Share

บทที่ 20

Author: จิ้งซิง
เพราะจู่ๆ คำพูดของม่อโฉวซือไท่ก็ทำให้นางพบว่า กล้วยไม้กระถางนี้ เป็นดอกไม้อวยพรพิธีปักปิ่นเพียงหนึ่งเดียวที่นางได้รับในตลอดสองชาติ

นางจ้องดอกกล้วยไม้เล็กๆ นั่น มองจนเหม่อลอยเล็กน้อย

กล้วยไม้กระถางนี้ถูกตกแต่งอย่างดี มองปราดเดียวก็รู้ว่าได้รับการดูแลอย่างเอาใจใส่ทุกวัน

นางเคยสังเกต ต่อให้เป็นกล้วยไม้ต้นอื่นๆ ที่อยู่ในลานก็สู้กระถางนี้ไม่ได้

แต่เพราะเหตุใดม่อโฉวซือไท่จึงปลูกกล้วยไม้มากมายเช่นนี้ และเลือกกระถางที่ได้รับการดูแลดีที่สุดให้นางล่ะ?

เพียงเพราะชอบกล้วยไม้หรือ?

หรือเพราะสาเหตุอื่น…?

กล้วย…กล้วยไม้[1] หลานจื่อจวิน…

หรือเป็นเพราะท่านแม่?

จู่ๆ เวินซื่อก็นำไปเชื่อมโยงกับมารดาของตัวเอง รู้สึกประหลาดใจกับการคาดเดานี้เล็กน้อย

ตกลงซือไท่กับมารดาเกี่ยวข้องกันอย่างไร? แล้วตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

เวลานี้ เวินซื่ออยากรู้มาก

นางกัดฟัน กล่าวกับข้างนอก “เต๋อกงกง หยุดรถก่อน”

การเดินทางกลับค่อนข้างเร็ว ตอนที่จอดรถม้า ก็ได้มาถึงเชิงเขาของภูเขาหนานแล้ว

เวินซื่อกอดกล้วยไม้กระถางนั้นลงจากรถม้าอีกครั้ง

นางเงยหน้ามองทางขึ้นเขาแวบหนึ่ง สูงมาก

“คุณหนูห้ามีของอะไรลืมไว้ที่อารามซุ่ยเย
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 21

    เมื่อคนผู้นั้นกล่าวเช่นนี้ มีหลายคนที่พยักหน้าเห็นด้วยอย่างยิ่งทันที“ต้องใช้แน่ๆ เวินซื่อเพิ่งถูกชุยซื่อจื่อถอนหมั้นเมื่อวาน วันนี้ก็หนีมาเรียกร้องความสนใจที่ภูเขาหนานแล้ว”“เกรงว่าไม่รู้ไปได้ยินมาจากที่ใด รู้ว่าวันนี้พวกเราจะมาเที่ยวชมธรรมชาติที่ภูเขาหนาน ดังนั้นจึงจงใจมาแสดงละครให้พวกเราดูที่นี่”แต่ก็บังเอิญเช่นกัน กลุ่มคนที่พูดล้วนเป็นเหล่าคุณชายที่ปกติค่อนข้างมีความใกล้ชิดกับชุยเส้าเจ๋อเดิมทีวันนี้พวกเขานัดกันมาเที่ยวชมธรรมชาติที่ภูเขาหนาน แต่เมื่อวานชุยเส้าเจ๋อทำให้จวนเจิ้นกั๋วกงอับอายต่อหน้าผู้คนกับเรื่องถอนหมั้น จึงถูกจงหย่งโหวขังไว้ในบ้าน ไม่อนุญาตให้ออกมาดังนั้นวันนี้จึงมีเพียงพวกเขาไม่กี่คนแน่นอนว่าเวินซื่อก็สังเกตเห็นพวกเขาแล้วเช่นกันแต่นางเลือกที่จะมองข้ามอย่าว่าแต่พวกเขาเลย วันนี้ต่อให้ชุยเส้าเจ๋อมาก็อย่าคิดจะขวางนางด้วยความสัมพันธ์ของชุยเส้าเจ๋อ คุณชายเหล่านั้นไม่แม้แต่จะเที่ยวชมธรรมชาติแล้ว พวกเขายืนจ้องเวินซื่อที่ริมทางทั้งเช่นนี้ มองดูนางกราบไหว้ตั้งแต่เชิงเขาขึ้นไปข้างบนแรกเริ่มคนทั้งกลุ่มยังเยาะเย้ยถากถางไม่หยุด แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งเค่อ ผ่านไปหน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 22

