แชร์

บทที่ 112

ผู้เขียน: จิ้งซิง
เวินอวี้จือกล่าวเตือนเขา “มีเรื่องอะไรก็ค่อยพูดกันวันหลัง อย่าลืมจุดประสงค์ที่พวกเรามาที่นี่ในวันนี้”

เวินฉางอวิ้นที่เดิมทีแล้วตั้งใจจะถามบิดาให้ชัดเจนก็ชะงักไป

จริงสิ ธุระสำคัญในวันนี้คือการฉลองวันเกิดให้กับน้องห้า

อย่ามัวเสียเวลาในวันเกิดของน้องห้าเลย

“เฮ้อ ไม่ต้องหรอก ข้าไม่รีบ”

เวินซื่อยิ้มเล็กน้อย “ถ้าพวกท่านมีอะไรจะพูด ก็พูดให้ชัดเจนตอนนี้เลยก็ได้”

นางกำลังมีความสุขที่ได้ดูละครฉากนี้

เวินเยวี่ยไม่อยากให้นางได้ดูละครอยู่ตรงนี้จริงๆ

หากไม่ขัดขวางเสียหน่อย เกรงว่าเวินฉางอวิ้นก็จะหลุดพ้นจากการควบคุมของนางแล้ว

เวินเยวี่ยรีบยิ้มออกมาทันทีพลางเอ่ยขึ้น “ไม่ว่าจะเป็นคำพูดใด ก็ไม่สำคัญเท่ากับวันเกิดของพี่หญิงห้าในวันนี้ ท่านว่าจริงหรือไม่ พี่ใหญ่?”

เวินฉางอวิ้นพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว “ใช่ น้องหกพูดถูก”

“ได้”

เวินซื่อที่ไม่ได้ดูละครสนุกๆ ก็แบมือทั้งสองข้างออกไป แล้วกล่าวกับเวินเฉวียนเซิ่งและคนอื่นๆ “เช่นนั้นก็เอามาสิ”

“อะไรนะ?”

เวินฉางอวิ้นยังไม่ทันได้ตอบสนอง ยืนอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้างุนงง

“ของขวัญอย่างไรเล่า”

เวินซื่อยิ้มอย่างคลุมเครือพลางเอ่ยขึ้น “พวกท่านไม่ได้ตั้งใจมาอวยพรวั
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
Mini Aston Porsche
ดูลักษณะแล้วน่าจะโดนวางยา คาถา อาคม อะไรซักอย่าง เหมือนพี่รองจะเริ่มลหุดการควบคุมมานิดหน่อยแล้วนิ
goodnovel comment avatar
WLFJ
พวกพี่ๆ เป็นอะไรไป ทำไมถึงรักน้องต่างมารดามากกว่า มันไม่เมคเซ้นอ่ะ แล้วจะมาอวยพรวันเกิดทำไม ดูวุ่นวายมาก
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 113

    “น้องหก เรื่องนี้พี่สามของเจ้าพูดถูกจริงๆ”เวินฉางอวิ้นก็ไม่เห็นด้วยที่เวินเยวี่ยจะนำของขวัญวันเกิดของตนเองออกมามอบให้“แต่วันนี้เป็นวันเกิดของพี่หญิงห้า หากนางไม่ได้รับของขวัญแม้แต่ชิ้นเดียว นางจะต้องเสียใจมากแค่ไหนกัน?”เวินเยวี่ยมองชะโงกข้ามไหล่ของเวินฉางอวิ้น พร้อมกับเอ่ยถ้อยคำที่แสดงความเป็นห่วงเป็นใย แต่สายตาที่มองเวินซื่อกลับเต็มไปด้วยความท้าทาย“ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ครั้งแรกแล้ว จะมีอะไรให้เสียใจอีก? ในพิธีปักปิ่นก่อนหน้านี้ ก็ไม่ได้รับดอกไม้สักดอกเลยมิใช่หรือ?”เวินจื่อเยวี่ยยิ้มเยาะแล้วพูดจาแทงใจดำออกมา“ดังนั้นเวินซื่อเจ้าควรจะทำตัวดีๆ หน่อย หากเจ้ายอมเชื่อฟังแต่โดยดี ท่านพ่อและพวกเราก็ใช่ว่าจะมอบของขวัญวันเกิดชิ้นนี้ให้เจ้าไม่ได้”เวินซื่อกล่าวด้วยความรำคาญ “ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่ต้องการ...”“แท้จริงแล้วธรรมเนียมการอวยพรวันเกิดให้ผู้อื่นของจวนเจิ้นกั๋วกงก็คือมามือเปล่า แล้วยังต้องข่มขู่ผู้อื่นก่อน ถึงจะมอบของขวัญให้อย่างนั้นหรือ?”เวลานี้ น้ำเสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยก็ดังมาจากนอกเรือนอย่างกะทันหันเวินเฉวียนเซิ่งและคนอื่นๆ หันกลับไปมอง เห็นเพียงเป่ยเฉินหยวนท่านอ๋องผู้สำเร็

