Share

บทที่ 138

Author: จิ้งซิง
ม่อโฉวซือไท่ชะงักไปสักครู่

นางนึกไม่ถึงว่าภายในใจของเวินจื่อเยวี่ย คำตอบของคำถามนี้จะกลายเป็นเยี่ยงนี้

แกรก...

ประตูด้านหลังคล้ายถูกเปิดออก ม่อโฉวซือไท่จึงหันไปมอง

เป็นไปตามคาดเวินซื่อออกมาจากด้านในแล้ว

“อู๋โยว...”

ม่อโฉวซือไท่อยากพูดบางอย่าง แต่เวินซื่อฝืนยิ้มให้นาง “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ อาจารย์ ข้าใจเย็นลงแล้ว”

แต่นึกไม่ถึงว่าพอออกมา กลับได้ยินคำพูดเหล่านี้

เวินซื่อเดินไปหาเวินจื่อเยวี่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย นางยืนอยู่ตรงหน้าเขา เอ่ยถามเสียงเย็นชา “ท่านว่าข้าทำให้ท่านแม่ตายหรือ?”

“ถูกต้อง เจ้านั่นแหละ!”

ทั้งที่แววตาของเวินจื่อเยวี่ยยังอยู่ในสภาวะไม่ได้สติ แต่อารมณ์ของเขากลับฉุนเฉียวมาก

“หากท่านแม่ไม่คลอดเจ้า ร่างกายของนางคงไม่ต้องมีโรคภัยที่สาหัสหลงเหลืออยู่เพราะคลอดยาก สุดท้ายยิ่งไม่ต้องจากไปเพราะโรคภัย!”

หางตาของเวินจื่อเยวี่ยมีน้ำตาไหลรินสองข้าง แววตาที่เลื่อนลอยของเขาราวกับมองดูบางคนด้วยความโกรธแค้นผ่านบางสิ่ง

เวินซื่อรู้ว่าคือใคร นางไม่หลบ ยืนอยู่อย่างนั้น

“ทั้งที่ท่านแม่เคยบอกว่าจะเติบโตไปพร้อมพวกเรา แต่ท่านแม่ผิดคำพูด ท่านแม่บอกว่าไม่เป็นไร เพราะท่านแม่ชอบน้องสาว และเพื
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Jocky Tagool
เหตุผลอ่อนด้อยมากคุณพี่ เกลียดจนทรมานและฆ่าน้องให้ตายเลยอ่ะนะ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 139

    ม่อโฉวซือไท่เดินไปข้างหน้า ยื่นมือไปดึงนางมากอด“เด็กดี ไม่ต้องเป็นห่วง จื่อจวินคือผู้ที่อ่อนโยนที่สุดบนโลกใบนี้ นางจะเข้าใจเจ้า”แต่สิ่งที่ม่อโฉวซือไท่ไม่ได้บอกคือแต่หากแม่เจ้าได้รับรู้ความเสียใจของเจ้า และความเจ็บปวดพวกนั้นที่เจ้าได้ประสบ นางคงจะเสียใจอย่างแท้จริงกระมังม่อโฉวซือไท่หลับตาลงอย่างอดไม่ได้ในใจนางกำลังพร่ำบอก ขอโทษนะ จื่อจวิน ที่ข้าไม่ได้ดูแลพวกลูกของเจ้าให้ดีโชคดีที่ลูกสาวของเจ้าเข้มแข็งเหมือนเจ้าในตอนนั้นนางไม่ได้พ่ายแพ้เพียงแต่ เด็กที่เข้มแข็งมักจะต้องลำบากกว่ามากม่อโฉวซือไท่ลูบหัวของเวินซื่ออย่างสงสาร รอคอยให้นางร้องไห้เสร็จเงียบ ๆหลังจากร้องไห้ไปสักครู่ ในที่สุดเวินซื่อจึงสงบสติอารมณ์ได้อีกครั้งนางมองดูหัวไหล่ของอาจารย์ที่เปื้อนคราบน้ำตาของนางเป็นวงอย่างละอายใจ“ขอโทษเจ้าค่ะท่านอาจารย์ ข้าดูเหมือนชอบร้องไห้มากไปหน่อย”ความจริงเวินซื่อไม่ถือว่าเข้มแข็งนางเป็นคนบอบบางมาตั้งแต่เด็ก อีกทั้งยังโตมาจากการประคบประหงมของจวนเจิ้นกั๋วกงดังนั้นชาติที่แล้วจึงถูกเวินเยวี่ยเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้าอย่างง่ายดายชาตินี้แม้นางจะยังบอบบางอยู่บ้าง แต่โชคดีที่ครั้ง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 140

