อี้หมิงดีใจอย่างมากกับออเดอร์ลอตใหญ่ในครั้งนี้ แต่ก็ไม่ลืมที่จะแบ่งเงินจากการขายของในครั้งนี้ให้เฟิน เฟิน ด้วย"อ่ะ เฟิน เฟิน 20 อิแปะ วันนี้เราขายได้เยอะทีเดียว จะได้เยอะกว่านี้อีกถ้าไม่โดนอันธพาลมารักแก ฮึย!" อี้หมิงล้วงหยิบเงินออกจากถุงผ้าแล้วใส่มือให้เฟิน เฟิน"โห ให้ข้าเยอะจังพี่หมิงอี้""ไม่เยอะหรอกน่า อ่ะนี้ของอู๋ไป๋"อู๋ไป๋มองเงิน 15 อิแปะในมือตนอย่าง งง งวย หมิงอี้นางให้เขาทำไมกัน"ให้ข้าทำไมกันเล่าหมิงอี้ ข้ายังไม่ได้ช่วยอะไรเจ้าเลยนะ""แหม๋ ข้าไม่ได้ให้ฟรี ๆ หรอกน่า" อี้หมิงตบไหล่อู๋ไป๋เบา ๆ"ข้ามีงานให้เจ้ากับเฟิน เฟิน ช่วยนิดหน่อยหนะ" อี้หมิงกอดบ่าทั้งสองแล้วเริ่มขอในสิ่งที่ตนต้องการ"อู๋ไป๋ข้าอยากได้น้ำมะพร้าวเยอะ ๆ เจ้านำมาได้เยอะเท่าไหร่ยิ่งดี ส่วนเฟิน เฟิน ข้าต้องการโอ่งเพิ่ม ต้องการผ้า กระบุงเพิ่มด้วย และอยากได้คนงานซัก 5 คนหนะ""โฮะ ขอถูกคนแล้ว เดี๋ยวข้าจัดให้""เฟิน เฟิน ก็เหมือนกัน เดี๋ยวจัดให้รับรองท่านจะได้ในสิ่งที่ขอทุกอย่างถ้ามาหาเฟิน เฟิน ฮ่า ฮ่า"ทั้งเฟิน เฟิน และอู๋ไป๋ต่างโอ้อวดสรรพคุณของตัวเองกันใหญ่ยามค่ำคืนอันสงบของแคว้นต้าหลี่ เรือนหลังใหญ่ของขุนนางและ
"คือ พวกข้ามาขอร้องให้ท่านหาทางช่วยพวกเราด้วยเถิด ได้โปรดเถอะท่านนายอำเภอ เดือดร้อนจริง ๆ ตอนนี้ข้าวในนาพวกข้าโดนแมลงเกาะกินต้นข้าวเต็มไปหมด ต้นข้าวทยอยยืนต้นตายลามไปจนเกือบหมดแล้ว" ชายคนหนึ่งเป็นตัวแทนพูดขึ้น~ใช่ ๆ เป็นแบบนี้มีแต่ตายกับตาย ข้าวเปลือกก็แพงขึ้นทุกวัน ๆ ใช่มั๊ยพวกเรา~~ใช่ ๆ เห็นด้วย ๆ เดือดร้อนมากจริง ๆ ~"อ่ะ ๆ เงียบ ๆ ใจเย็นๆ กันก่อนนะ ให้ข้าได้สืบสาวเรื่องราวก่อน รับรองข้าช่วยเต็มที่แน่ๆ ""ตอนไหนล่ะ พวกข้ารอไม่ไหวหรอกนะ ข้าวก็ตาย ข้าวสารก็แทบไม่เหลือแล้ว ราคาข้าวก็แพงขึ้นทุกวันๆ "~ใช่ ๆ ข้าแทบไม่เหลือข้าวจะกินอยู่แล้ว ท่านรีบๆ หาทางช่วยเถอะ ใช่ ๆ ~"อ่ะ ใจเย็น ๆ ก่อนนะ "~เย็นไม่ไหวหรอก ข้าวตายจะหมดอยู่แล้ว ~เสียงประท้วงยังดังไม่หยุด ทำให้ไป๋เจี๊ยนเมื่อเห็นว่าชาวบ้านไม่ฟังตนจึงตะโกนเสียงดังขึ้นอย่างเหลืออด"ข้า!! บอกให้เงียบ!!!"ได้ผลชาวนาทั้งชายทั้งหญิงเงียบเสียงลงทันที แล้วยืนนิ่งรอฟังไป๋เจี้ยน"ข้าช่วยพวกเจ้าแน่ๆ บัดนี้ในวังหลวงทราบเรื่องโรคระบาดแล้ว กำลังหาบัณฑิตเก่ง ๆ และผู้ที่มีความสามารถมาช่วยกำจัดโรคร้ายนี้อยู่ แต่ตอนนี้ก็ยังกำจัดโรคระบาดนี้ยังไม่ได้ ขอเ
