Share

บทที่ 474

Author: จิ้งซิง
สีหน้าของเวินเยวี่ยแข็งค้าง

แค่นี้?

แค่ของเก่าพังๆ นี่ ยังกล้าเอามามอบให้นางเป็นของหมั้นอีกหรือ?!

จวนจงหย่งโหวของพวกเจ้า ยากจนถึงขนาดไม่มีอะไรจะกินแล้วหรือ?

เวินเยวี่ยมองปิ่นปักผมหักอันนั้น ดวงตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ

“ชุยเส้าเจ๋อ!”

เวินอวี้จือที่ได้ยินคำพูดของชุยเส้าเจ๋อเมื่อครู่เช่นเดียวกัน ก็รู้สึกโกรธมาก

เขาลุกขึ้นยืนทันที “ท่านรนหาที่ตาย แค่กๆๆ ...ท่าน... ท่านรนหาที่ตายใช่หรือไม่?!”

ใครจะรู้ว่าลุกขึ้นเร็วเกินไป เกือบจะหายใจไม่ทัน จึงไอเสียจนใบหน้าที่ซีดขาวแดงก่ำไปหมดแล้ว

เขาเอามือปิดปากไอไปพลาง จ้องมองชุยเส้าเจ๋ออย่างดุร้ายไปพลาง ชี้หน้าเขาแล้วด่าทอ

“แค่กๆๆ ...คนสารเลวอย่างท่านอย่าได้คิดที่จะแตะต้องน้องหกแม้แต่น้อย ไสหัวไป...ไสหัวไปเสีย!”

“ไม่ใช่ น้องสี่ เจ้าดูแลตัวเองให้ดีเถอะ เรื่องระหว่างข้ากับน้องเยวี่ยเอ๋อร์ พวกเราจะตัดสินใจกันเอง ยังไม่ถึงคราวที่ต้องให้เจ้ามาจัดการ”

ชุยเส้าเจ๋อปัดมือของเวินอวี้จือที่ชี้หน้าเขาออกไป แล้วกล่าวอย่างไม่พอใจ

เมื่อครู่เขาเห็นเวินอวี้จือก็รู้สึกขัดหูขัดตาแล้ว ตอนนี้ยิ่งรู้สึกขัดหูขัดตาเข้าไปใหญ่

“ข้า...ข้าเป็นพี่สี่ของน้องหก เรื่องสำค
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 475

    ในคืนนั้น ร่างหนึ่งหลบเลี่ยงคนทั้งหมดของจวนเจิ้นกั๋วกง ปรากฏตัวขึ้นในห้องของเวินอวี้จืออย่างเงียบเชียบจู๋เยวี่ยที่ยืนอยู่ข้างเตียงจ้องมองคนที่อยู่บนเตียง กริชเล่มหนึ่งแนบชิดกับลำคอของเวินอวี้จืออย่างเงียบงันทันทีที่คมกริชอันเย็นเฉียบเข้ามาใกล้ คอของเวินอวี้จือก็ปรากฏรอยเลือดเส้นหนึ่งดูเหมือนว่าเพียงออกแรงอีกนิด ก็จะสามารถตัดหลอดลมของเขาได้โดยตรงแต่น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วจู๋เยวี่ยก็ไม่ได้ลงมือต่อ“จะให้พวกเขาตายเมื่อไรก็ได้ แต่ข้าไม่อยากให้พวกเขาตายง่ายเกินไป การแก้แค้นของข้า ตั้งแต่แรกก็คือต้องการให้พวกเขามีชีวิตอยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็น”นี่คือคำพูดที่เวินซื่อเคยกล่าวกับจู๋เยวี่ยจู๋เยวี่ยไม่เข้าใจ แต่ไม่เป็นไร ขอเพียงเป็นสิ่งที่นายหญิงของนางกล่าว นางก็จะทำตามหลังจากเก็บกริชกลับไป จู๋เยวี่ยก็หยิบแมงมุมขนาดเท่าฝ่ามือออกมา วางไว้บนตัวของเวินอวี้จือแมงมุมตัวนั้นไต่ไปทั่วตัวของเวินอวี้จือสองสามรอบ สุดท้ายเหมือนจะหาที่ได้ มันไต่ไปที่คอของเวินอวี้จือ แล้วกัดลงไปเวินอวี้จือที่กำลังหลับใหลดูเหมือนจะรับรู้ถึงบางสิ่ง ร่างกายขยับเล็กน้อยอย่างดิ้นรน แต่สุดท้ายก็ยังคงหลับสนิทต่อไป

