้มบนใบหน้าของเวินซื่อสดใสขึ้น แต่ก็เย็นชาลงเช่นกัน “ขนมกุ้ยฮวา พี่ใหญ่แน่ใจหรือ? คิดว่าเป็นขนมกุ้ยฮวาจริงหรือ? ไม่อย่างนั้นพี่ใหญ่ลองเดาดูอีกครั้ง เพราะถึงอย่างไรทุกครั้งท่านก็เดาแม่นเช่นนี้เสมอ ทำไมไม่ลองดูหน่อยว่า น้องสาวที่น่ารำคาญอย่างข้าผู้นี้ มีของที่ไม่ชอบกินที่สุดมากน้อยแค่ไหนกันแน่?”ใบหน้าของเวินฉางอวิ้นซีดเผือดอีกครั้งในชั่วประเดี๋ยวเดียว“ช่างมันเถอะ ข้าชอบกินอะไรมันเกี่ยวอะไรกับพี่ใหญ่ด้วยเล่า เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ พี่ใหญ่จำไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ”น้ำเสียงของเวินซื่อเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน “เพราะถึงอย่างไรต่อให้ข้าไม่กิน แต่ก็ยังมีคนหนึ่งที่ชอบกินอย่างไรเล่า พี่ใหญ่รีบห่อกลับไปให้น้องสาวสุดที่รักผู้นั้นที่ท่านรักสุดหัวใจเถิด”“ไม่ใช่นะ...น้องห้าเจ้าฟังพี่ใหญ่อธิบายก่อน พี่ใหญ่ไม่ได้ตั้งใจซื้อขนมอบถั่วเขียวที่เจ้าเกลียดมาให้ เพียงแต่ตอนนั้นซื้อไปโดย...จิตใต้สำนึก”เวินฉางอวิ้นร้อนใจจนพูดจาไม่คล่อง พูดถึงตอนท้ายเขาเองยังรู้สึกอับอายยิ่งกว่าเดิมเมื่อคิดดูอย่างรอบคอบ ขนมอบถั

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 302

    “หากข้ากล้าทำเช่นนั้น ข้าก็ไม่ใช่คน ขอให้ฟ้าผ่าลงทัณฑ์ข้า!”เวินฉางอวิ้นยืนรับรองอยู่ข้างนอกอารามสุ่ยเยว่เป็นเวลาครึ่งชั่วยามแล้ว ลำคอแทบแห้งผาก ซือไท่เหล่านั้นถึงผ่อนคลายลง รับปากว่าจะช่วยเข้าไปพูดให้เขาแต่น่าเสียดายเหล่าซือไท่รับปากว่าจะบอกให้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเวินซื่อจะตกลงออกไป“ไม่ไป”แค่สองคำที่มีกลับมาถึงเบื้องหน้าเวินฉางอวิ้นเวินฉางอวิ้นมีหรือจะยอมแพ้ง่าย ๆ เช่นนี้“เหล่าซือไท่ได้โปรดช่วยเกลี้ยกล่อมน้องสาวของข้าอีกครั้ง ข้าแค่อยากเห็นหน้านางเท่านั้น”“ไม่ได้ ธิดาศักดิ์สิทธิ์บอกไปแล้วว่าจะไม่พบท่านก็คือไม่พบท่าน ท่านอย่ามาเสียเวลาที่นี่เลยดีกว่า รีบกลับไปเสียเถอะ”เหล่าซือไท่ที่ไม่ถูกชะตากับจวนเจิ้นกั๋วกงอยู่แล้ว หลังจากส่งต่อคำพูดจบแล้วก็รีบขับไล่เขาทันที ไม่อยากให้เวินฉางอวิ้นอยู่หน้าอารามสุ่ยเยว่ของพวกนางนานไปกว่านี้แม้แต่นิดเดียวแต่พวกนางนึกไม่ถึงว่าวันนี้ขับไล่ไป แต่หลังจากนี้เวินฉางอวิ้นก็มาอีกทุกวันทันทีที่เสร็จงานในช่วงบ่าย ไม่ได้กลับไปที่จวนเจิ้นกั๋วกงด้วยซ้ำก็ตรงมาที่อารามสุ่ยเยว่เลยมาเคาะประตูทุกวัน รบกวนจนเหล่าซือไท่หาความสงบสุขไม่ได้สุดท้ายก็ต้อ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 301

