โรสรินทร์กับวายุภัคมองสบตากันลึกซึ้งด้วยความรัก ก่อนใบหน้าคมคายจะค่อย ๆ โน้มลงมาประทับลงบนเรียวปากอวบอิ่มของเธอเบา ๆ ริมฝีปากร้อนฉ่าบดเบียดความนุ่มนิ่มของกลีบปากงามอย่างเนิบนาบ นุ่มนวล ส่งผ่านความรักด้วยการกดย้ำขบเม้มริมฝีปากเธออย่างหนักหน่วงด้วยความเร่าร้อนโหยหา “โรสเสียใจไหม ที่ต้องมาอยู่บ้านนอกคอกนากับพี่แบบนี้” เขาเอ่ยถามสีหน้าจริงจัง ดวงตาคมมีเครื่องหมายคำถามอยู่ในดวงตาที่กำลังสะท้อนทุกความรู้สึกออกมาโดยไม่ต้องเอ่ยปากพูด ก่อนคนที่ได้ยินคำถามนั้นจะยิ้มบาง ๆ และเอื้อมมือเรียวสวยไปจับมือใหญ่มากุมไว้ “โรสยินดีและเต็มใจที่จะอยู่ที่นี่กับพี่ไวน์ค่ะ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน หากที่นั่นมีพี่ไวน์อยู่ด้วยโรสก็อยู่ได้ค่ะ” คำตอบของเธอเรียกรอยยิ้มกว้างจากเขาได้เป็นอย่างดี “พี่รักโรสนะครับ รักมากด้วย” วายุภัคเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังและหนักแน่น ก่อนจะค่อย ๆ โน้มตัวลงมาจูบริมฝีปากอวบอิ่มตรงหน้า ดวงตาคู่นั้นของเธอมองมาที่ริมฝีปากของเขาที่เลื่อนเข้ามาใกล้ ๆ รู้ตัวอีกทีเธอก็หลับตาลงอัตโนมัติก่อนจะสัมผัสถึงรสจูบ มันเป็นจูบที่แผ่วเบา นุ่มนวล อ่อนโยน ก่อนจะค่อย ๆ ทวีความลุ่มลึกร้อนแรงมากขึ้นเรื
(ฮัลโหลแก ถึงไหนแล้วเนี่ย ฉันกับพอลล่ายืนรอแกอยู่หน้างานนานแล้วนะ รอจนรากจะงอกกันอยู่แล้ว!!) กชกรกรอกเสียงหงุดหงิดผ่านปลายสาย เมื่อโรสรินทร์เพื่อนสาวของเธอยังมาไม่ถึงที่หมายอีก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็โทรกำชับนักกำชับหนาอย่างดิบดีว่าให้รีบมา มิหนำซ้ำยังปล่อยให้เธอกับพอลล่ายืนรอภายในบริเวณงานมานานกว่ายี่สิบนาทีแล้ว (ถึงแล้ว ๆ ตอนนี้ฉันอยู่หน้าบ้านพี่แทนเนี่ย พวกแกรออยู่ด้านหน้านั่นแหละเดี๋ยวฉันเข้าไป แค่นี้นะ) ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด !! พูดจบเธอก็กดวางสายทันที ก่อนร่างบางระหงจะรีบเดินกรีดกรายเข้าไปภายในคฤหาสน์สุดหรู ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานปาร์ตี้วันเกิดของแทนไทแฟนหนุ่มของเธอ ร่างบางระหงในชุดเดรสยาวสีชมพูผ่าหลังลงลึกโชว์ผิวขาวเนียนดุจหิมะจนไปถึงบั้นเอวได้เดินเข้ามาด้านในก่อนจะเจอเข้ากับกชกรและพอลล่าเพื่อนสนิท ที่กำลังยืนหน้าหงิกหน้างอรอเธออยู่หน้างาน โรสรินทร์ ปิยภัคโภคิน หรือ โรส หญิงสาวสวยสุดเซ็กซี่ อายุ 22 ปี เธอเป็นลูกสาวคนเล็กของนายตำรวจใหญ่ที่เป็นถึง ผบ.ตร. เนื่องจากเธอเป็นลูกสาวคนเล็กจึงถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจ เธอมีนิสัยเป็นคุณหนูเอาแต่ใจ ไม่ยอมใคร ภายนอกใคร ๆ ก็อาจจะดูว่าเธอเป็นผู้หญ