ผ่านไปไม่นานอี้เฟินก็ให้คนงานชายกลิ้งโอ่งที่ล้างทำความสะอาดเสร็จแล้วมาให้อี้หมิง"ระวังๆ ค่อย ๆ กลิ้ง อย่างนั้นแหละ อ่ะวางตรงนี้ๆ พี่หมิงอี้โอ่งได้แล้วจ๊ะ""ดีเลยข้าจะผสมน้ำหมักแล้วนะ" อี้หมิงพับแขนเสื้อของนางขึ้น ใช้ปิ่นรวบปักผมเป็นมวยเรียบร้อย ส่วนนิ้วมือเรียวเกี่ยวเอาปอยผมที่ตกลงมาคลอเคลียที่ใบหน้างามเกี่ยวทัดไว้ที่ใบหู'สาธุ ทีกงขอให้น้ำหมักของหนูสำเร็จทีเถอะ' อี้หมิงภาวนาเอาฤกษ์เอาชัยในใจ"มา! มาเริ่มกัน"อี้หมิงเริ่มจากการเทน้ำตาลทรายแดงลงไปก่อน จากนั้นใช้กระบวยตักน้ำมะพร้าวเทลงไป ตามด้วยน้ำส้มสายชู และเทเหล้าลงไปผสม มือเรียวจับไม้พายคนผสมให้ส่วนผสมที่ใส่ลงไปเข้ากัน เมื่อเห็นว่าเข้ากันดีแล้วอี้หมิงจึงใส่พริกไทยที่ผ่านการโขลกละเอียดเรียบร้อยแล้วลงไปเป็นส่วนผสมสุดท้าย คนผสมให้เข้ากันอีกรอบ แล้วปิดฝาโอ่งไว้"เสร็จแล้วเหลือรอแค่เวลาแล้วหล่ะ"อี้หมิงปัดมือไปมาเมื่อการผสมน้ำหมักจบลง ทีนี้ก็แค่รอให้ครบ 7 วันแล้วมาดูกันว่าน้ำหมักนี้ของเธอจะใช้ได้รึไม่"หมิงอี้เสร็จแล้วหรอ" อู๋ไป๋ยื่นหน้าเข้าไปมองใกล้ ๆ "เสร็จแล้วหล่ะ" เมื่อหมักน้ำหมักเสร็จเรียบร้อย อี้หมิงก็เดินไปดูอุปกรณ์ที่จะเตรียมเ
~!ฝ่าบาท~ กง กง ขันขีใกล้ชิตฮ่องเต้วิ่งกุลีกุจอตรวเข้ามาหาพระองค์ที่กำลังชมความงามของดอกบัวที่กำลังอวดกันเบ่งบานทั่วทั้งสระกลางตำหนักอี๋เหอ"อ้าวกงกง เจ้ารีบร้อนมาเข้ามาเช่นนี้มีเรื่องอันใดกันเล่า""ทูลฝ่าบาท ตอนนี้นายอำเภอและขุนนางฝ่ายบุ๋นเข้ามาขอเข้าเฝ้าด่วน โรคระบาดตอนนี้ควบคุมไม่ได้แล้วพะยะค่ะ""เป็นเช่นนั้ไปนรึ! ไป ไป เห็นทีครานี้แคว้นเราจะไม่สงบอีกต่อไปสินะ""ฝ่าบาทค่อย ๆ เดินเพคะ ระวัง ๆ เพคะ" "ไปตามไท่จื่อมาด้วย ให้มาหารือด้วยกัน""พะยะค่ะ""เป่าหนิง เจ้าจงเร่งไปตามไท่จื่อมาเร็วเข้า"กงกงเมื่อได้รับคำสั่งก็รีบสั่งเป่าหนิงรองขันทีให้รีบไปยังตำหนักบูรพาของรัชทายาททันทีไม่นานก็ปรากฏร่างองอาจของรัชทายาทหนุ่มเดินอย่างองอาจ เข้ามาแล้วนั่งประจำที่ข้างฮ่องเต้ผู้เป็นบิดา "เฉินอ๋องล่ะ""องค์ชายไม่อยู่ตำหนักพะยะค่ะ นางกำนัลรายงานว่าออกไปธุระนอกเมือง"กงกงรายงานก้มหน้างุด เหงื่อเม็ดเล็กๆ มีผุดซึมขึ้นที่หน้าแต่ก็ไม่กล้ายกผ้าขึ้นมาเช็ด"ดีจริง ๆ เฉินอ๋อง ยามข้าต้องการตัวกลับหายไปทำธุระนอกเมือง! เอ้า ว่ามาพวกเจ้ามีเรื่องอันใด""เรียนฝ่าบาท สองสามวันมานี้จวนของกระหม่อมมีชาวเมืองมาตีกลองร
"พี่หมิงอี้ท่านยิ้มอะไรกัน""ไม่มีอะไร ๆ ฮ่า ฮ่า " อี้หมิงที่ชอบใจกับเรตติ้งของตัวเองก็ยังหลุดหัวเราะออกมาไม่หยุด "อ่ะนี่! เงินเจ้า แหม๋ สาวน้อยเจ้าช่างเป็นที่ชมชอบของชายเมืองหลี่จริงเชียวดูสิ วุ่นวายข้าต้องออกไปจัดการอีกแล้ว"ฟางหนิงอวี๋วางเงินลงบนฝ่ามือบางแล้วพูดเสียงสะบัดหยอกเย้าอี้หมิงอย่างหมั่นไส้ในความนิยมของนาง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตั้งแต่เด็กสาวมาเต้นระบำให้ร้านนาง