“เขาเป็นพ่อผม”คําไม่กี่คำของผู้ชายคนนั้นทําให้ลู่เฉินตกตะลึงเล็กน้อยเขาคิดว่าผู้ชายเป็นแค่คนที่วางใจของจ้าวหู่ แต่เขาไม่คิดว่าทั้งสองคนจะมีความสัมพันธ์นี้อีก“ผมได้ยินมาว่าลูกชายของจ้าวหู่ชื่อจ้าวเทียนหลง แล้วคุณเป็นใคร?" ลู่เฉินถามอย่างลองใจ“ผมชื่อจ้าวหมั่ง เป็นลูกนอกสมรสของจ้าวหู่”ผู้ชายอธิบายด้วยก้มหน้าว่า "ในตอนนั้น จ้าวหู่ข่มขืนแม่ผม แล้วให้กําเนิดผม เพื่อซ่อนเรื่องอื้อฉาวของเขา เขาไม่ได้เปิดเผยตัวตนของผม แต่บอกว่าผมเป็นบุตรบุญธรรมของเขา”“ดังนั้น คุณเกลียดเขาเหรอ?”ลู่เฉินถามอย่างมีความหมายแฝงอยู่“เกลียดแน่นอนเลย!”จ้าวหมั่งกัดฟันแล้วพูดด้วยสีหน้าที่โกรธว่า "ตอนนั้นเขาทิ้งภรรยาและลูกไป ทําให้แม่กับผมยากจน ตอนนี้เขาก็แค่ใช้ผมเป็นคนที่ช่วยเหลือจ้าวเทียนหลง ผมไม่เต็มใจที่ถูกคนเหยียบใต้เท้ามาตลอด ผมต้องเอาสิ่งที่เป็นของตัวเองคืนมา”“ดีมาก”ลู่เฉินพยักหน้าอย่างพอใจ "ในเมื่อคุณมีความทะเยอทะยาน งั้นผมจะช่วยคุณ ตราบใดที่คุณเชื่อฟัง ผมไม่เพียงแต่จะสนับสนุนให้คุณขึ้นครองต้าฟากรุ๊ปเท่านั้น ผมจะทำให้คุณเป็นกษัตริย์ของทั้งเจียงหลิงด้วย”“ขอบคุณผู้มีพระคุณครับ!”เขาเป็นคนฉลาด
หน้าตาเธอเป็นแบบที่พอผู้ชายมองแวบเดียวก็ตกหลุมรักแต่ผู้ชายคนนี้ เพียงผ่านไปแค่คืนเดียวก็ลืมเธอไปแล้วหรือว่าเธอไม่มีตัวตนอยู่แบบนี้เหรอ?“เอ่อ...คุ้นหูคุ้นตาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเราเคยเจอกัน" ลู่เฉินลองนึกย้อนดู“เมื่อวาน! ที่โรงพยาบาล! คุณรักษาคุณปู่ของฉัน! จําได้ไหม?" เด็กหญิงพูดทีละคําด้วยกัดฟัน“อ๋อ? นึกออกแล้ว คุณเป็นน้องสาวของฉาวซวนเฟย ฉาวหนานหนานใช่ไหม?" ลู่เฉินนึกขึ้นอย่างรวดเร็ว“ฉาวหนานหนานอะวะ? ฉันชื่อฉาวอานอาน ฉาวอานอานนะ!" เด็กหญิงระเบิดทันทีเธอแทบอยากจะเหยียบคันเร่งและชนคนตรงหน้าเธอให้ตายตั้งแต่เด็ก เธอยังไม่เคยถูกปฏิบัติเช่นนี้มาก่อนเลยช่างมากเกินไป!“ขอโทษครับ คุณฉาวอานอาน ที่คุณหาผม มีเรื่องไหมครับ?" ลู่เฉินเปลี่ยนเรื่องไป“แน่นอนดิ ไม่งั้นฉันมาทำไม?”ฉาวอานอานบองบนใส่เขา "รีบขึ้นรถเร็ว พี่ฉันเป็นโรคประหลาด เธอบอกว่าต้องพบคุณ!”“อึน? เกิดอะไรขึ้นกับคุณฉาวหรือ?" ลู่เฉินถาม“ฉันจะไปรู้ได้อย่างไร? คุณเป็นหมอ คุณจะต้องเป็นคนที่ตรวจสอบเหตุผลสิ ขึ้นรถ!" ฉาวอานอานพูดด้วยน้ำเสียงไม่ดีลู่เฉินจำใจมาก เขาได้แต่ขึ้นรถจากนั้น รถก็วิ่งไปท่ามกลางสายตาที่อิจฉาริษย
