แชร์

บทที่ 256

ผู้เขียน: จิ้งซิง
“อู๋โยว อย่าเสียใจเพราะคนที่ไม่รักท่านเพียงคนเดียว”

เป่ยเฉินหยวนมองดูน้ำตาที่ไหลรินจากหางตาเวินซื่อ หลังจากยกมือเช็ดให้นางอย่างแผ่วเบา จึงกล่าวอย่างสงสาร “เพราะเขาไม่คู่ควร”

คำพูดนี้พูดไปถึงกลางใจของเวินซื่อทันที

“ท่านพูดถูก เขาไม่คู่ควร!”

เวินซื่อสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเก็บความโศกเศร้าไว้ในใจ

“คุณหนูน้อย อย่าเสียใจ แม้ท่านจะไม่ใช่บุตรสาวสกุลเวินอีกแล้ว แต่ท่านเป็นบุตรสาวสกุลหลาน ท่านเป็นสายเลือดของคุณหนูใหญ่”

แน่นอนว่าเป็นคนสกุลหลานที่แท้จริง

หลังจากเรื่องเจ็บปวดจบลง ตาเฒ่าหลานก็ดีใจเพราะเรื่องนี้มาก

เดิมทีนึกว่าคนสกุลหลานจะไม่มีทายาทแล้ว แต่ตอนนี้เมื่อมีคุณหนูน้อย สกุลหลานมีทายาทแล้ว!

“ท่านลุงหลาน ท่านพูดถูก ข้าหลุดพ้นจากสกุลเวินแล้ว แต่ยังไม่ออกจากสกุลหลาน”

เมื่อก่อนเพราะคนฝั่งท่านตาเกิดเรื่องแต่แรก จึงทำให้ความสัมพันธ์ของนางกับสกุลท่านตาไม่ลึกซึ้ง

แต่ตอนนี้นางรู้สึกมีที่พึ่งพิงขึ้นมาอย่างประหลาด

นางเป็นลูกสาวหลานจื่อจวิน แน่นอนว่าต้องแซ่หลานด้วย

เวินซื่อยิ้มพร้อมกล่าว “เจิ้นกั๋วกงลบชื่อข้าออกจากบันทึกลำดับญาติตระกูลเวินพอดี ตอนนี้ต่อให้ข้าจะนำชื่อเข้าบันทึกลำดับญาติ ก็ต้
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 257

    ยังจำเป่ยเฉินซื่อจื่อเพียงคนเดียวหลังจากตระกูลถูกฆ่าล้างตระกูลได้ตาเฒ่าหลานหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆ ๆ ๆ ช่างเป็นวาสนาต่อกัน นึกไม่ถึงว่าหลังจากผ่านมานานหลายปี สกุลหลานกับจวนเป่ยเฉินอ๋องจะกลับมาผูกสัมพันธ์กันอีกครั้ง”“สกุลหลาน...กับสัมพันธ์จวนเป่ยเฉินอ๋อง?”เป่ยเฉินหยวนสงสัยเล็กน้อยเพราะตอนจวนเป่ยเฉินอ๋องถูกฆ่าล้างตระกูล เขาเพิ่งคลอด เพราะฉะนั้นจึงไม่รู้เรื่องราวมากมายเกี่ยวกับจวนเป่ยเฉินอ๋องในอดีตแต่ฟังจากคำพูดของพ่อบ้านเฒ่าสกุลหลาน ดูเหมือนเขาจะรู้อะไรบางอย่าง“ถูกต้อง มารดาของพระองค์กับคุณหนูใหญ่ของพวกเราเป็นสหายกัน ตอนนั้นทั้งสองคนสนิทกันมาก มักไปมาหาสู่กัน ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างสกุลหลานกับจวนเป่ยเฉินอ๋องจึงดีมากพ่ะย่ะค่ะ”ขณะที่ฟังคำพูดของตาเฒ่าหลาน เวินซื่อและเป่ยเฉินหยวนหันไปสบตาอีกฝ่ายตาเฒ่าหลานหัวเราะชอบใจ “กระทั่งก่อนที่พระองค์และคุณหนูน้อยจะคลอด คุณหนูใหญ่และพระชายายังเคยหมั้นหมายพวกท่านไว้ตั้งแต่อยู่ในท้อง ดูว่าใครคลอดเด็กชายใครคลอดเด็กหญิง แม้แต่ของแทนใจก็ยังมี”แม้แต่สวรรค์ยังเข้าข้างข้า!เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ เป่ยเฉินหยวนแทบจะหัวเราะออกมาเขานึกไม่ถึง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 258