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 114

    ภายในกล่องบรรจุชุดเครื่องประดับศีรษะที่ประดับด้วยขนนกสีฟ้าอมเขียว ทองคำ และหยกอันหรูหราอลังการ ยิ่งกว่ากวานที่เวินฉางอวิ้นพวกเขาพี่น้องทั้งสี่เคยสั่งทำให้เวินซื่อเสียอีกดังนั้น ไม่ใช่แค่เวินซื่อ แม้แต่คนในสกุลเวินที่อยู่ข้างๆ เมื่อเห็นชุดเครื่องประดับศีรษะนี้ ต่างตกตะลึงไปตามๆ กันเวินเยวี่ยยิ่งรู้สึกอิจฉาจนกัดฟันกรอดหากนางเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ เครื่องประดับศีรษะเช่นนี้ก็ควรจะเป็นของนาง!แต่ตอนนี้นางเด็กสารเลวนี่กลับได้ไป!นางจะคู่ควรได้อย่างไร?!ทว่าเวินเยวี่ยไม่คาดคิดเลยว่า สิ่งที่ทำให้นางอิจฉายิ่งกว่ากำลังจะตามมา“ลองเปิดชิ้นนี้ดูอีกสิ”เป่ยเฉินหยวนยื่นกล่องอีกใบในมือให้กับเวินซื่อหลังจากวางชุดเครื่องประดับศีรษะอันหรูหราลงอย่างระมัดระวังแล้ว เวินซื่อจึงเปิดชิ้นที่เป่ยเฉินหยวนถืออยู่ในมือเมื่อเปิดออก เสื้อคลุมยาวปักลายผีเสื้อที่ทำมาจากผ้าไหมเสฉวนอันงดงามวิจิตรตระการตาก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคนสิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดคือ บนเสื้อคลุมยาวปักลายผีเสื้อที่พับไว้อย่างเรียบร้อยนั้น ยังมีกิ่งดอกเหมยวางทับไว้อยู่ทั้งกวาน ทั้งเสื้อคลุมยาวหรูหรา สุดท้ายยังมีดอกไม้อีก...มาถึงตอนน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 115

    ในที่สุดนางก็จะเบ่งบานอย่างงดงามเวินซื่อจ้องมองกิ่งดอกเหมยนั้น ราวกับเข้าใจอะไรบางอย่าง ดวงตาของนางเป็นประกายระยิบระยับ เอ่ยด้วยเสียงเบาๆ “ขอบคุณท่านอ๋องสำหรับคำอวยพร”“ไม่คิดเลยว่าท่านอ๋องจะรู้เรื่องดอกไม้ได้ดีขนาดนี้ ดอกเหมย ช่างเหมาะกับพี่หญิงห้าจริงๆ ”ทันใดนั้น น้ำเสียงสดใสอ่อนหวานก็ดังขึ้นทำลายบรรยากาศระหว่างทั้งสองคนเวินเยวี่ยเดินมาหยุดอยู่ตรงเวินซื่อ ใบหน้าของนางดูไร้เดียงสาและอยากรู้อยากเห็น พร้อมกับแทรกตัวเข้าไปอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองคน “แต่ดอกเหมยที่บานก่อนกำหนดเช่นนี้หายากจริงๆ เยวี่ยเอ๋อร์ก็ชอบมากเหมือนกัน พี่หญิงห้าให้เยวี่ยเอ๋อร์ดูบ้างได้หรือไม่?”“ไม่ได้”สีหน้าของเวินซื่อเย็นชาทันที และปฏิเสธนางอย่างไม่ลังเล“ก็ได้ พี่หญิงห้าก็ยังคงเกลียดข้ามากอยู่ดี ช่างเถิด พี่หญิงห้าอย่าโกรธเลย หากท่านรังเกียจ เยวี่ยเอ๋อร์ไม่ดูแล้วก็ได้”เวินเยวี่ยแสดงสีหน้าผิดหวังออกมาในทันที จากนั้นจึงหันไปมองเป่ยเฉินหยวนด้วยความคาดหวัง “ท่านอ๋อง ไม่ทราบว่าท่านพอจะมีดอกเหมยอีกหรือไม่ เยวี่ยเอ๋อร์ไม่อยากแย่งพี่หญิงห้า เพียงแต่ชอบมากจริงๆ ถ้าท่านยินดีมอบให้เยวี่ยเอ๋อร์สักกิ่ง เยวี่ยเอ๋อร

