“อู๋โยว ข้าขอทำด้วยตัวเองได้...”“ไม่ได้”“พลั่ก!”เวินซื่อฟาดกระบองลงไปอย่างไม่ออมมือ ตีจนเวินจื่อเฉินหมดสติเพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉิน นางยังปิดตาของทั้งสองคนเอาไว้ จากนั้นมัดแขนมัดขาด้วยต่อมานำพวกเขาออกจากมิติ“จู๋เยวี่ย”เวินซื่อเรียกขานหนึ่งครั้ง จู๋เยวี่ยปรากฏตัวนอกห้องทันที จากนั้นเปิดประตูเข้ามา“พาตัวพวกเขาไปเถอะ พาไปที่กระท่อมหลังนั้นของเวินจื่อเฉิน”“ได้”วันนั้นตอนเที่ยงวัน เวินเฉวียนเซิ่งก็ได้รับข่าว “ไปรับตัวลูกทรพีสองคนนั้นกลับมาให้ข้า!”……เมื่อเวินจื่อเฉินกับเวินจื่อเยวี่ยฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขาได้กลับมาถึงจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว“ท่านพ่อ...”เวินจื่อเยวี่ยที่เพิ่งลืมตาขึ้นได้เห็นเวินเฉวียนเซิ่งจึงดีใจมากทว่าวินาทีต่อมาใบหน้าของเขากลับถูกฟาดอย่างแรง“เจ้าลูกไม่เอาไหน ต่อไปหากออกไปก่อเรื่องอีก เจ้าจงไสหัวออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงพร้อมลูกทรพีเวินจื่อเฉินได้เลย!”ครั้งนี้เวินเฉวียนเซิ่งโกรธมากจริงๆ ดังนั้นตอนลงมือตบเวินจื่อเยวี่ยจึงไม่ออมมือสักนิด รุนแรงจนทำให้เวินจื่อเยวี่ยที่หิวโซอยู่แล้วหน้ามืด จนแทบหมดสติไปอีกครั้ง“ท่านพ่ออย่าตีอีกเลย พี่สามแค่...แค่อยากแก
เพราะนางหมายตาที่ดินในมือของสี่พี่น้องเวินจื่อเยวี่ยเอาไว้นานแล้ว เพียงแต่ก่อนหน้านี้ด้วยเรื่องบางอย่างจึงทำให้ไม่ทันได้ลงมือนึกไม่ถึงว่านางแพศยาอย่างเวินซื่อแย่งที่ดินกุยอวิ๋นกับภัตตาคารเฟิ่งอวิ๋นไปไม่พอ ยังคิดเหมือนนาง หมายตาที่ดินในมือพวกเวินจื่อเยวี่ยเอาไว้นางจะไม่ปล่อยให้นางแพศยาเวินซื่อสมหวัง!ขณะที่เวินเยวี่ยคิดเช่นนี้ จู่ๆ กลับสังเกตเห็นสีหน้าของบิดาพวกนางที่ดูผิดปกติ“ท่านพ่อ มีอะไรหรือ?”เวินเยวี่ยมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างสงสัย “ทำไมสีหน้าของท่านจึงดูย่ำแย่เช่นนี้?”แรกเริ่มเวินเฉวียนเซิ่งนิ่งเงียบ ผ่านไปสักครู่จึงเอ่ยกับเวินจื่อเยวี่ยเชื่องช้า “ที่ดินสือไห่ของเจ้ากับที่ดินชิงเฟิงของเจ้ารอง ล้วนถูกเวินซื่อเอาไปแล้ว”“อะไรนะ?!”“อะไรนะ?!”เวินจื่อเยวี่ยลุกพรวดในทันทีทันใดแต่เพราะท่าทางรวดเร็วเกินไป ร่างกายที่ยังไม่ฟื้นตัวทั้งหมดจึงโงนเงน จนเกือบล้มลงไปอีกครั้งเวินเยวี่ยโกรธจนเบิกตากว้าง นางนึกไม่ถึงว่าทางเวินจื่อเยวี่ยไม่เกิดเรื่อง กลับเป็นพ่อบังเกิดเกล้าของนางที่เกิดเรื่องแทน!เวินเยวี่ยโกรธจนแทบอาละวาดเวินจื่อเยวี่ยเองก็ไม่อยากจะเชื่อ เขาทั้งโกรธทั้งตะลึง “ท่