“ขอโทษที ผมไม่ได้ตั้งใจ”ลู่เฉินตอบสนองทันทีและรีบผลักฉาวซวนเฟยออกไปใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความอึดอัดใจอุบัติเหตุนี้มันเกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนเขาไม่ทันที่จะคิดเลย“ไม่มีอะไร เป็นปัญหาของฉันเอง อาจเป็นเพราะฤทธิ์ยาแรงเกินไป เมื่อกี้ฉันทนไม่ไหวจริงๆ" ฉาวซวนเฟยพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานขณะที่เธอพูด เธอยังขึงตาใส่ฉาวอานอานอีกมันไม่ง่ายเลยที่ฉันจะมีโอกาสที่มีความรัก ทําไมเธอถึงไม่รู้กาลเทศะขนาดนี้เลย?ถ้าเห็นแล้วเธดอก็ออกไปข้างนอกอย่างเงียบๆไม่ดีเหรอ? ต้องตะโกนโหวกเหวกอย่างนี้ฉันจะหักเงินค่าขนมของเธอเดือนนึง“ฉาวอานอาน มาช่วยพยุงพี่สาวคุณไปนอนบนเตียงก่อน" ลู่เฉินกล่าว“ฮึ่ม! แน่นอนว่าฉันต้องไปพยุง หรือว่าคุณยังอยากจะลวนลามพี่ฉันหรือ?”ฉาวอานอานมองบนใส่แล้วพยุงฉาวซวนเฟยที่สีหน้าไม่ดีกลับไปที่เตียง“คุณฉาวครับ คุณถอดเสื้อผ้าออกแล้วนอนคว่ำบนเตียงครับ" ลู่เฉินพูดอีกครั้ง“ถอดเสื้อผ้าเหรอ? ถุยไอ้บ้ากาม ยังไม่ยอมแพ้เลยเหรอคุณ?”พอฉาวอานอานได้ยินอย่างนี้ เธอก็กระโดดขึ้นทันที“อย่าเข้าใจผิดนะ ผมต้องฝังเข็มเพื่อบีบสารพิษออกจากร่างกายของพี่สาวคุณ มิฉะนั้นเธอจะอึดอัดมากขึ้นเรื่อยๆ จนควบ
“คุณลู่มีวิธีที่ดีไหม?" ฉาวซวนเฟยถาม“ผมต้องเข้าใจสถานการณ์ก่อน ถึงจะมีมาตรการตอบโต้ที่สอดคล้องกันได้ คุณฉาวครับ ผมขอถามหน่อยว่า วันนี้คุณเคยไปที่ไหนมา? แล้วได้เจอใคร?" ลู่เฉินถาม“วันนี้ฉันได้พบกับหม่าเทียนหาว เขานัดฉันไปคุยธุรกิจ ต่อมาก็คุยถึงเรื่องคู่ร่วมมือ แต่ถูกฉันปฏิเสธไปหมดแล้ว" ฉาวซวนเฟยตอบตามความจริง“อ๋อ? แล้วคุณเคยดื่มเหล้าที่เขาเทให้ไหม?" ลู่เฉินถามต่อ“ไม่มีแน่นอนเลย หม่าเทียนหาวคนนี้ทะเยอทะยานและอยากจะได้อุตสาหกรรมของตระกูลฉาวมาตลอด ฉันเตรียมป้องกันมานานแล้ว ฉันจะกินของที่เขาให้อย่างลวกๆได้อย่างไร?" ฉาวซวนเฟยส่ายหัว“พี่ ถ้าตามที่คุณพูด งั้นก็แปลกไปหน่อย คุณไม่ได้กินไม่ได้ดื่ม แล้วจะได้รับพิษได้ยังไง?" ฉาวอานอานสงสัย“ฉันจะรู้ได้อย่างไร?" ฉาวซวนเฟยมองบนใส่“คุณฉาวครับ ตอนที่พวกคุณเจอกัน คุณเคยได้กลิ่นอะไรหรือได้เจออะไรพิเศษบ้างไหม?" ลู่เฉินพยายามเตือน“เอ๊ะ พอคุณพูดแบบนี้ ฉันกลับนึกขึ้นได้แล้ว”ทันใดนั้นฉาวซวนเฟยก็นึกขึ้นในฉับพลัน "ตอนแรกที่ฉันเข้าไปในห้อง ฉันเคยได้กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์มากจริงๆ ตอนนั้นฉันคิดว่าเป็นอโรมาเธอราพีหรืออะไร เลยไม่ได้สนใจมากนัก ต