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 116

    “ท่านอ๋องอาจจะยังไม่ทราบ” เวินเฉวียนเซิ่งเอ่ยปากอย่างช้าๆ “วันเกิดปัจจุบันของเยวี่ยเอ๋อร์ไม่ใช่วันเกิดที่แท้จริงของนาง แต่เป็นวันครบรอบวันตายของมารดาของนาง”“โอ้?”เป่ยเฉินหยวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แสดงสีหน้าไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด “เป็นวันครบรอบวันตาย เช่นนั้นเหตุใดจึงนำมาปะปนกับวันเกิดเล่า?”“เพียงเพื่อมิให้ในภายภาคหน้าเยวี่ยเอ๋อร์ลืมวันที่มารดาของนางเสียชีวิตไป จึงได้เปลี่ยนวันเกิดของเยวี่ยเอ๋อร์มาเป็นสองเดือนก่อนหน้านั้น และถ้าคำนวณตามวันเกิดที่แท้จริงของเยวี่ยเอ๋อร์แล้ว นางก็อายุน้อยกว่าเวินซื่อเล็กน้อย หากถือว่าเป็นน้องสาวก็ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสม”“แค่เพียงเท่านี้หรือ?”“แค่เพียงเท่านี้”เวินเฉวียนเซิ่งตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยเวินเยวี่ยก็รีบพยักหน้า “ใช่แล้วๆ ท่านพ่อทำเช่นนี้ก็เพื่อเยวี่ยเอ๋อร์ ไม่คิดเลยว่าจะทำให้ท่านอ๋องเข้าใจผิด แต่วันเกิดที่แท้จริงของข้าก็ยังอีกสักพักจริงๆ ”เมื่อได้ยินเวินเยวี่ยยืนยันหนักแน่นเช่นนี้ เวินฉางอวิ้นและคนอื่นๆ ที่อยู่รอบข้างต่างมองหน้ากันทันทีจนกระทั่งวันนี้พวกเขาถึงได้รู้ว่า แท้จริงแล้ววันเกิดของน้องหกมีเบื้องหลังเช่นนี้เองแน่นอนว่าเป็นเ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 117

    ในที่สุดเวินฉางอวิ้นและคนอื่นๆ ที่เข้าใจความหมายแฝงของเป่ยเฉินหยวนต่างหน้าซีดเผือดเวลานี้ พวกเขาถึงตระหนักได้ว่า คนที่อยู่ตรงหน้าคือท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน ผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนักรองจากฮ่องเต้ และยังเป็นเทพสงครามผู้สังหารศัตรูนับไม่ถ้วนในสนามรบและได้รับชัยชนะทุกครั้งกล้าล่วงเกินคนเช่นนี้ นั่นก็เหมือนรนหาที่ตาย!และเมื่อครู่น้องหกกับเจ้าสามยังกล้าพูดแทรกต่อปากต่อคำกับเป่ยเฉินหยวนครั้งแล้วครั้งเล่าอีก?คำพูดที่ว่าจะช่วยสั่งสอนแทนท่านพ่อของพวกเขาอะไรนั่น ชัดเจนว่าเป็นการข่มขู่!เวินจื่อเยวี่ยที่เข้าใจแล้วเช่นกันก็ทำได้เพียงกำหมัดแน่น ยืนอยู่ที่เดิม“เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! ...”เวินเฉวียนเซิ่งก็ไม่ปรานีเขาตบหน้าลูกชายของตัวเองแต่ละครั้งอย่างแรงด้วยสีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ไม่นานมุมปากของเวินจื่อเยวี่ยก็มีเลือดไหลออกมาเมื่อเห็นฉากนี้ เวินเยวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปหนึ่งก้าวบัดซบ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้สง่าผ่าเผยเหตุใดถึงใจแคบเช่นนี้?!ช่างอารมณ์แปรปรวนจริงๆ!จนถึงตอนนี้ เวินเยวี่ยถึงได้รู้สึกถึงความน่ากลัวของบุรุษที่ชื่อว่าเป่ยเฉินหยวนผู้นี้เขาสามาร

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 118

    “พอแล้วๆ เจิ้นกั๋วกง พอสมควรแล้ว”หลังจากที่เวินจื่อเยวี่ยโดนบิดาของตัวเองตบไปกว่าสามสิบครั้ง เป่ยเฉินหยวนจึงเอ่ยปากขึ้นในที่สุดพร้อมกับรอยยิ้ม “ข้าไม่ใช่คนขี้โมโหอะไร เพียงแค่ให้ท่านสั่งสอนบุตรชายหน่อยเท่านั้น เหตุใดท่านถึงได้ลงมือหนักขนาดนี้เล่า ดูสิ ท่านตบลูกชายจนหน้าเสียโฉมแล้ว น่าสงสารจริงๆ”เมื่อได้ยินคำพูดเสแสร้งของเป่ยเฉินหยวน เวินเฉวียนเซิ่งที่หยุดมือแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ เขารู้ว่าคนผู้นี้รับมือยากเพียงใด หากวันนี้ไม่สามารถทำให้เป่ยเฉินหยวนพอใจ เกรงว่าเส้นทางของเจ้าสามคงจะไม่ราบรื่นดังนั้นเวินเฉวียนเซิ่งจึงส่งสายตาให้เวินจื่อเยวี่ยอีกครั้งเวินจื่อเยวี่ยที่มีใบหน้าบวมปูดราวกับหัวหมู คุกเข่าลงกับพื้นเสียงดัง “ตุบ” แล้วเอ่ยกับเป่ยเฉินหยวนเบาๆ “กระหม่อมสำนึกผิดแล้ว ต่อไปจะไม่ทำอีก ท่านอ๋องโปรดอภัยให้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”นานๆ ทีจะได้เห็นเวินจื่อเยวี่ยพลาดท่าเสียทีแบบนี้ เวินซื่อจึงดูอย่างเพลิดเพลินแต่ในเวลานี้ จู่ๆ เป่ยเฉินหยวนกลับหันมามองนางเวินซื่อชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย “มีอะไรหรือ?”เป่ยเฉินหยวนเลิกคิ้วขึ้นพลางกล่าวขึ้น “ถามท่านว่าให้อภัยหรือไม่?”

