สาวน้อยร่างโปร่งปราดเปรียวพาตัวเองเข้ามาในตัวบ้านและเจอกับลุงหมูเจ้าบ้านที่ยังไม่ได้ออกไปทำร้าน หล่อนเอ่ยร่าเริงว่า
“วันนี้หยุดค่ะ จะมาคุยกับป้านิดซักหน่อยเรื่องให้ออกแบบห้องน้ำ”
รอยยิ้มของหล่อนนำพาเอาความสดใสมาสู่ผู้รับทุกคน...อาจจะเพราะวัยและเพราะการมองโลกในแง่ดีของหล่อนด้วยก็เป็นได้
ลุงหมูหรือทรงชัยบอกตัวเองว่าได้เห็นสาวน้อยคนนี้นับจากเยาว์วัยได้รู้เห็นในพัฒนาการของการเติบโตนั่นมาโดยตลอด อาจจะเพราะดาวเรืองนั้นแม้จะรักลูกสาวมากแค่ไหนก็ยังเข้มงวดกับเรื่องบางเรื่องกับเดือนพิลาสอยู่มากทีเดียว เขาไม่เคยได้เห็นหรือได้ยินคำบอกเล่าใดๆ ว่าเดือนพิลาสก็เหมือนลูกครึ่งไทยอเมริกันจำนวนหนึ่งที่แข็งกระด้างกับพ่อแม่ทำตัวไม่ค่อยจะน่ารักอะไรแบบนั้น หล่อนน่ารัก เรียนดีประพฤติดี และเขาก็รู้ว่าดาวเรืองต้องการส่งหล่อนกลับไปอยู่เมืองไทยในวันหน้า...แต่ก็ไม่อยากฝืนใจลูกสาว
...ตามใจแอนนี่เสมอ ไม่ว่าจะตัดสินใจยังไง เรียนจบแล้ว แอนนี่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ลุคส์กับดาวเรืองไม่อยากไปบังคับลูก...
เขาเองยังมองไม่เห็นว่าทำไมเดือนพิลาสจะกลับบ้านนอกเสียจากว่าจะโดนทางบ้านยายขอให้กลับ
นางดวงยายของเดือนพิลาสอยากได้ตัวหลานสาวกลับบ้านเสียเหลือเกิน
“ที่ฝึกงานน่ะเป็นไงบ้าง”
“ก็ดีนะคะ แต่แอนนี่ยังไม่แน่ใจว่าจะทำงานต่อเลยหรือเปล่า เพื่อนชวนลงไปเท็กซัส ไปทำงานที่คาสิโน แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจ”
“ไม่ดีนา ไปทำงานให้คาสิโนน่ะ” ทรงชัยทำเสียงล้อๆ
“แม่ก็ไม่อยากให้ไปค่ะ แต่ซัมเมอร์บางทีแอนนี่จะกลับบ้านไปหายาย”
“ทำไมไม่ชวนยายมานิวยอร์ก”
เท่านั้นเองที่เดือนพิลาสหัวเราะออกมาเต็มเสียง “ให้ยายขึ้นเครื่องบินน่ะยากพอๆ กับหาทางให้ยายมีปีกบินเอง”
ทรงชัยหัวเราะตามไปด้วย
“ตกลงจะกลับบ้านที่อุบล”
“ค่ะ ลุงหมู กลับไปหายายสักพัก ยายอยากให้แอนนี่ไปอยู่ด้วย”
