แชร์

บทที่ 136

ผู้เขียน: จิ้งซิง
ในขณะที่มือของเวินจื่อเยวี่ยใกล้สัมผัสประตูห้องเวินซื่อนั้น จู่ ๆ เขารู้สึกเย็นเยือกแผ่นหลัง จึงหันขวับ ซัดหมัดออกไปด้านหลังทันที

“พลั่ก!”

วินาทีที่หมัดและเท้าปะทะกัน เวินจื่อเยวี่ยจึงมองเห็นคนด้านหลังชัดเจน

แต่จะบอกว่าชัดเจนก็ไม่ทั้งหมด เพราะอีกฝ่ายห่อหุ้มด้วยชุดพรางกายยามวิกาล นอกจากดวงตาคู่นั้นที่ยังเปิดเผย ส่วนอื่นหลอมรวมไปกับความมืดมิด

“เจ้าคือผู้ใด!”

เวินจื่อเยวี่ยเอ่ยถามเสียงเข้ม

จู๋เยวี่ยยื่นนิ้วชี้ออกมาวางไว้ตรงริมฝีปาก แล้วทำเสียงชู่ว์ “เสียงเบาหน่อย อย่าทำให้นางตื่น”

เมื่อสิ้นเสียง กระบี่ในมือนางปรากฏ วินาทีต่อมาพุ่งไปที่หัวของเวินจื่อเยวี่ย

เวินจื่อเยวี่ยโมโหทันที

“ไม่ยอมพูด ถ้างั้นข้าก็ไม่เกรงใจเจ้าแล้ว!”

มีดสั้นเล่มหนึ่งไถลออกมาจากแขนเสื้อของเขา จากนั้นชูมือขึ้น เกิดเสียงดังเคร้ง ต้านทานกระบี่ยาวของจู๋เยวี่ยเอาไว้

ทั้งสองคนต่อสู้กันในเรือนของเวินซื่อทันที

……

วันรุ่งขึ้น เมื่อเวินซื่อสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา พอเปิดประตูห้อง มองเห็นสภาพเละเทะภายในเรือน สีหน้าบนใบหน้าแข็งค้างไปทันที

“นี่...เกิดอะไรขึ้น? !”

หนึ่งคืนผ่านไป สภาพภายในเรือนของนางราวกับถูกสัตว์ป่าโจมตีไ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (3)
goodnovel comment avatar
Jocky Tagool
ชาติที่แล้ว พี่คนนี้เป็นคนกรีดท้องนางเอกไม่ใช่เหรอ มีอะไรไม่อยากจะเชื่ออีกกะอีแค่วางยา
goodnovel comment avatar
Pusanisa Nok Siriwuth
ชอบค่ะ สนุกน่าติดตาม เอาใจช่วยเวินซื่อ นะ อย่ามีเลยพี่ชาย กับพ่อแบบนี้
goodnovel comment avatar
WLFJ
แล้วไงอ่ะ มาวางยาคนอื่นเค้าอ่ะ เลว น้องสาวแท้ๆ ของตัวเองนะ ออกจากจวนมาแล้ว ยังมาวุ่นวายอีก
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 137

    “ทำไม ในสายตาคุณชายสามอย่างท่าน ขอเพียงไม่ได้วางยาให้ใครตาย ก็ถือว่าไม่ชั่วหรือ?”ดวงตาของเวินซื่อแดงก่ำ นางจ้องเขม็งไปที่เวินจื่อเยวี่ย “เช่นนั้นข้าอยากถามดู หากท่านไม่คิดจะวางยาให้ท่านตาย อย่างนั้นท่านต้องการทำสิ่งใดกันแน่? หา? ท่านพูดมาสิ!”“อยากให้ข้ากินยานี่เข้าไป แล้วพาข้ากลับไปที่จวนเจิ้นกั๋วกงหรือ? หรือว่าจับข้าขังเอาไว้ จะได้ให้น้องหกของท่านสังหารข้า? ทรมานข้า? หรือไม่เจ้าก็อยากจะผ่าท้องข้าอีกครั้งอย่างนั้นหรือ? !”เมื่อพูดมาถึงตอนท้าย เวินซื่อแทบควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่วินาทีนี้ความโกรธแค้นที่เก็บกดอยู่ในใจระเบิดออกมาอย่างสิ้นเชิงหลังจากนางพูดประโยคสุดท้ายออกไปด้วยความวู่วาม สายตาของอีกสามคนในเรือนตกใจ นางตระหนักถึงบางสิ่ง จึงหลับตาลง“ท่านอาจารย์ ศิษย์อยากไปสงบสติอารมณ์สักครู่ ท่านช่วยสอบสวนเขาแทนข้าทีเถอะเจ้าค่ะ”เวินซื่อพูดจนจบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย จากนั้นหันหลังวิ่งเข้าไปในห้องตัวเอง แล้วปิดประตูดัง “ปัง”กลับไม่รู้เลยว่าอีกสามคนที่อยู่ในเรือน จิตใจกำลังปั่นป่วนอย่างมากจากคำพูดของนางเมื่อสักครู่ม่อโฉวซือไท่กับจู๋เยวี่ยมองดูบานประตูที่ปิดสนิท“เมื่อคร

