มิหนำซ้ำหลังจากที่เวินซื่อพูดจบ ยังเลิกคิ้วขึ้น แล้วยังมองเวินเยวี่ยด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามในนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์ยั่วยุราวกับกำลังตอบสนองต่อการกระทำก่อนหน้านี้ของเวินเยวี่ย“เวินซื่อ! เจ้าพอได้แล้ว!”ผู้คนจากจวนเจิ้นกั๋วกงกำลังจะเอ่ยปาก แต่นึกไม่ถึงว่าจะมีคนที่เร็วกว่าพวกเขาชุยเส้าเจ๋อในฐานะผู้คุ้มกันอันดับหนึ่งของเวินเยวี่ย จ้องมองเวินซื่ออย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าอย่าคิดว่าเจ้าขึ้นเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ก็จะสามารถดูหมิ่นน้องหญิงเยวี่ยเอ๋อร์ได้ตามอำเภอใจ! มีข้าอยู่ที่นี่ เจ้าอย่าได้คิดจะข่มเหงนาง!”ทว่าทันทีที่สิ้นเสียงของเขา คนที่นั่งอยู่ข้างหลังเขาก็ยื่นมือออกมาโอบรอบคอของเขาไว้โดยพลันฉีเซิ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้มคลุมเครือ “ข้าว่านะชุยเส้าเจ๋อ แม่นางทั้งสองกำลังพูดคุยกัน เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วยเล่า?”ก่อนงานเลี้ยงจะเริ่มฉีเซิ่งที่มองหาชุยเส้าเจ๋ออยู่พักหนึ่งก็ไม่พบ เดิมทีตั้งใจจะเผชิญหน้ากับเจ้าคนนี้หลังจากงานเลี้ยงจบลงแต่ไม่คิดว่างานเลี้ยงยังไม่ทันเลิกเลย ก็มีบางคนกระโดดออกมาเต้นเร่า ๆ ก่อนฉีเซิ่งย่อมก้าวออกมาโดยไม่ลังเล เพื่อคุมชุยเส้าเจ๋อไว้ “มีอะไรจะพูดเจ้าสามารถพูดกับข้าไ
“สวรรค์! เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้?”“ข้าว่าแล้วทำไมถึงรู้สึกว่าวันเกิดของเวินซื่อปีนี้ดูไม่ชอบมาพากล ที่แท้วันนั้นไม่ใช่วันเกิดของนางจริง ๆ!”“แล้วเป็นวันเกิดของใครกัน?”“มีบุตรสาวแค่สองคน จะเป็นใครได้เล่า?”“ซี้ด! ดูเหมือนว่าจะพบความลับบางอย่างที่สะเทือนเลือนลั่นไปทั่วหล้า!”“หึๆ ที่แท้พี่สาวไม่ใช่พี่สาว น้องสาวไม่ใช่น้องสาว ละครเรื่องนี้ของจวนเจิ้นกั๋วกงสนุกครบรสจริง ๆ”“อะไรนะ อะไรนะ? หมายความว่าอย่างไรกันแน่? ทำไมข้าดูเหมือนจะฟังไม่เข้าใจ?”ยังมีคนไม่เข้าใจ จึงรีบสอบถามจากคนอื่นคนที่เข้าใจแล้วต่างก็แสร้งทำเป็นฉลาดลุ่มลึก ต่างไม่พูดจา แต่กลับมองไปทางเวินเฉวียนเซิ่งทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจในขณะนี้สีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งบึ้งตึงดำทะมึน เขาลุกพรวดขึ้น พลางก้าวสวบ ๆ เข้าไปหา แล้วคว้าเวินจื่อเยวี่ยไว้เวินจื่อเยวี่ยถูกดึงจนสะดุดล้มลงชั่วขณะ เมื่อหันกลับมาเวินเฉวียนเซิ่งย่อมไม่พลาดท่าทางเหม่อจากสายตาของเขาอยู่แล้ว“ดี ดี เวินซื่อ เจ้าเก่งมากจริง ๆ”จนป่านนี้หากยังมองไม่ออกว่าลูกชายคนที่สามของตัวเองตกหลุมพรางเหมือนกับลูกชายคนที่สี่แล้วล่ะก็ เวินเฉวียนเซิ่งคงใช้ชีวิตมาถึงหลายสิบป
