Share

บทที่ 34

Penulis: จิ้งซิง
ภาวนาให้ชาติหน้าท่านแม่ไม่ต้องมาพบเจอกับคนใดคนหนึ่งของสกุลเวินอีก!

ในไม่ช้า เวินซื่อก็กลับมาที่ลานด้านหน้าของจวนเจิ้นกั๋วกง

เมื่อเห็นเป่ยเฉินหยวนเหมือนกับว่ารอจนใกล้หมดความอดทนแล้ว นางรีบเดินไปข้างหน้าแล้วกล่าว “ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน หม่อมฉันเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้วเพคะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะ”

เป่ยเฉินหยวนลุกขึ้นแล้วก็เดินไป

เวินซื่อรีบเดินตาม

เวินจื่อเฉินและคนอื่น ๆ พยายามจะก้าวไปข้างหน้า แต่ดาบของกองทัพธงดำไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม!

เมื่อเห็นว่าเวินซื่อกำลังจะออกไปกับเป่ยเฉินหยวนจริง ๆ เวินจื่อเฉินอดไม่ได้ที่จะตะโกนเสียงดังขึ้นมา “เวินซื่อ! เจ้าไปแบบนี้ เจ้าไม่รู้สึกละอายใจต่อท่านพ่อกับพวกเราหรือ? เจ้าไม่กลัวว่าสักวันหนึ่งจะต้องเสียใจอย่างนั้นหรือ?!”

เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ เวินซื่อหันหน้ากลับไปมองเขา กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง “ข้าเวินซื่อไม่เคยผิดต่อพวกท่านคนใดมาก่อน วันข้างหน้าก็ไม่มีทางเสียใจเด็ดขาด”

พูดจบ นางก็ขึ้นไปนั่งบนรถม้า

เป่ยเฉินหยวนพลิกตัวขึ้นม้า นำทัพอยู่ด้านหน้า

เขาตะโกนออกมา ‘ไป’ แล้วก็พากองทัพธงดำที่คุ้มกันขบวนรถม้าออกเดินทาง มุ่งหน้าไปย
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci
Komen (2)
goodnovel comment avatar
Kai Kulvanich
ผู้ชายตั้งหลายคนโง่ขนาดน้านนนนน
goodnovel comment avatar
พี่ชายใจร้าย ใสใส หัวใจไม่มีสีดํา
ต่อ >>>> .47
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terkait

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 35

    ตอนที่ออกมาจากห้องทรงพระอักษร สีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งและเวินฉางอวิ้นสองคนพ่อลูกอึดอัดใจเล็กน้อยเวินฉางอวิ้นถอนหายใจ “ท่านพ่อ นี่เป็นความผิดของข้าเอง เป็นเพราะข้าควบคุมน้องห้าไม่ดี”เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจเล็กน้อยคาดว่าที่เวินซื่อยืนกรานอยากจะออกบวชเป็นแม่ชีขนาดนั้น มีความเป็นไปได้ว่าอาจเป็นเพราะวันนั้นเขาเฆี่ยนตีนางรุนแรงจนเกินไปจริง ๆการเฆี่ยนด้วยแส้ห้าสิบที หากในใจของน้องห้าจะมีความเคียดแค้นก็เป็นเรื่องปกติเพียงแต่น้องห้าช่างไม่ประสีประสาเอาเสียเลยในเมื่อนางรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ แล้วเหตุใดจึงไม่ยอมพูดออกมาตรง ๆ?จะต้องก่อเรื่องให้วุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้ให้ได้ถึงจะพอใจแม้เมื่อครู่นี้ฮ่องเต้น้อยได้กล่าวชี้นำบ้างแล้ว เหมือนกับว่าเวินฉางอวิ้นก็ยังไม่ได้ตระหนักถึงเหตุผลที่แท้จริงที่เวินซื่ออยากจะออกจากสกุลเวินแม้แต่เวินเฉวียนเซิ่งก็เช่นเดียวกันเขาโบกมืออย่างเฉยชา “นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เป็นเพราะเมื่อก่อนพวกเราตามใจนางมากเกินไป ตามใจจนนางไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ถึงได้กล้าพูดเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ออกมา”“แต่โชคดีที่สุดท้ายแล้วฝ่าบาทยังทรงเห็นแก่หน้าของท่านพ่อถึงได้ให้โอกา

