เวินฉางอวิ้นถึงกับตกตะลึงจนตาค้างก่อนหน้านี้พวกเขาก็เคยพบกับม่อโฉวซือไท่มาก่อน แม้ว่าม่อโฉวซือไท่จะไม่ชอบหน้าพวกเขา แต่นางก็มักจะวางตัวอย่างสำรวมและสุขุมตลอดมาไหนเลยจะเหมือนวันนี้ ช่างราวกับหญิงชาวบ้านปากตลาดจริงๆ เวินฉางอวิ้นหน้าแดงก่ำ กล่าวด้วยความลำบากใจ “ม่อโฉวซือไท่ ช่วงนี้ท่านพ่อของข้าสุขภาพไม่ดี กำลังพักรักษาตัว...”“พักรักษาตัว? เหอะ ทำเรื่องชั่วช้าไว้มาก คราวนี้กรรมตามสนองแล้วกระมัง?”“ม่อโฉวซือไท่!”เวินฉางอวิ้นทนฟังต่อไปไม่ไหวจริงๆ “ท่านโปรดให้ความเคารพท่านพ่อของข้าด้วย ที่นี่คือจวนเจิ้นกั๋วกง ไม่ใช่อารามสุ่ยเยว่ของพวกท่าน!”“อย่าว่าแต่ที่นี่คือจวนเจิ้นกั๋วกงเลย ต่อให้ที่นี่เป็นวังหลวง วันนี้เจ้าก็ต้องเรียกเขาออกมาพบข้า!”ม่อโฉวซือไท่จ้องมองเวินฉางอวิ้นตาเขม็ง “เจ้าจะไปเรียกหรือไม่? ถ้าเจ้าไม่ไปเรียก ข้าก็จะเข้าไปหาเอง! บังเอิญว่าข้าคุ้นเคยกับสวนแห่งนี้เป็นอย่างดี!”เวินฉางอวิ้นที่ถูกจ้องตาเขม็งก็รู้สึกขนลุกซู่ จึงได้แต่พูดว่า “ม่อโฉวซือไท่โปรดรอสักครู่ ข้าจะเข้าไปถามท่านพ่อก่อน”หลังจากเวินฉางอวิ้นไปตามคนแล้ว ม่อโฉวซือไท่ก็หันกลับมามอง พบว่าลูกศิษย์ของตนจ้องมอง
“ข้าไม่มีทางเชื่อเรื่องเช่นนี้เพียงเพราะคำพูดของเจ้า!”เวินเฉวียนเซิ่งกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเวินซื่อที่ยืนอยู่ด้านข้างพลันหัวเราะเยาะออกมานางถือโอกาสเยาะเย้ยใครบางคน “ถึงแม้ว่าท่านเจิ้นกั๋วกงจะไม่เชื่อคำพูดของท่านอาจารย์ของข้า แต่เมื่อครู่นี้ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ปฏิเสธว่าเวินเยวี่ยเป็นบุตรนอกสมรสของท่าน ช่างน่าสนใจจริงๆ ”คำพูดนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตระหนักได้ทันทีเวินเฉวียนเซิ่งชะงักไปครู่หนึ่งเวินฉางอวิ้นมองท่านพ่อของเขาด้วยสีหน้าซับซ้อนแม้ว่าก่อนหน้านี้จะได้คำตอบจากความเงียบของท่านพ่อของเขาแล้ว แต่การยืนยันอีกครั้งในตอนนี้ ก็ยังทำให้เขารู้สึกแย่อยู่ดีเขาไม่คิดเลยว่าท่านพ่อจะทรยศต่อท่านแม่ของพวกเขาจริงๆ ต้องรู้ว่าก่อนหน้านี้ ภาพลักษณ์ของท่านพ่อในสายตาของพวกเขานั้น คือผู้ที่รักท่านแม่ของพวกเขาอย่างสุดหัวใจเพราะตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ท่านพ่อของพวกเขาไม่เคยมีอนุภรรยาเลย ดังนั้น ความรักของพวกเขาที่มีต่อท่านพ่อจึงยิ่งลึกซึ้งแต่ไม่คาดคิดว่า ในวันนี้ภาพลักษณ์ของท่านพ่อผู้แสนดีกลับถูกทำลายลงอย่างย่อยยับท่านพ่อของพวกเขาไม่เพียงแต่ทรยศต่อท่านแม่ของพวกเขาเท่านั