แต่ถึงกระนั้น เวินเฉวียนเซิ่งก็มั่นคงดุจขุนเขาไท่ซาน“ร้อนใจอะไรกัน นั่งลงก่อน”ภายใต้แรงกดดันจากสายตาของเวินเฉวียนเซิ่ง เวินเยวี่ยทำได้เพียงข่มความกังวลไว้ แล้วรีบนั่งลงต่อมาเวินเฉวียนเซิ่งก็ได้ส่งเวินจื่อเยวี่ยให้กับลูกชายคนโต “วันนี้เจ้าสามไม่ค่อยสบาย เจ้าใหญ่ เจ้าช่วยพาเขากลับไปก่อนแล้วคอยดูไว้ให้ดี อย่าปล่อยให้เขาเพ่นพ่าน”แม้ว่าเวินฉางอวิ้นจะมีข้อสงสัยอยู่บ้าง แต่ก็ยังรับปากแต่โดยดี “ขอรับ ท่านพ่อ”หลังจากที่เวินฉางอวิ้นพาเวินจื่อเยวี่ยไปแล้ว เวินเฉวียนเซิ่งถึงพูดกับเวินเยวี่ยอย่างเฉยชา “หากยังไม่มีหลักฐานอย่างแท้จริง ทุกอย่างก็เป็นเพียงการเดาที่ไม่มีมูล ตั้งสติให้ดี จะได้ไม่ถูกรบกวน”เมื่อเข้าใจแล้วเวินเยวี่ยก็กระจ่างในทันทีถูกต้อง ต่อให้เวินซื่อจะเปิดเผยวันเกิดของนางออกมาแล้วจะเป็นไรไป ตราบใดที่ไม่มีหลักฐานที่แน่นอน นางก็ยังคงเป็นบุตรสาวบุญธรรมของจวนเจิ้นกั๋วกงอยู่!พูดแบบนี้ก็จริง แต่เวินเยวี่ยมีหรือจะยอมเป็นเพียงบุตรสาวบุญธรรมเท่านั้น?นางกัดฟัน แล้วแอบจ้องเขม็งใส่เวินซื่อทั้งหมดนี้ต้องโทษนางสารเลวนั่น ขัดหูขัดตามากขึ้นทุกวันจริง ๆเวินอวี้จือและเวินจื่อเยวี่ยก็
“อะไรคือเกิดไมตรีจิต?! ชุยเส้าเจ๋อ เจ้าอย่าเอาแต่อ้าปากก็ดูถูกความบริสุทธิ์ของผู้อื่น! ตัวเองไม่ได้เป็นคนขาวสะอาด ยังจะมีหน้าไปว่าคนอื่นอีก!”เวินซื่อยังไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ฉีเซิ่งก็พ่นไฟโทสะใส่ชุยเส้าเจ๋อยกใหญ่แทบจะถ่มน้ำลายรดหน้าเขาอยู่แล้ว“เจ้าพูดอะไรน่ะ?! เจ้าเก่งจริงก็พูดอีกครั้งสิ ใครไม่ได้เป็นคนขาวสะอาด!”“พูดถึงเจ้านั่นแหละ!”เวลานี้ฉีเซิ่งเห็นชุยเส้าเจ๋อแล้วรู้สึกขัดหูขัดตาไปหมด“ทำไมเล่า? ต้องการให้ข้าเปิดเผยอดีตอันน่ารังเกียจของเจ้า ให้ทุกคนฟังว่าก่อนหน้านี้เจ้าแอบลักเล็กขโมยน้อย แล้วยังยัดของกลางใส่ร้ายคนอื่นอย่างนั้นหรือ?”“เจ้าหุบปากซะ!”ชุยเส้าเจ๋อแค่ได้ยินคำพูดนี้ก็รู้แล้วว่าฉีเซิ่งกำลังพูดถึงเรื่องอะไรเขาโกรธจนหน้าแดงขึ้นมาทันใดนึกด่าทออยู่ในใจ ไอ้สารเลวคนไหนกล้าเอาเรื่องของข้าไปพูดข้างนอก!ถ้าให้เขารู้ล่ะก็ เขาจะฉีกคนผู้นั้นให้เป็นชิ้น ๆ แน่!จงหย่งโหวเห็นท่าเด็กสองคนนี้เหมือนกำลังต่อยตีกัน จึงลุกขึ้นเพื่อจะห้ามทัพแต่ปรากฏว่าเพิ่งจะขยับตัวก็ถูกเสนาบดีฉีดึงแขนไว้ “เฮ้อเหล่าชุย แค่เด็ก ๆ วิวาทกันโต้เถียงกันเท่านั้น ผู้ใหญ่อย่างเราจะเข้าไปยุ่งทำไม? ปล่อย