“แก นังโรสรินทร์!!” “ทำไม แกจะทำไม!!?” “ถ้าสวยจริงต้องมีผัวเป็นของตัวเองสิ ไม่ใช่ใช้ความสวยแย่งผัวคนอื่น” “หยุดพูดไร้สาระเดี๋ยวนี้นะเชอร์รี่ !!” เสียงทุ้มของแทนไทพูดขึ้นขัดจังหวะ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างชะงักนิ่งไปทันที เขาเองก็ตกใจไม่แพ้คนอื่น ๆ เช่นเดียวกัน เพราะไม่คิดว่าแฟนสาวของตัวเองที่ไปเรียนต่อต่างประเทศจะกลับมาโดยไม่แม้แต่จะบอกเขาล่วงหน้าแบบนี้ “นี่มันอะไรกันคะพี่แทน ที่ยัยปากปีจอนี่พูดมันหมายความว่ายัง ไง?” โรสรินทร์พูดขึ้นดวงตากลมโตจ้องหน้าชายหนุ่มนิ่งเพื่อรอฟังคำตอบ “นั่นสิคะ พี่แทนพูดมาเลยดีกว่าว่าที่ยายเพิ้งนี่พูดมันหมายความว่ายังไงกันแน่!!” คราวนี้กชกรพูดขึ้นบ้างอย่างเหลืออด พลางจ้องหน้าชายหนุ่มผู้เป็นแฟนของเพื่อนสาวเพื่อรอคำตอบ แต่อีกฝ่ายก็ยังคงยืนอ้ำอึ้งอยู่กับที่ “เงียบทำไมล่ะคะ พูดสิคะพี่แทน พูดมาเลยว่าที่นังเงินกู้รายวันนี่พูด มันหมายความว่าไง!!” พอลล่าพูดแทรกขึ้น “ใคร แกว่าใครเงินกู้รายวันไม่ทราบ” เชอร์รี่เอ่ยขึ้น “ก็แกไง เห็นดอกเยอะ! ฉันก็นึกว่าแกเป็นพวกเงินกู้รายวันไง คิก คิก!!” พอลล่าหัวเราะคิกคักชอบใจ พลางเบะปากใส่อีกคนอย่างหมั่นไส้ “แอร๊ยยยยย!! อี
“ไม่ค่ะคุณพ่อคุณแม่ หัวเด็ดตีนขาดยังไงโรสก็ไม่ไปอยู่ที่บ้านนอกนั่นแน่ ๆ ค่ะ โรสยอมตายดีกว่าที่จะต้องไปอยู่ในที่กันดารแบบนั้น” โรสรินทร์พูดขึ้นอย่างหัวชนฝา ไม่ว่าจะยังไงเธอก็จะไม่มีทางไปอยู่ที่บ้านนอกคอกนาแบบนั้นเป็นแน่ เพราะถ้าหากเธอไปเรื่องที่พ่อแม่จับให้เธอหมั้นหมายกับผู้ชายบ้านนอกนั่นตั้งแต่เด็กก็จะเป็นจริงขึ้นมา เธอไม่มีทางยอมรับได้แน่ ๆ ที่จะต้องไปมีสามีบ้านนอกเป็นไอ้หนุ่มภูธรแบบนั้น ผู้หญิงสวย ๆ ระดับไฮโซอย่างเธอจะต้องมีสามีที่เป็นลูกผู้ดีมีสกุล หล่อ รวย อยู่ในแวดวงไฮโซ ไม่ใช่ผู้ชายภูธรแบบนั้น แม้แต่หน้าตาเธอเองก็ไม่รู้และไม่เคยเห็นผู้ชายคนนั้นเลยด้วยซ้ำว่าหน้าตาเป็นแบบไหน ถึงแม้พ่อกับแม่ของเธอจะเคยพูดถึงเรื่องราวและเล่าเหตุการณ์ในอดีตให้ฟัง เมื่อตอนเธออายุได้ประมาณสี่ขวบ เธอและครอบครัวได้ไปเที่ยวเล่นที่บ้านของคุณป้าสีดาซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของแม่เธอ และตัวเธอเองก็ติดผู้ชายคนนั้นแจ วิ่งตามผู้ชายคนนั้นยิ่งกว่าเงาตามตัว และแทบจะไม่อยากกลับมาที่กรุงเทพเลยด้วยซ้ำ แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องในอดีตไหม เพราะเธอลืมเรื่องราวพวกนั้นไปจนหมดสิ้นแล้ว เธอจำอะไรไม่ได้สักอย่างเลยด้วยซ้ำ และตอนนี้เธอ