ตอนเที่ยงลู่เฉินนั่งรถมาที่ตระกูลหลี่บ้านนั้นตั้งอยู่ในหมู่บ้านในเมือง พื้นที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก มันมีสนามหญ้าเล็กๆแห่งหนึ่งที่ปลูกดอกไม้อยู่บ้างไว้เมื่อลู่เฉินลงจากรถ สิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือหลี่ชิงเหยาที่อยู่หน้าประตูเดิมทีเขาตั้งใจจะทำเป็นไม่เห็นเธอ แต่ก่อนที่เขาจะเข้าประตูไป เขาก็ถูกอีกฝ่ายเรียกหยุดไว้“หยุดนะ ฉันมีเรื่องจะบอก!”"อะไร?"ทั้งสองหันหลังให้กัน ต่างก็หันหน้าไปทางอากาศ“ช่วงนี้สุขภาพของคุณปู่ไม่ค่อยดีนัก ฉันยังไม่ได้บอกเรื่องการหย่าร้างของเรากับเขาเลยเผื่อว่าเขาจะยอมรับไม่ได้”“คุณคิดว่าเรื่องแบบนี้จะปิดได้หรือ?”“หลังผ่านเทศกาล ฉันจะหาโอกาสบอกให้คุณปู่ทราบ แต่ไม่ใช่วันนี้!”“อืม ผมเข้าใจแล้ว มีอะไรอีกไหม?”"ไม่มีแล้ว"พอพูดอย่างเย็นชาจบ หลี่ชิงเหยาก็หันหลังกลับและเข้าไปในบ้านเธอไม่ได้มองไปที่ลู่เฉินแม้แต่แวบเดียวด้วยซ้ำตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งสองคนก็ทำตัวเหมือนเป็นคนแปลกหน้าลู่เฉินหายใจเข้าลึกๆ เขาเดินเข้าไปพร้อมเหล้าทันทีที่เขาเข้าไปในห้องนั่งเล่น เขาก็พบว่ามีคนมากมายมารวมตัวกันอยู่ข้างในแล้วญาติสายตรงของตระกูลหลี่ที่ควรมาก็ได้มาถึงแล้วมีเพียงลี่เจ
ในไม่ช้า คราฟต์เหล้าสองขวดที่บรรจุภัณฑ์เก่าๆก็ถูกเผยให้เห็นต่อหน้าทุกคน“ฮ่าฮ่า... ผมยังนึกว่ามันเป็นสิ่งที่ดีอะไร ที่แท้เป็นคราฟต์เหล้าสองขวดเท่านั้นเหรอ?”หลี่ห้าวพูดด้วยความดูถูก“คราฟต์เหล้าอย่างนี้ อย่างมากก็แค่ขวดละหมื่นบาท ช่างต่ำต้อยจริงๆ จะเทียบได้กับโรมานี-คอนติของคุณหยางได้อย่างไร?”“ใช่แล้ว คราฟต์เหล้าราคาถูกเกินไป แม้แต่สุนัขก็ไม่ยอมดื่มเลย!” มีคนพูดคล้อยตามที่จริงแล้วคราฟต์เหล้าก็ไม่ได้แย่มาก แต่เมื่อเปรียบเทียบแล้วมันก็ไม่คุ้มที่จะพูดถึงเลย “ฮึ่ม! ไวน์ราคาถูกอย่างนี้แกยังกล้านำมาเหรอ? ช่างน่าอายจริงๆ!” จางชุ่ยฮัวพูดอย่างประชด“เหล้าคราฟต์ถูกชมว่าเป็น'ไวน์ประจำชาติ' มันจะต่ำต้อยได้ยังไง? หรือว่ามีเพียงไวน์จากต่างประเทศเท่านั้นที่สูงส่งหรอ?” ลู่เฉินพูดอย่างสงบ“ขวดไวน์ของคุณหยางมีมูลค่ามากกว่าแสนบาท แต่ของคุณมีราคาเพียงหมื่นบาท มันไม่ต่ำต้อยหรือ?” สีหน้าของหลี่ห้าวเต้มไปด้วยความรังเกียจ“ไวน์ราคาแพงไม่จำเป็นต้องดีเสมอไป จุดที่สำคัญคือตัวเองชอบก็พอ อีกอย่าง คุณรู้ได้อย่างไรว่าไวน์ของผมไม่ได้แพงเท่าของหยางเหว่ยล่ะ” ลู่เฉินโต้กลับ“ความจริงได้เผยอยู่ตรงหน้าแกแล้ว แก