“ระวังน้า” ทรงชัยทำเสียงล้อๆ “ยายดวงจะเอาตัวแอนนี่ไว้ร้องเพลงที่ร้าน”
“อุ๊ย...แอนนี่ร้องไม่เก่งหรอก ไปร้องให้ขายหน้าเปล่า”
“แต่มีคนชมแอนนี่เสียงดี...คืนก่อนน่ะมีคนชมกันเต็มที่”
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
กระดาษแผ่นหนึ่งถูกกางสุดมือของหญิงวัยห้าสิบตอนปลายแต่ยังดูแข็งแรง...และยังดูสาวแถมยังมีเค้าออกสวยเสียด้วย...นางดวง เดชขาวนั่นเอง...ดึกคืนนี้หลังจากปิดร้านอีสานรสแซบแล้ว คนในร้านที่เป็นลูกๆและเครือญาติอีกทั้งคนงานยังอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ไวภพเพิ่งจะเอากระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากห้องของเขา
“อีเมล์จากแอนนี่” เสียงบอก
“อ้อ…อีแมวมาเรอะ” เสียงยายดวงบอกว่ายินดี “ไหนๆ เอามาอ่านหน่อย”
นางไม่รู้จักอีเมล์ แต่นางเรียกเองว่า “อีแมว” และมันก็ส่งผ่านมาง่ายดายมาก...ตอนที่มีเครื่องรับส่งโทรสารหรือแฟกซ์นั่นนางก็ว่ารวดเร็วนักหนาที่สามารถส่งผ่านข้อความจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งโดยไม่ต้องพูดกัน แค่เอากระดาษสอดใส่แต่ตอนนี้เร็วยิ่งกว่านั้น ประหยัดกว่านั้น ไวภพหลานชายมีคอมพิวเตอร์เก่าๆ อยู่หนึ่งเครื่อง แต่เขาก็บอกว่าเก่าเฉพาะเครื่องภายนอกภายในนั้น “อัพเดท” อยู่ตลอดเวลา...มีการส่งจดหมายที่นางรู้ว่ามันเป็นจดหมายพิเศษ เขาเรียกกันเป็นทางการว่าจดหมายอีเล็กทรอนิกส์ หรืออีเมล์...แต่นางก็ออกเสียง “เมล์” ไม่สะดวก หลายชายเลยให้นางเรียก “อีแมว”
...ใครๆ ก็เรียกกัน...
นางดวงจำได้ว่า อีเมล์ที่ใช้กันนั้นเป็นของฮอทเมล์ เรื่องนี้ไวภพมาอำนางหน้าตาเฉยว่า
...ยายรู้ไหมฮ็อทเมล์นี่คนลาวคิดนะ...
จำได้ว่านางตื่นเต้นเป็นอันมาก ก็ลาว...บ้านอ้ายน้องแค่น้ำโขงกั้นนี่เอง “ไฮเทคขนาดมีฮอทเมล์ด้วยเชียวหรือก่อนไวภพจะมาเฉลยว่า
...ก็ฮอทเมล์ มาจากฮอด คิดฮอดไงล่ะ คิดถึงกันมากละเด้อ เลยเขียนจดหมายส่งมาเป็นฮอทเมล์...
