รถส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดบนถนนลาดยาง เมื่อฉันรู้สึกว่าตัวเองถูกเหวี่ยงไปข้างหน้าในขณะที่เหยียบเบรกอย่างกระทันหัน แล้วรถก็หยุดกึกลงฉันหันไปมองข้าง ๆ แล้วเห็นเบลล่านั่งยอง ๆ อยู่หน้าประตูคฤหาสน์ตอเรส ช่างน่าสงสารเหลือเกินที่เบลล่าไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ถ้ามาร์คไม่อนุญาตเธอจะต้องสังเกตเห็นแน่ ๆ ว่าฉันคือคนที่อยู่ในรถ เพราะเธอลุกขึ้นยืนตัวตรงแล้วเดินมาที่รถ เธอเอาฝ่ามือตบลงบนตัวรถ "ลงมาจากรถ!” เธอตะโกนบอก จนทำให้ฉันเกือบหัวเราะออกมาตอนนี้เธอกำลังพยายามใช้สิทธิ์อะไรอยู่เหรอ? หรือว่ามีอำนาจอะไร?ถึงแม้ว่าโรสจะเกลียดฉันมาก และฉันกำลังจะทำเรื่องหย่าร้าง แต่ฉันก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเบลล่าจะมีโอกาสกับมาร์คหรือเปล่า ยกเว้นว่าเธอจะยังคงอยู่ภายใต้เงาของใครก็ตามที่จะได้แต่งงานกับเขาต่อไป โรสจะต้องดูถูกเบลล่าอย่างแน่นอนแบบเเดียวกับที่ทำกับฉัน เพราะเรามาจากพื้นเพเดียวกัน นอกจากนี้ ฉันก็เชื่อใจในตัวคุณยายดอริสหลังจากได้ดูคลิปวิดีโอนั้นแล้วด้วย ฉันแน่ใจว่าเบลล่าได้ทำให้ท่านรู้สึกขยะแขยงเธอขึ้นมาแล้ว ถ้ามาร์คพยายามจะแต่งงานกับเบลล่าล่ะก็ ดอริสจะคัดค้านอย่างหัวชนฝาแน่นอนตระกูลตอร์เรสกับตระกูลของฉันเหมือน
ฉันทำเสียงเย้ยหยันในขณะจ้องมองเธอ เธอไม่ได้ใช้ความพยายามในการออดอ้อนหรือพูดให้ฟังรื่นหูเลย ฉันยิ้มเยาะเมื่อคิดอะไรขึ้นมาได้ "ค่าแลกเปลี่ยนบาทหนึ่งจ่ายมาก่อนสิ ถึงจะบอก"ทีแรกเธอมองฉันอย่างตกตะลึงเหมือนจะรอให้ฉันปล่อยหัวเราะออกมาแล้วบอกว่าล้อเล่น "หนึ่งบาท!”“ใช่แล้ว หนึ่งบาท เถอะน่า เอามาสิ" ฉันหงายฝ่ามือให้เธอเธอกวาดตามองฉัน แล้วจากนั้นก็กลอกตา หยิบธนาบัตรพันสองสามใบออกมาออกมาฟาดลงบนฝ่ามือของฉัน "เอาไปสิ ไม่ต้องทอน" เธอพูดพร้อมกับเชิดคางและยกไหล่ขึ้นราวกับเธอเพิ่งให้เงินนับล้านบาทกับฉันฉันรับเงินนั้นมาแล้วมองดูมัน โบกมือปฏิเสธแล้วส่งคืนให้เธอ "ไม่เอา ฉันต้องการแค่หนึ่งบาท"เธอหัวเราะ "ซิดนีย์ เอาไปสิ ฉันยกให้เธอหมดเลย เธออาจต้องการมันก็ได้"“ไม่เอา ฉันต้องการแค่บาทเดียว เพราะความรักอันน่ารังเกียจของเธอกับมาร์คน่ะมีราคาแค่บาทเดียว"รอยยิ้มสะดุดกึกอยู่บนหน้า ใบหน้าเริ่มบิดเบี้ยวด้วยความโกรธเกรี้ยวฉันยิ้มอย่างมีความสุขที่ทำให้เธอรู้สึกด้อยค่าและโดนเยาะเย้ยได้สำเร็จ "ถ้าไม่ให้ฉันก็จะไปแล้วนะ ฉันแน่ใจว่ามีคู่แข่งคนอื่นที่ยินดีจะจ่ายเงินหนึ่งบาท เพื่อซื้อข่าวล่าสุดของมาร์ค"เบลล
