"ยัยหม้อแกง หม้อแกง หม้อแกงโว้ย!"
เสียงตะโกนของเพื่อนรักดังขึ้นใกล้ใบหู หญิงสาวเอามือปิดไว้แทบไม่ทัน เนื่องจากว่าเสียงแหลมตะโกนโหวกเหวกใส่ จนรู้สึกสะดุ้งตกใจ เรียกด้วยเสียงปกติก็ได้ไหมล่ะ เธอก็ไม่ได้หูหนวกสักหน่อย
"อะไรของแกเนี่ย เสียงดังอะไรขนาดนั้น แล้วมีอะไรล่ะ"
หม้อแกงเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด รู้สึกว่าตอนนี้เริ่มอารมณ์เสียแล้ว เพราะว่าตอนนี้เธอกำลังมีสมาธิจดจ่ออยู่กับหนุ่มหล่อ เรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์สาขาโยธา ผู้ชายคนนั้นเขาชื่อปอร์เช่ เธอแอบชอบเขามานานตั้งแต่เรียนอยู่ปี 2 แต่ด้วยความเนิร์ดของเจ้าหล่อนที่แม้แต่หมาสักตัวยังไม่ชายตาแลมอง จึงทำได้เพียงแค่แอบมองอยู่ห่าง ๆ เท่านั้น
"แกจ้องมันจนจะกินไปทั้งตัวเลยนะยะ มองขนาดนั้นจับทำผัวเลยดีไหม"
ยัยเพนตี้เพื่อนร่วมคณะของเธอซึ่งเป็นเพื่อนสนิทมากอีกคน แต่ไม่น่ามาคบกันได้หรอก คนหนึ่งดีกรีดาวคณะมนุษยศาสตร์ สวยมากถ้าเทียบกับเธอถือว่าห่างกันโขเลย
"ก็ฉันชอบอยากมองนี่นา มันผิดมากเลยหรือไง"
หญิงสาวเอ่ยถามออกไปตามตรง การที่เราชอบใครสักคนก็อยากที่จะมองเขาให้นานที่สุด มันผิดมากนักหรือยังไง
"เฮ้อ! เลิกชอบมันเถอะยัยหม้อแกงเอ๊ย มันไม่สนใจแกเลยสักนิด หยิ่งก็หยิ่ง มีตรงไหนที่มันน่าชอบล่ะ"
และเมื่อเพื่อนสาวพูดออกมาแบบนั้นเธอก็คล้อยตามคำพูด มันก็จริงอย่างที่ว่าแหละ เธอพยายามยิ้มให้เขาอยู่ตลอด แต่ทว่าชายหนุ่มกลับทำเหมือนไม่สนใจ เดินผ่านไปอย่างไม่ไยดี ก็ใช่สิเรามันไม่สวยนี่ ใส่แว่นหนาเตอะ หน้าตาเฉิ่มเบ๊อะ จะมีดีหน่อยก็ตรงที่เรียนเก่งมาก จบเกียรตินิยมอันดับ 1 แน่นอน ถือว่าน่าภูมิใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
"เอาเถอะได้แค่มองก็พอแล้วแหละ ไม่เห็นจะต้องคิดอะไรเยอะเลย คนเราจะรักใครสักคน แค่ได้แอบรักก็พอแล้วนี่ ไม่ต้องคาดหวังว่าจะได้คบหรอก"
ก็เพียงพอแล้วสำหรับคนอย่างเธอ ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้คบกับเขาหรอก อีกอย่างผู้หญิงที่ปอร์เช่ควงแต่ละคนนั้น แค่หน้าอกหน้าใจเธอก็สู้ไม่ได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น โดยเฉพาะสาวเฉิ่มแบบเธอไม่ใช่สเปคหรอก
"แล้วแต่แกเหอะ ปะ! ไปเรียนกันได้แล้ว วันนี้อาจารย์สอบสนทนาด้วย เดี๋ยวสายอีก"
เมื่อเพนตี้พูดจบก็ถือกระเป๋าขึ้นมาไว้ในมือ ก่อนจะลากคอเพื่อนรักพาไปยังตึกเรียนทันที ย้ำเลยนะว่าลาก...
หญิงสาวถอนหายใจออกมาเล็กน้อย เดินตามไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราสองคนเรียนอยู่สาขาวิชาภาษาญี่ปุ่น มหาวิทยาลัย NRU ที่บ้านเปิดร้านขนมไทย ไม่ต้องแปลกใจหรอกว่าชื่อนี้ได้มาจากไหน แล้ววันนี้เป็นวันเปิดภาคเรียนวันแรก เข้าเรียนตอน 10 โมงเช้า แต่เธอชอบมาเช้ากว่าปกติ เพราะว่ามานั่งดูผู้ชายที่ชอบรับน้องที่หน้าตึกคณะวิศวะ พอนึกถึงเขาทีไรหัวใจมันก็เต้น รู้สึกเขินจนตัวบิด
"แกมโนอะไรอยู่ยัยหม้อแกง"
เสียงแหลมทำลายฝันอันแสนหวานของเธอ เหมือนกำลังหลับตามองเห็นภาพอันสวยงาม ทว่าถูกบางสิ่งบางอย่างปามา และมันแตกสลายลงตรงหน้า หญิงสาวเหลือบสายตาหันไปมองเพื่อนสนิท ก่อนจะเบ้ปากใส่ด้วยความหมั่นไส้
"แกนี่มันมารขัดขวางความสุขในจินตนาการของฉันจริง ๆ เลยนะ นี่แหนะ!"
