Share

บทที่ 130

Author: จิ้งซิง
เวินเฉวียนเซิ่งมองไปทางจงหย่งโหวด้วยความไม่พอใจ

เวลานี้จงหย่งโหวกลับสงสารเด็กคนนั้น “ถ้าไม่ใช่เพราะปกติท่านปล่อยปละละเลย นังหนูเวินซื่อจะกลายเป็นคนอย่างในวันนี้ได้อย่างไร?”

“นางเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของท่าน แต่ว่าเจิ้นกั๋วกง ท่านเริ่มปฏิบัติกับนังหนูไม่เหมือนลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเองตั้งแต่เมื่อใด? แค่ลูกสาวบุญธรรมคนหนึ่ง ยังเป็นที่โปรดปรานมากกว่าบุตรภรรยาเอกเสียอีก ทั้งหมดเป็นเพราะเจิ้นกั๋วกงลำเอียงเข้าข้าง หรือว่ามีเรื่องอะไรที่บอกใครไม่ได้?!”

“ท่านพ่อ!”

“ชุยเหลียงเฟิง!”

ทั้งเวินหย่าลี่และชุยเส้าเจ๋อสองแม่ลูกไม่คิดว่าเขาจะพูดจาเช่นนี้ออกมาต่อหน้าเวินเฉวียนเซิ่ง

เพราะเวลาปกติ จงหย่งโหวไม่เคยแสดงความเดือดดาลต่อคนของจวนเจิ้นกั๋วกงเลยสักนิด

บัดนี้เขามาคาดคั้นเวินเฉวียนเซิ่งเพราะเวินซื่อจริง ๆ

เวินหย่าลี่หวังว่าพี่ใหญ่จะคอยหนุนหลังนาง แต่นางก็ไม่อยากให้เกิดการโต้เถียงระหว่างสามีของตนกับพี่ใหญ่

เพราะถึงอย่างไรตอนนี้นางก็เป็นฮูหยินจงหย่งโหว คนที่นางต้องการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตก็ต้องเป็นสามีของนางอยู่แล้ว

เวินหย่าลี่รีบดึงจงหย่งโหวไว้ “ท่านพี่ ท่านหยุดพูดเถอะ ทั้งหมดเป็นความผิดของข้
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
WLFJ
ดี มาก พ่อนางเอกต้องโดนด่าสักที สะใจ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 131

    ยามเวินซื่อได้รับข่าวนางเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ“นางจะมาไม้ไหนอีก?”เวินซื่อรู้ดีว่าเวินหย่าลี่เป็นคนเช่นไร ครั้งที่แล้วนางพ่ายแพ้กลับไปจากอารามสุ่ยเยว่ ไม่มาหาเรื่องตนอีกก็ดีเท่าใดแล้ว จะยอมมาขอขมานางได้อย่างไร?เวินซื่อลูบคางพร้อมครุ่นคิด “ศิษย์พี่หญิง ยังมีผู้ใดติดตามฮูหยินจงหย่งโหวมาหรือไม่?”“มี เป็นชายวัยกลางคนท่านหนึ่งที่สวมชุดขุนนาง แล้วยังมีชายหนุ่มรูปงามอีกคน” สวมชุดขุนนางหรือ ซ้ำยังยอมมาเป็นเพื่อนเวินหย่าลี่ หากไม่ใช่เวินเฉวียนเซิ่งก็คงเป็นจงหย่งโหวครั้งที่แล้วเวินเฉวียนเซิ่งเคยมาที่นี่แล้ว ซ้ำยังหน้าหงายกลับไปภายในเวลาอันสั้นคนผู้นั้นไม่น่าจะมาอีกดังนั้นผู้มาเยือนอาจเป็นจงหย่งโหวส่วนอีกคนที่เหลือคงเป็นชุยเส้าเจ๋ออย่างไม่ต้องสงสัยพวกเขามากันทั้งครอบครัว ตกลงอยากทำสิ่งใดกันแน่?หลังเวินซื่อขมวดคิ้ว นางวางคัมภีร์ในมือลง “เช่นนั้นข้าจะออกไปดูสักหน่อย”“ศิษย์น้องหญิงไม่ต้องกลัว ข้าจะไปพร้อมเจ้า”เมื่อได้ยินว่านางจะออกไป ศิษย์พี่หญิงอู๋ขู่ที่ชอบไปมาหาสู่กับนางเอ่ยทันควัน“ศิษย์พี่หญิงอู๋ขู่วางใจ ครั้งนี้ไม่น่าจะมีเรื่องอะไร”เวินซื่อเอ่ยพร้อมยิ้ม“เช่นนั้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 132