ฉันยิ้มออกมาอย่างผ่อนคลายเมื่อเห็นเขาก้าวลงจากรถผ่านทางผนังกระจกของที่ว่าการอำเภอแล้วเดินช้า ๆ ไปยังทางเข้าของสำนักงานกิจการพลเรือนฉันมาถึงนี่เมื่อประมาณห้านาทีที่แล้วนี่เอง แล้วคิดว่าคงต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าเขาจะมาถึง แต่นี่ไงเขาก้าวเข้ามาในสำนักงานแห่งนี้อย่างที่ตกลงกันไว้เขามองเห็นฉันค่อนข้างเร็ว แล้วจึงเดินเลี้ยวเข้ามาหาฉัน“สวัสดี"เขาพยักหน้าและล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง "ไง"“ฉันไม่คิดว่าคุณจะมาเช้าขนาดนี้" ฉันพูดในขณะลุกขึ้นยืนแล้วสะพายกระเป๋าเอาไว้บนบ่าไหล่ของเขาไม่ได้ขยับเลยสักนิดเดียวเมื่อเขายักไหล่นิดนึง "ผมบอกคุณแล้วไงว่าจะมาถึงที่นี่ตามเวลาที่คุณบอก ผมรับปากคุณแล้ว ผมไม่กลับคำพูดหรอก"ฉันเลิกคิ้วขึ้น แล้วอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ พูดตามตรงนะ ฉันรู้สึกประทับใจจริง ๆ นี่เขาได้รับแรงกดดันอะไรมาจากคุณยายดอริสใช่ไหม?“โอเค ไปกันเถอะ" ฉันบอกเขา แล้วเดินนำเขาเข้าไปในสำนักงานของผู้พิพากษาฉันยิ้มกว้างออกมาทุกครั้งที่มองหรือสัมผัสกับกับกระดาษที่อยู่ในมือ ในที่สุดฉันก็ไม่ใช่คุณนายตอร์เรสอีกต่อไป ฉันรู้สึกดีมาก ๆ เลยการจดทะเบียนหย่าของเราเป็นไปอย่างราบรื่นมาก ฉันคิดว
เราเริ่มออกเดินกันแบบเงียบ ๆ อีกครั้ง "ว่าแต่ฉันไม่ได้วางแผนจะเก็บหุ้นที่คุณยายโอนให้ไว้หรอกนะ" ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วยิ้ม "ฉะนั้นก็ให้ทนายของคุณร่างเอกสารการโอนหุ้นส่งมาให้ฉันทางเมล์ แล้วฉันจะเซ็นชื่อให้ทันที แบบไม่มีปัญหาเลยแหละ"มาร์คส่ายหัวแล้วบอกว่า "ไม่เอา คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอก ในเมื่อคุณยายโอนหุ้นให้คุณแล้ว หุ้นนั้นก็เป็นของคุณ ไม่ใช่ของผม ถ้าคุณไม่อยากได้หุ้นนั้นจากคุณยาย ก็ถือซะว่าหุ้นนั้นคือค่าเลี้ยงดูของผมตราบใดที่คุณไม่ขายหุ้นพวกนั้นไป"ฉันยักไหล่ด้วยความรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย ฉันคิดว่าหุ้นบริษัทจะมีความหมายกับเขาอย่างมากซะอีก ฉันคิดว่าเขาจะแอบเดือดดาลอยู่ข้างในตอนที่ฉันเซ็นเอกสารการโอนหุ้น แต่ตอนนี้เขากลับดูไม่แยแสกับเรื่องนั้นเลย ช่างน่าประทับใจจริง ๆ "ถ้าคุณเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ ก็แค่ติดต่อทนายความของฉันมานะ" ฉันยื่นนามบัตรของทนายความให้เขา "เผื่อว่าคุณไม่อยากโทรหาฉัน หรือติดต่อฉันไม่ได้"เขาจ้องมองนามบัตรนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหยิบมาใส่กระเป๋าโดยไม่เหลือบมองอะไรเลยตอนนี้เราทั้งคู่ได้เดินไปถึงลานจอดรถแล้ว ฉันเดินไปที่รถของฉันแล้วปลดล็อค“เอาล่ะ" ฉันพูดออกไปอ