กำไรของร้านก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้คนหลั่งไหลเข้ามากินดื่มในร้านของนางจำนวนมากและยิ่งไม่ต้องพูดถึงวันที่มีสาวน้อยตรงหน้ามาแสดงเต้นระบำทำเอาร้านนางแทบแตกเลยทีเดียว "พ่อบ้านจาง เร็วเข้า ๆ นั่น ๆ ปีนโต๊ะร้านข้าแล้ว เร็วๆ""อะเอ่อ นายท่านทั้งหลายๆ ใจเย็น ๆนะ สาวงามของข้าเต้นระบำได้เพียงวันละรอบเท่านั้นจ๊ะ พวกท่านใจเย็นๆ นะอ่ะ อ่ะ ลงจากโต๊ะข้าก่อนนายท่าน"~ทำไมกัน ข้ายินดีจ่าย จะเอาเท่าไหร่ก็ว่ามา!~~ข้าด้วย ข้าด้วย~"เอ่อ ใจเย็นๆ นะนายท่าน ท่านรอรอบหน้าเถอะนะ ไม่งั้นถ้าท่านยังเป็นเช่นนี้นางจะไม่มาเต้นระบำให้พวกท่านดูอีกเป็นแน่ นางค่อนข้างขี้กลัวเสียงดังนะ!" ฟางหนิงอวี๋ใช้พัดสวยป้องกระซิบพูดปดกับชายหนุ่มในร้าน ~จริงหรอ
~กึก กึก กึก กึก ตึก กึก กึก กึก~~เสียงอะไรกันแต่เช้า เฮ้ยย!~~โห! นั่นทหารวังหนิ กำลังไปไหนกันหนะ~~เกิดศึกสงครามรึ เฮ้ย ข้าต้องเก็บของ ๆ เกิดศึกๆ~~นี่ๆ! หยุด! ศึกสงครามอะไรกัน ปากอัปมงคลจริงเชียว พวกเจ้าดูสิ ! ไม่มีคนไหนถือดาบเลยซักคน~~แฮะๆ จริงด้วย แล้วไม่ใช่ศึกสงครามแล้วจะเดินทัพไปที่ใดกันเล่า~ "หมิงอี้ ๆ มาดูนี่ๆ ตื่นมาดูนี่เร็ว" อี้เฟินรีบมาปลุกบุตรสาวให้ลุกขึ้นไปดูเหล่าทัพทหารที่กำลังเดินผ่านหมู่บ้านไป"อื้อ ดูอะไรรึ" อี้หมิงที่ยังสะลึมสะลือ หย่อนขาลงจากเตียงแล้วก้าวตามมารดาทั้งที่เปลือกตายังลืมไม่เต็มที่"เฮ้ย! ทหาร ทหารจริงๆ ทหาร!" อี้หมิงเมื่อลืมตาเห็นเหล่าทหารที่ใส่เกาะเดินขบวนอย่างพร้อมเพรียงเป็นแถวยาวมุ่งหน้าออกจากเมืองก็ตาโตทันที เหมือนในละครที่ดูเลยอ่ะ โห!"ใช่ๆ ทหารๆ " เฟิน เฟิน ที่ออกมาดูที่หน้าบ้านเช่นกันเดินเข้ามาหาอี้หมิง"พวกเขาไปไหนกัน มีสงครามหรอ" อี้หมิงหันไปถามมารดาอย่างใคร่รู้"ข้าว่าไม่น่าใช่นะ ดูแต่ละนายสิ ไม่มีหอกดาบเลย" ~ข้าได้ยินมาว่าไท่จื่อ เกณฑ์กำลังทหารของพระองค์มาช่วยไล่พวกเจ้าแมลงร้ายที่กำลังระบาดอยู่ตอนนี้หนะ ขอบคุณเทียนกงที่ส่งผู้มีบุญมาเกิดใ
อี้หมิง และเฟิน เฟิน รวมถึงอู๋ไป๋ก็ไม่พลาดที่จะไปดูการไล่แมลงขององค์รัชทายาทเช่นกัน ~คุณหนูๆ เดินช้าๆ เดี๋ยวได้หกล้มหรอกเจ้าค่ะ~~ก็ข้ารีบไปหาไท่จื่อหนิ เจ้าก็เร็ว ๆ เข้าสิ~ เสียงพูดคุยของสองนายบ่าวดังขึ้นขณะที่กำลังเดินฝ่าเหล่าชาวบ้านเพื่อตรงเข้าไปหาองค์รัชทายาทที่นั่งอยู่ในซุ้มที่ทำขึ้นชั่วคราวเพื่อดูผลงานของตน "ถวายพระพรฝ่าบาท หลี่เม่ยวันนี้จะมาขอชื่มชมผลงานของฝ่าบาทด้วยเพคะ""อืม!" เฉิงอี้ครางรับในลำคอ สายตาคมยังทอดมองเหล่าทหารที่เริ่มลงไปในแปลงข้าวพร้อมถือที่จับแมลงที่ทำจากผ้าคนละอันตั้งเรียงแถวหน้ากระดานเพื่อรอคำสั่งให้ลงมือจากจางหยาง "น่าสนใจดีแฮะ ฮ่า ฮ่า" อี้หมิงอุทานออกมาเมื่อเห็นท่าทีของเหล่าทหารเสียงหัวเราะของอี้หมิง ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ไป เริ่มหันมามองแล้วต่อว่าเธอ~นางเป็นบ้าไปแล้วรึกะไร ยืนหัวเราะอยู่ได้~เฟิน เฟิน เมื่อได้ยินก็กระตุกแขนอี้หมิงให้เลิกหัวเราะซักที "พี่หมิงอี้ หยุดหัวเราะได้แล้ว ประเดี๋ยวทั้งหัวข้าและพี่ได้หลุดออกจากบ่ากันพอดี" เฟิน เฟิน ที่มองเห็นเหล่าทหารองครักษ์เริ่มหันมาจับจ้องที่พวกตนก็รีบกระซิบอี้หมิงทันทีเฮือก! อี้หมิงหันไปมองตามสายตาเฟิน เ
~เปร่ง เปร่ง ตุบ ตุบ เปร่ง เปร่ง~ เสียนค้อนเหล็กตีกระทบเข้ากับแท่งเหล็กสีแดงที่วางพาดอยู่ ทั้งสามคนยืนมองเข้าไปในร้านตีดาบอย่างขลาดกลัว ในร้านมองเข้าไปมีแต่เหล่าชายฉกรรจ์ทั้งนั้น ~เปร่ง เปร่ง ตุบ ตุบ เปร่ง เปร่ง~"ท่าน ท่าน พี่ชาย พี่ชาย"'อึก! อี้หมิงกลืนน้ำลายกับกล้ามหน้าอกและกล้ามท้องที่บัดนี้มีเหงื่อไหลตามร่องลอนกล้ามลงมา ใบหน้าหล่อเหลามีเหงื่อผุดขึ้นจนผมเปียกลู่ลงมาปิดหน้าคมคาย หล่อมาก นี่เป็นดาราได้เลยนะเนี่ย อี้หมิงคิดในใจ อร้าย! หยุดคิดอี้หมิง'~เปร่ง เปร่ง เปร่ง~ ชายตรงหน้ายังก้มเงื้อมค้อนเหล็กต่อไปโดยไม่สนใจเสียงเรียกจากร่างบางซักนิด"ไอ้บ้า หยุดก่อน"อี้หมิงเมื่อเห็นว่าเรียกยังไงชายตรงหน้าก็ไม่มีท่าทีที่สนใจตนก็ตะโดฝกนขึ้นตุบ!"เฮ้ย" อี้หมิงกระโดดหลบค้อนเหล็กที่ถูกโยนลงพื้นเมื่อครู่ได้ผลชายหน้าตาหล่อเหลาที่เปลือยอกล่ำๆหน้าตาดูไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไป และหน้าตาดูคุ้น ๆ ตาของอี้หมิงหยุดตีเหล็ก และทิ้งค้อนเหล็กลงพื้นก่อนที่จะมองหน้าเธอด้วยสายตาหงุดหงิดแล้วเดินอาด ๆ หายลับเข้าไปด้านหลังจางหยางเมื่อเห็นหญิงสาวก็จำนางได้ทันที หญิงงามชุดขาวที่ขายผักที่ท้ายตลาด นางมาทำอะไรที่นี
"สมุนไพรที่เจ้าต้องการ เจ้าต้องการมากเพียงใด เรือนข้าเป็นตระกูลพ่อค้าเก่าแก่มีสมุนไพรเก็บอยู่มากมาย ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่นัก หากมิรังเกียจข้าอยากบริจาคให้ ถือว่าช่วยชาวเมืองหลี่แล้วกัน"อี้หมิงเผยรอยกว้างสวยเต็มวงหน้าทันที เดินอ้อมโต๊ะออกมา มือคว้าจับที่แขนแกร่ง แหงนเงยใบหน้าพูดกับบุรุษรูปงามหากแต่ใบหน้าช่างไร้อารมณ์และเย็นชายิ่งนักในสายตาของเธออย่างดีใจ ผู้ใดกันจะปล่อยให้โอกาสเช่นนี้หลุดลอยไป มีผู้เสนอวัตถุดิบให้แถมไม่คิดเงิน เธอคงมิใช่คนสมองหมูถึงเพียงนั้นที่จะปล่อยให้โอกาสทองนี้หลุดไปโดยง่ายเป็นแน่"ขอบคุณท่านมาก ข้ายินดีรับโอกาสอันสุดแสนพิเศษนี้ไว้ แต่ร้านเราไม่เอาเปรียบท่านแน่นอนในเมื่อท่านยินดีบริจาคสมุนไพรให้กับเรา