เวินซื่อแสดงสีหน้าเย็นชา มองดูเวินเยวี่ยที่กำลังจะถูกแมงมุมพิษกัดตายในกรงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์“พอแล้ว กลับมาเถอะ”แมงมุมพิษถอนเขี้ยวพิษออกในทันที รีบไต่ลงจากร่างกายของเวินเยวี่ยอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กลับมาอยู่ข้างกายเวินซื่ออย่างว่าง่าย“ไปสร้างรังเถิด ที่นี่ไม่ต้องการเจ้าแล้ว”เวินซื่อยื่นนิ้วออกไปแตะที่แมงมุมพิษตัวนั้นเบาๆ จากนั้นก็ปล่อยให้มันจากไปแมงมุมพิษตัวนี้เป็นสิ่งที่จินซือถูส่งมา พร้อมกับแมลงพิษอีกหลายชนิดตอนนี้ก็เหมือนกับตะขาบพิษของพั่วจวิน หลังจากที่ถูกเวินซื่อป้อนด้วยน้ำทิพย์แล้ว พวกมันทั้งหมดก็ยอมรับนางเป็นนาย และต่างก็ไปหาที่สร้างรังอยู่ในมิติเมื่อเห็นใบหน้าของเวินเยวี่ยเปลี่ยนจากสีขาวเป็นเขียว จากเขียวเป็นม่วง และกำลังจะเปลี่ยนเป็นสีดำ ใกล้จะตายเพราะพิษแล้ว เวินซื่อก็ค่อยๆ หยิบยาถอนพิษออกมา ผสมกับน้ำแล้วสาดลงบนใบหน้าของเวินเยวี่ยโดยตรง“ความอดทนของข้ามีขีดจำกัด หากเจ้าไม่อยากถูกพิษจนตาย ทางที่ดีควรเอาศพของท่านแม่ข้าออกมา”เวินเยวี่ยลุกขึ้นยืนด้วยร่างกายสั่นเทา ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ที่มากกว่านั้นคือความเกลียดชังที่มีต่อเวินซื่อทันใดนั้น นางก็หัวเรา
จะไม่ลงเขาได้อย่างไร?ถ้าไม่ลงเขา แล้วนางจะไปหาศพของท่านแม่ได้อย่างไร?!เวินซื่อกัดฟัน ในที่สุดภายใต้การเค้นถามของม่อโฉวซือไท่ ก็ค่อยๆ เล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมาเมื่อได้ยินว่าศพมารดาของเวินซื่ออาจจะถูกคนขโมยไป สีหน้าของม่อโฉวซือไท่ก็เปลี่ยนไปทันที ยกมือขึ้นกุมที่หน้าอกแล้วล้มลงไปข้างหลัง“ท่านอาจารย์!”เวินซื่อรีบยื่นมือเข้าไปพยุงนางไว้นางคิดไม่ถึงเลยว่าอาจารย์ของตนเองจะมีปฏิกิริยามากขนาดนี้ จึงรีบหยิบยาเม็ดหนึ่งออกมาจากมิติด้วยความรวดเร็ว แล้วป้อนให้ม่อโฉวซือไท่“ท่านอาจารย์อย่าได้ตื่นตระหนก ใจเย็นๆ ก่อนเจ้าค่ะ!”“ข้าใจเย็นไม่ได้แล้ว ข้าใจเย็นไม่ไหวแล้ว!”ม่อโฉวซือไท่น้ำตาไหลรินลงมาจากหางตา ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและเจ็บปวด “พวกนางกล้าทำกับจื่อจวินของข้าเช่นนี้ได้อย่างไร!”เมื่อนึกถึงศพของจื่อจวินของนางที่ถูกคนขุดไป! ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด นางก็รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวนางกำมือแน่น ทุบอกของตัวเองอย่างรุนแรง แล้วตะโกนด้วยความโมโห “พวกสารเลวที่สมควรตกนรก! ข้าจะไม่มีวันปล่อยพวกเขาไปแน่!”เวินซื่อรีบเอ่ยขึ้น “อาจารย์ไม่ต้องห่วง ข้าก็จะไม่ปล่อยพวกเขาไปเช่นกัน แต่