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 36

    หนทางตอนหลังขรุขระอย่างยิ่งดังคาดโดยเฉพาะรถม้าที่เคลื่อนตัวด้วยความเร็วเต็มพิกัด หลายครั้งที่เกือบจะทำให้เวินซื่อที่อยู่ในห้องโดยสารกระเด็นออกไปแต่นี่ก็คือความต้องการของนางอยู่แล้วดังนั้นแม้ว่าจะกระแทกจนเจ็บแผลที่แผ่นหลัง นางก็ต้องกัดฟันทน ไม่ส่งเสียงร้องสักแอะขบวนรถม้าที่เคลื่อนตัวด้วยความเร็วเต็มพิกัดเร็วมากอย่างที่คิดไว้ ครั้งก่อนที่นั่งรถม้าของเต๋อกงกงใช้เวลาหนึ่งชั่วยามกว่าจะถึงภูเขาหนาน แต่ครั้งนี้ใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วยามเท่านั้น รถม้าที่โคลงเคลงตลอดทางก็หยุดลงอย่างกะทันหัน ด้านนอกมีเสียงเตือนของเป่ยเฉินหยวนดังลอยมา...“ถึงแล้ว”เวินซื่อถูกกระเทือนจนมึนงงเล็กน้อยหลังจากที่นางนั่งพักครู่หนึ่ง ถึงได้เลิกผ้าม่านขึ้นแล้วเดินลงไปแบบตุปัดตุเป๋เป่ยเฉินหยวนอยู่บนหลังม้า ก้มมองนางที่ลงจากรถม้าอย่างระมัดระวัง ในมือของเขาถือบังเหียน ไม่ได้พูดว่าจะเข้าไปช่วยประคองอะไรถึงอย่างไรก็กำลังมองเวินซื่อ ดูนางจัดแจงท่าทางให้เรียบร้อย หลังจากที่ทรงตัวบนพื้นอย่างมั่นคงแล้วจึงกล่าว “ตามพระบัญชาของฝ่าบาท ข้าจะเข้าไปกับเจ้า ดูเจ้าออกบวชเป็นแม่ชีอย่างเป็นทางการด้วยตาของตนเองจึงจะกลับ ดัง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 37

    วินาทีนั้น ในใจของนางราวกับมีเสียงของเชือกตึงขาดสะบั้นดังขึ้นราวกับว่าพันธนาการบนตัวหายไปหมดสิ้น ในที่สุดนางก็หลุดพ้นจากสถานที่ที่ทำให้นางต้องทุกข์ทรมานมาสองชาตินั่นเสียทีน้ำตาหยดหนึ่งค่อย ๆ ไหลออกมาจากบริเวณหางตาของนางเป่ยเฉินหยวนจ้องมองนางด้วยความตกตะลึงต่อให้เวลาจะผ่านไปหลายปี เขาก็จะไม่สามารถลืมฉากนี้ได้อย่างเด็ดขาดอยู่ในสนามรบเขาเคยแต่เห็นการเข่นฆ่าและความตายมากมายนับไม่ถ้วน ทุกครั้งล้วนมีความรู้สึกที่แตกต่างกัน แต่เทียบไม่ได้กับอารมณ์ที่หวั่นไหวของเขาในขณะนี้นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยการเข่นฆ่านองเลือดคู่นั้น สะท้อนภาพของพระพุทธรูปทองคำและสาวน้อยภาพนั้นคือแสงแห่งพุทธะสาดส่อง ราวกับได้ไถ่บาปและเหมือนกับว่าสาวน้อยได้เกิดใหม่......ตอนที่เป่ยเฉินหยวนออกไป เวินซื่อได้มาส่งเขาที่บริเวณประตูใหญ่นางไม่ได้เข้าใกล้ประตูใหญ่ เพียงแค่ยืนพนมมือสองข้างอยู่บริเวณไม่ไกล พยักหน้าเล็กน้อยเป็นการทำความเคารพ“วันนี้ต้องขอขอบคุณท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนมาก”ถ้าหากไม่ได้เป่ยเฉินหยวนช่วยเหลือ เกรงว่านางคงจะไม่ได้ออกจากสกุลเวินง่ายดายขนาดนี้ต่อให้ออกจากสกุลเวินแล้ว ก็มีความเป็นไปได้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 38