    ระยะเวลาห่างจากที่เวินจื่อเยวี่ยไปหาเวินซื่อที่อารามสุ่ยเยว่เป็นเวลาสองวันสองคืนแล้วเวินอวี้จือไม่รู้ว่าตกลงเกิดอะไรขึ้น หรือว่าขณะที่เวินจื่อเยวี่ยวางยามีใครมาพบเห็นเข้า?แต่หากถูกจับได้จริง ทำไมจนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดเลยในขณะที่เวินอวี้จือกำลังคิดว่าจะส่งคนไปดูสถานการณ์ที่อารามสุ่ยเยว่หรือไม่ ในที่สุดเวินจื่อเยวี่ยก็กลับมาข้างนอกท้องฟ้ามืดสนิท ตอนเวินจื่อเยวี่ยกลับมา เวินอวี้จือเตรียมตัวเข้านอนบ่าวรับใช้ได้ยินเสียงเคาะประตู “ใครนะ?”“ข้า เวินจื่อเยวี่ย”เวินอวี้จือที่เตรียมจะเอนกายนอนหยุดทันที แล้วสั่งให้บ่าวเปิดประตู“คุณชายสาม”หลังจากเวินจื่อเยวี่ยเข้าไปในห้องจึงพูดกับบ่าว “เจ้าออกไปก่อนเถอะ ข้ามีธุระจะคุยกับน้องสี่”บ่าวย่อมไม่ได้จากไปทันที กลับหันมองคำสั่งทางสายตาของคุณชายผู้เป็นนายตน จึงหันหลังจากไปพร้อมปิดประตูห้องให้เรียบร้อย“พี่สาม ทำไมผ่านไปตั้งนานแล้วท่านเพิ่งกลับมา? เวินซื่อล่ะ? ท่านไม่ได้พานางกลับมาด้วยหรือ?”เวินอวี้จือสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วนั่งลงข้างเตียง พร้อมเอ่ยถามก่อน‘หากเวินอวี้จือถามเจ้า เจ้าบอกว่า…’ดวงตาของเวินจื่อเยวี่ยเ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 141

    เวินเฉวียนเซิ่งไม่ได้ให้นางไป เพียงแต่สั่งเวินจื่อเยวี่ยเสียงหนึ่งเวินจื่อเยวี่ยลุกขึ้นอย่างช้าๆ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะลุกออกจากโต๊ะ ก็มีเสียงฝีเท้าที่รีบร้อนดังมาจากข้างนอก“แย่แล้วๆ !”เวินเฉวียนเซิ่งและคนอื่นๆ ต่างเงยหน้าขึ้นมองเห็นเพียงข้ารับใช้ที่คอยปรนนิบัติในเรือนของเวินอวี้จือวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน จากนั้นเอ่ยขึ้นด้วยความร้อนรน “ท่านกั๋วกง คุณชายใหญ่ รีบไปดูคุณชายสี่เถิด เขาเกิดเรื่องแล้ว!”คนที่อยู่ที่โต๊ะต่างพากันลุกขึ้นยืน“เกิดอะไรขึ้น? เจ้าสี่ป่วยอีกแล้วหรือ?”“ไม่ใช่ป่วย...”ข้ารับใช้รู้สึกร้อนใจจนเกือบจะร้องไห้ “คุณชายสี่ เขา...จู่ๆ เขาก็พูดไม่ได้แล้วขอรับ!”“อะไรนะ?!”……ครู่ต่อมา คนในสกุลเวินหลายคนล้อมอยู่หน้าเตียงของเวินอวี้จือ รอคอยผลการวินิจฉัยของหมอด้วยความกังวลหมอผู้เฒ่าตรวจชีพจรเสร็จ ก็ขมวดคิ้วพลางดึงมือกลับ“ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ คุณชายสี่ได้กินอะไรผิดปกติไปบ้างหรือไม่?”เวินฉางอวิ้นส่ายหัว “เจ้าสี่ร่างกายไม่แข็งแรง ปกติแล้วก็ต้องดื่มยาบำรุงมากมาย ทำให้เบื่ออาหาร โดยทั่วไปนอกจากอาหารมื้อหลักแล้ว ก็จะไม่กินอะไรอย่างอื่นอีก”“เช่นนั้นได้ไปสัมผ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 142