สุดท้าย เวินซื่อพวกนางศิษย์อาจารย์สองคนก็ถูกเชิญออกไปก่อนที่เวินซื่อจะจากไป นางหันกลับไปมองเวินฉางอวิ้น แล้วทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่ง“พี่ใหญ่ ท่านแม่รักพวกเรามาก ดังนั้นอย่าทำให้นางผิดหวัง”เวินฉางอวิ้นยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเขามองเวินซื่อที่หันหลังเดินจากไปอย่างเหม่อลอย สุดท้ายก็ได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นตั้งแต่น้องห้าออกจากสกุลเวิน นางก็ไม่ได้เรียกเขาแบบนี้มานานแล้วใช่แล้ว เขาคือพี่ใหญ่ของพวกเขาเชียวนะและเป็นบุตรคนแรกของท่านแม่ท่านแม่รักพวกเขามากขนาดนั้น หากนางได้เห็นบุตรทั้งห้าคนของตัวเองกลายเป็นอย่างทุกวันนี้ คงจะรู้สึกเสียใจและเจ็บปวดมากกระมัง?“ไม่ต้องไปสนใจคำพูดของหญิงบ้าคนนั้นหรอก น้องหกของเจ้าตอนนี้ยังไม่กลับมา เวินซื่อลงเขามาพอดี เจ้าตามนางไป ดูว่านางจะไปที่ไหนต่อ เผื่อว่าจะพบเบาะแสของน้องหกของเจ้า”เวินเฉวียนเซิ่งตบไหล่ของเวินฉางอวิ้น แล้วพูดกับเขา“แล้วเรื่องของท่านแม่เล่า? ท่านพ่อไม่ไปดูหน่อยหรือ?”เวินฉางอวิ้นเงยหน้าขึ้นสบตากับเวินเฉวียนเซิ่งเวินเฉวียนเซิ่งชะงักไปครู่หนึ่ง “พ่อจะไปดูเดี๋ยวนี้ แต่เจ้าจะทิ้งน้องหกของเจ้าไม่ได้เหมือนกัน ดังนั้นรีบไปเถอะ”เขาคิดว่าเม
“ท่านแม่...ลูกมาช้าไปแล้ว เป็นลูกที่อกตัญญู!”เวินฉางอวิ้นมองร่องรอยเหล่านั้นที่ถูกปกปิดเอาไว้ เขาแทบจะกัดฟันร้องไห้ดอกกล้วยไม้ที่พวกเขาพี่น้องทั้งห้าคนปลูกไว้ให้ท่านแม่ถูกขุดออกไปจำนวนมาก ดูก็รู้ว่าที่นี่ถูกคนขุดขึ้นมาอย่างแน่นอนและครั้งล่าสุดที่พวกเขามาเยี่ยมท่านแม่ ก็เป็นวันครบรอบวันตายของท่านแม่แท้ๆ ห่างจากตอนนี้ไม่ถึงสี่เดือน!เวลานี้ เมื่อดูจากร่องรอยที่ถูกเคลื่อนย้ายแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่นานมานี้เองดังนั้น หมายความว่าศพของท่านแม่ถูกขโมยไปภายในสี่เดือนนี้ หรือแม้กระทั่งถูกขโมยไปภายในเดือนนี้ด้วยซ้ำ!หากเป็นน้องหกจริงๆ เหตุใดนางถึงต้องทำแบบนี้ด้วย?!ทันใดนั้น เวินฉางอวิ้นก็นึกอะไรขึ้นได้ เขาหันไปมองเวินเฉวียนเซิ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกลด้วยสีหน้าตกตะลึงเขาเอ่ยถามทั้งน้ำตาและรอยยิ้ม “ท่านพ่อ หรือว่าที่น้องหกทำแบบนี้เพราะว่าครั้งนั้นข้าตีนาง? นางจึงทำแบบนี้เพื่อแก้แค้นข้า?”“ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น...”เวินเฉวียนเซิ่งกล่าวอย่างยากลำบาก “เจ้าเองก็รู้นี่ว่าเยวี่ยเอ๋อร์นาง...”“ข้าไม่รู้!”เวินฉางอวิ้นพลันตะโกนทั้งน้ำตาบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ เวลานี้กลับกอดป้ายหลุมศพของท่านแม่ซึ่งเ