    “นี่มัน...”“ห้องลับแห่งนี้ ตาแก่อย่างข้าขุดขึ้นมาเมื่อสิบกว่าปีก่อน เพราะสิ่งของที่นายท่านเก็บไว้มีมากเกินไป อีกทั้งล้ำค่า ไม่กล้าเอาไว้ในหมู่บ้าน กลัวใครจะมาเห็นเข้า ดังนั้นข้าจึงขนย้ายสิ่งของเหล่านั้นมาซ่อนไว้ในป่าแห่งนี้ทีละน้อย”ตาเฒ่าหลานเช็ดฝุ่นบนชั้นหนังสืออย่างระมัดระวังเวินซื่อเดินเข้าไป ค่อยๆ กวาดมองสิ่งของในห้องลับหนึ่งรอบสมบัติที่สกุลหลานเก็บไว้มีไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นหนังสือที่เคยอยู่ในหอหนังสือสกุลหลาน“นึกถึงยามนั้น สกุลใหญ่ร้อยปีในเมืองหลวง มีจอหงวนถึงสามรุ่น ในยามรุ่งโรจน์ไม่มีสกุลใดเทียบเคียง ยามนั้นไม่รู้มีผู้ศึกษาเล่าเรียนมากน้อยเพียงใดแก่งแย่งกันเพื่อให้ได้หนังสือเขียนมือของนายท่านผู้เฒ่า ตอนนี้ของเหล่านั้นกลับต้องมาอยู่ในห้องลับที่ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันตั้งสิบกว่าปี”หากวันนี้ไม่ใช่เพราะเวินซื่อมาเยือน ตาเฒ่าหลานคิดว่าหลังจากเขาตาย สิ่งของเหล่านี้ก็ไม่มีวันได้เห็นเดือนเห็นตะวันเวินซื่อได้ยินดังนั้น ในใจรู้สึกโศกเศร้ากับชะตากรรมของสกุลหลานการล่มสลายของสกุลหลานไม่ได้ถูกปรักปรำพวกเขาแค่เลือกข้าง ในยามที่ชัยชนะใกล้มาเยือน กลับเจอกับการแก้แค้นของฝ่ายตรงข้าม

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 259

    เป่ยเฉินหยวนเอ่ยขึ้นอย่างเหมาะเจาะและใส่ใจ“หากเป็นไปได้ ถ้างั้นคงต้องรบกวนท่านอ๋องแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ตอนนี้ตาเฒ่าหลานแทบอยากจะย้ายไปทันทีน่าเสียดายที่ในบ้านเขายังมีของให้ต้องจัดการอีกไม่น้อย ดังนั้นต้องรออีกสองสามวันตาเฒ่าหลานจึงย้ายไปวัดจินหนานต่อมาเป่ยเฉินหยวนสั่งให้คนห่อหนังสือเหล่านั้นทั้งหมดแล้วช่วยเวินซื่อส่งกลับอารามสุ่ยเยว่จากนั้นสั่งให้ทหารจากกองทัพธงดำสองคนเฝ้าอยู่ที่นี่ก่อนจากไปเป่ยเฉินหยวนสั่งเสียงเรียบ “ปกป้องท่านลุงหลานให้ดี หากมีมือสังหารฆ่าได้ไม่เว้น หากคนสกุลเวินมาเยือน...ดูปฏิกิริยาของคนชราก่อน”“พ่ะย่ะค่ะ”แม้ท่าทีที่ตาเฒ่าหลานมีต่อเวินซื่อจะดีมากแต่เป่ยเฉินหยวนก็อยากดู ว่าอดีตพ่อบ้านสกุลหลานผู้นี้ จะปฏิบัติต่อคุณชายทั้งหลายของสกุลเวิน ซึ่งมีสายเลือดของคุณหนูใหญ่ของเขาเช่นกันอย่างไรเวินซื่อไม่รู้ว่าเป่ยเฉินหยวนช่วยนางระวังเรื่องพวกนี้นางกลับไปถึงอารามสุ่ยเยว่ แล้วปิดประตูขนย้ายหนังสือที่เป็นมรดกเหล่านั้นเข้าไปในมิติของหยกทันทีแม้หนังสือที่อยู่ในห้องลับจะถูกรักษาเป็นอย่างดี แต่ผ่านเวลามายาวนานจึงเสียหายบางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เวินซื่อจัดการหนังสือเหล