ณ ท่าอากาศยานร้อยเอ็ด…. สายลมเย็น ๆ พัดโชยมาปะทะใบหน้าหวานหลังจากเธอก้าวขาลงจากเครื่อง ท้องฟ้าวันนี้ช่างปลอดโปร่งไร้เมฆฝนบ่งบอกถึงวันที่สดใสท่ามกลางบรรยากาศคึกคักของสนามบิน ก่อนร่างบางระหงจะก้าวขาเรียวสวยตรงมาที่อาคารผู้โดยสารขาเข้า ดวงตากลมโตสอดส่ายสายตามองหาบุคคลที่มารอรับเธอที่สนามบินประกอบกับหัวใจที่เต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ พลางคิดและจินตนาการไปต่าง ๆ นานาร้อยแปดพันอย่างถึงหน้าตาของคู่หมั้นที่พ่อแม่ตั้งใจจะจับเธอคลุมถุงชน (หนุ่มภูธรแบบนี้คงเป็นไปไม่ได้ที่จะหน้าตาดี ผมเผ้าก็คงจะรกรุงรังหรือไม่ก็หยิกเหมือนฝอยขัดหม้อ ผิวพรรณก็คงจะดำปี๋เหมือนคนเผาถ่าน เผลอ ๆ คนบ้านนอกคอกนาแบบนี้นมรัฐบาลก็คงจะเข้าไม่ถึงแน่ ๆ ตอนเด็ก ๆ ได้ดื่มนมบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ คงจะเป็นได้แค่ไอ้เตี้ยหมาตื่น แถมบ้านนอกแดดก็แรงอย่างกับเดินอยู่ในนรกขนาดนี้ กลิ่นตงกลิ่นตัวคงไม่ต้องพูดถึง รักแร้คงเหม็นเปรี้ยวน่าดู อี๋…แค่นึกก็ขมคอขึ้นมาแล้ว แหวะ !!) โรสรินทร์เดินไปพลางจินตนาการไปถึงรูปลักษณ์ของคู่หมั้นหนุ่มภูธร ก่อนจะสอดส่ายสายตามองหาบุคคลที่เธอนึกถึง วายุภัคยืนรอคอยใครบางคนที่เขาคิดถึงตลอดเวลาสิบกว่าปีมากว่าครึ่งชั่วโมงแ
ฉันกำลังยืนอยู่หน้ารถอีแต๋น รถอีแต๋นเป็นรถดัดแปลงจากรถไถนาประกอบด้วยที่นั่งไม้เรียบ ๆ สองแถว ด้านหน้ามีหลังคาผ้าใบกันแดด ส่วนกระบะด้านหลังน่าจะใช้สำหรับบรรทุกพืชผล อุปกรณ์การเกษตร หรือสินค้าทั่วไป เสียงเครื่องยนต์ดีเซลเก่าดังสนั่นขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเขาเหยียบคันเร่งขึ้นมาเหมือนจะเร่งเร้าให้เธอนั้นรีบขึ้นมากราย ๆ บรึ้นนนน บรื้นนนน!!! “ระ รอด้วย โรสนั่งรถอีแต๋นบ้า ๆ นี่ไปกับพี่ไวน์ด้วยก็ได้!!” พูดเพียงแค่นั้นโรสรินทร์ก็รีบปีนขึ้นไปนั่งบนเบาะไม้แถวหน้าข้างคนขับ บ่งบอกได้เลยว่าชีวิตสาวชาวกรุงของเธอต่อจากนี้คือการเริ่มต้นการผจญภัยบนรถอีแต๋น ยานพาหนะพื้นบ้านที่ใครหลาย ๆ คนคงมองว่าเรียบง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ แต่สำหรับเธอ….นี่มันรถหรือเกวียนลากกันแน่ ทั้งช้า ทั้งแข็ง ไม่นุ่มนวลกับผู้หญิงบอบบางแถมสวยเริศอย่างเธอเอาเสียเลย กว่าจะถึงทุ่งกุลาร้องไห้เธอจะไม่มดลูกพิการไปก่อนหรือไง “รถอีแต๋นอะไรของพี่เนี่ย ทำไมมันช้าอย่างกับเต่าคลานแบบนี้คะ กว่าจะไปถึงโน่นไม่ชาติหน้าเลยหรือไง” เสียงแหลมแสบแก้วหูดังก้องกังวานประสานกับเสียงเครื่องยนต์ขึ้นมา เมื่อเธอรู้สึกได้ว่านอกจากมันจะช้าแล้ว