หม้อแกงหยิบปากกาไปตีหัวเพื่อนหลายที จนเพนตี้ร้องลั่นหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนานเต็มห้องเรียน
"โอ๊ยยัยบ้า หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะเว้ย"
เพนตี้ยื่นมือมาตีเพื่อนสนิทคืน สู้รบกันอยู่แบบนั้นจนอาจารย์เดินเข้ามา ทั้งสองคนจึงรีบวิ่งไปนั่งลงที่โต๊ะ ไม่อย่างนั้นจะโดนลงโทษเอาได้
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ตั้งใจเรียนหนังสือ ตั้งใจสอบตามที่อาจารย์สั่ง และกว่าที่จะหมดคาบเรียนก็เล่นเอาพวกเธอรู้สึกเหนื่อยล้า
"เอาล่ะวันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้ส่งรายชื่อสถานที่ฝึกงานให้ครูด้วยนะ"
พูดจบอาจารย์ก็เดินออกไปจากห้องทันที ลืมบอกไปเลยสินะว่าตอนนี้พวกเธอเรียนอยู่ชั้นปีที่ 4 เทอมหน้าจะต้องทำการฝึกงาน อาจารย์ถึงบอกให้ส่งรายชื่อสถานที่ฝึกงานไงล่ะ แล้วจะอยู่ทำไมเล่า ไปกินข้าวที่โรงอาหารตึกวิศวะดีกว่า
"เพนตี้จ๋า"
หม้อแกงเอ่ยออกมาเสียงอ่อนเสียงหวาน และเมื่อเพนตี้ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจใส่ทันที
"ไปกินข้าวที่ตึกวิศวะกัน"
และเมื่อหญิงสาวได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มกว้างออกมาทันที ก่อนจะกระโดดกอดเพื่อนด้วยความดีใจ
"รู้ใจฉันที่สุดเลย น่ารักมากเลย จุ๊บ"
หม้อแกงดึงเพนตี้ออกมาจากห้องเรียน จากนั้นก็พากันมาที่โรงอาหารของตึกวิศวะ ซึ่งตอนนี้เห็นปอร์เช่กับแก๊งเพื่อน ๆ นั่งอยู่ เธอจึงรีบเข้าไปหาที่นั่งให้อยู่ใกล้ชายหนุ่มมากที่สุด จะได้เห็นหน้าตลอดเวลา
ทางด้านของปอร์เช่หลังจากที่เขารับน้องเสร็จ ก็มานั่งเล่นตรงโรงอาหารของตึกวิศวะ วันนี้เขาไม่ได้มีเรียน แต่ต้องมาดูการรับน้องจึงจำเป็นต้องมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วตอนนี้เขากำลังนั่งกินข้าวอยู่ ทว่าเสียงของเพื่อนที่นั่งอยู่เคียงข้างก็เอ่ยขึ้น
"เฮ้ยพวกมึง นั่นเพนตี้ดาวคณะมนุษย์เปล่าวะ"
ชายหนุ่มหันไปมองตามที่เพื่อนชี้ ก่อนจะสบตาเข้ากับยัยแว่นสุดเนิร์ดที่นั่งอยู่เคียงข้างดาวคณะมนุษยศาสตร์ แต่ทว่าเมื่อสบตากันหญิงสาวก็รีบก้มหน้าหลุบมองต่ำ หึ... ไม่แน่จริงนี่หว่า ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะว่าเธอคิดอะไร เจอกันทีไรก็แอบมองตลอด เขารู้ตั้งแต่เรียนอยู่ประมาณปี 2 แล้ว นั่งอยู่ที่ไหนก็ตามไปเฝ้า ทำขนาดนี้ใครไม่รู้ก็โง่แล้ว
"ใช่! โคตรน่ารักเลยอะมึง ส่วนคนข้าง ๆ นั่นอย่าไปยุ่งนะมึงของไอ้ปอร์เช่มัน"
ไทเกอร์เอ่ยออกมาพร้อมกับหันมามองสบตากับเพื่อนรัก และไม่ใช่แค่เขาที่รู้ เพื่อนคนอื่นก็รู้เหมือนกัน
"ไอ้สัส! ยัยนั่นไม่ใช่ของกูโว้ย"
และเมื่อปอร์เช่เอ่ยปฏิเสธแบบนั้น บรรดาพวกเพื่อนที่นั่งอยู่ก็หัวเราะกัน แซวแบบนี้ตั้งแต่เรียนปี 2 แล้วละมั้ง คงเพราะว่ายัยแว่นนั้นตามติดอย่างกับผีสิง มีเขาอยู่ที่ไหนเธอจะต้องโผล่มาอยู่ที่นั่นตลอด ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เคยเดินมาบอกชอบเขาตามตรง แต่ก็ใช่ว่าคนปกติจะไม่รู้ โดยเฉพาะไอ้เพื่อนเวรทั้งหลายเนี่ยแหละ ช่างสังเกตกันมาก
"ฮ่า ๆ"
"ขำวะ!"