    หลังจากตีเสร็จ จงหย่งโหวเงยหน้ามองเวินซื่อ เมื่อเห็นความเย็นชาบนใบหน้านาง ในใจเขาสับสนอย่างมาก“ขอโทษด้วย นางบหนูเวินซื่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องถอนหมั้นก่อนหน้านี้ หรือเรื่องยาหยกหิมะนั่น กระทั่งเรื่องน้อยใหญ่มากมายระหว่างนี้ ล้วนเป็นเพราะข้าสอนลูกไม่ดี จึงต้องทำให้เจ้าได้รับความลำบากมากมาย”ระหว่างที่พูด เขาทำท่าคารวะแสดงความขอโทษต่อเวินซื่อเวินซื่อชะงักไปทันทีการปรากฏตัวของจงหย่งโหวทำให้นางคาดเดาได้ ว่าวันนี้เวินหย่าลี่มีความเป็นไปได้ที่ต้องขอโทษนางแต่นางนึกไม่ถึง คนแรกที่ยอมก้มหัวขอขมานางจะกลายเป็นจงหย่งโหวเองหากบอกว่าไม่แปลกใจคงเสแสร้งทว่าต่อให้เป็นเช่นนั้น แต่ยามนี้ใจของเวินซื่อด้านชาไปนานแล้วแววตาของนางสั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นกลับสู่ความเย็นชาอย่างรวดเร็ว“การขอขมาของท่านโหว ข้าคงรับไว้ไม่ได้”“อะไรนะ? ! เวินซื่อ เจ้าอย่าให้มันเกินไป! ท่านพ่อข้าอุตส่าห์...”ชุยเส้าเจ๋อไม่นึกว่าเวินซื่อจะอวดดีถึงเพียงนี้นั่นบิดาของเขาเชียวนะ!เป็นถึงจงหย่งโหวแต่ขอโทษนางที่แม่ชีน้อยคนหนึ่งยังไม่พอหรือ? !“ยังไม่หุบปากอีกหรือ!”จงหย่งโหวถลึงตาใส่ลูกชายตัวเอง หลังจากชุยเส้าเจ๋อหุบปาก

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 133

    เวินซื่อ “?”เวินซื่อแคลงใจต่อคำพูดของเวินหย่าลี่มากเพราะนางนึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าเวินหย่าลี่จะมาขอขมานางจริง ซ้ำยังขอให้นางยกโทษให้หลังจากเวินซื่อครุ่นคิดสักครู่ คล้ายนึกถึงบางอย่างนางมองดูทั้งสามคนตรงหน้า พร้อมเอ่ยถาม “หากข้าไม่ยกโทษให้จะเป็นเช่นไรหรือ?”นางสงสัยมากวินาทีต่อมาสีหน้าเวินหย่าลี่เปลี่ยนทันควัน โมโหโทโส “ขอโทษเจ้าไปแล้ว ลูกชายข้าก็คุกเข่าทำความเคารพเจ้าแล้ว เจ้ายังจะเอาอย่างไรอีก? !”ดวงตาทั้งคู่ของเวินซื่อหรี่ลงเล็กน้อย เห็นท่าทางร้อนรนของเวินหย่าลี่ นางรู้ว่าตัวเองทายถูกแล้วที่แท้ก็ถูกผู้อื่นข่มขู่นี่เองมิน่าคนที่ยามปกติไม่ถูกคอกับนางมาตลอด จู่ ๆ ถึงได้ยอมมาก้มหัวขอโทษนางได้ส่วนใครจะเป็นผู้ข่มขู่นั้น...พูดตามตรง เวินซื่อไม่ต้องทายว่าเป็นใครก็รู้แล้วเพราะทั่วทั้งราชวงศ์ต้าหมิง ผู้ที่ทำให้จวนจงหย่งโหวจำเป็นต้องยอมก้มหัวให้ทั้งจวนมีเพียงสองคนเท่านั้นเวินซื่อแค่นหัวเราะทันใด “ข้าบอกไปแล้ว ข้าไม่ยอมรับการขอขมาของท่านโหว”“เวินซื่อ เจ้าอย่าให้มันเกินไปนัก!”ชุยเส้าเจ๋อกล่าวอย่างโมโห“เกินไปหรือ?”สีหน้าเวินซื่อเรียบเฉย “ต่อให้ข้าจะทำเกินไปอย่างไร ก็ไม