พรึ่บบบ!! “อุ๊ย พี่ไวน์!!” แขนแข็งแกร่งคว้าหมับเข้าที่ตัวเธอไว้ได้ วายุภัคโอบกอดคนตัวเล็กเอาไว้แน่น ดวงตาคมกริบของเขาจับจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง พลางเผลอมองริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูที่เผยอขึ้นลงอย่างยั่วยวนโดยไม่ได้ตั้งใจ ก่อนเขาจะโน้มใบหน้าคมคายลงมาอย่างช้า ๆ โรสรินทร์หลับตาพริ้มลงทันทีก่อนจะ….. “อ้าว คุณไวน์คุณโรสมาฮอดแล้วบ้อครับ” (อ้าว คุณไวน์คุณโรสมาถึงแล้วเหรอครับ) มืดเด็กรับใช้ที่บ้านเอ่ยขึ้นขัดจังหวะทั้งสองคน ก่อนวายุภัคและโรสรินทร์จะรีบผละตัวออกจากกันอย่างอัตโนมัติทันที “อืม” เขาตอบด้วยน้ำเสียงห้วนสั้น “ละ แล่วคือเปียกปานลูกหมาตกน้ำจั่งสี้ครับคุณไวน์” (แล้วทำไมถึงเปียกเหมือนลูกหมาตกน้ำแบบนี้ล่ะครับคุณไวน์) มืดถามขึ้นอีกครั้ง พลางมองคนทั้งสองสลับกันไปมา “ล้างโคลนตมน่ะ มีอะไรทำก็ไปทำเถอะ เดี๋ยวฉันจะพาคุณโรสไปพบคุณแม่แล้ว” “ครับคุณไวน์ มืดขอโตไปก่อนเด้อครับคุณโรสคนสวย สวัสดีครับ” (ครับคุณไวน์ มืดขอตัวก่อนนะครับคุณโรสคนสวย สวัสดีครับ) ‘จะไปไหนก็รีบไปให้ไวเลยเถอะไอ้มืดมอดมิด แกเข้ามาดับฝันฉันทำไมก่อน นี่มันคือจูบแรกของฉันเลยนะ กำลังจะฟินแล้วเชียว’ โรสรินทร์ไ
แอ๊ดดดด…!! โรสรินทร์เปิดประตูห้องเข้าไปอย่างช้า ๆ พลางสอดส่ายสายตามองหาคนตัวโต ก่อนหัวใจดวงน้อย ๆ ของเธอจะเต้นรัวแรงขึ้นมาประกอบกับใบหน้าแดงก่ำ ร่างกายของเธอร้อนผ่าวราวกับไฟกำลังลุกโชนอยู่ภายใน ดวงตาของเธอเบิกกว้างจับจ้องไปที่ร่างกายแกร่งกำยำของชายหนุ่มตรงหน้า เธอเผลอมองอย่างลุ่มหลง และไม่สามารถที่จะละสายตาออกจากภาพเคลื่อนไหวตรงหน้านี้ได้ วายุภัคอาบน้ำเสร็จเขาใช้ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่พันรอบเอวเอาไว้ หยดน้ำจากเส้นผมสีดำขลับไหลรินจากปลายผมไหลผ่านใบหน้าคมเข้มลงสู่ลำคอที่ขาวเนียนก่อนจะหยดลงสู่แผ่นอกกว้าง วายุภัคใช้ผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กเช็ดผมและใบหน้าอย่างคล่องแคล่ว กล้ามเนื้อแขนและหน้าอกของเขาตึงแน่น แผ่นหลังกว้างมีรอยสักรูปนกอินทรี รอยสักนั้นมันช่างดูดุดัน เข้มแข็ง แต่แฝงไปด้วยเสน่ห์ เขายังคงใช้ผ้าขนหนูเช็ดตัวอย่างเรื่อย ๆ กล้ามเนื้อทุกส่วนของเขาขยับไปมาอย่างมีเสน่ห์ชวนมอง เธอเผลอกัดริมฝีปากกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกมนต์สะกดให้มองภาพตรงหน้าแต่ทันใดนั้นเขาก็หันไปมองตัวเองผ่านหน้ากระจกใบโต ก่อนจะเบิกตาโพลงขึ้นมาทันทีเมื่อปรากฏเห็นภาพอีกคนสะท้อนอยู่ในกระจกใบนั้น วาย
โรสรินทร์กับวายุภัคมองสบตากันลึกซึ้งด้วยความรัก ก่อนใบหน้าคมคายจะค่อย ๆ โน้มลงมาประทับลงบนเรียวปากอวบอิ่มของเธอเบา ๆ ริมฝีปากร้อนฉ่าบดเบียดความนุ่มนิ่มของกลีบปากงามอย่างเนิบนาบ นุ่มนวล ส่งผ่านความรักด้วยการกดย้ำขบเม้มริมฝีปากเธออย่างหนักหน่วงด้วยความเร่าร้อนโหยหา “โรสเสียใจไหม ที่ต้องมาอยู่บ้านนอกคอกนากับพี่แบบนี้” เขาเอ่ยถามสีหน้าจริงจัง ดวงตาคมมีเครื่องหมายคำถามอยู่ในดวงตาที่กำลังสะท้อนทุกความรู้สึกออกมาโดยไม่ต้องเอ่ยปากพูด ก่อนคนที่ได้ยินคำถามนั้นจะยิ้มบาง