ไว้ข้าขอเลี้ยงอาหารซักมื้อตอบแทนท่านและสหายแล้วกัน""เช่นนั้นเจ้าเขียนเทียบสมุนไพรที่จะใช้มาเถิด เดี๋ยวให้จางหยางจัดการมาส่งที่เรือนให้ในวันพรุ่ง""อี้หมิง เจ้าเขียนเทียบมาเลยข้าจะคัดของดี ๆ มาให้นะ"จางหยางที่เพลิดเพลินกับการมองร่างอ้อนแอ่นตรงหน้าพูดเจื้อยแจ้วจัดการงานต่าง ๆ ก็ถึงคราวได้เอ่ยออกมาอย่างกระตือรือร้น"ขอบคุณท่านมากจางหยาง มู่เฉินด้วย ข้าฝากด้วยนะ"รอยย
ผ่านไปเพียงชั่วยามเหล่าบรรดาลูกค้าที่มาให้ร้านเทียนฝูได้รับใช้ก็ทยอยเดินกลับ จนลูกค้าคนสุดท้ายก้าวย่างออกไป"เฮ้อ ปิดจ๊อบสักที อื้อ"ร่างบางชูแขนขึ้นเหนือศีรษะ ยืดตัวบิดขี้เกียจไปมา ก่อนจะเอนศีรษะซบลงที่บ่าเฉิงอี้อย่างลืมตัว'ฟู่'ลมหายใจหนัก ๆ ถูกผ่อนออกมา ก่อนจะปิดเปลือกตาลงนิ่ง ๆ หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการจับพู่กันไปมาทั้งวัน แม้ชายที่นั่งข้างเคียง จะอาสาช่วยเขียนอยู่บ้างแต่ก็ยังคงเมื่อยอยู่ไม่น้อย'อึก'เฉิงอี้กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ รู้สึกราวเวลารอบข้างหยุดหมุน คิ้วคมขมวดเล็กน้อย เกร็งตัวขึ้นทันทียามที่ศีรษะทุยเอนซบลงมา สตรีนางนี้หาได้รู้ที่ต่ำที่สูงไม่ นางช่างไม่รู้รึไรการกระทำตอนนี้ของนางต้องโทษถึงประหารเชียว ตาคมเหลือบมองใบหน้าขาวผ่อง ไล้ลงมาที่จมูกเล็กโด่งเป็นสัน ปากบางชมพูจิ้มลิ้มราวดอกเหมยบาน เฉิงอี้เจ้าคงสติฟั่นเฟืองเสียแล้วกระมังถึงได้เผลอมองว่านางช่างน่ารักยิ่งนักยามเมื่อหลับตาพริ้ม พอได้สติจากภวังค์จึงค่อย ๆ ยื่นนิ้วออกไปค่อย ๆ จิ้มออกแรงเขี่ยศีรษะเล็ก ๆ ให้พ้นจากบ่าแกร่งของตน ก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยลุกขึ้นเดินตรงไปหาจางหยาง และมู่เฉินด้วยสีหน้าเย็นชาดังเดิม หากแต่เพียงผู้ใด
ร่างของชายอวบอ้วนพุงย้วย ที่กำลังพยายามก้มลงไปในโอ่งดิน ช่างดูทุละทุเลยิ่งนักในสายตาทุกคน มือด้านซ้ายใช้ค้ำดันโอ่ง ส่วนด้านขวาล้วงเข้าลงไปด้านในโอ่ง และด้วยส่วนสูงที่ต่างจากโอ่งไม่มากนัก ทำให้ใบหน้าของเขาแนบลงไปกับปากโอ่ง มือคว้ากำเข้าที่ลำต้นของผักบุ้งอวบคราแรกออกแรงดึงเบา ๆ ตามความคิดที่ว่ามันถูกปักไว้เพื่อพรางตาผู้คน 'เอ๋ หึ ปักมาแน่นกันเชียวนะ คิดว่าเท่านี้ข้าจะเชื่อรึ'ครานี้ก้มลงและกำลำต้นผักบุ้งแน่นกว่าเดิม ก่อนจะออกแรงดึงอย่างแรง ~ฮ่า ๆ มาดูกันคนเจ้าเล่ห์อย่างพวกเจ้าคิดจะมาหลอกลวงข้ารึ~"ฮึบ! ฮึบ"ออกแรงดึงสองครั้งต้นผักบุ้งก็ยังไม่ติดมือขึ้นมา ครานี้กำแน่นกว่าเดิม ใบหน้าเกร็งยู่ เม้มปากแน่น ย่อตัวออกแรงแล้วดึงขึ้นเต็มแรง"เฮ้ยย!"ต้นผักบุ้งขาดออกตามแรงดึง ร่างอวบอ้วนเซหงายหลัง ดวงตาเบิกโพล่งมู่เฉินที่เห็นร่างอ้วนท่วมเซหงายหลังมาทางตนจึงใจดี ยกเท้าขึ้นค้ำยันหลังไว้ ก่อนจะออกแรงถีบออกไป ร่างชายอ้วนจากตกใจคราแรกที่จะหงายหลังยังไม่ทันหาย กลับต้องตกใจอีกรอบเมื่อครานี้เซถลากลับมาด้านหน้า"เฮ้ยๆ"มือปล่อยผักบุ้งทิ้ง มือสองข้างรีบคว้าจับปากโอ่งเพื่อยั้งตัวไว้ "แฮ่ก ๆ เกือบไปแล้ว