เมื่อกลับเข้ามาในมิติของหยกแล้ว เวินซื่อก็ลากเวินเยวี่ยออกมาจากกรงเหล็กทันที“กรี๊ดดด!”“นังบ้า! นังสารเลว!”“เจ้าจะทำอะไรอีก?!”เดิมทีเวินเยวี่ยกำลังพักผ่อน ตั้งใจจะรอให้ร่างกายฟื้นฟูกำลังขึ้นมาสักหน่อยแล้วค่อยหาโอกาสหลบหนี ไม่คิดว่าเวินซื่อจะกลับมาเร็วขนาดนี้และพอกลับมา ก็เหมือนกับราชสีห์ที่กำลังเดือดดาล“ข้าจะฆ่าเจ้า!”เวินซื่อฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าของเวินเยวี่ย“ข้าให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย บอกมาว่าศพของเจ้าแม่ของข้าอยู่ที่ไหน!”เวินเยวี่ยไอออกมา พยายามดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่ง “จะ...เจ้าฝันไปเถอะ!”นางยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม ถึงแม้ว่าตอนนี้เจ้าจะฆ่าข้า ข้าก็จะไม่บอกเจ้าเด็ดขาด!”ศพของท่านแม่ของเวินซื่อ คือหนทางสุดท้ายที่จะช่วยให้นางหนีรอดออกไปได้ดังนั้น นางจะไม่ยอมบอกนังเด็กสารเลวเวินซื่อนี่ง่ายๆ !ไม่เพียงเท่านั้น นางยังต้องการให้เวินซื่อคุกเข่าอ้อนวอนนางในท้ายที่สุด!“ดี เช่นนั้นก็มาต่อจากเมื่อคืนกันเลย”เวินซื่อลากเวินเยวี่ยขึ้นไปบนชั้นสอง ใช้กำลังมัดนางไว้บนแท่นปรุงยา จากนั้นก็ยัดยาพิษที่เตรียมไว้สำหรับเวินเยวี่ยเข้าไปในปากของนาง“อื้อ...แค่กๆๆ !”“เจ้าเอาอะไรให้ข้า
“แค่กๆ ...ยังไม่ทันทำอะไรก็ถูกลักพาตัวเสียแล้ว ดังนั้นศพจึงอยู่ที่เสอจิ่ว”ดังนั้น ก็คือวันก่อนหน้าที่นางจะลักพาตัวเวินเยวี่ย เวินเยวี่ยก็ให้เสอจิ่วไปขโมยศพท่านแม่ของนางพอดีอย่างนั้นหรือ?เวินซื่อไม่กล้าแม้แต่จะคิดเลยว่า หากวันนั้นตัวเองไม่ได้ให้จู๋เยวี่ยไปลักพาตัวเวินเยวี่ย คงเป็นไปได้ว่าศพของท่านแม่นางคงจะถูกเวินเยวี่ยทำลายไปแล้ว!“เสอจิ่วคือใคร?”“มะ...ไม่รู้ ตั้งแต่เกิดมาก็มีเขาและพวกเขาอยู่แล้ว...”เขาและพวกเขา?เสอจิ่ว จิ่ว...หรือว่าเบื้องหลังเวินเยวี่ยยังมีคนอีกกลุ่มอยู่?เวินซื่อขมวดคิ้วเล็กน้อยแม้จะโดนวางยาพิษสารภาพความจริง เวินเยวี่ยก็ไม่อาจบอกที่มาที่ไปได้ หรือจะเป็นไปได้ว่า เหมือนกับพวกจินซือถู เป็นคนที่ไป๋ชูโหรวมารดาของนางทิ้งเอาไว้ให้ แต่ยังไม่ทันได้บอกนางหรือไม่ก็เบื้องหลังของเวินเยวี่ย ยังมีอะไรที่ลึกล้ำกว่านี้อีกเพียงแต่ตอนนี้นางยังไม่ได้สัมผัสไม่สิ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้สัมผัสเวลานี้ เขาในบรรดาพวกเขา เสอจิ่วผู้นี้ก็ปรากฏตัวขึ้นแล้วมิใช่หรือ?ดูท่าจะยืดเยื้อต่อไปไม่ได้แล้ว หลังจากที่ได้ศพของท่านแม่กลับคืนมา นางก็จะต้องฆ่าเวินเยวี่ยในทันที“เขาอยู่ที่ไ
“เจ้าเจอเขาเมื่อเร็วๆ นี้หรือ?”เวินซื่อส่ายหน้า “ไม่ ไม่ใช่ เขาขโมยของสำคัญมากของข้าไป ดังนั้นตอนนี้ข้ากำลังตามหาเขาอยู่”จินซือถูหัวเราะเยาะทันที “เวินเยวี่ยสั่งการสินะ? ปกติพวกนั้นก็โผล่มาให้เห็นแวบๆ แล้วหายตัวไป ต่อให้เป็นเสอจิ่วข้าก็เจอแค่ไม่กี่ครั้ง ส่วนคนที่เหลือข้าไม่เคยเห็นเลยด้วยซ้ำ”“ซ่อนตัวลึกขนาดนี้เชียว?”