สี่ปีต่อมา
“นึกยังไงถึงอยากมาเที่ยวเชียงใหม่” วาโยถามเพลงเพื่อนสนิทของเธอตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมมาด้วยกัน แม้ว่าจะอยู่ปีหนึ่งแล้วพวกเธอก็ยังคงเป็นเพื่อนซี้กันอยู่ตั้งแต่อายุสิบสามจนถึงตอนนี้ที่พวกเธออายุสิบเก้ากันแล้วแถมยังสวยสะพรั่งทั้งคู่อีกด้วย “ฉันอยากมารับอากาศหนาวๆ สักหน่อย” เพลงพูดแล้วกลั้นยิ้มไว้ “อยากหนาวๆ เปิดแอร์ก็ได้มั้งไม่ต้องมาไกลขนาดนี้หรอก” วาโยแกล้งแซวเพื่อนสนิทเล่นพอให้ได้ขำ “แหม ฉันก็อยากให้แกมาเปิดหูเปิดตาบ้างมาค้างสองคืนสามวันให้มีแรงพอได้กลับไปสู้ต่อ” เพลงพูดพลางตักข้าวเข้าปาก คืนนี้พวกเธอสองคนพากันมากินข้าวที่ร้านอาหารที่เคยมาเมื่อปีก่อนแล้วบังเอิญยัยเพลงเจอหนุ่มที่เชียงใหม่ ทำให้ปิ๊งรักกันเธอเลยขึ้นมาหาเขาที่นี่โดยมีวาโยมาด้วย เพราะถ้าขืนเธอปล่อยให้เพื่อนของเธออยู่คนเดียวมีหวังโทรกวนเธอทั้งคืนแน่ๆ เพราะคงเป็นห่วงเธอที่มาค้างไกลบ้านแบบนี้แน่ๆ “สู้กับเรียน หรือสู้กับความคิดถึงของตัวเองที่มีต่อพ่อหนุ่มเชียงใหม่ที่เดินมานู้นนั่นล่ะจ้ะ สาวน้อยเพลง” วาโยยิ้มแป้นพูดเชิงบุ้ยปากไปทางผู้ชายที่แต่งตัวสะอาดสะอ้าน เดินมาแต่ไกลพร้อมกับเพื่อนของเขาที่เดินมาด้วยกัน “ดินนั่งก่อนค่ะ ” เพลงยิ้มแย้มพูดเชิญให้ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านั่งลงพร้อมกับเพื่อนของเขา “เพิ่งมากันเหรอครับ” ชายหนุ่มชื่อดินพูดพลางมองจานข้าวบนโต๊ะที่วางอยู่ “มาสักพักแล้วค่ะ แต่เพลงหิวก็เลยสั่งและทานกันไปได้หน่อยเดียวเองค่ะ” เพลงพูดแก้เขินเพราะเธอกินไม่ได้หน่อยเดียวแบบที่พูดเธอกินไปแล้วพอสมควร “วันนี้ดินชวนเพื่อนมาด้วยนะกลัวว่าวาโยจะเหงา เดี๋ยววันนี้ให้กอล์ฟคอยดูแลแล้วกันนะครับ” ดินพูดพร้อมกับตบไหล่เพื่อนเบาๆ “ไม่เป็นไรค่ะฉันอยู่ได้ รบกวนเพื่อนดินเปล่าๆ” วาโยโบกมือปฏิเสธเพราะเธอมาแค่ไม่กี่วันไม่อยากรบกวนใครมาก อีกอย่างเธอก็จะได้มีเวลาดูพี่ต้าของเธอเดินแบบผ่านโทรศัพท์ตอนว่างๆ เวลาที่เพลงไปเที่ยวกับดินด้วย “ไม่รบกวนเลยครับ ผมเต็มใจที่ได้ดูแลสาวสวยแบบวาโยนี่ครับ” เมื่อวาโยได้ยินดังนั้นน้ำก็แทบพุ่งออกจากปากของเธอทันที นี่เขาจะจีบเธอเหรอ เธอนึกหัวเราะในใจ ให้ตายเถอะมีคนมาจีบเธอมากแต่เธอไม่สนใจใครเลยแถมยังปฏิเสธเขาไปอย่างไม่ไยดี เพราะคติเธอถ้าชอบแล้วจะจีบเอง ส่วนใหญ่คนที่เข้ามาจีบเธอมักจะจีบไม่ติด แต่ถ้าเป็นพี่ต้าล่ะ แค่ยักคิ้วให้เธอก็พร้อมเก็บเสื้อผ้าไปอยู่กับเขาแล้ว เธอนึกหัวเราะตัวเองแม้แต่เวลาแบบนี้เธอเองก็ยังคงนึกถึงเขาเสมอ ผู้ชายที่เธอชอบตั้งแต่แรกเจอ และไม่น่าเชื่อว่าเขาเรียนปริญญาตรีจากเมืองนอกจะกลับมาเป็นนายแบบที่โด่งดัง เธอไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะได้เจอเขาอีกครั้งแค่เพียงได้เห็นเขาออกทีวีก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ หรือแม้แต่ตอนที่ได้ยินชื่อของเขาก็เผลอยิ้มไม่รู้ตัว สองเดือนก่อนเธอไปดูเขาเดินแบบแล้วก็ไปรอเขาตรงประตูทางออกเพื่อขอลายเซ็น มีคนมารอเขาเยอะมากได้เจอแค่ครู่เดียวเขาก็ต้องรีบขึ้นรถไป หลังจากที่พวกเราสี่คนทานข้าวเสร็จ ก็พากันไปเที่ยวและดื่มในบาร์ต่อ วาโยเองก็อยากเปิดหูเปิดตาบ้างเหมือนกันจึงไม่ขัดอะไร ดินสั่งเหล้ามาให้สองสาวโดยมีกอล์ฟนั่งอยู่ข้างวาโยและดินก็โอบไหล่ของเพลงตามประสาคู่รักที่หวงแฟน วาโยดื่มเหล้าไปได้นิดหน่อยก็รู้สึกเหมือนมีมือของใครมาจับที่ขาอ่อนของเธอที่นุ่งกระโปรงทรงเอสั้นเหนือเข่าเธอก้มดูที่ขาของตัวเอง ไฟสว่างสลับกับมืดทำให้เห็นว่าเป็นมือหนาของกอล์ฟที่พยายามจะลวนลามเธอ วาโยรีบปัดมือของเขาออกทันที “ถ้าไม่อยากให้ฉันอาละวาดนายอย่าทำแบบนี้อีก ฉันไม่ใช่ผู้หญิงอย่างว่าหรือนายจะให้ฉันบอกเพื่อนของนาย” หญิงสาวมองเขาด้วยสีหน้าโกรธจัด “โอเคๆ ขอโทษแล้วกันครับ” พอพูดจบกอล์ฟก็ลุกหนีไป ดีเหมือนกันเพราะเธอเองก็รู้สึกอึดอัดตั้งแต่อยู่ที่ร้านอาหารนั้นแล้ว เพราะเขาเอาแต่ใช้สายตามองลวนลามเธอตลอดไม่รู้ว่าเพลงจะสังเกตเห็นไหม “เพลงเดี๋ยวฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” หญิงสาวจับไหล่ของเพื่อนสาวเบาๆ “ให้ฉันไปเป็นเพื่อนไหม” “ไม่เป็นไร เพลงอยู่กับดินเถอะฉันไปแป๊บเดียวเดี๋ยวก็มาแล้ว” หญิงสาวที่ดื่มเหล้าเข้าไปนิดหน่อยก็ทำให้หน้าแดงเพราะว่าเธอแทบไม่ค่อยดื่มเหล้าเลย จึงกลัวว่าจะเมาง่ายเลยไปเข้าห้องน้ำเพื่อเอาน้ำลูบหน้าสักหน่อย ระหว่างทางที่เดินไปเข้าห้องน้ำก็มีคนเดินสวนกันไปมาเสียงเพลงก็เริ่มเบาลง และในขณะที่เดินไปนั้นไฟตรงทางเดินก็เกิดดับ มันมืดมากจนเธอกลัวเลยไปคว้าแขนของคนที่อยู่ใกล้ๆ เธอทันที “พี่คะไฟมันดับ” เธอพูดอยู่กับใครไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ เธอยังคงจับแขนเขาไม่ปล่อย “กลัวล่ะสิ” น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาที่พูดกับเธอรู้เลยว่าเขาน่าจะสูงพอประมาณ เพราะเธอเริ่มเห็นเงาของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าว่าเธอสูงกว่าหัวไหล่ของเขานิดหน่อยเท่านั้น “กลัวความมืดนิดหน่อยค่ะ ไม่ชินทางของจับแขนเสื้อหน่อยนะคะ” เธอค่อยๆ ปล่อยแขนของเขาแล้วมาจับแขนเสื้อตรงข้อศอกของเขาแทน วาโยได้ยินเสียงของเขาหัวเราะเบาๆ “พี่หัวเราะเหรอคะ” วาโยถามใสซื่อ “เปล่า แค่ไอ” “เดี๋ยวเอาโทรศัพท์ส่องไฟก่อนนะคะ พี่อย่าเพิ่งเดินไปไหนนะคะ” เธอค่อยๆ ปล่อยมือจากแขนเสื้อของเขาแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่องทางแล้วส่องไปที่หน้าของผู้ชายที่ยังยืนอยู่ที่เดิมใกล้ๆ เธอ ตามที่เธอบอก “แสบตา” เขาเบี่ยงหน้าหนีจากแสงไฟในโทรศัพท์ของเธอ “ขอโทษค่ะ ตอนนี้เราก็เดินออกไปได้แล้ว” เธอส่องไฟนำทางไปให้เขา แล้วไฟตรงทางเดินก็ติดเธอจึงเก็บโทรศัพท์และมองผู้ชายที่อยู่ข้างๆ เธอ เธออ้าปากค้างกับผู้ชายที่สวมหมวกแก๊ปอยู่ตรงหน้า พร้อมกับหัวใจที่กระโดดโลดเต้นไปมาจนหายใจไม่ทั่วท้องโลกนี้ซีดไปหมด วูบ…บบบบบ “น้อง น้องครับ” ชายหนุ่มอุ้มเธอพร้อมกับเรียกเธอ เขาพาเธอออกมาตรงลานจอดรถด้านหลังเพื่อหลบหลีกผู้คนที่พลุกพล่านทางด้านหน้า เขาวางเธอไว้เบาะข้างคนขับ “พี่ๆ จะพาหนูไปไหนคะ” เธอดีดตัวผึงขึ้นมาทันที จนหัวจะชนกับขอบยางประตูรถยนต์ ชายหนุ่มที่มือไวกว่าหัวของเธอ รีบเอามือจับตรงขอบประตูด้านบนไว้ “โอ๊ย อ่า” เขาร้องเบาๆ เพราะหัวของเธอกระแทกกับมือของเขาเต็มๆ ถ้าเขาไม่ทำแบบนี้หัวของเธอคงแตกแทนแน่ๆ “ขอโทษค่ะ ขอบคุณค่ะ” วาโยยังคงตกใจที่เห็นเขาในระยะใกล้แบบนี้แถมเมื่อกี้เขายังอุ้มเธอมาอีก “ต้องไปโรงพยาบาลไหมครับ คุณโอเคหรือเปล่าเมื่อกี้คุณเป็นลม ผมไม่ได้จะพาคุณมาทำเรื่องแบบนั้นนะอย่าเพิ่งเข้าใจผมผิดนะครับ” เขาพูดจบก็ดึงหมวกแก๊ปมาปิดบังใบหน้ามากกว่าเดิม แต่ถึงจะปิดยังไงก็บดบังความหล่อของเขาไม่มิดหรอก วาโยนึกอย่างนั้นแล้วก็อยากจะเป็นลมอีกสักรอบให้มันรู้แล้วรู้รอดไป แต่เธอจะทำแบบนั้นไม่ได้เพราะมันจะทำให้เธอไม่สวย เธอต้องเริ่ดๆ เชิดสักหน่อยเพื่อสร้างเสน่ห์ให้ตัวเอง และอย่าให้เขารู้ว่าเธอเป็นแฟนคลับไม่งั้นเขาวิ่งหนีเธอขึ้นรถไปแน่ๆ คงคิดว่าเธอแกล้งเป็นลมเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเขา แต่เธอตกใจจนวูบจริงๆ นะ เธอค่อยๆ ขยับก้นออกจากรถในท่าทางเซ็กซี่ พร้อมกับแกล้งสำรวจตัวเองว่าไม่ได้สึกหรออะไร “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันต้องขอบคุณคุณนะคะที่อยู่เป็นเพื่อนตอนไฟดับและก็ช่วยฉันตอนเป็นลม ตอนนี้ฉันจะกลับเข้าไปข้างในแล้วค่ะ” เธอจ้องมองสำรวจใบหน้าของเขาจนไม่กะพริบตา “หน้าผมคุ้นใช่ไหมครับ” เขาถอดหมวกแก๊ปใบสีดำออก ทำให้หญิงสาวพยักหน้าเนิบๆ ช้าๆ เพราะตื่นเต้นไม่คิดว่าเขาจะกล้าถอดหมวกให้เธอมองเห็นเขาชัดขึ้นขนาดนี้ “อ๋อค่ะ หน้าคุ้นๆ อยู่ แต่ฉันจำชื่อคุณไม่ได้ค่ะ คุณชื่ออะไรนะคะ” หญิงสาวแสดงตามน้ำไปแบบเก็บอาการสุดๆ “ต้าครับ” เขายิ้มให้เธอนิดๆ “คุณเป็นนักร้องใช่หรือเปล่าคะ” หญิงสาวแกล้งทำหน้านึกคิด “นายแบบครับ งั้นถ้าคุณไม่เป็นอะไรแล้วผมกลับก่อนนะครับ” แล้วเขาก็สตาร์ทรถยนต์ออกไป เหลือไว้แต่แม่สาวนักแสดงรางวัลตุ๊กตาทองคำที่ยังยืนอึ้งอยู่เหมือนเมื่อสี่ปีที่แล้วไม่มีผิด… รางวัลตุ๊กตาทองคำต้องเข้ายัยน้องแล้วจริงๆ อารมณ์แบบจับทีจะวูบหลังจากที่วาโยแยกกับต้าที่ลานจอดรถเธอก็กลับเข้ามาหาเพลงเพื่อนของเธอข้างในบาร์“ไปไหนมาโย ฉันเดินตามหาแกไปทั่ว” เพลงรีบวิ่งมาหาหญิงสาวด้วยท่าทางตกใจ“คือฉันไปเดินหลงทางนิดหน่อยน่ะ” วาโยพูดแล้วยิ้มบิดเขินอายเมื่อนึกถึงใบหน้าพี่ต้า“ยิ้มอะไรยัยโยฉันโทรหาก็ไม่รับสาย” เพลงหน้าบึ้งโวยวายให้วาโย พร้อมกับที่วาโยควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายข้างของตัวเอง“โทรศัพท์ฉัน หายไปไหน” เธอพยายามนึก เมื่อกี้เธอเจอพี่ต้าแล้วก็เป็นลม“หรือว่ามันจะหล่นหาย เพลงฉันขอยืมโทรศัพท์แกหน่อย” หญิงสาวรับมาและกดโทรออกไปที่เบอร์ของตัวเอง“สวัสดีครับ” เสียงปลายสายรับ“สวัสดีค่ะ พอดีฉันทำโทรศัพท์หาย ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนคะ” วาโยพูดอย่างร้อนใจเพราะในเครื่องของเธอมีข้อมูลและรูปเยอะมาก“ตอนนี้ผมอยู่ที่โรงแรมxxx ครับ” วาโยได้ยินดังนั้นก็ยิ้มร่าเพราะเธอเองก็พักอยู่ที่นั่นกับเพลงเหมือนกัน“คุณรอฉันที่ล็อบบี้ได้ไหมคะไม่เกินครึ่งชั่วโมง ฉันไปถึงแน่นอนค่ะ”“ได้ครับ” พอเธอวางสายก็หันไปบอกเพลงว่าจะกลับไปโรงแรมแล้ว เพราะคนที่เก็บได้อยู่ที่โรงแรมที่เธอสองคนพักอยู่“งั้นแกกลับก่อนเลยนะ ฉันว่าจะเที่ยวต่อกับดินน่ะ” เพลงพูดแล้วก็หันไปมองทา
