สองสาวเกี่ยวแขนจับจูงกันเดินออกจากหอคณิกา มุ่งหน้าเข้าไปยังตลาดด้วยความร่าเริง "นี่เจ้าเฟิน เฟิน ห้ามเล่าให้ท่านแม่ข้าฟังเด็ดขาดนะ อู๋ไป๋ด้วย""ได้เลย เรื่องนี้รับรองข้าปิดปากเงียบ" เฟิน เฟิน รับปากอย่างหนักแน่นแล้วทำท่าปิดปาก"ดีมาก งั้นอ่ะ ข้าแบ่งให้ 10 อิแปะ เดี๋ยวที่เหลือข้าขอเอาไปซื้อของทำน้ำหมักก่อนนะ ถ้าขายได้เยอะเดี๋ยวข้าให้อีกเยอะๆ เลย" อี้หมิงล้วงเอาพวงเงินออกมาแกะแล้วเอาใส่มือสาวน้อยเฟิน เฟิน "พี่หมิงอี้ ข้าไม่เอา เงินนี้หนะพี่กว่าจะได้มา ไว้พี่รวยแล้วค่อยมาแบ่งให้ข้าก็ได้ เอาเงินนี่ไปซื้อของเถอะนะ"อี้หมิงมองสาวน้อยอย่างเอ็นดู แล้วคว้าเอานางเข้ามากอด"อื้อ รักตายเลย" อี้หมิงเอ็นดูในความน่ารักของนางเช่นน้องสาวคนนึง"พี่หมิงอี้ ปะปล่อยก่อน คนมองกันใหญ่แล้ว ฮ่า ฮ่า" เฟิน เฟิน ดันอี้หมิงออกห่างจากตัวอย่างชอบใจ"ป่ะ งั้นเราไปหาวัตถุดิบกัน ข้าต้องการ น้ำตาลทรายแดง พริงไทย เหล้า น้ำส้มสายชู และอืม น้ำมะพร้าว""งั้นตามข้ามานี่" เฟิน เฟิน ดึงอี้หมิงให้เดินตามนางเข้าตรอกแคบ ๆ มาหยุดลงยังร้านเก่าๆ ร้านหนึ่งที่สภาพแทบจะพังแหล่ไม่พังแหล่ ประตูร้านปิดสนิทเหมือนไม่มีคนอยู่ แทบมองไม่ออก
"แล้วนี่ กระสอบอะไรกันเล่า" อี้เฟินลงย่อลงแล้วเปิดปากกระสอบออก "เฮ้ย! พวกเจ้าไปเอาของพวกนี้มาจากที่ไหนกัน ของแพง ๆ ทั้งนั้น อย่าบอกนะว่าไปลักขโมยชาวบ้านเขามา โถ่ว! ข้าไม่เคยสอนเจ้าให้เป็นคนเช่นนี้เลย ต้องโทษข้า ข้ามันไม่ดี เจ้าไปขโมยของเขามาเจ้าของเขาก็เดือดร้อนนะหมิงอี้ เอาไปคืนเขาซะนะ เดี๋ยวข้าจะไปสำนึกผิดกับพวกเขาเอง โถ่ว!"อี้เฟิน ตีโพยตีพายไปใหญ่ จากของที่อยู่ในถุงกระสอบใหญ่ ราคาน่าจะหลายบาทอยู่ ซึ่งลูกสาวของนางคงมิมีปัญญาที่หาซื้อได้แน่ๆ นางจึงคิดว่าเป็นลูกสาวของนางไปขโมยมา"พอ พอ ท่านแม่ เจ้าหยุดแล้วฟังข้านะ" อี้หมิงที่เห็นผู้เป็นมารดาในยุคนี้พูดตีโพยตีพายไปก่อนก็ลุกขึ้นจับไหล่ของนางแล้วอธิบายช้า ๆ"ข้าไปขอของพวกนี้จากเถ้าแก่เขามาก่อน ข้าขายของได้ข้าก็จะคืนเขา ไม่เยอะๆ ราคาไม่แพงเท่าไหร่ ท่านสบายใจได้ข้าอี้ เอ้ย หมิงอี้ไม่เคยต้องลักขโมยของใครแน่นอน""จริงรึ" อี้เฟินถามย้ำอีกคราอย่างไม่นึกเชื่อ ใครกันให้ที่ให้วัตถุดิบเหล่านี้แก่ลูกสาวนางมาก่อน "อื้อ จริง ๆ ท่านเชื่อข้านะ ข้าไม่มีทางทำให้ท่านเสียใจแน่นอน" แต่ถ้าข้าบอกว่าไปเต้นที่หอคณิกามาเจ้าต้องตีข้าแน่ ๆ งั้นข้าขอไม่บอกแล้วกั
