สัตยายืนอยู่ด้านข้างของมุมนี้ มองทอดตาไปบนเวทีที่ยกพื้นขึ้น พิมสิริอยู่บนนั้น อยู่กับความเป็นพรีมที่รู้จักกันติดปากไปทั่วเมือง เขามีส่วนเสริมสร้างหล่อนมาด้วยการชวนหล่อนออกจากค่ายเทปเก่ามาเปิดบริษัทเทปเล็กๆ แล้วให้พรีมได้ทำเพลงชุดแรกจะเรียกว่าเป็นดวงหรือความสามารถก็ยากจะเดาได้ แต่นั่นทำให้บริษัทเล็กๆ ของเขาสามารถผงาดเด่นขึ้นมาได้ พรีมโด่งดังไปทั่วประเทศและนอกประเทศ มีคิวโชว์ร้องเพลง มีงานเสริมเข้ามาและเขาก็สามารถทำรายได้ให้กับบริษัทได้สูงนอกเหนือจากงานอื่นที่รับอยู่...นักร้องเบอร์หนึ่งของบริษัทประสบความสำเร็จก็มีนักร้องคนอื่นเข้ามารอการปั้น...แต่เขายังรีรออยู่ ไม่ใช่เพราะไม่มีเงินทุน
แต่เพราะพรีมไม่ยอม
พิมสิริคิดว่ามีหล่อนก็เหลือจะพอ
…จะมีคนอื่นอีกไม่ได้นะคะ คุณ…
เขาไม่อยากขัดใจพรีม...หล่อนขอเขาและหล่อนทำท่าแง่งอน...เขาออกจะเอาใจหล่อน...ไม่เพียงเพราะหล่อนทำรายได้ให้บริษัท
แต่เพราะเขารักหล่อนด้วย
เขาชวนพรีมออกจากที่เก่าเพราะเรื่องของหัวใจ...เขารักพิมสิริ หวังจะส่งเสริมหล่อน...
และความรักก็ดำเนินไปเงียบๆ ไม่เปิดเผยออกนอกหน้า...เขากับหล่อนมีความสัมพันธ์ทางกายกันแล้ว...เว้นแต่ว่ายังไปไม่ถึงการแต่งงาน...แม่เขา...คุณสายทิพย์บอกว่า
...ยะ การแต่งงานเป็นเรื่องยากนะลูก คิดให้ดีก่อนแล้วกัน...
เขาไม่รู้ว่าเธอไม่มั่นใจในตัวพิมสิริเอาเสียเลย เธอมองหญิงสาวคนงามด้วยความหวั่นใจ เพราะมองว่านั่นไม่ใช่ผู้หญิงในแบบที่จะเป็นคู่ชีวิต เป็นเพื่อนแท้ ในความรัก ในความหมายของการแต่งงานได้ดีนัก
แต่เมื่อลูกชายรักก็เหมือนว่าเธอทำใจ
และจริงๆ มันก็อยู่กับตัวพิมสิริด้วย...
แต่งงานหรือ...
หญิงสาวเคยถามตัวเอง...
ไม่เอาด้วยแน่
หล่อนมาจากครอบครัวที่ล้มเหลวอยู่มากทีเดียว พ่อขี้เมา แม่เล่นไพ่...คือความเลวร้ายแต่เยาว์วัย หล่อนแยกตัวออกมาเมื่อแยกได้ กระเสือกกระสนทุกทางที่จะเรียนให้จบปริญญาตรีและเอาดีทางการร้องเพลง...หล่อนเข้าสังกัดค่ายเทปใหญ่แต่ก็ไม่ได้ทำเทป วันที่หล่อนได้รับคำชวนของสัตยาให้ออกมาทำเทปด้วยกันนั้นหล่อนก็เพียงแต่มองเห็นว่าการ “เกาะ” กับเขาย่อมจะดีกว่าเป็นปลาตัวเล็กในบ่อใหญ่ที่เดิม
หล่อนมองสัตยาเหมือนไม้พยุงตัวยามลอยคอในน้ำ...