"เชิญนั่งเจ้าค่ะ ท่านป้า" อี้หมิงเผยมือเชื้อเชิญลูกค้าให้นั่งลงเพื่อที่จะได้สอบถาม ถึงผืนนา และเมื่อสนใจ ก็จะได้ทำสัญญาให้แล้วเสร็จ"ท่านป้า ท่านป้าเพียงแค่สนใจน้ำหมักของข้า รึวันนี้จะให้ร้านเทียนฝูของเรารับใช้เจ้าคะ""ช่วยด้วยเถิดนังหนู นาข้าวข้าใกล้ตายเต็มทีแล้ว เท่าไหร่ก็เต็มใจจ่าย ใบข้าวล้วนเหลือง แห้งเหี่ยวลงทุกวันจริงเชียว"หญิงตรงหน้าเอื้อมมือมาจับมือของนางอย่างขอร้อง ก่อนเอ่ยด้วยสีหน้าอมทุกข์ ดวงตามีกระแสความท้อแท้พาดผ่าน น้ำเสียงเจือสะท้อนความหนักใจออกมาเฉิงอี้เห็น และได้รับฟังความทุกข์ของชาวบ้านก็เกิดสะท้อนในอก ด้วยหลากหลายอารมณ์รู้สึก ถึงแม้นว่าจะสามารถคลี่คลายสถาการณ์ราคาข้าวได้แล้ว แต่ยังมีโรคระบาดที่ยังไม่มีทีท่าจะทุเลาลงเลยสักนิด หวังก็แต่หญิงประหลาดที่เคียงข้างตนยามนี้จะสามารถแก้ปัญหาได้ดังเช่นนางเอ่ย ก่อนจะถอนสายตากลับมามองหญิงชาวบ้านตรงหน้าอย่างสนใจ"ช่วยได้แน่นอนท่านป้า ว่าแต่ท่านป้าจะให้ข้าช่วย ขอถามผืนนาท่านที่ต้องการให้ช่วย มีอยู่เท่าใดกัน""เอ่อ ไม่เยอะหรอก"ลูกค้านางทำสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ"เท่าไหร่เจ้าคะ""เอ่อ 10 หมู่ถ้วน เจ้าพอจะช่วยข้าได้รึไม่"10 หมู่ โฮ
อี้หมิง ใช้สองมือน้อย ๆ ออกแรงผลัก แต่ต่อให้ดันอย่างไรชายหน้านิ่งก็หาได้ขยับเขยื้อนไม่ นี่มันคนรึหินผากันนะ "นี่ เจ้า!""เงียบ จะขายรึไม่ ข้ากำลังช่วยเจ้าอยู่"เฉิงอี้ที่เริ่มหงุดหงิดหันไปใช้สายตาคมดุจพญาเหยี่ยวที่และใบหน้างดงามหล่อเหล่าที่เรียบนิ่งขู่ร่างบางที่ขยับขยุกขยิกไปมาทำให้แขนนางถูไถไปมากับแขนแกร่งของตนอย่างไม่ตั้งใจ อี้หมิงชะงักเล็กน้อย ฮึ! ดีเช่นกันให้เจ้าคนหล่อหน้านิ่งนี่ช่วยขายก็ดี ข้าจะได้ไม่เปลืองแรง ลองดูสักตั้งก็ได้ "นี่ ๆ เจ้า ไปนั่งข้างนางได้เยี่ยงไร ออกมาเลย ๆ"อู๋ไป๋เอ่ยรัวออกมาอย่างร้อนรน เมื่อเห็นชายหนุ่มที่ดูจากอาภรณ์ที่สวมใส่ก็รู้ว่ามาจากตระกูลที่ร่ำรวย เข้าใกล้หญิงที่ตนหมายปอง"อู๋ไป๋ ๆ ไม่เป็นไร ๆ คุณชายท่านนี้มาช่วยข้าขายก็ดี เราจะได้ขายหมดเร็ว ๆ ไง นะ ไม่มีสิ่งใดต้องกังวลไปหรอก แค่ขายของเท่านั่น "อี้หมิงพูดกับอู๋ไป๋ก่อนหันมามองเจ้าคนหน้านิ่งที่บัดนี้หันมามองที่เธอเช่นกัน จะว่าไปหนุ่มยุคนี้นี่ช่างหน้าตาดีเสียจริง ใบหน้าเช่นนี้นี่ยุคปัจจุบันน่าจะเป็นดาราดังได้สบายเลยหล่ะ รึไอดอลก็ได้เลยนะเนี่ย"ฮ่า ฮ่า ฮึบ ฮ่า"หมิงอี้หลุดขำออกมาเสียมิได้ เจ้าตัวพยายามกล