    ม่อโฉวซือไท่มองเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่งสีหน้าเสี่ยวเต๋อจื่อไม่เปลี่ยน “คุณหนูห้าพยายามเช่นนี้ คิดว่านางก็อยากรู้คำตอบที่ชัดเจนเช่นกันขอรับ”ม่อโฉวซือไท่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งท้ายที่สุดนางค่อยๆ เอ่ยปาก “ในเมื่อนางมีความตั้งใจเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ฝ่าบาทเลือกนาง เช่นนั้นก็ให้นางมาเถอะ”อย่างน้อยอยู่ในอารามสุ่ยเยว่เล็กๆ แห่งนี้ ก็ไม่มีใครรังแกนางเสี่ยวเต๋อจื่อจึงจะเผยให้เห็นรอยยิ้มที่พึงพอใจ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ รบกวนม่อโฉวซือไท่ดูแลคุณหนูห้าให้ดี บ่าวขอตัวกลับไปรายงานภารกิจก่อนแล้วขอรับ”……ครั้งนี้เวินซื่อนอนหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆรอนางฟื้นคืนสติอีกครั้ง ก็เป็นช่วงบ่ายของวันที่สองแล้วมองดูสภาพแวดล้อม เหมือนยังอยู่ในอารามสุ่ยเยว่ขณะที่นางกำลังจะลุกขึ้น มีเสียงตำหนิที่เย็นชาดังมาจากประตู “อย่าขยับ นอนคว่ำอยู่อย่างนั้นแหละ”เมื่อเวินซื่อได้ยินก็รู้ว่าเป็นเสียงของม่อโฉวซือไท่ นางรีบนอนลงทันที ไม่กล้าขยับอีกหลังจากม่อโฉวเข้าไปก็เปลี่ยนยาที่แผลบนหลังให้นางก่อน“บาดแผลนี้ พ่อเจ้าเป็นคนตีหรือ?”เสียงของนางเย็นชามาก สีหน้าก็น่ากลัวมากเช่นกัน เวินซื่อกลัวจนยอมตอบแต่โ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 23

    “เจ้าบอกมาดีๆ สองวันก่อนเจ้าเข้าวังไปขอร้องฝ่าบาทใช่หรือไม่?!”ชุยเส้าเจ๋อกระโดดลงจากรถม้าด้วยความโมโห เดินเข้าไปตะคอกถามใส่หน้าเวินซื่ออย่างฉับไวเวินซื่อขมวดคิ้วเบาๆ “ข้าเข้าวังหลวงจริง แต่เกี่ยวอะไรกับ…”“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าไม่มีทางละทิ้งความคิดชั่วๆ ของเจ้า!”เมื่อชุยเส้าเจ๋อได้ยินนางยอมรับ ก็ไม่รอให้นางกล่าวจนจบ และยังตะคอกใส่หน้านางด้วยสีหน้าเย็นชารังเกียจโดยตรง “เจ้าคิดว่าเจ้าไปขอร้องฝ่าบาท ก็ทำให้ข้ายกเลิกการถอนหมั้นได้แล้วหรือ? ข้าจะบอกให้นะ ไม่มีทาง!”“ข้าบอกแต่แรกแล้ว ชาตินี้ข้าชุยเส้าเจ๋อจะไม่แต่งงานกับผู้หญิงอำมหิตเยี่ยงเจ้าเด็ดขาด ต่อให้ฝ่าบาทมีพระราชโองการด้วยพระองค์เอง ข้าก็ไม่มีทางให้เจ้าสมใจ!”ในใจเวินซื่อหนาวเหน็บนางรู้สึกว่าชุยเส้าเจ๋อตลกมาก “ใช่ ข้าเข้าวังจริง แต่เจ้าเอาอะไรมาคิดว่าข้าเข้าวังเพราะเจ้า?”“เจ้ายังคิดจะแถอีก! เยวี่ยเอ๋อร์เล่าคำพูดที่เจ้าพูดกับนางให้ข้าฟังหมดแล้ว!”ขณะที่ชุยเส้าเจ๋อถามเวินซื่อ เวินเยวี่ยก็ลงมาจากรถม้าที่อยู่ข้างหลังเขาเวินเยวี่ยไม่อยู่บ้านสกุลเวิน กลับนั่งรถม้ากลับมากับชุยเส้าเจ๋อแทนมองปราดเดียวก็รู้ว่าไปหาชุยเส้าเจ๋อโด