ยามหยิน (04.00น.)"ท่านแม่ ข้ากะจะเก็บไปสองโอ่งพอนะ แล้วก็ผักบุ้งอีกโอ่ง เดี๋ยวที่เหลือถ้าขายไม่พอข้าค่อยกลับมาเอาแล้วกัน"อี้หมิงกลัวว่าถ้าขายไม่หมดจะเสียของเปล่าๆ อีกอย่างเผื่อฟางว่าฟางหนิงอวี๋สั่งจะได้มีวัตถุดิบเตรียมให้นาง "ได้ ๆ" อี้เฟินที่เตรียมหม้อ กะทะ ถ้วยชามขึ้นรถลากสองล้อไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เดินมาช่วยอี้หมิงที่กำลังก้มๆ เงยๆ เก็บถั่วงอกในโอ่งอยู่มือเรียวของอี้หมิงค่อย ๆ ดึงยกเอาผ้าที่รองถั่วงอกไว้ขึ้นมาใส่ในกระบุงไม้ไผ่เพื่อเตรียมนำไปขายที่ตลาด ถั่วงอกขาวอวบที่อยู่ในกระบุงบัดนี้ถูกลำเลียงขึ้นรถลากสองล้อไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อี้หมิงและอี้เฟินจึงเข้าไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสวยที่ท่านน้าให้มาแต่คราก่อน ไม่นานก็ได้ยินเสียงเรียกของเฟิน เฟิน ดังมาจากด้านหน้าของเรือนเล็ก"ป้าอี้เฟิน พี่หมิงอี้ ข้าพร้อมแล้วล่ะ" สาวน้อยเฟิน เฟิน หมุนตัวไปมาอยู่ด้านนอกเรือน นางชอบใส่ชุดเช่นนี้มาก ผ้านุ่มใส่สบาย ชุดสวยที่ทอและปักลายอย่างประณีตใส่แล้วบิดากับมารดานางถึงกับกล่าวว่านางใส่แล้วราวกับคุณหนูตะกูลผู้ดีเชียวล่ะ"อ้าว มาแล้วเรอะ""เสร็จพอดีเลย งั้นเราไปกันเถอะ" ทั้งสามช่วยกันเข็ญรถไม
"ท่านแม่ เฟิน เฟิน ของเหลืออยู่เท่าไหร่แล้ว""ถั่วงอกเหลือแค่ 3 จินก็หมดแล้ว ผักบุ้งไม่มีแล้วหมิงอี้" อี้เฟินตอบบุตรสาว พลางยกแขนเสื้ออาภรณ์สวยขึ้นซับเหงื่อ"เยี่ยมเลย" อี้หมิงยิ้มเต็มดวงหน้านวล ตอนนี้ในถุงที่นางถือหนักมาก ท่าจะได้เงินมากโขเลยล่ะวันนี้ คิดแล้วใช้มือตบเบา ๆ ที่ถุงผ้า รวย รวย รวย!เมื่อลูกค้าได้ผักแล้วก็เริ่มทยอยสลายตัวออกจากหน้าร้าน อี้หมิงจึงหันมาจัดแจงกระบุงผักให้เข้าที่เป็นระเบียบช่วยอี้เฟิน และเฟิน เฟินกลุ่มชายฉกรรจ์ที่นั่งมองหญิงสามคนขายของอย่างเงียบ ๆ ก็เริ่มเดินมายังร้านของพวกนาง ชายที่เป็นหัวหน้ากลุ่มถุยถั่วลิสงที่เคี้ยวอยู่ลงที่พื้น แล้วเดินหักมือเสียงดัง กร่อด! ตรงเข้าไปอย่างหาสามสาวทันที'เพล้ง เฮ้ย!สิ้นเสียงก็ปรากฏชายฉกรรจ์สี่ห้าคนกระจายกันยืมล้อมร้านพวกนางไว้ ยกกระบุง ยกหม้อทุบลงที่พื้นโดยที่ทั้งสามไม่ทันตั้งตัว"อะไรกัน" อี้หมิงถามออกไปอยากนึกกลัว พวกที่ล้อมร้านเธอไว้เป็นผู้ชายตัวใหญ่ ๆ ทั้งนั้น"อะไรหรอ นี่แนะ นี่! เป็นไงล่ะ เฮอะ""ว๊าย หยุดนะ หยุด" อี้เฟินร้องเสียงหลงตกใจ ถลาไปยื้อกระบุงกับชายดังกล่าว"ปล่อย ปล่อย ข้าบอกให้ปล่อย!""โอ๊ย!""ท่านแม่!" อ