“ท่านพ่อ!”เวินจื่อเยวี่ยยิ่งผิดหวังและตะลึงกับคำพูดของเขา “ตอนนี้ท่าน...ตอนนี้ท่านก็จะช่วยเวินซื่อเหมือนกับพี่รองแล้วหรือ?!”“เจ้าลองมองดูก่อนว่าตอนนี้เจ้ายืนอยู่ที่ใด แล้วคิดดูให้ดีกับคำพูดนี้ที่เจ้าพูดอกมา!”เวินเฉวียนเซิ่งทำหน้าเอือมระอา “หากพ่อเข้าข้างเวินซื่อจริง เหตุใดยังต้องไปตามเจ้ากลับมา? ไม่สู้ให้เจ้าตายอยู่ที่นั่นนะดีแล้ว”“แต่ท่านพ่อตอนนี้ท่านหมายความว่าอย่างไร? ท่านไม่ให้ข้าออกไป ท่านไม่อยากให้ข้าไปหานังเด็กบ้าเวินซื่อนั่น ไม่ใช่เพราะอยากขัดขวางไม่ให้ข้าไปทวงที่ดินคืนมาจากนางหรือ?!”ในน้ำเสียงโกรธเคืองของเวินจื่อเยวี่ยแฝงไว้ด้วยความน้อยใจ “นั่นเป็นที่ดินที่พวกท่านตามอบให้ข้า ท่านมีสิทธิ์อะไรมาเอาที่ดินของข้าไปให้เวินซื่อ!”“เพราะวันๆ เจ้าเอาแต่เที่ยวเตร่ ก่อเรื่องไม่ว่างเว้น เจ้าลองนึกดูสิช่วงเวลานี้ที่เจ้ากับเจ้าสี่อยู่ด้วยกัน ทำให้จวนเจิ้นกั๋วกงต้องเสียหน้ามากี่ครั้งแล้ว? อย่านึกว่าข้าไม่รู้นะ แปลงสมุนไพรกับสมุนไพรที่ถูกทำลายในที่ดินกุยอวิ๋นเป็นฝีมือของเจ้ากับเจ้าสี่ พวกเจ้าทำงานไม่เรียบร้อย ให้คนจับได้ ตอนนี้แค่เสียที่ดินไปหนึ่งแห่งเท่านั้น แล้วครั้งหน้าล่ะ? เจ้า
“เดิมทีหากพี่สามอยู่บ้านกับข้าแต่โดยดีไม่ออกไปไหน เขาก็คงไม่ถูกลงโทษหรอก ทว่าน่าเสียดายที่เขาดันมุทะลุเกินไป ยิ่งอยู่ก็ยิ่งเหมือนพี่รองเมื่อก่อน พอถูกท้าทายก็คิดแต่จะไปจัดการคนผู้นั้น กลับไม่รู้ว่าการทำเช่นนั้นจะตกหลุมพรางเวินซื่อ ดังนั้นจึงถูกท่านพ่อลงโทษกักบริเวณ”เวินเยวี่ยฟังมาถึงตรงนี้ถึงได้เข้าใจ“ดังนั้นที่ท่านพ่อโกรธไม่ใช่เพราะพวกท่านทำเรื่องพวกนั้น แต่โกรธเพราะทั้งที่พี่สามรู้ว่าพี่หญิงห้าท้าทาย แต่ก็ยังตกหลุมพรางของพี่หญิงห้า ทำให้ตอนหลังเกือบเอาชีวิตไปทิ้ง ดังนั้นท่านพ่อจึงโกรธมากงั้นหรือ?”“เอาชีวิตไปทิ้ง?”เวินอวี้จือเลิกคิ้ว เรื่องนี้เขากลับไม่รู้เวินเยวี่ยรีบบอกเล่าเรื่องราวให้เวินอวี้จือฟังหนึ่งรอบ หลังฟังจบเวินอวี้จือเข้าใจทันที“เวินซื่อช่างเหลี่ยมจัดนัก”เวินอวี้จือเอ่ยเสียงเรียบ “ตั้งแต่แรกเป้าหมายของนางก็คือที่ดินสือไห่ของพี่สาม”เวินเยวี่ยแสร้งแปลกใจ “แต่นางไม่กลัวจะทำให้พี่สามอดตายจริงหรือ? ได้ยินพี่สามบอกว่าตอนถูกขัง เขาทนหิวอยู่ถึงห้าวันเต็ม”ใบหน้าเวินอวี้จือกลับเผยสีหน้าดูแคลนจางๆ “นางไม่กล้าหรอก”“แม้พี่รองจะออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงไปแล้ว ทว่าจนกระทั่
เวินอวี้จือมองเวินเยวี่ยที่สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล ได้ยินคำพูดของนางที่เต็มไปด้วยความห่วงใย ใบหน้าเผยรอยยิ้มอ่อนโยนทันที“น้องหกอย่ากลัว แค่ฝีมือเล็กน้อยของเวินซื่อพวกนั้น ทำอะไรพี่สี่ของเจ้าไม่ได้หรอก”“เช่นนั้นก็ดี ต้องโทษข้าที่เป็นห่วงเกินไป พี่สี่ฉลาดขนาดนั้น จะเกิดเรื่องได้อย่างไรกัน”เวินเยวี่ยเข้าใจศักดิ์ศรีที่น่าสงสารของเวินอวี้จือมากที่สุดดังนั้นหลังจากเผยความกังวลที่จริงแท้แน่นอนเสร็จแล้ว