“พ่อไม่ได้ล้อเล่นมั้ง? นี่เป็นคราฟต์เหล้าที่เก็บมาหลายปีจริงๆเหรอ?”หลี่ห้าวเบิกตากว้างๆและเขาไม่อยากจะเชื่อ“ใช่นะหลี่เจิ้น! เหล้านี้ทั้งเหลืองทั้งขุ่น ไม่ใช่ของปลอมเหรอ?”จางชุ่ยฮัวก็ดูตกใจเช่นกัน“พวกคุณไม่รู้หรอก คราฟต์เหล้าที่เก็บมาหลายปีล้วนเป็นสีนี้หรอก และยิ่งเหล้ามีอายุมาก สีก็จะยิ่งเข้มขึ้น คนที่รู้จักเหล้าจะรู้เรื่องนี้กัน” หลี่เจิ้นอธิบายหลังจากได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนเป็นแปลกไปก่อนหน้านี้พวกเขาเอาแต่พูดว่ามันเป็นเหล้าปลอม แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะถูกท้วงติงในชั่วพริบตาถ้าคนอื่นพูดแบบนี้พวกเขาก็อาจจะไม่เชื่อแต่หลี่เจิ้นซึ่งเป็นคนที่ดื่มเหล้ามากที่มีประสบการณ์และความรู้ที่กว้างขวาง เขาไม่อาจตัดสินผิดได้เลย“ผมเคยไปทานข้าวกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงและเคยได้รับเกียรติให้ดื่มคราฟต์เหล้าครั้งหนึ่ง ผมจึงจำได้ชัดเจนมาก ขนาดเหล้าแก้วนี้ก็ยังหอมและเนียนนุ่มกว่าที่ผมเคยดื่มมานั้นมาก ผมเดาว่ามันคงได้เก็บมามากกว่าห้าสิบปีแล้ว!”หลี่เจิ้นเม้มริมฝีปาก ดูเหมือนว่าเขายังไม่หนำใจเลย“เหล้าที่มีอายุมากกว่าห้าสิบปีหรอ? มันจะมีมูลค่าเท่าไหร่หรือครับ?” หลี่ห้าวถามโดยไม่รู้
ทันใดนั้นหยางเหว่ยก็เคาะโต๊ะแล้วพูดด้วยเสียงดังว่า "ท่านผู้อาวุโสและเพื่อนๆทั้งหลาย ผมขอบอกข่าวดีแก่พวกคุณหน่อยนะ เภสัชกรรมตระกูลหยางเรากำลังวางแผนที่จะเพิ่มทุนในเมื่อเร็วๆนี้ ไม่รู้ว่ามีใครในนี้สนใจที่จะเข้าร่วมหรือไม่"“เพิ่มทุน?”เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งนี้ สายตาของพวกเขาก็หันไปทางเขากันหมดเภสัชกรรมตระกูลหยางเป็นบริษัทที่ยอดเยี่ยมนะมันอยู่ในระดับไม่ที่หนึ่งก็ที่สองในอุตสาหกรรมการแพทย์ของเมืองเจียงหลิงในเมื่อก่อนที่อยากจะลงทุนก็ยากมากเลย แต่ปัจจุบันจู่ๆก็ต้องเพิ่มการลงทุน เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจจริงๆ“คุณหยางครับ ทำไมอยู่ดีๆจะต้องเพิ่มการลงทุนล่ะ? เป็นเพราะขาดเงินทุนหรือ?” หลี่ชิงเหยาถามอย่างอยากรู้อยากเห็น“ไม่ใช่แน่นอนสิ เหตุผลที่เราตัดสินใจแบบนี้ก็เพราะว่าบริษัทเราจะพัฒนาเป็นบริษัทมหาชนจำกัดแล้ว”หยางเหว่ยยิ้มและอธิบายว่า "ทุกคนรู้ดีว่าเภสัชกรรมตระกูลหยางเรามีรากฐานและความสามารถมาก การเพิ่มทุนครั้งนี้มีจุดประสงค์หลักเพื่อให้ผลประโยชน์แก่พนักงานเก่าบางคน"“เนื่องจากมันมีจำนวนจำกัด จึงไม่ได้ประกาศต่อสาธารณะชน หากพวกคุณสนใจ ผมให้จำนวนส่วนของโอกาศที่ลงทุนแก่พวกคุณได้”ทันที