    ทันทีที่บ่าวรับใช้ค้นพบห้องลับในห้องของเจ้าสี่ เวินเฉวียนเซิ่งก็รู้ว่าเรื่องนี้คงไม่ง่ายดายอย่างที่คิด“ดังนั้นจึงยังไม่ได้สั่งให้คนเข้าไปตรวจสอบสถานการณ์ภายในทันทีหมอหลวงหลี่ผู้มากประสบการณ์ทำราวกับไม่ได้ยินอะไร ยังคงตั้งใจตรวจสอบผงยาในขวดต่อไปแต่หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยามเต็ม หมอหลวงหลี่ก็แสดงสีหน้าเคร่งเครียด แล้วเอ่ยกับเวินเฉวียนเซิ่ง “ท่านเจิ้นกั๋วกง ครั้งนี้ข้าน้อยเกรงว่าคงไร้ความสามารถ”เวินเฉวียนเซิ่งไม่คาดคิดว่าพิษนี้จะร้ายแรงถึงขนาดทำให้หมอหลวงหลี่ผู้นี้ถึงกับเอ่ยปากว่าไร้ความสามารถ“หมอหลวงหลี่ พิษนี้มันอะไรกันแน่? เหตุใดถึงร้ายแรงเช่นนี้?”“พิษนี้ยากจะแก้ไขก็ตรงที่ส่วนผสมของยาที่ใช้มีความซับซ้อนมาก แถมยังผสมสมุนไพรพิษที่หายากยิ่งชนิดหนึ่งเข้าไปด้วย มีชื่อว่าเกล็ดงูแดง”“เป็นเพราะสมุนไพรพิษชนิดนี้ ข้าน้อยจึงบอกว่าไร้ความสามารถ เพราะมันจะแก้พิษได้ก็ต่อเมื่อใช้ดอกงูเขียวซึ่งหายากพอๆ กัน แต่ดอกงูเขียวที่มีอยู่เพียงหนึ่งเดียวในเมืองหลวงถูกใช้ไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ตอนนี้อยากจะหาอีกสักต้น ก็ยากยิ่งนัก”ท่ามกลางเสียงถอนหายใจของหมอหลวงหลี่ สีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งและคนอื่นๆ ก็

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 143

    “พยักหน้าที ส่ายหน้าที เจ้าหมายความว่าอย่างไรกันแน่?”เวินฉางอวิ้นเริ่มไม่เข้าใจแล้วแต่เขาไม่รู้เลยว่า เวินอวี้จือนั้นอัดอั้นตันใจเป็นอย่างมากยาเชื่องฟังนั้นเป็นของเขา แต่ก็ไม่ใช่ของเขา!ยาเชื่องฟังของเขาไม่มีทางทำให้คนเป็นใบ้อยู่แล้ว และไม่ได้ทำให้คนอ่อนแรงด้วย!เมื่อนึกถึงว่าเวินจื่อเยวี่ยเป็นคนนำขวดยานี้กลับมา เวินอวี้จือก็หันไปมองเขาในทันทีรีบพูดสิ ท่านรีบพูดมาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?ใครกันที่ทำอะไรกับยาเชื่องฟังของเขา!เป็นฝีมือของเวินซื่อ? หรือว่าคนชุดดำนั่น?ในตอนนี้เวินอวี้จือไม่สามารถพูดเองได้ จึงได้แต่หวังพึ่งเวินจื่อเยวี่ยให้พูดแทนทว่าสิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ เมื่อเผชิญกับสายตาขอความช่วยเหลือจากเขา เวินจื่อเยวี่ยกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เลยเวินอวี้จือพลันรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างหรือว่าก่อนหน้านี้ เวินจื่อเยวี่ยโดนเล่นงานไปก่อนแล้ว?!โชคดีที่ในเวลานี้มีคนตาไวสังเกตเห็นสายตาของเขา“พี่สี่ เหตุใดท่านจึงมองพี่สามตลอดเลย? หรือว่าพี่สามรู้อะไรบางอย่าง?”น้ำเสียงของเวินเยวี่ยดังขึ้นภายในห้อง ทำให้ทุกคนต่างสังเกตเห็นสายตาของเวินอวี้จือ แล้วหันไปมองเวินจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 144

    ในวินาทีที่เวินจื่อเยวี่ยพยักหน้า สิ่งที่เขาได้รับคือหมัดที่เดือดดาลของเวินจื่อเฉิน“ผัวะ!”เวินจื่อเยวี่ยถูกต่อยจนล้มลงไปกองกับพื้นในวินาทีต่อมา หมัดนับไม่ถ้วนก็ร่วงลงมาดุจพายุโหมกระหน่ำ ซัดเข้าใส่ร่างของเขาไม่ยั้ง“พวกเจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร! ทำเช่นนี้กับนางได้อย่างไร! ต่อให้น้องห้าจะไม่ดีแค่ไหน นางก็ไม่เคยทำอะไรผิดต่อพวกเจ้า! พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรไปทำกับนางเช่นนี้! มีสิทธิ์อะไร?!”เวินจื่อเฉินยังไม่รู้ว่ายานั้นถูกปรับเปลี่ยนเขารู้แค่ว่าน้องชายแท้ๆ สองคนของตัวเองกลับร่วมมือกันวางยาพิษน้องสาวแท้ๆ ของพวกเขาเอง!ทั้งที่พวกเขาเป็นพี่น้องกันแท้ๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้พวกเขาก็สนิทสนมรักใคร่กันขนาดนั้น เหตุใดจึงทะเลาะกันจนถึงขั้นนี้ได้?!“พอแล้ว เจ้าอยากจะต่อยเจ้าสามจนตายหรือไร?”เวินเฉวียนเซิ่งตวาดด้วยน้ำเสียงเย็นชาครั้งนี้ เวินจื่อเยวี่ยที่นอนอยู่บนพื้นไม่ได้ตอบโต้ เพียงแต่ปล่อยให้เวินจื่อเฉินต่อยเขาแต่ในวินาทีนี้ เวินจื่อเฉินกลับไม่ฟังคำพูดของเวินเฉวียนเซิ่ง แถมยังหันไปตะโกนใส่เวินเฉวียนเซิ่งว่า “ไม่พอ!”น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความเจ็บปวดและเสียใจ “เรื่องราวทั้งหมดในวันนี้ เป็น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 145