ทันทีที่ฉีเซิ่งได้ยินชื่อ ‘ชุยเส้าเจ๋อ’ ในเวลานี้ ก็โต้กลับด้วยความโมโหทันที “ท่านพ่อ วันหลังอย่าพูดถึงเจ้านั่นต่อหน้าข้าอีก แม้ว่าฉีเซิ่งผู้นี้จะเป็นลูกผู้ดีมีเงินที่เอาแต่เสวยสุขเหมือนกัน แต่ข้าจะไม่ทุเรศชั่วช้าเหมือนเขาเด็ดขาด”แอบลักเล็กขโมยน้อยยังไม่เท่าไหร่ แต่ตัวเองยังใส่ร้ายอดีตคู่หมั้น ช่างไร้ยางอายสิ้นดี!ฉีเซิ่งไม่มีสหายที่ไร้ยางอายเช่นนี้!ต้องรู้ว่าการขโมยของเป็นเพียงเรื่องของคุณธรรม แต่การใส่ร้ายผู้อื่นเป็นเรื่องของนิสัยใจคอวันนี้เขาไม่ได้ชี้หน้าชุยเส้าเจ๋อต่อหน้าธารกำนัลในงานเลี้ยง ด่าทอเขาว่าชั่วช้าขี้ขลาดก็นับว่าดีแค่ไหนแล้ว!“ได้ ๆ ๆ ไม่พูดก็ไม่พูด”เสนาบดีฉีลูบเครา หัวเราะเหอะ ๆ พูดว่า “แต่ว่า เจ้าก็อย่าทำอะไรมากจนเกินไป อย่างน้อยเขาก็เป็นบุตรชายคนเดียวของจงหย่งโหว ลุงก็เป็นถึงเจิ้นกั๋วกง ในเมื่อเรื่องนี้ท่านอ๋องได้ลงมือสั่งสอนไปแล้ว เจ้าก็อย่าไปเกลือกกลั้วอยู่ในบ่อโคลนนั้นอีกเลย”“เฮ้อ ท่านพ่อวางใจเถอะ ตอนนี้ข้าก็ขี้เกียจจะสนใจเขา ต่อไปลูกยังมีเรื่องอื่นต้องทำอีก”ฉีเซิ่งกล่าวอย่างอารมณ์ดี “ข้ารับปากแล้วว่าจะมอบของขวัญวันเกิดให้กับธิดาศักดิ์สิทธิ์ ก็ต้องจัด
ประโยคนี้ของเวินจื่อเยวี่ยทำให้เวินฉางอวิ้นตกอยู่ในความเงียบงันใช่แล้ว เขาเคยสงสัยจริง ๆก่อนวันเกิดของน้องห้า พวกเขาไม่เคยตระหนักเลยว่าลำดับของวันเกิดระหว่างน้องสาวทั้งสองจะมีปัญหาอะไรจนกระทั่งอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้นั้นได้เปิดโปงต่อหน้า พวกเขาถึงพบว่า เห็นได้ชัดว่าอายุเท่ากัน แต่วันเกิดของเวินเยวี่ยกลับอยู่ก่อนเวินซื่อ เดิมทีควรจะเป็นพี่สาวถึงจะถูก แต่กลับกลายเป็นน้องสาว เวินซื่อที่ควรจะเป็นน้องสาว กลับกลายเป็นพี่สาวและรายละเอียดเช่นนี้พวกเขาไม่เคยใส่ใจมาก่อนเวินฉางอวิ้นที่รู้สึกผิดอยู่ในใจก็เข้าใจสาเหตุได้อย่างรวดเร็วเพราะแม้แต่วันเกิดของน้องห้าพวกเขายังลืมไปแล้วเสียด้วยซ้ำไป แล้วจะสังเกตเห็นได้อย่างไร?แม้ว่าต่อมาบิดาจะอธิบายให้พวกเขาฟังว่า น้องหกเปลี่ยนวันถึงแก่กรรมของมารดามาเป็นวันเกิดแต่เรื่องแบบนี้เมื่อก่อนทำไมไม่เคยบอกพวกเขาเลย?รู้สึกไม่มีอะไรจึงไม่พูดหรือ?หรือว่า...ในนี้มันมีความลับบางอย่างที่ไม่สามารถเปิดเผยให้คนอื่นรู้ได้?หลังจากกลับไปในวันนั้นเวินฉางอวิ้นก็นอนไม่หลับทั้งคืน พลิกตัวไปมาแต่สุดท้ายเขาก็ยังใช้เวลาทั้งคืนเกลี้ยกล่อมตัวเองได้สำเร็จเขาคิ
เวินจื่อเยวี่ยเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ทำไมพูดกับพี่สามต้องตะกุกตะกักด้วย ข้างหลังซ่อนอะไรไว้หรือ?”เวินจื่อเยวี่ยหยิบของสิ่งนั้นออกมาอย่างระมัดระวังทันทีที่เวินจื่อเยวี่ยได้เห็น สองตาก็เป็นประกาย “นี่มันเป็ดทอดกรอบจากภัตตาคารเฟิ่งเซียนมิใช่หรือ? น้องหกตั้งใจไปซื้อมาให้พี่สามอย่างนั้นหรือ?”