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 24

    สิ่งที่เวินเยวี่ยชอบไม่ได้พิศวาสตัวตนของชุยเส้าเจ๋อ แต่เป็นฐานะของเขาต่างหากชาติที่แล้วนางจำได้อย่างชัดเจน ต่อมาชุยเส้าเจ๋อเพราะไม่เห็นใครอยู่ในสายตา หลังจากล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกินแล้ว ก็ถูกหักหาทั้งสองข้าง กลายเป็นคนพิการและก็เป็นครั้งนั้นเอง เวินเยวี่ยทิ้งเขาอย่างไม่ลังเล“พี่หญิงห้าไม่ต้องพูดแล้ว ท่านจะด่าก็ด่าข้าเถอะ อย่าด่าพี่เส้าเจ๋อได้หรือไม่?”เวินเยวี่ยรู้สึกว่าช่วงสองวันนี้ เวินซื่อเหมือนกินยาผิด ผิดปกติมากขึ้นทุกทีเมื่อเห็นนางยังคิดจะแฉตัวเอง เวินเยวี่ยใช้แผนซ้อนแผน แสร้งทำตัวน่าสงสารทันทีชุยเส้าเจ๋อหลงกลอย่างที่คาด“เจ้าเลิกมายุแยงพวกเราได้แล้ว!”ชุยเส้าเจ๋อไม่เชื่อคำพูดของเวินซื่อเลย เขาป้องเวินเยวี่ยไว้ข้างหลัง กล่าวด้วยความโกรธ “เยวี่ยเอ๋อร์ไม่เหมือนเจ้า นางเป็นคนจิตใจดีไร้เดียงสา และยิ่งไม่มีพิษมีภัย นางดีกว่าเจ้าเป็นพันเท่าหมื่นเท่า ผู้หญิงที่จิตใจอำมหิตเช่นเจ้าไม่มีวันเทียบนางได้!”เวินซื่อเหลือบเห็นอะไรบางอย่างอย่างตาดี ครู่ต่อมานางก็เหวี่ยงฝ่ามือไปหาชุยเส้าเจ๋ออีกครั้ง“เพียะ!”ตบซ้ายตบขวาข้างละที ตบจนชุยเส้าเจ๋อหน้าบวมคราวนี้ทำเอาชุยเส้าเจ๋อโกร

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 25

    ทุกคนมองเวินซื่อที่อยู่ข้างหน้าสุดอย่างไม่กล้าเชื่อสายตาอย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่เวินซื่อก็ตะลึงอยู่ตรงที่เดิมนางคิดไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะแต่งตั้งนางเป็น ‘ธิดาศักดิ์สิทธิ์’ตั้งแต่สถาปนาราชวงศ์ต้าหมิงจนถึงปัจจุบัน ไม่เคยมีธิดาศักดิ์สิทธิ์บัดนี้นางกลับเป็นคนแรกอีกทั้งยังมีฉายาว่า ‘ฝูหมิง’ชั่วขณะเวินซื่อที่เหม่อลอยลืมกระทั่งรับราชโองการแล้ว เต๋อกงกงเตือนนางด้วยรอยยิ้ม “ธิดาศักดิ์สิทธิ์รีบรับราชโองการเถอะ”รอหลังจากเวินซื่อขอบคุณและรับราชโองการมา ก็ถูกเต๋อกงกงประคองลุกขึ้นด้วยสองมือ “ต่อไปท่านคุกเข่าไม่ได้แล้ว นอกจากฟ้าดินก็มีแต่ฝ่าบาทกับพุทธองค์”ความหมายอีกนัยของคำพูดนี้ก็คือ ต่อไปเหนือนางมีแค่ฝ่าบาท ต่อให้เป็นเจิ้นกั๋วกงบิดาของนางอยู่ที่นี่ ก็ข่มนางไม่ลง“ขอบพระทัยฝ่าบาท เวินซื่อจะอธิษฐานขอพรให้บ้านเมืองด้วยความจริงใจ ไม่ให้ฝ่าบาทผิดหวังเด็ดขาด”หลังจากเต๋อกงกงเห็นนางเข้าใจแล้ว ก็กล่าว “ท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์เก็บสัมภาระก่อนเถอะ ต่อไปท่านจะย้ายไปอยู่อารามสุ่ยเยว่แล้ว ของบางอย่างที่ควรพกไม่ควรพก คิดว่าท่านก็น่าจะรู้ดี หลังจากนี้ครึ่งชั่วยามจะมีคนคุ้มกันส่งท่านไปจนถึงอารามสุ่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 26

    “เวินจื่อเฉิน ท่านนับได้อย่างชัดเจนหรือไม่ว่าตลอดครึ่งปีที่ผ่านมาท่านลงมือกับข้าไปกี่ครั้งแล้ว?”เวินจื่อเฉินกล่าวโต้แย้งทันที “นั่นถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าต้องทำตัวเป็นศัตรูกับน้องหกให้ได้หรือ น้องหกเป็นน้องสาวคนเล็ก ข้าย่อมต้องปกป้องนาง!”เวินซื่อผิดหวังอีกครั้งนางกำลังจ้องเวินจื่อเฉิน กล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ “แต่ข้าก็เป็นน้องสาวของพวกท่านเช่นกัน”พวกเขาเกือบจะลืมไปแล้ว ก่อนหน้าที่เวินเยวี่ยจะมาตระกูลเวิน น้องสาวคนเล็กของตระกูลก็คือนาง!เวินซื่อที่เจ็บช้ำน้ำใจอย่างหนักมานานไม่อยากจะพูดกับพวกเขาให้มากความอีก หลังจากพูดประโยคนั้นจบ นางก็หันหลังกลับแล้วเดินออกจากที่นี่ กลับห้องไปจัดการเก็บกวาดเวินฉางอวิ้นและคนอื่น ๆ ที่ยังอยู่ที่เดิมมองไปทางเวินจื่อเฉินพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายเวินฉางอวิ้นเอ่ยปากพูดอย่างไม่เห็นด้วย “พี่รอง ช่วงนี้ท่านลงมือกับน้องห้าบ่อยจริง ๆ ครั้งก่อนในพิธีปักปิ่นก็เหมือนกัน ท่านไม่สนใจกาลเทศะเลยสักนิด ตบหน้าน้องห้าจนแดงขนาดนั้น”“นั่นยังไม่ใช่เพราะว่า...เพราะว่า...”เวินจื่อเฉินอยากจะออกมาพูดว่าเป็นความผิดของเวินซื่ออีกแบบไม่รู้ตัวแต่ครั้งนี้หลังจากที่เขาเอ่ยปาก