    “ท่าน วันนี้มาได้อย่างไร?”เวินซื่อมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยนางรู้ว่าวันเหมายันมาเยือนของทุกปีในราชสำนักจะมีงานเลี้ยงใหญ่ของเหล่าขุนนาง แต่ปีนี้นางไม่ได้ไปเพราะถึงอย่างไรนางก็ไม่ใช่บุตรสาวภรรยาเอกของจวนเจิ้นกั๋วกงอีกแล้วฝ่าบาททรงส่งคนมาถามนาง แต่นางก็ยังปฏิเสธอย่างสุภาพเนื่องจากออกบวชเป็นชีแล้ว งานเลี้ยงสวดขอพรเหล่านั้นที่ไม่ต้องมีนางอยู่ด้วยก็ไม่จำเป็นต้องไปอยู่แล้วแม้ว่าฝ่าบาทจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ก็หลีกเลี่ยงคำนินทากาเลไม่ได้อยู่แล้วนางไม่อยากเพิ่มความยุ่งยากใจให้ฝ่าบาทเกินไป“งานเลี้ยงสิ้นสุดลงแล้ว เหลือเพียงความสนุกสนานหลังจากร่ำสุรา ช่างน่าเบื่อหน่ายจริง ๆ สู้มาหาท่านดื่มกันสักจอกดีกว่า”เวินซื่อเลิกคิ้วขึ้น “ข้าดื่มสุราไม่ได้”“ข้ารู้ ก็เลยนำชาอย่างดีมาให้ท่านจำนวนหนึ่ง”เป่ยเฉินหยวนชูถ้วยชาขึ้น พลางเชื้อเชิญนาง “ไม่ทราบว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์จะยินดีดื่มกับข้าสักถ้วยหรือไม่?”เวินซื่อไม่ได้เห็นเขามีท่าทีจริงจังขนาดนี้มานานแล้ว จึงอดหัวเราะไม่ได้ “เป็นเกียรติอย่างยิ่ง”สองคนนั่งลงด้วยกันเป่ยเฉินหยวนยื่นน้ำชาที่เพิ่งชงเสร็จเมื่อครู่ หลังจากปล่อยให้เย็นลงเ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 300

    “ทุกอย่าง?”เป่ยเฉินหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “รวมถึงชีวิตของเจ้าด้วยหรือ?”“แน่นอน ท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่เหมาะกับการตบตีฆ่าฟัน แต่หม่อมฉันแตกต่างออกไป หม่อมฉันสามารถเป็นดาบที่คมที่สุดในมือของท่านอ๋อง เพื่อท่าน...”“ฉัวะ!”อันหลันซินยังไม่ทันพูดจบ กระบี่เล่มหนึ่งก็แทงเข้ามาจากด้านข้างรถม้า เกือบจะเฉือนคอของอันหลันซินเหงื่อเย็นไหลลงมาบนหน้าผากของอันหลันซินทันทีข้างนอกรถ เป่ยเฉินหยวนดึงมือกลับ “กระบี่ในมือข้ามีมากมาย ไม่ได้ขาดเจ้า อีกอย่าง อย่าเอาเจ้าไปเปรียบเทียบกับอู๋โยว หากมีครั้งหน้า กระบี่นี้จะไม่แทงพลาดแล้ว”พูดจบ เป่ยเฉินหยวนก็หันหลังขึ้นม้า เหลือบมองรถม้าด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วสั่งเกาเย่า“เผาเสีย”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง!”อันหลันซินที่แผนการยั่วยวนล้มเหลวตั้งแต่ครั้งแรก ในที่สุดก็ถูกเกาเย่าไล่ลงมาจากรถม้าและรถม้าคันนั้นก็ถูกเกาเย่าลากไปเผาทิ้งจริงๆ อันหลันซินที่รู้สึกได้ถึงความรังเกียจอย่างสิ้นเชิง ในใจของนางก็รู้สึกย่ำแย่มากแต่นางก็พอจะคาดการณ์ไว้บ้างแล้วเพียงแต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกรังเกียจอย่างสิ้นเชิงขนาดนี้แต่ถ้าเขาถูกนางยั่วยวนได้ง่ายเกินไป นา

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status