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 138

    ม่อโฉวซือไท่ชะงักไปสักครู่นางนึกไม่ถึงว่าภายในใจของเวินจื่อเยวี่ย คำตอบของคำถามนี้จะกลายเป็นเยี่ยงนี้แกรก...ประตูด้านหลังคล้ายถูกเปิดออก ม่อโฉวซือไท่จึงหันไปมองเป็นไปตามคาดเวินซื่อออกมาจากด้านในแล้ว“อู๋โยว...”ม่อโฉวซือไท่อยากพูดบางอย่าง แต่เวินซื่อฝืนยิ้มให้นาง “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ อาจารย์ ข้าใจเย็นลงแล้ว”แต่นึกไม่ถึงว่าพอออกมา กลับได้ยินคำพูดเหล่านี้เวินซื่อเดินไปหาเวินจื่อเยวี่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย นางยืนอยู่ตรงหน้าเขา เอ่ยถามเสียงเย็นชา “ท่านว่าข้าทำให้ท่านแม่ตายหรือ?”“ถูกต้อง เจ้านั่นแหละ!”ทั้งที่แววตาของเวินจื่อเยวี่ยยังอยู่ในสภาวะไม่ได้สติ แต่อารมณ์ของเขากลับฉุนเฉียวมาก“หากท่านแม่ไม่คลอดเจ้า ร่างกายของนางคงไม่ต้องมีโรคภัยที่สาหัสหลงเหลืออยู่เพราะคลอดยาก สุดท้ายยิ่งไม่ต้องจากไปเพราะโรคภัย!”หางตาของเวินจื่อเยวี่ยมีน้ำตาไหลรินสองข้าง แววตาที่เลื่อนลอยของเขาราวกับมองดูบางคนด้วยความโกรธแค้นผ่านบางสิ่งเวินซื่อรู้ว่าคือใคร นางไม่หลบ ยืนอยู่อย่างนั้น“ทั้งที่ท่านแม่เคยบอกว่าจะเติบโตไปพร้อมพวกเรา แต่ท่านแม่ผิดคำพูด ท่านแม่บอกว่าไม่เป็นไร เพราะท่านแม่ชอบน้องสาว และเพื

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 139

    ม่อโฉวซือไท่เดินไปข้างหน้า ยื่นมือไปดึงนางมากอด“เด็กดี ไม่ต้องเป็นห่วง จื่อจวินคือผู้ที่อ่อนโยนที่สุดบนโลกใบนี้ นางจะเข้าใจเจ้า”แต่สิ่งที่ม่อโฉวซือไท่ไม่ได้บอกคือแต่หากแม่เจ้าได้รับรู้ความเสียใจของเจ้า และความเจ็บปวดพวกนั้นที่เจ้าได้ประสบ นางคงจะเสียใจอย่างแท้จริงกระมังม่อโฉวซือไท่หลับตาลงอย่างอดไม่ได้ในใจนางกำลังพร่ำบอก ขอโทษนะ จื่อจวิน ที่ข้าไม่ได้ดูแลพวกลูกของเจ้าให้ดีโชคดีที่ลูกสาวของเจ้าเข้มแข็งเหมือนเจ้าในตอนนั้นนางไม่ได้พ่ายแพ้เพียงแต่ เด็กที่เข้มแข็งมักจะต้องลำบากกว่ามากม่อโฉวซือไท่ลูบหัวของเวินซื่ออย่างสงสาร รอคอยให้นางร้องไห้เสร็จเงียบ ๆหลังจากร้องไห้ไปสักครู่ ในที่สุดเวินซื่อจึงสงบสติอารมณ์ได้อีกครั้งนางมองดูหัวไหล่ของอาจารย์ที่เปื้อนคราบน้ำตาของนางเป็นวงอย่างละอายใจ“ขอโทษเจ้าค่ะท่านอาจารย์ ข้าดูเหมือนชอบร้องไห้มากไปหน่อย”ความจริงเวินซื่อไม่ถือว่าเข้มแข็งนางเป็นคนบอบบางมาตั้งแต่เด็ก อีกทั้งยังโตมาจากการประคบประหงมของจวนเจิ้นกั๋วกงดังนั้นชาติที่แล้วจึงถูกเวินเยวี่ยเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้าอย่างง่ายดายชาตินี้แม้นางจะยังบอบบางอยู่บ้าง แต่โชคดีที่ครั้ง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 140