    แต่ในเวลานี้ เวินเยวี่ยยังไม่รู้เลยว่า คนที่โดนวางยาพิษนั้นไม่ได้มีแค่เวินอวี้จือที่นอนอยู่บนเตียงเท่านั้นหลังจากที่เวินฉางอวิ้นห่มผ้าให้เจ้าสี่เรียบร้อยแล้ว ก็ให้เขาพักผ่อนให้สบายจากนั้น สองคนพ่อลูกเวินเฉวียนเซิ่งก็ไปที่ห้องหนังสือด้วยกัน“ท่านพ่อ ตอนนี้จะทำอย่างไรกับเจ้าสี่? จะส่งคนไปหาสมุนไพรแก้พิษให้เจ้าสี่ตอนนี้เลยหรือไม่ขอรับ?”“ต้องส่งไป แต่เรื่องนี้เกรงว่าจะไม่ง่ายดายอย่างที่พวกเขาพูด”หลังจากที่เวินเฉวียนเซิ่งนั่งลงแล้ว ก็เอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเวินฉางอวิ้นแสดงสีหน้าสงสัย หลังจากรินชาเสร็จแล้ว เขาก็นั่งลงตาม “ท่านพ่อหมายความว่าอย่างไรขอรับ?”“หากพิษนั้นเป็นสิ่งที่เจ้าสี่ปรุงขึ้นมาจริงๆ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่มีการป้องกันใดๆ เลย”เวินเฉวียนเซิ่งยกถ้วยชาขึ้นจิบหนึ่งคำ ก่อนจะกล่าวต่อ “ก่อนหน้านี้ เส้าเจ๋อลูกพี่ลูกน้องของเจ้าก็เคยโดนวางยาพิษเช่นกัน เป็นพิษที่หมอธรรมดาไม่สามารถทำอะไรได้ จนกระทั่งหมอหลวงหลี่ลงมือรักษา ถึงจะแก้ไขได้ และก่อนหน้านั้น มีสองคนที่เคยไปที่จวนจงหย่งโหว”เวินฉางอวิ้นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกขึ้นได้ทันที “ท่านพ่อหมายถึงน้องห้ากับท่าน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 146

    “นั่นคือเวินซื่อคุณหนูห้าแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงในอดีตมิใช่หรือ?”“ใช่แล้ว นางนั่นแหละ แต่ตอนนี้นางไม่ใช่คุณหนูห้าอะไรนั่นแล้ว แต่เป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ที่ฝ่าบาททรงแต่งตั้งด้วยตัวเอง”“ธิดาศักดิ์สิทธิ์อะไรกัน ก็แค่แม่ชีคนหนึ่งเท่านั้น”“เบาๆ หน่อย ถึงจะเป็นแม่ชี ก็เป็นแม่ชีที่พวกเราจะไปยั่วยุไม่ได้”“ไม่รู้จริงๆ ว่าฝ่าบาททรงคิดอะไรอยู่ เหตุใดถึงได้แต่งตั้งเด็กสาวที่ใจคอโหดเหี้ยมเช่นนี้เป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์”“ข้าว่าก็ดีนะ อย่างน้อยพิธีขอพรคราวก่อนก็ดูสมจริงสมจังดี”“ดูสมจริงสมจังตรงไหน? ก็แค่หน้าตางดงามเท่านั้น หากพูดถึงจิตใจดีงาม เวินซื่อเทียบน้องสาวนางไม่ได้เลยสักนิด”“จิ๊ ให้คนแบบนี้มาสวดขอพรให้บ้านเมืองช่างเป็นลางร้ายจริงๆ เจ้าว่าใช่หรือไม่ ฉีเซิ่ง?”คนที่พูดนั้นโผล่ศีรษะออกมาจากรถม้า แล้วมองไปทางเวินซื่อและคนอื่นๆ พูดไปพลาง แสดงสีหน้ารังเกียจไปพลางแต่ในเวลานี้ รถม้าของสกุลฉีที่จอดอยู่ข้างๆ ทันใดนั้นก็มีมือใหญ่ยื่นออกมาจากข้างใน “เพียะ” ฟาดเข้าที่หน้าผากของเขาคุณชายที่โดนตบจนมึนงง เงยหน้ามองไปยังฝั่งตรงข้าม “ฉีเซิ่งเจ้าตบข้าทำไมกัน?”ฉีเซิ่งจ้องเขาเขม็ง“ปากเหม็นขนาดนี้ ก็ไม่ร