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 119

    หรือว่าจะเป็นเศษดินเศษหญ้าที่กระเด็นเข้าตาตอนรดน้ำเมื่อครู่?ทว่าเหตุใดนางถึงไม่รู้สึกอะไรเลยล่ะ?ในขณะที่นางกำลังทำอะไรไม่ถูก เป่ยเฉินหยวนก็กล่าวขึ้นทันที “ตอนนี้ไม่มีแล้ว เมื่อครู่นี้ ตอนที่ท่านมองเวินจื่อเยวี่ยผู้นั้น ดวงตาของท่านเต็มไปด้วยอารมณ์มากมาย ความโกรธ ความเกลียดชัง ความเสียใจ ความเจ็บปวด...”ทุกครั้งที่เขาพูดถึงอารมณ์แต่ละอย่าง สีหน้าอารมณ์ของเวินซื่อก็ค่อยๆ จางหายไปในที่สุด เป่ยเฉินหยวนก็เอ่ยถามนางด้วยเสียงเบาๆ “ท่านเจออะไรมาบ้างที่สกุลเวิน?”แน่นอนว่าเวินซื่อไม่มีทางตอบเขาหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง นางจึงเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ “ไม่คิดเลยว่าท่านอ๋องจะสังเกตได้ละเอียดเช่นนี้”“ข้าไม่ได้สังเกตอย่างละเอียด แต่ท่านไม่รู้ว่า เมื่อครู่นี้ ท่านแสดงอารมณ์ออกมาทางสายตาอย่างชัดเจนเพียงใด”ชัดเจนจนถึงขั้นทำให้ผู้อื่นไม่สามารถมองข้ามไปได้และเป่ยเฉินหยวนไม่ได้บอกเวินซื่อว่า นอกจากเขาแล้ว ยังมีอีกคนที่ดูเหมือนจะสังเกตเห็นเช่นกันเวินซื่อกำมือแน่น ก่อนจะหันไปมองทางอื่น “ขอบคุณท่านอ๋องที่คอยดูแลและปกป้องข้าตลอดช่วงเวลานี้ แต่ขออภัยด้วย บางเรื่องข้าคิดว่าเรายังไม่ถึงขั้นที่ต้องเปิดเผ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 120

    “วันนี้น่าเสียดายจริงๆ”บนรถม้าระหว่างทางกลับเมืองหลวง เวินฉางอวิ้นถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้น “หากท่านอ๋องไม่มา บางทีอาจจะได้พูดคุยกับน้องห้าดีๆ ก็ได้”เวินจื่อเยวี่ยที่กำลังทายาก็เอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิด “ข้าว่านะพี่ใหญ่ จนถึงตอนนี้ท่านยังมองไม่ออกอีกหรือ? ต่อให้วันนี้ท่านอ๋องไม่มา เวินซื่อก็ไม่มีทางคุยกับพวกเราดีๆ หรอก”“พี่สามพูดถูก พี่ใหญ่ ต่อไปนี้ท่านอย่าพูดแบบนี้อีกเลย”เวินอวี้จือที่อยู่ภายในรถม้ากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าน้องหก”เวินฉางอวิ้นขมวดคิ้ว “พูดต่อหน้าน้องหกแล้วอย่างไรเล่า น้องหกใจดี และชอบพี่หญิงของนางมาโดยตลอด ต่อให้พูดเรื่องพวกนี้กับนาง นางก็ไม่ถือสาหรอก”เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ เวินจื่อเยวี่ยและเวินอวี้จือสองพี่น้องถึงเพิ่งรู้สึกเป็นครั้งแรกว่า แท้จริงแล้วพี่ใหญ่ของพวกเขาเป็นคนหัวทึบจริงๆ “ก็เพราะว่าน้องหกใจดี พี่ใหญ่ท่านยิ่งไม่ควรพูดแบบนี้”เวินจื่อเยวี่ยเริ่มตำหนิพี่ใหญ่ของเขาอย่างไม่เกรงใจ “เวินซื่อไม่ใช่คนดีอะไร ต่อให้พี่ใหญ่เกลี้ยกล่อมนางกลับมา ต่อไปนางก็จะยังก่อเรื่องวุ่นวายในบ้าน ถ้าน้องหกได้รับบาดเจ็บอีกจะทำอย่างไร? เวินซื่อนางใช่ว่