    เวินซื่อรู้สึกรังเกียจตนเองอยู่เงียบ ๆ ครู่หนึ่งบัดนี้นางเป็นคนที่ออกบวชแล้ว ไม่ควรจะมีความคิดที่เกินเลยใด ๆหลังจากคิดได้เช่นนี้ หัวใจของเวินซื่อก็สงบนิ่งราวกับสายน้ำไม่ไหวติงอย่างรวดเร็ว“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรบกวนท่านอ๋องอีกครั้งแล้ว”“ข้ายังมีสัมภาระที่ต้องจัดการอีก ไม่รบกวนเวลาของท่านอ๋องแล้ว ท่านอ๋องเดินทางปลอดภัย”หลังจากที่เวินซื่อยิ้มออกมาเล็กน้อย ก็หันหลังแล้วเดินกลับไปในอารามหลังจากที่ร่างกายอันผ่ายผอมของนางเดินหายเข้าไปในซุ้มประตูวงพระจันทร์ เป่ยเฉินหยวนถึงได้หันหลังกลับและออกจากอารามสุ่ยเยว่ตอนที่เขาออกไป เวินฉางอวิ้นยังคงเฝ้าอยู่ที่ด้านนอกประตูใหญ่ทันทีที่เห็นเป่ยเฉินหยวนเดินออกมา เวินฉางอวิ้นก็รีบก้าวเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว กล่าวถามอย่างร้อนใจ “ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน น้องห้าล่ะ? น้องห้านางไม่ได้ออกมากับท่านหรือพ่ะย่ะค่ะ?”กองทัพธงดำขวางเขาให้ห่างออกไปสามก้าวเป่ยเฉินหยวนกวาดสายตามองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉยแวบหนึ่ง “แน่นอนว่านางไม่ได้ออกมาด้วย เพราะตอนนี้นางได้เป็นแม่ชีน้อยอยู่ในอารามสุ่ยเยว่แล้ว”เมื่อเวินฉางอวิ้นได้ยินดังนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที “อะไรนะพ่ะย่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 39

    ทันทีที่เวินเยวี่ยพูดออกไปก็ได้รับคำชมเชยจากเวินจื่อเฉินและคนอื่น ๆ ทันที“ท่านพ่อ น้องหกพูดถูก พวกเราทุกคนไม่สะดวกไปที่อารามสุ่ยเยว่จริง ๆ แต่ถ้าน้องหกไป ซือไท่ที่นั่นจะไม่มีเหตุผลขวางนาง”เวินเฉวียนเซิ่งพยักหน้า “เจ้าหกช่างรู้ใจเหลือเกิน ยกเรื่องนี้ให้เจ้าไปจัดการก็แล้วกัน”เวินเยวี่ยตบแผ่นอกทันทีพร้อมกล่าว “ท่านพ่อวางใจ เยวี่ยเอ๋อร์จะพาตัวพี่หญิงห้ากลับมาให้ได้เจ้าค่ะ!”เวินจื่อเฉินกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “น้องหกลงสนามรบ จะต้องสำเร็จแน่นอน!”“ถูกต้อง ๆ น้องหกจิตใจดีทั้งยังน่ารักขนาดนี้ ไปที่อารามสุ่ยเยว่บรรดาซือไท่จะต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน”“ถึงเวลานั้นค่อยช่วยน้องหกพูดโน้มน้าวน้องห้า ไม่แน่ว่าน้องห้าอาจจะกลับมาก็ได้!”ก้นบึ้งหัวใจของเวินเยวี่ยรู้สึกดูถูกนางไม่ต้องการได้รับความชื่นชอบจากพวกแม่ชีเฒ่าพวกนั้นอัปมงคลแต่ว่าบนใบหน้าของนางยังคงรักษารอยยิ้มที่ไร้เดียงสาไร้พิษภัยเอาไว้เช่นเดิม บางครั้งยังทำท่าทางเขินอายจนหน้าแดงเพราะถูกชม ท่าทางแบบนั้นทำให้คนอื่นมองความคิดที่แท้จริงภายในใจของนางไม่ออกเลยแม้แต่นิดเดียวในตอนที่เวินจื่อเฉินพวกเขาชื่นชมเวินเยวี่ยไม่หยุดปากเวินฉางอวิ้นท

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 40

    ในเวลานี้เอง…“แย่แล้ว! แย่แล้ว!คนรับใช้วิ่งออกมาอย่างรีบร้อนแล้วพูดด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “คุณชายรอง คุณชายสาม ป้าย...ป้ายวิญญาณของฮูหยินหายไปแล้วเจ้าค่ะ!”เวินจื่อเฉินกับเวินจื่อเยวี่ยสีหน้าเปลี่ยนไปทันที“อะไรนะ?! พวกเจ้าแต่ละคนทำงานกันอย่างไร? ป้ายวิญญาณที่โถงบรรพชนหายไปพวกเจ้ายังไม่รู้อีก?!”“ใครจะเอาป้ายวิญญาณของท่านแม่ไปได้?”เวินจื่อเยวี่ยขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัยแต่ทันใดนั้นเวินจื่อเฉินกลับคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ สองพี่น้องหันหน้าไปมองกัน กล่าวด้วยความตกใจและโมโห “หรือว่าจะเป็น...เวินซื่อ?!”“ไม่คิดเลยว่าแม้แต่ป้ายวิญญาณของท่านแม่ นางก็จะนำไปด้วย!”เวินจื่อเฉินเกรี้ยวกราด “นางเป็นหัวขโมยแท้ ๆ เลย! นางมีสิทธิ์อะไรนำป้ายวิญญาณของท่านแม่ไป!”สีหน้าของเวินจื่อเยวี่ยดูแย่มากเช่นเดียวกัน เขารู้สึกว่าน้องสาวคนนี้เป็นคนไม่มีเหตุผลเอามากขึ้น!นางออกบวชเป็นแม่ชีโดยไม่ได้รับการยินยอมจากท่านพ่อ ทำเรื่องให้สกุลเวินอับอายขายขี้หน้าก็ช่างเถอะ ไม่คิดเลยว่าตอนนี้ยังขโมยป้ายวิญญาณของท่านแม่ไปอีก!“สารเลว! ข้าก็ว่าแล้ว เมื่อวานนางเอาแต่ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ทำอะไร ถ้ารู้แต่แรกข้าก็ควรจับต