หลังจากนั้นการขับรถมุ่งตรงไปยังที่ทำงานก็เป็นไปอย่างราบรื่นมาก ราวกับคนทั้งโลกนี้เป็นศัตรูกับริชชี่ ไม่มีการจราจรที่ติดขัดในระหว่างทางอีกเลยไม่นานนักฉันก็ขับไปถึงบริษัท ล้อรถบดกับถนนดังเอี๊ยดในขณะที่ฉันเอาเท้าแตะเบรกอย่างปุบปับ แล้วจอดรถอย่างไม่ระมัดระวัง ฉันมองหารถตำรวจพร้อมกับล็อครถของตัวเอง แต่ไม่มีรถตำรวจอยู่แถวนั้นเลย ไม่มีการเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินสีน้ำเงินแดง หรือเสียงไซเรนดังขึ้นในบริเวณนั้นเลย“โชคดีจังที่ฉันมาทันเวลา" ฉันพึมพำกับตัวเองแล้วรีบเข้าไปข้างใน ฉันไม่สนใจคำทักทายในขณะที่รีบวิ่งเข้าไปในลิฟท์ ฉันกดลิฟท์ขึ้นไปยังห้องทำงานของริชชี่ พร้อมกับโทรศัพท์ผ่านไลน์ไปหาหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัย“สวัสดีครับ คุณผู้หญิง"“สวัสดีค่ะ" ฉันตอบรับคำทักทายของเขา แล้วตรงเข้าประเด็นเลยว่าฉันโทรหาเขาทำไม "ตอนนี้ ฉันต้องการให้คุณสกัดกั้นริชชี่ หัวหน้าแผนกบริการลูกค้า เอาไว้ทุกทางออก อย่าให้เขาเล็ดลอดออกไปได้"“ครับ คุณผู้หญิง"ฉันได้ยินเขาตะโกนสั่งลูกน้องก่อนที่ฉันจะทันจะได้วางสายลงด้วยซ้ำไป เยี่ยมฉันจะทำให้แน่ใจว่าเขาจะโดนจับกุมตัว ฉันได้ให้เวลาและโอกาสกับเขาในการทบทวนพฤติกรรมแย่ ๆ แล
"ริชชี่"“ครับ คุณซิดนีย์" เขาตอบกลับมาแล้วทำให้ฉันอดหัวเราะด้วยความขมขื่นไม่ได้ เขาไม่ได้เรียกชื่อฉันซิดนีย์เฉย ๆ เหมือนวันอื่น ๆ แล้วเหรอ? แต่ตอนนี้มีคำว่าคุณเพิ่มเข้ามาด้วยได้ยังไงกัน?“บอกฉันมา ริชชี่ คุณจะได้อะไรจากการจ้างนักฆ่าที่ปลอมตัวเป็นผู้จัดซื้อให้มาฆ่าฉัน?ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็ปรากฏชัดแล้ว เมื่อเราพูดคุยกันถึงการเพิ่มอะไรใหม่ ๆ เข้ามาในลักซ์ โว้ค แล้วเห็นได้ชัดว่าริชชี่ในฐานะที่เป็นหัวหน้าแผนกจะต้องอยู่ที่นั่นและทำการนำเสนองาน แต่เขากลายเป็นหนึ่งในหัวหน้าแผนกที่ไม่แสดงความคิดเห็นอะไรออกมาเลย“นักฆ่าอะไรเหรอครับ?” เขาพูดปากคอสั่นเล็กน้อย "คุณหมายความว่ายังไง? ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร" เขาพูดต่อโดยพยายามแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง แต่ฉันก็มองเห็นหมด ไม่ว่าจะเป็นการขยับนิ้วอย่างกระสับกระส่าย ปากที่สั่นระริก คิ้วขมวดโดยไม่จำเป็น หรือหรือการหรี่ตาลง ทั้งหมดทั้งมวลนั้นล้วนเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความรู้สึกผิดฉันเลิกคิ้วขึ้น "คุณต้องการหลบหนีจากเรื่องนี้เหรอ? ถึงได้แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย"เขาขมวดคิ้วเข้าหากันมากขึ้น "อะไรนะ...ทำไม...” เขาพูดตะกุกตะกักอย่า