รักหรือ...พูดไปก็น่าขัน...บอกตัวเองเช่นนั้นเสมอมา...
รัก...
ไม่รัก...
แต่ผูกพันกัน...อยู่ด้วยกัน...
หล่อนพอใจกับชีวิตแบบนั้นมากกว่าการแต่งงาน...หล่อนไม่อยากมีลูก ไม่อยากแต่งงาน...ไม่อยากขาดอิสระ...หล่อนกลัวนัก
พ่อแม่คือตัวอย่างอันเลวร้ายเอาการ
วันนี้หล่อนก็มาแถลงข่าวออกเทปชุดที่สาม...หวังว่าคงจะไปได้ด้วยดี...แม้มันจะไม่ดังเท่ากับเทปชุดแรกก็ตามที
จบการแถลงข่าว หล่อนนั่งรถมากับสัตยา นักข่าวเคยถามถึงความสัมพันธ์อันนี้...แต่หล่อนเองปฏิเสธ ชายหนุ่มเสียอีกที่เฉยๆ ไม่ตอบอะไร เขาให้เกียรติหล่อน
“พรีม...ถ้าเทปชุดนี้ไปได้ เราคิดกันอีกครั้งดีไหม”
“คิดเรื่องอะไรคะ”
“การแต่งงานของเราไง”
พิมสิริเงียบไป ก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ
“รออีกปีได้ไหมคะ คุณยะ...ขอเวลาพรีมอีกปี...นะคะ...คนดี...ได้โปรดเถิด”
นั่นคือความจริงใจอย่างยิ่งของหล่อนแล้ว พิมสิริให้คำตอบตัวเอง หล่อนไม่อยากแต่งงาน...หล่อนไม่พร้อมเอาเสียเลย เพราะภาพของครอบครัวที่ตัวเองมีอยู่มันบิดๆ เบี้ยวๆ...หล่อนมีภาพพ่อขี้เมาไม่รับผิดชอบครอบครัว และไม่สร้างสรรค์อะไรให้ครอบครัวกินดีอยู่ดี ชีวิตขัดสนยากไร้ไปทุกเรื่อง เรียนจบมามีพรสวรรค์ร้องเพลงได้นี่ก็นับว่าบุญคุ้มหัวนักหนา แถมด้วยแม่กับภาพหญิงที่ติดการพนันอย่างไพ่อีกคน...แล้วเมื่อยามไม่มีเงินพ่อกับแม่ก็ทะเลาะกันด่ากัน หล่อนนึกไม่ออกว่าคนสองคนเคยรักกันมาได้อย่างไร
ยังจะน้องๆ...เฮ้อ...ภาพพ่อแม่และลูกๆ ที่มากมาย...คือภาพอันเลวร้าย...พิมสิริไม่ได้คิดฝันแต่งงานเลย
หล่อนมองการแต่งงานเป็นเรื่องพันธนาการและพาหล่อนลงเหว
แม้หล่อนจะรักสัตยา...แต่หล่อนก็ไม่มั่นใจ เขายังไม่ได้เป็นผู้ชายครบสูตรตามที่หล่อนปรารถนา
สัตยาออกมาจากบริษัทใหญ่อย่างซอลต้าเรคคอร์ด โดยไม่ได้รับเงินค่าตอบแทนอะไรเลย...พิมสิริได้รู้ข้อบาดหมางรุนแรงของสัตยากับคมกฤชที่เป็นรองประธานกรรมการรองจากองค์การ คมกฤชกับสัตยาไม่ถูกกันรุนแรงมาก เท่าที่หล่อนได้ยินมาก็คือว่าคมกฤชชังสัตยาเพราะริษยาส่วนตัว ทั้งเรื่องหน้าตา เรื่องวัยที่อ่อนกว่าและเรื่องความสามารถเมื่อผลประโยชน์ ไม่สามารถไปทางเดียวกันได้สัตยาก็ถอนตัวออกมาตั้งบริษัทของเขาเอง