ๆ และเอื้อมมือเรียวสวยไปจับมือใหญ่มากุมไว้ “โรสยินดีและเต็มใจที่จะอยู่ที่นี่กับพี่ไวน์ค่ะ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน หากที่นั่นมีพี่ไวน์อยู่ด้วยโรสก็อยู่ได้ค่ะ” คำตอบของเธอเรียกรอยยิ้มกว้างจากเขาได้เป็นอย่างดี “พี่รักโรสนะครับ รักมากด้วย” วายุภัคเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังและหนักแน่น ก่อนจะค่อย ๆ โน้มตัวลงมาจูบริมฝีปากอวบอิ่มตรงหน้า ดวงตาคู่นั้นของเธอมองมาที่ริมฝีปากของเขาที่เลื่อนเข้ามาใกล้ ๆ รู้ตัวอีกทีเธอก็หลับตาลงอัตโนมัติก่อนจะสัมผัสถึงรสจูบ มันเป็นจูบที่แผ่วเบา นุ่มนวล อ่อนโยน ก่อนจะค่อย ๆ ทวีความลุ่มลึกร้อนแรงมากขึ้นเรื
สองเดือนผ่านไป… วันแต่งงาน (งานกินดอง) “อร๊ายยยยย วันนี้คุณไวน์หล่อม๊ากกกค้า หล่อจนพอลล่านี่อยากจะดื่มไวน์แดงเลยค่ะ คริคริ” เมื่อขบวนขันหมากของเจ้าบ่าวใกล้เข้ามาแล้ว พอลล่าตะโกนขึ้นมาเสียงดังด้วยความตื่นเต้น พลางหัวเราะคิกคักชอบใจหลงใหลในความหล่อเหลาบาดใจของเจ้าบ่าวป้ายแดง ที่แค่มองจากไกล ๆ รัศมีความหล่อก็แผ่กระจายไปทั่วทั้งทุ่งกุลาร้องไห้ “น้อย ๆ หน่อย นั่นมันผัวเพื่อนไม่ใช่ผัวแกนังพอลล่า” กชกรเอ่ยขึ้นอย่างนึกหมั่นไส้ที่เพื่อนชายใจเป็นหญิงรู้สึกจะดี๊ด๊าชื่นชมเจ้าบ่าวผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผัวเพื่อนอย่างออกหน้าออกตา “ผัวเพื่อนก็เหมือนผัวเรานั่นแหละย่ะ คริ คริ” “แล้วนี่ฉันไม่สวยเลยหรือไงยะ หัดชมเพื่อนแกบ้างก็ได้นะ นี่ขนาดวันนี้ฉันแต่งตัวสวยสุด ๆ แล้วยังไม่เห็นแกคิดจะชมเลยสักคำ ชิส์!” โรสรินทร์พูดแซะขึ้นมาบ้างอย่างหมั่นไส้ “แกก็สวยทุกวันอยู่แล้วค้านังโรส ต่อให้ไม่แต่งแกก็สวยย่ะ แต่…วันนี้พี่ไวน์ผัวแกหล่อมากจริง ๆ นะ หล่อเวอร์วังถูกใจพอลล่ามาก อ๊ายยยย พอลล่าอยากกินไวน์แดงแท่งใหญ่ ๆ!!” “พอ ๆ ๆ เลย ไวน์แดงมันไม่ได้มีเป็นแท่งเหมือนไอติมหรอกนะยะ เลิกสนใจผัวเพื่อนได้แล้ว อย่าง
ช่วงสายวันต่อมา…. “ตื่นได้แล้วนะครับ” “อื้อ…ตื่นไม่ได้ โรสง่วง..!” “แต่นี่มันเที่ยงแล้วนะครับ” มือหนาสะกิดปลุกคนขี้เซาที่ยังคนนอนหลับตาพริ้มอย่างสบายอยู่ในอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นราวกับเป็นลูกแมวขี้เซา ยิ่งเวลาเธอหลับแบบนี้เธอก็ยิ่งดูน่ารัก ทำเอาดวงตาคมกริบจ้องมองจนแทบไม่อยากจะละสายตาออกจากใบหน้าหวาน “อื้อ…” เจ้าของร่างบางขยับตัวออกจากอ้อมกอดของเขาเล็กน้อย ก่อนที่จะเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้า ๆ และกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อไล่แสง “พี่ไวน์!! ออกไปเลยนะคะ ไม่ต้องมาใกล้โรส!!” เธอรีบแหวใส่เขาขึ้นมาทันทีเมื่อเริ่มจะจับต้นชนปลายทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ ก่อนจะพยายามเบี่ยงตัวหลบออกจากอ้อมแขนแกร่งที่โอบกอดเธอเอาไว้ “จะให้ออกไปไหนล่ะ ก็นี่มันบ้านของพี่” ดวงตากลมโตหันไปมองภายในรอบ ๆ ห้องซ้ายทีขวาที และ…ที่นี่มันก็ไม่ใช่ห้องของเธอจริง ๆ “งั้นก็ปล่อยค่ะ โรสจะออกไปจากที่นี่เอง!!” เธอเอ่ยขึ้นพลางแกะมือหนาที่ยังคงโอบกอดเธอไว้แน่นราวกับคีบเหล็ก แต่มันก็หาเป็นผลไม่ “ปล่อยให้โง่สิครับ ไม่ปล่อย!” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างหน้าด้าน ๆ ยัยแม่มดตัวแสบพอหมดฤทธิ์ของแอลกอฮอล์แล้วตื่นขึ้นมาก็เลยแผลงฤทธิ์เดช
สองมือหนาจับขาทั้งสองข้างของเธอแยกออกจากกัน ก่อนจะจ่อแท่งร้อนเข้าไปในร่องรักอันคับแน่นของคนใต้ร่าง วายุภัคมองใบหน้าหวานของโรสรินทร์ที่น้ำตาเอ่อคลอ ก่อนจะค่อย ๆ ดันปลายหัวเห็ดแดงก่ำเข้าไปในร่องคับแคบนั้นอย่างช้า ๆ “อ่าส์…แน่นมาก” “อึก ระ โรสเจ็บ” โรสรินทร์ร้องออกมาเมื่อเธอรู้สึกเจ็บ อีกทั้งความคับแน่นนี้มันยังคงแน่นเหมือนเดิมเหมือนครั้งแรก วายุภัคเองถึงกับต้องซี๊ดปากเบา ๆ เมื่อช่องทางรักของเธอบีบรัดท่อนเนื้อของเขาจนรู้สึกเจ็บเช่นเดียวกัน เขาพยายามดันท่อนเอ็นขนาดใหญ่เข้าไปให้สุด ก่อนเขาจะเริ่มขยับสะโพกสอบเข้าออกเมื่อภายในของเธอเริ่มปรับสภาพกับความใหญ่โตของเขาได้ ท่อนเอ็นที่กำลังผลุบเข้าผลุบออกในร่องสวาทนั้นทำให้คนใต้ร่างเริ่มรู้สึกเสียว “อะ อื้อออ โรสจุก!!” หน้าอกอวบใหญ่เริ่มกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงกระแทกกระทั้น มือเรียวขยำผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่นเมื่ออีกคนกระแทกเข้าใส่อย่างหนักหน่วง ปั่ก ปั่ก ปั่ก!! เสียงเนื้อกระทบกันเป็นจังหวะเมื่อเขาเริ่มขยับสะโพกแรงขึ้น หนักหน่วงขึ้น โรสรินทร์เม้มปากเอาไว้แน่นเพื่อพยายามข่มเสียงครางอันน่าเกลียดของตัวเองไม่ให้มันดังเล็ดลอดออกมา “อ๊าส์…พูดมาสิ
“ถึงคุณไวน์จะเป็นผัวยัยโรสเพื่อนของพวกเราก็เถอะ ยังไงเกรชกับพอลล่าก็ไม่มีทางปล่อยให้ยัยโรสไปกับผู้ชายโลเลแถมยังกระล่อนปลิ้นปล้อนอย่างคุณไวน์ได้หรอกค่ะ ในเมื่อยัยโรสเพื่อนของพวกเราบอกว่าเลิกกับคุณไปแล้ว พวกเราไม่ปล่อยให้ยัยโรสกลับไปกับคุณได้แน่ ๆ” กชกรเอ่ยขึ้นเสียงแข็ง “ใช่ค่ะ คุณมันเป็นผู้ชายแบบไหนกันคะคุณไวน์ คุณมีคนรักอยู่แล้วยังมาหลอกฟันยัยโรสเพื่อนพวกเราอีก!!” คิ้วหนาของวายุภัคเลิกขึ้นพร้อมขมวดเข้าหากันเป็นปม “ผมไม่เคยทำอะไรแบบนั้นนะครับ ผมไม่เคยคิดแม้แต่จะหลอกอะไรโรสรินทร์” น้ำเสียงเรียบนิ่งของเขาเอ่ยขึ้น “ยัยโรสเป็นคนบอกกับพวกเราเอง ว่าคุณมีคนรักอยู่แล้ว แต่ก็ยังมาหลอกเอามันอีกตั้งหลายน้ำ แถมวันก่อนยังพาแฟนไปซื้อแหวน สวมแหวนให้ผู้หญิงคนนั้นต่อหน้าต่อตายัยโรส!!” “ใช่ เพราะฉะนั้นคุณจะมาพายัยโรสกลับไปไม่ได้ เด็ดขาด พวกเราเป็นเพื่อนรักที่รักที่สุดของยัยโรส ยัยโรสต้องจะกลับไปกับพวกเราเท่านั้น!!” พอลล่าพูดขึ้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ อีกทั้งยังยืนยันนอนยันตีลังกายันเสียงแข็งหนักแน่น ก่อนจะพยายามเดินเข้าไปคว้าเอาตัวโรสรินทร์เพื่อนสาวที่สลบไปเพราะเมาหนักให้ออกจากอ้อมแขนแกร่งของวาย
“เอาน่า…อย่าร้องไปเลย สวย ๆ รวย ๆ และแถมซาดิสม์อย่างแกหาใหม่ได้สบายอยู่แล้วเพื่อนเลิฟ เดี๋ยวฉันจะจัดน้อง ๆ ทีเด็ดมาเลียแผลใจที่เหวอะหวะของแกให้เอง หรือถ้าแกเผลอถูกใจจะควงไปเลียอย่างอื่นกันต่อก็ได้นะยัยโรส!!” กชกรเอ่ยขึ้นพลางกอดปลอบประโลมเพื่อน “อร๊ายยยย แกเนี่ยพูดถูกใจฉันจริง ๆ นังเกรช! สวยระดับนี้มีเหรอใครจะไม่อยาก เพื่อนฉันน่ะสวยแซ่บสะท้านทรวงนะบอกเลย!” พอลล่าเข้ามาปลอบใจเธอเช่นกัน ก่อนที่กชกรจะหันไปเป็นเชิงส่งซิกอะไรบางอย่างให้กับพนักงานในร้านเรียกบรรดาหนุ่มโฮสต์หล่อ ๆ ล่ำ ๆ ให้เข้ามาดูแลเทคแคร์เพื่อนสาว “ทางนี้จ้าเด็ก ๆ มาเร้ววววว!!” แค่เพียงไม่นานบรรดาเหล่าหนุ่มโฮสต์หล่อ ๆ ล่ำ ๆ มัดกล้ามแน่น ๆ ซิกแพคเป็นลอน ๆ แถมยังนุ่งน้อยห่มน้อยก็ได้เดินเข้ามายืนเรียงรายในห้อง VVIP ที่สามคนนั้นอยู่ แต่ละคนต่างหน้าตาหล่อล่ำ กล้ามแน่น เรียกให้น้ำลายพอลล่าและกชกรแทบจะไหลยืดออกมาราวกับเป็นโรคพิษสุนัขบ้าอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่กับโรสรินทร์เพราะเธอมองผู้ชายหุ่นล่ำกล้ามโตพวกนี้ด้วยใบหน้าเรียบเฉยเหมือนคนไม่มีความรู้สึก เพราะเรื่องหล่อล่ำกล้ามแน่นบรรดาผู้ชายพวกนี้สู้พี่วายวอดไม่ได้สักคนเลยด้วยซ้ำ
“เอ่อ…ที่ผมมาวันนี้ก็เพราะเรื่องของน้องโรส คุณอาทั้งสองคงพอจะทราบเรื่องแล้ว” วายุภัครีบพูดถึงประเด็นของเรื่องราวที่เกิดขึ้น “อืม อาเองก็พอจะทราบเรื่องแล้ว ยังไงหลานชายเองก็อย่าไปถือสาน้องเลยนะ ยัยตัวแสบลูกสาวอาก็เป็นแบบนี้แหละ ยัยโรสเป็นคนค่อนข้างใจร้อนและเอาแต่ใจไปหน่อย นี่อาก็อุตส่าห์บังคับให้ยัยโรสไปปรับทัศนคติที่โคกหนองนาแล้วนะ ไอ้เราก็คิดว่าจะดีขึ้นและเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แต่ที่ไหนได้กลับไม่ได้เรื่อง เฮ้อ!” ท่านสุรพลถอนหายใจออกมาเบา ๆ พลางส่ายหัวให้กับลูกสาวตนเองอย่างเอือมระอา “ยังไงผมก็ต้องกราบขอโทษคุณอาทั้งสองจริง ๆ นะครับ ที่เป็นต้นเหตุทำให้น้องต้องหนีกลับมากรุงเทพปุบปับแบบนี้” วายุภัคลงไปนั่งกับพื้นแล้วก้มลงกราบแทบเท้าของท่านสุรพลและคุณหญิงพิศมัยอย่างรู้สึกผิด ก่อนท่านสุรพลจะใช้มือหนาแตะไปที่บ่าแกร่งบึกบึนของเขาเป็นการยอมรับการกราบขอโทษและสำนึกผิดจริง ๆ “เมื่อทุกอย่างลงตัวแล้วหลังจากนี้ผมอยากจะขออนุญาตคุณอาทั้งสอง พาคุณพ่อคุณแม่มาทาบทามสู่ขอน้องตามธรรมเนียมอย่างสมเกียรติอีกที…ได้หรือไม่ครับ” น้ำเสียงหนักแน่นที่เอ่ยขอออกไปอย่างตรงไปตรงมาประกอบกับสีหน้าและแววตาที่จริงจ