เวินเยวี่ยฉีกยิ้มออกมา “ใช่แล้วเจ้าค่ะ พี่สามกลับมาถึงเร็ว เยวี่ยเอ๋อร์คิดว่าท่านต้องกินไม่อิ่มแน่ ก็เลยอ้อมไปที่ภัตตาคารเฟิ่งเซียน เพื่อเอาเป็ดทอดกรอบที่พี่สามชอบที่สุดมาให้เจ้าค่ะ”เวินจื่อเยวี่ยที่ตั้งใจจะไปหาเวินฉางอวิ้นก็ไม่รีบร้อนออกจากเรือนแล้ว“ดี ๆ น้องหกช่างเอาใจใส่ จำได้ด้วยว่าพี่สามชอบกินอะไร”เวินจื่อเยวี่ยยิ้มอย่างมีความสุข “รีบเข้ามานั่งสิ พี่สามก็กำลังหิวอยู่พอดี เรามากินด้วยกันเถอะเจ้าค่ะ”หลังจากที่ทั้งสองนั่งลงแล้ว เวินจื่อเยวี่ยก็แกะกระดาษเคลือบน้ำมันที่ห่อเป็ดทอดกรอบเอาไว้อย่างอดใจไม่ไหวเวินเยวี่ยรีบโบกมือ “ไม่ล่ะ ไม่ล่ะ ข้ากินในงานเลี้ยงอิ่มแล้ว ตอนนี้กินไม่ลงจริง ๆ พี่สามกินเถอะ”เวินจื่อเยวี่ยย่อมไม่มีการระวังตัวกับน้องสาวที่ตัวเองรักมากที่สุดอยู่แล้วดังนั้นเมื่อเวิ
แต่น่าเสียดายคนที่ออกมาพบเขาไม่ใช่เวินซื่อเวินเฉวียนเซิ่งเงยหน้าขึ้นมองคนที่เข้ามาหา แล้วถามด้วยเสียงเย็นชา “แล้วเวินซื่อล่ะ? ให้นางออกมาพบข้า”ม่อโฉวซือไท่กำลังหมุนลูกประคำในมือทีละเม็ด นางยืนอยู่บนขั้นบันไดที่ประตู มองลงมาที่เวินเฉวียนเซิ่ง“ผ่านไปหลายปีแล้ว เจ้ายังคงอวดดีจองหองเช่นเคย”ที่เอ่ยออกมาจากปากของม่อโฉวซือไท่ยิ่งเต็มไปด้วยคำพูดเหน็บแนมชัดเจนว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านางจะเป็นเจิ้นกั๋วกงผู้ทรงอำนาจในราชสำนักและประชาชน แต่นางกลับดูไม่เกรงกลัวเลยสักนิดแม้กระทั่งสายตาก็เต็มไปด้วยความเหยียดหยามที่มีต่ออีกฝ่าย“วันนี้ข้าไม่อยากพูดคุยเรื่องในอดีตกับเจ้า ตอนนี้พานางออกมาเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นเจ้าน่าจะรู้จักวิธีการของข้า”“วิธีการของเจ้า?”ม่อโฉวซือไท่กล่าวอย่างดูถูก “ที่เจ้าพูดถึงก็คือวิธีการที่ไร้ยางอายและต่ำช้าจนเหลือทนของเจ้าในตอนนั้นน่ะหรือ?”สีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งมืดมนลงภายในชั่วแวบเดียวเขากำแส้ม้าในมือแน่น “ม่อโฉว อย่าลืมสิว่า เจ้าสามและเจ้าสี่ก็เป็นลูกของนางด้วย หรือว่าเจ้าจะปกป้องแค่คนคนเดียว แต่ไม่สนใจความเป็นความตายของอีกสองคนกระนั้นหรือ?!”“ก็มีพ่ออย่างเจ้า
ถึงขั้นเอาอีกฝ่ายมาข่มขู่เวินจื่อเยวี่ย ทำให้เวินจื่อเยวี่ยต้องเลือกระหว่างนางและหลินเนี่ยนฉือแล้วนางสารเลวที่ยังไม่เดินผ่านประตูเข้ามาจะเอาอะไรมาเทียบกับนาง!เวินเยวี่ยโกรธจัดจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในเสี้ยววินาทีที่ก้มศีรษะลง สายตาอาบยาพิษช่างน่าสะพรึงกลัว“ยุแยงตะแคงรั่ว?”เวินซื่อแค่รู้สึกว่าคำพูดของเวินจื่อเยวี่ยน่าขบขันมาก “มีเพียงคนที่มีหัวใจเท่านั้นถึงจะรู้สึกว่าใคร ๆ ก็เป็นเช่นนี้”นางเหลือบมองเวินเยวี่ยแวบหนึ่งอย่างเฉยชา ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่แยแส “ท่านคิดว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้จะใช้พวกท่านไปก่อกวนความสงบของนางหรือ? ฝันไปเถอะ พวกท่านยังไม่คู่ควร”“เหอะ พูดเสียน่าฟัง ถ้าไม่ใช่เพราะจดหมายที่เจ้าเขียนไปฟ้อง หลินเนี่ยนฉืออยู่ที่อู๋โจวอยู่ดี ๆ จะเข้ามาที่เมืองหลวงทำไม? แล้วยังต้องการถอนหมั้นกับข้าอีก?!”ถึงตอนนี้เวินจื่อเยวี่ยยังคงเชื่อว่าเวินซื่อไปพูดอะไรกับหลินเนี่ยนฉือ ถึงทำให้หลินเนี่ยนฉือทำเช่นนั้น“ท่านคิดว่าข้อมูลในใต้หล้านี้มีสิ่งใดที่สามารถปิดบังได้อย่างนั้นหรือ? จวนเจิ้นกั๋วกงของพวกท่านได้ทำเรื่องที่น่าอับอายขายขี้หน้า ไร้ยางอายมาไม่น้อย แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงตั้งน