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 260

    “หรือมิติแห่งนี้จะเปลี่ยนแปลงไปตามความคิดของข้า?”แต่เมื่อครู่นางแค่อยากเตรียมชั้นหนังสือเพียงไม่กี่อันเท่านั้นการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ขนาดนี้ อาจเกิดขึ้นเพราะปัจจัยอื่น จึงทำให้มันขยายใหญ่ขึ้นกะทันหันเวินซื่อนึกย้อนถึงสิ่งที่ได้กระทำเมื่อครู่อย่างละเอียด แต่น่าเสียดายที่ไม่มีเบาะแสใดเลยสุดท้ายจึงส่ายหัว ปล่อยเรื่องนี้ไว้ก่อนดีกว่ามีการเลื่อนระดับในครั้งแรก ก็ต้องมีการเลื่อนระดับในครั้งที่สองรอให้เลื่อนระดับในครั้งต่อไปค่อยมาดูว่าตกลงเกิดจากสาเหตุใดเวินซื่อกลับเข้าไปในบ้านหลังเล็ก อ่อ ไม่ ตอนนี้ต้องเรียกว่าอาคารหลังใหญ่เมื่อนางเข้าไป พบว่าแม้อาคารจะมีเจ็ดชั้นแต่ส่วนใหญ่แบ่งออกเป็นสามส่วนส่วนที่หนึ่งคือที่ว่างในชั้นหนึ่งและชั้นสอง ด้านในมีสมุนไพรวางอยู่มากมาย ชั้นหนึ่งเป็นสมุนไพรทั่วไป และมีแท่นผสมยา แท่นตำยาและแท่นปรุงยา อีกทั้งมีโต๊ะเอาไว้เขียนตำรับยาบนนั้นมีพู่กัน หมึก กระดาษ แท่นฝนไว้พร้อมสรรพ ไม่จำเป็นให้นางต้องไปหาซื้อจากข้างนอกชั้นสองเป็นสมุนไพรมีพิษชนิดต่างๆ ส่วนอุปกรณ์ที่เหลือเหมือนกับชั้นหนึ่งไม่ผิดเพี้ยนแค่มองชั้นสองก็รู้ว่าเป็นส่วนที่เอาไว้ให้นางศึกษาเรื่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 261

    ความหนาวเย็นแล่นผ่านหัวใจของเวินเยวี่ยวูบหนึ่ง น้ำเสียงของนางสั่นเครือเล็กน้อย “ถ้าเจ้าฆ่าข้า คนของข้าจะต้องหั่นเจ้าเป็นชิ้นๆ อย่างแน่นอน ถึงแม้จะต้องตามล่าไปจนถึงสุดหล้าฟ้าเขียวก็ตาม”หากไม่ได้รับรู้ความจริงจากจินซือถูมาก่อน เกรงว่าเวินซื่อคงเกือบจะหลงเชื่อคำลวงของนางแล้ว“จริงหรือ? เช่นนั้นก็ให้พวกเขามาเถิด ส่วนเจ้า ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตายง่ายดายเช่นนั้นหรอก ก่อนจะฆ่าเจ้า เจ้าต้องช่วยข้าอีกสักเล็กน้อย”ตอนแรกเวินเยวี่ยยังไม่เข้าใจว่าที่เวินซื่อกล่าวหมายความว่าอย่างไรแต่เพียงไม่นาน นางก็เข้าใจแล้ว“สิ่งใดกัน? เจ้าเอาอะไรวางลงบนตัวข้า?!”ทันใดนั้น เวินเยวี่ยก็ตื่นตระหนกเมื่อครู่มีบางอย่างไต่ไปมาบนร่างกายของนาง!ตอนนี้ก็ยังอยู่!เวินเยวี่ยขยับตัวไปมาภายในกรงอย่างรุนแรงพยายามที่จะสลัดสิ่งที่กำลังไต่ไปมาบนร่างกายของนางออกไปทว่าตอนนี้ มีเพียงเวินซื่อที่อยู่นอกกรงเท่านั้นที่มองเห็นแมงมุมสีดำตัวนั้นกำลังไต่ไปทั่วร่างกายของนางแมงมุมตัวนั้นมีขนาดใหญ่เท่ากำปั้น แม้จะมีเพียงตัวเดียว แต่มันก็ใหญ่จนน่าหวาดกลัวโชคดีที่เวินเยวี่ยถูกปิดตาเอาไว้ มิฉะนั้นนางคงจะตกใจจนหน้า

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 262

    เวินซื่อแสดงสีหน้าเย็นชา มองดูเวินเยวี่ยที่กำลังจะถูกแมงมุมพิษกัดตายในกรงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์“พอแล้ว กลับมาเถอะ”แมงมุมพิษถอนเขี้ยวพิษออกในทันที รีบไต่ลงจากร่างกายของเวินเยวี่ยอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กลับมาอยู่ข้างกายเวินซื่ออย่างว่าง่าย“ไปสร้างรังเถิด ที่นี่ไม่ต้องการเจ้าแล้ว”เวินซื่อยื่นนิ้วออกไปแตะที่แมงมุมพิษตัวนั้นเบาๆ จากนั้นก็ปล่อยให้มันจากไปแมงมุมพิษตัวนี้เป็นสิ่งที่จินซือถูส่งมา พร้อมกับแมลงพิษอีกหลายชนิดตอนนี้ก็เหมือนกับตะขาบพิษของพั่วจวิน หลังจากที่ถูกเวินซื่อป้อนด้วยน้ำทิพย์แล้ว พวกมันทั้งหมดก็ยอมรับนางเป็นนาย และต่างก็ไปหาที่สร้างรังอยู่ในมิติเมื่อเห็นใบหน้าของเวินเยวี่ยเปลี่ยนจากสีขาวเป็นเขียว จากเขียวเป็นม่วง และกำลังจะเปลี่ยนเป็นสีดำ ใกล้จะตายเพราะพิษแล้ว เวินซื่อก็ค่อยๆ หยิบยาถอนพิษออกมา ผสมกับน้ำแล้วสาดลงบนใบหน้าของเวินเยวี่ยโดยตรง“ความอดทนของข้ามีขีดจำกัด หากเจ้าไม่อยากถูกพิษจนตาย ทางที่ดีควรเอาศพของท่านแม่ข้าออกมา”เวินเยวี่ยลุกขึ้นยืนด้วยร่างกายสั่นเทา ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ที่มากกว่านั้นคือความเกลียดชังที่มีต่อเวินซื่อทันใดนั้น นางก็หัวเรา