เวินซื่อขมวดคิ้วเล็กน้อยจินซือถูเอ่ยขึ้น “จะตามหาพวกเขาไม่ใช่เรื่องง่ายดายเช่นนั้น แต่เสอจิ่วผู้นั้นน่าจะปรากฏตัวขึ้นเร็วๆ นี้”เวินซื่อชะงักไปครู่หนึ่ง “เป็นเพราะเวินเยวี่ยอยู่ในมือของข้าอย่างนั้นหรือ?”“ใช่แล้ว พวกเขาจะไม่ปล่อยให้เวินเยวี่ยเป็นอะไรไปแน่ ดังนั้นช่วงนี้เจ้าควรระวังตัวสักหน่อย อย่าหายไปเสียก่อนที่จะช่วยทำยาแก้พิษให้ข้าล่ะ”ขณะที่จินซือถูพูดประโยคนี้ ท่าทางมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นเวินซื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “หากเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ต้องระวังตัวหน่อยแล้วล่ะ”“ข้าจะต้องระวังอะไร? เดิมทีข้าก็เป็นแค่หุ่นเชิดที่ถูกเวินเยวี่ยควบคุมอยู่แล้ว เพียงแต่ตอนนี้เพราะเวินเยวี่ยถูกจับ ข้าก็เลยกลายเป็นหุ่นเชิดที่ถูกเจ้าควบคุมแทน พวกเขาจะมาโทษหุ่นเชิดที
ราวกับว่ามาจากสำนักเดียวกันแต่จินซือถูกลับบอกว่าเขาเคยเห็นเสอจิ่วแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้นและเมื่อดูจากท่าทีที่เขาพูดถึงเสอจิ่ว ก็ดูเหมือนจะไม่รู้จักจริง ๆเนื่องจากเป็นความสงสัยเพียงเล็กน้อย ดังนั้นเวินซื่อจึงไม่ได้คิดอะไรต่อเพราะถึงอย่างไรตอนนี้นางก็ไม่มีเวลาให้เสียเปล่ามากนักเวินซื่อกลับเข้ามาในมิติในหยกอีกครั้ง ในเมื่อช้าเร็วเสอจิ่วก็จะมาหาถึงเรือนอยู่แล้ว เช่นนั้นนางก็จะเตรียมรับมืออีกฝ่ายเป็นอย่างดี……ในขณะเดียวกัน...เมืองหลวงภายในจวนเจิ้นกั๋วกง“เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่เชื่อว่าน้องหกจะทำเรื่องแบบนี้! ต้องเป็นเวินซื่อที่ใส่ร้ายน้องหกอีกเป็นแน่!”หลังจากกลับไปในวันนั้น เวินฉางอวิ้นที่ผิดหวังกับพ่อของตัวเองเป็นอย่างมาก ก็ไม่ลังเลที่จะบอกน้องชายทั้งสองของตัวเองเรื่องที่มารดาถูกขโมยร่างไปปฏิกิริยาของทั้งสองนั้นตื่นเต้นมากน่าเสียดาย ความตื่นเต้นของพวกเขากลับไม่เหมือนที่เวินฉางอวิ้นคิดไว้“ตอนนี้สำคัญหรือว่าน้องห้ากับน้องหกใครใส่ร้ายหรือใครเป็นคนทำ? สิ่งที่สำคัญมิใช่ร่างของท่านแม่ที่ถูกขโมยไปจริง ๆ และพวกเราควรหาวิธีเอาร่างของนางคืนมาโดยเร็วที่สุดหรอกหรือ?!”“ข้าย่อมรู้
“เจ้ายังกล้าโต้เถียงอีก!”เวินเฉวียนเซิ่งพูดแล้วก็ยกมือขึ้นอีก ขณะที่กำลังจะตบปากเวินจื่อเยวี่ยเป็นครั้งที่สาม เวินฉางอวิ้นก็ยื่นมือออกไปห้ามเขาไว้“พอแล้วท่านพ่อ”เวินฉางอวิ้นผลักเวินจื่อเยวี่ยออกไปข้าง ๆ หลังจากมองเวินเฉวียนเซิ่งแวบหนึ่ง ก็ทิ้งประโยคหนึ่งไว้อย่างเฉยชา...