นางโดนอำ แต่นางก็จดจำเรื่องพวกนี้เอาไว้ นางพยายามจะไฮเทคเพราะว่ามีลูกเขยฝรั่งนั่นเอง แถมหลานสาวคนสวยก็เป็นลูกครึ่งฝรั่งอยู่ถึงเมืองนิวยอร์ก เมืองที่นางดูจากภาพดูจากข่าวทีวีเห็นแต่ตึกสูงๆ มากมายไปหมด
ตอนนี้เดือนพิลาสส่งอีแมวมาอีกแล้ว นางเร่งไวภพให้อ่านเร็วๆ
“แอนนี่เขียนมาว่ายังไง”
นางกำลังพักผ่อน วันนี้เหนื่อยตำบักหุ่งจนเส้นสายอ่อนล้า...นั่งเหยียดแขนเหยียดขาให้ว่าที่หลานสะใภ้ อินทิรา ขยำนวดไปพลางๆ...อินทิราแม่สาวน้อยหน้ามน...ซุ่มเสียงลูกคอแม้จะไม่ถึงสิบชั้นอย่างนักร้องลูกทุ่งหนุ่มคนดังแต่ลีลาลูกคอของอินทิรานั้นไม่แพ้ใคร...ละแวกย่านนี้ อินทิรา นาแจ่ม โด่งดังพอตัว...ลูกคอเพลงน้องนางบ้านนาของหล่อนนั้นถือกันได้ว่าสุดยอดคนหนึ่ง อินทิรามาเข้าวงพิณเพลินของวีระลูกชายนางตั้งแต่อายุสิบแปด ร้องเพลงเล่นๆ มากกว่าจะจริงจังแต่สุดท้ายก็ได้ทำเทปออกมาแล้วเดินสายแสดงแถวนี้ รวมทั้งร้องเพลงที่ร้านของนาง
คิดว่าปีหน้าจะแต่งไวภพกับอินทิรา เอาแม่สาวตระกูลนาแจ่มมาเป็นพวกเดชขาวอีกคน
ไวภพนั่งอ่านอีเมล์ที่พริ้นท์ออกจากเครื่องใส่กระดาษถามคนเป็นยายว่า
“จะให้อ่านภาษาอังกฤษหรือให้พากษ์ไทย”
นางค้อนหลานชาย “ภาษากะเหรี่ยงไม่ฟัง...ขอพากษ์ไทย”
“ใส่เสียงในฟิล์มด้วยเน้อ” อินทิราแทรกขี้นมา หล่อนโดนนางดวงเขกหัวไปทีหนึ่งหัวเราะแหะๆ
...ยายจ๋า แอนนี่กำลังจะฝึกงานจบแล้ว ซัมเมอร์นี้อาจจะกลับมาเมืองไทยหากยายต้องการให้แอนนี่กลับ คิดถึงยาย คิดถึงทุกคน วันก่อนแอนนี่ไปร้องเพลงที่ร้านลุงหมู เอาเพลงน้องนางบ้านนาของอินทิราไปร้องด้วยคนชอบใจกันใหญ่ จะกลับไปช่วยอินทิราร้องเพลงนะ...
นางดวงหัวเราะชอบอกชอบใจ...
“ลูกฝาหรั่งร้องเพลงอีสานบ้านเฮา...เฮอะ...”
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
พิมสิริก้าวเข้ามาในเขตบ้านที่ผ่านพ้นจากรั้วไม้เก่าๆ บางตอนก็เอาสังกะสีไปปะปิดเอาไว้ รถของหล่อนจอดแอบริมรั้ว...ก็น่ากลัวอยู่ว่ารถเข้าออกซอยแคบๆนี้จะเบียดไปก่อนหรือเปล่าแถมด้วยเด็กๆ ที่วิ่งเล่นกัน...หล่อนกลัวจะโดนขูดขีด...เมื่อสักครู่หล่อนก็จ่ายเงินค่าขนมเด็กๆ เป็นค่าจ้างเฝ้ารถไปแล้ว พอเข้ามาไม่ทันถึงในบ้านก็ได้ยินเสียงด่ากัน...เสียงที่คุ้นชิน...เสียงแหลมๆ ของแม่ว่าโกรธ เสียงอ้อแอ้ของพ่อที่บอกว่าเติมดีกรีเหล้าเข้าไปแล้ว...ตามมาด้วยเสียงภาชนะบางอย่างกระทบกัน...