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 263

    จะไม่ลงเขาได้อย่างไร?ถ้าไม่ลงเขา แล้วนางจะไปหาศพของท่านแม่ได้อย่างไร?!เวินซื่อกัดฟัน ในที่สุดภายใต้การเค้นถามของม่อโฉวซือไท่ ก็ค่อยๆ เล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมาเมื่อได้ยินว่าศพมารดาของเวินซื่ออาจจะถูกคนขโมยไป สีหน้าของม่อโฉวซือไท่ก็เปลี่ยนไปทันที ยกมือขึ้นกุมที่หน้าอกแล้วล้มลงไปข้างหลัง“ท่านอาจารย์!”เวินซื่อรีบยื่นมือเข้าไปพยุงนางไว้นางคิดไม่ถึงเลยว่าอาจารย์ของตนเองจะมีปฏิกิริยามากขนาดนี้ จึงรีบหยิบยาเม็ดหนึ่งออกมาจากมิติด้วยความรวดเร็ว แล้วป้อนให้ม่อโฉวซือไท่“ท่านอาจารย์อย่าได้ตื่นตระหนก ใจเย็นๆ ก่อนเจ้าค่ะ!”“ข้าใจเย็นไม่ได้แล้ว ข้าใจเย็นไม่ไหวแล้ว!”ม่อโฉวซือไท่น้ำตาไหลรินลงมาจากหางตา ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและเจ็บปวด “พวกนางกล้าทำกับจื่อจวินของข้าเช่นนี้ได้อย่างไร!”เมื่อนึกถึงศพของจื่อจวินของนางที่ถูกคนขุดไป! ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด นางก็รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวนางกำมือแน่น ทุบอกของตัวเองอย่างรุนแรง แล้วตะโกนด้วยความโมโห “พวกสารเลวที่สมควรตกนรก! ข้าจะไม่มีวันปล่อยพวกเขาไปแน่!”เวินซื่อรีบเอ่ยขึ้น “อาจารย์ไม่ต้องห่วง ข้าก็จะไม่ปล่อยพวกเขาไปเช่นกัน แต่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 264

    เวินฉางอวิ้นถึงกับตกตะลึงจนตาค้างก่อนหน้านี้พวกเขาก็เคยพบกับม่อโฉวซือไท่มาก่อน แม้ว่าม่อโฉวซือไท่จะไม่ชอบหน้าพวกเขา แต่นางก็มักจะวางตัวอย่างสำรวมและสุขุมตลอดมาไหนเลยจะเหมือนวันนี้ ช่างราวกับหญิงชาวบ้านปากตลาดจริงๆ เวินฉางอวิ้นหน้าแดงก่ำ กล่าวด้วยความลำบากใจ “ม่อโฉวซือไท่ ช่วงนี้ท่านพ่อของข้าสุขภาพไม่ดี กำลังพักรักษาตัว...”“พักรักษาตัว? เหอะ ทำเรื่องชั่วช้าไว้มาก คราวนี้กรรมตามสนองแล้วกระมัง?”“ม่อโฉวซือไท่!”เวินฉางอวิ้นทนฟังต่อไปไม่ไหวจริงๆ “ท่านโปรดให้ความเคารพท่านพ่อของข้าด้วย ที่นี่คือจวนเจิ้นกั๋วกง ไม่ใช่อารามสุ่ยเยว่ของพวกท่าน!”“อย่าว่าแต่ที่นี่คือจวนเจิ้นกั๋วกงเลย ต่อให้ที่นี่เป็นวังหลวง วันนี้เจ้าก็ต้องเรียกเขาออกมาพบข้า!”ม่อโฉวซือไท่จ้องมองเวินฉางอวิ้นตาเขม็ง “เจ้าจะไปเรียกหรือไม่? ถ้าเจ้าไม่ไปเรียก ข้าก็จะเข้าไปหาเอง! บังเอิญว่าข้าคุ้นเคยกับสวนแห่งนี้เป็นอย่างดี!”เวินฉางอวิ้นที่ถูกจ้องตาเขม็งก็รู้สึกขนลุกซู่ จึงได้แต่พูดว่า “ม่อโฉวซือไท่โปรดรอสักครู่ ข้าจะเข้าไปถามท่านพ่อก่อน”หลังจากเวินฉางอวิ้นไปตามคนแล้ว ม่อโฉวซือไท่ก็หันกลับมามอง พบว่าลูกศิษย์ของตนจ้องมอง