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 476

    หากมีคนมาหยั่งเชิง นั่นก็ต้องเป็นคนของเวินเยวี่ยอย่างแน่นอนหากไม่มีใครมา เช่นนั้นก็น่าจะเป็นไปได้ว่าคือผู้ช่วยที่เวินเฉวียนเซิ่งเชิญมาจากข้างนอก และดูจากสถานการณ์เมื่อคืน ก็เป็นประเภทที่คอยคุ้มกันเวินเยวี่ยเท่านั้นเวินซื่อหรี่ตาลงเล็กน้อย สั่งให้จู๋เยวี่ยระมัดระวังตัวและนางยังได้ฝังบางสิ่งบางอย่างไว้ใกล้ๆ กับอารามสุ่ยเยว่แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนางคิดมากไปเองหรือไม่ ผ่านไปหลายวันแล้ว จวนเจิ้นกั๋วกงนั่นก็ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ หรือว่าจะเป็นผู้ช่วยที่เวินเฉวียนเซิ่งเชิญมาจริงๆ?จะเป็นผู้ช่วยหรือไม่นั้นก็ยังไม่รู้ แต่ในวันรุ่งขึ้นหลังจากที่จู๋เยวี่ยไปที่จวนเจิ้นกั๋วกง เวินอวี้จือก็อาการทรุดหนักอีกครั้งและในครั้งนี้บรรดาหมอทั้งหมดรวมทั้งหมอหลวง หลังจากตรวจดูอาการของเวินอวี้จือแล้วต่างบอกว่าหมดหนทางรักษา ถึงขนาดมีบางคนบอกให้เวินเฉวียนเซิ่งเตรียมตัวสำหรับงานศพแต่หลายวันผ่านไป ภายในจวนเจิ้นกั๋วกงกลับไม่มีข่าวคราวใดๆ เล็ดลอดออกมาคนภายนอกที่ได้ยินข่าวลือบางอย่างต่างก็พูดกันไปต่างๆ นานาบางคนพูดว่าคุณชายสี่แห่งจวนเจิ้นกั๋วกงคงจะตายไปแล้วอย่างแน่นอนส่วนบางคนก็คาดเดาว่าน่าจะย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 477

    จวนเจิ้นกั๋วกง“พี่สี่ วันนี้ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง ดีขึ้นหรือไม่?”เวินเยวี่ยมาเยี่ยมเวินอวี้จืออีกแล้วนางนั่งลงข้างเตียงของเวินอวี้จือ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน สีหน้าแฝงไปด้วยความกังวลบนเตียง เวินอวี้จือมีสีหน้าซีดเซียว สภาพจิตใจย่ำแย่มาก แต่เมื่อเห็นเวินเยวี่ยมา ก็ยังฝืนยิ้มออกมา “วันนี้รู้สึกดีขึ้นกว่าเมื่อวานอีก ต้องขอบคุณยาของน้องหก ไม่เช่นนั้น เกรงว่าพี่สี่ของเจ้าคงจะไปอยู่ที่ปรโลกแล้ว”“พี่สี่อย่าพูดเช่นนี้ พี่สี่เป็นคนดีมีวาสนา ย่อมไม่เป็นอะไร ที่จริงแล้วยาของข้านั่นแหละ หากมันดีกว่านี้อีกหน่อย ก็คงจะไม่ทำให้พี่สี่ต้องเป็นแบบนี้ เป็นความผิดของข้า...”เวินเยวี่ยก้มหน้าลง แสดงสีหน้าตำหนิตัวเองอย่างเต็มที่ตอนนี้เวินอวี้จือจะไปโทษนางได้อย่างไร “ไม่ นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า และต้องขอบคุณยาของเจ้าด้วยซ้ำ ทำให้ข้ารอดชีวิตมาได้ การที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ก็ดีมากแล้ว”เขาฝืนยิ้มแม้ว่าปากจะพูดเช่นนั้น แต่สวรรค์รู้ว่าตอนนี้เขาได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจมากแค่ไหนสิ่งที่เขาเกลียดที่สุดก็คือการที่คนอื่นมองว่าเขาเป็นคนพิการไร้ประโยชน์เพราะว่าเขาเพียงแค่ร่างกายอ่อนแอขี้โรคเท่านั