เดือนพิลาส หรือ แอนนี่ ลูก แม่ดาวเรือง กับ พ่อลุคส์ หรือ เจ้ากุ๊ก หลาน ยายดวงเดินทางกลับบ้านช่วงซัมเมอร์ หลังจากเกิดวิกฤต 911 เมื่อปี 2544เธอตกบันไดพลอยโจนเป็น นักร้องหมอลำ เมื่ออินทิรา นักร้องวงพิณเพลินประสบอุบัติเหตุเธอต้องขึ้นเวทีชีวิตจะสนุกสนานเฮฮาแค่ไหนกันหนอ ในนามเดือนเด่น แดนดาวMOONLIGHT STARLANDกับตำนานตำมั่วของยายดวงกับตำนานเพลงหมอลำที่สาวฝรั่งลำได้เสนาะหูด้วยลูกคอสามชั้นช่วงเวลาซัมเมอร์ที่หัวใจเธอเผลอรัก จะทำให้เป็นรักนิรันดร์ไหมถามหาหัวใจ ได้เลยนิยายสนุก ไม่เครียดค่ะ ------------------------------------------------- หญิงสาวสวยอายุประมาณยี่สิบสองก้าวลงจากรถที่มาจอดให้ตรงทางเท้าเข้าสู่ร้านอาหารไทยขนาดใหญ่ที่คืนนี้จะมีการจัดงานเลี้ยงชุมนุมคนไทยที่มาอยู่ในละแวกย่านนี้ แม่ของหล่อน...ดาวเรือง เป็นผู้ประสานงานของงานที่จัดหาเงินหนนี้...เป็นงานหาทุนเพื่อจะส่งกลับไปยังประเทศบ้านเกิด...ก็ที่เมืองไทย ตัวหล่อน เดือนพิลาส เป็นลูกครึ่งไทยอเมริกัน พ่อของหล่อน มิสเตอร์ลุคส์ เป็นวิศวกรที่ถูกส่งไปทำงานที่เมืองไทยก่อนหล่อนจะเกิด แล้วพบแม่ที่เป็นนางพยาบาลเพราะมิสเ
เดือนพิลาสเข้ามา...ข้างหลังร้านชุลมุนเพราะไหนจะส่วนทำอาหาร ไหนจะส่วนแต่งตัว...ที่แบ่งกั้น...เพราะจะมีการแสดง...ที่จริงลุงหมูอยากจะไปจัดที่บ้าน แต่ก็จะไม่สะดวกเรื่องขนย้ายครัวใหญ่ไปด้วย...เพราะนี่เป็นงานระดับชุมนุมคนมาก ไม่ใช่แค่คนกันเองที่จะไปปาร์ตี้ที่บ้าน หล่อนเจอพ่อแล้ว พ่อเข้ามาตามหาหล่อนพอดี...หล่อนสูงไม่เท่าพ่อเพราะพ่อตัวสูงมาก...หล่อนสูงแค่ไหล่พ่อเท่านั้นเอง พ่อโอบกอดหล่อน“พร้อมหรือยัง เหนื่อยไหมลูก”“ไม่เหนื่อยค่ะ เดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บ...คิวเพลงแอนนี่มาถึงหรือยัง”หล่อนชอบร้องเพลง...ไม่ถึงขนาดอยากเป็นนักร้องมีเทปเพลงตัวเอง แต่หล่อนก็มีแววทางนี้อยู่พอตัว...หล่อนผลัดเสื้อผ้าชุดแรกออกแล้ว...ชุดสาวอีสาน...แม่เข้ามาพอดี ดาวเรืองพิศมองลูกสาว...แววตาบอกความรักและภูมิใจ“แอนนี่...เร้ว...ได้เวลาพอดี”หล่อนออกมาปรากฏตัวบนหน้าเวทีแล้วขึ้นเพลง “น้องนางบ้านนา” พร้อมกับลีลาที่ซ้อมมาก่อนหน้าแล้ว ก็หล่อนดูจากเทปเพลงของอินทิราในชุดน้องนางบ้านนา...หล่อนทำเลียนแบบอินทิราได้ทุกอย่างทีเดียว...และเพลงนี้หล่อนก็เรียกเสียงปรบมือได้เกรียวกราว...ก่อนจะถอยกลับลงมายังมีเพลงคั่นอีกสามเพลงแล้วจะเป็นคิ