หลังจากแน่ใจว่าริชชี่ถูกจับกุมตัวไปแล้ว ฉันก็เรียกพนักงานทุกคนมาประชุม และออกปากเตือนพวกเขาอย่างจริงจัง ถ้าพวกเขาไม่พร้อมที่จะทำงานก็ควรยื่นจดหมายลาออกซะ เมื่อฉันไม่ได้ติดแหงกอยู่ในชีวิตแต่งงานอีกต่อไป ยุคที่ไม่มีการกำกับดูแลอย่างเข้มงวดและสม่ำเสมอจึงกลายเป็นอดีตไปแล้ว จากนั้นก็สั่งให้พนักงานในฝ่ายทรัพยากรบุคคลเริ่มดำเนินการสรรหาบุคลากรจากภายในบริษัท เพื่อหาคนที่เหมาะสมมาทำงานในตำแหน่งของริชชี่หลังจากประชุมเสร็จแล้ว ฉันก็รีบบึ่งไปที่โรงพยาบาล ในที่สุดก็ถึงวันที่เกรซจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว เธอจะได้ลุกออกจากเตียงแข็ง ๆ ของโรงพยาบาลซะทีฉันพบหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยในระหว่างที่เดินออกมา แล้วสั่งให้เขายังคงดูแลความปลอดภัยเอาไว้อย่างแน่นหนา ใครจะไปรู้ว่าริชชี่ยังมีลูกน้องแบบแบรนอยู่อีกกี่คน?ฉันขับรถไปยังโรงพยาบาล แล้วแวะร้านขายของชำเพื่อซื้อผักต่าง ๆ ที่จะใช้ทำอาหารให้เกรซกิน เธอเบื่ออาหารของโรงพยาบาลเต็มทีแล้ว เธอต้องการอาหารที่ปรุงเป็นพิเศษ นอกจากนี้ฉันก็ยังซื้อไวน์ดี ๆ มาฉลองการหย่าร้างกับมาร์คด้วย มันคงจะสนุกกว่าถ้าได้ไปเที่ยวบาร์ ซึ่งอาจจะเป็นบาร์ของลุยจิก็ได้ แต่ฉันก็ไม่อยากเ
ผู้ชายคนนั้นหุบยิ้มทันที แล้วถ้าคุณมองเข้าไปใกล้ ๆ ก็เห็นใบหน้าของเขาดูแข็งกร้าวขึ้น เขาไม่คิดว่าเธอจะเข้ามาใกล้มาก หรือถามเขาตรง ๆ แบบนั้นเขาหัวเราะอย่างเคอะเขิน อาจเพราะพยายามจะทำลายบรรยากาศที่ดูตึงเครียด แต่ก็สายไปแล้วล่ะ "เอาล่ะครับ คุณผู้หญิง เราแค่อยากจะคุยกับเกรซเพื่อหาข้อตกลงที่จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย"ฉันยิ้มเยาะเมื่อเห็นสายตาของเขาดูอ่อนลงไปชั่วขณะ คนพวกนี้ไม่ยอมหยุดทำอะไรง่าย ๆ หรอก ฉันพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า "เสียใจนะ ฉันบอกคุณได้แต่เพียงว่าคุณเกรซจะไม่ยอมถอนฟ้องอย่างแน่นอน ถ้าคุณไม่อยากเสียเวลาก็เชิญออกไปได้แล้ว"ฉันถอยหลังไปหนึ่งก้าวเมื่อจู ๆ ประตูห้องเปิดออก แล้วเกรซก็เดินออกมา ผู้ชายคนนั้นมองฉันอย่างสาดเสียเทเสีย ก่อนจะหันหน้าไปทางโรงพยาบาล...เธอหันไปเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนั้นด้วย "ฉันชื่อเกรซ เชิญเข้ามาดื่มกาแฟข้างใน แล้วบอกฉันมาว่าคุณจะเสนอเงื่อนไขอะไรให้"ฉันอ้าปากค้างในขณะที่ผู้ชายคนนั้นมีดวงตาเป็นประกาย เขาหันมายิ้มให้ฉันอย่างผู้ชนะ "ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นหรอกครับคุณเกรซ เพราะตอนนี้เราไม่เหลือเวลามากนัก"เกรซพยักหน้าโดยไม่หันมามองฉันสักนิดเดียว! ฉันคงจะร
มุมมองของนักเขียนอาน่าถอนหายใจเสียงดังขณะเดินเข้าไปในห้องพักของเดนนิสและนั่งลงข้าง ๆ เขา เธอหยิบหนังสือออกมาและเริ่มอ่านเป็นครั้งคราว เธอจะเปิดโทรศัพท์เพื่อดูจัสตินนอนหลับหรือเล่นรอบบ้านในขณะที่พี่เลี้ยงยุ่งอยู่ หรือแค่ซุกตัวบนโซฟาตัวหนึ่งเพื่ออ่านหนังสือ โดยคอยจับตาดูจัสตินตอนนี้มันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของอาน่าไปแล้วในวันที่เธอพักค้างคืนที่โรงพยาบาล