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 550

    ถึงขั้นเอาอีกฝ่ายมาข่มขู่เวินจื่อเยวี่ย ทำให้เวินจื่อเยวี่ยต้องเลือกระหว่างนางและหลินเนี่ยนฉือแล้วนางสารเลวที่ยังไม่เดินผ่านประตูเข้ามาจะเอาอะไรมาเทียบกับนาง!เวินเยวี่ยโกรธจัดจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในเสี้ยววินาทีที่ก้มศีรษะลง สายตาอาบยาพิษช่างน่าสะพรึงกลัว“ยุแยงตะแคงรั่ว?”เวินซื่อแค่รู้สึกว่าคำพูดของเวินจื่อเยวี่ยน่าขบขันมาก “มีเพียงคนที่มีหัวใจเท่านั้นถึงจะรู้สึกว่าใคร ๆ ก็เป็นเช่นนี้”นางเหลือบมองเวินเยวี่ยแวบหนึ่งอย่างเฉยชา ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่แยแส “ท่านคิดว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้จะใช้พวกท่านไปก่อกวนความสงบของนางหรือ? ฝันไปเถอะ พวกท่านยังไม่คู่ควร”“เหอะ พูดเสียน่าฟัง ถ้าไม่ใช่เพราะจดหมายที่เจ้าเขียนไปฟ้อง หลินเนี่ยนฉืออยู่ที่อู๋โจวอยู่ดี ๆ จะเข้ามาที่เมืองหลวงทำไม? แล้วยังต้องการถอนหมั้นกับข้าอีก?!”ถึงตอนนี้เวินจื่อเยวี่ยยังคงเชื่อว่าเวินซื่อไปพูดอะไรกับหลินเนี่ยนฉือ ถึงทำให้หลินเนี่ยนฉือทำเช่นนั้น“ท่านคิดว่าข้อมูลในใต้หล้านี้มีสิ่งใดที่สามารถปิดบังได้อย่างนั้นหรือ? จวนเจิ้นกั๋วกงของพวกท่านได้ทำเรื่องที่น่าอับอายขายขี้หน้า ไร้ยางอายมาไม่น้อย แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงตั้งน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 549

    อูฐผอมซูบยังตัวใหญ่กว่าม้าการจะทำลายจวนเจิ้นกั๋วกงอันใหญ่โตแห่งนี้โดยอาศัยแมลงเพียงไม่กี่ตัว มันเป็นไปไม่ได้เลยแน่นอน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิงเพียงแต่ราคาที่ต้องจ่ายนั้นสูงเกินไปอย่างเช่นการหมั้นหมายระหว่างจวนเจิ้นกั๋วกงและสกุลหลินเมื่อจวนเจิ้นกั๋วกงถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดกับชาวต่างเผ่า เวินเฉวียนเซิ่งจะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชำระล้างให้หลุดพ้นจากข้อกล่าวหานี้และวิธีการที่ดีที่สุดก็ต้องเป็นการดึงผู้คนให้เข้ามาพัวพันมากขึ้นสกุลหลินที่ยังมีการหมั้นหมายกับจวนเจิ้นกั๋วกงเป็นกลุ่มแรกที่รับศึกหนัก โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างหลินเนี่ยนฉือและเวินซื่อ และจะกลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เวินเฉวียนเซิ่งดึงสกุลหลินให้ลงมาพัวพันด้วยดังนั้นก่อนจะยุติการหมั้นหมายระหว่างหลินเนี่ยนฉือและเวินจื่อเยวี่ย เวินซื่อยังไม่สามารถทำอะไรบุ่มบ่ามได้ทว่า ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถแตะต้องจวนเจิ้นกั๋วกงได้ แต่การมีเวินเยวี่ยเพียงคนเดียวก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย“หมั้น...หมั้นหมาย?”ในขณะนี้ เสียงที่สับสนของเวินเยวี่ยก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของ เวินจื่อเยวี่ย“พี่สาม ท่านหมั้นกับใครตั้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 548