ต่อมาจึงยิ้มแล้วรีบเอ่ยชมเวินอวี้จือทันทีรอยยิ้มเวินอวี้จือกว้างขึ้นตามคาด “วางใจเถอะ เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง แต่เรื่องที่ดินลวี่ซุ่ยข้าพูดจริงนะ”“ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าเวินซื่อละโมบขนาดนี้ แย่งสินเดิมของท่านแม่ไปแล้วไม่พอ ยังแย่งที่ดินกุยอวิ๋นภัตตาคารเฟิ่งอวิ๋นไปจากเจ้าอีก ตอนนี้แม้แต่ที่ดินของพี่รองและพี่สามก็ยังไม่เว้น ดูท่านางคงวางแผนแย่งที่ดินของข้ากับพี่ใหญ่ด้วย ดังนั้นหากต้องถูกนางแย่งไป ไม่สู้ตอนนี้มอบให้น้องหกดีกว่า อย่างน้อยถ้ารู้สึกว่าเจ้าดีใจ ที่ดินตรงนั้นก็ถือว่ามีค่าแล้ว”ในใจเวินเยวี่ยเต้นตุบๆนางนึกไม่ถึงว่าเจ้าขี้โรคคนนี้ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้างอย่างน้อยเรื่
“แอ๊ด”ประตูเรือนถูกเปิดจากด้านในเวินฉางอวิ้นเป็นผู้มาเปิดเองช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาไล่บ่าวในเรือนของตัวเองออกไปบางส่วน เหลือไว้เพียงบ่าวชายที่ไม่ทรยศเขา เอาไว้รับใช้ใกล้ชิดเพียงหนึ่งคนเท่านั้น เพื่อดูแลความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันของเขา “เจ้ารองกลับมาตั้งแต่เมื่อใด? เขากับเจ้าสามเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”เวินฉางอวิ้นเอ่ยปากสอบถาม สายตาที่มองเวินเยวี่ยไม่อ่อนโยนเหมือนเก่า เหลือไว้เพียงความเย็นชาเวินเยวี่ยกัดริมฝีปากเบาๆ นางพูดด้วยท่าทางเศร้าสร้อย “พี่ใหญ่ ตอนนี้ท่านเกลียดชังเยวี่ยเอ๋อร์เพียงนี้เชียวหรือ? แต่เยวี่ยเอ๋อร์สำนึกผิดแล้ว...”“อย่าพูดเรื่องเหล่านี้กับข้าอีก”เวินฉางอวิ้นขมวดคิ้วพูดขัดนนางขึ้นมา ในน้ำเสียงยังเจือด้วยวาจาติดจะรำคาญ “ไหนเจ้าว่าจะบอกข้าเรื่องเจ้ารองกับเจ้าสามไม่ใช่หรือ? หากเจ้าไม่พูด ก็จงไปซะ ข้าจะไปถามคนอื่นเอง”ระหว่างที่พูดเวินฉางอวิ้นจะปิดประตูอีกครั้ง“ข้าพูด ข้าพูด พี่ใหญ่ท่านอย่าปิดประตู!”เวินเยวี่ยรีบเอ่ยปาก “ก่อนหน้านี้เรื่องที่ประตูใหญ่จวนเจิ้นกั๋วกงถูกราดอาจม เกิดขึ้นเพราะเรื่องบางอย่างที่พวกพี่สามก่อเอาไว้ ระหว่างที่พี่หญิงห้าไม่อยู่เมืองหลวง
คำพูดสองประโยคของเวินฉางอวิ้นทำให้เวินเยวี่ยอยากจะฆ่าเขาขึ้นมาทันทีเล็บมือทั้งสองข้างจิกเข้าไปในเนื้อฝ่ามือ จนเนื้อเกือบขาด จนเลือดเกือบซิบออกมาเวินเยวี่ยพยายามรักษาสีหน้าตัวเองสุดฤทธิ์ จากนั้นก่อนจะสูญเสียการควบคุมก็เปลี่ยนความโกรธเป็นความเศร้าทันที“พี่ใหญ่...”ระหว่างที่พูดเวินเยวี่ยทำเสียงสะอื้น “ข้า...ข้ารู้แล้ว ความจริงข้ารู้มาตลอดว่าพี่หญิงห้าดีมาก นางไม่ได้อำมหิตเหมือนที่ท่านพี่หลายคนบอก ดังนั้นเมื่อก่อนข้าเคยเตือนพี่รองกับพี่สามพวกเขาหลายครั้งแล้ว เพียงแต่ตอนหลังชาติกำเนิดของข้าเปิดเผย ข้าเองก็มีศักดิ์ศรีนะพี่ใหญ่ ข้ารู้สถานะของตัวเองมาตลอด ดังนั้นข้าไม่ได้ตั้งใจทำเรื่องเหล่านั้นจริงๆ นะ”“พี่ใหญ่ ตกลงต้องทำอย่างไรท่านถึงจะยอมเชื่อเยวี่ยเอ๋อร์?”