    ระยะเวลาห่างจากที่เวินจื่อเยวี่ยไปหาเวินซื่อที่อารามสุ่ยเยว่เป็นเวลาสองวันสองคืนแล้วเวินอวี้จือไม่รู้ว่าตกลงเกิดอะไรขึ้น หรือว่าขณะที่เวินจื่อเยวี่ยวางยามีใครมาพบเห็นเข้า?แต่หากถูกจับได้จริง ทำไมจนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดเลยในขณะที่เวินอวี้จือกำลังคิดว่าจะส่งคนไปดูสถานการณ์ที่อารามสุ่ยเยว่หรือไม่ ในที่สุดเวินจื่อเยวี่ยก็กลับมาข้างนอกท้องฟ้ามืดสนิท ตอนเวินจื่อเยวี่ยกลับมา เวินอวี้จือเตรียมตัวเข้านอนบ่าวรับใช้ได้ยินเสียงเคาะประตู “ใครนะ?”“ข้า เวินจื่อเยวี่ย”เวินอวี้จือที่เตรียมจะเอนกายนอนหยุดทันที แล้วสั่งให้บ่าวเปิดประตู“คุณชายสาม”หลังจากเวินจื่อเยวี่ยเข้าไปในห้องจึงพูดกับบ่าว “เจ้าออกไปก่อนเถอะ ข้ามีธุระจะคุยกับน้องสี่”บ่าวย่อมไม่ได้จากไปทันที กลับหันมองคำสั่งทางสายตาของคุณชายผู้เป็นนายตน จึงหันหลังจากไปพร้อมปิดประตูห้องให้เรียบร้อย“พี่สาม ทำไมผ่านไปตั้งนานแล้วท่านเพิ่งกลับมา? เวินซื่อล่ะ? ท่านไม่ได้พานางกลับมาด้วยหรือ?”เวินอวี้จือสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วนั่งลงข้างเตียง พร้อมเอ่ยถามก่อน‘หากเวินอวี้จือถามเจ้า เจ้าบอกว่า…’ดวงตาของเวินจื่อเยวี่ยเ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 141

    เวินเฉวียนเซิ่งไม่ได้ให้นางไป เพียงแต่สั่งเวินจื่อเยวี่ยเสียงหนึ่งเวินจื่อเยวี่ยลุกขึ้นอย่างช้าๆ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะลุกออกจากโต๊ะ ก็มีเสียงฝีเท้าที่รีบร้อนดังมาจากข้างนอก“แย่แล้วๆ !”เวินเฉวียนเซิ่งและคนอื่นๆ ต่างเงยหน้าขึ้นมองเห็นเพียงข้ารับใช้ที่คอยปรนนิบัติในเรือนของเวินอวี้จือวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน จากนั้นเอ่ยขึ้นด้วยความร้อนรน “ท่านกั๋วกง คุณชายใหญ่ รีบไปดูคุณชายสี่เถิด เขาเกิดเรื่องแล้ว!”คนที่อยู่ที่โต๊ะต่างพากันลุกขึ้นยืน“เกิดอะไรขึ้น? เจ้าสี่ป่วยอีกแล้วหรือ?”“ไม่ใช่ป่วย...”ข้ารับใช้รู้สึกร้อนใจจนเกือบจะร้องไห้ “คุณชายสี่ เขา...จู่ๆ เขาก็พูดไม่ได้แล้วขอรับ!”“อะไรนะ?!”……ครู่ต่อมา คนในสกุลเวินหลายคนล้อมอยู่หน้าเตียงของเวินอวี้จือ รอคอยผลการวินิจฉัยของหมอด้วยความกังวลหมอผู้เฒ่าตรวจชีพจรเสร็จ ก็ขมวดคิ้วพลางดึงมือกลับ“ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ คุณชายสี่ได้กินอะไรผิดปกติไปบ้างหรือไม่?”เวินฉางอวิ้นส่ายหัว “เจ้าสี่ร่างกายไม่แข็งแรง ปกติแล้วก็ต้องดื่มยาบำรุงมากมาย ทำให้เบื่ออาหาร โดยทั่วไปนอกจากอาหารมื้อหลักแล้ว ก็จะไม่กินอะไรอย่างอื่นอีก”“เช่นนั้นได้ไปสัมผ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 142