~นั่นผู้ใดกัน~~นั่นคนเมืองหลี่หนิ มาทำอะไรกัน~~อี้เฟินหนิ นางทำไมแต่งตัวดูดีเช่นนั้นเล่า~~สมบัติเก่านางล่ะมั้ง ข้าได้ยินมาว่าแต่ก่อนตะกูลนางยิ่งใหญ่เชียวล่ะ~~ยิ่งใหญ่แล้วยังไงกัน สุดท้ายก็มาอยู่หมู่บ้านจนๆ นี่เช่นเรา~ทั้งห้าคนเดินมาหยุดอยู่ที่เรือนหลังเล็กเก่าๆ อาภรณ์และรูปร่างหน้าตาที่ดีดีต่างจากชาวบ้านทั่วไปเรียกความสนใจจากคนในหมู่บ้านคนอพยพได้ไม่ยากนัก"ถึงแล้วล่ะ" อี้เฟินเปิดประตูแล้วเชื้อเชิญแขกเข้ามานั่งพักที่เตียงไม้ด้านหน้าเรือน ฟางหนิงอวี๋และเฉินอ๋องที่นั่งอยู่บนแคร่ไม้ก็มองดูบ้านหลังเล็กอย่างสำรวจ ที่ลานเรือนหลังเล็กนี่มีโอ่งหลายใบวางเรียงกันอยู่ แต่ละโอ่งมีกระสอบป่านปิดทับที่ปากโอ่งไว้ เอาไว้ทำไรกันเยอะแยะผิดวิสัยบ้านทั่วไปจริงเชียวส่วนหลางเย่เดินกอดกระบี่เดินไปรอบ ๆ บ้านอย่าสำรวจเช่นกัน พร้อมระวังภัยให้เฉินอ๋องไปด้วย"นี่จ๊ะ น้ำ" อี้หมิงยื่นน้ำให้แขกทั้งสาม"ขอบคุณ" เฉินอ๋องรับน้ำจากอี้หมิง ตั้งใจมองสาวน้อยชัด ๆ หน้าตางดงามราวดอกไม้ ผิวพรรณที่ผุดผาดต่างจากชาวบ้านทั่วไป ชุดสีขาวที่นางสวมนั่นอีกเล่า มีลายปักละเอียดและเนื้อผ้าที่เบาละเอียดพริ้วไปตามลมนั่นอีกเล่า ไม่ใช่
อี้หมิงดีใจอย่างมากกับออเดอร์ลอตใหญ่ในครั้งนี้ แต่ก็ไม่ลืมที่จะแบ่งเงินจากการขายของในครั้งนี้ให้เฟิน เฟิน ด้วย"อ่ะ เฟิน เฟิน 20 อิแปะ วันนี้เราขายได้เยอะทีเดียว จะได้เยอะกว่านี้อีกถ้าไม่โดนอันธพาลมารักแก ฮึย!" อี้หมิงล้วงหยิบเงินออกจากถุงผ้าแล้วใส่มือให้เฟิน เฟิน"โห ให้ข้าเยอะจังพี่หมิงอี้""ไม่เยอะหรอกน่า อ่ะนี้ของอู๋ไป๋"อู๋ไป๋มองเงิน 15 อิแปะในมือตนอย่าง งง งวย หมิงอี้นางให้เขาทำไมกัน"ให้ข้าทำไมกันเล่าหมิงอี้ ข้ายังไม่ได้ช่วยอะไรเจ้าเลยนะ""แหม๋ ข้าไม่ได้ให้ฟรี ๆ หรอกน่า" อี้หมิงตบไหล่อู๋ไป๋เบา ๆ"ข้ามีงานให้เจ้ากับเฟิน เฟิน ช่วยนิดหน่อยหนะ" อี้หมิงกอดบ่าทั้งสองแล้วเริ่มขอในสิ่งที่ตนต้องการ"อู๋ไป๋ข้าอยากได้น้ำมะพร้าวเยอะ ๆ เจ้านำมาได้เยอะเท่าไหร่ยิ่งดี ส่วนเฟิน เฟิน ข้าต้องการโอ่งเพิ่ม ต้องการผ้า กระบุงเพิ่มด้วย และอยากได้คนงานซัก 5 คนหนะ""โฮะ ขอถูกคนแล้ว เดี๋ยวข้าจัดให้""เฟิน เฟิน ก็เหมือนกัน เดี๋ยวจัดให้รับรองท่านจะได้ในสิ่งที่ขอทุกอย่างถ้ามาหาเฟิน เฟิน ฮ่า ฮ่า"ทั้งเฟิน เฟิน และอู๋ไป๋ต่างโอ้อวดสรรพคุณของตัวเองกันใหญ่ยามค่ำคืนอันสงบของแคว้นต้าหลี่ เรือนหลังใหญ่ของขุนนางและ
"คือ พวกข้ามาขอร้องให้ท่านหาทางช่วยพวกเราด้วยเถิด ได้โปรดเถอะท่านนายอำเภอ เดือดร้อนจริง ๆ ตอนนี้ข้าวในนาพวกข้าโดนแมลงเกาะกินต้นข้าวเต็มไปหมด ต้นข้าวทยอยยืนต้นตายลามไปจนเกือบหมดแล้ว" ชายคนหนึ่งเป็นตัวแทนพูดขึ้น~ใช่ ๆ เป็นแบบนี้มีแต่ตายกับตาย ข้าวเปลือกก็แพงขึ้นทุกวัน ๆ ใช่มั๊ยพวกเรา~~ใช่ ๆ เห็นด้วย ๆ เดือดร้อนมากจริง ๆ ~"อ่ะ ๆ เงียบ ๆ ใจเย็นๆ กันก่อนนะ ให้ข้าได้สืบสาวเรื่องราวก่อน รับรองข้าช่วยเต็มที่แน่ๆ ""ตอนไหนล่ะ พวกข้ารอไม่ไหวหรอกนะ ข้าวก็ตาย ข้าวสารก็แทบไม่เหลือแล้ว ราคาข้าวก็แพงขึ้นทุกวันๆ "~ใช่ ๆ ข้าแทบไม่เหลือข้าวจะกินอยู่แล้ว ท่านรีบๆ หาทางช่วยเถอะ ใช่ ๆ ~"อ่ะ ใจเย็น ๆ ก่อนนะ "~เย็นไม่ไหวหรอก ข้าวตายจะหมดอยู่แล้ว ~เสียงประท้วงยังดังไม่หยุด ทำให้ไป๋เจี๊ยนเมื่อเห็นว่าชาวบ้านไม่ฟังตนจึงตะโกนเสียงดังขึ้นอย่างเหลืออด"ข้า!! บอกให้เงียบ!!!"