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 478

    เวินเยวี่ยยังคงแสร้งทำท่าทางไร้เดียงสาเมื่อได้ยินเช่นนั้น เวินอวี้จือก็จ้องมองไปที่ใบหน้าของนาง สบตากับนางครู่หนึ่งเวินเยวี่ยชะงักไปครู่หนึ่ง ถูกเขามองจนรู้สึกผิดเล็กน้อยอย่างบอกไม่ถูกมองนางแบบนี้ทำไม?เดี๋ยวก่อน หรือว่าเวินอวี้จือจะพบอะไรบางอย่างแล้ว?เวินเยวี่ยหัวใจเต้นแรงทันที จากนั้นกลืนน้ำลายแต่ในตอนนั้นเอง เวินอวี้จือก็เผยรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้งออกมา “น้องหก ที่จริงเจ้าไม่ต้องกลัว พี่สี่ของเจ้ารู้ทุกอย่าง ดังนั้น เจ้าไม่ต้องเสแสร้งต่อหน้าพี่สี่ก็ได้ ปล่อยตัวตนที่แท้จริงของเจ้าออกมาเถิด”เวินเยวี่ย “...”ไม่ใช่สิ เขารู้อะไรกัน?ตอนนี้สีหน้าของเวินเยวี่ยดูฝืนๆ ยิ่งกว่าเวินอวี้จือเมื่อครู่นี้เสียอีกโชคดีที่เวินอวี้จือมองนางอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้า “เอาเถอะ ในเมื่อเจ้าอยากจะเสแสร้งก็แล้วแต่เจ้าเถิด พี่สี่ไม่ถือสา”เวินเยวี่ยไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ต่อแล้ว จึงเปลี่ยนเรื่องอย่างกระทันหัน “จริงสิ พี่สี่ ดอกไม้กระถางนั้นที่ข้าให้ท่านก่อนหน้านี้ยังอยู่หรือไม่?”เวินอวี้จือพยักหน้า “แน่นอน ข้าวางไว้ในห้องลับ เกิดอะไรขึ้น?”“เมื่อวานข้าเพิ่งรู้ว่าดอกไม้นั่นก็เป็นสม

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 479

    ปีนี้จวนเจิ้นกั๋วกงถูกกำหนดให้ต้องใช้ชีวิตอย่างไม่สงบสุขแต่ปีนี้เวินซื่อกลับใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจมาก“คืนพรุ่งนี้ลงเขาไปดูงานโคมไฟหรือไม่?”วันนี้เป่ยเฉินหยวนเอ่ยชวนขึ้นมากะทันหัน“งานโคมไฟ?”เวินซื่อชะงักไปครู่หนึ่ง “งานโคมไฟอะไร?”เป่ยเฉินหยวน “คืนพรุ่งนี้ก็เป็นวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว ในเมืองหลวงก็จัดงานโคมไฟเหมือนกับทุกปี”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เวินซื่อก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า เวลาผ่านไปครึ่งปีแล้วนับตั้งแต่ที่นางทูลขอพระบรมราชานุญาตออกบวช เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนถึงวันส่งท้ายปีเก่าแล้วเมื่อผ่านพ้นวันส่งท้ายปีเก่าไปก็จะเป็นเทศกาลปีใหม่ และก็จะเป็นปีใหม่แล้วเวินซื่อพ่นลมหายใจอุ่นๆ ออกมา ถูมือเล็กๆ ที่เริ่มจะแข็งเพราะความหนาวเย็น ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “ได้สิ แต่ว่าข้าต้องถามท่านอาจารย์ก่อน”สายตาของเป่ยเฉินหยวนจับจ้องอยู่ที่มือเล็กๆ ของนางที่เริ่มแดงเพราะความหนาวเย็นวันรุ่งขึ้น หลังจากทำสิ่งที่ต้องทำเสร็จแล้ว เวินซื่อก็บอกเรื่องนี้กับม่อโฉวซือไท่“ได้แน่นอน”ม่อโฉวซือไท่ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “ไปเที่ยวเล่นให้สนุกเถิด อย่าตึงเครียดกับตัวเองมากเกินไป”ไม่ใช่แค่เวินซื่อเท่านั้น หลังจากทำ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 480

    เขาชินเสียแล้วตรงกันข้าม หากไม่ได้เจออู๋โยวของเขาสักสองสามวัน เขาถึงจะรู้สึกไม่ชินครั้งนี้ เป่ยเฉินหยวนมารับเวินซื่อด้วยตัวเอง ก็ยังคงเป็นนางนั่งรถม้า เขาขี่ม้าตอนมาก็รีบร้อน ตอนกลับก็ค่อยๆ ไปเป่ยเฉินหยวนควบคุมม้าตัวใหญ่ที่อยู่ใต้ร่างของตนเอง อยู่ข้างๆ รถม้าที่เคลื่อนไปข้างหน้าไม่เร็วนักด้วยความเร็วที่ไม่ช้าและไม่เร็วเหลือบมองเล็กน้อย ก็ยังสามารถมองเห็นเวินซื่อที่นั่งอยู่ข้างใน พูดคุยหัวเราะกับฉางเสี่ยวหานผ่านหน้าต่างรถม้าที่ม่านถูกลมพัดปลิวเป็นครั้งคราวสายตาเลื่อนผ่านใบหน้าเล็กๆ ของนาง เป่ยเฉินหยวนก็เอ่ยขึ้นทันที “ในรถมีเตาอุ่นมือ ท่านหยิบออกมาอุ่นมือสักหน่อย อย่าให้เป็นหวัด”เวินซื่อได้ยินดังนั้น ก็มองหาในรถม้า ก็พบเตาอุ่นมือที่เป่ยเฉินหยวนพูดถึงแทบจะในทันทีไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่มีถึงสองอันอันหนึ่งประณีตและเล็กกะทัดรัด เหมาะกับมือของเวินซื่อพอดี มองแวบเดียวก็รู้ว่าเตรียมไว้ให้เวินซื่ออีกอันหนึ่งอยู่ที่ด้านหลังที่นั่งของฉางเสี่ยวหาน แม้ว่าจะไม่ประณีตเท่า แต่เมื่อสัมผัสก็อุ่นมากเช่นกันไม่ต้องพูดฉางเสี่ยวหานก็เข้าใจได้ทันที นี่จะต้องเป็นสิ่งที่ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 481