"นี่ไอ้ปอร์เช่ ยัยแว่นนั้นตามติดแกตั้ง 2 ปีแล้ว แม่งโคตรมีความพยายามสูงเลย กูล่ะยอม"โดมิโนพูดขึ้นพร้อมกับแสดงสีหน้าแห่งความนับถือผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่คิดว่าจะรักมั่นคงขนาดนั้น ถ้าเป็นคนอื่นคงจะมาบอกชอบตั้งนานแล้ว และเขาเองก็คิดว่าแบบนั้นแหละ โคตรสุดยอดเลย"ถ้ายัยนั่นมาบอกชอบมึง มึงจะเอาหรือเปล่าล่ะ"ไทเกอร์เอ่ยถามเพื่อนรักด้วยความใคร่รู้ เอาจริงถึงแม้จะแซวกันตลอด แต่พวกเขาก็ไม่เคยรู้เลยว่าถ้าวันนั้นมาถึง ปอร์เช่จะให้คำตอบแบบไหน แต่ไอ้พวกบ้านี่มันก็ช่างกล้าถามเนาะ"กูไม่คิดว่าคำถามนี้จะออกมาจากปากมึงนะ"หลังจากที่เขาเอ่ยออกมาแบบนั้น พวกเพื่อนก็หัวเราะออกมาทันทีอยากรู้คำตอบ ยัยบ้านั่นไม่ใช่สเปคของเขาหรอก ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ไม่เอามาทำเมียเด็ดขาด"พนันกับกูไหมล่ะไอ้ปอร์เช่"เขาหันไปมองใบหน้าของไทเกอร์ก่อนจะเลิกคิ้วด้วยความสงสัย มันกำลังจะชวนเล่นตลกอะไรอีกล่ะ สรรหาทำแต่ละอย่างเรื่องดี ๆ ทั้งนั้น"พนันอะไรวะ""กูให้เวลามึงเทอมหนึ่ง หลอกล่อยัยแว่นให้มาเป็นของมึงให้ได้ ถ้าสำเร็จเมื่อไหร่จะทิ้งหรือว่าเลิกก็แล้วแต่เลย"เขามองใบหน้าของเพื่อนก่อนจะยกเท้าขึ้นถีบตรงหน้าขาของมัน ความคิดแต่ละอย่างโคตรเห
โรงอาหารคณะวิศวะ..."ว่าไงไอ้ปอร์เช่ รุกยัยแว่นไปถึงไหนแล้ววะ"และเมื่อปอร์เช่เดินเข้าไปนั่งอยู่ที่โต๊ะ ไทเกอร์ก็ส่งเสียงมาเอ่ยถามทันที ไม่รู้จะอยากสอดรู้สอดเห็นอะไรเรื่องของเขานักหนา ถ้าไม่ติดว่าพนันกับมันไว้ เขาจะไม่บอกอะไรแม้แต่นิดเดียว"ไม่เสือกสิเกอร์"ชายหนุ่มยักคิ้วให้เพื่อนอย่างกวนประสาท ขยับตัวนั่งลงตรงข้ามกับแบรี่ ที่ตอนนี้จ้องมองหน้าเขาเหมือนเป็นคนแปลกประหลาด"มึงเป็นเหี้ยอะไรไอ้แบรี่ ไม่ต้องจ้องขนาดนั้นกูรู้ว่าตัวเองหล่อเว้ย"เขาเอ่ยออกไปติดตลก แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เพื่อนจะไม่ขำเสียแล้ว"มึงอย่าไปยุ่งกับเขาเลยปอร์เช่ กูสงสารยัยนั่น ถ้ารัก และหลงมึงจนถอนตัวไม่ขึ้น มันจะเป็นบาปติดตัวมึงเปล่า ๆ"ทุกคนทั้งโต๊ะจ้องมองไปยังแบรี่ด้วยความทึ่ง เพราะไม่คิดว่าเพื่อนรักจะพูดยาวเหยียดขนาดนี้"ตั้งแต่คบกันมา วันนี้มึงพูดยาวที่สุดเลยนะเว้ย"เขาหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน ไม่ได้มีความสำนึกกับสิ่งที่เพื่อนเตือนเลยแม้แต่น้อย มันจะอะไรนักหนา เธอชอบเขา เขาก็สนองให้ไง วิน ๆ ทั้งคู่ ก็แค่อยากได้เบอร์น้องมะปรางเองไหมล่ะ เชื่อเถอะไม่ถลำตัวมากขนาดนั้นหรอก"เออ! มึงจะทำอะไรก็ทำเถอะ แล้ววันหนึ่งมึงจะเส
สนามกีฬา NRUตอนนี้ปอร์เช่ และแก๊งเพื่อนกำลังเตะบอลกันอยู่ที่สนาม โดยมีโดมิโน แบรี่ คอปเตอร์ และไทเกอร์ ซึ่งก่อนหน้านี้เขาได้ส่งข้อความไปหาหม้อแกง ไม่รู้ว่าเธอจะยอมมาตามที่สั่งหรือเปล่า"เฮ้ย ไอ้ปอร์เช่ ยัยแว่นมาจริงด้วยว่ะ"ไทเกอร์เอ่ยขึ้นมาจึงทำให้เขาละสายตาจากตรงหน้าหันไปมอง ก่อนจะสบตาหม้อแกงที่กำลังมองมาทางเขาเช่นกัน ชายหนุ่มโบกไม้โบกมือส่งยิ้มหวานไปให้ จึงทำให้เธอรีบหลบสายตาก่อนจะเดินไปหาที่นั่ง"ว่าที่เมียกูก็มาว่ะ"ปอร์เช่หันไปมองหน้าเพื่อนที่ตอนนี้กำลังมองไปยังเพนตี้ ซึ่งดูยังไงก็เหมือนหมาเห่าเครื่องบินชัด ๆ"ปากหมาอย่างมึงเขาคงชายตามองแหละ ฮ่า ๆ"คอปเตอร์เอ่ยล้อเลียนไทเกอร์อย่างสนุก ทำให้เขารีบหันไปมองเพื่อน ก่อนจะวิ่งไปเตะทันทีด้วยความหมั่นไส้ วิ่งไล่กันจนทำให้ปอร์เช่รู้สึกรำคาญ จึงเดินไปหายัยแว่นสุดเฉิ่มที่นั่งอยู่แทน"มาจริงด้วย"เขาเอ่ยทักด้วยรอยยิ้มสดใส ก่อนจะเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าหญิงสาว ซึ่งเธอก็ยื่นของบางอย่างมาให้"หือ"เขาจ้องมองขวดน้ำที่อยู่ในมือเธออย่างมึนงง กำลังสงสัยว่าเธอคิดที่จะทำอะไร"น้ำไง นายไม่เหนื่อยหรือไงเล่า อันนี้ผ้าเย็นนะเช็ดหน้าด้วย"หม้อแกงยิ้มออกมาอย