อูฐผอมซูบยังตัวใหญ่กว่าม้าการจะทำลายจวนเจิ้นกั๋วกงอันใหญ่โตแห่งนี้โดยอาศัยแมลงเพียงไม่กี่ตัว มันเป็นไปไม่ได้เลยแน่นอน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิงเพียงแต่ราคาที่ต้องจ่ายนั้นสูงเกินไปอย่างเช่นการหมั้นหมายระหว่างจวนเจิ้นกั๋วกงและสกุลหลินเมื่อจวนเจิ้นกั๋วกงถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดกับชาวต่างเผ่า เวินเฉวียนเซิ่งจะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชำระล้างให้หลุดพ้นจากข้อกล่าวหานี้และวิธีการที่ดีที่สุดก็ต้องเป็นการดึงผู้คนให้เข้ามาพัวพันมากขึ้นสกุลหลินที่ยังมีการหมั้นหมายกับจวนเจิ้นกั๋วกงเป็นกลุ่มแรกที่รับศึกหนัก โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างหลินเนี่ยนฉือและเวินซื่อ และจะกลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เวินเฉวียนเซิ่งดึงสกุลหลินให้ลงมาพัวพันด้วยดังนั้นก่อนจะยุติการหมั้นหมายระหว่างหลินเนี่ยนฉือและเวินจื่อเยวี่ย เวินซื่อยังไม่สามารถทำอะไรบุ่มบ่ามได้ทว่า ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถแตะต้องจวนเจิ้นกั๋วกงได้ แต่การมีเวินเยวี่ยเพียงคนเดียวก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย“หมั้น...หมั้นหมาย?”ในขณะนี้ เสียงที่สับสนของเวินเยวี่ยก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของ เวินจื่อเยวี่ย“พี่สาม ท่านหมั้นกับใครตั้
“ท่าน…!”เวินเยวี่ยลมแทบจับเมื่อได้ยินที่เวินซื่อพูดนางข่มไฟโทสะเอาไว้ “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คนของกองทัพธงดำเสียหน่อย ให้ท่านมาทำการค้นหา ไม่น่าจะเหมาะสมกระมัง?”เวินเยวี่ยฝืนยิ้ม “ท้ายที่สุดแล้วบุญคุณความแค้นระหว่างพี่หญิงห้ากับเยวี่ยเอ๋อร์นั้นเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งกันทั่วทุกคน ถ้าเกิด…”ประโยคสุดท้ายนี้ไม่ได้พูดออกมาทั้งหมด แต่ก็สามารถเข้าใจทุกอย่างที่ควรเข้าใจถ้าเกิดเวินซื่อเข้าไปวางกลอุบายบางอย่างเพื่อใส่ร้ายนางแล้วจะทำเช่นไร?เวินซื่อหันหน้าไปเผชิญหน้ากับเวินเยวี่ย รอยยิ้มเล็ก ๆ เผยออกมาบนใบหน้าอันบริสุทธิ์ผุดผ่องและงดงามของนาง “ข้าไม่ต่ำช้าไร้ยางอายเหมือนเจ้า”ใบหน้าของเวินเยวี่ยสลดลงเพราะดำด่าของนางทันทีแต่วินาทีต่อมาก็ได้ยินเวินซื่อพูดว่า “แต่ว่านี่มันก็เป็นปัญหาจริง ๆ ในเมื่อคุณหนูหกสกุลเวินเป็นกังวลเช่นนี้ เช่นนั้นข้าธิดาศักดิ์สิทธิ์ก็ขอยืนค้นหาอยู่ที่ประตูแล้วกัน”ยืนค้นหาอยู่ที่ประตูหรือ?แล้วจะค้นหาอย่างไร?ขณะที่เวินเยวี่ยและคนอื่น ๆ กำลังงุนงง เวินซื่อก็พลิกฝ่ามือ ก่อนจะหยิบขวดหยกขวดหนึ่งออกมาจากกลางฝ่ามือของนางฉางเสี่ยวหานก้าวเข้าไปรับขวดหยกจากมือของเว