บทล่าสุด

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 390

    สมุนไพรทั้งหมดนี้ในที่ดินกุยอวิ๋น เป็นสิ่งที่นางได้ตกลงไว้แล้วว่าจะมอบให้กับเป่ยเฉินหยวนเป็นสมุนไพรสำหรับทหารในกองทัพธงดำที่ออกรบเพื่อราชวงศ์ต้าหมิงมาหลายปี จนสุดท้ายร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล พิการ และเจ็บปวดบัดนี้ สมุนไพรที่ปลูกไว้ได้หนึ่งเดือนแล้วกลับถูกพวกเขาทำลายไปกว่าครึ่ง แถมยังไม่เว้นแม้แต่แปลงสมุนไพรร้ายกาจถึงเพียงนี้ นางจะกลืนความโกรธแค้นนี้ลงไปได้อย่างไรนางจะไม่ปล่อยคนที่เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ไป และคนร้ายตรงหน้าเหล่านี้ นางก็จะไม่ปล่อยไปเช่นกัน“ท่านลุงหลาน ต้องรับพวกเขาให้ดี”ผู้เฒ่าหลานไม่คิดว่าเวินซื่อจะมีด้านนี้ด้วยเดิมทีเขาคิดว่าปกติแล้วคุณหนูน้อยผู้อ่อนโยนและใจดีมาโดยตลอดนั้น จะเหมือนกับคุณหนูใหญ่มากแต่คาดไม่ถึงว่า ภายใต้ความอ่อนโยนของคุณหนูน้อย จะยังมีด้านที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ซ่อนอยู่ช่าง...เหมือนกับนายท่านในตอนนั้นไม่มีผิด!ดวงตาที่แก่ชราของผู้เฒ่าหลานฉายแววเฉียบคม จ้องมองเวินซื่อด้วยสายตาร้อนแรง ราวกับว่าเขามองเห็นภาพของเจ้าบ้านสกุลหลานในอดีตในตัวของนางมองจนหัวใจที่สงบนิ่งมานานหลายปีของเขาถึงกับรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมานายท่าน สกุลหลานของพวกเ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 389

    “รบกวนลุงหลานเริ่มจัดหาคนในวันพรุ่งนี้ ช่วงสองสามวันนี้ลำบากท่านแล้ว”“เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ไม่ลำบากหรอก เพียงแต่ว่าคนร้ายที่วางยาพิษยังจับตัวไม่ได้ หากพวกเราแก้ไขตอนนี้ เกรงว่าคนร้ายนั่นจะกลับมาอีก”เวินซื่อย่อมเข้าใจเรื่องนี้ดีนางยิ้มเล็กน้อย “ลุงหลานวางใจได้ พรุ่งนี้ท่านจัดหาคนได้เลย คืนนี้พวกเราจะจับคน”......คืนนั้นควรจะเป็นเวลาที่เข้าสู่ห้วงนิทรา แต่กลับมีคนจำนวนหนึ่งถือถังไม้คนละใบ หลบเลี่ยงคนลาดตระเวนเหล่านั้นอย่างเงียบๆ พวกเขาแอบเข้าไปในที่ดินกุยอวิ๋นอีกครั้งอย่างชำนาญ“หัวหน้า เมื่อวานพวกเราสาดยาพิษที่แปลงสมุนไพรทางตะวันออก ทางใต้ก็สาดไปหลายแห่งแล้ว คืนนี้จะเปลี่ยนไปสาดทางตะวันตกหรือทางเหนือดี?”“ได้ ไปดูทางตะวันตกก่อนก็แล้วกัน ถึงอย่างไรคุณชายสามก็บอกว่าต้องสาดให้หมด ต้องทำหมดทุกทาง”ดังนั้น คนร้ายที่ปิดบังใบหน้าทั้งเจ็ดแปดคนจึงอ้อมผ่านไปอย่างมีจุดมุ่งหมาย มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตกไม่นานนัก พวกเขาก็วิ่งมาถึงที่หมาย“เจ้าสอง เจ้าสาม พวกเจ้าสองคนไปดูต้นทาง มีอะไรก็รีบเป่านกหวีด เจ้าสี่ เจ้าห้า เจ้าหก พวกเจ้าสามคนไปตักน้ำ เจ้าเจ็ด เจ้ามาทำลายสมุนไพรกับข้า”“ได้เลย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 388