เธอจะออกจากที่นั่นแต่เช้าเพื่อไปดูแลจัสตินและกลับมา ขณะที่เธอนั่งอยู่ข้างๆ เขา นิ้วอุ่นๆ ของเธอประสานกับนิ้วเย็นๆ ที่ยังคงนิ่งของเขา เธอจะอ่านหนังสือเดนนิสยังคงอยู่ในอาการโคม่า และในแต่ละวัน อาน่ารู้สึกว่าความกลัวกำลังเพิ่มขึ้น... กลัวว่าเขาอาจจะยังคงอยู่ในอาการโคม่าจนถึงแก่ชีวิต ทั้งหมดเป็นเพราะเธอคนเดียวเธอต้องการให้เขาลืมตาขึ้นมามองเธอด้วยความรักที่เขามีให้เธอเสมอ เธอต้องการบอกเขาว่าเธอรักเขามากแค่ไหนและรู้สึกขอบคุณที่มีเขาในชีวิตของเธอ แต่ที่สำคัญที่สุด เธอต้องการขอโทษเขาเธอเห็นแก่ตัวมาก คิดว่าความเจ็บปวดของพวกเขาไม่ยิ่งใหญ่เท่าของเธอ... พวกเขาทุกคนรักเอมี่อย่างสุดซึ้ง และพวกเขาทุกคนเจ็บปวดกับการจากไปของเธอจากชีวิตนี้ ห
มุมมองของนักเขียนชารอนถูกตัดสินว่าไม่มีความผิดฐานมีส่วนร่วมโดยตรงในการเสียชีวิตของเอมี่ แต่มีความผิดฐานสมรู้ร่วมคิด เธอโชคดีพอที่จะได้รับการลดหย่อนโทษ จำคุกในระยะเวลาอันสั้น ทนายของเธอทำให้แน่ใจว่ามันจะเป็นเช่นนั้น และทั้งหมดนี้เป็นเพราะพ่อของเธอแม้ว่าพ่อของเธอจะผิดหวังกับทุกสิ่งที่เธอทำ แต่เธอก็เป็นลูกสาวของเขา ทายาทที่น่าเกรงขามเพียงคนเดียวของเขา ไม่มีทางที่เขาจะทอดทิ้งเธอได้ขณะที่เธอรับโทษจำคุก นับถอยหลังสู่วันที่เธอจะได้ออกไปจากที่นั่นในที่สุด เธอได้รับเอกสารหย่าร้างส่งมาให้เธอเธอคิดว่าเช้าวันนั้นหนาวเกินไปสำหรับฤดูกาล ห้องขังเล็กๆ ของเธอรู้สึกเล็กกะทันหัน มันรู้สึกเหมือนมันจะปิดล้อมเธอ และเธอเอามือสอดเข้าไปในช่องประตูเพื่อหายใจเมื่อหนึ่งในผู้คุมมาพาเธอไปเธอนั่งลง ได้รับปากกา และต่อหน้าเธอ บนโต๊ะเหล็ก มีจดหมายหย่าร้างวางอยู่ เหตุผลหลักที่เธอเข้าไปเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมและการกระทำสกปรกเหล่านี้ทั้งหมดคือเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ไอเดนทิ้งเธอ มันน่าเศร้าจริงๆ ที่เธอทำงานอย่างหนักเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งนี้ แต่กลับถูกโยนใส่อย่างแรงที่ใบหน้าของเธอในตอนท้ายดวงตาปวดหนึบด้วยน้ำตาขณะที่เธ
"หยุด!" เสียงของเธอสั่นเครือขณะที่เธอตะโกนบอกคนขับแท็กซี่แค่นั้นก็เพียงพอให้อาน่าหันกลับมา"ฉันทำอะไรลงไป?" ลมหายใจของเธอสั่นเทาขณะที่เธอเปิดประตูและรีบออกจากแท็กซี่ มือของเธอสั่นเทาขณะที่เธอสะดุดลงบนทางเท้า"เดนนิส!" เธอตะโกนขณะที่เข่าของเธอล้มลงบนพื้นคอนกรีตแข็ง "ได้โปรด อย่า" เธอพูดกระซิบ สายตาของเธอจ้องมองไปที่รถที่พังยับเยิน "เดนนิส ต้องรอดให้ได้นะ"เธอคลานไปที่รถ มองเข้าไปข้างในเพื่อดูเขา แต่ข้างในนั้นมืดมิดและเสียงสะอื้นของเธอก็ดังขึ้น "ทำไมฉันถึงออกมา? ทำไมฉันไม่รอเขา?"