"หม้อแกงเลือกหน่อยว่าจะดูหนังผีหรือว่าหนังแอ็คชั่น"หญิงสาวจ้องมองไปยังใบหน้าของเขาก่อนจะกะพริบตาปริบ ยิ้มแห้งหัวเราะออกมาทันที"แฮะ! ฉันกลัวผี"และเมื่อชายหนุ่มได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะขำออกมาก่อนจะเปลี่ยนไปซื้อตัวหนังแอคชั่นแทน ก็ยังดีกว่าให้เธอดูหนังผีละมั้ง เอาจริงก็ไม่ใช่แนวเหมือนกันนะ"รอฉันตรงนี้ก่อนเดี๋ยวไปซื้อน้ำกับป๊อปคอร์นให้""หญิงสาวพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะไปหาที่นั่งรอ เพียงไม่นานเขาก็เดินมา"เธอถือน้ำนะ ไปกันเถอะน่าจะได้เวลาแล้ว"หญิงสาวเดินตามชายหนุ่มไปไม่พูดอะไร ปอร์เช่ยื่นตั๋วหนังให้กับเจ้าหน้าที่จากนั้นก็เดินไปที่โรงหนังหมายเลข 1 ซึ่งชายหนุ่มจองเป็นโซฟาแบบส่วนตัว ถ้าเป็นแบบนี้อาจจะได้สวีทกันอยู่สองคนก็ได้"กำลังจินตนาการอะไรอยู่""จินตนาการอะไรเล่า ก็แค่เห็นว่ามันสะดวกดีเฉย ๆ""งั้นเหรอ นั่งเถอะดูหนังกัน"เขาพาเธอไปนั่งลงตรงโซฟา ไม่ลืมที่จะส่งป๊อปคอร์นมาวางไว้ที่ตักของเธอ บอกตามตรงว่าตอนนี้หม้อแกงดูหนังไม่รู้เรื่องเลย เอาแต่มองหน้าชายที่อยู่ข้างกายไม่หยุด แถมมือยังคาอยู่บนถังป๊อปคอร์น ซึ่งมันอยู่บนตักของเธอ"ปอร์เช่นายเอาไปถือเองไหม""ทำไมถือป๊อปคอร์นให้แค่นี้เองไม่ได้ไง
หลังจากที่หญิงสาวเดินออกไปไกล เขาก็วางถุงขนมลงบนโต๊ะ จากนั้นก็หันไปคุยกับเพื่อนไม่ได้สนใจขนมถุงนั้นอีก เนื่องจากว่าเขาไม่ได้ชอบกินขนมไทย มันรู้สึกหวานบาดลิ้นไปหน่อย"มึงไม่กินขนมล่ะไอ้ปอร์เช่ หม้อแกงอุตส่าห์เอามาให้"แบรี่เอ่ยออกมาพร้อมกับจ้องมองไปยังถุงขนมที่วางทิ้งไว้ไม่มีใครสนใจไยดีเลย"ไม่ชอบอ่ะมันหวาน"เขาเอ่ยออกไปก่อนจะหันไปคุยเรื่องอื่นต่อ จนถึงเวลาที่ต้องไปเรียนหนังสือ เขาก็รีบวิ่งขึ้นไปโดยที่ไม่ได้หยิบขนมถุงนั้นไปด้วยทางด้านของหม้อแกงเธอมีเรียนในช่วงเช้า ช่วงบ่ายก็เลยมานั่งรอปอร์เช่ที่ตึก เพราะเขาเลิกเรียนประมาณบ่ายสองโมง จะได้ไปทำรายงานพร้อมกัน"ยัยหม้อแกง นั่นมันถุงขนมร้านแกนี่ ใครเอามาทิ้งไว้ตรงนี้"หม้อแกงหันไปมองตามที่เพื่อนชี้ ก่อนจะเดินเข้าไปหยิบถุงขนมนั้นขึ้นมาดู ซึ่งเธอจำได้ว่าตัวเองเป็นคนหยิบมาให้ปอร์เช่เมื่อช่วงเช้า แต่ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ หรือว่าเขาจะลืม"ฉันเอามาฝากปอร์เช่เมื่อเช้านะ สงสัยจะลืมหยิบไปหรือเปล่า""ก็ขอให้มันลืมหยิบไปละกัน ไม่ใช่ว่าทิ้งไม่สนใจ"เพนตี้ทำหน้าตาเหมือนไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่ ซึ่งประโยคนั้นทำเอาหม้อแกงถึงกับเงียบไปทันที นั่นสิ
ตึกวิศวะ...หญิงสาวเดินเข้าไปที่อาคารชั้นล่าง เพราะมีคนบอกว่าเห็นปอร์เช่อยู่ตรงนั้น หม้อแกงเดินไปตามทางก่อนจะต้องชะงักไป เมื่อได้ยินเสียงของผู้ชายที่เป็นแฟนของเธอกำลังคุยกับเพื่อนของเขาอยู่"น้องมะปรางตกลงคบกับมึงแล้วเหรอไอ้ปอร์เช่""เออสิวะ กูว่าคืนนี้จะพาน้องเขาไปฉลองสักหน่อย""พกถุงยางไปสักโหลหนึ่งนะมึง เผื่อว่าจะไม่พอ ฮ่า ๆ""กูแค่พาไปกินข้าวโว้ย พวกมึงนี่จะเชียร์ให้ได้เลยนะ"หญิงสาวได้ยินแบบนั้นก็อึ้งไปมือไม้สั่นไปหมด น้ำตาเอ่อล้นขอบอาบแก้ม ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินสิ่งเลวร้ายจากปากของเขา เธอค่อย ๆ ปาดน้ำตายืนรออยู่ตรงนั้น รอคอยว่าปอร์เช่จะพูดอะไรออกมาอีก แต่ทว่าจู่ ๆ ก็มีคนเดินตามมาข้างหลัง"อ่าวหม้อกะ..."เธอรีบยกมือขึ้นปิดปากของแบรี่ ก่อนจะสั่งให้เขาเงียบ เพราะไม่อย่างนั้นเธอจะไม่ได้ยินบางอย่างที่เขาพูดต่อ"แล้วยัยแว่นล่ะ มึงจะบอกเลิกตอนไหน""ถ้าเกิดน้องมะปรางรู้ขึ้นมามึงจะโดนเทนะเว้ย"แบรี่ได้ยินแบบนั้นก็หลับตาลงก่อนจะถอนหายใจออกมา ในใจตอนนี้อยากจะเดินเข้าไปตบหัวไอ้พวกเพื่อนทั้งสี่คน ให้หยุดพูดเรื่องบัดซบพวกนั้นสักที แต่ก็ถูกผู้หญิงตรงหน้าดึงมือไว้ซะก่อน"เดี๋ยวกูค่อยบอกเลิกแล้วกั