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 41

    เมื่อเวินเยวี่ยได้ยินก็จำเสียงนี้ได้ทันทีเป็นพี่สาวคนดีที่ออกบวชไปแล้วของนางไม่ใช่หรือไรนางยืนหัวเราะหยันโดยที่มีประตูกั้นกลาง สีหน้าฉายแววดูแคลน “ในเมื่อพี่หญิงได้ยินว่าข้ามาแล้ว เหตุใดจึงยังไม่กล้าออกมาพบกันอีกเล่า? หรือว่าพี่หญิงรู้สึกละอายใจต่อคนในครอบครัวตัวเอง?”คนที่เพิ่งกล่าวคือเวินซื่อถูกต้องแล้วจริง ๆ เดิมทีนางเพียงเดินผ่านตรงนี้ ในมือยังคงถือถังน้ำเตรียมตัวกลับไปหลังจากวันที่ออกบวช นางก็ปรับตัวเข้ากับอารามสุ่ยเยว่ได้อย่างรวดเร็วการสวดมนต์ขอพรที่ควรทำทั้งเช้าและเย็น งานทำความสะอาดจิปาถะที่นางควรทำก็ไม่เคยขาดตกบกพร่องอย่างไรเสียหลังจากที่เคยมีประสบการณ์เร่ร่อนข้างถนนในชาติก่อน นางในตอนนี้สามารถมีที่อยู่อาศัย มีกินมีดื่มก็รู้สึกนับว่าไม่เลวแล้วนอกจากนี้ยังจัดเรือนขนาดเล็กที่เรียบง่ายสงบเงียบในอารามแยกต่างหากให้นาง อีกทั้งยังมีพื้นที่ขนาดเล็กที่สามารถปลูกผักได้อีกด้วยเดิมทีวันนี้นางตั้งใจจะจัดการพื้นที่ขนาดเล็กผืนนั้น แต่คิดไม่ถึงว่าขณะที่ถือน้ำเดินผ่านประตูใหญ่ก็ได้ยินเสียงของเวินเยวี่ยอีกทั้งยังอ้างเรื่อง ‘ความห่วงใย’ อะไรนั่นเพื่อขอพบพี่น้องอย่างนาง?แค่ฟั

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 42

    เวินเยวี่ยได้แต่ไปที่อารามสุ่ยเยว่อีกหลายครั้งทุกวันนางต้องนั่งรถม้าจากเมืองหลวงไปที่ภูเขาหนาน และกลับจากภูเขาหนานมายังเมืองหลวง ภายใต้การสั่นโคลงเคลงอยู่หลายวัน เวินเยวี่ยไม่เพียงไม่ได้พบเวินซื่ออีกเลย ตรงกันข้ามนางไม่อาจเดินเข้าแม้กระทั่งประตูใหญ่ของอารามสุ่ยเยว่เลยด้วยซ้ำ เดิมทีนางยังเคยคิดว่าสามารถปะปนเข้าไปข้างในกับกลุ่มผู้มาสักการบูชาที่เข้ามากราบไหว้ แต่คิดไม่ถึงว่าผู้มาสักการบูชาผู้ศรัทธาของอารามสุ่ยเยว่จะมีน้อยมาก ประตูใหญ่ของอารามปิดอยู่หลายวัน ไม่เห็นว่ามีผู้มาสักการบูชาผู้ศรัทธามามากเท่าไรนักต่อให้มี หลังจากที่เห็นประตูใหญ่ของอารามปิดสนิท พวกเขาก็กลับไปอย่างเงียบเชียบราวกับเคยชินกับธรรมเนียมที่อารามสุ่ยเยว่บอกว่าจะปิดอารามก็ปิดตามใจชอบเช่นนี้มานานแล้ว ไม่มีใครคัดค้านเลยสักคนนั่งยองอยู่หลายวัน เวินเยวี่ยทนไม่ไหวแล้วจริง ๆนางจึงติดสินบนหญิงชาวบ้านคนหนึ่งที่อยู่ตีนเขา ให้หญิงชาวบ้านคนนั้นไปถามอารามสุ่ยเยว่ว่าจะปิดอารามไปอีกนานแค่ไหนกันแน่คำตอบที่ได้รับคือ... ธิดาศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่อารามเพื่อสวดภาวนาให้บ้านเมือง จึงทำการปิดชั่วคราวหนึ่งเดือน“หนึ่งเดือน?!” เว