เธอเช็ดน้ำตา "ฉันสัญญา" เธอสะอื้น "ฉันจะไม่ไปหาเอมี่อีกแล้ว ฉันสัญญา เดนนิส ได้โปรดออกมา" เธอร้องไห้ขณะที่เธอจำได้เลือนรางว่าเขาบอกเธอว่าเอมี่ได้รับความยุติธรรมแล้ว และไม่จำเป็นต้องไปหาเธออีกต่อไปนี่เป็นความผิดของเธอทั้งหมด เธอควรจะฟังเขา เธอควรจะรอเขาก่อนที่เธอจะออกไป"อาน่า!" ไอเดนตะโกนขณะที่เขารีบออกจากรถ เขารู้สึกโล่งใจที่เห็นอาน่า เขาหารถแท็กซี่หลังจากที่เดนนิสขับออกไปสักพัก และตามเขาไป เมื่อเขาสังเกตเห็นฝูงชนและเห็นว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น เขาก็กลัวว่าจะเป็นอาน่า"ให้ตายสิ!" เขาพึมพำขณะหยุดอยู่ต่อ
มุมมองของนักเขียนหลังจากที่ไอเดนได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาไม่ลังเลเลยก่อนที่จะเดินออกจากห้องพิจารณาคดีหัวใจของชารอนแตกสลายเมื่อมองดูไอเดนเดินออกไปอย่างโกรธจัด เขาเกลียดชังเธอมากจนทนดูการพิจารณาคดีของเธอไม่ได้เลยหรือ? น้ำตาไหลลงมาบนใบหน้าของเธอ และเธอรีบเช็ดมันออกก่อนที่พ่อของเธอจะเห็นพ่อของเธอบอกเธอไปก่อนหน้านี้ว่า "พอได้แล้ว ชารอน อย่าร้องไห้เพราะผู้ชายอย่างเขาเลย" แต่นั่นหลังจากที่เขาตำหนิเธอสำหรับทุกสิ่งที่เธอทำ"มีการตัดสินแล้วหรือยัง คุณไอเดน? คุณจะประกันตัวภรรยาของคุณไหม?"คำถามทั้งหมดของพวกเขาไม่ได้เข้าหูไอเดนแม้แต่น้อย เขาไม่ได้สนใจสิ่งใดเลยขณะที่เขาเร่งรีบไปที่รถของเขาและขับออกจากบริเวณศาลระหว่างทางไปโรงพยาบาล เขาโทรหาทีมรักษาความปลอดภัยของเขาที่ตามเขามาทันทีที่เขาขับรถออกไป "อาน่าสตาเซียเพิ่งหนีออกจากโรงพยาบาลบ้า ตามหาเธอ" เขาออกคำสั่ง "ผมจะส่งรูปของเธอให้คุณตอนนี้""ครับ"เขาตัดสาย ขณะที่เขาขับรถ เขาหารูปอาน่าที่ชัดเจนและส่งให้ทีมรักษาความปลอดภัยที่เริ่มตามหาเธอทันทีจากนั้นไอเดนพยายามโทรหาเดนนิส แต่เขาก็ยังไม่รับสายเมื่อมาถึงโรงพยาบาล เขาพบเดนนิสอยู่ข้างนอก เขา
ไอเดนเมื่อเวลาผ่านไป คดีของเอมี่ได้รับความสนใจจากสื่อมากมาย ช่องข่าวทุกช่องมีรูปเด็กผู้หญิงน่าสงสารคนนั้นขณะที่พวกเขาพูดถึงการตายที่ไม่ยุติธรรมของเธอ และทุกคนที่รับผิดชอบต้องถูกลงโทษตามนั้นท่ามกลางทุกสิ่งทุกอย่าง จุดสนใจก็เปลี่ยนจากเอมี่มาเป็นชารอนและผม อย่างไรก็ตาม มีข่าวลือเกี่ยวกับชีวิตแต่งงานของเราและการตั้งครรภ์ปลอมของเธอผมเริ่มได้รับโทรศัพท์จากหมายเลขที่ไม่รู้จักหลายหมายเลข โทรมาถามคำถามไร้สาระทั้งหมดเพื่อต้องการข้อมูลโดยตรงจากแหล่งข่าว ผมต้องเปลี่ยนซิมการ์ดในโทรศัพท์ของผมเป็นซิมที่ผู้ช่วยของผมใช้ หากมีข้อมูลใดๆ เขาก็แค่ส่งต่อมา ผมเบื่อที่จะรับมือกับสายเรียกเข้าที่ไม่หยุดหย่อนเหล่านั้นเมื่อชารอนอาการดีขึ้นและเธอต้องถูกส่งตัวกลับไปที่สถานีตำรวจ พวกเขามาถึงสถานีพร้อมกับกลุ่มนักข่าวที่ทางเข้าตำรวจคุ้มกันเธอขณะพาเธอเข้าไปข้างใน แต่นั่นไม่ได้หยุดนักข่าวจากการตะโกนถามคำถามของพวกเขา"คุณเสแสร้งว่าท้องจริง ๆ เหรอ คุณนายไอเดน?""คุณชารอน คุณยังเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้วอยู่ไหม?""สามีของคุณอยู่ที่ไหน? เขายังรักคุณอยู่ไหม?""จะมีการหย่าร้างไหม?""คุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสีย
เดนนิสอาน่าถูกส่งตัวไปยังศูนย์บำบัดวิกฤตสุขภาพจิต และผมใช้เวลาส่วนใหญ่ของผมที่นั่น แม้ว่าผมจะพยายามแบ่งเวลาอย่างเท่าเทียมกันระหว่างงาน จัสติน และเอมี่ แต่ผมก็พบว่าตัวเองใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่นี่งานเป็นไปด้วยดีอย่างยิ่ง ตอนนี้ผมทำเงินได้มากกว่าที่เคยทำก่อนที่ผมจะถูกหลอก แต่ผมไม่มีความสุข คนที่ผมรักที่สุดอยู่ในบ้านพักผู้ป่วยทางจิต ทุกวันที่ผมไปที่นั่น ผมหวังว่าอาการของเธอจะเริ่มดีขึ้นในไม่ช้า ครึ่งหนึ่งของเวลา เธอดูปกติดี แค่นั่งอยู่คนเดียวด้วยสีหน้าที่เป็นกลาง เธอจะไม่พูดคุยกับใครเป็นเวลาหลายชั่วโมง อีกครึ่งหนึ่งใช้ไปกับการร้องไห้และขอร้องให้ผมพาพวกเราไปหาเอมี่แพทย์บอกว่าเธอดีขึ้น แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้นสำหรับผมจัสตินทำได้ดีมาก เขาดูเหมือนจะไม่โศกเศร้าอย่างที่ไอเดนแนะนำ มีบางครั้งที่เขาจะร้องไห้และไม่มีอะไรทำให้เขาหยุดได้จนกว่าเขาจะหลับไป แต่ช่วงเวลาเหล่านั้นหายาก และผมคิดว่าเขาแค่คิดถึงแม่ของเขาผมทำให้แน่ใจว่าผมมีเวลาให้เขาเสมอ เหมือนกับที่ผมมีเวลาให้อาน่า ไม่ว่างานจะยุ่งแค่ไหน ผมไม่ต้องการปล่อยเขาไว้กับพี่เลี้ยงทั้งหมด แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่ดี แต่ผมต้องการให้ไอเดนเติ
ไอเดนนักสืบส่งที่อยู่โรงพยาบาลที่ชารอนถูกนำตัวส่งมาให้กับผมภายในห้อง ชารอนนอนขดตัวอยู่กับตนเองพร้อมกับกุญแจมือที่คล้องอยู่พอจะเอื้อมถึงเธอรีบลุกขึ้นนั่งเมื่อเห็นผมเข้ามาในห้อง "ไอเดน" เธอหายใจออกมา ดวงตาเบิกกว้างด้วยความกลัว"ไม่เพียงแต่คุณจะเป็นอาชญากร แต่ยังเป็นคนโกหกด้วยเหรอ? คนโป้ปด!" ผมพูดออกมาขณะที่สายตาเหลือบไปที่ท้องแบนราบของเธอ ผมหัวเราะเยาะตัวเองขณะทรุดตัวลงบนเก้าอี้ที่หันหน้าเข้าหาเตียงของเธอ ผมรู้สึกหมดแรงจนแทบจะยืนด้วยขาของตัวเองไม่ได้เธอส่ายหัว น้ำตาไหลลงมาบนใบหน้าของเธอ เหมือนกับที่มันไหลลงมาบนใบหน้าของเธอตอนที่เธอถูกจับกุม "มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด ฉันสาบานได้นะ ฉัน…" เธอพูดไม่ออกและไหล่ของเธอก็สั่นเทาขณะที่เธอร้องไห้หนักขึ้นผมเอียงศีรษะไปด้านข้างและมองเธออยู่ครู่หนึ่ง ผมไม่แปลกใจเลยที่ผมไม่รู้สึกสงสารเธอแม้แต่น้อย "ถ้ามันไม่ใช่อย่างที่ผมคิด แล้วมันคืออะไร? บอกมาสิ""คุณแกล้งทำเป็นท้องมาตั้งหลายเดือน!" เสียงหัวเราะขมขื่นหลุดออกจากริมฝีปากขณะที่ผมส่ายหัว มันยังคงรู้สึกเหมือนเรื่องตลก ผมคงไม่เชื่อนักสืบเลย ถ้าไม่มีสัญญาณทั้งหมดที่ผมมองข้ามไปผมโน้มตัวไปข้างหน้