    ทันทีที่บ่าวรับใช้ค้นพบห้องลับในห้องของเจ้าสี่ เวินเฉวียนเซิ่งก็รู้ว่าเรื่องนี้คงไม่ง่ายดายอย่างที่คิด“ดังนั้นจึงยังไม่ได้สั่งให้คนเข้าไปตรวจสอบสถานการณ์ภายในทันทีหมอหลวงหลี่ผู้มากประสบการณ์ทำราวกับไม่ได้ยินอะไร ยังคงตั้งใจตรวจสอบผงยาในขวดต่อไปแต่หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยามเต็ม หมอหลวงหลี่ก็แสดงสีหน้าเคร่งเครียด แล้วเอ่ยกับเวินเฉวียนเซิ่ง “ท่านเจิ้นกั๋วกง ครั้งนี้ข้าน้อยเกรงว่าคงไร้ความสามารถ”เวินเฉวียนเซิ่งไม่คาดคิดว่าพิษนี้จะร้ายแรงถึงขนาดทำให้หมอหลวงหลี่ผู้นี้ถึงกับเอ่ยปากว่าไร้ความสามารถ“หมอหลวงหลี่ พิษนี้มันอะไรกันแน่? เหตุใดถึงร้ายแรงเช่นนี้?”“พิษนี้ยากจะแก้ไขก็ตรงที่ส่วนผสมของยาที่ใช้มีความซับซ้อนมาก แถมยังผสมสมุนไพรพิษที่หายากยิ่งชนิดหนึ่งเข้าไปด้วย มีชื่อว่าเกล็ดงูแดง”“เป็นเพราะสมุนไพรพิษชนิดนี้ ข้าน้อยจึงบอกว่าไร้ความสามารถ เพราะมันจะแก้พิษได้ก็ต่อเมื่อใช้ดอกงูเขียวซึ่งหายากพอๆ กัน แต่ดอกงูเขียวที่มีอยู่เพียงหนึ่งเดียวในเมืองหลวงถูกใช้ไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ตอนนี้อยากจะหาอีกสักต้น ก็ยากยิ่งนัก”ท่ามกลางเสียงถอนหายใจของหมอหลวงหลี่ สีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งและคนอื่นๆ ก็

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 143

    “พยักหน้าที ส่ายหน้าที เจ้าหมายความว่าอย่างไรกันแน่?”เวินฉางอวิ้นเริ่มไม่เข้าใจแล้วแต่เขาไม่รู้เลยว่า เวินอวี้จือนั้นอัดอั้นตันใจเป็นอย่างมากยาเชื่องฟังนั้นเป็นของเขา แต่ก็ไม่ใช่ของเขา!ยาเชื่องฟังของเขาไม่มีทางทำให้คนเป็นใบ้อยู่แล้ว และไม่ได้ทำให้คนอ่อนแรงด้วย!เมื่อนึกถึงว่าเวินจื่อเยวี่ยเป็นคนนำขวดยานี้กลับมา เวินอวี้จือก็หันไปมองเขาในทันทีรีบพูดสิ ท่านรีบพูดมาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?ใครกันที่ทำอะไรกับยาเชื่องฟังของเขา!เป็นฝีมือของเวินซื่อ? หรือว่าคนชุดดำนั่น?ในตอนนี้เวินอวี้จือไม่สามารถพูดเองได้ จึงได้แต่หวังพึ่งเวินจื่อเยวี่ยให้พูดแทนทว่าสิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ เมื่อเผชิญกับสายตาขอความช่วยเหลือจากเขา เวินจื่อเยวี่ยกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เลยเวินอวี้จือพลันรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างหรือว่าก่อนหน้านี้ เวินจื่อเยวี่ยโดนเล่นงานไปก่อนแล้ว?!โชคดีที่ในเวลานี้มีคนตาไวสังเกตเห็นสายตาของเขา“พี่สี่ เหตุใดท่านจึงมองพี่สามตลอดเลย? หรือว่าพี่สามรู้อะไรบางอย่าง?”น้ำเสียงของเวินเยวี่ยดังขึ้นภายในห้อง ทำให้ทุกคนต่างสังเกตเห็นสายตาของเวินอวี้จือ แล้วหันไปมองเวินจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 144

    ในวินาทีที่เวินจื่อเยวี่ยพยักหน้า สิ่งที่เขาได้รับคือหมัดที่เดือดดาลของเวินจื่อเฉิน“ผัวะ!”เวินจื่อเยวี่ยถูกต่อยจนล้มลงไปกองกับพื้นในวินาทีต่อมา หมัดนับไม่ถ้วนก็ร่วงลงมาดุจพายุโหมกระหน่ำ ซัดเข้าใส่ร่างของเขาไม่ยั้ง“พวกเจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร! ทำเช่นนี้กับนางได้อย่างไร! ต่อให้น้องห้าจะไม่ดีแค่ไหน นางก็ไม่เคยทำอะไรผิดต่อพวกเจ้า! พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรไปทำกับนางเช่นนี้! มีสิทธิ์อะไร?!”เวินจื่อเฉินยังไม่รู้ว่ายานั้นถูกปรับเปลี่ยนเขารู้แค่ว่าน้องชายแท้ๆ สองคนของตัวเองกลับร่วมมือกันวางยาพิษน้องสาวแท้ๆ ของพวกเขาเอง!ทั้งที่พวกเขาเป็นพี่น้องกันแท้ๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้พวกเขาก็สนิทสนมรักใคร่กันขนาดนั้น เหตุใดจึงทะเลาะกันจนถึงขั้นนี้ได้?!“พอแล้ว เจ้าอยากจะต่อยเจ้าสามจนตายหรือไร?”เวินเฉวียนเซิ่งตวาดด้วยน้ำเสียงเย็นชาครั้งนี้ เวินจื่อเยวี่ยที่นอนอยู่บนพื้นไม่ได้ตอบโต้ เพียงแต่ปล่อยให้เวินจื่อเฉินต่อยเขาแต่ในวินาทีนี้ เวินจื่อเฉินกลับไม่ฟังคำพูดของเวินเฉวียนเซิ่ง แถมยังหันไปตะโกนใส่เวินเฉวียนเซิ่งว่า “ไม่พอ!”น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความเจ็บปวดและเสียใจ “เรื่องราวทั้งหมดในวันนี้ เป็น