เวินฉางอวิ้นถึงกับตกตะลึงจนตาค้างก่อนหน้านี้พวกเขาก็เคยพบกับม่อโฉวซือไท่มาก่อน แม้ว่าม่อโฉวซือไท่จะไม่ชอบหน้าพวกเขา แต่นางก็มักจะวางตัวอย่างสำรวมและสุขุมตลอดมาไหนเลยจะเหมือนวันนี้ ช่างราวกับหญิงชาวบ้านปากตลาดจริงๆ เวินฉางอวิ้นหน้าแดงก่ำ กล่าวด้วยความลำบากใจ “ม่อโฉวซือไท่ ช่วงนี้ท่านพ่อของข้าสุขภาพไม่ดี กำลังพักรักษาตัว...”“พักรักษาตัว? เหอะ ทำเรื่องชั่วช้าไว้มาก คราวนี้กรรมตามสนองแล้วกระมัง?”“ม่อโฉวซือไท่!”เวินฉางอวิ้นทนฟังต่อไปไม่ไหวจริงๆ “ท่านโปรดให้ความเคารพท่านพ่อของข้าด้วย ที่นี่คือจวนเจิ้นกั๋วกง ไม่ใช่อารามสุ่ยเยว่ของพวกท่าน!”“อย่าว่าแต่ที่นี่คือจวนเจิ้นกั๋วกงเลย ต่อให้ที่นี่เป็นวังหลวง วันนี้เจ้าก็ต้องเรียกเขาออกมาพบข้า!”ม่อโฉวซือไท่จ้องมองเวินฉางอวิ้นตาเขม็ง “เจ้าจะไปเรียกหรือไม่? ถ้าเจ้าไม่ไปเรียก ข้าก็จะเข้าไปหาเอง! บังเอิญว่าข้าคุ้นเคยกับสวนแห่งนี้เป็นอย่างดี!”เวินฉางอวิ้นที่ถูกจ้องตาเขม็งก็รู้สึกขนลุกซู่ จึงได้แต่พูดว่า “ม่อโฉวซือไท่โปรดรอสักครู่ ข้าจะเข้าไปถามท่านพ่อก่อน”หลังจากเวินฉางอวิ้นไปตามคนแล้ว ม่อโฉวซือไท่ก็หันกลับมามอง พบว่าลูกศิษย์ของตนจ้องมอง
“ข้าไม่มีทางเชื่อเรื่องเช่นนี้เพียงเพราะคำพูดของเจ้า!”เวินเฉวียนเซิ่งกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเวินซื่อที่ยืนอยู่ด้านข้างพลันหัวเราะเยาะออกมานางถือโอกาสเยาะเย้ยใครบางคน “ถึงแม้ว่าท่านเจิ้นกั๋วกงจะไม่เชื่อคำพูดของท่านอาจารย์ของข้า แต่เมื่อครู่นี้ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ปฏิเสธว่าเวินเยวี่ยเป็นบุตรนอกสมรสของท่าน ช่างน่าสนใจจริงๆ ”คำพูดนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตระหนักได้ทันทีเวินเฉวียนเซิ่งชะงักไปครู่หนึ่งเวินฉางอวิ้นมองท่านพ่อของเขาด้วยสีหน้าซับซ้อนแม้ว่าก่อนหน้านี้จะได้คำตอบจากความเงียบของท่านพ่อของเขาแล้ว แต่การยืนยันอีกครั้งในตอนนี้ ก็ยังทำให้เขารู้สึกแย่อยู่ดีเขาไม่คิดเลยว่าท่านพ่อจะทรยศต่อท่านแม่ของพวกเขาจริงๆ ต้องรู้ว่าก่อนหน้านี้ ภาพลักษณ์ของท่านพ่อในสายตาของพวกเขานั้น คือผู้ที่รักท่านแม่ของพวกเขาอย่างสุดหัวใจเพราะตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ท่านพ่อของพวกเขาไม่เคยมีอนุภรรยาเลย ดังนั้น ความรักของพวกเขาที่มีต่อท่านพ่อจึงยิ่งลึกซึ้งแต่ไม่คาดคิดว่า ในวันนี้ภาพลักษณ์ของท่านพ่อผู้แสนดีกลับถูกทำลายลงอย่างย่อยยับท่านพ่อของพวกเขาไม่เพียงแต่ทรยศต่อท่านแม่ของพวกเขาเท่านั