    สองชั่วยามต่อมา ในที่สุดรถม้าก็มาถึงเมืองหลวงประจวบกับม่านราตรีคล้อยลงปกคลุมท้องฟ้าเมืองหลวงในค่ำคืนนี้ไม่มีประกาศห้ามออกจากเคหสถานในยามราตรี หลังจากที่เวินซื่อและคณะเข้าเมืองมาแล้วก็เห็นปรากฏการณ์ไฟระยิบระยับนับหมื่นดวงตั้งแต่เข้ามาในเมือง ถนนทุกสายต่างประดับประดาด้วยโคมไฟ ประกายไฟสว่างพร่างพราว คึกคักมีชีวิตชีวามากทีเดียวเมื่อถึงถนนที่จัดเทศกาลโคมไฟประดับโคม ก็เห็นโคมไฟหลากชนิด รวมทั้งการละเล่นสนุกสนานต่าง ๆ เช่นการชมโคมไฟ ทายปริศนาโคมไฟ เชิดมังกรและอื่น ๆ เห็นแล้วฉางเสี่ยวหานก็ร้อง “ว้าว” ตลอดทางไม่หยุดเลยขณะที่ใกล้จะถึงสถานที่จัดงาน ถนนเบื้องหน้าไม่สามารถเปิดให้รถม้าสัญจรได้แล้ว เวินซื่อและพวกของนางก็ลงจากรถปะปนไปกับคลื่นมหาชน“ให้”ในขณะนี้ จู่ ๆ เป่ยเฉินหยวนก็โยนถุงเงินใส่มือของฉางเสี่ยวหาน“ในงานเทศกาลโคมไฟประดับโคมของเมืองหลวงมีการละเล่นมากมายสำหรับเด็ก ๆ ให้จู๋เยวี่ยพาเจ้าไปเที่ยวเล่น”“หืม?! หม่อมฉันไม่ใช่เด็กนะเพคะ!”ฉางเสี่ยวหานที่เด็กกว่าเวินซื่อเพียงหนึ่งขวบปี แต่เพราะรูปร่างเตี้ย จึงดูไม่ต่างจากอายุสิบสองหรือสิบสามปี จ้องเขม็งพลางเอ่ยอย่างขุ่นเคืองทันที“

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 482

    เวินซื่อนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะยิ้มออกมา “ตกลง แม่ชีเข้าใจแล้ว”“แม่ชี?”เป่ยเฉินหยวนยังคงมองดูนาง เหมือนยังไม่ยอมเลิกราง่าย ๆเวินซื่อจนปัญญาขึ้นมาทันที “ตกลง ๆ ข้าเข้าใจแล้ว”บัดนี้แม้แต่คำแทนตัวก็เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆเมื่อพูดถึงตรงนี้ เวินซื่อก็ตระหนักถึงบางอย่างโดยพลันดูเหมือนว่าอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนจะไม่ค่อยแทนตัวเองว่า “ข้าผู้เป็นอ๋อง” เมื่ออยู่ต่อหน้านาง และไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อใดแต่ในเมื่ออ๋องผู้สำเร็จราชการแทนก็เป็นเช่นนี้ นางก็เลยตามเลยแล้วกัน“ค่ำคืนนี้ยาวนาน คืนงานเทศกาลโคมไฟ อู๋โยวมาร่วมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กับข้า สนุกให้เต็มที่กันเถอะ?”หลังจากนั้นทั้งสองก็ละลายไปกับฝูงชนในเทศกาลโคมไฟ ในระเบียงยาวภายใต้โคมไฟประดับ เดินเตร่ไปทั่วถนนทั้งสาย ชมตรงนี้ จับจ่ายตรงนั้น ไม่นานเป่ยเฉินหยวนก็ถือของเต็มมือมีโคมไฟประดับที่ซื้อพร้อมกับเวินซื่อ โคมลอยน้ำที่สามารถลอยได้ โคมไฟหลากสีสันที่ได้มาจากการทายปริศนาโคมไฟ ยังมีมันเทศอบไว้กิน และของหวานไว้ดื่ม อย่างแล้วอย่างเล่าในตอนแรกยังคงถือไว้ในมือของเวินซื่อ แต่สักพักก็มาอยู่ในมือของเป่ยเฉินหยวน อีกครึ่งทางข้างหน้าก็น่า