บัดนี้เข้ายามเฉินแล้ว (07.30 น.) แต่กลับยังไร้เงาผู้คน อี้หมิงแอบใจเสียมิน้อย ไม่ต่างจากเฟิน เฟิน และอู๋ไป๋ ที่บัดนี้ต่างกระวนกระวายไม่แพ้กันแต่ก็ยังมิได้มีผู้ใดเอื้อนเอ่ยประโยคใด ๆ ออกมา ของที่อยู่บนรถเข็นในที่สุดก็ทยอยถูกยกลงจนหมด ป้ายชื่อร้านที่หยิบติดมือมาด้วยถูกอู๋ไป๋นำไปปักไว้ด้านหน้า ส่วนโอ่งทั้ง 4 ใบ เหล่าคนงานและบุรุษทั้งสามที่ขอมาด้วยต่างช่วยกันเข็นย้ายวางเรียงอย่างเป็นระเบียน โต๊ะไม้ถูกยกออกมาเพื่อวางแท่นหมึกและกระดาษ ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแต่ก็ยังไร้เงาผู้คนจนทำให้เจ้าของร้านสาวอดใจเสียมิได้ส่วนอี้เฟิน กับเฟิน เฟิน ทั้งสองกำลังช่วยกันติดเตาเพื่อทำซุปถั่วงอก และผัดยอดอ่อนผักบุ้ง เพื่อแจกให้ผู้คนที่มาซื้อน้ำหมักได้ลิ้มลองรสชาติของผักร้านเทียนฝู นับว่าเป็นกลยุทธ์การขายที่แปลกอีกอย่างหนึ่งของร้านลูกสาวนาง ที่ใช้ได้ผลมาแล้ว"อ้าวเฮ้ย! นั่นผู้ใดกันมาทำสิ่งใดที่แปลงนาของข้า"เสียงชายเจ้าของแปลงนาตะโกนถามไถ่ใคร่สงสัยมาแต่ไกล ก่อนที่เจ้าตัวจะแบกจอบเดินมาถึง"อ้าว ท่านลุง ข้าเอง! วันนี้พวกข้ามาตั้งร้านขายน้ำหมักหนะ""อ้าวเรอะ!"ชายเจ้าของแปลงนาไล่สายตามองดูข้าวของที่ตั้งเรียงรายใต
"หมิงอี้ พวกข้ามาแล้วล่ะ"อี้หมิงเงยหน้ามองเสียงทุ่มห้าว อ่า! เป็นมู่เฉินกับสหายของเขานั่นเอง มองเลยไหล่หนาบึกบึนของมู่เฉินและจางหยางไปก็พบเข้ากับใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นักของชายอีกคน"อ้าว มาพอดีเลย ท่านแม่ เฟิน เฟิน อู๋ไป๋ นี่สหายข้า มู่เฉิน นี่จางหยาง แล้วนี่.."อี้หมิงเว้นจังหวะพูด ด้วยไม่แน่ใจว่าหากเอ่ยออกไปชายหนุ่มจะแย้งกลับมารึไม่ จากหลายคราที่เจอกันนับว่าห่างไกลคำว่าสหายอยู่มากโข"อ๋อ นี่เฉิงอี้"เป็นมู่เฉินที่เอ่ยความกระจ่าง"อ๋อ แล้วกินข้าวกินปลากันมารึยังล่ะ ถ้ายังพอดีเลย มากินด้วยกันสิ หากไม่รังเกียจ ข้าเตรียมอาหารเสร็จพอดี ร้อน ๆ เลยนะ"อี้เฟิน กล่าวต้อนรับสหายของบุตรสาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แม้นในใจจะคุ้น ๆ กับใบหน้าของชายหนุ่มนามเฉิงอี้อยู่มิน้อย ใบหน้าเช่นนี้คับคล้ายคับคราว่าเคยพบเจอที่ใดมาก่อน ก่อนจะปัดความคิดทิ้งไปหันมาสนใจบุตรสาวและสหายของนางแทน ที่บัดนี้กำลังช่วยกันยกโอ่งผักขึ้นใส่รถที่เตรียมไว้ "ฮ่า เสร็จเสียที เล่นเอาเหงื่อตกเช่นกันนะเนี่ย!"อู๋ไป๋ยกมือขึ้นซับเหงื่อที่ผุดออกมาที่หน้าผากกว้าง ในขณะที่ทุกคนสภาพเช่นเดิม ไม่มีแม้แต่เหงื่อเลยซักนิด คนพวกนี้ไร้เหงื่