บทล่าสุด

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 309

    “เสียใจอะไร?”เวินจื่อเฉินขมวดคิ้ว มองดูทั้งสองด้วยความไม่เข้าใจ “ตอนนี้ข้ามีชีวิตที่ดีมาก”แม้ว่าจะตัดขาดจากความรุ่งโรจน์และมั่งคั่งของจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ใช้ชีวิตเหน็ดเหนื่อยขึ้นเล็กน้อย ยุ่งขึ้นเล็กน้อยแต่ชีวิตแบบนี้กลับทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายทางจิตใจอย่างที่ไม่เคยได้เจอมานานโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากถูกงูพิษกัดในครั้งนั้น เขาสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ท่าทีของน้องสาวที่มีต่อเขาผ่อนคลายลงบ้างแล้วแม้ว่าเขาจะยังไปพบน้องสาวไม่ได้ แต่สิ่งของที่เขาส่งไปที่อารามสุ่ยเยว่ก็ไม่เคยถูกส่งคืนมาเวินจื่อเฉินรู้สึกว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ สักวันหนึ่งน้องสาวจะให้อภัยเขาดังนั้นเขาจึงไม่เสียใจ“พวกเจ้ามาหาข้าด้วยธุระอันใด? รีบบอกมาเร็ว อย่าทำให้ข้าเสียเวลาทำงานอีกเลย”ค่าจ้างของเขาในวันนี้จะคิดเป็นชั่วยามหากทำงานน้อยลง ค่าจ้างก็จะถูกคนอื่นหักไปเวินจื่อเฉินยังต้องการหาเงินให้มากขึ้นเพื่อซื้อขนมอบให้น้องสาว ไม่อยากให้ค่าจ้างของตัวเองถูกหักไปเวินจื่อเยวี่ยมองดูเวินจื่อเฉินในสภาพเช่นนี้ ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกรังเกียจ “ข้าว่านะพี่รอง ท่านดูสิว่าตอนนี้ท่านอยู่ในสภาพไหน? ผมคลุกฝุ่น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 308

    สายตาของเวินเฉวียนเซิ่งถอนกลับจากภายนอกอย่างช้า ๆ เขาเหลือบมองขาของเวินจื่อเยวี่ยอย่างเฉยชา“ยังไม่รู้ว่าเป็นนางจริง ๆ หรือเปล่า แต่คาดเดาว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับนางอย่างตัดไม่ขาด”“ข้ารู้อยู่แล้ว!”เวินจื่อเยวี่ยพูดอย่างโกรธเคือง “เวินซื่อจะไม่ปล่อยน้องหกไปแน่! คราวก่อนก็ใส่ร้ายน้องหกว่าขโมยกระดูกของท่านแม่ไป ตอนนี้แทนที่จะยอมรับผิดกลับเล่นงานฝ่ายตรงข้าม ซ้ำยังกล้าโกหกและร้องเรียนต่อฝ่าบาท ทำให้น้องหกถูกขังไว้ในวัง!”เมื่อได้ยินคำพูดครึ่งแรกของเวินจื่อเยวี่ย เวินเฉวียนเซิ่งก็นิ่งไปเล็กน้อยแต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไรสักอย่าง“ในเมื่อมีความเกี่ยวข้องกับเวินซื่อ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไม่ต้องไปหานางอีกหรือ?”เวินอวี้จือขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ค่อยอยากจะไปพบเวินซื่อสักเท่าใด“ถ้าพวกเจ้าไม่อยากไป ก็สามารถไปหาพี่รองของพวกเจ้าได้”เวินเฉวียนเซิ่งเสนอความคิดให้พวกเขาอย่างเฉยชาเมื่อเวินอวี้จือได้ยินดังนั้น ก็ลูบคางเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรขึ้นมาเวินจื่อเยวี่ยลังเลเล็กน้อย “พี่รองเขาจะตอบตกลงไหม?”ครั้งที่แล้วตอนที่เวินจื่อเฉินออกจากจวนเจิ้นกั๋วกง ก็เอะอะโวยวายกว่าพี่ใหญ่เสียอีกสีหน้ามีแว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 307