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 522

    เวินเฉวียนเซิ่งไม่ได้ออมแรงเลย ดังนั้นเมื่อโดนฝ่ามือนี้เข้าไป ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเวินเยวี่ยแทบจะบวมในทันที นางโดนตบจนเซล้มลงบนพื้น มึนงงไปหมด ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ในเวลานี้เอง เงาสีดำหลายสายปรากฏตัวในเรือนเล็กของเวินเยวี่ย หนึ่งในนั้นไปยืนขวางตรงหน้าเวินเฉวียนเซิ่งโดยตรง และจ้องเขาด้วยสายตาเย็นชา“เจิ้นกั๋วกง นี่ท่านกำลังทำอะไร?”“ไสหัวไป”เวินเฉวียนเซิ่งจ้องคนกลุ่มนี้อย่างเย็นชา “ข้าสั่งสอนลูกสาวของตัวเอง ยังไม่ถึงคราวที่พวกเจ้าต้องมายุ่ง”“เวินเยวี่ยเป็นลูกสาวของท่านเจิ้นกั๋วกงก็จริง แต่นางก็เป็นสายเลือดของสกุลไป๋ด้วย ถ้าท่านกล้าแตะต้องนาง อย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจ”บนมือกู่อี้ซานมีแมลงสีดำหลายตัวปรากฏทันที หน้าตาดูแปลกประหลาดและน่ากลัวมาก“เหอะ”เวินเฉวียนเซิ่งหัวเราะอย่างเหยียดหยาม“นี่เจ้ากำลังขู่ข้าในจวนเจิ้นกั๋วกงของข้าหรือ?”แทบจะทันทีที่สิ้นเสียงเวินเฉวียนเซิ่ง มีองครักษ์ลับสิบกว่าคนปรากฏตัวพร้อมกัน บางคนร่อนลงที่ลานบ้าน บางคนอยู่บนกำแพง ‘ซ่า’ ชักกระบี่ฉับพลัน บรรยากาศตึงเครียดในพริบตาความแตกต่างของสองฝ่ายชัดเจนคนของกู่อี้ซานล้วนเป็นมือดี

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 521

    องครักษ์ลับที่อยู่ข้างหลังก้มหน้ากล่าว“เหอะ”เวินเฉวียนเซิ่งหัวเราะเสียงเย็นถ้าหากไม่มีปัญหาอะไรจริงๆ เหตุใดเมื่อวานเขาเพิ่งบอกว่าจะตรวจสอบให้ถึงที่สุด ดอกไม้ที่เวินเยวี่ยมอบให้ก็หายไปแล้ว?หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน ในห้องลูกชายคนโตของเขาไม่มีอะไรหายเลย นอกจากดอกไม้เหล่านั้นนี่ถ้าไม่มีปัญหา เช่นนั้นเวินเยวี่ยร้อนตัวอะไร?แล้วก็เจ้าสามลูกชายของเขา เกรงว่าเมื่อวานก็ไม่พูดความจริงกับเขาเช่นกันเวินเฉวียนเซิ่งหรี่ตา ไม่ได้ไปหาเวินเยวี่ยทันที แต่หันไปกล่าวกับพ่อบ้าน “ไปเชิญหมอหลวงหลี่มา บอกว่าอาการของคุณชายใหญ่ไม่ดี ข้าหวังว่าจะสามารถเชิญเขามาช่วยดูอีกรอบ”ไม่นานหมอหลวงหลี่ก็ถูกเชิญมาแล้วเวินเฉวียนเซิ่งกล่าวทักทาย ก็ได้รู้ความจริงจากหมอหลวงหลี่จริงๆ…“ดอกไม้สามกระถางนั่นเป็นดอกไม้พิษที่รุนแรงที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบ หลังจากข้าตรวจคุณชายใหญ่ ได้ลองกลับไปศึกษาดูสองวัน พบว่าดอกไม้สามกระถางนั่นอาจจะเริ่มแพร่พิษตั้งแต่ที่เริ่มปลูกแล้ว หลังจากเมล็ดเติบโตเป็นต้นกล้า ต้นกล้าแตกกิ่งก้าน กิ่งก้านเกิดดอกตูม ดอกตูมบานเป็นดอก สารพิษเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามกระบวนการแต่ละขั้น ปัจจุบันอยู่ในช่วงดอกตู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 520