“เหลวไหลสิ้นดี!”แววอันตรายฉายผ่านดวงตาอันคมกริบของเวินเฉวียนเซิ่งในทันใดเขาจ้องไปที่รถม้าที่เวินซื่อนั่งอยู่ สายตามองทะลุช่องว่างของม่านหน้าต่าง พลางชี้ตรงไปที่เวินซื่อ “เวินซื่อ เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่? เจ้ากำลังใส่ร้ายขุนนางในราชสำนักซึ่งเป็นความผิดร้ายแรง!”“หากเจ้าไม่สามารถแสดงหลักฐานใด ๆ ได้ ต่อให้เจ้าจะเคยเป็นลูกสาวของข้า ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ เด็ดขาด!”“เจิ้นกั๋วกงไม่จำเป็นต้องใจร้อนขู่ขวัญเช่นนี้”ว่าแล้วเวินซื่อก็ยกมือขึ้นเปิดม่านรถแล้ว เดินออกมาจากด้านในอย่างช้า ๆเสี่ยวหานก้าวไปข้างหน้าอย่างมีไหวพริบ ทำตามสาวใช้เหล่านั้น เอื้อมมือออกไปช่วยประคองธิดาศักดิ์สิทธิ์ของนางลงจากรถม้าช้า ๆหลังจากลงสู่พื้นและยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว เวินซื่อก็เงยหน้าขึ้นมองเวินเฉวียนเซิ่งผ่านกองทัพธงดำ นางยิ้มเล็กน้อย “ถ้าธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่มีหลักฐาน วันนี้จะกล้านำกองกำลังไปปิดล้อมจวนเจิ้นกั๋วกงของท่านได้อย่างไร”การทำงานตามคำสั่งส่วนตัวของอ๋องผู้สำเร็จราชการเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การทำงานตามพระราชโองการของฝ่าบาทก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเวินซื่อยกมือขึ้น รับพระราชโองการจากมือของกองทัพ
ให้อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนมาหนุนหลังนางแล้วอย่างไรต่อ เขาไม่เชื่อว่า อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้สง่างามจะบังคับเขาให้ถอนหมั้นได้อย่างนั้นหรือ!เมื่อเวินเฉวียนเซิ่งได้ยินเวินจื่อเยวี่ยพูด ก็มองเขาแวบหนึ่งอย่างเย็นชา “เจ้าควรคิดหาวิธีช่วยพี่ใหญ่ของเจ้าก่อนดีกว่า ถ้าครั้งนี้พี่ใหญ่ของเจ้าตาย ก็อย่าได้คิดเรื่องหมั้นหมายเลย ข้าเวินเฉวียนเซิ่ง ไม่มีลูกชายที่ใจไม้ไส้ระกำอย่างเจ้า”ใบหน้าของเวินจื่อเยวี่ยขรึมลงทันทีเขารู้ว่าลูกชายคนโปรดของบิดาไม่ใช่เขา แต่เป็นพี่ใหญ่ที่บิดาเลี้ยงดูอย่างสุดชีวิตจิตใจแต่เขานึกไม่ถึงว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว บิดาจะยังโหดร้ายถึงเพียงนี้ เอาการหมั้นหมายของเขามาข่มขู่เขาเวินจื่อเยวี่ยไม่ได้พูดอะไรอีกแต่ในขณะนี้ พ่อบ้านนั้นพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “ท่านกั๋วกง คุณชายสาม ครั้งนี้ผู้ที่นำกองทัพธงดำมาไม่ใช่ท่านอ๋องขอรับ”เมื่อได้ยินคำพูดนี้เวินเฉวียนเซิ่งก็หันกลับไปหาพ่อบ้าน “ไม่ใช่เป่ยเฉินหยวนหรอกหรือ? แล้วใครล่ะ?”นอกจากฮ่องเต้น้อยและเป่ยเฉินหยวนเองแล้ว ยังมีใครอีกที่สามารถระดมกองทัพธงดำ ถึงขั้นกล้าปิดล้อมจวนเจิ้นกั๋วกงของเขาได้?ขณะที่เวินเฉวียนเซิ่งกำลังครุ่นคิดในหัวว