สุดท้าย เวินซื่อพวกนางศิษย์อาจารย์สองคนก็ถูกเชิญออกไปก่อนที่เวินซื่อจะจากไป นางหันกลับไปมองเวินฉางอวิ้น แล้วทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่ง“พี่ใหญ่ ท่านแม่รักพวกเรามาก ดังนั้นอย่าทำให้นางผิดหวัง”เวินฉางอวิ้นยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเขามองเวินซื่อที่หันหลังเดินจากไปอย่างเหม่อลอย สุดท้ายก็ได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นตั้งแต่น้องห้าออกจากสกุลเวิน นางก็ไม่ได้เรียกเขาแบบนี้มานานแล้วใช่แล้ว เขาคือพี่ใหญ่ของพวกเขาเชียวนะและเป็นบุตรคนแรกของท่านแม่ท่านแม่รักพวกเขามากขนาดนั้น หากนางได้เห็นบุตรทั้งห้าคนของตัวเองกลายเป็นอย่างทุกวันนี้ คงจะรู้สึกเสียใจและเจ็บปวดมากกระมัง?“ไม่ต้องไปสนใจคำพูดของหญิงบ้าคนนั้นหรอก น้องหกของเจ้าตอนนี้ยังไม่กลับมา เวินซื่อลงเขามาพอดี เจ้าตามนางไป ดูว่านางจะไปที่ไหนต่อ เผื่อว่าจะพบเบาะแสของน้องหกของเจ้า”เวินเฉวียนเซิ่งตบไหล่ของเวินฉางอวิ้น แล้วพูดกับเขา“แล้วเรื่องของท่านแม่เล่า? ท่านพ่อไม่ไปดูหน่อยหรือ?”เวินฉางอวิ้นเงยหน้าขึ้นสบตากับเวินเฉวียนเซิ่งเวินเฉวียนเซิ่งชะงักไปครู่หนึ่ง “พ่อจะไปดูเดี๋ยวนี้ แต่เจ้าจะทิ้งน้องหกของเจ้าไม่ได้เหมือนกัน ดังนั้นรีบไปเถอะ”เขาคิดว่าเม
“ท่านแม่...ลูกมาช้าไปแล้ว เป็นลูกที่อกตัญญู!”เวินฉางอวิ้นมองร่องรอยเหล่านั้นที่ถูกปกปิดเอาไว้ เขาแทบจะกัดฟันร้องไห้ดอกกล้วยไม้ที่พวกเขาพี่น้องทั้งห้าคนปลูกไว้ให้ท่านแม่ถูกขุดออกไปจำนวนมาก ดูก็รู้ว่าที่นี่ถูกคนขุดขึ้นมาอย่างแน่นอนและครั้งล่าสุดที่พวกเขามาเยี่ยมท่านแม่ ก็เป็นวันครบรอบวันตายของท่านแม่แท้ๆ ห่างจากตอนนี้ไม่ถึงสี่เดือน!เวลานี้ เมื่อดูจากร่องรอยที่ถูกเคลื่อนย้ายแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่นานมานี้เองดังนั้น หมายความว่าศพของท่านแม่ถูกขโมยไปภายในสี่เดือนนี้ หรือแม้กระทั่งถูกขโมยไปภายในเดือนนี้ด้วยซ้ำ!หากเป็นน้องหกจริงๆ เหตุใดนางถึงต้องทำแบบนี้ด้วย?!ทันใดนั้น เวินฉางอวิ้นก็นึกอะไรขึ้นได้ เขาหันไปมองเวินเฉวียนเซิ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกลด้วยสีหน้าตกตะลึงเขาเอ่ยถามทั้งน้ำตาและรอยยิ้ม “ท่านพ่อ หรือว่าที่น้องหกทำแบบนี้เพราะว่าครั้งนั้นข้าตีนาง? นางจึงทำแบบนี้เพื่อแก้แค้นข้า?”“ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น...”เวินเฉวียนเซิ่งกล่าวอย่างยากลำบาก “เจ้าเองก็รู้นี่ว่าเยวี่ยเอ๋อร์นาง...”“ข้าไม่รู้!”เวินฉางอวิ้นพลันตะโกนทั้งน้ำตาบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ เวลานี้กลับกอดป้ายหลุมศพของท่านแม่ซึ่งเ