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 27

    เวินจื่อเฉินพวกเขาอยากจะเยี่ยมเวินซื่อ แต่เวินซื่อกลับไม่อนุญาตให้พวกเขาเข้าไปในห้องของนาง“ปัง” หลังจากมีเสียงปิดประตูดังขึ้น นางก็รีบนำสิ่งของทั้งหมดในห้องที่เป็นของนางเก็บเข้าไปในมิติน่าเสียดายที่พวกเขาอยู่ด้านนอก ไม่อย่างนั้นนางยังอยากจะไปที่ห้องของท่านแม่ถึงแม้ว่าท่านแม่จะจากไปหลายปีแล้ว แต่ห้องของนางยังคงอยู่ จะมีคนเข้าไปทำความสะอาดทุกวันและคนที่จัดการเรื่องทั้งหมดนี้ก็คือท่านพ่อของนางเมื่อชาติก่อน เป็นเพราะเรื่องพวกนี้นางจึงไม่เคยสงสัยในความสัมพันธ์ของเวินเฉวียนเซิ่งและเวินเยวี่ยเลยสักนิดนางคิดว่าเวินเยวี่ยเป็นดั่งที่ท่านพ่อพูดแบบนั้นจริง ๆ เป็นเพียงบุตรสาวของผู้มีพระคุณของเขาจนกระทั่งต่อมาเวินเยวี่ยเปิดเผยตัวตนอย่างลำพองใจต่อหน้าของนาง นางถึงได้รู้ว่าตนกับท่านแม่ต่างก็ถูกคำหลอกลวงของท่านพ่อต้มเข้าให้แล้ว!เวินเยวี่ยไม่ใช่บุตรสาวของผู้มีพระคุณอะไรเลย แต่เป็นบุตรสาวของเวินเฉวียนเซิ่งกับอดีตนางในดวงใจคนนั้นของเขาต่างหาก!สิ่งที่ทำให้นางโมโหที่สุดก็คือ นางยังเป็นคนสุดท้ายที่รู้ความจริงเรื่องนี้พวกพี่ชายของนางรู้เร็วกว่านาง กลับไม่มีใครโกรธแค้นแทนท่านแม่เลยสักคน ในท

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 28

    แม้ว่าเมื่อหลายปีก่อนตอนที่ครั้งหนึ่งเขาป่วยหนักไข้สูงจนนอนซมอยู่บนเตียง นางเคยเฝ้าเขาอยู่สามวันสามคืนเต็ม ๆ จนกระทั่งเขาไข้ลดฟื้นขึ้นมาถึงได้กลับไปพักผ่อนเวินเยวี่ยจ้องมองเวินอวี้จือเดินจากไป แสยะยิ้มที่มุมปากด้วยความลำพองใจอย่างยากที่จะสังเกตเห็นถึงแม้จะไม่รู้ว่าเวินซื่อนั่นใช้กลอุบายอะไรไปทูลขอสถานะนักบุญหญิงจากฝ่าบาท แต่ขอเพียงคนของสกุลเวินพวกนี้ยังถูกควบคุมอยู่ในมือของนาง จะมีอะไรที่นางไม่สามารถได้มาครองกันล่ะ?ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งนักบุญหญิงของเวินซื่อ ในที่สุดก็จะต้องเป็นของนางเวินเยวี่ยอยู่ดี!เมื่อคิดเช่นนี้ ความริษยาภายในใจของเวินเยวี่ยก็ลดลงไปบางส่วนแต่ว่าตอนนี้ นางจะต้องรู้ให้แน่ชัดก่อนว่าเวินซื่อใช้วิธีการใดในการเกลี้ยกล่อมฝ่าบาทหรือว่าบนตัวของนางยังมีความลับอะไรที่ตนไม่รู้อีก?เวินเยวี่ยเม้มริมฝีปาก ดวงตามีความเกลียดชังปรากฏขึ้นแวบหนึ่งในเวลานี้ จู่ ๆ เวินซื่อก็เปิดประตูออกมาหลังจากปิดประตูแล้วก็หันหลังแล้วเดินออกไปทันทีโดยไม่แม้แต่มองพวกเขาสักแวบทันทีที่เวินจื่อเฉินเห็นยังนึกว่านางกำลังจะหนี รีบเข้าไปขวางนางเอาไว้ “หยุดนะ เจ้าคิดจะไปไหน ข้าขอบอกเจ้านะเวินซ