เสียงออดดังบ่งบอกเวลาพักเที่ยงของเด็กโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งดังขึ้น ที่รวมมัธยมตอนต้นกับมัธยมตอนปลายไว้ โรงเรียนนี้มีขนาดใหญ่พอสมควรแถมยังดังที่สุดในจังหวัดอีกด้วย วาโย เด็กสาววัยสิบห้าย่างสิบหกรีบเดินจ้ำอ้าวเข้าไปในโรงอาหารกับเพื่อนๆ ของเธอ ถึงแม้เรื่องเรียนเธออาจไม่เอาไหนแต่เรื่องกินเธอสู้ขาดใจบอกเลย “เร็วๆ หน่อยสิ เพลง เดี๋ยวไม่ได้นั่งโต๊ะตัวเดิมของเรา” ใช่โต๊ะตัวเดิมที่เธอเอาไว้นั่งมองพี่ต้าพี่ม.6 นักเรียนชายที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ เมื่อตอนต้นเดือนที่ผ่านมา ครั้งแรกที่เธอเห็นเขา เขากำลังนั่งอ่านหนังสือใต้ร่มไม้โต๊ะหินอ่อนข้างตึกที่เธอเรียนอยู่ ความรู้สึกครั้งแรกที่เธอเห็นเขา นั่นมันคนหรือเทพบุตรกันแน่ในโลกมนุษย์เรามีคนที่หล่อขนาดนี้ด้วยเหรอ เขาดูดีมากแม้แต่ในยามที่ใส่ชุดนักเรียนก็ชวนให้มองน่าหลงใหลไม่อาจละสายตาได้เลย ความสูงที่สูงเกินนักเรียนรุ่นเดียวกัน แต่ก็ดูสมส่วนและหุ่นดีไม่น้อย เขามาจากที่ใดกันเล่าพ่อเทพบุตรคนนี้ เด็กสาวที่ยืนมองเขาตรงกระจกหน้าต่างในห้องเรียนเมื่ออาจารย์ที่สอนเธอสั่งงานเอาไว้ และออกไปแล้วเธอจึงได้ยืนมองเขาแบบนั้นอยู่พักใหญ่ “โย ไปนั่งรอก่อนเลย เดี๋ยวฉัน
หลังจากที่วาโยแยกกับต้าที่ลานจอดรถเธอก็กลับเข้ามาหาเพลงเพื่อนของเธอข้างในบาร์“ไปไหนมาโย ฉันเดินตามหาแกไปทั่ว” เพลงรีบวิ่งมาหาหญิงสาวด้วยท่าทางตกใจ“คือฉันไปเดินหลงทางนิดหน่อยน่ะ” วาโยพูดแล้วยิ้มบิดเขินอายเมื่อนึกถึงใบหน้าพี่ต้า“ยิ้มอะไรยัยโยฉันโทรหาก็ไม่รับสาย” เพลงหน้าบึ้งโวยวายให้วาโย พร้อมกับที่วาโยควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายข้างของตัวเอง“โทรศัพท์ฉัน หายไปไหน” เธอพยายามนึก เมื่อกี้เธอเจอพี่ต้าแล้วก็เป็นลม“หรือว่ามันจะหล่นหาย เพลงฉันขอยืมโทรศัพท์แกหน่อย” หญิงสาวรับมาและกดโทรออกไปที่เบอร์ของตัวเอง“สวัสดีครับ” เสียงปลายสายรับ“สวัสดีค่ะ พอดีฉันทำโทรศัพท์หาย ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนคะ” วาโยพูดอย่างร้อนใจเพราะในเครื่องของเธอมีข้อมูลและรูปเยอะมาก“ตอนนี้ผมอยู่ที่โรงแรมxxx ครับ” วาโยได้ยินดังนั้นก็ยิ้มร่าเพราะเธอเองก็พักอยู่ที่นั่นกับเพลงเหมือนกัน“คุณรอฉันที่ล็อบบี้ได้ไหมคะไม่เกินครึ่งชั่วโมง ฉันไปถึงแน่นอนค่ะ”“ได้ครับ” พอเธอวางสายก็หันไปบอกเพลงว่าจะกลับไปโรงแรมแล้ว เพราะคนที่เก็บได้อยู่ที่โรงแรมที่เธอสองคนพักอยู่“งั้นแกกลับก่อนเลยนะ ฉันว่าจะเที่ยวต่อกับดินน่ะ” เพลงพูดแล้วก็หันไปมองทา