เมื่อกลับเข้ามาในมิติของหยกแล้ว เวินซื่อก็ลากเวินเยวี่ยออกมาจากกรงเหล็กทันที“กรี๊ดดด!”“นังบ้า! นังสารเลว!”“เจ้าจะทำอะไรอีก?!”เดิมทีเวินเยวี่ยกำลังพักผ่อน ตั้งใจจะรอให้ร่างกายฟื้นฟูกำลังขึ้นมาสักหน่อยแล้วค่อยหาโอกาสหลบหนี ไม่คิดว่าเวินซื่อจะกลับมาเร็วขนาดนี้และพอกลับมา ก็เหมือนกับราชสีห์ที่กำลังเดือดดาล“ข้าจะฆ่าเจ้า!”เวินซื่อฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าของเวินเยวี่ย“ข้าให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย บอกมาว่าศพของเจ้าแม่ของข้าอยู่ที่ไหน!”เวินเยวี่ยไอออกมา พยายามดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่ง “จะ...เจ้าฝันไปเถอะ!”นางยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม ถึงแม้ว่าตอนนี้เจ้าจะฆ่าข้า ข้าก็จะไม่บอกเจ้าเด็ดขาด!”ศพของท่านแม่ของเวินซื่อ คือหนทางสุดท้ายที่จะช่วยให้นางหนีรอดออกไปได้ดังนั้น นางจะไม่ยอมบอกนังเด็กสารเลวเวินซื่อนี่ง่ายๆ !ไม่เพียงเท่านั้น นางยังต้องการให้เวินซื่อคุกเข่าอ้อนวอนนางในท้ายที่สุด!“ดี เช่นนั้นก็มาต่อจากเมื่อคืนกันเลย”เวินซื่อลากเวินเยวี่ยขึ้นไปบนชั้นสอง ใช้กำลังมัดนางไว้บนแท่นปรุงยา จากนั้นก็ยัดยาพิษที่เตรียมไว้สำหรับเวินเยวี่ยเข้าไปในปากของนาง“อื้อ...แค่กๆๆ !”“เจ้าเอาอะไรให้ข้า
“แค่กๆ ...ยังไม่ทันทำอะไรก็ถูกลักพาตัวเสียแล้ว ดังนั้นศพจึงอยู่ที่เสอจิ่ว”ดังนั้น ก็คือวันก่อนหน้าที่นางจะลักพาตัวเวินเยวี่ย เวินเยวี่ยก็ให้เสอจิ่วไปขโมยศพท่านแม่ของนางพอดีอย่างนั้นหรือ?เวินซื่อไม่กล้าแม้แต่จะคิดเลยว่า หากวันนั้นตัวเองไม่ได้ให้จู๋เยวี่ยไปลักพาตัวเวินเยวี่ย คงเป็นไปได้ว่าศพของท่านแม่นางคงจะถูกเวินเยวี่ยทำลายไปแล้ว!“เสอจิ่วคือใคร?”“มะ...ไม่รู้ ตั้งแต่เกิดมาก็มีเขาและพวกเขาอยู่แล้ว...”เขาและพวกเขา?เสอจิ่ว จิ่ว...หรือว่าเบื้องหลังเวินเยวี่ยยังมีคนอีกกลุ่มอยู่?เวินซื่อขมวดคิ้วเล็กน้อยแม้จะโดนวางยาพิษสารภาพความจริง เวินเยวี่ยก็ไม่อาจบอกที่มาที่ไปได้ หรือจะเป็นไปได้ว่า เหมือนกับพวกจินซือถู เป็นคนที่ไป๋ชูโหรวมารดาของนางทิ้งเอาไว้ให้ แต่ยังไม่ทันได้บอกนางหรือไม่ก็เบื้องหลังของเวินเยวี่ย ยังมีอะไรที่ลึกล้ำกว่านี้อีกเพียงแต่ตอนนี้นางยังไม่ได้สัมผัสไม่สิ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้สัมผัสเวลานี้ เขาในบรรดาพวกเขา เสอจิ่วผู้นี้ก็ปรากฏตัวขึ้นแล้วมิใช่หรือ?ดูท่าจะยืดเยื้อต่อไปไม่ได้แล้ว หลังจากที่ได้ศพของท่านแม่กลับคืนมา นางก็จะต้องฆ่าเวินเยวี่ยในทันที“เขาอยู่ที่ไ
ทุกครั้งที่มีหลานชายหรือหลานสาวถือกำเนิด สกุลหลานจะส่งของขวัญมาให้เช่นเดียวกับการมอบที่ดินที่กุยอวิ๋นให้กับเวินซื่อ พี่ชายทั้งสี่ของนางก็ได้รับที่ดินของพวกเขากันหมดเพียงแต่เวินซื่อเป็นหลานสาวคนเล็กเพียงคนเดียว ดังนั้นจึงมอบภัตตาคารเฟิ่งอวิ๋นเพิ่มให้อีกแห่งหนึ่งในมือของเวินซื่อเยวี่ยก็คือที่ดินผืนใหญ่ในเขตชานเมืองที่มีชื่อว่าที่ดินสือไห่ชาติก่อนเวินเยวี่ยอยากได้ที่ดินเหล่านั้นในมือของพวกเขามาตั้งนานแล้วท้ายที่สุดแล้วที่ดินเหล่านั้นก็ได้รับการคัดเลือกเป็นพิเศษจากสกุลหลาน