บทล่าสุด

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 310

    ขวานในมือของเวินจื่อเฉินชะงักงันในทันใดไม่ใช่เพราะประโยคสุดท้ายของเวินอวี้จือแต่เป็นเพราะเขานึกขึ้นได้อย่างฉับพลัน หากเวินเยวี่ยได้ขึ้นเป็นสนมจริง ด้วยอุปนิสัยของนาง คงไม่มีวันปล่อยน้องสาวของเขาไปเด็ดขาดแม้ว่าอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนจะยินดีให้ท้ายน้องสาวของเขา แต่การสนับสนุนเช่นนี้จะอยู่ต่อไปได้นานแค่ไหน?หากต่อไปฝ่าบาทก็ยืนอยู่ข้างเวินเยวี่ย อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่เป็นฝ่ายปกป้องราชสำนักอยู่แล้ว จะปกป้องน้องสาวของเขาต่อไปหรือไม่?เวินจื่อเฉินนึกถึงความเป็นไปได้นั้น ต่อให้มีความเป็นไปได้น้อยมาก ก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าหากถึงเวลานั้นจริง ๆ เขาที่กลายเป็นสามัญชนแล้วจะปกป้องน้องสาวได้อย่างไรอีก?เวินจื่อเฉินก็รู้สึกหนาวสั่นทั้งตัวในทันใดเขาวางขวานลง แล้วหมุนตัวมองไปทางเวินอวี้จือ “ที่พวกเจ้าบอกว่าฝ่าบาทต้องการรับเวินเยวี่ยเข้าวังเป็นสนมนั้นเป็นเรื่องจริงหรือ?”“เป็นความจริงแน่นอน!”เวินจื่อเยวี่ยยืนขึ้นพร้อมกับกล่าวว่า “เรื่องนี้ฝ่าบาทตรัสเองในงานเลี้ยงใหญ่ในวันเหมายันด้วยพระองค์เอง ถึงกับให้นางอยู่ในวังเพื่อเรียนรู้กฎระเบียบ รอให้นางเรียนรู้กฎระเบียบเสร็จสิ้นแล้วจะแต่งตั้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 309

    “เสียใจอะไร?”เวินจื่อเฉินขมวดคิ้ว มองดูทั้งสองด้วยความไม่เข้าใจ “ตอนนี้ข้ามีชีวิตที่ดีมาก”แม้ว่าจะตัดขาดจากความรุ่งโรจน์และมั่งคั่งของจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ใช้ชีวิตเหน็ดเหนื่อยขึ้นเล็กน้อย ยุ่งขึ้นเล็กน้อยแต่ชีวิตแบบนี้กลับทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายทางจิตใจอย่างที่ไม่เคยได้เจอมานานโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากถูกงูพิษกัดในครั้งนั้น เขาสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ท่าทีของน้องสาวที่มีต่อเขาผ่อนคลายลงบ้างแล้วแม้ว่าเขาจะยังไปพบน้องสาวไม่ได้ แต่สิ่งของที่เขาส่งไปที่อารามสุ่ยเยว่ก็ไม่เคยถูกส่งคืนมาเวินจื่อเฉินรู้สึกว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ สักวันหนึ่งน้องสาวจะให้อภัยเขาดังนั้นเขาจึงไม่เสียใจ“พวกเจ้ามาหาข้าด้วยธุระอันใด? รีบบอกมาเร็ว อย่าทำให้ข้าเสียเวลาทำงานอีกเลย”ค่าจ้างของเขาในวันนี้จะคิดเป็นชั่วยามหากทำงานน้อยลง ค่าจ้างก็จะถูกคนอื่นหักไปเวินจื่อเฉินยังต้องการหาเงินให้มากขึ้นเพื่อซื้อขนมอบให้น้องสาว ไม่อยากให้ค่าจ้างของตัวเองถูกหักไปเวินจื่อเยวี่ยมองดูเวินจื่อเฉินในสภาพเช่นนี้ ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกรังเกียจ “ข้าว่านะพี่รอง ท่านดูสิว่าตอนนี้ท่านอยู่ในสภาพไหน? ผมคลุกฝุ่น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 308