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป...นี่ก็ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้วที่เธอและปอร์เช่ไม่ได้คุยอะไรกันเลย หลังจากวันนั้นเขาก็พยายามส่งข้อความมา โทรศัพท์พยายามที่จะติดต่อ มาหาถึงที่คอนโดแต่ว่าเธอไม่อยากจะข้องเกี่ยวอีก ไม่อยากจะเคลียร์อะไรทั้งนั้น เพราะทุกอย่างมันชัดเจนหมดแล้ว วิชาที่ลงเรียนห้องเดียวกันเธอก็ไม่ได้เข้าไปเรียนเลย"เฮ้อ! ทำไมฉันถึงเจ็บขนาดนี้เนี่ย"หม้อแกงกุมหน้าอกตัวเองเอาไว้ก่อนจะเดินไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดมุ่งหมาย แต่ทว่าคนที่พยายามหลบหน้ามาตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา เขากำลังยืนอยู่ตรงหน้า แถมยังจ้องมองมายังเธออยู่ ซวยจริง ๆ เลยให้ตายสิ หม้อแกงรีบเบือนหน้าหนีก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากตรงนั้น แต่ก็ถูกมือหนาดึงรั้งเอาไว้ก่อน"หลบหน้าฉันทำไม"หญิงสาวนิ่งเงียบไม่พูดอะไรทั้งนั้น และเมื่อถูกแรงบีบที่ข้อมือจึงทำเพียงแค่กัดริมฝีปากเท่านั้น"ไม่มีปากพูดหรือไงถามทำไมไม่ตอบ"หญิงสาวเงยหน้าขึ้นจ้องมองสบตากับชายหนุ่ม เขาไม่ควรที่จะมาใช้คำพูดแบบนี้กับเธอด้วยซ้ำ เพราะคนที่ควรจะโกรธคือเธอมากกว่า"มีอะไรกับฉันไม่ทราบ"เธอพยายามควบคุมน้ำเสียงตัวเองให้ปกติ ไม่ได้อยากแสดงความอ่อนแอให้เขาเห็นเลย"เธอกล้ามากเลยนะที่มาบ
ทางด้านของปอร์เช่เขากดโทรศัพท์อยู่ กำลังลังเลว่าจะทักไปหายายแว่นสุดเนิร์ดดีหรือเปล่า ยิ่งอยู่ห่างกันเขาก็ยิ่งคิดถึงใบหน้าของเธอ ไหนจะสัมผัสจากริมฝีปาก บอกเลยว่าตอนนี้เขารู้สึกแย่มาก ไม่ได้มีความอยากเลิกกับเธอเลยแม้สักนิดเดียว ส่วนผู้หญิงอีกคนก็แค่ควงเล่นแก้เหงา ไม่ได้มีความคิดพิศวาสอยากจะมีความสัมพันธ์ด้วยเลยแม้แต่น้อย เพราะภายในใจของเขาตอนนี้นึกถึงแต่ผู้หญิงอีกคน โคตรซวยเลยทำไมต้องมาได้ยินประโยคพวกนั้นด้วย เขาไม่น่าปล่อยเธอให้หลุดมือไปจริง ๆ และหลังจากนี้เขาจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เธอกลับคืนมา"ไอ้เหี้ย! นั่นมันนางฟ้านี่หว่า"เสียงของคอปเตอร์ดังขึ้น ซึ่งทำให้เพื่อนคนอื่นรีบหันไปมองเช่นกัน ก่อนจะเจอกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูสวยโดดเด่นกำลังเดินไปยังคณะมนุษยศาสตร์"กินอะไรเข้าไปวะทำไมสวยขนาดนั้น""กูจองโว้ย ไอ้เกอร์มึงไม่ต้องมาแย่งกับพวกกู โน่นเพนตี้ของมึง"เสียงของบรรดาเพื่อนรักตะโกนแย่งผู้หญิงกันเอง ซึ่งแบรี่ และปอร์เช่ได้ยินเพื่อนทะเลาะกัน ก็รีบเงยหน้าขึ้น หันไปมองตามเสียง ซึ่งตรงหน้านั้นเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ผิวขาวผ่องใบหน้าสวยดูสดใส ปล่อยผมยาวสลวย ใส่ชุดนักศึกษารัดแน่นเห็นทรวดทรง และ
หลังจากที่กลับมาเขาก็พาเธอไปนอนพักผ่อน คงจะคิดมากทั้งวันจึงทำให้เหนื่อยล้าและสลบไสลไปในที่สุดและในช่วงเช้าของวันต่อมาปอร์เช่ปลุกให้หม้อแกงลุกขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ จูบหน้าผาก จั๊กจี้ที่เอวก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะลืมตาขึ้น เขาจึงเลื่อนมือเข้าไปในชุดนอนจากนั้นก็ค่อย ๆ ใช้มือบีบเคล้นเนินปทุมถัน ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ ใช้ลิ้นร้อนดูดเม้มเม็ดทับทิมสีชมพู"อื้อ ปะ...