    “ท่านพ่ออีกคน ท่านก็เหมือนกัน ลูกรู้ว่าท่านลำเอียงเข้าข้างน้องหก แต่หัวใจของท่านก็อย่าเอนเอียงจนเกินไป!”เวินฉางอวิ้นจ้องเขม็งใส่บิดาท่านนี้ที่เขาเคยเคารพศรัทธามาโดยตลอดทั้ง ๆ ที่เคยเป็นแบบอย่างที่เขาอยากเดินตาม แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าอะไร ๆ ล้วนไม่จริง!ตัวตนของน้องหกก็ไม่จริงความรู้สึกของพ่อที่มีต่อแม่ก็ไม่จริงยังมีภาพลักษณ์พี่ชายที่ดีที่สุดในเมืองหลวงของเขา ก็ไม่จริงเช่นกัน!เขาไม่สมควรที่จะเรียกตัวเองแบบนั้น!เมื่อนึกขึ้นมาในตอนนี้ เขารู้สึกเสียใจมากจริง ๆทั้ง ๆ ที่เขาเป็นพี่ชายคนโตของครอบครัวนี้ แต่กลับไม่ห้ามน้องสาวออกบวช และไม่ได้เกลี้ยกล่อมน้องชายที่ออกจากบ้านให้กลับมาบัดนี้เมื่อเขาได้สติในที่สุด ก็ได้สูญเสียน้องห้าและน้องรองไปแล้วเวินฉางอวิ้นมองดูน้องชายสองคนที่เหลืออยู่ในบ้าน มองดูพวกเขาเหมือนกับตัวเองเมื่อก่อนทุกประการ ท่าทางไม่มีสติเลยแม้แต่นิดเดียวเขาอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “น้องสาม น้องสี่ ดูแลครอบครัวนี้ให้ดี หากพวกเจ้ายังไม่ได้สติอีกล่ะก็ ครอบครัวนี้ก็จะแตกแยกจริง ๆ แล้ว!น่าเสียดายที่เวินจื่อเยวี่ยไม่เข้าใจเวินอวี้จือก็ไม่เข้าใจเช่นกันพวกเขามองพี่ใหญ่ท

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 306

    การระเบิดคำถามอย่างกะทันหันของเวินฉางอวิ้น ทำให้ทั้งเวินจื่อเยวี่ยและเวินอวี้จือที่ตั้งใจจะคุยกับเวินจื่อเยวี่ยตกตะลึงไปเวินเฉวียนเซิ่งไม่ได้เอ่ยปาก เพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางเหลือบมองเวินฉางอวิ้นเวินจื่อเยวี่ยเปิดปาก อยากจะพูดบางอย่างเพื่อโต้แย้ง แต่สุดท้ายก็แค่บ่นด้วยความอึดอัดใจ “นั่นจะโทษตัวนางก็ไม่ได้ และไม่ใช่พวกเราที่บีบบังคับให้นางออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงให้ได้นี่”เวินฉางอวิ้นยิ้มเยาะ โยนมาให้เขาแล้ว พลางเอ่ยอย่างราบเรียบ “น้องสาม ดวงตาของเจ้าบอดแล้ว ข้าก็เช่นกัน พวกเราทุกคนก็เช่นเดียวกัน”“มีเพียงน้องรองเท่านั้นที่ได้สติแล้ว เขาเข้าใจทุกอย่าง ดังนั้นจึงไปจากบ้านหลังนี้โดยไม่ยอมหวนกลับเหมือนน้องห้า”“ได้สติอะไร แค่ออกไปเป็นคนโง่เท่านั้นเอง”เวินจื่อเยวี่ยกล่าวอย่างไม่แยแส“พี่ใหญ่ ท่านไม่ได้แอบไปดูหรือ? เขาออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงของเรา แม้แต่ที่อยู่อาศัยของตัวเองยังหาไม่ได้ด้วยซ้ำ ทำได้เพียงออกไปสร้างกระท่อมฟางโทรม ๆ เหมือนขอทาน นี่น่ะหรือได้สติอย่างที่พี่ใหญ่ว่า? ข้าว่าเขาเป็นแค่เรื่องขำขันมากกว่า”แต่เวินฉางอวิ้นกลับเหลือบมองเขาด้วยสีหน้าเวทนา“เจ้าบอกว่าน้องรองเสียสติ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 305

    จวนเจิ้นกั๋วกงห้องหนังสือ“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ ข้าไม่นึกเลยว่าพวกท่านจะปฏิบัติกับน้องหกแบบนี้!”“พวกท่านรู้ดีว่าวังหลังนั่นคือสถานที่อะไร รู้ดีว่าพระองค์เกรงกลัวจวนเจิ้นกั๋วกงของเราแค่ไหน พวกท่านยังกล้าวางใจทิ้งน้องหกไว้ที่นั่นอีก!”“ถ้าน้องหกอยู่ในวังถูกข่มเหงรังแกจะทำอย่างไร? หากพวกเราไม่ได้อยู่ใกล้ตัวนาง ใครจะสามารถปกป้องนางได้?!”“ได้ ได้! ในเมื่อพวกท่านไม่ไปหานาง ถ้าอย่างนั้นข้าจะไป!”“หากรู้ตั้งแต่แรกว่าวันนั้นหลังจากน้องหกตามพวกท่านเข้าวังไปแล้ว จะถูกพวกท่านทิ้งไว้ที่นั่นล่ะก็ ต่อให้ขาข้างนี้ของข้าต้องพิการก็จะตามพวกท่านเข้าวังไปด้วย!”สกุลเวินในเวลานี้เกิดการโต้เถียงใหญ่โตมาสองวันแล้ว เพราะเรื่องที่เวินเยวี่ยเข้าวังพูดให้ถูกก็คือ ส่วนใหญ่เป็นการโวยวายเพียงฝ่ายเดียวของเวินจื่อเยวี่ยเป็นหลักแม้ว่าเวินอวี้จือจะไม่เอะอะโวยวายเหมือนกับเวินจื่อเยวี่ย แต่ทุกครั้งเมื่อเวินจื่อเยวี่ยเสียงดัง โดยพื้นฐานเขาก็ยืนอยู่ข้างเวินจื่อเยวี่ยเสมอส่วนพ่อลูกคู่นี้เวินเฉวียนเซิ่งและเวินฉางอวิ้น ทั้งสองนั้นมีนิสัยใจคอเหมือนกัน ในตอนแรก ๆ ยังสามารถอดทนไว้ได้ อธิบายให้พวกเข้าฟังอย่างใจเย็น ไม่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 304