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 134

    “พี่สี่ ท่านเองก็สังเกตเห็นแล้วหรือ?”เวินเยวี่ยนั่งอยู่ในเรือนของเวินอวี้จือ กำลังระบายกับเขาด้วยแววตากลัดกลุ้ม“ตั้งแต่พี่หญิงห้าออกบวช พี่ใหญ่กับพี่รองยิ่งไม่เหมือนเดิมมากขึ้นเรื่อย ๆ เยวี่ยเอ๋อร์เองก็ไม่ทราบว่าตกลงเกิดเรื่องใดขึ้น แต่พวกเขาเป็นอย่างนี้ ทำให้เยวี่ยเอ๋อร์เป็นห่วงมากเจ้าค่ะ”หลังจากวันนั้นที่ไปฉลองวันเกิดให้เวินซื่อที่อารามสุ่ยเยว่ แค่เวินจื่อเฉินคนเดียวไม่เพียงทำร้ายชุยเส้าเจ๋อ หนำซ้ำยังไม่ยอมออกจากโถงบรรพชนเพราะถูกพี่ใหญ่ทำโทษต่อมาหากไม่ใช่เพราะเวินฉางอวิ้นถามเขา ว่าตกลงจะเตรียมของขวัญให้น้องห้าหรือไม่?เวินจื่อเฉินถึงได้รีบออกมาจากโถงบรรพชนทันทีนับจากนั้น เวินฉางอวิ้นและเวินจื่อเฉินมักจะออกไปข้างนอกหลายครั้งที่เวินเยวี่ยออดอ้อนอยากให้พวกเขาพานางไปพร้อมกัน สุดท้ายไม่ว่าเวินฉางอวิ้นหรือเวินจื่อเฉิน ทั้งสองคนไม่มีใครรับปากนางเรื่องนี้ทำให้เวินเยวี่ยรู้สึกถึงวิกฤตอย่างรุนแรงเวินเยวี่ยที่นั่งไม่ติดอีกต่อไปรีบมาหาเวินอวี้จือทันทีในบรรดาพี่น้องตระกูลเวินทั้งสี่คน หากจะบอกว่าใครฉลาดที่สุดความจริงไม่ใช่พี่ใหญ่อย่างเวินฉางอวิ้น แต่กลับเป็นคนขี้โรคอย่างเวินอวี

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 135

    หลังเวินอวี้จือรับปาก เวินเยวี่ยเซ้าซี้ถามเขาว่าจะทำอย่างไรเพราะอย่างไรนางก็ไม่ได้หวังให้เวินซื่อกลับมาจริงทว่าไม่ว่านางจะถามอย่างไร เวินอวี้จือก็ได้แต่ยิ้ม ไม่ได้พูดสิ่งใดเห็นได้ชัดว่าไม่อยากบอกวิธีการแก่เวินเยวี่ยนเพียงแต่ราวกับเขาอ่านใจเวินเยวี่ยทะลุปรุโปร่ง แค่เอ่ยรับประกัน “น้องหกวางใจได้ พี่สี่จะไม่ปล่อยให้นางคุกคามถึงตำแหน่งของเจ้าเด็ดขาด”ได้ยินคำพูดเช่นนี้กะทันหัน ทำให้จังหวะหัวใจของเวินเยวี่ยหยุดกึกวินาทีนั้นนางยังนึกว่า เวินอวี้จือมองเห็นแผนการทุกอย่างของนางอย่างแจ่มแจ้งชัดเจน นึกว่าธาตุแท้ของนางถูกเปิดโปงแล้วรอจนหลังจากเวินอวี้จือยกมือขึ้นลูบหัวนางอย่างเอ็นดู นางจึงเก็บอารมณ์เอาไว้อย่างกระวนกระวายเล็กน้อย ไม่กล้าถามต่อไปทว่าผ่านไปไม่นาน นางได้รับรู้แล้วว่าตกลงแผนการของเวินอวี้จือเป็นอย่างไรหลังจากเวินอวี้จือรับปากเวินเยวี่ย เขาคิดแต่แรกแล้วว่าไม่ลงมือด้วยตัวเองด้วยสุขภาพร่างกายของเขาคงตรากตรำลำบากมากไม่ได้ดังนั้นยามนี้เขาจึงไปหาอีกคนในบรรดาสี่พี่น้อง ซึ่งเป็นอีกคนเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่ได้หวั่นไหวเพราะการจากไปของเวินซื่อเวินจื่อเยวี่ย“พี่สาม ท่านกลับม

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 136

    ในขณะที่มือของเวินจื่อเยวี่ยใกล้สัมผัสประตูห้องเวินซื่อนั้น จู่ ๆ เขารู้สึกเย็นเยือกแผ่นหลัง จึงหันขวับ ซัดหมัดออกไปด้านหลังทันที“พลั่ก!”วินาทีที่หมัดและเท้าปะทะกัน เวินจื่อเยวี่ยจึงมองเห็นคนด้านหลังชัดเจนแต่จะบอกว่าชัดเจนก็ไม่ทั้งหมด เพราะอีกฝ่ายห่อหุ้มด้วยชุดพรางกายยามวิกาล นอกจากดวงตาคู่นั้นที่ยังเปิดเผย ส่วนอื่นหลอมรวมไปกับความมืดมิด“เจ้าคือผู้ใด!”เวินจื่อเยวี่ยเอ่ยถามเสียงเข้มจู๋เยวี่ยยื่นนิ้วชี้ออกมาวางไว้ตรงริมฝีปาก แล้วทำเสียงชู่ว์ “เสียงเบาหน่อย อย่าทำให้นางตื่น”เมื่อสิ้นเสียง กระบี่ในมือนางปรากฏ วินาทีต่อมาพุ่งไปที่หัวของเวินจื่อเยวี่ยเวินจื่อเยวี่ยโมโหทันที“ไม่ยอมพูด ถ้างั้นข้าก็ไม่เกรงใจเจ้าแล้ว!”มีดสั้นเล่มหนึ่งไถลออกมาจากแขนเสื้อของเขา จากนั้นชูมือขึ้น เกิดเสียงดังเคร้ง ต้านทานกระบี่ยาวของจู๋เยวี่ยเอาไว้ทั้งสองคนต่อสู้กันในเรือนของเวินซื่อทันที……วันรุ่งขึ้น เมื่อเวินซื่อสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา พอเปิดประตูห้อง มองเห็นสภาพเละเทะภายในเรือน สีหน้าบนใบหน้าแข็งค้างไปทันที“นี่...เกิดอะไรขึ้น? !”หนึ่งคืนผ่านไป สภาพภายในเรือนของนางราวกับถูกสัตว์ป่าโจมตีไ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 137