Bab terbaru

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 550

    ถึงขั้นเอาอีกฝ่ายมาข่มขู่เวินจื่อเยวี่ย ทำให้เวินจื่อเยวี่ยต้องเลือกระหว่างนางและหลินเนี่ยนฉือแล้วนางสารเลวที่ยังไม่เดินผ่านประตูเข้ามาจะเอาอะไรมาเทียบกับนาง!เวินเยวี่ยโกรธจัดจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในเสี้ยววินาทีที่ก้มศีรษะลง สายตาอาบยาพิษช่างน่าสะพรึงกลัว“ยุแยงตะแคงรั่ว?”เวินซื่อแค่รู้สึกว่าคำพูดของเวินจื่อเยวี่ยน่าขบขันมาก “มีเพียงคนที่มีหัวใจเท่านั้นถึงจะรู้สึกว่าใคร ๆ ก็เป็นเช่นนี้”นางเหลือบมองเวินเยวี่ยแวบหนึ่งอย่างเฉยชา ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่แยแส “ท่านคิดว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้จะใช้พวกท่านไปก่อกวนความสงบของนางหรือ? ฝันไปเถอะ พวกท่านยังไม่คู่ควร”“เหอะ พูดเสียน่าฟัง ถ้าไม่ใช่เพราะจดหมายที่เจ้าเขียนไปฟ้อง หลินเนี่ยนฉืออยู่ที่อู๋โจวอยู่ดี ๆ จะเข้ามาที่เมืองหลวงทำไม? แล้วยังต้องการถอนหมั้นกับข้าอีก?!”ถึงตอนนี้เวินจื่อเยวี่ยยังคงเชื่อว่าเวินซื่อไปพูดอะไรกับหลินเนี่ยนฉือ ถึงทำให้หลินเนี่ยนฉือทำเช่นนั้น“ท่านคิดว่าข้อมูลในใต้หล้านี้มีสิ่งใดที่สามารถปิดบังได้อย่างนั้นหรือ? จวนเจิ้นกั๋วกงของพวกท่านได้ทำเรื่องที่น่าอับอายขายขี้หน้า ไร้ยางอายมาไม่น้อย แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงตั้งน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 549

    อูฐผอมซูบยังตัวใหญ่กว่าม้าการจะทำลายจวนเจิ้นกั๋วกงอันใหญ่โตแห่งนี้โดยอาศัยแมลงเพียงไม่กี่ตัว มันเป็นไปไม่ได้เลยแน่นอน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิงเพียงแต่ราคาที่ต้องจ่ายนั้นสูงเกินไปอย่างเช่นการหมั้นหมายระหว่างจวนเจิ้นกั๋วกงและสกุลหลินเมื่อจวนเจิ้นกั๋วกงถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดกับชาวต่างเผ่า เวินเฉวียนเซิ่งจะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชำระล้างให้หลุดพ้นจากข้อกล่าวหานี้และวิธีการที่ดีที่สุดก็ต้องเป็นการดึงผู้คนให้เข้ามาพัวพันมากขึ้นสกุลหลินที่ยังมีการหมั้นหมายกับจวนเจิ้นกั๋วกงเป็นกลุ่มแรกที่รับศึกหนัก โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างหลินเนี่ยนฉือและเวินซื่อ และจะกลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เวินเฉวียนเซิ่งดึงสกุลหลินให้ลงมาพัวพันด้วยดังนั้นก่อนจะยุติการหมั้นหมายระหว่างหลินเนี่ยนฉือและเวินจื่อเยวี่ย เวินซื่อยังไม่สามารถทำอะไรบุ่มบ่ามได้ทว่า ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถแตะต้องจวนเจิ้นกั๋วกงได้ แต่การมีเวินเยวี่ยเพียงคนเดียวก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย“หมั้น...หมั้นหมาย?”ในขณะนี้ เสียงที่สับสนของเวินเยวี่ยก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของ เวินจื่อเยวี่ย“พี่สาม ท่านหมั้นกับใครตั้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 548