สัตยายืนอยู่ด้านข้างของมุมนี้ มองทอดตาไปบนเวทีที่ยกพื้นขึ้น พิมสิริอยู่บนนั้น อยู่กับความเป็นพรีมที่รู้จักกันติดปากไปทั่วเมือง เขามีส่วนเสริมสร้างหล่อนมาด้วยการชวนหล่อนออกจากค่ายเทปเก่ามาเปิดบริษัทเทปเล็กๆ แล้วให้พรีมได้ทำเพลงชุดแรกจะเรียกว่าเป็นดวงหรือความสามารถก็ยากจะเดาได้ แต่นั่นทำให้บริษัทเล็กๆ ของเขาสามารถผงาดเด่นขึ้นมาได้ พรีมโด่งดังไปทั่วประเทศและนอกประเทศ มีคิวโชว์ร้องเพลง มีงานเสริมเข้ามาและเขาก็สามารถทำรายได้ให้กับบริษัทได้สูงนอกเหนือจากงานอื่นที่รับอยู่...นักร้องเบอร์หนึ่งของบริษัทประสบความสำเร็จก็มีนักร้องคนอื่นเข้ามารอการปั้น...แต่เขายังรีรออยู่ ไม่ใช่เพราะไม่มีเงินทุนแต่เพราะพรีมไม่ยอมพิมสิริคิดว่ามีหล่อนก็เหลือจะพอ…จะมีคนอื่นอีกไม่ได้นะคะ คุณ…เขาไม่อยากขัดใจพรีม...หล่อนขอเขาและหล่อนทำท่าแง่งอน...เขาออกจะเอาใจหล่อน...ไม่เพียงเพราะหล่อนทำรายได้ให้บริษัทแต่เพราะเขารักหล่อนด้วยเขาชวนพรีมออกจากที่เก่าเพราะเรื่องของหัวใจ...เขารักพิมสิริ หวังจะส่งเสริมหล่อน...และความรักก็ดำเนินไปเงียบๆ ไม่เปิดเผยออกนอกหน้า...เขากับหล่อนมีความสัมพันธ์ทางกายกันแล้ว...เว้นแต่ว่ายังไปไม่ถึ
เขามีอาการเหมือนเกร็งทันที“แม่ผมทำไมหรือ พรีม”“เธอไม่ชอบพรีมนะคะ คุณยะลืมเหรอ”คิ้วเขาขมวดหากัน “พรีมคิดมากไปหรือเปล่า”“ไม่มากล่ะค่ะ เธอไม่ชอบพรีม” หล่อนยืนยัน แล้วหัวเราะแค่นๆ ออกมา “พรีมไม่อยากได้ยินอะไรรู้ไหมคะ คุณยะ”“อะไรล่ะ”“เคยได้ยินไหมคะ...คำพูดที่เค้าพูดกัน...ว่าแม่กับเมียน่ะจะทำให้คนกลางลำบากใจ...แล้วพรีมไม่อยากไปโดนแม่คุณกระแทกว่าเพราะพรีมนอนคุยนอน ทูลกับคุณ ทำให้คุณเข้าข้างพรีม”เขาชะงัก...มองหน้าพิมสิริ หล่อนหัวเราะ บอกหน้าตาเฉยต่อมาว่า “พรีมพูดเล่น”แต่ก็ทำให้เขาเงียบไป...แม่กับพรีม...เฮ้อ...เรื่องนี้ยากนักสำหรับเขา...ทำใจลำบาก...เขาเคยปรึกษากับทัสนาน้องสาวเขา หล่อนบอกว่า...