    เหลียงหมอมอคือคนเก่าคนแก่ที่อยู่ข้างกายองค์ไทเฮา และไทเฮาก็เจาะจงสั่งให้มาอบรมกฎเกณฑ์แก่เวินเยวี่ยดังนั้นนางจึงตอบปฏิเสธคำร้องขอของเวินเยวี่ยอย่างไม่ลังเล “ขออภัยด้วยคุณหนูหกสกุลเวิน เนื้อตัวของท่านมีกลิ่นอายชนบทมากเกินไป เพื่อให้ท่านได้เรียนรู้กฎเกณฑ์และกลายเป็นผู้สูงศักดิ์ในวังได้โดยเร็ว บ่าวจึงต้องเข้มงวดกับท่านเล็กน้อย”เมื่อได้ยินคำว่า “กลิ่นอายชนบทมากเกินไป” สีหน้าของเวินเยวี่ยก็บึ้งตึงขึ้นมาอย่างทนไม่ไหวทันทีนังแก่นี่กล้าดูหมิ่นนางได้อย่างไร?เวินเยวี่ยกัดฟันด้วยความโกรธ พลางข่มไฟโทสะไว้ “แต่ว่าพระองค์ตกหลุมรักข้าตั้งแต่แรกเห็น หากข้าไม่ทันระวังได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าในขณะที่เรียนรู้กฎเกณฑ์จากท่าน เกรงว่าหมอมอจะลำบากกระมัง?”ลูกไม้ตื้น ๆ แบบเวินเยวี่ยนี้ เหลียงหมอมอเคยเห็นมามากแล้วนางยิ้มเล็กน้อย “คุณหนูหกสกุลเวิน คำพูดของท่านนั้นไม่ถูกต้อง”เวินเยวี่ยไม่แยแส “ตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง?”“ไม่มีตรงไหนถูกต้องเลย พระองค์ทรงตกหลุมรักท่านตั้งแต่แรกเห็น ต้องการรับท่านเข้าวังในฐานะพระสนม ดังนั้นถึงให้ท่านเข้ามาเรียนรู้กฎเกณฑ์ในตำหนักของไทเฮา แต่ตอนนี้ท่านไม่เพียงแต่ไม่ตั้งใจเรียนรู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 303

    เวินฉางอวิ้นทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ“ไม่ใช่ขนมอบถั่วเขียวหรือ? ถ้าอย่างนั้นก็เป็นขนมกุ้ยฮวา?”รอยยิ้มบนใบหน้าของเวินซื่อสดใสขึ้น แต่ก็เย็นชาลงเช่นกัน “ขนมกุ้ยฮวา พี่ใหญ่แน่ใจหรือ? คิดว่าเป็นขนมกุ้ยฮวาจริงหรือ? ไม่อย่างนั้นพี่ใหญ่ลองเดาดูอีกครั้ง เพราะถึงอย่างไรทุกครั้งท่านก็เดาแม่นเช่นนี้เสมอ ทำไมไม่ลองดูหน่อยว่า น้องสาวที่น่ารำคาญอย่างข้าผู้นี้ มีของที่ไม่ชอบกินที่สุดมากน้อยแค่ไหนกันแน่?”ใบหน้าของเวินฉางอวิ้นซีดเผือดอีกครั้งในชั่วประเดี๋ยวเดียว“ช่างมันเถอะ ข้าชอบกินอะไรมันเกี่ยวอะไรกับพี่ใหญ่ด้วยเล่า เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ พี่ใหญ่จำไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ”น้ำเสียงของเวินซื่อเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน “เพราะถึงอย่างไรต่อให้ข้าไม่กิน แต่ก็ยังมีคนหนึ่งที่ชอบกินอย่างไรเล่า พี่ใหญ่รีบห่อกลับไปให้น้องสาวสุดที่รักผู้นั้นที่ท่านรักสุดหัวใจเถิด”“ไม่ใช่นะ...น้องห้าเจ้าฟังพี่ใหญ่อธิบายก่อน พี่ใหญ่ไม่ได้ตั้งใจซื้อขนมอบถั่วเขียวที่เจ้าเกลียดมาให้ เพียงแต่ตอนนั้นซื้อไปโดย...จิตใต้สำนึก”เวินฉางอวิ้นร้อนใจจนพูดจาไม่คล่อง พูดถึงตอนท้ายเขาเองยังรู้สึกอับอายยิ่งกว่าเดิมเมื่อคิดดูอย่างรอบคอบ ขนมอบถั