    “ทำไม ในสายตาคุณชายสามอย่างท่าน ขอเพียงไม่ได้วางยาให้ใครตาย ก็ถือว่าไม่ชั่วหรือ?”ดวงตาของเวินซื่อแดงก่ำ นางจ้องเขม็งไปที่เวินจื่อเยวี่ย “เช่นนั้นข้าอยากถามดู หากท่านไม่คิดจะวางยาให้ท่านตาย อย่างนั้นท่านต้องการทำสิ่งใดกันแน่? หา? ท่านพูดมาสิ!”“อยากให้ข้ากินยานี่เข้าไป แล้วพาข้ากลับไปที่จวนเจิ้นกั๋วกงหรือ? หรือว่าจับข้าขังเอาไว้ จะได้ให้น้องหกของท่านสังหารข้า? ทรมานข้า? หรือไม่เจ้าก็อยากจะผ่าท้องข้าอีกครั้งอย่างนั้นหรือ? !”เมื่อพูดมาถึงตอนท้าย เวินซื่อแทบควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่วินาทีนี้ความโกรธแค้นที่เก็บกดอยู่ในใจระเบิดออกมาอย่างสิ้นเชิงหลังจากนางพูดประโยคสุดท้ายออกไปด้วยความวู่วาม สายตาของอีกสามคนในเรือนตกใจ นางตระหนักถึงบางสิ่ง จึงหลับตาลง“ท่านอาจารย์ ศิษย์อยากไปสงบสติอารมณ์สักครู่ ท่านช่วยสอบสวนเขาแทนข้าทีเถอะเจ้าค่ะ”เวินซื่อพูดจนจบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย จากนั้นหันหลังวิ่งเข้าไปในห้องตัวเอง แล้วปิดประตูดัง “ปัง”กลับไม่รู้เลยว่าอีกสามคนที่อยู่ในเรือน จิตใจกำลังปั่นป่วนอย่างมากจากคำพูดของนางเมื่อสักครู่ม่อโฉวซือไท่กับจู๋เยวี่ยมองดูบานประตูที่ปิดสนิท“เมื่อคร

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 138

    ม่อโฉวซือไท่ชะงักไปสักครู่นางนึกไม่ถึงว่าภายในใจของเวินจื่อเยวี่ย คำตอบของคำถามนี้จะกลายเป็นเยี่ยงนี้แกรก...ประตูด้านหลังคล้ายถูกเปิดออก ม่อโฉวซือไท่จึงหันไปมองเป็นไปตามคาดเวินซื่อออกมาจากด้านในแล้ว“อู๋โยว...”ม่อโฉวซือไท่อยากพูดบางอย่าง แต่เวินซื่อฝืนยิ้มให้นาง “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ อาจารย์ ข้าใจเย็นลงแล้ว”แต่นึกไม่ถึงว่าพอออกมา กลับได้ยินคำพูดเหล่านี้เวินซื่อเดินไปหาเวินจื่อเยวี่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย นางยืนอยู่ตรงหน้าเขา เอ่ยถามเสียงเย็นชา “ท่านว่าข้าทำให้ท่านแม่ตายหรือ?”“ถูกต้อง เจ้านั่นแหละ!”ทั้งที่แววตาของเวินจื่อเยวี่ยยังอยู่ในสภาวะไม่ได้สติ แต่อารมณ์ของเขากลับฉุนเฉียวมาก“หากท่านแม่ไม่คลอดเจ้า ร่างกายของนางคงไม่ต้องมีโรคภัยที่สาหัสหลงเหลืออยู่เพราะคลอดยาก สุดท้ายยิ่งไม่ต้องจากไปเพราะโรคภัย!”หางตาของเวินจื่อเยวี่ยมีน้ำตาไหลรินสองข้าง แววตาที่เลื่อนลอยของเขาราวกับมองดูบางคนด้วยความโกรธแค้นผ่านบางสิ่งเวินซื่อรู้ว่าคือใคร นางไม่หลบ ยืนอยู่อย่างนั้น“ทั้งที่ท่านแม่เคยบอกว่าจะเติบโตไปพร้อมพวกเรา แต่ท่านแม่ผิดคำพูด ท่านแม่บอกว่าไม่เป็นไร เพราะท่านแม่ชอบน้องสาว และเพื