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 550

    ถึงขั้นเอาอีกฝ่ายมาข่มขู่เวินจื่อเยวี่ย ทำให้เวินจื่อเยวี่ยต้องเลือกระหว่างนางและหลินเนี่ยนฉือแล้วนางสารเลวที่ยังไม่เดินผ่านประตูเข้ามาจะเอาอะไรมาเทียบกับนาง!เวินเยวี่ยโกรธจัดจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในเสี้ยววินาทีที่ก้มศีรษะลง สายตาอาบยาพิษช่างน่าสะพรึงกลัว“ยุแยงตะแคงรั่ว?”เวินซื่อแค่รู้สึกว่าคำพูดของเวินจื่อเยวี่ยน่าขบขันมาก “มีเพียงคนที่มีหัวใจเท่านั้นถึงจะรู้สึกว่าใคร ๆ ก็เป็นเช่นนี้”นางเหลือบมองเวินเยวี่ยแวบหนึ่งอย่างเฉยชา ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่แยแส “ท่านคิดว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้จะใช้พวกท่านไปก่อกวนความสงบของนางหรือ? ฝันไปเถอะ พวกท่านยังไม่คู่ควร”“เหอะ พูดเสียน่าฟัง ถ้าไม่ใช่เพราะจดหมายที่เจ้าเขียนไปฟ้อง หลินเนี่ยนฉืออยู่ที่อู๋โจวอยู่ดี ๆ จะเข้ามาที่เมืองหลวงทำไม? แล้วยังต้องการถอนหมั้นกับข้าอีก?!”ถึงตอนนี้เวินจื่อเยวี่ยยังคงเชื่อว่าเวินซื่อไปพูดอะไรกับหลินเนี่ยนฉือ ถึงทำให้หลินเนี่ยนฉือทำเช่นนั้น“ท่านคิดว่าข้อมูลในใต้หล้านี้มีสิ่งใดที่สามารถปิดบังได้อย่างนั้นหรือ? จวนเจิ้นกั๋วกงของพวกท่านได้ทำเรื่องที่น่าอับอายขายขี้หน้า ไร้ยางอายมาไม่น้อย แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงตั้งน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 549

    อูฐผอมซูบยังตัวใหญ่กว่าม้าการจะทำลายจวนเจิ้นกั๋วกงอันใหญ่โตแห่งนี้โดยอาศัยแมลงเพียงไม่กี่ตัว มันเป็นไปไม่ได้เลยแน่นอน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิงเพียงแต่ราคาที่ต้องจ่ายนั้นสูงเกินไปอย่างเช่นการหมั้นหมายระหว่างจวนเจิ้นกั๋วกงและสกุลหลินเมื่อจวนเจิ้นกั๋วกงถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดกับชาวต่างเผ่า เวินเฉวียนเซิ่งจะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชำระล้างให้หลุดพ้นจากข้อกล่าวหานี้และวิธีการที่ดีที่สุดก็ต้องเป็นการดึงผู้คนให้เข้ามาพัวพันมากขึ้นสกุลหลินที่ยังมีการหมั้นหมายกับจวนเจิ้นกั๋วกงเป็นกลุ่มแรกที่รับศึกหนัก โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างหลินเนี่ยนฉือและเวินซื่อ และจะกลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เวินเฉวียนเซิ่งดึงสกุลหลินให้ลงมาพัวพันด้วยดังนั้นก่อนจะยุติการหมั้นหมายระหว่างหลินเนี่ยนฉือและเวินจื่อเยวี่ย เวินซื่อยังไม่สามารถทำอะไรบุ่มบ่ามได้ทว่า ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถแตะต้องจวนเจิ้นกั๋วกงได้ แต่การมีเวินเยวี่ยเพียงคนเดียวก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย“หมั้น...หมั้นหมาย?”ในขณะนี้ เสียงที่สับสนของเวินเยวี่ยก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของ เวินจื่อเยวี่ย“พี่สาม ท่านหมั้นกับใครตั้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 548