ปอร์เช่ทำอะไรเนี่ย"เสียงร้องครางของหม้อแกงทำเอาความเป็นชายตื่นตัว ก็ต้องอดทนไว้ก่อนเพราะว่าเมียท้องอยู่ไม่อยากจะทำรุนแรงมากนัก"อ้าส์! เช่จ๋า"ในตอนนี้ความอดทนของเขาเริ่มจะหมดลงแล้ว จัดการถอดกางเกงของตัวเองที่ตอนนี้ความเป็นชายชี้โด่ออกมา ดีนะที่ของหญิงสาวเป็นกระโปรงถอดง่าย ถึงไม่ต้องอะไรให้มากความ"เมียจ๋าขอแป๊บหนึ่งนะ เช่จะทำเบา ๆ เลย"เขาเอ่ยอ้อนภรรยาเพื่อขออนุญาต ไม่ใช่ว่าจะทำได้เลยนะเดี๋ยวจะพานโกรธอีก เดี๋ยวก็ได้ง้อกันยาว"ห้ามทำแรงนะ"เขาพยักหน้าทันทีก่อนจะจับแก่นกายความเป็นชายสอดใส่เข้าไป ทั้งสองคนกัดริมฝีปากก่อนจะครางออกมาในลำคอ นาน ๆ จะได้มีความสุขด้วยกันแบบนี้ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะเพราะถ้าเกิดหลังจากที่เธอคลอดลูกคนแรกออกม
ปอร์เช่หยิบโทรศัพท์กดโทรไปหาเพื่อนรักก่อน เพราะว่าไทเกอร์เป็นคนเดียวที่มีเบอร์ของเพนตี้ กดโทรไปเพียงไม่นานเขาก็รับสายฉันที(ไงปอร์เช่)"ขอเบอร์เพนตี้หน่อย"เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเร่งรีบเป็นอย่างมาก แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับแสดงความหึงหวงจนออกนอกหน้า(ยุ่งอะไรกับเมียกู)"ใช่เวลาที่มึงจะมาหึงหวงไหม เมียกูหายเนี่ย"(อ้าวกูก็นึกว่ามึงจะมาจีบเมียกูนี่ เออ... เดี๋ยวส่งไลน์ไปให้รอแป๊บหนึ่ง"พูดจบเขาก็กดวางสายทันที มองโทรศัพท์อย่างใจจดใจจ่อ สักพักก็มีข้อความเด้งเข้ามาLINETiger : 08928xxxxxเมื่อได้เบอร์โทรศัพท์เขาก็ไม่รอช้ารีบกดติดต่อไปยังปลายสายทันที และเพียงไม่นานเธอก็กดรับสาย(สวัสดีค่ะเพนตี้พูดสายค่ะ)"เพนตี้นี่ปอร์เช่เองนะ หม้อแกงอยู่ที่นั่นหรือเปล่า"เพนตี้เหลือบสายตาหันไปมองหม้อแกงที่ตอนนี้นอนหลับอยู่ตรงโซฟา และเสียงปลายสายทำให้เธอไม่กล้าพูดอะไรออกไป เพราะกลัวว่าคนที่อยู่ตรงนี้จะรู้สึกไม่ดี"หม้อแกงเดี๋ยวฉันไปหารุ่นพี่แป๊บหนึ่งนะ เขาเอาของมาให้""ไปเถอะฉันอยู่ตรงนี้แหละ"หม้อแกงเอ่ยออกมาก่อนจะหลับตาลงด้วยความรู้สึกเสียใจ เพนตี้เห็นแบบนั้นก็รีบเดินออกไปจากคอนโดของตัวเอง เพราะจำเป็นจะต้องไปคุยโท
สองสัปดาห์ต่อมา...ช่วงนี้หม้อแกงค่อนข้างจะทำตัวติดสามี ตามไปทำงานแทบจะทุกวัน แล้ววันนี้ก็เช่นกันช่วยงานแปลเอกสารทำทุกอย่างเพื่อแบ่งเบาภาระของเขา แต่ทว่าคนเป็นสามีกลับไม่อยากให้แตะต้องอะไรทั้งนั้น เพราะกลัวว่าจะเครียดมากเกินไปส่งผลกระทบถึงเจ้าตัวเล็กในท้องได้"ตัวเองเดี๋ยวเช่ลงไปคุยกับลูกค้าข้างล่างนะ อยู่ในห้องนี้รอไปก่อน"หญิงสาวเหลือบสายตาหันไปมองคนรักก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยอย่างรับทราบ"รีบมานะไม่อยากอยู่คนเดียว""จ๊ะ"ชายหนุ่มซื้อแฟ้มเอกสารขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินมาลูบศีรษะของคนรักเอาไว้จากนั้นก็เดินออกไปทันที ส่วนหม้อแกงเธอก็วางโทรศัพท์ลงทำนั่นนี่นิดหน่อย แต่ทว่าเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้วยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาเลย เธอเองก็เริ่มหิวคิดว่าจะลงไปหาอะไรกินในระหว่างรอเขา เมื่อนึกได้แบบนั้นเธอก็วางทุกอย่างลงจากนั้นก็หยิบโทรศัพท์แล้วเดินออกไปจากตรงนั้นทันที ว่าแต่ปอร์เช่อยู่ชั้นไหนนะ..."คุณจีคะ คุณปอร์เช่คุยงานอยู่ชั้นไหนคะ""อยู่ชั้น 14 ค่ะ ตรงร้านกาแฟค่ะคุณหม้อแกง"เธอเอ่ยถามเลขาที่อยู่หน้าห้อง แล้วเมื่อได้คำตอบก็เอ่ยขอบคุณก่อนจะเดินตรงไปยังลิฟต์ จากนั้นก็เก็บปลายทางไปยังชั้น 1