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 310

    ขวานในมือของเวินจื่อเฉินชะงักงันในทันใดไม่ใช่เพราะประโยคสุดท้ายของเวินอวี้จือแต่เป็นเพราะเขานึกขึ้นได้อย่างฉับพลัน หากเวินเยวี่ยได้ขึ้นเป็นสนมจริง ด้วยอุปนิสัยของนาง คงไม่มีวันปล่อยน้องสาวของเขาไปเด็ดขาดแม้ว่าอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนจะยินดีให้ท้ายน้องสาวของเขา แต่การสนับสนุนเช่นนี้จะอยู่ต่อไปได้นานแค่ไหน?หากต่อไปฝ่าบาทก็ยืนอยู่ข้างเวินเยวี่ย อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่เป็นฝ่ายปกป้องราชสำนักอยู่แล้ว จะปกป้องน้องสาวของเขาต่อไปหรือไม่?เวินจื่อเฉินนึกถึงความเป็นไปได้นั้น ต่อให้มีความเป็นไปได้น้อยมาก ก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าหากถึงเวลานั้นจริง ๆ เขาที่กลายเป็นสามัญชนแล้วจะปกป้องน้องสาวได้อย่างไรอีก?เวินจื่อเฉินก็รู้สึกหนาวสั่นทั้งตัวในทันใดเขาวางขวานลง แล้วหมุนตัวมองไปทางเวินอวี้จือ “ที่พวกเจ้าบอกว่าฝ่าบาทต้องการรับเวินเยวี่ยเข้าวังเป็นสนมนั้นเป็นเรื่องจริงหรือ?”“เป็นความจริงแน่นอน!”เวินจื่อเยวี่ยยืนขึ้นพร้อมกับกล่าวว่า “เรื่องนี้ฝ่าบาทตรัสเองในงานเลี้ยงใหญ่ในวันเหมายันด้วยพระองค์เอง ถึงกับให้นางอยู่ในวังเพื่อเรียนรู้กฎระเบียบ รอให้นางเรียนรู้กฎระเบียบเสร็จสิ้นแล้วจะแต่งตั้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 309

    “เสียใจอะไร?”เวินจื่อเฉินขมวดคิ้ว มองดูทั้งสองด้วยความไม่เข้าใจ “ตอนนี้ข้ามีชีวิตที่ดีมาก”แม้ว่าจะตัดขาดจากความรุ่งโรจน์และมั่งคั่งของจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ใช้ชีวิตเหน็ดเหนื่อยขึ้นเล็กน้อย ยุ่งขึ้นเล็กน้อยแต่ชีวิตแบบนี้กลับทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายทางจิตใจอย่างที่ไม่เคยได้เจอมานานโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากถูกงูพิษกัดในครั้งนั้น เขาสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ท่าทีของน้องสาวที่มีต่อเขาผ่อนคลายลงบ้างแล้วแม้ว่าเขาจะยังไปพบน้องสาวไม่ได้ แต่สิ่งของที่เขาส่งไปที่อารามสุ่ยเยว่ก็ไม่เคยถูกส่งคืนมาเวินจื่อเฉินรู้สึกว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ สักวันหนึ่งน้องสาวจะให้อภัยเขาดังนั้นเขาจึงไม่เสียใจ“พวกเจ้ามาหาข้าด้วยธุระอันใด? รีบบอกมาเร็ว อย่าทำให้ข้าเสียเวลาทำงานอีกเลย”ค่าจ้างของเขาในวันนี้จะคิดเป็นชั่วยามหากทำงานน้อยลง ค่าจ้างก็จะถูกคนอื่นหักไปเวินจื่อเฉินยังต้องการหาเงินให้มากขึ้นเพื่อซื้อขนมอบให้น้องสาว ไม่อยากให้ค่าจ้างของตัวเองถูกหักไปเวินจื่อเยวี่ยมองดูเวินจื่อเฉินในสภาพเช่นนี้ ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกรังเกียจ “ข้าว่านะพี่รอง ท่านดูสิว่าตอนนี้ท่านอยู่ในสภาพไหน? ผมคลุกฝุ่น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 308