    “ฟิ้ว!”มีดสั้นคมกริบเฉือนลำคอของคนชุดดำคนชุดดำตอบสนองอย่างรวดเร็ว เมื่อสังเกตเห็นว่าในห้องนี้นอกจากคนบนเตียงแล้ว ยังมีคนอื่นอยู่ด้วย คนชุดดำก็หลบไปด้านข้างด้วยความระแวดระวังในทันใด จากนั้นค่อยหันกลับมาตอบโต้ทั้งสองคนเริ่มต่อสู้กันภายในห้องของเวินฉางอวิ้นแต่ดูเหมือนว่าทั้งสองฝ่ายไม่อยากทำให้คนข้างนอกตื่นตกใจ ดังนั้นต่อให้ลงมือก็จะพยายามให้เงียบไว้หลังจากต่อสู้กันมากกว่าสิบรอบ เวินจื่อเยวี่ยก็ตระหนักว่าทักษะของคนชุดดำนั้นดีกว่าเขาจริง ๆ และยังเป็นแนวทางที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อนคนผู้นี้ไม่ใช่องครักษ์ลับหญิงที่อยู่ข้างกายเวินซื่อหลังจากเวินจื่อเยวี่ยตัดข้อสงสัยในตัวเวินซื่อออกไปแล้ว ก็เอามีดจ่ออีกฝ่ายไว้ แล้วคาดคั้นว่า “เจ้าเป็นใครกันแน่ ทำไมต้องวางยาพิษคุณชายใหญ่แห่งจวนเจิ้นกั๋วกงด้วย?!”คนชุดดำไม่สามารถตอบคำถามของเขาได้อยู่แล้ว หลังจากยกขาขึ้นเตะเวินจื่อเยวี่ยอย่างฉับพลัน ก็เข้าไปภายในห้องเวินจื่อเยวี่ยไล่ตามไปทันทีผลปรากฏว่าเห็นอีกฝ่ายพุ่งไปทางเตียงทันที ท่าทางต้องการจับพี่ใหญ่ของเขาเป็นตัวประกันเวินจื่อเยวี่ยตกใจในทันใด มีดสั้นในมือพุ่งออกไปในทันทีประจวบเหมาะกับใน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 519

    คืนวันนั้น เวินเยวี่ยนอนไม่หลับพลิกตัวไปมาไม่ใช่ว่านอนไม่หลับจริง ๆ แต่ตอนนี้นางมีบางอย่างอยู่ในใจ อยากรอให้ดึก ๆ ก่อนค่อยไปหาเวินฉางอวิ้นดังนั้นนางจึงไม่ได้นอนเลย รอจนกระทั่งเทียนไขในห้องลุกโชนเกือบหมดแล้ว นางถึงคลำ ๆ ลุกขึ้นอย่างเงียบ ๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าสบาย ๆ เดินอ้อมเซียงเหอที่คอยเฝ้ายามอยู่ ผลักเปิดประตูแล้วออกไปข้างนอก“เจ้าจะไปไหน?”ในขณะที่เวินเยวี่ยกำลังจะแอบออกจากประตูเรือนเล็ก ก็มีเสียงดังขึ้นจากทางด้านหลังของนางจู่ ๆ เวินเยวี่ยก็ตกใจขึ้นมา พอหันกลับไปมอง “ที่แท้ก็เจ้านั่นเอง ข้าตกใจหมดเลย”ที่ปรากฏตัวอยู่ข้างหลังนางก็คือชายเลี้ยงแมลงกู่ คล้ายจะมีนามว่ากู่อี้ซานบอกว่าเป็นคนของมารดาของนาง แต่ท่าทางวางตัวสูงส่งดูไม่เหมือนคนธรรมดาโดยเฉพาะอย่างยิ่งชายคนนี้ยังกล้าเอาแมลงกู่มาข่มขู่นาง!สายตาหม่นหมองของกู่อี้ซานหยุดอยู่ที่ใบหน้าของนาง แล้วถามซ้ำอีกรอบ “ดึกขนาดนี้แล้ว เจ้าจะไปไหน?”เวินเยวี่ยกลอกตาใส่ “เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วยเล่า? ข้ามีธุระส่วนตัวต้องทำ ไม่ใช่ว่าต้องบอกเจ้าไปเสียทุกอย่าง”กู่อี้ซานยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย “ข้าบอกไปแล้วนะว่า อย่าใช้สมองขี้เลื่อยของเจ้าไปทำเ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 518