    “ท่าน…!”เวินเยวี่ยลมแทบจับเมื่อได้ยินที่เวินซื่อพูดนางข่มไฟโทสะเอาไว้ “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คนของกองทัพธงดำเสียหน่อย ให้ท่านมาทำการค้นหา ไม่น่าจะเหมาะสมกระมัง?”เวินเยวี่ยฝืนยิ้ม “ท้ายที่สุดแล้วบุญคุณความแค้นระหว่างพี่หญิงห้ากับเยวี่ยเอ๋อร์นั้นเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งกันทั่วทุกคน ถ้าเกิด…”ประโยคสุดท้ายนี้ไม่ได้พูดออกมาทั้งหมด แต่ก็สามารถเข้าใจทุกอย่างที่ควรเข้าใจถ้าเกิดเวินซื่อเข้าไปวางกลอุบายบางอย่างเพื่อใส่ร้ายนางแล้วจะทำเช่นไร?เวินซื่อหันหน้าไปเผชิญหน้ากับเวินเยวี่ย รอยยิ้มเล็ก ๆ เผยออกมาบนใบหน้าอันบริสุทธิ์ผุดผ่องและงดงามของนาง “ข้าไม่ต่ำช้าไร้ยางอายเหมือนเจ้า”ใบหน้าของเวินเยวี่ยสลดลงเพราะดำด่าของนางทันทีแต่วินาทีต่อมาก็ได้ยินเวินซื่อพูดว่า “แต่ว่านี่มันก็เป็นปัญหาจริง ๆ ในเมื่อคุณหนูหกสกุลเวินเป็นกังวลเช่นนี้ เช่นนั้นข้าธิดาศักดิ์สิทธิ์ก็ขอยืนค้นหาอยู่ที่ประตูแล้วกัน”ยืนค้นหาอยู่ที่ประตูหรือ?แล้วจะค้นหาอย่างไร?ขณะที่เวินเยวี่ยและคนอื่น ๆ กำลังงุนงง เวินซื่อก็พลิกฝ่ามือ ก่อนจะหยิบขวดหยกขวดหนึ่งออกมาจากกลางฝ่ามือของนางฉางเสี่ยวหานก้าวเข้าไปรับขวดหยกจากมือของเว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 547

    “เหลวไหลสิ้นดี!”แววอันตรายฉายผ่านดวงตาอันคมกริบของเวินเฉวียนเซิ่งในทันใดเขาจ้องไปที่รถม้าที่เวินซื่อนั่งอยู่ สายตามองทะลุช่องว่างของม่านหน้าต่าง พลางชี้ตรงไปที่เวินซื่อ “เวินซื่อ เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่? เจ้ากำลังใส่ร้ายขุนนางในราชสำนักซึ่งเป็นความผิดร้ายแรง!”“หากเจ้าไม่สามารถแสดงหลักฐานใด ๆ ได้ ต่อให้เจ้าจะเคยเป็นลูกสาวของข้า ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ เด็ดขาด!”“เจิ้นกั๋วกงไม่จำเป็นต้องใจร้อนขู่ขวัญเช่นนี้”ว่าแล้วเวินซื่อก็ยกมือขึ้นเปิดม่านรถแล้ว เดินออกมาจากด้านในอย่างช้า ๆเสี่ยวหานก้าวไปข้างหน้าอย่างมีไหวพริบ ทำตามสาวใช้เหล่านั้น เอื้อมมือออกไปช่วยประคองธิดาศักดิ์สิทธิ์ของนางลงจากรถม้าช้า ๆหลังจากลงสู่พื้นและยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว เวินซื่อก็เงยหน้าขึ้นมองเวินเฉวียนเซิ่งผ่านกองทัพธงดำ นางยิ้มเล็กน้อย “ถ้าธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่มีหลักฐาน วันนี้จะกล้านำกองกำลังไปปิดล้อมจวนเจิ้นกั๋วกงของท่านได้อย่างไร”การทำงานตามคำสั่งส่วนตัวของอ๋องผู้สำเร็จราชการเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การทำงานตามพระราชโองการของฝ่าบาทก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเวินซื่อยกมือขึ้น รับพระราชโองการจากมือของกองทัพ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 546