    สายตาของเวินเฉวียนเซิ่งถอนกลับจากภายนอกอย่างช้า ๆ เขาเหลือบมองขาของเวินจื่อเยวี่ยอย่างเฉยชา“ยังไม่รู้ว่าเป็นนางจริง ๆ หรือเปล่า แต่คาดเดาว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับนางอย่างตัดไม่ขาด”“ข้ารู้อยู่แล้ว!”เวินจื่อเยวี่ยพูดอย่างโกรธเคือง “เวินซื่อจะไม่ปล่อยน้องหกไปแน่! คราวก่อนก็ใส่ร้ายน้องหกว่าขโมยกระดูกของท่านแม่ไป ตอนนี้แทนที่จะยอมรับผิดกลับเล่นงานฝ่ายตรงข้าม ซ้ำยังกล้าโกหกและร้องเรียนต่อฝ่าบาท ทำให้น้องหกถูกขังไว้ในวัง!”เมื่อได้ยินคำพูดครึ่งแรกของเวินจื่อเยวี่ย เวินเฉวียนเซิ่งก็นิ่งไปเล็กน้อยแต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไรสักอย่าง“ในเมื่อมีความเกี่ยวข้องกับเวินซื่อ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไม่ต้องไปหานางอีกหรือ?”เวินอวี้จือขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ค่อยอยากจะไปพบเวินซื่อสักเท่าใด“ถ้าพวกเจ้าไม่อยากไป ก็สามารถไปหาพี่รองของพวกเจ้าได้”เวินเฉวียนเซิ่งเสนอความคิดให้พวกเขาอย่างเฉยชาเมื่อเวินอวี้จือได้ยินดังนั้น ก็ลูบคางเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรขึ้นมาเวินจื่อเยวี่ยลังเลเล็กน้อย “พี่รองเขาจะตอบตกลงไหม?”ครั้งที่แล้วตอนที่เวินจื่อเฉินออกจากจวนเจิ้นกั๋วกง ก็เอะอะโวยวายกว่าพี่ใหญ่เสียอีกสีหน้ามีแว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 307

    “ท่านพ่ออีกคน ท่านก็เหมือนกัน ลูกรู้ว่าท่านลำเอียงเข้าข้างน้องหก แต่หัวใจของท่านก็อย่าเอนเอียงจนเกินไป!”เวินฉางอวิ้นจ้องเขม็งใส่บิดาท่านนี้ที่เขาเคยเคารพศรัทธามาโดยตลอดทั้ง ๆ ที่เคยเป็นแบบอย่างที่เขาอยากเดินตาม แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าอะไร ๆ ล้วนไม่จริง!ตัวตนของน้องหกก็ไม่จริงความรู้สึกของพ่อที่มีต่อแม่ก็ไม่จริงยังมีภาพลักษณ์พี่ชายที่ดีที่สุดในเมืองหลวงของเขา ก็ไม่จริงเช่นกัน!เขาไม่สมควรที่จะเรียกตัวเองแบบนั้น!เมื่อนึกขึ้นมาในตอนนี้ เขารู้สึกเสียใจมากจริง ๆทั้ง ๆ ที่เขาเป็นพี่ชายคนโตของครอบครัวนี้ แต่กลับไม่ห้ามน้องสาวออกบวช และไม่ได้เกลี้ยกล่อมน้องชายที่ออกจากบ้านให้กลับมาบัดนี้เมื่อเขาได้สติในที่สุด ก็ได้สูญเสียน้องห้าและน้องรองไปแล้วเวินฉางอวิ้นมองดูน้องชายสองคนที่เหลืออยู่ในบ้าน มองดูพวกเขาเหมือนกับตัวเองเมื่อก่อนทุกประการ ท่าทางไม่มีสติเลยแม้แต่นิดเดียวเขาอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “น้องสาม น้องสี่ ดูแลครอบครัวนี้ให้ดี หากพวกเจ้ายังไม่ได้สติอีกล่ะก็ ครอบครัวนี้ก็จะแตกแยกจริง ๆ แล้ว!น่าเสียดายที่เวินจื่อเยวี่ยไม่เข้าใจเวินอวี้จือก็ไม่เข้าใจเช่นกันพวกเขามองพี่ใหญ่ท

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 306

    การระเบิดคำถามอย่างกะทันหันของเวินฉางอวิ้น ทำให้ทั้งเวินจื่อเยวี่ยและเวินอวี้จือที่ตั้งใจจะคุยกับเวินจื่อเยวี่ยตกตะลึงไปเวินเฉวียนเซิ่งไม่ได้เอ่ยปาก เพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางเหลือบมองเวินฉางอวิ้นเวินจื่อเยวี่ยเปิดปาก อยากจะพูดบางอย่างเพื่อโต้แย้ง แต่สุดท้ายก็แค่บ่นด้วยความอึดอัดใจ “นั่นจะโทษตัวนางก็ไม่ได้ และไม่ใช่พวกเราที่บีบบังคับให้นางออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงให้ได้นี่”เวินฉางอวิ้นยิ้มเยาะ โยนมาให้เขาแล้ว พลางเอ่ยอย่างราบเรียบ “น้องสาม ดวงตาของเจ้าบอดแล้ว ข้าก็เช่นกัน พวกเราทุกคนก็เช่นเดียวกัน”“มีเพียงน้องรองเท่านั้นที่ได้สติแล้ว เขาเข้าใจทุกอย่าง ดังนั้นจึงไปจากบ้านหลังนี้โดยไม่ยอมหวนกลับเหมือนน้องห้า”“ได้สติอะไร แค่ออกไปเป็นคนโง่เท่านั้นเอง”เวินจื่อเยวี่ยกล่าวอย่างไม่แยแส“พี่ใหญ่ ท่านไม่ได้แอบไปดูหรือ? เขาออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงของเรา แม้แต่ที่อยู่อาศัยของตัวเองยังหาไม่ได้ด้วยซ้ำ ทำได้เพียงออกไปสร้างกระท่อมฟางโทรม ๆ เหมือนขอทาน นี่น่ะหรือได้สติอย่างที่พี่ใหญ่ว่า? ข้าว่าเขาเป็นแค่เรื่องขำขันมากกว่า”แต่เวินฉางอวิ้นกลับเหลือบมองเขาด้วยสีหน้าเวทนา“เจ้าบอกว่าน้องรองเสียสติ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 305