แอ๊ดดดดดดเสียงประตูห้อง VIP ถูกเปิดออก เป็นปอร์เช่นั่นเองที่มา แถมยังหิ้วของอร่อยหลายอย่างติดมือมาด้วยอีก"สวัสดีครับทุกคน ตัวเองเป็นยังไงบ้าง อาการดีขึ้นหรือเปล่าหมอว่าไงบ้าง"ชายหนุ่มเอ่ยทักทายผู้ใหญ่ก็เดินเข้าไปนั่งลงเคียงข้างคนรัก หม้อแกงโอบรอบเอวว่าที่สามี จากนั้นก็จ้องมองไปทางผู้ใหญ่ด้วยสีหน้าน้อยใจ"เช่จ๋า หม้อแกงอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วย ช่วยคุยกับคุณพ่อคุณแม่แล้วก็คุณลุงให้หน่อยนะ"ชายหนุ่มเองก็ลำบากใจไม่น้อยเลย ก็พอรู้ว่ามันเป็นการเดินทางไกลและเป็นอันตรายได้ ซึ่งดูจากสีหน้าเขาในตอนนี้หม้อแกงก็พอจะดูออกว่าเขาก็คงเป็นห่วงเธอไม่น้อยเหมือนกัน"ตอนนี้ตัวเองกับลูกต้องดูแลตัวเองนะ เค้ากลัวว่าถ้าเดินทางไกลมันจะอันตราย เข้าใจกันเถอะ"เขาพยายามพูดปลอบใจซึ่งหญิงสาวรู้สึกน้อยใจมากเมื่อถูกทุกคนห้าม เบือนหน้าหนีหันไปมองทางอื่น หยิบผ้าห่มมาคลุมโปงไม่ยอมคุยกับใคร ทำเอาผู้ใหญ่ทุกคนที่อยู่ภายในห้องรวมถึงปอร์เช่ถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยใจเอาจริงเขาเป็นห่วงคนรักมาก การเดินทางไปต่างประเทศจะต้องนั่งนานเป็นพิเศษ ทุกคนไม่มีใครอยากให้เธอลำบากหรอก อีกอย่างหนึ่งร่างกายเธอไม่ค่อยแข็งแรงด้วย นิดหน่อย
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ทว่าชายหนุ่มก็ยังคงตกใจไม่หาย เมื่อนึกถึงตอนที่มีเลือดไหลออกมาตามร่องขาของคนรัก อาจจะเป็นเพราะว่าแรงกระแทกก่อนหน้านี้ หน้าท้องเธอไปชนกับราวเหล็ก จึงทำให้กระทบกระเทือน แต่ก็ยังงงว่าทำไมเลือดถึงออกได้แอ๊ด!ในที่สุดประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกเปิดออก เขาได้สติรีบวิ่งเข้าไปหาคุณหมอทันที ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนเพราะอดเป็นห่วงคนรักไม่ได้"คุณหมอครับเมียผมเป็นยังไงบ้าง""ใจเย็นก่อนนะครับ ตอนนี้คุณแม่ปลอดภัยดีแล้ว ส่วนเด็กในท้องหมอต้องขอดูอาการอีกสักหน่อยเพราะว่าค่อนข้างจะเสียเลือดเยอะมาก ว่าแต่ไปทำอะไรมาครับทำไมถึงตกเลือดขนาดนั้น"จบประโยคของคุณหมอทำเอาเขาช็อกจนแทบพูดอะไรไม่ออก นี่หม้อแกงกำลังตั้งครรภ์อย่างนั้นเหรอ หมายความว่าเขากำลังเป็นพ่อใช่รึเปล่า ณ เวลานี้เขาควรจะดีใจมากด้วยซ้ำ แต่ทำไมกลับรู้สึกเศร้ายังบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินว่าเด็กน้อยยังคงไม่ปลอดภัย ความผิดของเขาคนเดียวแท้ ๆ เลยที่ดูแลเธอไม่ดีพอ"ลูกของผมจะปลอดภัยใช่ไหมครับ เท่าไหร่ผมก็ยอมจ่ายแต่ลูกผมต้องรอดนะครับหมอเข้าใจหรือเปล่า เขาจะต้องอยู่กับผม!"ปอร์เช่เดินเข้าไปใกล้คุณหมอก่อนจะคุกเข่าขอร้อง ซึ่งคุณห
และแล้ววันหยุดก็มาถึง ปอร์เช่รับปากกับคนรักไว้ว่าจะพามาเที่ยวสวนสนุกดรีมเวิลด์ตามที่เธอต้องการ ตอนแรกก็นึกว่าลืมเสียแล้ว ไม่คิดว่าจะจำได้แล้วพามาตามสัญญา ปลุกให้หม้อแกงตื่นนอนตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า เร่งรีบออกมาเพราะกลัวว่าจะมีเวลาน้อย"เช่จ๋า เค้าอยากไปเมืองหิมะ ไปกัน"หญิงสาวกุมมือคนรักเอาไว้จากนั้นก็ลากเข้าไปตรงประตูทางเข้าบ้านหิมะ เปลี่ยนชุดรองเท้าเสื้อกันหนาวให้เรียบร้อยจากนั้นก็วิ่งเข้าไปข้างใน บรรยากาศภายในนั้นเย็นสบายค่อนไปทางหนาว ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเล่นด้วยความสนุกสนาน"หม้อแกงอย่าวิ่งเดี๋ยวล้ม"เขาพยายามเตือนคนรักไม่ให้ซุกซนมากจนเกินไป เพราะพื้นค่อนข้างจะลื่น ใจเย็นสาวกำลังสนุกจึงไม่ฟังเสียงตักเตือนเลยแม้แต่น้อย"ปอร์เช่เดี๋ยวรอรับอยู่ตรงนี้นะ เค้าจะไปอยู่ตรงโน้นแล้วก็สไลด์ลงมา โอเคนะคะที่รัก"พูดจบก็รีบวิ่งขึ้นไปข้างบนทันที จากนั้นก็เตรียมพร้อมที่จะสไลด์ลงมาจากข้างบนลงไปยังช่องที่ปอร์เช่กำลังยืนรออยู่"อร๊าย!"หม้อแกงกรีดร้องออกมาอย่างสนุกสนาน แต่ทว่าผู้ชายอีกคนกลับทำหน้าบึ้งบูดเหมือนจะไม่ค่อยชอบใจ ที่เธอเล่นอะไรรุนแรงแบบนี้ ไม่เห็นจะหนักตรงไหนเลยก็แค่สไลด์หิมะเล่นเอง จนในที