พี่ยะพร้อมแค่ไหนล่ะคะ หากรักเพียงพอ แม่ก็เข้าใจลูกชายเสมอ ไม่ใช่นาเข้าข้างแม่ แต่นาอยากบอกว่าแม่ยอมได้ทุกอย่าง ทีนี้ก็อยู่กับพรีมละ ว่าจะเข้าใจแม่บ้างไหม เข้าใจพี่ยะแค่ไหน นาไม่เชื่อนะคะว่าต่างไม่ต้องปรับตัวเข้าหากัน คนเราจะมาอยู่ด้วยกัน จะต้องปรับ ไม่ปรับเลยก็ไม่ได้ พรีมท่าทางแข็ง แม่เราก็เป็นผู้หญิงเก่ง คุมงานบริษัทที่พ่อทิ้งไว้ให้ แล้วดูแลเรามาจนป่านนี้ พี่ยะคิดให้ถี่ถ้วนก่อนก็ดีนะคะ...“นะค
สาวน้อยร่างโปร่งปราดเปรียวพาตัวเองเข้ามาในตัวบ้านและเจอกับลุงหมูเจ้าบ้านที่ยังไม่ได้ออกไปทำร้าน หล่อนเอ่ยร่าเริงว่า “วันนี้หยุดค่ะ จะมาคุยกับป้านิดซักหน่อยเรื่องให้ออกแบบห้องน้ำ”รอยยิ้มของหล่อนนำพาเอาความสดใสมาสู่ผู้รับทุกคน...อาจจะเพราะวัยและเพราะการมองโลกในแง่ดีของหล่อนด้วยก็เป็นได้ลุงหมูหรือทรงชัยบอกตัวเองว่าได้เห็นสาวน้อยคนนี้นับจากเยาว์วัยได้รู้เห็นในพัฒนาการของการเติบโตนั่นมาโดยตลอด อาจจะเพราะดาวเรืองนั้นแม้จะรักลูกสาวมากแค่ไหนก็ยังเข้มงวดกับเรื่องบางเรื่องกับเดือนพิลาสอยู่มากทีเดียว เขาไม่เคยได้เห็นหรือได้ยินคำบอกเล่าใดๆ ว่าเดือนพิลาสก็เหมือนลูกครึ่งไทยอเมริกันจำนวนหนึ่งที่แข็งกระด้างกับพ่อแม่ทำตัวไม่ค่อยจะน่ารักอะไรแบบนั้น หล่อนน่ารัก เรียนดีประพฤติดี และเขาก็รู้ว่าดาวเรืองต้องการส่งหล่อนกลับไปอยู่เมืองไทยในวันหน้า...แต่ก็ไม่อยากฝืนใจลูกสาว...ตามใจแอนนี่เสมอ ไม่ว่าจะตัดสินใจยังไง เรียนจบแล้ว แอนนี่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ลุคส์กับดาวเรืองไม่อยากไปบังคับลูก...เขาเองยังมองไม่เห็นว่าทำไมเดือนพิลาสจะกลับบ้านนอกเสียจากว่าจะโดนทางบ้านยายขอให้กลับนางดวงยายของเดือนพิลาสอยากได้ตัวหลานสาวก
เขามีอาการเหมือนเกร็งทันที“แม่ผมทำไมหรือ พรีม”“เธอไม่ชอบพรีมนะคะ คุณยะลืมเหรอ”คิ้วเขาขมวดหากัน “พรีมคิดมากไปหรือเปล่า”“ไม่มากล่ะค่ะ เธอไม่ชอบพรีม” หล่อนยืนยัน แล้วหัวเราะแค่นๆ ออกมา “พรีมไม่อยากได้ยินอะไรรู้ไหมคะ คุณยะ”“อะไรล่ะ”“เคยได้ยินไหมคะ...คำพูดที่เค้าพูดกัน...ว่าแม่กับเมียน่ะจะทำให้คนกลางลำบากใจ...แล้วพรีมไม่อยากไปโดนแม่คุณกระแทกว่าเพราะพรีมนอนคุยนอน ทูลกับคุณ ทำให้คุณเข้าข้างพรีม”เขาชะงัก...