    สายตาของเวินเฉวียนเซิ่งถอนกลับจากภายนอกอย่างช้า ๆ เขาเหลือบมองขาของเวินจื่อเยวี่ยอย่างเฉยชา“ยังไม่รู้ว่าเป็นนางจริง ๆ หรือเปล่า แต่คาดเดาว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับนางอย่างตัดไม่ขาด”“ข้ารู้อยู่แล้ว!”เวินจื่อเยวี่ยพูดอย่างโกรธเคือง “เวินซื่อจะไม่ปล่อยน้องหกไปแน่! คราวก่อนก็ใส่ร้ายน้องหกว่าขโมยกระดูกของท่านแม่ไป ตอนนี้แทนที่จะยอมรับผิดกลับเล่นงานฝ่ายตรงข้าม ซ้ำยังกล้าโกหกและร้องเรียนต่อฝ่าบาท ทำให้น้องหกถูกขังไว้ในวัง!”เมื่อได้ยินคำพูดครึ่งแรกของเวินจื่อเยวี่ย เวินเฉวียนเซิ่งก็นิ่งไปเล็กน้อยแต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไรสักอย่าง“ในเมื่อมีความเกี่ยวข้องกับเวินซื่อ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไม่ต้องไปหานางอีกหรือ?”เวินอวี้จือขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ค่อยอยากจะไปพบเวินซื่อสักเท่าใด“ถ้าพวกเจ้าไม่อยากไป ก็สามารถไปหาพี่รองของพวกเจ้าได้”เวินเฉวียนเซิ่งเสนอความคิดให้พวกเขาอย่างเฉยชาเมื่อเวินอวี้จือได้ยินดังนั้น ก็ลูบคางเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรขึ้นมาเวินจื่อเยวี่ยลังเลเล็กน้อย “พี่รองเขาจะตอบตกลงไหม?”ครั้งที่แล้วตอนที่เวินจื่อเฉินออกจากจวนเจิ้นกั๋วกง ก็เอะอะโวยวายกว่าพี่ใหญ่เสียอีกสีหน้ามีแว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 307

    “ท่านพ่ออีกคน ท่านก็เหมือนกัน ลูกรู้ว่าท่านลำเอียงเข้าข้างน้องหก แต่หัวใจของท่านก็อย่าเอนเอียงจนเกินไป!”เวินฉางอวิ้นจ้องเขม็งใส่บิดาท่านนี้ที่เขาเคยเคารพศรัทธามาโดยตลอดทั้ง ๆ ที่เคยเป็นแบบอย่างที่เขาอยากเดินตาม แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าอะไร ๆ ล้วนไม่จริง!ตัวตนของน้องหกก็ไม่จริงความรู้สึกของพ่อที่มีต่อแม่ก็ไม่จริงยังมีภาพลักษณ์พี่ชายที่ดีที่สุดในเมืองหลวงของเขา ก็ไม่จริงเช่นกัน!เขาไม่สมควรที่จะเรียกตัวเองแบบนั้น!เมื่อนึกขึ้นมาในตอนนี้ เขารู้สึกเสียใจมากจริง ๆทั้ง ๆ ที่เขาเป็นพี่ชายคนโตของครอบครัวนี้ แต่กลับไม่ห้ามน้องสาวออกบวช และไม่ได้เกลี้ยกล่อมน้องชายที่ออกจากบ้านให้กลับมาบัดนี้เมื่อเขาได้สติในที่สุด ก็ได้สูญเสียน้องห้าและน้องรองไปแล้วเวินฉางอวิ้นมองดูน้องชายสองคนที่เหลืออยู่ในบ้าน มองดูพวกเขาเหมือนกับตัวเองเมื่อก่อนทุกประการ ท่าทางไม่มีสติเลยแม้แต่นิดเดียวเขาอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “น้องสาม น้องสี่ ดูแลครอบครัวนี้ให้ดี หากพวกเจ้ายังไม่ได้สติอีกล่ะก็ ครอบครัวนี้ก็จะแตกแยกจริง ๆ แล้ว!น่าเสียดายที่เวินจื่อเยวี่ยไม่เข้าใจเวินอวี้จือก็ไม่เข้าใจเช่นกันพวกเขามองพี่ใหญ่ท

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 306

    การระเบิดคำถามอย่างกะทันหันของเวินฉางอวิ้น ทำให้ทั้งเวินจื่อเยวี่ยและเวินอวี้จือที่ตั้งใจจะคุยกับเวินจื่อเยวี่ยตกตะลึงไปเวินเฉวียนเซิ่งไม่ได้เอ่ยปาก เพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางเหลือบมองเวินฉางอวิ้นเวินจื่อเยวี่ยเปิดปาก อยากจะพูดบางอย่างเพื่อโต้แย้ง แต่สุดท้ายก็แค่บ่นด้วยความอึดอัดใจ “นั่นจะโทษตัวนางก็ไม่ได้ และไม่ใช่พวกเราที่บีบบังคับให้นางออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงให้ได้นี่”เวินฉางอวิ้นยิ้มเยาะ โยนมาให้เขาแล้ว พลางเอ่ยอย่างราบเรียบ “น้องสาม ดวงตาของเจ้าบอดแล้ว ข้าก็เช่นกัน พวกเราทุกคนก็เช่นเดียวกัน”“มีเพียงน้องรองเท่านั้นที่ได้สติแล้ว เขาเข้าใจทุกอย่าง ดังนั้นจึงไปจากบ้านหลังนี้โดยไม่ยอมหวนกลับเหมือนน้องห้า”“ได้สติอะไร แค่ออกไปเป็นคนโง่เท่านั้นเอง”เวินจื่อเยวี่ยกล่าวอย่างไม่แยแส“พี่ใหญ่ ท่านไม่ได้แอบไปดูหรือ? เขาออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงของเรา แม้แต่ที่อยู่อาศัยของตัวเองยังหาไม่ได้ด้วยซ้ำ ทำได้เพียงออกไปสร้างกระท่อมฟางโทรม ๆ เหมือนขอทาน นี่น่ะหรือได้สติอย่างที่พี่ใหญ่ว่า? ข้าว่าเขาเป็นแค่เรื่องขำขันมากกว่า”แต่เวินฉางอวิ้นกลับเหลือบมองเขาด้วยสีหน้าเวทนา“เจ้าบอกว่าน้องรองเสียสติ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 305