    จวนเจิ้นกั๋วกงห้องหนังสือ“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ ข้าไม่นึกเลยว่าพวกท่านจะปฏิบัติกับน้องหกแบบนี้!”“พวกท่านรู้ดีว่าวังหลังนั่นคือสถานที่อะไร รู้ดีว่าพระองค์เกรงกลัวจวนเจิ้นกั๋วกงของเราแค่ไหน พวกท่านยังกล้าวางใจทิ้งน้องหกไว้ที่นั่นอีก!”“ถ้าน้องหกอยู่ในวังถูกข่มเหงรังแกจะทำอย่างไร? หากพวกเราไม่ได้อยู่ใกล้ตัวนาง ใครจะสามารถปกป้องนางได้?!”“ได้ ได้! ในเมื่อพวกท่านไม่ไปหานาง ถ้าอย่างนั้นข้าจะไป!”“หากรู้ตั้งแต่แรกว่าวันนั้นหลังจากน้องหกตามพวกท่านเข้าวังไปแล้ว จะถูกพวกท่านทิ้งไว้ที่นั่นล่ะก็ ต่อให้ขาข้างนี้ของข้าต้องพิการก็จะตามพวกท่านเข้าวังไปด้วย!”สกุลเวินในเวลานี้เกิดการโต้เถียงใหญ่โตมาสองวันแล้ว เพราะเรื่องที่เวินเยวี่ยเข้าวังพูดให้ถูกก็คือ ส่วนใหญ่เป็นการโวยวายเพียงฝ่ายเดียวของเวินจื่อเยวี่ยเป็นหลักแม้ว่าเวินอวี้จือจะไม่เอะอะโวยวายเหมือนกับเวินจื่อเยวี่ย แต่ทุกครั้งเมื่อเวินจื่อเยวี่ยเสียงดัง โดยพื้นฐานเขาก็ยืนอยู่ข้างเวินจื่อเยวี่ยเสมอส่วนพ่อลูกคู่นี้เวินเฉวียนเซิ่งและเวินฉางอวิ้น ทั้งสองนั้นมีนิสัยใจคอเหมือนกัน ในตอนแรก ๆ ยังสามารถอดทนไว้ได้ อธิบายให้พวกเข้าฟังอย่างใจเย็น ไม่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 304

    เหลียงหมอมอคือคนเก่าคนแก่ที่อยู่ข้างกายองค์ไทเฮา และไทเฮาก็เจาะจงสั่งให้มาอบรมกฎเกณฑ์แก่เวินเยวี่ยดังนั้นนางจึงตอบปฏิเสธคำร้องขอของเวินเยวี่ยอย่างไม่ลังเล “ขออภัยด้วยคุณหนูหกสกุลเวิน เนื้อตัวของท่านมีกลิ่นอายชนบทมากเกินไป เพื่อให้ท่านได้เรียนรู้กฎเกณฑ์และกลายเป็นผู้สูงศักดิ์ในวังได้โดยเร็ว บ่าวจึงต้องเข้มงวดกับท่านเล็กน้อย”เมื่อได้ยินคำว่า “กลิ่นอายชนบทมากเกินไป” สีหน้าของเวินเยวี่ยก็บึ้งตึงขึ้นมาอย่างทนไม่ไหวทันทีนังแก่นี่กล้าดูหมิ่นนางได้อย่างไร?เวินเยวี่ยกัดฟันด้วยความโกรธ พลางข่มไฟโทสะไว้ “แต่ว่าพระองค์ตกหลุมรักข้าตั้งแต่แรกเห็น หากข้าไม่ทันระวังได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าในขณะที่เรียนรู้กฎเกณฑ์จากท่าน เกรงว่าหมอมอจะลำบากกระมัง?”ลูกไม้ตื้น ๆ แบบเวินเยวี่ยนี้ เหลียงหมอมอเคยเห็นมามากแล้วนางยิ้มเล็กน้อย “คุณหนูหกสกุลเวิน คำพูดของท่านนั้นไม่ถูกต้อง”เวินเยวี่ยไม่แยแส “ตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง?”“ไม่มีตรงไหนถูกต้องเลย พระองค์ทรงตกหลุมรักท่านตั้งแต่แรกเห็น ต้องการรับท่านเข้าวังในฐานะพระสนม ดังนั้นถึงให้ท่านเข้ามาเรียนรู้กฎเกณฑ์ในตำหนักของไทเฮา แต่ตอนนี้ท่านไม่เพียงแต่ไม่ตั้งใจเรียนรู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 303