    ให้อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนมาหนุนหลังนางแล้วอย่างไรต่อ เขาไม่เชื่อว่า อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้สง่างามจะบังคับเขาให้ถอนหมั้นได้อย่างนั้นหรือ!เมื่อเวินเฉวียนเซิ่งได้ยินเวินจื่อเยวี่ยพูด ก็มองเขาแวบหนึ่งอย่างเย็นชา “เจ้าควรคิดหาวิธีช่วยพี่ใหญ่ของเจ้าก่อนดีกว่า ถ้าครั้งนี้พี่ใหญ่ของเจ้าตาย ก็อย่าได้คิดเรื่องหมั้นหมายเลย ข้าเวินเฉวียนเซิ่ง ไม่มีลูกชายที่ใจไม้ไส้ระกำอย่างเจ้า”ใบหน้าของเวินจื่อเยวี่ยขรึมลงทันทีเขารู้ว่าลูกชายคนโปรดของบิดาไม่ใช่เขา แต่เป็นพี่ใหญ่ที่บิดาเลี้ยงดูอย่างสุดชีวิตจิตใจแต่เขานึกไม่ถึงว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว บิดาจะยังโหดร้ายถึงเพียงนี้ เอาการหมั้นหมายของเขามาข่มขู่เขาเวินจื่อเยวี่ยไม่ได้พูดอะไรอีกแต่ในขณะนี้ พ่อบ้านนั้นพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “ท่านกั๋วกง คุณชายสาม ครั้งนี้ผู้ที่นำกองทัพธงดำมาไม่ใช่ท่านอ๋องขอรับ”เมื่อได้ยินคำพูดนี้เวินเฉวียนเซิ่งก็หันกลับไปหาพ่อบ้าน “ไม่ใช่เป่ยเฉินหยวนหรอกหรือ? แล้วใครล่ะ?”นอกจากฮ่องเต้น้อยและเป่ยเฉินหยวนเองแล้ว ยังมีใครอีกที่สามารถระดมกองทัพธงดำ ถึงขั้นกล้าปิดล้อมจวนเจิ้นกั๋วกงของเขาได้?ขณะที่เวินเฉวียนเซิ่งกำลังครุ่นคิดในหัวว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 545

    “เสี่ยวหาน ให้ข้าดูหน้าเจ้าหน่อยสิ”หลังจากขับไล่เวินเฉวียนเซิ่งและเวินจื่อเยวี่ยออกไปแล้ว เวินซื่อก็ดึงฉางเสี่ยวหานเข้ามา“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ตบไม่โดนหน้า ข้าหลบได้นิดหน่อย แค่ตบโดนหัวเท่านั้น”ถึงกระนั้น การตบของเวินจื่อเยวี่ยก็หนักหน่วงมาก จนศีรษะของฉางเสี่ยวหานถึงกับสั่นคลอนในตอนนั้น ใช้เวลาสักพักกว่าจะตอบสนองได้“เจ้าไม่ต้องกังวล การตบครั้งนี้ข้าจะต้องเอาคืนเขาอย่างแรงแน่นอน”สีหน้าของเวินซื่อเคร่งขรึมลง น้ำเสียงไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งฉางเสี่ยวหานลุกขึ้นกล่าวว่า “ไม่ ๆ ๆ ไม่ต้องหรอกธิดาศักดิ์สิทธิ์ เมื่อครู่ท่านช่วยตบคืนแทนเสี่ยวหานแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีกเจ้าค่ะ”ฉางเสี่ยวหานรู้จักคนในเมืองหลวงน้อยมาก แต่หลังจากติดตามเวินซื่อมาเป็นเวลานาน ก็ได้เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ มากขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์พูดกับสองพ่อลูกคู่นั้นเมื่อครู่ ก็ย่อมสามารถคาดเดาตัวตนของพวกเขาได้อย่างง่ายดายคนหนึ่งคืออดีตบิดาของธิดาศักดิ์สิทธิ์ อีกคนคืออดีตพี่ชายของธิดาศักดิ์สิทธิ์ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นย่ำแย่มากพออยู่แล้ว หากธิดาศักดิ์สิทธิ์ต้องทะเลาะกับพี่ชายหนักขึ้นด้วยเรื่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 544

    เขาขบริมฝีปากล่างแน่น กัดปากของตัวเองแตกเหมือนไม่รู้สึกตัว ปล่อยให้เลือดไหลลงจากมุมปากช้า ๆ“หลินเนี่ยนฉือล่ะ?”เวินจื่อเยวี่ยเอ่ยปากถามขึ้นทันใด“ข้าอยากพบนาง”“นางไม่อยากพบท่าน”เวินซื่อเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ“ข้าบอกว่าข้าอยากพบนาง!”เวินจื่อเยวี่ยตวาดลั่นอย่างฉุนเฉียวขึ้นมาทันใด พลางปัดมือของจางเสี่ยวหานออกมือของจางเสี่ยวหานถูกตีเจ็บ ตกใจสะดุ้งโหยง เมื่อนางรู้ตัวก็เอื้อมมือออกไปอีกครั้ง คว้าเพียงหนังสือถอนหมั้นฉบับนั้นไว้ส่วนจี้หยกก็ร่วงลงสู่พื้นดัง “ตุ้บ” ตามมาด้วยเสียงแตกหักดังขึ้น จี้หยกแยกออกเป็นสองส่วนทันทีเวินจื่อเยวี่ยที่ยังอยู่ในอาการฉุนเฉียวเมื่อได้ยินเสียงนี้อย่างกะทันหัน ก็ก้มหน้าลงมอง เกิดความสับสนขึ้นโดยพลันเขารีบเก็บจี้หยกขึ้นมา เมื่อมองดูรอยแตกหักนั้น ก็ไม่อาจยับยั้งไฟโทสะที่อัดอั้นอยู่เต็มอกไว้ได้ เพียงชั่วครู่ก็ระเบิดอารมณ์ใส่ฉางเสี่ยวหาน...“ใครให้เจ้าทำของของข้าพัง! เจ้าอยากตายหรือไง?!”“อะไรนะ? ไม่ใช่ข้า เป็นท่านต่างหากที่ปัดมือของข้าเอง...”“สาวใช้ต่ำต้อยอย่างเจ้ายังกล้าเถียงอีก!”เวินจื่อเยวี่ยลุกพรวดขึ้น สีหน้ามีรอยพยายาท ยกมือขึ้นตบหน้าฉางเส