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 302

    “หากข้ากล้าทำเช่นนั้น ข้าก็ไม่ใช่คน ขอให้ฟ้าผ่าลงทัณฑ์ข้า!”เวินฉางอวิ้นยืนรับรองอยู่ข้างนอกอารามสุ่ยเยว่เป็นเวลาครึ่งชั่วยามแล้ว ลำคอแทบแห้งผาก ซือไท่เหล่านั้นถึงผ่อนคลายลง รับปากว่าจะช่วยเข้าไปพูดให้เขาแต่น่าเสียดายเหล่าซือไท่รับปากว่าจะบอกให้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเวินซื่อจะตกลงออกไป“ไม่ไป”แค่สองคำที่มีกลับมาถึงเบื้องหน้าเวินฉางอวิ้นเวินฉางอวิ้นมีหรือจะยอมแพ้ง่าย ๆ เช่นนี้“เหล่าซือไท่ได้โปรดช่วยเกลี้ยกล่อมน้องสาวของข้าอีกครั้ง ข้าแค่อยากเห็นหน้านางเท่านั้น”“ไม่ได้ ธิดาศักดิ์สิทธิ์บอกไปแล้วว่าจะไม่พบท่านก็คือไม่พบท่าน ท่านอย่ามาเสียเวลาที่นี่เลยดีกว่า รีบกลับไปเสียเถอะ”เหล่าซือไท่ที่ไม่ถูกชะตากับจวนเจิ้นกั๋วกงอยู่แล้ว หลังจากส่งต่อคำพูดจบแล้วก็รีบขับไล่เขาทันที ไม่อยากให้เวินฉางอวิ้นอยู่หน้าอารามสุ่ยเยว่ของพวกนางนานไปกว่านี้แม้แต่นิดเดียวแต่พวกนางนึกไม่ถึงว่าวันนี้ขับไล่ไป แต่หลังจากนี้เวินฉางอวิ้นก็มาอีกทุกวันทันทีที่เสร็จงานในช่วงบ่าย ไม่ได้กลับไปที่จวนเจิ้นกั๋วกงด้วยซ้ำก็ตรงมาที่อารามสุ่ยเยว่เลยมาเคาะประตูทุกวัน รบกวนจนเหล่าซือไท่หาความสงบสุขไม่ได้สุดท้ายก็ต้อ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 301

    “ท่าน วันนี้มาได้อย่างไร?”เวินซื่อมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยนางรู้ว่าวันเหมายันมาเยือนของทุกปีในราชสำนักจะมีงานเลี้ยงใหญ่ของเหล่าขุนนาง แต่ปีนี้นางไม่ได้ไปเพราะถึงอย่างไรนางก็ไม่ใช่บุตรสาวภรรยาเอกของจวนเจิ้นกั๋วกงอีกแล้วฝ่าบาททรงส่งคนมาถามนาง แต่นางก็ยังปฏิเสธอย่างสุภาพเนื่องจากออกบวชเป็นชีแล้ว งานเลี้ยงสวดขอพรเหล่านั้นที่ไม่ต้องมีนางอยู่ด้วยก็ไม่จำเป็นต้องไปอยู่แล้วแม้ว่าฝ่าบาทจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ก็หลีกเลี่ยงคำนินทากาเลไม่ได้อยู่แล้วนางไม่อยากเพิ่มความยุ่งยากใจให้ฝ่าบาทเกินไป“งานเลี้ยงสิ้นสุดลงแล้ว เหลือเพียงความสนุกสนานหลังจากร่ำสุรา ช่างน่าเบื่อหน่ายจริง ๆ สู้มาหาท่านดื่มกันสักจอกดีกว่า”เวินซื่อเลิกคิ้วขึ้น “ข้าดื่มสุราไม่ได้”“ข้ารู้ ก็เลยนำชาอย่างดีมาให้ท่านจำนวนหนึ่ง”เป่ยเฉินหยวนชูถ้วยชาขึ้น พลางเชื้อเชิญนาง “ไม่ทราบว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์จะยินดีดื่มกับข้าสักถ้วยหรือไม่?”เวินซื่อไม่ได้เห็นเขามีท่าทีจริงจังขนาดนี้มานานแล้ว จึงอดหัวเราะไม่ได้ “เป็นเกียรติอย่างยิ่ง”สองคนนั่งลงด้วยกันเป่ยเฉินหยวนยื่นน้ำชาที่เพิ่งชงเสร็จเมื่อครู่ หลังจากปล่อยให้เย็นลงเ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status