    “ท่าน…!”เวินเยวี่ยลมแทบจับเมื่อได้ยินที่เวินซื่อพูดนางข่มไฟโทสะเอาไว้ “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คนของกองทัพธงดำเสียหน่อย ให้ท่านมาทำการค้นหา ไม่น่าจะเหมาะสมกระมัง?”เวินเยวี่ยฝืนยิ้ม “ท้ายที่สุดแล้วบุญคุณความแค้นระหว่างพี่หญิงห้ากับเยวี่ยเอ๋อร์นั้นเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งกันทั่วทุกคน ถ้าเกิด…”ประโยคสุดท้ายนี้ไม่ได้พูดออกมาทั้งหมด แต่ก็สามารถเข้าใจทุกอย่างที่ควรเข้าใจถ้าเกิดเวินซื่อเข้าไปวางกลอุบายบางอย่างเพื่อใส่ร้ายนางแล้วจะทำเช่นไร?เวินซื่อหันหน้าไปเผชิญหน้ากับเวินเยวี่ย รอยยิ้มเล็ก ๆ เผยออกมาบนใบหน้าอันบริสุทธิ์ผุดผ่องและงดงามของนาง “ข้าไม่ต่ำช้าไร้ยางอายเหมือนเจ้า”ใบหน้าของเวินเยวี่ยสลดลงเพราะดำด่าของนางทันทีแต่วินาทีต่อมาก็ได้ยินเวินซื่อพูดว่า “แต่ว่านี่มันก็เป็นปัญหาจริง ๆ ในเมื่อคุณหนูหกสกุลเวินเป็นกังวลเช่นนี้ เช่นนั้นข้าธิดาศักดิ์สิทธิ์ก็ขอยืนค้นหาอยู่ที่ประตูแล้วกัน”ยืนค้นหาอยู่ที่ประตูหรือ?แล้วจะค้นหาอย่างไร?ขณะที่เวินเยวี่ยและคนอื่น ๆ กำลังงุนงง เวินซื่อก็พลิกฝ่ามือ ก่อนจะหยิบขวดหยกขวดหนึ่งออกมาจากกลางฝ่ามือของนางฉางเสี่ยวหานก้าวเข้าไปรับขวดหยกจากมือของเว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 547

    “เหลวไหลสิ้นดี!”แววอันตรายฉายผ่านดวงตาอันคมกริบของเวินเฉวียนเซิ่งในทันใดเขาจ้องไปที่รถม้าที่เวินซื่อนั่งอยู่ สายตามองทะลุช่องว่างของม่านหน้าต่าง พลางชี้ตรงไปที่เวินซื่อ “เวินซื่อ เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่? เจ้ากำลังใส่ร้ายขุนนางในราชสำนักซึ่งเป็นความผิดร้ายแรง!”“หากเจ้าไม่สามารถแสดงหลักฐานใด ๆ ได้ ต่อให้เจ้าจะเคยเป็นลูกสาวของข้า ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ เด็ดขาด!”“เจิ้นกั๋วกงไม่จำเป็นต้องใจร้อนขู่ขวัญเช่นนี้”ว่าแล้วเวินซื่อก็ยกมือขึ้นเปิดม่านรถแล้ว เดินออกมาจากด้านในอย่างช้า ๆเสี่ยวหานก้าวไปข้างหน้าอย่างมีไหวพริบ ทำตามสาวใช้เหล่านั้น เอื้อมมือออกไปช่วยประคองธิดาศักดิ์สิทธิ์ของนางลงจากรถม้าช้า ๆหลังจากลงสู่พื้นและยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว เวินซื่อก็เงยหน้าขึ้นมองเวินเฉวียนเซิ่งผ่านกองทัพธงดำ นางยิ้มเล็กน้อย “ถ้าธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่มีหลักฐาน วันนี้จะกล้านำกองกำลังไปปิดล้อมจวนเจิ้นกั๋วกงของท่านได้อย่างไร”การทำงานตามคำสั่งส่วนตัวของอ๋องผู้สำเร็จราชการเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การทำงานตามพระราชโองการของฝ่าบาทก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเวินซื่อยกมือขึ้น รับพระราชโองการจากมือของกองทัพ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 546

    ให้อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนมาหนุนหลังนางแล้วอย่างไรต่อ เขาไม่เชื่อว่า อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้สง่างามจะบังคับเขาให้ถอนหมั้นได้อย่างนั้นหรือ!เมื่อเวินเฉวียนเซิ่งได้ยินเวินจื่อเยวี่ยพูด ก็มองเขาแวบหนึ่งอย่างเย็นชา “เจ้าควรคิดหาวิธีช่วยพี่ใหญ่ของเจ้าก่อนดีกว่า ถ้าครั้งนี้พี่ใหญ่ของเจ้าตาย ก็อย่าได้คิดเรื่องหมั้นหมายเลย ข้าเวินเฉวียนเซิ่ง ไม่มีลูกชายที่ใจไม้ไส้ระกำอย่างเจ้า”ใบหน้าของเวินจื่อเยวี่ยขรึมลงทันทีเขารู้ว่าลูกชายคนโปรดของบิดาไม่ใช่เขา แต่เป็นพี่ใหญ่ที่บิดาเลี้ยงดูอย่างสุดชีวิตจิตใจแต่เขานึกไม่ถึงว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว บิดาจะยังโหดร้ายถึงเพียงนี้ เอาการหมั้นหมายของเขามาข่มขู่เขาเวินจื่อเยวี่ยไม่ได้พูดอะไรอีกแต่ในขณะนี้ พ่อบ้านนั้นพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “ท่านกั๋วกง คุณชายสาม ครั้งนี้ผู้ที่นำกองทัพธงดำมาไม่ใช่ท่านอ๋องขอรับ”เมื่อได้ยินคำพูดนี้เวินเฉวียนเซิ่งก็หันกลับไปหาพ่อบ้าน “ไม่ใช่เป่ยเฉินหยวนหรอกหรือ? แล้วใครล่ะ?”นอกจากฮ่องเต้น้อยและเป่ยเฉินหยวนเองแล้ว ยังมีใครอีกที่สามารถระดมกองทัพธงดำ ถึงขั้นกล้าปิดล้อมจวนเจิ้นกั๋วกงของเขาได้?ขณะที่เวินเฉวียนเซิ่งกำลังครุ่นคิดในหัวว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 545