    ดังนั้นหลังจากที่เวินเยวี่ยรู้ว่าเวินฉางอวิ้นกำลังจัดเตรียมงานศพ นางก็รู้สึกตกใจมาก ไม่คาดคิดเช่นกันว่านางเพิ่งจากไปเพียงไม่กี่วัน เวินฉางอวิ้นก็กลายเป็นแบบนี้ไปเสียแล้วแต่เวินจื่อเยวี่ยไม่รู้ว่านางตกใจเรื่องนี้ เข้าใจผิดนึกว่านางไม่รู้เรื่องอะไรจริง ๆแต่ในดอกไม้สามกระถางนั้นมีสองกระถางที่นางเป็นคนให้ และไม่รู้เช่นกันว่าดอกไม้นั้นมาจากไหนกันแน่ บางทีอาจถูกใครหลอกใช้ ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดจากบิดา เขาควรสืบหาความจริงให้กระจ่างก่อนแล้วค่อยบอกบิดาอีกครั้งดีกว่าหลังจากไตร่ตรองแล้วเวินจื่อเยวี่ยก็เอ่ยขึ้น “หมอเถื่อนข้างนอกพวกนั้น มองสถานการณ์ที่แท้จริงของพี่ใหญ่ไม่ออกด้วยซ้ำ ต่อมาลูกก็ไปเชิญหมอหลวงหลี่มา ถึงรู้ว่าถูกพิษมาตั้งแต่เมื่อไหร่”“ถูกวางยาพิษอีกแล้วหรือ?”ตอนนี้ทันทีที่เวินเฉวียนเซิ่งได้ยินว่า “ถูกวางยาพิษ” ก็กระวนกระวายใจเป็นอย่างมากในเวลาเพียงครึ่งปี ลูกชายทั้งหลายของเขาเกือบจะโดนวางยาพิษกันหมดทุกคนแล้วหากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าวันไหนจู่ ๆ มีใครถูกพิษตายไปเขาก็คงไม่รู้ด้วยซ้ำสีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งดูเศร้าหมอง แม้ว่าเจ้าสี่และเวินเยวี่ยจะรู้จักยาพิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 517

    “ท่านพ่อ รีบกลับไปเถอะ ลูกไม่อยากรออยู่ในนรกแห่งนี้อีกแล้วเจ้าค่ะ!”เวินเยวี่ยรีบวิ่งช้าบ้างเร็วบ้างออกไปข้างนอก เดิมทีคิดว่าน่าจะมีรถม้าคอยพวกเขาอยู่ข้างนอกแต่กลับพบว่าไม่มีใครอยู่ข้างนอกเลย“ให้ตายสิ พวกพี่ใหญ่ไม่รู้หรือว่าวันนี้พวกเราจะออกมา? ไม่รู้ว่าต้องมารับพวกเรา”เวลานี้เวินเยวี่ยเต็มไปด้วยความอัดอั้นตันใจ พอเห็นว่าไม่มีรถก็เอ่ยปากตัดพ้อทันทีเวินเฉวียนเซิ่งที่เดินตามมาชายตามองนางแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ “พี่สามของเจ้าถูกกักบริเวณ พี่สี่พักฟื้นขา พี่ใหญ่ของเจ้าช่วงนี้ก็ไม่ค่อยสบาย จะมารับพวกเราได้อย่างไร?”เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้เวินเยวี่ยถึงตระหนักได้ในที่สุด ก่อนจะเอ่ยด้วยความโมโห “ลูก...ลูกก็ลืมไปเหมือนกันนี่นา”ขณะที่นางพูดไปเช่นนี้ ความรู้สึกผิดก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าแวบหนึ่งนางเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ก่อนหน้านี้ได้ส่งกระถางดอกไม้สองใบไปให้พี่ใหญ่ เมื่อคำนวณเวลาดูแล้วน่าจะใกล้ถึงเวลาออกฤทธิ์แล้วหลังจากที่นางกลับไปก็จะใช้ยาถอนพิษกึ่งสำเร็จรูปที่แม่ของนางทิ้งไว้ให้ สุดท้ายค่อยลงมือช่วยชีวิตเวินฉางอวิ้นอีกครั้งแบบนี้พี่น้องสกุลเวินทั้งสามคนที่เหลือก็จะได้รับ “

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 516

    “เจ้าว่าอะไรนะ? เข้าวัง?”เมื่อเวินซื่อได้ยินเรื่องนี้ หัวใจก็สั่นไหว“เจ้าจะเข้าวังไปเป็นพระสนมหรือ?”หลินเนี่ยนฉือเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นังเด็กแสบอย่าดูถูกข้านะ ข้าไม่ได้เข้าวังไปเป็นพระสนม แต่เข้าวังไปเป็นฮองเฮา”นางยิ้มตาหยี พูดกับเวินซื่อ “อีกไม่นานข้าจะเข้าวังไปเป็นฮองเฮาแล้ว ถึงเวลานั้นเจ้าเห็นข้าก็ต้องทำความเคารพข้าแต่โดยดี หากทำความเคารพไม่สวย ข้าจะให้เจ้าอุ่นเตียงนอนให้ข้า”เวินซื่อกลอกตาใส่นางอีกครั้ง “มาพูดเรื่องสำคัญดีกว่า อย่ามาดื้อกับข้า”“นี่ล่ะเรื่องสำคัญ ถูกต้องแล้ว”หลินเนี่ยนฉือกอดเวินซื่อที่ห่อตัวอยู่ในผ้าห่มกล่าวว่า “หลังจากที่สกุลหลินของเราถูกโยกย้ายออกไปแล้ว อิงจากเวลาโยกย้าย หากต้องการกลับเมืองหลวงให้เร็วขึ้นก็ต้องมีโอกาส มิฉะนั้นก็ต้องรอไปอย่างน้อยสิบถึงยี่สิบปี จนกว่าพ่อของข้าจะเข้ารับตำแหน่ง สร้างผลงานให้เฉิดฉายต่อหน้าฝ่าบาท ถึงจะสามารถถูกโยกย้ายกลับมา แต่สกุลหลินของเราไม่อาจรอได้นานขนาดนั้น”“เจ้าก็รู้ว่า เมืองหลวงนั้นมีแต่การแย่งชิง เวลานี้ฝ่าบาทยังเยาว์นัก ถึงเวลาขอกำลังคนช่วยเหลือแล้ว หากสกุลหลินของเราไม่กลับให้เร็วกว่านี้ ก็อย่าพูดถึงการรอคอยยี่สิบปี