ได้ผลชาวนาทั้งชายทั้งหญิงเงียบเสียงลงทันที แล้วยืนนิ่งรอฟังไป๋เจี้ยน"ข้าช่วยพวกเจ้าแน่ๆ บัดนี้ในวังหลวงทราบเรื่องโรคระบาดแล้ว กำลังหาบัณฑิตเก่ง ๆ และผู้ที่มีความสามารถมาช่วยกำจัดโรคร้ายนี้อยู่ แต่ตอนนี้ก็ยังกำจัดโรคระบาดนี้ยังไม่ได้ ขอเ
ผ่านไปไม่นานอี้เฟินก็ให้คนงานชายกลิ้งโอ่งที่ล้างทำความสะอาดเสร็จแล้วมาให้อี้หมิง"ระวังๆ ค่อย ๆ กลิ้ง อย่างนั้นแหละ อ่ะวางตรงนี้ๆ พี่หมิงอี้โอ่งได้แล้วจ๊ะ""ดีเลยข้าจะผสมน้ำหมักแล้วนะ" อี้หมิงพับแขนเสื้อของนางขึ้น ใช้ปิ่นรวบปักผมเป็นมวยเรียบร้อย ส่วนนิ้วมือเรียวเกี่ยวเอาปอยผมที่ตกลงมาคลอเคลียที่ใบหน้างามเกี่ยวทัดไว้ที่ใบหู'สาธุ ทีกงขอให้น้ำหมักของหนูสำเร็จทีเถอะ' อี้หมิงภาวนาเอาฤกษ์เอาชัยในใจ"มา! มาเริ่มกัน"อี้หมิงเริ่มจากการเทน้ำตาลทรายแดงลงไปก่อน จากนั้นใช้กระบวยตักน้ำมะพร้าวเทลงไป ตามด้วยน้ำส้มสายชู และเทเหล้าลงไปผสม มือเรียวจับไม้พายคนผสมให้ส่วนผสมที่ใส่ลงไปเข้ากัน เมื่อเห็นว่าเข้ากันดีแล้วอี้หมิงจึงใส่พริกไทยที่ผ่านการโขลกละเอียดเรียบร้อยแล้วลงไปเป็นส่วนผสมสุดท้าย คนผสมให้เข้ากันอีกรอบ แล้วปิดฝาโอ่งไว้"เสร็จแล้วเหลือรอแค่เวลาแล้วหล่ะ"อี้หมิงปัดมือไปมาเมื่อการผสมน้ำหมักจบลง ทีนี้ก็แค่รอให้ครบ 7 วันแล้วมาดูกันว่าน้ำหมักนี้ของเธอจะใช้ได้รึไม่"หมิงอี้เสร็จแล้วหรอ" อู๋ไป๋ยื่นหน้าเข้าไปมองใกล้ ๆ "เสร็จแล้วหล่ะ" เมื่อหมักน้ำหมักเสร็จเรียบร้อย อี้หมิงก็เดินไปดูอุปกรณ์ที่จะเตรียมเ
"สมุนไพรที่เจ้าต้องการ เจ้าต้องการมากเพียงใด เรือนข้าเป็นตระกูลพ่อค้าเก่าแก่มีสมุนไพรเก็บอยู่มากมาย ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่นัก หากมิรังเกียจข้าอยากบริจาคให้ ถือว่าช่วยชาวเมืองหลี่แล้วกัน"อี้หมิงเผยรอยกว้างสวยเต็มวงหน้าทันที เดินอ้อมโต๊ะออกมา มือคว้าจับที่แขนแกร่ง แหงนเงยใบหน้าพูดกับบุรุษรูปงามหากแต่ใบหน้าช่างไร้อารมณ์และเย็นชายิ่งนักในสายตาของเธออย่างดีใจ ผู้ใดกันจะปล่อยให้โอกาสเช่นนี้หลุดลอยไป มีผู้เสนอวัตถุดิบให้แถมไม่คิดเงิน เธอคงมิใช่คนสมองหมูถึงเพียงนั้นที่จะปล่อยให้โอกาสทองนี้หลุดไปโดยง่ายเป็นแน่"ขอบคุณท่านมาก ข้ายินดีรับโอกาสอันสุดแสนพิเศษนี้ไว้ แต่ร้านเราไม่เอาเปรียบท่านแน่นอนในเมื่อท่านยินดีบริจาคสมุนไพรให้กับเรา