เป็นที่ดินที่มีมูลค่ามากที่สุด ตราบใดที่ไม่ถูกทำลายหรือละทิ้งโดยตั้งใจ ต่อให้ปล่อยไว้เฉย ๆ ก็ยังคงเป็นภูเขาทองภูเขาเงินที่สามารถทำเงินได้อย่างต่อเนื่องไม่ขาดสายชีวิตแบบพวกเขาที่ครอบครองทุกอย่างมาตั้งแต่เกิดทำให้เวินเยวี่ยอิจฉาจนกลัดหนองอยู่ภายในใจการไม่แย่งชิงมาไว้ในมือมันเป็นไปไม่ได้เลยดังนั้นนางจึงเป็นคนแรกที่ขอให้เวินจื่อเยวี่ยและคนอื่น ๆ ช่วยนางแย่งชิงที่ดินที่กุยอวิ๋นและภัตตาคารเฟิ่งอวิ๋นไปจากมือของเวินซื่อ ต่อมาก็เกลี้ยกล่อมจนเวินจื่อเยวี่ยและคนอื่น ๆ ต่างมอบที่ดินในมือของแต่ละคนให้หลังจากได้รับมา
“พลั่ก!”เวินจื่อเฉินทนฟังต่อไปไม่ไหว ชกเข้าไปที่ใบหน้าเวินจื่อเยวี่ย“ท่าน...!”เวินจื่อเยวี่ยที่ถูกต่อยก็โกรธมากเช่นกัน หันกลับมาตอบโต้กลับเวินจื่อเฉินทันทีทั้งสองคนอยู่ในกรงเหล็กนั้น สถานที่แคบ ๆ แม้แต่จะซ่อนตัวยังไม่ได้ หมัดแล้วหมัดเล่า แต่ละหมัดประเคนใส่ร่างกายของอีกฝ่ายอย่างไร้ความปรานีไม่นานก็ตีกันจนใบหน้าฟกช้ำดำเขียวสถานการณ์ทางนี้รุนแรง แต่ทางด้านนั้นเวินซื่อกลับไม่แม้แต่จะชายตามองพวกเขา ก้มหน้าก้มตาปรุงยาสมุนไพรในมืออยู่ตลอดเวลาจนกระทั่งพวกเขาสู้กันจนเหนื่อย เวินซื่อก็ปรุงยาในมือเสร็จแล้วไม่ใช่ยาเม็ด แต่เป็นยาน้ำที่มีกลิ่นแปลกประหลาดมากขวดหนึ่งหลังจากบรรจุเรียบร้อยแล้ว นางก็ลุกขึ้นยืนเดินออกไปถึงด้านนอกกรงเหล็ก กวาดสายตาผ่านเวินจื่อเฉินและเวินจื่อเยวี่ยทีละคน“ซี้ด”เวินจื่อเยวี่ยแสยะมุมปาก เจ็บปวดจนเขาต้องอ้าปากหอบ จากนั้นเขาก็จับกรงเหล็กมองไปยังเวินซื่อที่อยู่ข้างนอกพลางเอ่ยขึ้น“เวินซื่อ ข้ารู้ว่าเจ้าคิดจะทำอะไร เจ้าแค่ต้องการแก้แค้นข้าที่ทำลายแปลงสมุนไพรของเจ้า ใครใช้ให้ข้าตกอยู่ในมือของเจ้าในตอนนี้เล่า ข้ายอมแล้ว พูดมาเถอะ เจ้าต้องการเงินเท่าไหร่ถึงจะยอ
หลังจากเก็บกวาดความระเนระนาดมามากเกินไป บัดนี้หากเวินเฉวียนเซิ่งต้องการทำให้สถานการณ์สงบขึ้น ก็ต้องจัดการกับลูก ๆ ของเขาให้ดียังต้องคอยจับตาดูอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย มิฉะนั้นหากพลั้งเผลอเมื่อใดอาจจะมีคนไหนวิ่งออกไปหาเรื่องให้เขาอีกก็เหมือนกับเวินจื่อเยวี่ยเวินเฉวียนเซิ่งเองก็คาดไม่ถึง เขาเพิ่งโมโหจนเป็นลมไป เวินจื่อเยวี่ยก็วิ่งออกไปอีกแล้ว!”ตอนที่ได้รู้ข่าว เวินเฉวียนเซิ่งแทบจะลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจจากอาการป่วยใกล้ตาย เดือดดาลเป็นอย่างมาก “ยังไม่รีบไปค้นหาอีก จับไอ้คนไม่เป็นโล้เป็นพายนั้นกลับมา! ถ้าเขาไม่กล้ากลับมา ก็หักขาทั้งสองของเขาแล้วลากกลับมา!”พ่อบ้านยิ้มเจื่อน ๆ ทันทีแม้ว่าท่านกั๋วกงจะพูดเช่นนี้ แต่พวกเขามีหรือจะกล้าทุบตีขาของคุณชายสามจนหักโชคดีที่เวินเฉวียนเซิ่งนึกอะไรขึ้นได้อย่างฉับพลัน จึงรีบเปลี่ยนคำพูดทันที “ไม่ ช้าก่อน ไปหาฉางอวิ้น ให้เขาไปพาตัวน้องชายไม่เอาถ่านของเขากลับมา!”นับตั้งแต่องครักษ์ลับของจวนเจิ้นกั๋วกงถูกกวาดล้างในครั้งนั้น พวกที่ได้รับการฝึกฝนในจวนเหล่านี้ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเวินจื่อเยวี่ยเลยเขาต้องการออกไปข้างนอก ไม่มีใครห้ามเขาได้โดยเฉพาะอย่า