    “ท่าน…!”เวินเยวี่ยลมแทบจับเมื่อได้ยินที่เวินซื่อพูดนางข่มไฟโทสะเอาไว้ “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คนของกองทัพธงดำเสียหน่อย ให้ท่านมาทำการค้นหา ไม่น่าจะเหมาะสมกระมัง?”เวินเยวี่ยฝืนยิ้ม “ท้ายที่สุดแล้วบุญคุณความแค้นระหว่างพี่หญิงห้ากับเยวี่ยเอ๋อร์นั้นเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งกันทั่วทุกคน ถ้าเกิด…”ประโยคสุดท้ายนี้ไม่ได้พูดออกมาทั้งหมด แต่ก็สามารถเข้าใจทุกอย่างที่ควรเข้าใจถ้าเกิดเวินซื่อเข้าไปวางกลอุบายบางอย่างเพื่อใส่ร้ายนางแล้วจะทำเช่นไร?เวินซื่อหันหน้าไปเผชิญหน้ากับเวินเยวี่ย รอยยิ้มเล็ก ๆ เผยออกมาบนใบหน้าอันบริสุทธิ์ผุดผ่องและงดงามของนาง “ข้าไม่ต่ำช้าไร้ยางอายเหมือนเจ้า”ใบหน้าของเวินเยวี่ยสลดลงเพราะดำด่าของนางทันทีแต่วินาทีต่อมาก็ได้ยินเวินซื่อพูดว่า “แต่ว่านี่มันก็เป็นปัญหาจริง ๆ ในเมื่อคุณหนูหกสกุลเวินเป็นกังวลเช่นนี้ เช่นนั้นข้าธิดาศักดิ์สิทธิ์ก็ขอยืนค้นหาอยู่ที่ประตูแล้วกัน”ยืนค้นหาอยู่ที่ประตูหรือ?แล้วจะค้นหาอย่างไร?ขณะที่เวินเยวี่ยและคนอื่น ๆ กำลังงุนงง เวินซื่อก็พลิกฝ่ามือ ก่อนจะหยิบขวดหยกขวดหนึ่งออกมาจากกลางฝ่ามือของนางฉางเสี่ยวหานก้าวเข้าไปรับขวดหยกจากมือของเว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 547

    “เหลวไหลสิ้นดี!”แววอันตรายฉายผ่านดวงตาอันคมกริบของเวินเฉวียนเซิ่งในทันใดเขาจ้องไปที่รถม้าที่เวินซื่อนั่งอยู่ สายตามองทะลุช่องว่างของม่านหน้าต่าง พลางชี้ตรงไปที่เวินซื่อ “เวินซื่อ เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่? เจ้ากำลังใส่ร้ายขุนนางในราชสำนักซึ่งเป็นความผิดร้ายแรง!”“หากเจ้าไม่สามารถแสดงหลักฐานใด ๆ ได้ ต่อให้เจ้าจะเคยเป็นลูกสาวของข้า ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ เด็ดขาด!”“เจิ้นกั๋วกงไม่จำเป็นต้องใจร้อนขู่ขวัญเช่นนี้”ว่าแล้วเวินซื่อก็ยกมือขึ้นเปิดม่านรถแล้ว เดินออกมาจากด้านในอย่างช้า ๆเสี่ยวหานก้าวไปข้างหน้าอย่างมีไหวพริบ ทำตามสาวใช้เหล่านั้น เอื้อมมือออกไปช่วยประคองธิดาศักดิ์สิทธิ์ของนางลงจากรถม้าช้า ๆหลังจากลงสู่พื้นและยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว เวินซื่อก็เงยหน้าขึ้นมองเวินเฉวียนเซิ่งผ่านกองทัพธงดำ นางยิ้มเล็กน้อย “ถ้าธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่มีหลักฐาน วันนี้จะกล้านำกองกำลังไปปิดล้อมจวนเจิ้นกั๋วกงของท่านได้อย่างไร”การทำงานตามคำสั่งส่วนตัวของอ๋องผู้สำเร็จราชการเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การทำงานตามพระราชโองการของฝ่าบาทก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเวินซื่อยกมือขึ้น รับพระราชโองการจากมือของกองทัพ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 546