“นับจากที่คนของเจ้าลงมือกับร่างของท่านแม่พวกเรา ระหว่างเจ้ากับข้าก็ไม่มีอะไรให้ต้องคุยกันอีกแล้ว บางทีเจ้าอาจจะบอกว่าคนพวกนั้นทำโดยพลการ แต่ในสายตาข้าไม่มีสิ่งใดแตกต่าง”เวินฉางอวิ้นมองนางด้วยสีหน้าเรียบเฉย “น้องหก ข้าไม่เคยเสียใจที่เคยรักและเอ็นดูน้องสาวอย่างเจ้า แต่ข้าเสียใจ ที่เคยทำร้ายน้องสาวแท้ๆ ของตัวเองเพื่อเจ้า”“ดังน
เวินเฉวียนเซิ่งได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เกิดอะไรขึ้น?”ข้ารับใช้กล่าวว่า “หนึ่งเดือนก่อนคุณชายใหญ่ก็ได้ให้คนในเรือนเล็กของเขาออกไปหมดแล้ว เหลือไว้เพียงบ่าวชายคนสนิทคนเดียวขอรับ”บ่าวชายคนนั้นเติบโตมาพร้อมกับคุณชายใหญ่ตั้งแต่เด็ก ความจงรักภักดีต่อคุณชายใหญ่นั้นไม่ต้องพูดถึงเวินเฉวียนเซิ่งได้ยินดังนั้น ก็เงียบไปอีกครั้ง ช่วงนี้เขายุ่งมากจริงๆ ไม่มีเวลาไปสนใจทางฝั่งลูกชายคนโต ดังนั้น จึงเพิ่งทราบเรื่องเหล่านี้ในตอนนี้“ช่างเถอะ ในเมื่อคุณชายใหญ่ไม่ชอบให้มีคนอื่นอยู่ข้างกาย เช่นนั้นก็ไม่ต้องไปแล้ว ปกติเวลาคุณชายใหญ่เข้าออกให้คอยสังเกตให้มากหน่อย หากมีอะไรผิดปกติ ให้รีบมารายงานข้าทันที”“ขอรับ!”ทางฝั่งจวนเจิ้นกั๋วกง สถานการณ์ภายในกำลังปั่นป่วน อีกด้านหนึ่ง ภายในอารามสุ่ยเยว่ก็ไม่สงบเช่นกันคืนนี้ ฟ้าเพิ่งจะมืดเวินซื่อที่เพิ่งจะเสร็จงานที่แปลงสมุนไพรหลังเขา พอกลับมาถึงเรือนเล็ก ก็ได้พบกับอาหารอร่อยๆ เต็มโต๊ะที่ฉางเสี่ยวหานเป็นคนทำเอาไว้“ธิดาศักดิ์สิทธิ์กลับมาแล้ว อาหารทำเสร็จพอดี รีบมากินเถอะเจ้าค่ะ”ฉางเสี่ยวหานวางอาหารจานสุดท้ายที่เพิ่งตักเสร็จลง แล้วกล่าวกับเวินซื่
ถึงขั้นเอาอีกฝ่ายมาข่มขู่เวินจื่อเยวี่ย ทำให้เวินจื่อเยวี่ยต้องเลือกระหว่างนางและหลินเนี่ยนฉือแล้วนางสารเลวที่ยังไม่เดินผ่านประตูเข้ามาจะเอาอะไรมาเทียบกับนาง!เวินเยวี่ยโกรธจัดจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในเสี้ยววินาทีที่ก้มศีรษะลง สายตาอาบยาพิษช่างน่าสะพรึงกลัว“ยุแยงตะแคงรั่ว?”เวินซื่อแค่รู้สึกว่าคำพูดของเวินจื่อเยวี่ยน่าขบขันมาก “มีเพียงคนที่มีหัวใจเท่านั้นถึงจะรู้สึกว่าใคร ๆ ก็เป็นเช่นนี้”นางเหลือบมองเวินเยวี่ยแวบหนึ่งอย่างเฉยชา ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่แยแส “ท่านคิดว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้จะใช้พวกท่านไปก่อกวนความสงบของนางหรือ? ฝันไปเถอะ พวกท่านยังไม่คู่ควร”“เหอะ พูดเสียน่าฟัง ถ้าไม่ใช่เพราะจดหมายที่เจ้าเขียนไปฟ้อง หลินเนี่ยนฉืออยู่ที่อู๋โจวอยู่ดี ๆ จะเข้ามาที่เมืองหลวงทำไม? แล้วยังต้องการถอนหมั้นกับข้าอีก?!”ถึงตอนนี้เวินจื่อเยวี่ยยังคงเชื่อว่าเวินซื่อไปพูดอะไรกับหลินเนี่ยนฉือ ถึงทำให้หลินเนี่ยนฉือทำเช่นนั้น“ท่านคิดว่าข้อมูลในใต้หล้านี้มีสิ่งใดที่สามารถปิดบังได้อย่างนั้นหรือ? จวนเจิ้นกั๋วกงของพวกท่านได้ทำเรื่องที่น่าอับอายขายขี้หน้า ไร้ยางอายมาไม่น้อย แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงตั้งน