เวินเฉวียนเซิ่งโมโหจนเป็นลมไปเพราะถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ก็โมโหจนกระอักเลือดมาแล้วครั้งหนึ่ง หมอบอกให้เขาระมัดระวังอารมณ์ของตัวเองมาตั้งนานแล้ว ต่อไปห้ามตื่นเต้นจนเกินไปผลปรากฏว่าหลายวันที่ผ่านมาได้เป็นลมไปแล้วสองครั้งเพราะความตื่นเต้นจริง ๆบวกกับเรื่องที่ประตูใหญ่จวนเจิ้นกั๋วกงของเขาถูกสาดอุจจาระเหม็นเน่าติดต่อกันสิบวันแพร่กระจายจนผู้คนรู้กันไปทั่วดังนั้นฮ่องเต้น้อยจึงให้เขาพักผ่อนอยู่ในบ้านให้เต็มที่อย่างรู้ใจ ให้เขาพักหยุดงานอีกสักสองสามวัน“ท่านพ่อโมโหหญิงสารเลวอย่างเวินซื่อจนเป็นลมไปจริงหรือ?”เมื่อเวินเยวี่ยได้รู้ข่าวคราว ก็รีบลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันทีสาวใช้เซียงเหอพยักหน้าเล็กน้อย “เรียนคุณหนู เป็นเช่นนี้จริง ๆ”“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? หลายวันมานี้ข้างนอกเสียงดังหนวกหูจะแย่ พี่สามพี่สี่ก็ไม่รู้จักมาเยี่ยมข้าบ้าง”ตอนนี้เวินเยวี่ยยังคงพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ ดังนั้นหลายวันมานี้จึงไม่ได้ออกไปนอกเรือนเล็กมากนัก และไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นข้างนอกแต่เมื่อสังเกตเห็นว่าเวินจื่อเยวี่ยและเวินอวี้จือไม่ได้มาเยี่ยมนางหลายวันแล้ว หัวใจของนางก็ตื่นตัวขึ้นมาทันทีเพราะข่าวล
“เจ้ายังกล้าโต้เถียงอีก!”เวินเฉวียนเซิ่งพูดแล้วก็ยกมือขึ้นอีก ขณะที่กำลังจะตบปากเวินจื่อเยวี่ยเป็นครั้งที่สาม เวินฉางอวิ้นก็ยื่นมือออกไปห้ามเขาไว้“พอแล้วท่านพ่อ”เวินฉางอวิ้นผลักเวินจื่อเยวี่ยออกไปข้าง ๆ หลังจากมองเวินเฉวียนเซิ่งแวบหนึ่ง ก็ทิ้งประโยคหนึ่งไว้อย่างเฉยชา...“ไม่ว่าท่านจะทำท่าทำทางอย่างไร ชื่อเสียงของจวนเจิ้นกั๋วกงแห่งนี้ก็เหม็นโฉ่สุดขีดเหมือนอุจจาระที่อยู่บนขั้นบันไดหน้าประตูบานนี้แล้ว”หลังจากที่เขาพูดจบ ก็ยกเท้าขึ้นมาจากอุจจาระเหล่านั้นเดินออกไป จากนั้นก็ขึ้นรถม้าด้วยสีหน้าเรียบเฉยเวินจื่อเยวี่ยนึกไม่ถึงว่าเวินฉางอวิ้นจะพูดจาเช่นนั้นนี่มันเลยเถิดยิ่งกว่าที่เขาโต้เถียงเล่นสำบัดสำนวนเมื่อครู่เสียอีก ดูหน้าบิดาสิ ดำทะมึนเป็นหมิ่นหม้อแล้วสุดท้ายเวินเฉวียนเซิ่งก็ยังแบกกลิ่นอุจจาระจาง ๆ เข้าไปในวังเพื่อเข้าเฝ้าเช่นเดียวกับเวินฉางอวิ้น ส่วนเวินจื่อเยวี่ยและเวินอวี้จือถูกเวินเฉวียนเซิ่งกักขังไว้ในบ้านชั่วคราว รอให้เขากลับมาก่อนค่อยจัดการไอ้สารเลวสองคนนี้พอเช้าตรู่ เหตุการณ์ที่ประตูจวนเจิ้นกั๋วกงก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงอย่างรวดเร็วซ้ำยังกลายเป็นเรื่องขบ