มองหน้าพิมสิริ หล่อนหัวเราะ บอกหน้าตาเฉยต่อมาว่า “พรีมพูดเล่น”แต่ก็ทำให้เขาเงียบไป...แม่กับพรีม...เฮ้อ...เรื่องนี้ยากนักสำหรับเขา...ทำใจลำบาก...เขาเคยปรึกษากับทัสนาน้องสาวเขา หล่อนบอกว่า...พี่ยะพร้อมแค่ไหนล่ะคะ หากรักเพียงพอ แม่ก็เข้าใจลูกชายเสมอ ไม่ใช่นาเข้าข้างแม่ แต่นาอยากบอกว่าแม่ยอมได้ทุกอย่าง ทีนี้ก็อยู่กับพรีมละ ว่าจะเข้าใจแม่บ้างไหม เข้าใจพี่ยะแค่ไหน นาไม่เชื่อนะคะว่าต่างไม่ต้องปรับตัวเข้าหากัน คนเราจะมาอยู่ด้วยกัน จะต้องปรับ ไม่ปรับเลยก็ไม่ได้ พรีมท่าทางแข็ง แม่เราก็เป็นผู้หญิงเก่ง คุมงานบริษัทที่พ่อทิ้งไว้ให้ แล้วดูแลเรามาจนป่านนี้ พี่ยะคิดให้ถี่ถ้วนก่อนก็ดีนะคะ...“นะค
สัตยายืนอยู่ด้านข้างของมุมนี้ มองทอดตาไปบนเวทีที่ยกพื้นขึ้น พิมสิริอยู่บนนั้น อยู่กับความเป็นพรีมที่รู้จักกันติดปากไปทั่วเมือง เขามีส่วนเสริมสร้างหล่อนมาด้วยการชวนหล่อนออกจากค่ายเทปเก่ามาเปิดบริษัทเทปเล็กๆ แล้วให้พรีมได้ทำเพลงชุดแรกจะเรียกว่าเป็นดวงหรือความสามารถก็ยากจะเดาได้ แต่นั่นทำให้บริษัทเล็กๆ ของเขาสามารถผงาดเด่นขึ้นมาได้ พรีมโด่งดังไปทั่วประเทศและนอกประเทศ มีคิวโชว์ร้องเพลง มีงานเสริมเข้ามาและเขาก็สามารถทำรายได้ให้กับบริษัทได้สูงนอกเหนือจากงานอื่นที่รับอยู่...นักร้องเบอร์หนึ่งของบริษัทประสบความสำเร็จก็มีนักร้องคนอื่นเข้ามารอการปั้น...แต่เขายังรีรออยู่ ไม่ใช่เพราะไม่มีเงินทุนแต่เพราะพรีมไม่ยอมพิมสิริคิดว่ามีหล่อนก็เหลือจะพอ…จะมีคนอื่นอีกไม่ได้นะคะ คุณ…เขาไม่อยากขัดใจพรีม...หล่อนขอเขาและหล่อนทำท่าแง่งอน...เขาออกจะเอาใจหล่อน...ไม่เพียงเพราะหล่อนทำรายได้ให้บริษัทแต่เพราะเขารักหล่อนด้วยเขาชวนพรีมออกจากที่เก่าเพราะเรื่องของหัวใจ...เขารักพิมสิริ หวังจะส่งเสริมหล่อน...และความรักก็ดำเนินไปเงียบๆ ไม่เปิดเผยออกนอกหน้า...เขากับหล่อนมีความสัมพันธ์ทางกายกันแล้ว...เว้นแต่ว่ายังไปไม่ถึ