อูฐผอมซูบยังตัวใหญ่กว่าม้าการจะทำลายจวนเจิ้นกั๋วกงอันใหญ่โตแห่งนี้โดยอาศัยแมลงเพียงไม่กี่ตัว มันเป็นไปไม่ได้เลยแน่นอน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิงเพียงแต่ราคาที่ต้องจ่ายนั้นสูงเกินไปอย่างเช่นการหมั้นหมายระหว่างจวนเจิ้นกั๋วกงและสกุลหลินเมื่อจวนเจิ้นกั๋วกงถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดกับชาวต่างเผ่า เวินเฉวียนเซิ่งจะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชำระล้างให้หลุดพ้นจากข้อกล่าวหานี้และวิธีการที่ดีที่สุดก็ต้องเป็นการดึงผู้คนให้เข้ามาพัวพันมากขึ้นสกุลหลินที่ยังมีการหมั้นหมายกับจวนเจิ้นกั๋วกงเป็นกลุ่มแรกที่รับศึกหนัก โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างหลินเนี่ยนฉือและเวินซื่อ และจะกลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เวินเฉวียนเซิ่งดึงสกุลหลินให้ลงมาพัวพันด้วยดังนั้นก่อนจะยุติการหมั้นหมายระหว่างหลินเนี่ยนฉือและเวินจื่อเยวี่ย เวินซื่อยังไม่สามารถทำอะไรบุ่มบ่ามได้ทว่า ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถแตะต้องจวนเจิ้นกั๋วกงได้ แต่การมีเวินเยวี่ยเพียงคนเดียวก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย“หมั้น...หมั้นหมาย?”ในขณะนี้ เสียงที่สับสนของเวินเยวี่ยก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของ เวินจื่อเยวี่ย“พี่สาม ท่านหมั้นกับใครตั้
“ท่าน…!”เวินเยวี่ยลมแทบจับเมื่อได้ยินที่เวินซื่อพูดนางข่มไฟโทสะเอาไว้ “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คนของกองทัพธงดำเสียหน่อย ให้ท่านมาทำการค้นหา ไม่น่าจะเหมาะสมกระมัง?”เวินเยวี่ยฝืนยิ้ม “ท้ายที่สุดแล้วบุญคุณความแค้นระหว่างพี่หญิงห้ากับเยวี่ยเอ๋อร์นั้นเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งกันทั่วทุกคน ถ้าเกิด…”ประโยคสุดท้ายนี้ไม่ได้พูดออกมาทั้งหมด แต่ก็สามารถเข้าใจทุกอย่างที่ควรเข้าใจถ้าเกิดเวินซื่อเข้าไปวางกลอุบายบางอย่างเพื่อใส่ร้ายนางแล้วจะทำเช่นไร?เวินซื่อหันหน้าไปเผชิญหน้ากับเวินเยวี่ย รอยยิ้มเล็ก ๆ เผยออกมาบนใบหน้าอันบริสุทธิ์ผุดผ่องและงดงามของนาง “ข้าไม่ต่ำช้าไร้ยางอายเหมือนเจ้า”ใบหน้าของเวินเยวี่ยสลดลงเพราะดำด่าของนางทันทีแต่วินาทีต่อมาก็ได้ยินเวินซื่อพูดว่า “แต่ว่านี่มันก็เป็นปัญหาจริง ๆ ในเมื่อคุณหนูหกสกุลเวินเป็นกังวลเช่นนี้ เช่นนั้นข้าธิดาศักดิ์สิทธิ์ก็ขอยืนค้นหาอยู่ที่ประตูแล้วกัน”ยืนค้นหาอยู่ที่ประตูหรือ?แล้วจะค้นหาอย่างไร?ขณะที่เวินเยวี่ยและคนอื่น ๆ กำลังงุนงง เวินซื่อก็พลิกฝ่ามือ ก่อนจะหยิบขวดหยกขวดหนึ่งออกมาจากกลางฝ่ามือของนางฉางเสี่ยวหานก้าวเข้าไปรับขวดหยกจากมือของเว