    ให้อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนมาหนุนหลังนางแล้วอย่างไรต่อ เขาไม่เชื่อว่า อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้สง่างามจะบังคับเขาให้ถอนหมั้นได้อย่างนั้นหรือ!เมื่อเวินเฉวียนเซิ่งได้ยินเวินจื่อเยวี่ยพูด ก็มองเขาแวบหนึ่งอย่างเย็นชา “เจ้าควรคิดหาวิธีช่วยพี่ใหญ่ของเจ้าก่อนดีกว่า ถ้าครั้งนี้พี่ใหญ่ของเจ้าตาย ก็อย่าได้คิดเรื่องหมั้นหมายเลย ข้าเวินเฉวียนเซิ่ง ไม่มีลูกชายที่ใจไม้ไส้ระกำอย่างเจ้า”ใบหน้าของเวินจื่อเยวี่ยขรึมลงทันทีเขารู้ว่าลูกชายคนโปรดของบิดาไม่ใช่เขา แต่เป็นพี่ใหญ่ที่บิดาเลี้ยงดูอย่างสุดชีวิตจิตใจแต่เขานึกไม่ถึงว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว บิดาจะยังโหดร้ายถึงเพียงนี้ เอาการหมั้นหมายของเขามาข่มขู่เขาเวินจื่อเยวี่ยไม่ได้พูดอะไรอีกแต่ในขณะนี้ พ่อบ้านนั้นพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “ท่านกั๋วกง คุณชายสาม ครั้งนี้ผู้ที่นำกองทัพธงดำมาไม่ใช่ท่านอ๋องขอรับ”เมื่อได้ยินคำพูดนี้เวินเฉวียนเซิ่งก็หันกลับไปหาพ่อบ้าน “ไม่ใช่เป่ยเฉินหยวนหรอกหรือ? แล้วใครล่ะ?”นอกจากฮ่องเต้น้อยและเป่ยเฉินหยวนเองแล้ว ยังมีใครอีกที่สามารถระดมกองทัพธงดำ ถึงขั้นกล้าปิดล้อมจวนเจิ้นกั๋วกงของเขาได้?ขณะที่เวินเฉวียนเซิ่งกำลังครุ่นคิดในหัวว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 545

    “เสี่ยวหาน ให้ข้าดูหน้าเจ้าหน่อยสิ”หลังจากขับไล่เวินเฉวียนเซิ่งและเวินจื่อเยวี่ยออกไปแล้ว เวินซื่อก็ดึงฉางเสี่ยวหานเข้ามา“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ตบไม่โดนหน้า ข้าหลบได้นิดหน่อย แค่ตบโดนหัวเท่านั้น”ถึงกระนั้น การตบของเวินจื่อเยวี่ยก็หนักหน่วงมาก จนศีรษะของฉางเสี่ยวหานถึงกับสั่นคลอนในตอนนั้น ใช้เวลาสักพักกว่าจะตอบสนองได้“เจ้าไม่ต้องกังวล การตบครั้งนี้ข้าจะต้องเอาคืนเขาอย่างแรงแน่นอน”สีหน้าของเวินซื่อเคร่งขรึมลง น้ำเสียงไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งฉางเสี่ยวหานลุกขึ้นกล่าวว่า “ไม่ ๆ ๆ ไม่ต้องหรอกธิดาศักดิ์สิทธิ์ เมื่อครู่ท่านช่วยตบคืนแทนเสี่ยวหานแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีกเจ้าค่ะ”ฉางเสี่ยวหานรู้จักคนในเมืองหลวงน้อยมาก แต่หลังจากติดตามเวินซื่อมาเป็นเวลานาน ก็ได้เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ มากขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์พูดกับสองพ่อลูกคู่นั้นเมื่อครู่ ก็ย่อมสามารถคาดเดาตัวตนของพวกเขาได้อย่างง่ายดายคนหนึ่งคืออดีตบิดาของธิดาศักดิ์สิทธิ์ อีกคนคืออดีตพี่ชายของธิดาศักดิ์สิทธิ์ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นย่ำแย่มากพออยู่แล้ว หากธิดาศักดิ์สิทธิ์ต้องทะเลาะกับพี่ชายหนักขึ้นด้วยเรื่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 544

    เขาขบริมฝีปากล่างแน่น กัดปากของตัวเองแตกเหมือนไม่รู้สึกตัว ปล่อยให้เลือดไหลลงจากมุมปากช้า ๆ“หลินเนี่ยนฉือล่ะ?”เวินจื่อเยวี่ยเอ่ยปากถามขึ้นทันใด“ข้าอยากพบนาง”“นางไม่อยากพบท่าน”เวินซื่อเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ“ข้าบอกว่าข้าอยากพบนาง!”เวินจื่อเยวี่ยตวาดลั่นอย่างฉุนเฉียวขึ้นมาทันใด พลางปัดมือของจางเสี่ยวหานออกมือของจางเสี่ยวหานถูกตีเจ็บ ตกใจสะดุ้งโหยง เมื่อนางรู้ตัวก็เอื้อมมือออกไปอีกครั้ง คว้าเพียงหนังสือถอนหมั้นฉบับนั้นไว้ส่วนจี้หยกก็ร่วงลงสู่พื้นดัง “ตุ้บ” ตามมาด้วยเสียงแตกหักดังขึ้น จี้หยกแยกออกเป็นสองส่วนทันทีเวินจื่อเยวี่ยที่ยังอยู่ในอาการฉุนเฉียวเมื่อได้ยินเสียงนี้อย่างกะทันหัน ก็ก้มหน้าลงมอง เกิดความสับสนขึ้นโดยพลันเขารีบเก็บจี้หยกขึ้นมา เมื่อมองดูรอยแตกหักนั้น ก็ไม่อาจยับยั้งไฟโทสะที่อัดอั้นอยู่เต็มอกไว้ได้ เพียงชั่วครู่ก็ระเบิดอารมณ์ใส่ฉางเสี่ยวหาน...“ใครให้เจ้าทำของของข้าพัง! เจ้าอยากตายหรือไง?!”“อะไรนะ? ไม่ใช่ข้า เป็นท่านต่างหากที่ปัดมือของข้าเอง...”“สาวใช้ต่ำต้อยอย่างเจ้ายังกล้าเถียงอีก!”เวินจื่อเยวี่ยลุกพรวดขึ้น สีหน้ามีรอยพยายาท ยกมือขึ้นตบหน้าฉางเส