    จวนเจิ้นกั๋วกงห้องหนังสือ“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ ข้าไม่นึกเลยว่าพวกท่านจะปฏิบัติกับน้องหกแบบนี้!”“พวกท่านรู้ดีว่าวังหลังนั่นคือสถานที่อะไร รู้ดีว่าพระองค์เกรงกลัวจวนเจิ้นกั๋วกงของเราแค่ไหน พวกท่านยังกล้าวางใจทิ้งน้องหกไว้ที่นั่นอีก!”“ถ้าน้องหกอยู่ในวังถูกข่มเหงรังแกจะทำอย่างไร? หากพวกเราไม่ได้อยู่ใกล้ตัวนาง ใครจะสามารถปกป้องนางได้?!”“ได้ ได้! ในเมื่อพวกท่านไม่ไปหานาง ถ้าอย่างนั้นข้าจะไป!”“หากรู้ตั้งแต่แรกว่าวันนั้นหลังจากน้องหกตามพวกท่านเข้าวังไปแล้ว จะถูกพวกท่านทิ้งไว้ที่นั่นล่ะก็ ต่อให้ขาข้างนี้ของข้าต้องพิการก็จะตามพวกท่านเข้าวังไปด้วย!”สกุลเวินในเวลานี้เกิดการโต้เถียงใหญ่โตมาสองวันแล้ว เพราะเรื่องที่เวินเยวี่ยเข้าวังพูดให้ถูกก็คือ ส่วนใหญ่เป็นการโวยวายเพียงฝ่ายเดียวของเวินจื่อเยวี่ยเป็นหลักแม้ว่าเวินอวี้จือจะไม่เอะอะโวยวายเหมือนกับเวินจื่อเยวี่ย แต่ทุกครั้งเมื่อเวินจื่อเยวี่ยเสียงดัง โดยพื้นฐานเขาก็ยืนอยู่ข้างเวินจื่อเยวี่ยเสมอส่วนพ่อลูกคู่นี้เวินเฉวียนเซิ่งและเวินฉางอวิ้น ทั้งสองนั้นมีนิสัยใจคอเหมือนกัน ในตอนแรก ๆ ยังสามารถอดทนไว้ได้ อธิบายให้พวกเข้าฟังอย่างใจเย็น ไม่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 304

    เหลียงหมอมอคือคนเก่าคนแก่ที่อยู่ข้างกายองค์ไทเฮา และไทเฮาก็เจาะจงสั่งให้มาอบรมกฎเกณฑ์แก่เวินเยวี่ยดังนั้นนางจึงตอบปฏิเสธคำร้องขอของเวินเยวี่ยอย่างไม่ลังเล “ขออภัยด้วยคุณหนูหกสกุลเวิน เนื้อตัวของท่านมีกลิ่นอายชนบทมากเกินไป เพื่อให้ท่านได้เรียนรู้กฎเกณฑ์และกลายเป็นผู้สูงศักดิ์ในวังได้โดยเร็ว บ่าวจึงต้องเข้มงวดกับท่านเล็กน้อย”เมื่อได้ยินคำว่า “กลิ่นอายชนบทมากเกินไป” สีหน้าของเวินเยวี่ยก็บึ้งตึงขึ้นมาอย่างทนไม่ไหวทันทีนังแก่นี่กล้าดูหมิ่นนางได้อย่างไร?เวินเยวี่ยกัดฟันด้วยความโกรธ พลางข่มไฟโทสะไว้ “แต่ว่าพระองค์ตกหลุมรักข้าตั้งแต่แรกเห็น หากข้าไม่ทันระวังได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าในขณะที่เรียนรู้กฎเกณฑ์จากท่าน เกรงว่าหมอมอจะลำบากกระมัง?”ลูกไม้ตื้น ๆ แบบเวินเยวี่ยนี้ เหลียงหมอมอเคยเห็นมามากแล้วนางยิ้มเล็กน้อย “คุณหนูหกสกุลเวิน คำพูดของท่านนั้นไม่ถูกต้อง”เวินเยวี่ยไม่แยแส “ตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง?”“ไม่มีตรงไหนถูกต้องเลย พระองค์ทรงตกหลุมรักท่านตั้งแต่แรกเห็น ต้องการรับท่านเข้าวังในฐานะพระสนม ดังนั้นถึงให้ท่านเข้ามาเรียนรู้กฎเกณฑ์ในตำหนักของไทเฮา แต่ตอนนี้ท่านไม่เพียงแต่ไม่ตั้งใจเรียนรู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 303