ณ สนามบินดอนเมือง… “ยัยโรส ทางนี้!!” กชกรร้องตะโกนขึ้นมาเสียงดัง พลางโบกไม้โบกมือไปมาเมื่อเห็นเพื่อนสาวคนสนิทเดินออกมาจากประตูฝั่งผู้โดยสารขาเข้า “ยัยเกรช! ฮือ…ฉันคิดถึงแกมากเลย” โรสรินทร์รีบโผเข้าหาอ้อมกอดของเพื่อนสนิททันทีที่เดินมาถึง “ไม่ต้องมาปากหวานเลย ไปอยู่บ้านนอกตั้งเดือนกว่า ๆ ฉันนึกว่าแกจะลืมเพื่อนอย่างพวกฉันไปแล้วซะอีก หลังจากวันนั้นแกก็ไม่คิดจะโทรกลับมาหาฉันกับพอลล่าบ้างเลยนะยะ!” กชกรเอ่ยขึ้นอย่างกระเง้ากระงอด “นี่ฉันไปอยู่ร้อยเอ็ดแค่แป้บเดียวเอง แกนี่กลายเป็นคนแก่ไปแล้วเหรอเนี่ย” “อะไร ใครแก่ยะ” กชกรรีบพูดแหวขึ้นมาทันควัน “ก็ขี้น้อยใจเป็นคนแก่ไปได้ไง ถึงฉันไม่ได้โทรหา แต่ฉันก็ส่งข้อความไลน์หาพวกแกทุกวันไหม!!” “เออ นั่นสินะ คิกคิก” กชกรหัวเราะคิกคักขึ้นมา ก่อนเสียงหัวเราะร่านั่นจะเงียบลงเมื่อสังเกตเห็นใบหน้าสวยหวานของเพื่อนสนิทดูแปลกไป ดวงตาคู่สวยนั้นบวมช้ำเหมือนคนที่เพิ่งจะผ่านการร้องไห้มาหมาด ๆ “ยัยโรส แกเป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย ทำไมตาแกถึงได้ดูบวม ๆ แดง ๆ เหมือนคนเพิ่งร้องไห้มาเลยล่ะ” กชกรถามขึ้นอย่างห่วงใย พลางจ้องเพื่อนสนิทเพื่อรอฟังคำตอบ “ไว้เดี๋ยวจ
“โรสรินทร์!!” น้ำเสียงเข้มเอ่ยชื่อเธอขึ้น “ไหนพี่ไวน์บอกจะเข้าไปเคลียร์งานที่ร้านแทนลุงพจน์ไงคะ แล้วนี่ทำงานคงจะเหนื่อยมากเลยสินะคะ เลยพาผู้หญิงออกมาซื้อแหวนเล่นแก้เหนื่อยแก้เบื่อ” สองขาเรียวของเธอเดินย่างกรายเข้าไปหาเขาอย่างใจเย็น เพียงแค่เธอเดินผ่านประตูร้านเครื่องประดับสุดหรู ภาพของชายหนุ่มกับหญิงสาวสวยร่างสูงหุ่นดีราวกับนางแบบ ที่กำลังค่อย ๆ บรรจงสวมแหวนให้กันราวกับคู่รักได้เรียกความสนใจให้เธอหยุดยืนจ้องมองภาพของพวกเขาทั้งสองได้เป็นอย่างดี เธอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นราวกับคนเป็นอัมพาตไปชั่วขณะ และตอนนี้เธอก็รู้สึกว่าทำไมพวกเขาสองคนถึงได้ดูเหมาะสมกันขนาดนี้นะ แต่แล้วจู่ ๆ เธอเองกลับรู้สึกน้อยใจเขาขึ้นมาเอาเสียดื้อ ๆ ทั้ง ๆ ที่เธอเองยังไม่เคยรู้ถึงความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอเลย แม้แต่บอกรักบอกชอบเธอเขาก็ไม่เคยพูดมันออกมาเลยสักครั้ง มีแค่เพียงเธอเท่านั้นที่รู้สึกว่าหลงรักเขาอยู่ฝ่ายเดียว “มะ มันไม่ใช่อย่างที่คิดเลยนะครับ” เขารีบพูดปฏิเสธขึ้นมาอย่างร้อนรน “คงพาแฟนมาซื้อแหวนสินะคะ?” เธอก็แค่พูดมันออกไปอย่างที่ใจนึกคิด เพียงแค่นั้นหัวใจดวงน้อย ๆ ของเธอก็เริ่มหวั่น เมื่อคิดว่า