ไว้ข้าขอเลี้ยงอาหารซักมื้อตอบแทนท่านและสหายแล้วกัน""เช่นนั้นเจ้าเขียนเทียบสมุนไพรที่จะใช้มาเถิด เดี๋ยวให้จางหยางจัดการมาส่งที่เรือนให้ในวันพรุ่ง""อี้หมิง เจ้าเขียนเทียบมาเลยข้าจะคัดของดี ๆ มาให้นะ"จางหยางที่เพลิดเพลินกับการมองร่างอ้อนแอ่นตรงหน้าพูดเจื้อยแจ้วจัดการงานต่าง ๆ ก็ถึงคราวได้เอ่ยออกมาอย่างกระตือรือร้น"ขอบคุณท่านมากจางหยาง มู่เฉินด้วย ข้าฝากด้วยนะ"รอยย
ผ่านไปเพียงชั่วยามเหล่าบรรดาลูกค้าที่มาให้ร้านเทียนฝูได้รับใช้ก็ทยอยเดินกลับ จนลูกค้าคนสุดท้ายก้าวย่างออกไป"เฮ้อ ปิดจ๊อบสักที อื้อ"ร่างบางชูแขนขึ้นเหนือศีรษะ ยืดตัวบิดขี้เกียจไปมา ก่อนจะเอนศีรษะซบลงที่บ่าเฉิงอี้อย่างลืมตัว'ฟู่'ลมหายใจหนัก ๆ ถูกผ่อนออกมา ก่อนจะปิดเปลือกตาลงนิ่ง ๆ หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการจับพู่กันไปมาทั้งวัน แม้ชายที่นั่งข้างเคียง จะอาสาช่วยเขียนอยู่บ้างแต่ก็ยังคงเมื่อยอยู่ไม่น้อย'อึก'เฉิงอี้กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ รู้สึกราวเวลารอบข้างหยุดหมุน คิ้วคมขมวดเล็กน้อย เกร็งตัวขึ้นทันทียามที่ศีรษะทุยเอนซบลงมา สตรีนางนี้หาได้รู้ที่ต่ำที่สูงไม่ นางช่างไม่รู้รึไรการกระทำตอนนี้ของนางต้องโทษถึงประหารเชียว ตาคมเหลือบมองใบหน้าขาวผ่อง ไล้ลงมาที่จมูกเล็กโด่งเป็นสัน ปากบางชมพูจิ้มลิ้มราวดอกเหมยบาน เฉิงอี้เจ้าคงสติฟั่นเฟืองเสียแล้วกระมังถึงได้เผลอมองว่านางช่างน่ารักยิ่งนักยามเมื่อหลับตาพริ้ม พอได้สติจากภวังค์จึงค่อย ๆ ยื่นนิ้วออกไปค่อย ๆ จิ้มออกแรงเขี่ยศีรษะเล็ก ๆ ให้พ้นจากบ่าแกร่งของตน ก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยลุกขึ้นเดินตรงไปหาจางหยาง และมู่เฉินด้วยสีหน้าเย็นชาดังเดิม หากแต่เพียงผู้ใด
ร่างของชายอวบอ้วนพุงย้วย ที่กำลังพยายามก้มลงไปในโอ่งดิน ช่างดูทุละทุเลยิ่งนักในสายตาทุกคน มือด้านซ้ายใช้ค้ำดันโอ่ง ส่วนด้านขวาล้วงเข้าลงไปด้านในโอ่ง และด้วยส่วนสูงที่ต่างจากโอ่งไม่มากนัก ทำให้ใบหน้าของเขาแนบลงไปกับปากโอ่ง มือคว้ากำเข้าที่ลำต้นของผักบุ้งอวบคราแรกออกแรงดึงเบา ๆ ตามความคิดที่ว่ามันถูกปักไว้เพื่อพรางตาผู้คน 'เอ๋ หึ ปักมาแน่นกันเชียวนะ คิดว่าเท่านี้ข้าจะเชื่อรึ'ครานี้ก้มลงและกำลำต้นผักบุ้งแน่นกว่าเดิม ก่อนจะออกแรงดึงอย่างแรง ~ฮ่า ๆ มาดูกันคนเจ้าเล่ห์อย่างพวกเจ้าคิดจะมาหลอกลวงข้ารึ~"ฮึบ! ฮึบ"ออกแรงดึงสองครั้งต้นผักบุ้งก็ยังไม่ติดมือขึ้นมา ครานี้กำแน่นกว่าเดิม ใบหน้าเกร็งยู่ เม้มปากแน่น ย่อตัวออกแรงแล้วดึงขึ้นเต็มแรง"เฮ้ยย!"ต้นผักบุ้งขาดออกตามแรงดึง ร่างอวบอ้วนเซหงายหลัง ดวงตาเบิกโพล่งมู่เฉินที่เห็นร่างอ้วนท่วมเซหงายหลังมาทางตนจึงใจดี ยกเท้าขึ้นค้ำยันหลังไว้ ก่อนจะออกแรงถีบออกไป ร่างชายอ้วนจากตกใจคราแรกที่จะหงายหลังยังไม่ทันหาย กลับต้องตกใจอีกรอบเมื่อครานี้เซถลากลับมาด้านหน้า"เฮ้ยๆ"มือปล่อยผักบุ้งทิ้ง มือสองข้างรีบคว้าจับปากโอ่งเพื่อยั้งตัวไว้ "แฮ่ก ๆ เกือบไปแล้ว
"เชิญนั่งเจ้าค่ะ ท่านป้า" อี้หมิงเผยมือเชื้อเชิญลูกค้าให้นั่งลงเพื่อที่จะได้สอบถาม ถึงผืนนา และเมื่อสนใจ ก็จะได้ทำสัญญาให้แล้วเสร็จ"ท่านป้า ท่านป้าเพียงแค่สนใจน้ำหมักของข้า รึวันนี้จะให้ร้านเทียนฝูของเรารับใช้เจ้าคะ""ช่วยด้วยเถิดนังหนู นาข้าวข้าใกล้ตายเต็มทีแล้ว เท่าไหร่ก็เต็มใจจ่าย ใบข้าวล้วนเหลือง แห้งเหี่ยวลงทุกวันจริงเชียว"หญิงตรงหน้าเอื้อมมือมาจับมือของนางอย่างขอร้อง ก่อนเอ่ยด้วยสีหน้าอมทุกข์ ดวงตามีกระแสความท้อแท้พาดผ่าน น้ำเสียงเจือสะท้อนความหนักใจออกมาเฉิงอี้เห็น และได้รับฟังความทุกข์ของชาวบ้านก็เกิดสะท้อนในอก ด้วยหลากหลายอารมณ์รู้สึก ถึงแม้นว่าจะสามารถคลี่คลายสถาการณ์ราคาข้าวได้แล้ว แต่ยังมีโรคระบาดที่ยังไม่มีทีท่าจะทุเลาลงเลยสักนิด หวังก็แต่หญิงประหลาดที่เคียงข้างตนยามนี้จะสามารถแก้ปัญหาได้ดังเช่นนางเอ่ย ก่อนจะถอนสายตากลับมามองหญิงชาวบ้านตรงหน้าอย่างสนใจ"ช่วยได้แน่นอนท่านป้า ว่าแต่ท่านป้าจะให้ข้าช่วย ขอถามผืนนาท่านที่ต้องการให้ช่วย มีอยู่เท่าใดกัน""เอ่อ ไม่เยอะหรอก"ลูกค้านางทำสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ"เท่าไหร่เจ้าคะ""เอ่อ 10 หมู่ถ้วน เจ้าพอจะช่วยข้าได้รึไม่"10 หมู่ โฮ
อี้หมิง ใช้สองมือน้อย ๆ ออกแรงผลัก แต่ต่อให้ดันอย่างไรชายหน้านิ่งก็หาได้ขยับเขยื้อนไม่ นี่มันคนรึหินผากันนะ "นี่ เจ้า!""เงียบ จะขายรึไม่ ข้ากำลังช่วยเจ้าอยู่"เฉิงอี้ที่เริ่มหงุดหงิดหันไปใช้สายตาคมดุจพญาเหยี่ยวที่และใบหน้างดงามหล่อเหล่าที่เรียบนิ่งขู่ร่างบางที่ขยับขยุกขยิกไปมาทำให้แขนนางถูไถไปมากับแขนแกร่งของตนอย่างไม่ตั้งใจ อี้หมิงชะงักเล็กน้อย ฮึ! ดีเช่นกันให้เจ้าคนหล่อหน้านิ่งนี่ช่วยขายก็ดี ข้าจะได้ไม่เปลืองแรง ลองดูสักตั้งก็ได้ "นี่ ๆ เจ้า ไปนั่งข้างนางได้เยี่ยงไร ออกมาเลย ๆ"อู๋ไป๋เอ่ยรัวออกมาอย่างร้อนรน เมื่อเห็นชายหนุ่มที่ดูจากอาภรณ์ที่สวมใส่ก็รู้ว่ามาจากตระกูลที่ร่ำรวย เข้าใกล้หญิงที่ตนหมายปอง"อู๋ไป๋ ๆ ไม่เป็นไร ๆ คุณชายท่านนี้มาช่วยข้าขายก็ดี เราจะได้ขายหมดเร็ว ๆ ไง นะ ไม่มีสิ่งใดต้องกังวลไปหรอก แค่ขายของเท่านั่น "อี้หมิงพูดกับอู๋ไป๋ก่อนหันมามองเจ้าคนหน้านิ่งที่บัดนี้หันมามองที่เธอเช่นกัน จะว่าไปหนุ่มยุคนี้นี่ช่างหน้าตาดีเสียจริง ใบหน้าเช่นนี้นี่ยุคปัจจุบันน่าจะเป็นดาราดังได้สบายเลยหล่ะ รึไอดอลก็ได้เลยนะเนี่ย"ฮ่า ฮ่า ฮึบ ฮ่า"หมิงอี้หลุดขำออกมาเสียมิได้ เจ้าตัวพยายามกล