ไอเดนผมตกใจกับคำพูดของเขา เดนนิสรู้แล้วเหรอ?เดนนิสก็มีส่วนร่วมในการสอบสวนด้วย เขาแค่ไม่ได้กระตือรือร้นเท่าผม ดังนั้นมันไม่น่าแปลกใจที่เขาจะได้ยินเรื่องนี้ นอกจากนี้ มันเป็นคดีของลูกสาวเขาด้วย เขาจึงมีสิทธิ์ที่จะรู้แต่ผมเลือกที่จะเพิกเฉยต่อคำพูดที่รุนแรงของเขา ผมยังคงสับสนกับข่าวที่ว่าอนาอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชในขณะนี้ มันเป็นไปได้อย่างไร? เขาปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? ผมอยากจะตะโกนใส่เขา แต่ผมก็สงบสติอารมณ์ ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของผมตั้งแต่แรก... และของชารอน"แล้วเธออยู่ที่โรงพยาบาลไหน?" มันฟังดูไม่จริง ผมรู้ว่าเธอรักเอมี่มาก แต่ผมไม่คิดว่ามันจะส่งผลกระทบต่อเธอมากขนาดนี้เดนนิสหันมาหาผม คิ้วของเขาขมวดลึกขณะที่เขาขมวดคิ้ว "อยากรู้ไปทำไม? จะได้เอาไปบอกภรรยานายหรือไง?"ให้ตายสิ! ผมรู้สึกว่ามือกำแน่นโดยอัตโนมัติผมหายใจเข้าลึกๆ "ฉันโทรหาพวกนาย แต่ไม่มีใครรับสาย อาน่าก็ปิดโทรศัพท์อีก ฉันก็แค่เป็นห่วง..." ผมพูดเสียงแผ่วและไหล่สั่น “ฉันก็เลยตัดสินใจมาดูเธอนี่ไง"“ตอนนี้นายก็รู้แล้วนะว่าเธออยู่ไหน งั้นเชิญออกไปได้แล้ว”เขามีสิทธิ์ทุกประการที่จะขอให้ผมออกจากบ้านและชีวิต แต่ผ
ไอเดน"ไม่เป็นไรแล้วค่ะ" ชารอนพูดขณะที่เธอโอบแขนรอบไหล่ "คุณต้องหยุดโทษตัวเองเรื่องนี้ได้แล้ว ที่รัก มันไม่ใช่ความผิดของคุณ และการทุ่มเทตัวเองให้กับการสอบสวนทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไรด้วยเลย""ผมต้องหาตัวคนผิดมาให้ได้ ชารอน ผมต้องหาว่าใครทำเรื่องนี้ นี่เป็นสิ่งเดียวที่ผมทำเพื่อลูกสาวผมได้ ซึ่งจะทำให้ความรู้สึกผิดนี้ทุเลาลง" "ถ้ามันเป็นวิธีเดียว คุณก็ควรทำอยู่แล้ว" เธอให้กำลังใจ "ฉันจะคอยดูแลให้พ่อช่วยในคดีนี้ด้วย ฉันสัญญา"พ่อของเธอโทรหาผมครั้งหนึ่งเพื่อแสดงความเสียใจกับการจากไปของลูกสาวผม ซึ่งไม่ได้เป็นอะไรกับลูกสาวเขาเลย และเขาฟังดูไม่พอใจนัก ผมประหลาดใจด้วยซ้ำที่เธอจะบอกเรื่องนั้นกับพ่อของเธอ ผมสงสัยว่าเขาอยากจะช่วยเปิดโปงฆาตกรของเด็กที่ไม่ใช่ลูกของเขาในทางใดทางหนึ่งหรือไม่ แต่ผมเก็บเรื่องนั้นไว้กับตัวเอง"ขอบคุณครับ" ผมบอกเธอแทนเธอโอบกอดผมครึ่งหนึ่ง และคราวนี้ไม่ได้ผละออกทันที ในวันแบบนี้เองที่เธอไม่ได้กระโดดหนีจากผมเหมือนผมติดเชื้อเมื่อใดก็ตามที่ผมพยายามสัมผัสเธอ"แล้วคุณจะยิ้มให้ฉันไหม?" เธอยิ้มขณะที่ดึงผิวแก้มของผมเพื่อพยายามทำให้ผมยิ้มเมื่อผมเอามือของเธอออก เธอก็แสร้