    “เสี่ยวหาน ให้ข้าดูหน้าเจ้าหน่อยสิ”หลังจากขับไล่เวินเฉวียนเซิ่งและเวินจื่อเยวี่ยออกไปแล้ว เวินซื่อก็ดึงฉางเสี่ยวหานเข้ามา“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ตบไม่โดนหน้า ข้าหลบได้นิดหน่อย แค่ตบโดนหัวเท่านั้น”ถึงกระนั้น การตบของเวินจื่อเยวี่ยก็หนักหน่วงมาก จนศีรษะของฉางเสี่ยวหานถึงกับสั่นคลอนในตอนนั้น ใช้เวลาสักพักกว่าจะตอบสนองได้“เจ้าไม่ต้องกังวล การตบครั้งนี้ข้าจะต้องเอาคืนเขาอย่างแรงแน่นอน”สีหน้าของเวินซื่อเคร่งขรึมลง น้ำเสียงไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งฉางเสี่ยวหานลุกขึ้นกล่าวว่า “ไม่ ๆ ๆ ไม่ต้องหรอกธิดาศักดิ์สิทธิ์ เมื่อครู่ท่านช่วยตบคืนแทนเสี่ยวหานแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีกเจ้าค่ะ”ฉางเสี่ยวหานรู้จักคนในเมืองหลวงน้อยมาก แต่หลังจากติดตามเวินซื่อมาเป็นเวลานาน ก็ได้เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ มากขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์พูดกับสองพ่อลูกคู่นั้นเมื่อครู่ ก็ย่อมสามารถคาดเดาตัวตนของพวกเขาได้อย่างง่ายดายคนหนึ่งคืออดีตบิดาของธิดาศักดิ์สิทธิ์ อีกคนคืออดีตพี่ชายของธิดาศักดิ์สิทธิ์ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นย่ำแย่มากพออยู่แล้ว หากธิดาศักดิ์สิทธิ์ต้องทะเลาะกับพี่ชายหนักขึ้นด้วยเรื่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 544

    เขาขบริมฝีปากล่างแน่น กัดปากของตัวเองแตกเหมือนไม่รู้สึกตัว ปล่อยให้เลือดไหลลงจากมุมปากช้า ๆ“หลินเนี่ยนฉือล่ะ?”เวินจื่อเยวี่ยเอ่ยปากถามขึ้นทันใด“ข้าอยากพบนาง”“นางไม่อยากพบท่าน”เวินซื่อเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ“ข้าบอกว่าข้าอยากพบนาง!”เวินจื่อเยวี่ยตวาดลั่นอย่างฉุนเฉียวขึ้นมาทันใด พลางปัดมือของจางเสี่ยวหานออกมือของจางเสี่ยวหานถูกตีเจ็บ ตกใจสะดุ้งโหยง เมื่อนางรู้ตัวก็เอื้อมมือออกไปอีกครั้ง คว้าเพียงหนังสือถอนหมั้นฉบับนั้นไว้ส่วนจี้หยกก็ร่วงลงสู่พื้นดัง “ตุ้บ” ตามมาด้วยเสียงแตกหักดังขึ้น จี้หยกแยกออกเป็นสองส่วนทันทีเวินจื่อเยวี่ยที่ยังอยู่ในอาการฉุนเฉียวเมื่อได้ยินเสียงนี้อย่างกะทันหัน ก็ก้มหน้าลงมอง เกิดความสับสนขึ้นโดยพลันเขารีบเก็บจี้หยกขึ้นมา เมื่อมองดูรอยแตกหักนั้น ก็ไม่อาจยับยั้งไฟโทสะที่อัดอั้นอยู่เต็มอกไว้ได้ เพียงชั่วครู่ก็ระเบิดอารมณ์ใส่ฉางเสี่ยวหาน...“ใครให้เจ้าทำของของข้าพัง! เจ้าอยากตายหรือไง?!”“อะไรนะ? ไม่ใช่ข้า เป็นท่านต่างหากที่ปัดมือของข้าเอง...”“สาวใช้ต่ำต้อยอย่างเจ้ายังกล้าเถียงอีก!”เวินจื่อเยวี่ยลุกพรวดขึ้น สีหน้ามีรอยพยายาท ยกมือขึ้นตบหน้าฉางเส