“เหลวไหลสิ้นดี!”แววอันตรายฉายผ่านดวงตาอันคมกริบของเวินเฉวียนเซิ่งในทันใดเขาจ้องไปที่รถม้าที่เวินซื่อนั่งอยู่ สายตามองทะลุช่องว่างของม่านหน้าต่าง พลางชี้ตรงไปที่เวินซื่อ “เวินซื่อ เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่? เจ้ากำลังใส่ร้ายขุนนางในราชสำนักซึ่งเป็นความผิดร้ายแรง!”“หากเจ้าไม่สามารถแสดงหลักฐานใด ๆ ได้ ต่อให้เจ้าจะเคยเป็นลูกสาวของข้า ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ เด็ดขาด!”“เจิ้นกั๋วกงไม่จำเป็นต้องใจร้อนขู่ขวัญเช่นนี้”ว่าแล้วเวินซื่อก็ยกมือขึ้นเปิดม่านรถแล้ว เดินออกมาจากด้านในอย่างช้า ๆเสี่ยวหานก้าวไปข้างหน้าอย่างมีไหวพริบ ทำตามสาวใช้เหล่านั้น เอื้อมมือออกไปช่วยประคองธิดาศักดิ์สิทธิ์ของนางลงจากรถม้าช้า ๆหลังจากลงสู่พื้นและยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว เวินซื่อก็เงยหน้าขึ้นมองเวินเฉวียนเซิ่งผ่านกองทัพธงดำ นางยิ้มเล็กน้อย “ถ้าธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่มีหลักฐาน วันนี้จะกล้านำกองกำลังไปปิดล้อมจวนเจิ้นกั๋วกงของท่านได้อย่างไร”การทำงานตามคำสั่งส่วนตัวของอ๋องผู้สำเร็จราชการเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การทำงานตามพระราชโองการของฝ่าบาทก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเวินซื่อยกมือขึ้น รับพระราชโองการจากมือของกองทัพ
ให้อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนมาหนุนหลังนางแล้วอย่างไรต่อ เขาไม่เชื่อว่า อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้สง่างามจะบังคับเขาให้ถอนหมั้นได้อย่างนั้นหรือ!เมื่อเวินเฉวียนเซิ่งได้ยินเวินจื่อเยวี่ยพูด ก็มองเขาแวบหนึ่งอย่างเย็นชา “เจ้าควรคิดหาวิธีช่วยพี่ใหญ่ของเจ้าก่อนดีกว่า ถ้าครั้งนี้พี่ใหญ่ของเจ้าตาย ก็อย่าได้คิดเรื่องหมั้นหมายเลย ข้าเวินเฉวียนเซิ่ง ไม่มีลูกชายที่ใจไม้ไส้ระกำอย่างเจ้า”ใบหน้าของเวินจื่อเยวี่ยขรึมลงทันทีเขารู้ว่าลูกชายคนโปรดของบิดาไม่ใช่เขา แต่เป็นพี่ใหญ่ที่บิดาเลี้ยงดูอย่างสุดชีวิตจิตใจแต่เขานึกไม่ถึงว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว บิดาจะยังโหดร้ายถึงเพียงนี้ เอาการหมั้นหมายของเขามาข่มขู่เขาเวินจื่อเยวี่ยไม่ได้พูดอะไรอีกแต่ในขณะนี้ พ่อบ้านนั้นพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “ท่านกั๋วกง คุณชายสาม ครั้งนี้ผู้ที่นำกองทัพธงดำมาไม่ใช่ท่านอ๋องขอรับ”เมื่อได้ยินคำพูดนี้เวินเฉวียนเซิ่งก็หันกลับไปหาพ่อบ้าน “ไม่ใช่เป่ยเฉินหยวนหรอกหรือ? แล้วใครล่ะ?”นอกจากฮ่องเต้น้อยและเป่ยเฉินหยวนเองแล้ว ยังมีใครอีกที่สามารถระดมกองทัพธงดำ ถึงขั้นกล้าปิดล้อมจวนเจิ้นกั๋วกงของเขาได้?ขณะที่เวินเฉวียนเซิ่งกำลังครุ่นคิดในหัวว