เช้าตรู่ พวกเขายังไม่ทันตื่น เวินจื่อเยวี่ยและเวินอวี้จือก็ถูกเวินเฉวียนเซิ่งดึงขึ้นจากเตียง“เกิดอะไรขึ้น ท่านพ่อ?”“ซี้ด หนาวจัง ท่านพ่อ ท่านให้ข้าไปใส่เสื้อผ้าก่อนนะ!”“ยังจะใส่เสื้อผ้าอีก ใส่อะไรหนักหนา! หน้าตาของจวนเจิ้นกั๋วกงกำลังจะถูกพวกเจ้าทำลายหมดสิ้นแล้ว!”เวินเฉวียนเซิ่งผลักเวินจื่อเยวี่ยและเวินอวี้จือออกไปเมื่อมาถึงประตูจวนเจิ้นกั๋วกง ทั้งสองก็เห็นเวินฉางอวิ้นยืนอยู่ที่ประตูเป็นอันดับแรก“พี่ใหญ่ ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”เวินจื่อเยวี่ยเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจในสถานการณ์เวินฉางอวิ้นเหลือบมองพวกเขาสองคน แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พวกเจ้าเดินออกมาดูเอาเองเถอะ”ในขณะที่เขาพูดเช่นนี้ เวินจื่อเยวี่ยและเวินอวี้จือก็ได้กลิ่นเหม็นเน่าจาง ๆ“นี่มันกลิ่นอะไรเนี่ย?”เวินจื่อเยวี่ยปิดจมูกแล้วเดินออกไปข้างนอก ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมอง รูม่านตาก็หดตัวลงทันที โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง“นี่เป็นฝีมือของใคร?!”“ใครกันช่างรนหาที่ตาย บังอาจสาดเทสิ่งของแบบนี้ใส่จวนเจิ้นกั๋วกงของเรา!”เวินจื่อเยวี่ยแทบจะอาเจียนออกมาแล้ว เขาปิดจมูกพลางตวาดลั่น แต่เขาในเวล
“นี่ น้องสี่ น้ำหล่อเลี้ยงของรากไม้แห้งที่ท่านให้มาสามารถทำลายแปลงสมุนไพรของเวินซื่อ ทำให้นางไม่สามารถเพาะปลูกได้อีกจริงหรือ?”“แน่นอน”เวินอวี้จือเชิดคางขึ้นกล่าวอย่างจองหอง “น้ำหล่อเลี้ยงของรากไม้แห้งเป็นสิ่งที่ข้าอ่านมาจากตำราพิษของหมอปีศาจราชันพิษ มีคนเพียงไม่กี่คนที่รู้จักของสิ่งนี้ เว้นแต่ว่าหมอปีศาจราชันพิษจะมาถอนพิษด้วยตัวเอง ถ้าไม่อย่างนั้นก็ไม่มีใครช่วยแปลงสมุนไพรเหล่านั้นของเวินซื่อได้เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เวินจื่อเยวี่ยก็โล่งใจได้ในทันที“ถ้าอย่างนั้นก็ดี คราวนี้สั่งสอนบทเรียนแก่เวินซื่อให้เต็มที่ ครั้งนี้สิ่งที่พวกเราจัดการก็คือแปลงสมุนไพรของนาง ไม่ใช่คนของนาง ต่อให้นางคาดเดาได้ว่าพวกเราเป็นคนทำ ก็ทำอะไรเจ้ากับข้าไม่ได้”“ถึงอย่างไรต่อให้พูดออกไป เรื่องนี้ก็สามารถยืดหยุ่นได้เวินจื่อเยวี่ยแสยะมุมปาก กล่าวอย่างดูถูกเวินอวี้จือยิ้มเล็กน้อยเช่นกัน “นางไม่กล้าทำอะไรหรอก ไม่แน่ว่าอาจจะขอร้องพวกเราเพื่อแปลงสมุนไพรเหล่านั้นในที่ดินกุยอวิ๋นก็ได้ ถึงเวลานั้นก็ให้นางคุกเข่าสารภาพผิดต่อหน้าน้องหกอย่างสาสม เช่นนี้ถึงจะสามารถชดเชยความเจ็บปวดที่น้องหกได้รับในวัง”“ท่านสมกับที่เป