“ไม่ว่าท่านจะทำท่าทำทางอย่างไร ชื่อเสียงของจวนเจิ้นกั๋วกงแห่งนี้ก็เหม็นโฉ่สุดขีดเหมือนอุจจาระที่อยู่บนขั้นบันไดหน้าประตูบานนี้แล้ว”หลังจากที่เขาพูดจบ ก็ยกเท้าขึ้นมาจากอุจจาระเหล่านั้นเดินออกไป จากนั้นก็ขึ้นรถม้าด้วยสีหน้าเรียบเฉยเวินจื่อเยวี่ยนึกไม่ถึงว่าเวินฉางอวิ้นจะพูดจาเช่นนั้นนี่มันเลยเถิดยิ่งกว่าที่เขาโต้เถียงเล่นสำบัดสำนวนเมื่อครู่เสียอีก ดูหน้าบิดาสิ ดำทะมึนเป็นหมิ่นหม้อแล้วสุดท้ายเวินเฉวียนเซิ่งก็ยังแบกกลิ่นอุจจาระจาง ๆ เข้าไปในวังเพื่อเข้าเฝ้าเช่นเดียวกับเวินฉางอวิ้น ส่วนเวินจื่อเยวี่ยและเวินอวี้จือถูกเวินเฉวียนเซิ่งกักขังไว้ในบ้านชั่วคราว รอให้เขากลับมาก่อนค่อยจัดการไอ้สารเลวสองคนนี้พอเช้าตรู่ เหตุการณ์ที่ประตูจวนเจิ้นกั๋วกงก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงอย่างรวดเร็วซ้ำยังกลายเป็นเรื่องขบ
เช้าตรู่ พวกเขายังไม่ทันตื่น เวินจื่อเยวี่ยและเวินอวี้จือก็ถูกเวินเฉวียนเซิ่งดึงขึ้นจากเตียง“เกิดอะไรขึ้น ท่านพ่อ?”“ซี้ด หนาวจัง ท่านพ่อ ท่านให้ข้าไปใส่เสื้อผ้าก่อนนะ!”“ยังจะใส่เสื้อผ้าอีก ใส่อะไรหนักหนา! หน้าตาของจวนเจิ้นกั๋วกงกำลังจะถูกพวกเจ้าทำลายหมดสิ้นแล้ว!”เวินเฉวียนเซิ่งผลักเวินจื่อเยวี่ยและเวินอวี้จือออกไปเมื่อมาถึงประตูจวนเจิ้นกั๋วกง ทั้งสองก็เห็นเวินฉางอวิ้นยืนอยู่ที่ประตูเป็นอันดับแรก“พี่ใหญ่ ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”เวินจื่อเยวี่ยเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจในสถานการณ์เวินฉางอวิ้นเหลือบมองพวกเขาสองคน แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พวกเจ้าเดินออกมาดูเอาเองเถอะ”ในขณะที่เขาพูดเช่นนี้ เวินจื่อเยวี่ยและเวินอวี้จือก็ได้กลิ่นเหม็นเน่าจาง ๆ“นี่มันกลิ่นอะไรเนี่ย?”เวินจื่อเยวี่ยปิดจมูกแล้วเดินออกไปข้างนอก ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมอง รูม่านตาก็หดตัวลงทันที โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง“นี่เป็นฝีมือของใคร?!”“ใครกันช่างรนหาที่ตาย บังอาจสาดเทสิ่งของแบบนี้ใส่จวนเจิ้นกั๋วกงของเรา!”เวินจื่อเยวี่ยแทบจะอาเจียนออกมาแล้ว เขาปิดจมูกพลางตวาดลั่น แต่เขาในเวล
“นี่ น้องสี่ น้ำหล่อเลี้ยงของรากไม้แห้งที่ท่านให้มาสามารถทำลายแปลงสมุนไพรของเวินซื่อ ทำให้นางไม่สามารถเพาะปลูกได้อีกจริงหรือ?”“แน่นอน”เวินอวี้จือเชิดคางขึ้นกล่าวอย่างจองหอง “น้ำหล่อเลี้ยงของรากไม้แห้งเป็นสิ่งที่ข้าอ่านมาจากตำราพิษของหมอปีศาจราชันพิษ มีคนเพียงไม่กี่คนที่รู้จักของสิ่งนี้ เว้นแต่ว่าหมอปีศาจราชันพิษจะมาถอนพิษด้วยตัวเอง ถ้าไม่อย่างนั้นก็ไม่มีใครช่วยแปลงสมุนไพรเหล่านั้นของเวินซื่อได้เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เวินจื่อเยวี่ยก็โล่งใจได้ในทันที“ถ้าอย่างนั้นก็ดี คราวนี้สั่งสอนบทเรียนแก่เวินซื่อให้เต็มที่ ครั้งนี้สิ่งที่พวกเราจัดการก็คือแปลงสมุนไพรของนาง ไม่ใช่คนของนาง ต่อให้นางคาดเดาได้ว่าพวกเราเป็นคนทำ ก็ทำอะไรเจ้ากับข้าไม่ได้”“ถึงอย่างไรต่อให้พูดออกไป เรื่องนี้ก็สามารถยืดหยุ่นได้เวินจื่อเยวี่ยแสยะมุมปาก กล่าวอย่างดูถูกเวินอวี้จือยิ้มเล็กน้อยเช่นกัน “นางไม่กล้าทำอะไรหรอก ไม่แน่ว่าอาจจะขอร้องพวกเราเพื่อแปลงสมุนไพรเหล่านั้นในที่ดินกุยอวิ๋นก็ได้ ถึงเวลานั้นก็ให้นางคุกเข่าสารภาพผิดต่อหน้าน้องหกอย่างสาสม เช่นนี้ถึงจะสามารถชดเชยความเจ็บปวดที่น้องหกได้รับในวัง”“ท่านสมกับที่เป
ถึงอย่างไรผู้เฒ่าหลานก็เคยเป็นพ่อบ้านของสกุลหลานมาก่อน ย่อมมีความฉับไวในบางแง่มุมอยู่แล้ว หลังจากสังเกตเห็นท่าทีของเวินซื่ออย่างรางเลือน ในขณะที่เวินซื่อกำลังเตรียมตัวออกเดินทางกลับมาที่อารามสุ่ยเยว่ในวันนั้น เขาก็ยื่นสิ่งของอย่างหนึ่งให้เวินซื่อ“คุณหนูน้อย บ่าวเกิดในสกุลหลาน เติบโตในสกุลหลานมาชั่วชีวิต ตายก็อยากตายเพื่อสายเลือดของสกุลหลาน ดังนั้นคุณหนูน้อยได้โปรดรับของสิ่งนี้ไว้ ให้โอกาสบ่าวสักครั้ง ให้บ่าวได้ตายเพื่อท่าน”ผู้เฒ่าหลานมีอายุมานานแล้ว แล้วมีปัญหาอะไร?เขายังสามารถทำให้ตัวเองได้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง เพื่อสกุลหลาน และเพื่อคุณหนูน้อยเวินซื่อมองไปที่สัญญาขายตัวที่ยื่นมาจากมือของเขานางหลุบตาลงเล็กน้อย “ลุงหลาน ท่านคิดดีแล้วหรือ?”ผู้เฒ่าหลานหันไปมองที่ดินกุยอวิ๋นผืนนั้น ความรู้สึกคะนึงหาพรั่งพรูเข้ามาในดวงตาทั้งสองของเขา จากนั้นเขาก็หันกลับไปมองเวินซื่ออีกครั้ง เหมือนกับที่เคยมองนายท่านของเขาในตอนนั้น พลางเอ่ยอย่างจริงจัง “บ่าวคิดดีแล้ว ชั่วชีวิตนี้บ่าวจะจงรักภักดีเพียงสกุลหลานเท่านั้น แม้ว่าพวกคุณชายใหญ่จะเป็นสายเลือดของคุณหนูใหญ่ แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่คนของสกุลหลาน
สมุนไพรทั้งหมดนี้ในที่ดินกุยอวิ๋น เป็นสิ่งที่นางได้ตกลงไว้แล้วว่าจะมอบให้กับเป่ยเฉินหยวนเป็นสมุนไพรสำหรับทหารในกองทัพธงดำที่ออกรบเพื่อราชวงศ์ต้าหมิงมาหลายปี จนสุดท้ายร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล พิการ และเจ็บปวดบัดนี้ สมุนไพรที่ปลูกไว้ได้หนึ่งเดือนแล้วกลับถูกพวกเขาทำลายไปกว่าครึ่ง แถมยังไม่เว้นแม้แต่แปลงสมุนไพรร้ายกาจถึงเพียงนี้ นางจะกลืนความโกรธแค้นนี้ลงไปได้อย่างไรนางจะไม่ปล่อยคนที่เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ไป และคนร้ายตรงหน้าเหล่านี้ นางก็จะไม่ปล่อยไปเช่นกัน“ท่านลุงหลาน ต้องรับพวกเขาให้ดี”ผู้เฒ่าหลานไม่คิดว่าเวินซื่อจะมีด้านนี้ด้วยเดิมทีเขาคิดว่าปกติแล้วคุณหนูน้อยผู้อ่อนโยนและใจดีมาโดยตลอดนั้น จะเหมือนกับคุณหนูใหญ่มากแต่คาดไม่ถึงว่า ภายใต้ความอ่อนโยนของคุณหนูน้อย จะยังมีด้านที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ซ่อนอยู่ช่าง...เหมือนกับนายท่านในตอนนั้นไม่มีผิด!ดวงตาที่แก่ชราของผู้เฒ่าหลานฉายแววเฉียบคม จ้องมองเวินซื่อด้วยสายตาร้อนแรง ราวกับว่าเขามองเห็นภาพของเจ้าบ้านสกุลหลานในอดีตในตัวของนางมองจนหัวใจที่สงบนิ่งมานานหลายปีของเขาถึงกับรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมานายท่าน สกุลหลานของพวกเ