“เสี่ยวหาน ให้ข้าดูหน้าเจ้าหน่อยสิ”หลังจากขับไล่เวินเฉวียนเซิ่งและเวินจื่อเยวี่ยออกไปแล้ว เวินซื่อก็ดึงฉางเสี่ยวหานเข้ามา“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ตบไม่โดนหน้า ข้าหลบได้นิดหน่อย แค่ตบโดนหัวเท่านั้น”ถึงกระนั้น การตบของเวินจื่อเยวี่ยก็หนักหน่วงมาก จนศีรษะของฉางเสี่ยวหานถึงกับสั่นคลอนในตอนนั้น ใช้เวลาสักพักกว่าจะตอบสนองได้“เจ้าไม่ต้องกังวล การตบครั้งนี้ข้าจะต้องเอาคืนเขาอย่างแรงแน่นอน”สีหน้าของเวินซื่อเคร่งขรึมลง น้ำเสียงไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งฉางเสี่ยวหานลุกขึ้นกล่าวว่า “ไม่ ๆ ๆ ไม่ต้องหรอกธิดาศักดิ์สิทธิ์ เมื่อครู่ท่านช่วยตบคืนแทนเสี่ยวหานแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีกเจ้าค่ะ”ฉางเสี่ยวหานรู้จักคนในเมืองหลวงน้อยมาก แต่หลังจากติดตามเวินซื่อมาเป็นเวลานาน ก็ได้เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ มากขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์พูดกับสองพ่อลูกคู่นั้นเมื่อครู่ ก็ย่อมสามารถคาดเดาตัวตนของพวกเขาได้อย่างง่ายดายคนหนึ่งคืออดีตบิดาของธิดาศักดิ์สิทธิ์ อีกคนคืออดีตพี่ชายของธิดาศักดิ์สิทธิ์ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นย่ำแย่มากพออยู่แล้ว หากธิดาศักดิ์สิทธิ์ต้องทะเลาะกับพี่ชายหนักขึ้นด้วยเรื่
เขาขบริมฝีปากล่างแน่น กัดปากของตัวเองแตกเหมือนไม่รู้สึกตัว ปล่อยให้เลือดไหลลงจากมุมปากช้า ๆ“หลินเนี่ยนฉือล่ะ?”เวินจื่อเยวี่ยเอ่ยปากถามขึ้นทันใด“ข้าอยากพบนาง”“นางไม่อยากพบท่าน”เวินซื่อเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ“ข้าบอกว่าข้าอยากพบนาง!”เวินจื่อเยวี่ยตวาดลั่นอย่างฉุนเฉียวขึ้นมาทันใด พลางปัดมือของจางเสี่ยวหานออกมือของจางเสี่ยวหานถูกตีเจ็บ ตกใจสะดุ้งโหยง เมื่อนางรู้ตัวก็เอื้อมมือออกไปอีกครั้ง คว้าเพียงหนังสือถอนหมั้นฉบับนั้นไว้ส่วนจี้หยกก็ร่วงลงสู่พื้นดัง “ตุ้บ” ตามมาด้วยเสียงแตกหักดังขึ้น จี้หยกแยกออกเป็นสองส่วนทันทีเวินจื่อเยวี่ยที่ยังอยู่ในอาการฉุนเฉียวเมื่อได้ยินเสียงนี้อย่างกะทันหัน ก็ก้มหน้าลงมอง เกิดความสับสนขึ้นโดยพลันเขารีบเก็บจี้หยกขึ้นมา เมื่อมองดูรอยแตกหักนั้น ก็ไม่อาจยับยั้งไฟโทสะที่อัดอั้นอยู่เต็มอกไว้ได้ เพียงชั่วครู่ก็ระเบิดอารมณ์ใส่ฉางเสี่ยวหาน...“ใครให้เจ้าทำของของข้าพัง! เจ้าอยากตายหรือไง?!”“อะไรนะ? ไม่ใช่ข้า เป็นท่านต่างหากที่ปัดมือของข้าเอง...”“สาวใช้ต่ำต้อยอย่างเจ้ายังกล้าเถียงอีก!”เวินจื่อเยวี่ยลุกพรวดขึ้น สีหน้ามีรอยพยายาท ยกมือขึ้นตบหน้าฉางเส