“เสี่ยวหาน ให้ข้าดูหน้าเจ้าหน่อยสิ”หลังจากขับไล่เวินเฉวียนเซิ่งและเวินจื่อเยวี่ยออกไปแล้ว เวินซื่อก็ดึงฉางเสี่ยวหานเข้ามา“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ตบไม่โดนหน้า ข้าหลบได้นิดหน่อย แค่ตบโดนหัวเท่านั้น”ถึงกระนั้น การตบของเวินจื่อเยวี่ยก็หนักหน่วงมาก จนศีรษะของฉางเสี่ยวหานถึงกับสั่นคลอนในตอนนั้น ใช้เวลาสักพักกว่าจะตอบสนองได้“เจ้าไม่ต้องกังวล การตบครั้งนี้ข้าจะต้องเอาคืนเขาอย่างแรงแน่นอน”สีหน้าของเวินซื่อเคร่งขรึมลง น้ำเสียงไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งฉางเสี่ยวหานลุกขึ้นกล่าวว่า “ไม่ ๆ ๆ ไม่ต้องหรอกธิดาศักดิ์สิทธิ์ เมื่อครู่ท่านช่วยตบคืนแทนเสี่ยวหานแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีกเจ้าค่ะ”ฉางเสี่ยวหานรู้จักคนในเมืองหลวงน้อยมาก แต่หลังจากติดตามเวินซื่อมาเป็นเวลานาน ก็ได้เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ มากขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์พูดกับสองพ่อลูกคู่นั้นเมื่อครู่ ก็ย่อมสามารถคาดเดาตัวตนของพวกเขาได้อย่างง่ายดายคนหนึ่งคืออดีตบิดาของธิดาศักดิ์สิทธิ์ อีกคนคืออดีตพี่ชายของธิดาศักดิ์สิทธิ์ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นย่ำแย่มากพออยู่แล้ว หากธิดาศักดิ์สิทธิ์ต้องทะเลาะกับพี่ชายหนักขึ้นด้วยเรื่
เขาขบริมฝีปากล่างแน่น กัดปากของตัวเองแตกเหมือนไม่รู้สึกตัว ปล่อยให้เลือดไหลลงจากมุมปากช้า ๆ“หลินเนี่ยนฉือล่ะ?”เวินจื่อเยวี่ยเอ่ยปากถามขึ้นทันใด“ข้าอยากพบนาง”“นางไม่อยากพบท่าน”เวินซื่อเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ“ข้าบอกว่าข้าอยากพบนาง!”เวินจื่อเยวี่ยตวาดลั่นอย่างฉุนเฉียวขึ้นมาทันใด พลางปัดมือของจางเสี่ยวหานออกมือของจางเสี่ยวหานถูกตีเจ็บ ตกใจสะดุ้งโหยง เมื่อนางรู้ตัวก็เอื้อมมือออกไปอีกครั้ง คว้าเพียงหนังสือถอนหมั้นฉบับนั้นไว้ส่วนจี้หยกก็ร่วงลงสู่พื้นดัง “ตุ้บ” ตามมาด้วยเสียงแตกหักดังขึ้น จี้หยกแยกออกเป็นสองส่วนทันทีเวินจื่อเยวี่ยที่ยังอยู่ในอาการฉุนเฉียวเมื่อได้ยินเสียงนี้อย่างกะทันหัน ก็ก้มหน้าลงมอง เกิดความสับสนขึ้นโดยพลันเขารีบเก็บจี้หยกขึ้นมา เมื่อมองดูรอยแตกหักนั้น ก็ไม่อาจยับยั้งไฟโทสะที่อัดอั้นอยู่เต็มอกไว้ได้ เพียงชั่วครู่ก็ระเบิดอารมณ์ใส่ฉางเสี่ยวหาน...“ใครให้เจ้าทำของของข้าพัง! เจ้าอยากตายหรือไง?!”“อะไรนะ? ไม่ใช่ข้า เป็นท่านต่างหากที่ปัดมือของข้าเอง...”“สาวใช้ต่ำต้อยอย่างเจ้ายังกล้าเถียงอีก!”เวินจื่อเยวี่ยลุกพรวดขึ้น สีหน้ามีรอยพยายาท ยกมือขึ้นตบหน้าฉางเส