บัดนี้เข้ายามเฉินแล้ว (07.30 น.) แต่กลับยังไร้เงาผู้คน อี้หมิงแอบใจเสียมิน้อย ไม่ต่างจากเฟิน เฟิน และอู๋ไป๋ ที่บัดนี้ต่างกระวนกระวายไม่แพ้กันแต่ก็ยังมิได้มีผู้ใดเอื้อนเอ่ยประโยคใด ๆ ออกมา ของที่อยู่บนรถเข็นในที่สุดก็ทยอยถูกยกลงจนหมด ป้ายชื่อร้านที่หยิบติดมือมาด้วยถูกอู๋ไป๋นำไปปักไว้ด้านหน้า ส่วนโอ่งทั้ง 4 ใบ เหล่าคนงานและบุรุษทั้งสามที่ขอมาด้วยต่างช่วยกันเข็นย้ายวางเรียงอย่างเป็นระเบียน โต๊ะไม้ถูกยกออกมาเพื่อวางแท่นหมึกและกระดาษ ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแต่ก็ยังไร้เงาผู้คนจนทำให้เจ้าของร้านสาวอดใจเสียมิได้ส่วนอี้เฟิน กับเฟิน เฟิน ทั้งสองกำลังช่วยกันติดเตาเพื่อทำซุปถั่วงอก และผัดยอดอ่อนผักบุ้ง เพื่อแจกให้ผู้คนที่มาซื้อน้ำหมักได้ลิ้มลองรสชาติของผักร้านเทียนฝู นับว่าเป็นกลยุทธ์การขายที่แปลกอีกอย่างหนึ่งของร้านลูกสาวนาง ที่ใช้ได้ผลมาแล้ว"อ้าวเฮ้ย! นั่นผู้ใดกันมาทำสิ่งใดที่แปลงนาของข้า"เสียงชายเจ้าของแปลงนาตะโกนถามไถ่ใคร่สงสัยมาแต่ไกล ก่อนที่เจ้าตัวจะแบกจอบเดินมาถึง"อ้าว ท่านลุง ข้าเอง! วันนี้พวกข้ามาตั้งร้านขายน้ำหมักหนะ""อ้าวเรอะ!"ชายเจ้าของแปลงนาไล่สายตามองดูข้าวของที่ตั้งเรียงรายใต
"หมิงอี้ พวกข้ามาแล้วล่ะ"อี้หมิงเงยหน้ามองเสียงทุ่มห้าว อ่า! เป็นมู่เฉินกับสหายของเขานั่นเอง มองเลยไหล่หนาบึกบึนของมู่เฉินและจางหยางไปก็พบเข้ากับใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นักของชายอีกคน"อ้าว มาพอดีเลย ท่านแม่ เฟิน เฟิน อู๋ไป๋ นี่สหายข้า มู่เฉิน นี่จางหยาง แล้วนี่.."อี้หมิงเว้นจังหวะพูด ด้วยไม่แน่ใจว่าหากเอ่ยออกไปชายหนุ่มจะแย้งกลับมารึไม่ จากหลายคราที่เจอกันนับว่าห่างไกลคำว่าสหายอยู่มากโข"อ๋อ นี่เฉิงอี้"เป็นมู่เฉินที่เอ่ยความกระจ่าง"อ๋อ แล้วกินข้าวกินปลากันมารึยังล่ะ ถ้ายังพอดีเลย มากินด้วยกันสิ หากไม่รังเกียจ ข้าเตรียมอาหารเสร็จพอดี ร้อน ๆ เลยนะ"อี้เฟิน กล่าวต้อนรับสหายของบุตรสาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แม้นในใจจะคุ้น ๆ กับใบหน้าของชายหนุ่มนามเฉิงอี้อยู่มิน้อย ใบหน้าเช่นนี้คับคล้ายคับคราว่าเคยพบเจอที่ใดมาก่อน ก่อนจะปัดความคิดทิ้งไปหันมาสนใจบุตรสาวและสหายของนางแทน ที่บัดนี้กำลังช่วยกันยกโอ่งผักขึ้นใส่รถที่เตรียมไว้ "ฮ่า เสร็จเสียที เล่นเอาเหงื่อตกเช่นกันนะเนี่ย!"อู๋ไป๋ยกมือขึ้นซับเหงื่อที่ผุดออกมาที่หน้าผากกว้าง ในขณะที่ทุกคนสภาพเช่นเดิม ไม่มีแม้แต่เหงื่อเลยซักนิด คนพวกนี้ไร้เหงื่