เวินจื่อเยวี่ยมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ท่านพ่อ พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”เวินจื่อเยวี่ยเงียบไปครู่หนึ่ง “เจ้าน่าจะเข้าใจ เจ้าสาม”“ข้าไม่เข้าใจ!”เวินจื่อเยวี่ยตวาดออกมาทันใด พลางจ้องมองไปที่บิดาของเขาอย่างไม่ละสายตาเวินเฉวียนเซิ่งถอนหายใจอีกครั้ง “แค่การหมั้นหมายเท่านั้น พ่อรู้ว่าเจ้าไม่เต็มใจยอมรับ แต่พี่ใหญ่ของเจ้ามีเวลาเหลือไม่มากแล้ว ถ้ายังไม่เอายากลับไปอีก เขาจะต้องตายในไม่ช้า”“เจ้าสาม เจ้าจะทนเห็นพี่ใหญ่ของเจ้าตายไปได้จริงหรือ?”เวินจื่อเยวี่ยที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเขาได้ถามด้วยเสียงอันสั่นเครือเล็กน้อย “ก็เลยต้องเสียสละการหมั้นของข้าเพื่อช่วยพี่ใหญ่อย่างนั้นหรือ? ทั้ง ๆ ที่เรายังมีวิธีอื่นอีก แต่ท่านก็ยังยืนกรานที่จะขอร้องเวินซื่อ?!”“ยังมีวิธีอื่นอีกหรือ?”สีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งเย็นชาลง น้ำเสียงแย่มาก “ไม่ว่าจะเป็นบัวหิมะก็ดี เห็ดหลินจือสีม่วงอายุหนึ่งร้อยปีก็ดี หรือหญ้าฝรั่นที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำก็ดี เจ้าคิดว่ามีสิ่งไหนหาง่ายบ้าง?!”“หากพี่ใหญ่ของเจ้ายังยืดเวลาได้อีกครึ่งค่อนเดือน พ่อก็จะไม่รีบร้อนเช่นนี้! แต่นี่พี่ใหญ่ของเจ้าอาจตายได้
นางมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างเย็นชา “ท่านไม่มีคุณสมบัตินี้ตั้งนานแล้ว”“เวินซื่อ! จงระวังท่าทีในการพูดจาของเจ้าด้วย แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์แล้ว แต่ความสัมพันธ์พ่อลูกของเจ้ากับพ่อจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง อย่าลืมว่ายังมีเลือดของสกุลเวินไหลเวียนอยู่ในตัวเจ้า”“ใครบอกว่าเปลี่ยนแปลงไม่ได้?”เวินซื่อยิ้มเยาะ “ความสัมพันธ์นี้จะเปลี่ยนไปในไม่ช้า แต่ตอนนี้ขอวกกลับเข้าประเด็นก่อน ท่านเจิ้นจั๋วกง ท่านยังไม่ได้บอกตัวเลือกของท่านเลย ท่านวางแผนที่จะเลือกใครกันแน่?”ล้มเหลวในการเล่นกับอารมณ์ ล้มเหลวในการข่มขู่กลับมาสู่เงื่อนไขข้อแรกสุดอีกครั้ง สายตาของเวินเฉวียนเซิ่งเย็นชาลงระดับหนึ่งในทันใดเวินซื่อดูเหมือนจะมองไม่เห็นเลย เร่งรัดเขาด้วยอารมณ์ที่ดีมาก“ข้ามีเวลาไม่มากนัก ท่านเจิ้นจั๋วกงรีบตัดสินใจโดยเร็วที่สุดเถอะ มิฉะนั้นก็จะไม่มีการเจรจาใด ๆ อีกแล้ว”นางหันไปมองเวินเฉวียนเซิ่งด้วยรอยยิ้มตาหยี “‘พี่ใหญ่แสนดี’ ของข้าก็น่าจะมีเวลาไม่เพียงพอใช่ไหม?”“ถุย!”เวินจื่อเยวี่ยถ่มน้ำลายใส่นางอย่างรุนแรง “พี่ใหญ่ไม่มีน้องสาวที่ชั่วร้ายอย่างเจ้า!”“ถูกต้อง ข้าชั่วร้าย แต่ก็เทียบไม่ได้กับเว