    เวินฉางอวิ้นทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ“ไม่ใช่ขนมอบถั่วเขียวหรือ? ถ้าอย่างนั้นก็เป็นขนมกุ้ยฮวา?”รอยยิ้มบนใบหน้าของเวินซื่อสดใสขึ้น แต่ก็เย็นชาลงเช่นกัน “ขนมกุ้ยฮวา พี่ใหญ่แน่ใจหรือ? คิดว่าเป็นขนมกุ้ยฮวาจริงหรือ? ไม่อย่างนั้นพี่ใหญ่ลองเดาดูอีกครั้ง เพราะถึงอย่างไรทุกครั้งท่านก็เดาแม่นเช่นนี้เสมอ ทำไมไม่ลองดูหน่อยว่า น้องสาวที่น่ารำคาญอย่างข้าผู้นี้ มีของที่ไม่ชอบกินที่สุดมากน้อยแค่ไหนกันแน่?”ใบหน้าของเวินฉางอวิ้นซีดเผือดอีกครั้งในชั่วประเดี๋ยวเดียว“ช่างมันเถอะ ข้าชอบกินอะไรมันเกี่ยวอะไรกับพี่ใหญ่ด้วยเล่า เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ พี่ใหญ่จำไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ”น้ำเสียงของเวินซื่อเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน “เพราะถึงอย่างไรต่อให้ข้าไม่กิน แต่ก็ยังมีคนหนึ่งที่ชอบกินอย่างไรเล่า พี่ใหญ่รีบห่อกลับไปให้น้องสาวสุดที่รักผู้นั้นที่ท่านรักสุดหัวใจเถิด”“ไม่ใช่นะ...น้องห้าเจ้าฟังพี่ใหญ่อธิบายก่อน พี่ใหญ่ไม่ได้ตั้งใจซื้อขนมอบถั่วเขียวที่เจ้าเกลียดมาให้ เพียงแต่ตอนนั้นซื้อไปโดย...จิตใต้สำนึก”เวินฉางอวิ้นร้อนใจจนพูดจาไม่คล่อง พูดถึงตอนท้ายเขาเองยังรู้สึกอับอายยิ่งกว่าเดิมเมื่อคิดดูอย่างรอบคอบ ขนมอบถั

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 302

    “หากข้ากล้าทำเช่นนั้น ข้าก็ไม่ใช่คน ขอให้ฟ้าผ่าลงทัณฑ์ข้า!”เวินฉางอวิ้นยืนรับรองอยู่ข้างนอกอารามสุ่ยเยว่เป็นเวลาครึ่งชั่วยามแล้ว ลำคอแทบแห้งผาก ซือไท่เหล่านั้นถึงผ่อนคลายลง รับปากว่าจะช่วยเข้าไปพูดให้เขาแต่น่าเสียดายเหล่าซือไท่รับปากว่าจะบอกให้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเวินซื่อจะตกลงออกไป“ไม่ไป”แค่สองคำที่มีกลับมาถึงเบื้องหน้าเวินฉางอวิ้นเวินฉางอวิ้นมีหรือจะยอมแพ้ง่าย ๆ เช่นนี้“เหล่าซือไท่ได้โปรดช่วยเกลี้ยกล่อมน้องสาวของข้าอีกครั้ง ข้าแค่อยากเห็นหน้านางเท่านั้น”“ไม่ได้ ธิดาศักดิ์สิทธิ์บอกไปแล้วว่าจะไม่พบท่านก็คือไม่พบท่าน ท่านอย่ามาเสียเวลาที่นี่เลยดีกว่า รีบกลับไปเสียเถอะ”เหล่าซือไท่ที่ไม่ถูกชะตากับจวนเจิ้นกั๋วกงอยู่แล้ว หลังจากส่งต่อคำพูดจบแล้วก็รีบขับไล่เขาทันที ไม่อยากให้เวินฉางอวิ้นอยู่หน้าอารามสุ่ยเยว่ของพวกนางนานไปกว่านี้แม้แต่นิดเดียวแต่พวกนางนึกไม่ถึงว่าวันนี้ขับไล่ไป แต่หลังจากนี้เวินฉางอวิ้นก็มาอีกทุกวันทันทีที่เสร็จงานในช่วงบ่าย ไม่ได้กลับไปที่จวนเจิ้นกั๋วกงด้วยซ้ำก็ตรงมาที่อารามสุ่ยเยว่เลยมาเคาะประตูทุกวัน รบกวนจนเหล่าซือไท่หาความสงบสุขไม่ได้สุดท้ายก็ต้อ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status