    เวินฉางอวิ้นทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ“ไม่ใช่ขนมอบถั่วเขียวหรือ? ถ้าอย่างนั้นก็เป็นขนมกุ้ยฮวา?”รอยยิ้มบนใบหน้าของเวินซื่อสดใสขึ้น แต่ก็เย็นชาลงเช่นกัน “ขนมกุ้ยฮวา พี่ใหญ่แน่ใจหรือ? คิดว่าเป็นขนมกุ้ยฮวาจริงหรือ? ไม่อย่างนั้นพี่ใหญ่ลองเดาดูอีกครั้ง เพราะถึงอย่างไรทุกครั้งท่านก็เดาแม่นเช่นนี้เสมอ ทำไมไม่ลองดูหน่อยว่า น้องสาวที่น่ารำคาญอย่างข้าผู้นี้ มีของที่ไม่ชอบกินที่สุดมากน้อยแค่ไหนกันแน่?”ใบหน้าของเวินฉางอวิ้นซีดเผือดอีกครั้งในชั่วประเดี๋ยวเดียว“ช่างมันเถอะ ข้าชอบกินอะไรมันเกี่ยวอะไรกับพี่ใหญ่ด้วยเล่า เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ พี่ใหญ่จำไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ”น้ำเสียงของเวินซื่อเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน “เพราะถึงอย่างไรต่อให้ข้าไม่กิน แต่ก็ยังมีคนหนึ่งที่ชอบกินอย่างไรเล่า พี่ใหญ่รีบห่อกลับไปให้น้องสาวสุดที่รักผู้นั้นที่ท่านรักสุดหัวใจเถิด”“ไม่ใช่นะ...น้องห้าเจ้าฟังพี่ใหญ่อธิบายก่อน พี่ใหญ่ไม่ได้ตั้งใจซื้อขนมอบถั่วเขียวที่เจ้าเกลียดมาให้ เพียงแต่ตอนนั้นซื้อไปโดย...จิตใต้สำนึก”เวินฉางอวิ้นร้อนใจจนพูดจาไม่คล่อง พูดถึงตอนท้ายเขาเองยังรู้สึกอับอายยิ่งกว่าเดิมเมื่อคิดดูอย่างรอบคอบ ขนมอบถั

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 302

    “หากข้ากล้าทำเช่นนั้น ข้าก็ไม่ใช่คน ขอให้ฟ้าผ่าลงทัณฑ์ข้า!”เวินฉางอวิ้นยืนรับรองอยู่ข้างนอกอารามสุ่ยเยว่เป็นเวลาครึ่งชั่วยามแล้ว ลำคอแทบแห้งผาก ซือไท่เหล่านั้นถึงผ่อนคลายลง รับปากว่าจะช่วยเข้าไปพูดให้เขาแต่น่าเสียดายเหล่าซือไท่รับปากว่าจะบอกให้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเวินซื่อจะตกลงออกไป“ไม่ไป”แค่สองคำที่มีกลับมาถึงเบื้องหน้าเวินฉางอวิ้นเวินฉางอวิ้นมีหรือจะยอมแพ้ง่าย ๆ เช่นนี้“เหล่าซือไท่ได้โปรดช่วยเกลี้ยกล่อมน้องสาวของข้าอีกครั้ง ข้าแค่อยากเห็นหน้านางเท่านั้น”“ไม่ได้ ธิดาศักดิ์สิทธิ์บอกไปแล้วว่าจะไม่พบท่านก็คือไม่พบท่าน ท่านอย่ามาเสียเวลาที่นี่เลยดีกว่า รีบกลับไปเสียเถอะ”เหล่าซือไท่ที่ไม่ถูกชะตากับจวนเจิ้นกั๋วกงอยู่แล้ว หลังจากส่งต่อคำพูดจบแล้วก็รีบขับไล่เขาทันที ไม่อยากให้เวินฉางอวิ้นอยู่หน้าอารามสุ่ยเยว่ของพวกนางนานไปกว่านี้แม้แต่นิดเดียวแต่พวกนางนึกไม่ถึงว่าวันนี้ขับไล่ไป แต่หลังจากนี้เวินฉางอวิ้นก็มาอีกทุกวันทันทีที่เสร็จงานในช่วงบ่าย ไม่ได้กลับไปที่จวนเจิ้นกั๋วกงด้วยซ้ำก็ตรงมาที่อารามสุ่ยเยว่เลยมาเคาะประตูทุกวัน รบกวนจนเหล่าซือไท่หาความสงบสุขไม่ได้สุดท้ายก็ต้อ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status