    “คนร้ายกระจอกๆ พวกนั้นจับตัวได้หรือไม่?”“พวกที่มาครั้งแรกจับได้แล้วขอรับ แต่ไม่กี่วันต่อมา ก็มีมาอีกสองสามคน แถมยังระมัดระวังตัวยิ่งกว่า เจ้าเล่ห์มาก พิษที่เทในแปลงสมุนไพรก็เป็นฝีมือของพวกที่มาครั้งที่สองนี้”เวินซื่อเอ่ยถาม “มีคนได้รับผลกระทบบ้างหรือไม่?”ผู้เฒ่าหลานส่ายหน้า “ยาพิษที่เทนั้นดูเหมือนจะมุ่งเป้าไปที่แปลงสมุนไพรของเราเท่านั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคนมากนัก”เวินซื่อแค่นหัวเราะ “หากวางยาพิษคน เรื่องนี้คงไม่ง่ายดายเช่นนี้แล้ว”หลังจากที่นางทราบเรื่องราวทั้งหมดแล้วก็กำชับว่า “รบกวนลุงหลานเดินทางรอบนี้ ตอนนี้ฟ้ายังไม่มืด ข้าจะไปดูที่ดินกุยอวิ๋นก่อน”ม่อโฉวซือไท่ก็อยู่ด้วยพอดี นางได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “อาจารย์จะไปกับพวกเจ้าด้วย ไปดูสักหน่อย”“ข้าก็ไปด้วยๆ !”ฉางเสี่ยวหานรีบยกมือออกจากอารามสุ่ยเยว่ ก็มีรถม้าเรียบง่ายคันหนึ่งจอดรออยู่ด้านนอกนี่เป็นสิ่งที่เวินซื่อสั่งให้ผู้เฒ่าหลานจัดหาระยะทางระหว่างที่ดินกุยอวิ๋นถึงอารามสุ่ยเยว่ก็ไม่ถือว่าใกล้ จะให้พ่อบ้านหลานที่อายุมากแล้วเดินไปเดินมาก็คงไม่ได้ดังนั้น เวินซื่อจึงให้ผู้เฒ่าหลานจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกบางอย่าง เ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 387

    เป่ยเฉินหยวนไม่คิดว่านางจะยังจำเรื่องนี้ได้ และยังจัดสรรที่ดินไว้ให้เขาแล้วเขารู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่งอู๋โยวที่ดีเช่นนี้ เขาจะไม่หวั่นไหวได้อย่างไร?เพียงแต่ว่าคนสกุลอันนั่นพูดถูก เขามีความคิดต่ำทราม หากถูกคนอื่นรู้เข้า นั่นก็เท่ากับทำลายการปฏิบัติธรรมของผู้อื่น ทำลายชื่อเสียงอันบริสุทธิ์ของผู้อื่น เป็นเรื่องที่เลวทรามอย่างยิ่งดังนั้น เป่ยเฉินหยวนในตอนนี้จึงทำได้เพียงเก็บซ่อนไว้อย่างระมัดระวังเมื่อไม่มีอันหลันซิน ขบวนก็ไม่ได้ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย ไม่นานก็ออกเดินทางต่อสองวันต่อมา ขบวนที่เดินทางไกลไปยังลู่โจวในที่สุดก็กลับมาถึงเมืองหลวงแล้วครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน ฝ่าบาททรงนำเหล่าขุนนางมาต้อนรับที่ประตูเมืองหลวงด้วยพระองค์เองสถานการณ์ยิ่งใหญ่เอิกเกริกเช่นนี้ ทำเอาเวินซื่อตกใจไม่น้อยภายหลังเวินซื่อถึงได้รู้ว่า ที่แท้ข่าวคราวจากลู่โจวก็แพร่เข้ามาถึงในเมืองหลวงแล้วหลังจากขอฝนที่จินโจวแก้ปัญหาภัยแล้งได้แล้ว เวินซื่อก็มีชื่อเสียงเรื่องการสวดอธิษฐานขอพรให้ผู้ประสบภัยพิบัติที่ลู่โจวเพิ่มขึ้นมาอีกตอนนี้ชื่อเสียงของนางไม่ได้เลื่องลือแค่ในเมืองหลวงและจินโจวสองแห่งเท่าน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 386