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 543

    เวินจื่อเยวี่ยมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ท่านพ่อ พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”เวินจื่อเยวี่ยเงียบไปครู่หนึ่ง “เจ้าน่าจะเข้าใจ เจ้าสาม”“ข้าไม่เข้าใจ!”เวินจื่อเยวี่ยตวาดออกมาทันใด พลางจ้องมองไปที่บิดาของเขาอย่างไม่ละสายตาเวินเฉวียนเซิ่งถอนหายใจอีกครั้ง “แค่การหมั้นหมายเท่านั้น พ่อรู้ว่าเจ้าไม่เต็มใจยอมรับ แต่พี่ใหญ่ของเจ้ามีเวลาเหลือไม่มากแล้ว ถ้ายังไม่เอายากลับไปอีก เขาจะต้องตายในไม่ช้า”“เจ้าสาม เจ้าจะทนเห็นพี่ใหญ่ของเจ้าตายไปได้จริงหรือ?”เวินจื่อเยวี่ยที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเขาได้ถามด้วยเสียงอันสั่นเครือเล็กน้อย “ก็เลยต้องเสียสละการหมั้นของข้าเพื่อช่วยพี่ใหญ่อย่างนั้นหรือ? ทั้ง ๆ ที่เรายังมีวิธีอื่นอีก แต่ท่านก็ยังยืนกรานที่จะขอร้องเวินซื่อ?!”“ยังมีวิธีอื่นอีกหรือ?”สีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งเย็นชาลง น้ำเสียงแย่มาก “ไม่ว่าจะเป็นบัวหิมะก็ดี เห็ดหลินจือสีม่วงอายุหนึ่งร้อยปีก็ดี หรือหญ้าฝรั่นที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำก็ดี เจ้าคิดว่ามีสิ่งไหนหาง่ายบ้าง?!”“หากพี่ใหญ่ของเจ้ายังยืดเวลาได้อีกครึ่งค่อนเดือน พ่อก็จะไม่รีบร้อนเช่นนี้! แต่นี่พี่ใหญ่ของเจ้าอาจตายได้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 542

    นางมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างเย็นชา “ท่านไม่มีคุณสมบัตินี้ตั้งนานแล้ว”“เวินซื่อ! จงระวังท่าทีในการพูดจาของเจ้าด้วย แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์แล้ว แต่ความสัมพันธ์พ่อลูกของเจ้ากับพ่อจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง อย่าลืมว่ายังมีเลือดของสกุลเวินไหลเวียนอยู่ในตัวเจ้า”“ใครบอกว่าเปลี่ยนแปลงไม่ได้?”เวินซื่อยิ้มเยาะ “ความสัมพันธ์นี้จะเปลี่ยนไปในไม่ช้า แต่ตอนนี้ขอวกกลับเข้าประเด็นก่อน ท่านเจิ้นจั๋วกง ท่านยังไม่ได้บอกตัวเลือกของท่านเลย ท่านวางแผนที่จะเลือกใครกันแน่?”ล้มเหลวในการเล่นกับอารมณ์ ล้มเหลวในการข่มขู่กลับมาสู่เงื่อนไขข้อแรกสุดอีกครั้ง สายตาของเวินเฉวียนเซิ่งเย็นชาลงระดับหนึ่งในทันใดเวินซื่อดูเหมือนจะมองไม่เห็นเลย เร่งรัดเขาด้วยอารมณ์ที่ดีมาก“ข้ามีเวลาไม่มากนัก ท่านเจิ้นจั๋วกงรีบตัดสินใจโดยเร็วที่สุดเถอะ มิฉะนั้นก็จะไม่มีการเจรจาใด ๆ อีกแล้ว”นางหันไปมองเวินเฉวียนเซิ่งด้วยรอยยิ้มตาหยี “‘พี่ใหญ่แสนดี’ ของข้าก็น่าจะมีเวลาไม่เพียงพอใช่ไหม?”“ถุย!”เวินจื่อเยวี่ยถ่มน้ำลายใส่นางอย่างรุนแรง “พี่ใหญ่ไม่มีน้องสาวที่ชั่วร้ายอย่างเจ้า!”“ถูกต้อง ข้าชั่วร้าย แต่ก็เทียบไม่ได้กับเว

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status