เวินจื่อเยวี่ยมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ท่านพ่อ พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”เวินจื่อเยวี่ยเงียบไปครู่หนึ่ง “เจ้าน่าจะเข้าใจ เจ้าสาม”“ข้าไม่เข้าใจ!”เวินจื่อเยวี่ยตวาดออกมาทันใด พลางจ้องมองไปที่บิดาของเขาอย่างไม่ละสายตาเวินเฉวียนเซิ่งถอนหายใจอีกครั้ง “แค่การหมั้นหมายเท่านั้น พ่อรู้ว่าเจ้าไม่เต็มใจยอมรับ แต่พี่ใหญ่ของเจ้ามีเวลาเหลือไม่มากแล้ว ถ้ายังไม่เอายากลับไปอีก เขาจะต้องตายในไม่ช้า”“เจ้าสาม เจ้าจะทนเห็นพี่ใหญ่ของเจ้าตายไปได้จริงหรือ?”เวินจื่อเยวี่ยที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเขาได้ถามด้วยเสียงอันสั่นเครือเล็กน้อย “ก็เลยต้องเสียสละการหมั้นของข้าเพื่อช่วยพี่ใหญ่อย่างนั้นหรือ? ทั้ง ๆ ที่เรายังมีวิธีอื่นอีก แต่ท่านก็ยังยืนกรานที่จะขอร้องเวินซื่อ?!”“ยังมีวิธีอื่นอีกหรือ?”สีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งเย็นชาลง น้ำเสียงแย่มาก “ไม่ว่าจะเป็นบัวหิมะก็ดี เห็ดหลินจือสีม่วงอายุหนึ่งร้อยปีก็ดี หรือหญ้าฝรั่นที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำก็ดี เจ้าคิดว่ามีสิ่งไหนหาง่ายบ้าง?!”“หากพี่ใหญ่ของเจ้ายังยืดเวลาได้อีกครึ่งค่อนเดือน พ่อก็จะไม่รีบร้อนเช่นนี้! แต่นี่พี่ใหญ่ของเจ้าอาจตายได้
นางมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างเย็นชา “ท่านไม่มีคุณสมบัตินี้ตั้งนานแล้ว”“เวินซื่อ! จงระวังท่าทีในการพูดจาของเจ้าด้วย แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์แล้ว แต่ความสัมพันธ์พ่อลูกของเจ้ากับพ่อจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง อย่าลืมว่ายังมีเลือดของสกุลเวินไหลเวียนอยู่ในตัวเจ้า”“ใครบอกว่าเปลี่ยนแปลงไม่ได้?”เวินซื่อยิ้มเยาะ “ความสัมพันธ์นี้จะเปลี่ยนไปในไม่ช้า แต่ตอนนี้ขอวกกลับเข้าประเด็นก่อน ท่านเจิ้นจั๋วกง ท่านยังไม่ได้บอกตัวเลือกของท่านเลย ท่านวางแผนที่จะเลือกใครกันแน่?”ล้มเหลวในการเล่นกับอารมณ์ ล้มเหลวในการข่มขู่กลับมาสู่เงื่อนไขข้อแรกสุดอีกครั้ง สายตาของเวินเฉวียนเซิ่งเย็นชาลงระดับหนึ่งในทันใดเวินซื่อดูเหมือนจะมองไม่เห็นเลย เร่งรัดเขาด้วยอารมณ์ที่ดีมาก“ข้ามีเวลาไม่มากนัก ท่านเจิ้นจั๋วกงรีบตัดสินใจโดยเร็วที่สุดเถอะ มิฉะนั้นก็จะไม่มีการเจรจาใด ๆ อีกแล้ว”นางหันไปมองเวินเฉวียนเซิ่งด้วยรอยยิ้มตาหยี “‘พี่ใหญ่แสนดี’ ของข้าก็น่าจะมีเวลาไม่เพียงพอใช่ไหม?”“ถุย!”เวินจื่อเยวี่ยถ่มน้ำลายใส่นางอย่างรุนแรง “พี่ใหญ่ไม่มีน้องสาวที่ชั่วร้ายอย่างเจ้า!”“ถูกต้อง ข้าชั่วร้าย แต่ก็เทียบไม่ได้กับเว