เดือนพิลาสเข้ามา...ข้างหลังร้านชุลมุนเพราะไหนจะส่วนทำอาหาร ไหนจะส่วนแต่งตัว...ที่แบ่งกั้น...เพราะจะมีการแสดง...ที่จริงลุงหมูอยากจะไปจัดที่บ้าน แต่ก็จะไม่สะดวกเรื่องขนย้ายครัวใหญ่ไปด้วย...เพราะนี่เป็นงานระดับชุมนุมคนมาก ไม่ใช่แค่คนกันเองที่จะไปปาร์ตี้ที่บ้าน หล่อนเจอพ่อแล้ว พ่อเข้ามาตามหาหล่อนพอดี...หล่อนสูงไม่เท่าพ่อเพราะพ่อตัวสูงมาก...หล่อนสูงแค่ไหล่พ่อเท่านั้นเอง พ่อโอบกอดหล่อน“พร้อมหรือยัง เหนื่อยไหมลูก”“ไม่เหนื่อยค่ะ เดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บ...คิวเพลงแอนนี่มาถึงหรือยัง”หล่อนชอบร้องเพลง...ไม่ถึงขนาดอยากเป็นนักร้องมีเทปเพลงตัวเอง แต่หล่อนก็มีแววทางนี้อยู่พอตัว...หล่อนผลัดเสื้อผ้าชุดแรกออกแล้ว...ชุดสาวอีสาน...แม่เข้ามาพอดี ดาวเรืองพิศมองลูกสาว...แววตาบอกความรักและภูมิใจ“แอนนี่...เร้ว...ได้เวลาพอดี”หล่อนออกมาปรากฏตัวบนหน้าเวทีแล้วขึ้นเพลง “น้องนางบ้านนา” พร้อมกับลีลาที่ซ้อมมาก่อนหน้าแล้ว ก็หล่อนดูจากเทปเพลงของอินทิราในชุดน้องนางบ้านนา...หล่อนทำเลียนแบบอินทิราได้ทุกอย่างทีเดียว...และเพลงนี้หล่อนก็เรียกเสียงปรบมือได้เกรียวกราว...ก่อนจะถอยกลับลงมายังมีเพลงคั่นอีกสามเพลงแล้วจะเป็นคิ
เดือนพิลาส หรือ แอนนี่ ลูก แม่ดาวเรือง กับ พ่อลุคส์ หรือ เจ้ากุ๊ก หลาน ยายดวงเดินทางกลับบ้านช่วงซัมเมอร์ หลังจากเกิดวิกฤต 911 เมื่อปี 2544เธอตกบันไดพลอยโจนเป็น นักร้องหมอลำ เมื่ออินทิรา นักร้องวงพิณเพลินประสบอุบัติเหตุเธอต้องขึ้นเวทีชีวิตจะสนุกสนานเฮฮาแค่ไหนกันหนอ ในนามเดือนเด่น แดนดาวMOONLIGHT STARLANDกับตำนานตำมั่วของยายดวงกับตำนานเพลงหมอลำที่สาวฝรั่งลำได้เสนาะหูด้วยลูกคอสามชั้นช่วงเวลาซัมเมอร์ที่หัวใจเธอเผลอรัก จะทำให้เป็นรักนิรันดร์ไหมถามหาหัวใจ ได้เลยนิยายสนุก ไม่เครียดค่ะ ------------------------------------------------- หญิงสาวสวยอายุประมาณยี่สิบสองก้าวลงจากรถที่มาจอดให้ตรงทางเท้าเข้าสู่ร้านอาหารไทยขนาดใหญ่ที่คืนนี้จะมีการจัดงานเลี้ยงชุมนุมคนไทยที่มาอยู่ในละแวกย่านนี้ แม่ของหล่อน...ดาวเรือง เป็นผู้ประสานงานของงานที่จัดหาเงินหนนี้...เป็นงานหาทุนเพื่อจะส่งกลับไปยังประเทศบ้านเกิด...ก็ที่เมืองไทย ตัวหล่อน เดือนพิลาส เป็นลูกครึ่งไทยอเมริกัน พ่อของหล่อน มิสเตอร์ลุคส์ เป็นวิศวกรที่ถูกส่งไปทำงานที่เมืองไทยก่อนหล่อนจะเกิด แล้วพบแม่ที่เป็นนางพยาบาลเพราะมิสเ