    ภายในป่า เงียบสงบไปครู่หนึ่ง ถึงมีเสียงหัวเราะเยาะเบาๆ ดังขึ้น“เจ้าพูดถูก ข้าไม่คู่ควร”เป่ยเฉินหยวนสีหน้าเย็นชา สายตาเย็นเยียบ “แต่เจ้าไม่คู่ควรยิ่งกว่า”“เจ้าอยากจะใช้คนร้ายที่หลบหนีไปได้มาบีบบังคับข้า น่าเสียดาย ข้าไม่หลงกลเจ้า”เป่ยเฉินหยวนพูดจบก็ยกมือขึ้น กองทัพธงดำจำนวนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นทันที ล้อมอันหลันซินเอาไว้อันหลันซินตกใจทันที ในใจเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี“ท่านคิดจะทำอะไร?”เป่ยเฉินหยวนกล่าวอย่างเย็นชา “ขอบคุณอู๋โยวให้ดีเถอะ หากมิใช่เพราะนาง หัวของเจ้าคงถูกข้าตัดเอาไปเตะเล่นนานแล้ว”พูดจบเขาก็หันหลังกลับไปออกคำสั่ง “เอาตัวไป มัดให้แน่นแล้วส่งไปให้หนิงหย่วนโหว ให้เขาเฝ้าไว้ให้ดีๆ ขอแค่ไม่ตาย จะจัดการอย่างไรก็แล้วแต่เขา แต่ถ้าคนหนีไป ข้าจะเอาเรื่องกับเขา”“พ่ะย่ะค่ะ!”กองทัพธงดำหลายนายรีบเข้ามาทันทีไม่!ไม่ได้!นางจะถูกพาตัวไปไม่ได้!นางอุตส่าห์รอโอกาสนี้มาอย่างยากลำบาก หากถูกพาตัวไปแล้ว ต่อไปนางจะกลับมาหาอาซื่อได้อย่างไร!อันหลันซินเห็นท่าไม่ดี อ้าปากกำลังจะร้องตะโกน“อึก...”น่าเสียดายที่นางเพิ่งจะส่งเสียงออกมา ฝักกระบี่ก็ฟาดลงบนคอของนางอย่างแรงทำให้นางสลบไ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 385

    คนที่ปรากฏตัวอยู่ด้านนอกรถม้าของเป่ยเฉินหยวนคืออันหลันซิน“ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน หม่อมฉันจะทำอะไรท่านได้ ท่านจะระแวงหม่อมฉันขนาดนี้ไปทำไมเพคะ?”อันหลันซินยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าวขึ้นเป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้ว สายตาไม่พอใจ “มีธุระก็พูด ไม่มีธุระก็ไสหัวไป”ท่าทีที่ไม่เกรงใจเมื่อเทียบกับรอยยิ้มที่แสดงออกมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อครู่ ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวจริงๆอันหลันซินแค่นเสียงหัวเราะในใจเสแสร้งอะไรกันตอนนี้รู้จักปฏิบัติต่อสตรีอื่นอย่างแตกต่างเพราะอาซื่อ แต่ต่อไปความพิเศษเช่นนี้ไม่แน่ว่าจะตกไปอยู่กับสตรีอื่นอย่างไรเสีย บุรุษในโลกนี้ก็เหมือนกันหมดอันหลันซินระงับความรังเกียจในใจ บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยน “เอาละ รู้ว่าท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ชอบหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันมีข้อแลกเปลี่ยน อยากจะคุยกับท่านสักหน่อยเพคะ”นางพูดเช่นนี้ เป่ยเฉินหยวนกลับไม่มองนางแม้แต่น้อย เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาและดูถูก “อย่างเจ้า มีคุณสมบัติอะไรมาทำข้อตกลงกับข้า?”“ที่ข้ายอมให้เจ้าอยู่ในขบวนนี้จนถึงตอนนี้ ก็เพียงเพราะเห็นแก่หน้าอู๋โยว”รอยยิ้มบนใบหน้าของอันหลันซินแข็งค้าง กัดฟันเล็กน้อย“เหอะๆ หม่อมฉั

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 384

    เป่ยเฉินหยวนนอนเอนกายอย่างสบายอารมณ์อยู่ในรถม้า ในขณะเดียวกันก็นอนอยู่ข้างกายเวินซื่อ หลับตาพริ้มขยับศีรษะอย่างมีความสุข ตอบคำถามของนางทีละประโยค“ได้ ไม่แรง ไม่ได้ดึงเลย ปวดนิดหน่อย เพราะซื่อเอ๋อร์ลูบให้ หัวก็เลยไม่ปวดมากแล้ว”เวินซื่อได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกโชคดีที่นางยังจำตำแหน่งกดจุดต่างๆ บนศีรษะที่อาจารย์ม่อโฉวสอนได้ ผสมผสานกับวิธีการนวด แล้วนวดให้เป่ยเฉินหยวน ดูเหมือนว่าผลลัพธ์จะดีเลยทีเดียวเวินซื่อที่คิดว่าได้ผลจริงๆ ก็ยังคงตั้งใจจ้องมองศีรษะของเป่ยเฉินหยวน จดจ่ออยู่กับการผสมผสานวิธีการนวดและกดจุดต่างๆ ของนางหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ภายในรถม้าดูเหมือนจะเงียบสงบลงอย่างสิ้นเชิงเงียบจนแม้ว่าภายนอกจะมีเสียงล้อรถดังอยู่ ก็ยังได้ยินเสียงหายใจแผ่วเบาสม่ำเสมอภายในรถม้าเวินซื่อเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบว่าเป่ยเฉินหยวนไม่รู้ว่าหลับตาลงตั้งแต่เมื่อไรแล้วเวินซื่อเห็นดังนั้น มือที่วางอยู่บนศีรษะของเขาก็ค่อยๆ เคลื่อนไหวช้าลง จนกระทั่งพอสมควรแล้ว นางถึงได้ชักมือกลับก้มหน้าลงมองสีหน้าที่อ่อนล้าระหว่างคิ้วของเป่ยเฉินหยวน หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เวินซื่อก็หยิบขวดน้ำทิพย์ออกมาจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 383