สี่ปีต่อมา“นึกยังไงถึงอยากมาเที่ยวเชียงใหม่” วาโยถามเพลงเพื่อนสนิทของเธอตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมมาด้วยกัน แม้ว่าจะอยู่ปีหนึ่งแล้วพวกเธอก็ยังคงเป็นเพื่อนซี้กันอยู่ตั้งแต่อายุสิบสามจนถึงตอนนี้ที่พวกเธออายุสิบเก้ากันแล้วแถมยังสวยสะพรั่งทั้งคู่อีกด้วย“ฉันอยากมารับอากาศหนาวๆ สักหน่อย” เพลงพูดแล้วกลั้นยิ้มไว้“อยากหนาวๆ เปิดแอร์ก็ได้มั้งไม่ต้องมาไกลขนาดนี้หรอก” วาโยแกล้งแซวเพื่อนสนิทเล่นพอให้ได้ขำ“แหม ฉันก็อยากให้แกมาเปิดหูเปิดตาบ้างมาค้างสองคืนสามวันให้มีแรงพอได้กลับไปสู้ต่อ” เพลงพูดพลางตักข้าวเข้าปาก คืนนี้พวกเธอสองคนพากันมากินข้าวที่ร้านอาหารที่เคยมาเมื่อปีก่อนแล้วบังเอิญยัยเพลงเจอหนุ่มที่เชียงใหม่ ทำให้ปิ๊งรักกันเธอเลยขึ้นมาหาเขาที่นี่โดยมีวาโยมาด้วย เพราะถ้าขืนเธอปล่อยให้เพื่อนของเธออยู่คนเดียวมีหวังโทรกวนเธอทั้งคืนแน่ๆ เพราะคงเป็นห่วงเธอที่มาค้างไกลบ้านแบบนี้แน่ๆ“สู้กับเรียน หรือสู้กับความคิดถึงของตัวเองที่มีต่อพ่อหนุ่มเชียงใหม่ที่เดินมานู้นนั่นล่ะจ้ะ สาวน้อยเพลง” วาโยยิ้มแป้นพูดเชิงบุ้ยปากไปทางผู้ชายที่แต่งตัวสะอาดสะอ้าน เดินมาแต่ไกลพร้อมกับเพื่อนของเขาที่เดินมาด้วยกัน“ดินนั่งก่อน
เสียงออดดังบ่งบอกเวลาพักเที่ยงของเด็กโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งดังขึ้น ที่รวมมัธยมตอนต้นกับมัธยมตอนปลายไว้ โรงเรียนนี้มีขนาดใหญ่พอสมควรแถมยังดังที่สุดในจังหวัดอีกด้วย วาโย เด็กสาววัยสิบห้าย่างสิบหกรีบเดินจ้ำอ้าวเข้าไปในโรงอาหารกับเพื่อนๆ ของเธอ ถึงแม้เรื่องเรียนเธออาจไม่เอาไหนแต่เรื่องกินเธอสู้ขาดใจบอกเลย “เร็วๆ หน่อยสิ เพลง เดี๋ยวไม่ได้นั่งโต๊ะตัวเดิมของเรา” ใช่โต๊ะตัวเดิมที่เธอเอาไว้นั่งมองพี่ต้าพี่ม.6 นักเรียนชายที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ เมื่อตอนต้นเดือนที่ผ่านมา ครั้งแรกที่เธอเห็นเขา เขากำลังนั่งอ่านหนังสือใต้ร่มไม้โต๊ะหินอ่อนข้างตึกที่เธอเรียนอยู่ ความรู้สึกครั้งแรกที่เธอเห็นเขา นั่นมันคนหรือเทพบุตรกันแน่ในโลกมนุษย์เรามีคนที่หล่อขนาดนี้ด้วยเหรอ เขาดูดีมากแม้แต่ในยามที่ใส่ชุดนักเรียนก็ชวนให้มองน่าหลงใหลไม่อาจละสายตาได้เลย ความสูงที่สูงเกินนักเรียนรุ่นเดียวกัน แต่ก็ดูสมส่วนและหุ่นดีไม่น้อย เขามาจากที่ใดกันเล่าพ่อเทพบุตรคนนี้ เด็กสาวที่ยืนมองเขาตรงกระจกหน้าต่างในห้องเรียนเมื่ออาจารย์ที่สอนเธอสั่งงานเอาไว้ และออกไปแล้วเธอจึงได้ยืนมองเขาแบบนั้นอยู่พักใหญ่ “โย ไปนั่งรอก่อนเลย เดี๋ยวฉัน