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 543

    เวินจื่อเยวี่ยมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ท่านพ่อ พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”เวินจื่อเยวี่ยเงียบไปครู่หนึ่ง “เจ้าน่าจะเข้าใจ เจ้าสาม”“ข้าไม่เข้าใจ!”เวินจื่อเยวี่ยตวาดออกมาทันใด พลางจ้องมองไปที่บิดาของเขาอย่างไม่ละสายตาเวินเฉวียนเซิ่งถอนหายใจอีกครั้ง “แค่การหมั้นหมายเท่านั้น พ่อรู้ว่าเจ้าไม่เต็มใจยอมรับ แต่พี่ใหญ่ของเจ้ามีเวลาเหลือไม่มากแล้ว ถ้ายังไม่เอายากลับไปอีก เขาจะต้องตายในไม่ช้า”“เจ้าสาม เจ้าจะทนเห็นพี่ใหญ่ของเจ้าตายไปได้จริงหรือ?”เวินจื่อเยวี่ยที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเขาได้ถามด้วยเสียงอันสั่นเครือเล็กน้อย “ก็เลยต้องเสียสละการหมั้นของข้าเพื่อช่วยพี่ใหญ่อย่างนั้นหรือ? ทั้ง ๆ ที่เรายังมีวิธีอื่นอีก แต่ท่านก็ยังยืนกรานที่จะขอร้องเวินซื่อ?!”“ยังมีวิธีอื่นอีกหรือ?”สีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งเย็นชาลง น้ำเสียงแย่มาก “ไม่ว่าจะเป็นบัวหิมะก็ดี เห็ดหลินจือสีม่วงอายุหนึ่งร้อยปีก็ดี หรือหญ้าฝรั่นที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำก็ดี เจ้าคิดว่ามีสิ่งไหนหาง่ายบ้าง?!”“หากพี่ใหญ่ของเจ้ายังยืดเวลาได้อีกครึ่งค่อนเดือน พ่อก็จะไม่รีบร้อนเช่นนี้! แต่นี่พี่ใหญ่ของเจ้าอาจตายได้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 542

    นางมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างเย็นชา “ท่านไม่มีคุณสมบัตินี้ตั้งนานแล้ว”“เวินซื่อ! จงระวังท่าทีในการพูดจาของเจ้าด้วย แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์แล้ว แต่ความสัมพันธ์พ่อลูกของเจ้ากับพ่อจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง อย่าลืมว่ายังมีเลือดของสกุลเวินไหลเวียนอยู่ในตัวเจ้า”“ใครบอกว่าเปลี่ยนแปลงไม่ได้?”เวินซื่อยิ้มเยาะ “ความสัมพันธ์นี้จะเปลี่ยนไปในไม่ช้า แต่ตอนนี้ขอวกกลับเข้าประเด็นก่อน ท่านเจิ้นจั๋วกง ท่านยังไม่ได้บอกตัวเลือกของท่านเลย ท่านวางแผนที่จะเลือกใครกันแน่?”ล้มเหลวในการเล่นกับอารมณ์ ล้มเหลวในการข่มขู่กลับมาสู่เงื่อนไขข้อแรกสุดอีกครั้ง สายตาของเวินเฉวียนเซิ่งเย็นชาลงระดับหนึ่งในทันใดเวินซื่อดูเหมือนจะมองไม่เห็นเลย เร่งรัดเขาด้วยอารมณ์ที่ดีมาก“ข้ามีเวลาไม่มากนัก ท่านเจิ้นจั๋วกงรีบตัดสินใจโดยเร็วที่สุดเถอะ มิฉะนั้นก็จะไม่มีการเจรจาใด ๆ อีกแล้ว”นางหันไปมองเวินเฉวียนเซิ่งด้วยรอยยิ้มตาหยี “‘พี่ใหญ่แสนดี’ ของข้าก็น่าจะมีเวลาไม่เพียงพอใช่ไหม?”“ถุย!”เวินจื่อเยวี่ยถ่มน้ำลายใส่นางอย่างรุนแรง “พี่ใหญ่ไม่มีน้องสาวที่ชั่วร้ายอย่างเจ้า!”“ถูกต้อง ข้าชั่วร้าย แต่ก็เทียบไม่ได้กับเว

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status