    “ปวดหัวหรือ? เกิดอะไรขึ้น? ปวดเป็นพักๆ หรือว่าปวดมากตลอดเวลา?”พอเวินซื่อได้ยินเป่ยเฉินหยวนบอกว่าตนเองปวดหัว ก็ไม่ทันได้ใส่ใจกับคำเรียกที่ดูเหมือนจะสนิทสนมเกินไปนั่น รีบถามอย่างกระวนกระวาย“ปวดเป็นพักๆ เหมือนกับมีคนมากมายพูดอยู่ในหัวของข้า หนวกหูมาก ปวดเหลือเกิน”เป่ยเฉินหยวนมองนางอย่างไม่วางตา ชายหนุ่มผู้ซึ่งปกติแล้วสูงใหญ่และพึ่งพาได้เสมอ เวลานี้กลับดูอ่อนแอเหมือนหมาป่าตัวใหญ่ที่ได้รับบาดเจ็บ ทำได้เพียงส่งเสียงร้องครางกับคนตรงหน้าเพื่อระบายความเจ็บปวดของตนเวินซื่อไม่เคยเห็นเป่ยเฉินหยวนในสภาพที่อ่อนแอเช่นนี้มาก่อนแม้แต่ครั้งแรกที่เห็นเขาป่วยที่ริมลำธารเล็กๆ หลังภูเขานั่น เป่ยเฉินหยวนในตอนนั้นก็ยังคงสติไว้ได้บ้างแต่เป่ยเฉินหยวนในตอนนี้ กลับเหมือนแสดงด้านที่อ่อนแอยามเจ็บป่วยออกมาให้นางเห็นอย่างไม่มีปิดบังเวินซื่อจึงลูบหน้าผากเขาด้วยความสงสารทันที แล้วจับชีพจร “ไม่ปวดแล้วๆ ตอนนี้ข้าจะสวดมนต์ให้ท่านอ๋องเดี๋ยวนี้ ท่านนั่งฟังดีๆ อีกเดี๋ยวก็จะไม่ปวดแล้ว”แต่เป่ยเฉินหยวนในตอนนี้กลับเหมือนจะมีความคิดต่อต้านขึ้นมาเล็กน้อย ยื่นมือออกไปคว้าข้อมือของเวินซื่อที่กำลังจะชักกลับ เอ่ยด้วยน้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 382

    นางมองเวินซื่อด้วยความอาลัยอาวรณ์หางตากลับเหลือบไปมองเป่ยเฉินหยวนและเด็กสาวที่อยู่ข้างโต๊ะนั่นอย่างเย็นชาเพิ่มมาอีกคนแล้วแต่ไม่เป็นไร ยังไม่จบหรอกหลังจากที่นายท่านสกุลผังกลับไปแล้ว ไม่นานก็ส่งสัญญาขายตัวมาให้ตามคาด ทั้งยังเขียนหนังสือหย่าอนุภรรยาอย่างเป็นเรื่องเป็นราวมาหนึ่งฉบับจริงๆเมื่อได้สัญญาขายตัวและหนังสือหย่าอนุภรรยา อันหลันซินก็ไปจากที่นี่เวินซื่อให้จู๋เยวี่ยติดตามไประยะหนึ่งแน่นอนว่าเพื่อจับตาดู“เป็นอย่างไรบ้าง?”หลังจากที่จู๋เยวี่ยกลับมา เวินซื่อก็เอ่ยถาม“ดูเหมือนว่าจะมีเศษเงินที่ซ่อนเอาไว้ ซื้อของกินเล็กน้อย ห่อไว้แล้วก็ออกจากเมืองไป ดูท่าทางน่าจะกลับเมืองหลวง”กลับเมืองหลวง...จินโจวอยู่ห่างจากเมืองหลวงขนาดนี้ นางคิดจะเดินเท้ากลับไปหรือ?แล้วยังมีบิดาของนางในเมืองหลวง ทั้งภรรยาเอกและพี่สาวต่างมารดาพวกนั้น คงจะไม่ปล่อยนางไปกระมัง?ถึงอย่างนั้นนางก็ยังคิดจะกลับไป?เวินซื่อขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็คลายปมคิ้วไม่สิ นางจะเป็นห่วงอันหลันซินทำไมกัน?ต่อจากนี้ไปอันหลันซินจะเป็นตายร้ายดีก็ไม่เกี่ยวข้องกับนางที่นางช่วยครั้งนี้ก็เพราะเห็นแก่คว

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status