ถึงอย่างไรผู้เฒ่าหลานก็เคยเป็นพ่อบ้านของสกุลหลานมาก่อน ย่อมมีความฉับไวในบางแง่มุมอยู่แล้ว หลังจากสังเกตเห็นท่าทีของเวินซื่ออย่างรางเลือน ในขณะที่เวินซื่อกำลังเตรียมตัวออกเดินทางกลับมาที่อารามสุ่ยเยว่ในวันนั้น เขาก็ยื่นสิ่งของอย่างหนึ่งให้เวินซื่อ“คุณหนูน้อย บ่าวเกิดในสกุลหลาน เติบโตในสกุลหลานมาชั่วชีวิต ตายก็อยากตายเพื่อสายเลือดของสกุลหลาน ดังนั้นคุณหนูน้อยได้โปรดรับของสิ่งนี้ไว้ ให้โอกาสบ่าวสักครั้ง ให้บ่าวได้ตายเพื่อท่าน”ผู้เฒ่าหลานมีอายุมานานแล้ว แล้วมีปัญหาอะไร?เขายังสามารถทำให้ตัวเองได้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง เพื่อสกุลหลาน และเพื่อคุณหนูน้อยเวินซื่อมองไปที่สัญญาขายตัวที่ยื่นมาจากมือของเขานางหลุบตาลงเล็กน้อย “ลุงหลาน ท่านคิดดีแล้วหรือ?”ผู้เฒ่าหลานหันไปมองที่ดินกุยอวิ๋นผืนนั้น ความรู้สึกคะนึงหาพรั่งพรูเข้ามาในดวงตาทั้งสองของเขา จากนั้นเขาก็หันกลับไปมองเวินซื่ออีกครั้ง เหมือนกับที่เคยมองนายท่านของเขาในตอนนั้น พลางเอ่ยอย่างจริงจัง “บ่าวคิดดีแล้ว ชั่วชีวิตนี้บ่าวจะจงรักภักดีเพียงสกุลหลานเท่านั้น แม้ว่าพวกคุณชายใหญ่จะเป็นสายเลือดของคุณหนูใหญ่ แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่คนของสกุลหลาน
สมุนไพรทั้งหมดนี้ในที่ดินกุยอวิ๋น เป็นสิ่งที่นางได้ตกลงไว้แล้วว่าจะมอบให้กับเป่ยเฉินหยวนเป็นสมุนไพรสำหรับทหารในกองทัพธงดำที่ออกรบเพื่อราชวงศ์ต้าหมิงมาหลายปี จนสุดท้ายร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล พิการ และเจ็บปวดบัดนี้ สมุนไพรที่ปลูกไว้ได้หนึ่งเดือนแล้วกลับถูกพวกเขาทำลายไปกว่าครึ่ง แถมยังไม่เว้นแม้แต่แปลงสมุนไพรร้ายกาจถึงเพียงนี้ นางจะกลืนความโกรธแค้นนี้ลงไปได้อย่างไรนางจะไม่ปล่อยคนที่เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ไป และคนร้ายตรงหน้าเหล่านี้ นางก็จะไม่ปล่อยไปเช่นกัน“ท่านลุงหลาน ต้องรับพวกเขาให้ดี”ผู้เฒ่าหลานไม่คิดว่าเวินซื่อจะมีด้านนี้ด้วยเดิมทีเขาคิดว่าปกติแล้วคุณหนูน้อยผู้อ่อนโยนและใจดีมาโดยตลอดนั้น จะเหมือนกับคุณหนูใหญ่มากแต่คาดไม่ถึงว่า ภายใต้ความอ่อนโยนของคุณหนูน้อย จะยังมีด้านที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ซ่อนอยู่ช่าง...เหมือนกับนายท่านในตอนนั้นไม่มีผิด!ดวงตาที่แก่ชราของผู้เฒ่าหลานฉายแววเฉียบคม จ้องมองเวินซื่อด้วยสายตาร้อนแรง ราวกับว่าเขามองเห็นภาพของเจ้าบ้านสกุลหลานในอดีตในตัวของนางมองจนหัวใจที่สงบนิ่งมานานหลายปีของเขาถึงกับรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมานายท่าน สกุลหลานของพวกเ