"ฮ่า ฮ่า เฉิงอี้ ๆ ฮ่า ฮ่า ยอมแล้ว ๆ ข้า ฮ่า ๆ จะไม่ทำอีกแล้ว ฮ่า ฮ่า หยุด ที ฉะ ฮ่า ฮ่า"ร่างสูงใหญ่ขององครักษ์หนุ่มบัดนี้ ถูกมัดยืนติดเสาหลักไม้กลางตำหนักใหญ่ใบหน้าเบ้บิด ส่งเสียงหัวเราะห่าวอกมาไม่ขาด จนใบหน้าคมคายที่ยามปกติจะนึ่งขรึมแทบตลอดเวลาบัดนี้กลับแดงก่ำ น้ำหูน้ำตาไหลยามเมื่อเจ้าตัวส่งเสียงหัวเราะขำขันออกมาอย่างเสียมิได้ยามเมื่อขนนกยาวใหญ่ปัดป่ายไปมาตามจุดต่าง ๆ ของร่างกายแกร่ง ไม่ว่าจะเป็น รักแร้ ใบหู ใบหน้าบทลงโทษจากเฉิงอี้หาใช่การต่อยตี รึลงดาบ ใช้โซ่แส้ไม่ หากแต่เป็นการจับมัดแล้วใช้ขนนกปัดป่ายไปมาถึงจะสาสมกับองครักษ์หนุ่มของตน หากใช้วิธีทางทหารละก็จางหยางที่เปรียบดังเช่นก้อนหินผา เกรงว่าจะไม่สะทกสะเทือนซักเพียงใดนัก"อึก!"มู่เฉินที่นั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น กลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ เมื่อเห็นการลงโทษจากองค์ชายของตน หากแม้นเป็นการลงโทษทางทหารพวกตนหาได้หวั่นใจไม่ แต่ใช้วิธีนี้บอกตรง ๆ ว่าตนขยาดยิ่งนัก"ต่อไปพวกเจ้าจะสนใจหญิงงามมากกว่าข้าอีกรึไม่"เฉิงอี้เอ่ยถามอย่างเอาแต่ใจ ทั้งสามเติบใหญ่มาด้วยกัน เขาล้วนได้รับความสนใจและปกป้องจากองครักษ์หนุ่มมาตลอด แม้นสถานะแตกต่างแต่เฉิงอี
"เจ้าจะเอาหนังสือไปทำสิ่งใดกัน"อี้หมิงเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงห้าวที่ถามขึ้นอย่างมีความหวัง"ข้าจะเอาไปจดทำบัญชีวันพรุ่งนี้หนะ วันพรุ่งร้านของข้าจะไปเปิดรับกำจัดโรคระบาดในแปลงนา เลยจำเป็นต้องทำบัญชี""ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดถึงต้องทำบัญชีเล่า จัดการการเงินของร้านรึ"เป็นจางหยางที่กอดอกฟังเงียบ ๆ เอ่ยถามขึ้นมาอย่างใคร่สงสัย"อ่อ นั่นส่วนนึง ข้าจะเปิดให้ลงบัญชีมัดจำไว้ได้ก่อนครึ่งนึงหนะสำหรับชาวบ้านคนไหนที่ยังไม่มั่นใจในร้านของข้า ""อ๋อ เป็นเช่นนี้ น่าสนใจจริงเชียว งั้นพวกข้าขอไปดูเจ้าขายได้รึไม่ การค้าขายเช่นนี้ข้ายังมิเคยเห็นผู้ใดทำมาก่อน ช่างน่าสนใจเสียจริง"มู่เฉินเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้น ก่อนจะหันไปหาเฉิงอี้ผู้เป็นนายด้วยสีหน้าอ้อนวอนไม่เว้นแม้แต่องครักษ์หนุ่มที่มองมาเช่นกัน"แล้วแต่พวกเจ้าสิ แต่ข้ามิไป"พูดจบก็หมุนตัวเดินออกไปจากที่อี้หมิงยืนอยู่ ท่าทางของชายหนุ่มสร้างความฉงนให้กับทั้งสามคนที่ยังยืนอยู่ไม่น้อย แต่เพียงชั่วครู่ ชายทั้งสองที่ยังยืนอยู่กับเธอก็เอ่ยเสนอความช่วยเหลือออกมา"หากเจ้ามิรังเกียจ ข้ายังพอมีแท่นหมึกและกระดาษเหลืออยู่บ้าง หวังว่าจะช่วยเจ้าได้อยู่มิน้อย""ดีเลย