“รบกวนลุงหลานเริ่มจัดหาคนในวันพรุ่งนี้ ช่วงสองสามวันนี้ลำบากท่านแล้ว”“เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ไม่ลำบากหรอก เพียงแต่ว่าคนร้ายที่วางยาพิษยังจับตัวไม่ได้ หากพวกเราแก้ไขตอนนี้ เกรงว่าคนร้ายนั่นจะกลับมาอีก”เวินซื่อย่อมเข้าใจเรื่องนี้ดีนางยิ้มเล็กน้อย “ลุงหลานวางใจได้ พรุ่งนี้ท่านจัดหาคนได้เลย คืนนี้พวกเราจะจับคน”......คืนนั้นควรจะเป็นเวลาที่เข้าสู่ห้วงนิทรา แต่กลับมีคนจำนวนหนึ่งถือถังไม้คนละใบ หลบเลี่ยงคนลาดตระเวนเหล่านั้นอย่างเงียบๆ พวกเขาแอบเข้าไปในที่ดินกุยอวิ๋นอีกครั้งอย่างชำนาญ“หัวหน้า เมื่อวานพวกเราสาดยาพิษที่แปลงสมุนไพรทางตะวันออก ทางใต้ก็สาดไปหลายแห่งแล้ว คืนนี้จะเปลี่ยนไปสาดทางตะวันตกหรือทางเหนือดี?”“ได้ ไปดูทางตะวันตกก่อนก็แล้วกัน ถึงอย่างไรคุณชายสามก็บอกว่าต้องสาดให้หมด ต้องทำหมดทุกทาง”ดังนั้น คนร้ายที่ปิดบังใบหน้าทั้งเจ็ดแปดคนจึงอ้อมผ่านไปอย่างมีจุดมุ่งหมาย มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตกไม่นานนัก พวกเขาก็วิ่งมาถึงที่หมาย“เจ้าสอง เจ้าสาม พวกเจ้าสองคนไปดูต้นทาง มีอะไรก็รีบเป่านกหวีด เจ้าสี่ เจ้าห้า เจ้าหก พวกเจ้าสามคนไปตักน้ำ เจ้าเจ็ด เจ้ามาทำลายสมุนไพรกับข้า”“ได้เลย
“คนร้ายกระจอกๆ พวกนั้นจับตัวได้หรือไม่?”“พวกที่มาครั้งแรกจับได้แล้วขอรับ แต่ไม่กี่วันต่อมา ก็มีมาอีกสองสามคน แถมยังระมัดระวังตัวยิ่งกว่า เจ้าเล่ห์มาก พิษที่เทในแปลงสมุนไพรก็เป็นฝีมือของพวกที่มาครั้งที่สองนี้”เวินซื่อเอ่ยถาม “มีคนได้รับผลกระทบบ้างหรือไม่?”ผู้เฒ่าหลานส่ายหน้า “ยาพิษที่เทนั้นดูเหมือนจะมุ่งเป้าไปที่แปลงสมุนไพรของเราเท่านั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคนมากนัก”เวินซื่อแค่นหัวเราะ “หากวางยาพิษคน เรื่องนี้คงไม่ง่ายดายเช่นนี้แล้ว”หลังจากที่นางทราบเรื่องราวทั้งหมดแล้วก็กำชับว่า “รบกวนลุงหลานเดินทางรอบนี้ ตอนนี้ฟ้ายังไม่มืด ข้าจะไปดูที่ดินกุยอวิ๋นก่อน”ม่อโฉวซือไท่ก็อยู่ด้วยพอดี นางได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “อาจารย์จะไปกับพวกเจ้าด้วย ไปดูสักหน่อย”“ข้าก็ไปด้วยๆ !”ฉางเสี่ยวหานรีบยกมือออกจากอารามสุ่ยเยว่ ก็มีรถม้าเรียบง่ายคันหนึ่งจอดรออยู่ด้านนอกนี่เป็นสิ่งที่เวินซื่อสั่งให้ผู้เฒ่าหลานจัดหาระยะทางระหว่างที่ดินกุยอวิ๋นถึงอารามสุ่ยเยว่ก็ไม่ถือว่าใกล้ จะให้พ่อบ้านหลานที่อายุมากแล้วเดินไปเดินมาก็คงไม่ได้ดังนั้น เวินซื่อจึงให้ผู้เฒ่าหลานจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกบางอย่าง เ