เขาโชว์ผ้าเช็ดตัวขึ้นอีกครั้งก่อนจะปาทิ้งติดกำแพงอีกฝั่ง จ้องมองมายังคนรักก่อนจะยิ้มกรุ้มกริ่ม ทั้งที่เธอทำงานเหนื่อยขนาดนี้ เขาก็ยังเอาแต่รังแกไม่หยุด ไม่รู้ว่าไปเอาแรงมาจากไหนขนาดนั้น"หยุดมองเดี๋ยวนี้เลยนะ"หม้อแกงเอามือทั้งสองข้างปิดหน้าอกของตัวเองเอาไว้ ต้องมองไปยังผ้าเช็ดตัวที่อยู่ติดกำแพง ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหยิบ แต่ทว่าถูกชายหนุ่มใช้มือโอบรอบเอวกว่าจะดึงเข้าหาตัว เราสองคนมองสบตากันนิ่ง และเธอรู้สึกเลยว่าตอนนี้มีอะไรบางอย่างทิ่มแทงตรงเรียวขา และแน่นอนว่าท่อนเอ็นขนาดใหญ่กำลังแข็งตัวทะลุออกจากผ้าเช็ดตัว"อร๊าย! ตาบ้า อย่ามาโรคจิตแถวนี้"หญิงสาวยื่นมือไปทุบหน้าอกของเขา แต่ทว่าน้ำเสียงถูกกลืนหายไปด้วยรสจูบอันเร่าร้อนของผู้ชายตรงหน้า"อื้อ"หญิงสาวหลับตาลงรักสัมผัสอันหอมหวานจากคนรัก เอาเถอะห้ามตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว เพราะฉะนั้นเออออตามน้ำไปก็แล้วกัน"อาบน้ำอีกรอบดีกว่า"และเมื่อเขาผละออกก็อุ้มคนรักกลับไปยังอ่างอาบน้ำตามเดิม เริ่มลวนลามตั้งแต่บีบเคล้นตรงหน้าอก ลากไล่ไปยังช่วงล่าง บีบสะโพกถูไถตรงร่องสาว เล่นเอาเหนื่อยไปตามกัน กว่าจะอาบน้ำเสร็จก็ผ่านไปหลายนาที จากนั้นก็ล้างแล้วล้างตัวให้เรี
เขายืนกอดอกจ้องมองไปยังทั้งสองคน เอาจริงเลยนะถ้าไม่ติดว่าต้องร่วมงานกัน เขาอยากจะต่อยหน้ามันไปสักทีหนึ่ง โคตรหน้าด้านเลย ทั้งที่รู้ว่าผู้หญิงมีคู่หมั้นอยู่แล้วยังคิดจะเคลมเมียคนอื่น ฝันอยู่หรือไงกัน ทำไมเขาถึงรู้นะเหรอ... ก็เพราะว่าที่ผ่านมาหมอนี่มันพูดภาษาอังกฤษได้ แต่กวนประสาทใช้ภาษาบ้านเกิดของตัวเองคุยกับคู่หมั้นของเขา เพื่อไม่ให้คนกลางฟังเข้าใจ โคตรกวนประสาทเลย และดูเหมือนว่าหม้อแกงจะหันมาเห็นคนรักพอดีก็เลยส่งยิ้มมาให้"อ้าวปอร์เช่มาได้ยังไง""ก็ถ้าเมียจะสนใจกันสักนิดก็คงจะรอมากินข้าวด้วยกันแล้วแหละ ไอ้เราทำงานเสร็จก็รีบไปหาที่ห้องกลัวว่าจะหิว นี่นะเหรอสิ่งที่ได้ตอบแทนโคตรน้อยใจเลย"เขาตัดพ้อใส่สาวยังไม่ปิดบัง ความจริงก็ไม่ได้อะไรเยอะหรอกแค่อยากจะให้เมียง้อก็เท่านั้น แถมยังหมั่นไส้ไอ้ผู้ชายตรงหน้าด้วย ถ้าไม่ติดว่าเป็นหุ้นส่วนถีบตกตึกไปนานแล้ว"ไม่เอาสิปอร์เช่มานั่งด้วยกันนี่มา เดี๋ยวเค้าสั่งของอร่อยให้กินนะ"หญิงสาวกวักมือเรียกคนรักให้มานั่งดูด้วยกัน ปอร์เช่ทำหน้างอแต่ก็ยอมเดินไปนั่งลงข้างหม้อแกง ถึงแม้ว่าเขาจะเล่นตัวแต่ก็มีขอบเขตอยู่"ที่รักจะกินอะไรดีคะ"ทีแบบนี้ทำมาเรียกที่รงที
ชายหนุ่มรีบส่ายหน้าปฏิเสธพัลวัน ตั้งแต่ที่เราสองคนมีปัญหากัน เขาไม่เคยไปยุ่งวุ่นวายกับน้องมะปรางอีกเลย และหัวใจของปอร์เช่มีแต่หม้อแกงคนเดียวเท่านั้นไม่คิดมีใครอื่นอีก"เลิกยุ่งนานแล้วเว้ย อย่านะ อย่ามองด้วยสายตาแบบนั้นสิ เอ๊ะ หรือว่าหึงผัวใช่ไหมล่ะ"เขาเอ่ยแซวหญิงสาวทันทีก่อนจะยิ้มมุมปากออกมากรุ้มกริ่ม และทำให้หม้อแกงที่รู้สึกตัวรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที"เปล่าสักหน่อย ใครเขาจะหึงกันเล่า รีบกินเดี๋ยวนี้เลยนะ จะได้กลับบ้าน"หม้อแกงรีบขยับตัวลุกขึ้นก่อนจะกลับไปนั่งตรงข้ามเขาที่เดิมทันที ใช้ตะเกียบคีบแซลมอนมากินแต่ก็ยังรู้สึกเจ็บใจที่ตัวเองเผลอแสดงความรู้สึกส่วนตัวออกไป จนทำให้ปอร์เช่ได้ใจหัวเราะคิกคักอยากมีความสุข"ไม่ไปเลือกแหวนแต่งงานแล้วเหรอที่รัก""ไอ้บ้าปอร์เช่ บอกให้หยุดพูดไงเล่า""ฮ่า ๆ เอากี่กะรัตดีครับเมีย""ไอ้..."สองเดือนผ่านไป...เวลาผ่านไปหม้อแกงและปอร์เช่ได้หมั้นใหม่กันเรียบร้อยประมาณเดือนที่แล้ว ซึ่งตอนนี้เธอได้เข้ามาฝึกงานที่บริษัทอย่างเต็มตัว เก็บเสื้อผ้าไปอยู่ที่คอนโดของชายหนุ่มเป็นที่เรียบร้อย แต่ก็ไม่ใช่ความคิดของตัวเองหรอก เพราะว่ารายนั้นเป็นคนจัดแจงทุกอย่าง และให้เหต