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 515

    “มาโดนจั๊กจี้จากข้าสักที!”“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ผิดไปแล้ว ผิดไปแล้ว ธิดาศักดิ์สิทธิ์โปรดให้อภัยข้าน้อยด้วย ต่อไปข้าน้อยไม่กล้าอีกแล้ว! ฮ่า ๆ ๆ ๆ...”หลินเนี่ยนฉือไม่เกรงกลัวอะไรเลย ยกเว้นการจั๊กจี้ของเวินซื่อทั้งสองหัวเราะร่วนด้วยกันอีกครั้งในทันทีเสียงหัวเราะแห่งความสุขดังไปทั่วเรือนเล็กจู๋เยวี่ยที่ยอดหลังคามองดูครู่หนึ่งด้วยควากอยากรู้อยากเห็น จากนั้นก็ถอนสายตากลับช่างเถอะ ๆ ไม่อยากดูทั้งสองคนในห้องเริ่มคุยกันอีกครั้งหลินเนี่ยนฉือเพียงแค่เคยได้ยินมาก่อน ตอนนี้มาถึงเรือนของเวินซื่อแล้ว แน่นอนว่านางต้องการฟังเวินซื่อพูดเรื่องนั้นด้วยตัวเองนางแค่ต้องการรับรู้ ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาอาซื่อมีเรื่องคับข้องใจแค่ไหนนางไม่เคยรู้เลยแม้แต่นิดเดียวเวินซื่อที่ไม่อาจขัดใจนางได้จึงต้องเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาอย่างช้า ๆตั้งแต่เวินเยวี่ยถูกเวินเฉวียนเซิ่งพาเข้ามาในสกุลเวิน ทีละเรื่อง ทีละอย่างเมื่อพูดถึงตอนสุดท้ายสีหน้าของหลินเนี่ยนฉือก็ดำทะมึนเป็นก้นหม้อ ตบแผ่นกระดานเตียงของเวินซื่อดัง “ปัง” จนแทบจะพังลง จากนั้นหลินเนี่ยนฉือก็เด้งขึ้นจากเตียง หยิบเสื้อผ้าออกมาสวมใส่พลาง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 514

    หมอหลวงหลี่ ท่านกำลังพูดเรื่องอะไร? ดอกไม้พวกนี้จะมีพิษได้อย่างไร?”เวินจื่อเยวี่ยเกือบคิดว่าเป็นภาพหลอนของตัวเองเสียแล้วแต่หมอหลวงหลี่ยังคงยืนยันว่า “คุณชายสามสกุลเวิน ข้ามองไม่ผิดแน่ แม้ว่าจะไม่รู้ว่านี่คือดอกไม้ชนิดใด แต่กลิ่นหอมของดอกไม้นี้ดูเหมือนจะเป็นยาพิษร้ายแรงประเภทกล่อมประสาท หลังจากได้กลิ่นหอมของดอกไม้เป็นเวลานาน พิษนี้จะค่อย ๆ ซึมเข้าสู่ร่างกายของคุณชายใหญ่ ทั้งหมดสามต้น พิษรุนแรงขึ้นสามเท่า ไม่แปลกใจที่ร่างกายของคุณชายใหญ่จะทรุดลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้”หลังจากฟังเขาพูดจนจบ สีหน้าของเวินจื่อเยวี่ยก็บึ้งตึงไม่รู้ว่าทำไม แต่เขานึกถึงเป็ดทอดกรอบที่เวินจื่อให้เขากินเมื่อตอนนั้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกไม่ ๆ ๆ เป็นไปไม่ได้เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน น้องหกได้อธิบายให้เขาฟังตั้งแต่แรกแล้วว่า นางวางยาพิษตัวเองเพียงเพราะความโกรธและหวาดกลัว ในเมื่อพี่ใหญ่ไม่เคยเปิดเผยภูมิหลังของนาง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปยั่วยุน้องหกได้ น้องหกมีเหตุผลอะไรถึงต้องวางยาพิษพี่ใหญ่ด้วย?ช้าก่อน เวินจื่อเยวี่ยนึกอะไรออกทันใดเขามองไปที่อันเซิ่งอย่างดุดัน “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าอีกกระถางหนึ่งเป็นของใครนะ?”

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status