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 543

    เวินจื่อเยวี่ยมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ท่านพ่อ พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”เวินจื่อเยวี่ยเงียบไปครู่หนึ่ง “เจ้าน่าจะเข้าใจ เจ้าสาม”“ข้าไม่เข้าใจ!”เวินจื่อเยวี่ยตวาดออกมาทันใด พลางจ้องมองไปที่บิดาของเขาอย่างไม่ละสายตาเวินเฉวียนเซิ่งถอนหายใจอีกครั้ง “แค่การหมั้นหมายเท่านั้น พ่อรู้ว่าเจ้าไม่เต็มใจยอมรับ แต่พี่ใหญ่ของเจ้ามีเวลาเหลือไม่มากแล้ว ถ้ายังไม่เอายากลับไปอีก เขาจะต้องตายในไม่ช้า”“เจ้าสาม เจ้าจะทนเห็นพี่ใหญ่ของเจ้าตายไปได้จริงหรือ?”เวินจื่อเยวี่ยที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเขาได้ถามด้วยเสียงอันสั่นเครือเล็กน้อย “ก็เลยต้องเสียสละการหมั้นของข้าเพื่อช่วยพี่ใหญ่อย่างนั้นหรือ? ทั้ง ๆ ที่เรายังมีวิธีอื่นอีก แต่ท่านก็ยังยืนกรานที่จะขอร้องเวินซื่อ?!”“ยังมีวิธีอื่นอีกหรือ?”สีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งเย็นชาลง น้ำเสียงแย่มาก “ไม่ว่าจะเป็นบัวหิมะก็ดี เห็ดหลินจือสีม่วงอายุหนึ่งร้อยปีก็ดี หรือหญ้าฝรั่นที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำก็ดี เจ้าคิดว่ามีสิ่งไหนหาง่ายบ้าง?!”“หากพี่ใหญ่ของเจ้ายังยืดเวลาได้อีกครึ่งค่อนเดือน พ่อก็จะไม่รีบร้อนเช่นนี้! แต่นี่พี่ใหญ่ของเจ้าอาจตายได้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 542

    นางมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างเย็นชา “ท่านไม่มีคุณสมบัตินี้ตั้งนานแล้ว”“เวินซื่อ! จงระวังท่าทีในการพูดจาของเจ้าด้วย แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์แล้ว แต่ความสัมพันธ์พ่อลูกของเจ้ากับพ่อจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง อย่าลืมว่ายังมีเลือดของสกุลเวินไหลเวียนอยู่ในตัวเจ้า”“ใครบอกว่าเปลี่ยนแปลงไม่ได้?”เวินซื่อยิ้มเยาะ “ความสัมพันธ์นี้จะเปลี่ยนไปในไม่ช้า แต่ตอนนี้ขอวกกลับเข้าประเด็นก่อน ท่านเจิ้นจั๋วกง ท่านยังไม่ได้บอกตัวเลือกของท่านเลย ท่านวางแผนที่จะเลือกใครกันแน่?”ล้มเหลวในการเล่นกับอารมณ์ ล้มเหลวในการข่มขู่กลับมาสู่เงื่อนไขข้อแรกสุดอีกครั้ง สายตาของเวินเฉวียนเซิ่งเย็นชาลงระดับหนึ่งในทันใดเวินซื่อดูเหมือนจะมองไม่เห็นเลย เร่งรัดเขาด้วยอารมณ์ที่ดีมาก“ข้ามีเวลาไม่มากนัก ท่านเจิ้นจั๋วกงรีบตัดสินใจโดยเร็วที่สุดเถอะ มิฉะนั้นก็จะไม่มีการเจรจาใด ๆ อีกแล้ว”นางหันไปมองเวินเฉวียนเซิ่งด้วยรอยยิ้มตาหยี “‘พี่ใหญ่แสนดี’ ของข้าก็น่าจะมีเวลาไม่เพียงพอใช่ไหม?”“ถุย!”เวินจื่อเยวี่ยถ่มน้ำลายใส่นางอย่างรุนแรง “พี่ใหญ่ไม่มีน้องสาวที่ชั่วร้ายอย่างเจ้า!”“ถูกต้อง ข้าชั่วร้าย แต่ก็เทียบไม่ได้กับเว

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status