"ฮ่า ฮ่า เฉิงอี้ ๆ ฮ่า ฮ่า ยอมแล้ว ๆ ข้า ฮ่า ๆ จะไม่ทำอีกแล้ว ฮ่า ฮ่า หยุด ที ฉะ ฮ่า ฮ่า"ร่างสูงใหญ่ขององครักษ์หนุ่มบัดนี้ ถูกมัดยืนติดเสาหลักไม้กลางตำหนักใหญ่ใบหน้าเบ้บิด ส่งเสียงหัวเราะห่าวอกมาไม่ขาด จนใบหน้าคมคายที่ยามปกติจะนึ่งขรึมแทบตลอดเวลาบัดนี้กลับแดงก่ำ น้ำหูน้ำตาไหลยามเมื่อเจ้าตัวส่งเสียงหัวเราะขำขันออกมาอย่างเสียมิได้ยามเมื่อขนนกยาวใหญ่ปัดป่ายไปมาตามจุดต่าง ๆ ของร่างกายแกร่ง ไม่ว่าจะเป็น รักแร้ ใบหู ใบหน้าบทลงโทษจากเฉิงอี้หาใช่การต่อยตี รึลงดาบ ใช้โซ่แส้ไม่ หากแต่เป็นการจับมัดแล้วใช้ขนนกปัดป่ายไปมาถึงจะสาสมกับองครักษ์หนุ่มของตน หากใช้วิธีทางทหารละก็จางหยางที่เปรียบดังเช่นก้อนหินผา เกรงว่าจะไม่สะทกสะเทือนซักเพียงใดนัก"อึก!"มู่เฉินที่นั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น กลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ เมื่อเห็นการลงโทษจากองค์ชายของตน หากแม้นเป็นการลงโทษทางทหารพวกตนหาได้หวั่นใจไม่ แต่ใช้วิธีนี้บอกตรง ๆ ว่าตนขยาดยิ่งนัก"ต่อไปพวกเจ้าจะสนใจหญิงงามมากกว่าข้าอีกรึไม่"เฉิงอี้เอ่ยถามอย่างเอาแต่ใจ ทั้งสามเติบใหญ่มาด้วยกัน เขาล้วนได้รับความสนใจและปกป้องจากองครักษ์หนุ่มมาตลอด แม้นสถานะแตกต่างแต่เฉิงอี
"เจ้าจะเอาหนังสือไปทำสิ่งใดกัน"อี้หมิงเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงห้าวที่ถามขึ้นอย่างมีความหวัง"ข้าจะเอาไปจดทำบัญชีวันพรุ่งนี้หนะ วันพรุ่งร้านของข้าจะไปเปิดรับกำจัดโรคระบาดในแปลงนา เลยจำเป็นต้องทำบัญชี""ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดถึงต้องทำบัญชีเล่า จัดการการเงินของร้านรึ"เป็นจางหยางที่กอดอกฟังเงียบ ๆ เอ่ยถามขึ้นมาอย่างใคร่สงสัย"อ่อ นั่นส่วนนึง ข้าจะเปิดให้ลงบัญชีมัดจำไว้ได้ก่อนครึ่งนึงหนะสำหรับชาวบ้านคนไหนที่ยังไม่มั่นใจในร้านของข้า ""อ๋อ เป็นเช่นนี้ น่าสนใจจริงเชียว งั้นพวกข้าขอไปดูเจ้าขายได้รึไม่ การค้าขายเช่นนี้ข้ายังมิเคยเห็นผู้ใดทำมาก่อน ช่างน่าสนใจเสียจริง"มู่เฉินเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้น ก่อนจะหันไปหาเฉิงอี้ผู้เป็นนายด้วยสีหน้าอ้อนวอนไม่เว้นแม้แต่องครักษ์หนุ่มที่มองมาเช่นกัน"แล้วแต่พวกเจ้าสิ แต่ข้ามิไป"พูดจบก็หมุนตัวเดินออกไปจากที่อี้หมิงยืนอยู่ ท่าทางของชายหนุ่มสร้างความฉงนให้กับทั้งสามคนที่ยังยืนอยู่ไม่น้อย แต่เพียงชั่วครู่ ชายทั้งสองที่ยังยืนอยู่กับเธอก็เอ่ยเสนอความช่วยเหลือออกมา"หากเจ้ามิรังเกียจ ข้ายังพอมีแท่นหมึกและกระดาษเหลืออยู่บ้าง หวังว่าจะช่วยเจ้าได้อยู่มิน้อย""ดีเลย