เป่ยเฉินหยวนไม่คิดว่านางจะยังจำเรื่องนี้ได้ และยังจัดสรรที่ดินไว้ให้เขาแล้วเขารู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่งอู๋โยวที่ดีเช่นนี้ เขาจะไม่หวั่นไหวได้อย่างไร?เพียงแต่ว่าคนสกุลอันนั่นพูดถูก เขามีความคิดต่ำทราม หากถูกคนอื่นรู้เข้า นั่นก็เท่ากับทำลายการปฏิบัติธรรมของผู้อื่น ทำลายชื่อเสียงอันบริสุทธิ์ของผู้อื่น เป็นเรื่องที่เลวทรามอย่างยิ่งดังนั้น เป่ยเฉินหยวนในตอนนี้จึงทำได้เพียงเก็บซ่อนไว้อย่างระมัดระวังเมื่อไม่มีอันหลันซิน ขบวนก็ไม่ได้ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย ไม่นานก็ออกเดินทางต่อสองวันต่อมา ขบวนที่เดินทางไกลไปยังลู่โจวในที่สุดก็กลับมาถึงเมืองหลวงแล้วครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน ฝ่าบาททรงนำเหล่าขุนนางมาต้อนรับที่ประตูเมืองหลวงด้วยพระองค์เองสถานการณ์ยิ่งใหญ่เอิกเกริกเช่นนี้ ทำเอาเวินซื่อตกใจไม่น้อยภายหลังเวินซื่อถึงได้รู้ว่า ที่แท้ข่าวคราวจากลู่โจวก็แพร่เข้ามาถึงในเมืองหลวงแล้วหลังจากขอฝนที่จินโจวแก้ปัญหาภัยแล้งได้แล้ว เวินซื่อก็มีชื่อเสียงเรื่องการสวดอธิษฐานขอพรให้ผู้ประสบภัยพิบัติที่ลู่โจวเพิ่มขึ้นมาอีกตอนนี้ชื่อเสียงของนางไม่ได้เลื่องลือแค่ในเมืองหลวงและจินโจวสองแห่งเท่าน
ภายในป่า เงียบสงบไปครู่หนึ่ง ถึงมีเสียงหัวเราะเยาะเบาๆ ดังขึ้น“เจ้าพูดถูก ข้าไม่คู่ควร”เป่ยเฉินหยวนสีหน้าเย็นชา สายตาเย็นเยียบ “แต่เจ้าไม่คู่ควรยิ่งกว่า”“เจ้าอยากจะใช้คนร้ายที่หลบหนีไปได้มาบีบบังคับข้า น่าเสียดาย ข้าไม่หลงกลเจ้า”เป่ยเฉินหยวนพูดจบก็ยกมือขึ้น กองทัพธงดำจำนวนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นทันที ล้อมอันหลันซินเอาไว้อันหลันซินตกใจทันที ในใจเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี“ท่านคิดจะทำอะไร?”เป่ยเฉินหยวนกล่าวอย่างเย็นชา “ขอบคุณอู๋โยวให้ดีเถอะ หากมิใช่เพราะนาง หัวของเจ้าคงถูกข้าตัดเอาไปเตะเล่นนานแล้ว”พูดจบเขาก็หันหลังกลับไปออกคำสั่ง “เอาตัวไป มัดให้แน่นแล้วส่งไปให้หนิงหย่วนโหว ให้เขาเฝ้าไว้ให้ดีๆ ขอแค่ไม่ตาย จะจัดการอย่างไรก็แล้วแต่เขา แต่ถ้าคนหนีไป ข้าจะเอาเรื่องกับเขา”“พ่ะย่ะค่ะ!”กองทัพธงดำหลายนายรีบเข้ามาทันทีไม่!ไม่ได้!นางจะถูกพาตัวไปไม่ได้!นางอุตส่าห์รอโอกาสนี้มาอย่างยากลำบาก หากถูกพาตัวไปแล้ว ต่อไปนางจะกลับมาหาอาซื่อได้อย่างไร!อันหลันซินเห็นท่าไม่ดี อ้าปากกำลังจะร้องตะโกน“อึก...”น่าเสียดายที่นางเพิ่งจะส่งเสียงออกมา ฝักกระบี่ก็ฟาดลงบนคอของนางอย่างแรงทำให้นางสลบไ