คิตตี้คีย์ยังเล็กมาก หากเทียบกับซอลต้าเรคคอร์ด
กระนั้นเทปชุดแรกที่สัตยาทำให้หล่อนก็ทำให้คิตตี้คีย์พอไปรอดทั้งชื่อเสียงและเงินทอง
แต่พิมสิริรู้ว่าสัตยายังมีมารดา มีคุณสายทิพย์นั่นแหละนายทุนตัวจริงของเขา
และเธอไม่ชอบหล่อนด้วย พอๆ กับหล่อนไม่ชอบเธอ...ท่าทีของเธอเหมือนแม่ผัวตัวร้ายครบสูตร เห็นการมองของเธอ เห็นแววตาของเธอแล้ว พิมสิรินึกหนาวไม่อยากปะทะด้วย
ทั้งหมดนี้มารวมประกอบกันทำให้หล่อนไม่อยากแต่งงาน
หล่อนปฏิเสธสัตยาไปแล้ว เขาทำท่าผิดหวังด้วยการถอนใจเฮือกหนึ่งออกมา
“ไม่ต้องคิดมากนะคะ คุณยะ”
“ผมพร้อมจะแต่งแล้วนะ พรีม ไม่อยากอยู่แบบนี้ มันเหมือนผมเอาเปรียบพรีม เพราะเรา...”
หล่อนมาจับมือเขาบีบกระชับแน่นเสียก่อน “ไม่เป็นไรค่ะ พรีมเต็มใจ ก็เรารักกัน”
หล่อนพูดได้ไพเราะน่าฟังเสมอ เป็นคำพูดที่หล่อนเองก็แทบจะอาเจียนเพราะคลื่นไส้ตัวเอง
“อีกอย่างแม่คุณยะด้วยนะคะ”
เขามีอาการเหมือนเกร็งทันที“แม่ผมทำไมหรือ พรีม”“เธอไม่ชอบพรีมนะคะ คุณยะลืมเหรอ”คิ้วเขาขมวดหากัน “พรีมคิดมากไปหรือเปล่า”“ไม่มากล่ะค่ะ เธอไม่ชอบพรีม” หล่อนยืนยัน แล้วหัวเราะแค่นๆ ออกมา “พรีมไม่อยากได้ยินอะไรรู้ไหมคะ คุณยะ”“อะไรล่ะ”“เคยได้ยินไหมคะ...คำพูดที่เค้าพูดกัน...ว่าแม่กับเมียน่ะจะทำให้คนกลางลำบากใจ...แล้วพรีมไม่อยากไปโดนแม่คุณกระแทกว่าเพราะพรีมนอนคุยนอน ทูลกับคุณ ทำให้คุณเข้าข้างพรีม”เขาชะงัก...มองหน้าพิมสิริ หล่อนหัวเราะ บอกหน้าตาเฉยต่อมาว่า “พรีมพูดเล่น”แต่ก็ทำให้เขาเงียบไป...แม่กับพรีม...เฮ้อ...เรื่องนี้ยากนักสำหรับเขา...ทำใจลำบาก...เขาเคยปรึกษากับทัสนาน้องสาวเขา หล่อนบอกว่า...พี่ยะพร้อมแค่ไหนล่ะคะ หากรักเพียงพอ แม่ก็เข้าใจลูกชายเสมอ ไม่ใช่นาเข้าข้างแม่ แต่นาอยากบอกว่าแม่ยอมได้ทุกอย่าง ทีนี้ก็อยู่กับพรีมละ ว่าจะเข้าใจแม่บ้างไหม เข้าใจพี่ยะแค่ไหน นาไม่เชื่อนะคะว่าต่างไม่ต้องปรับตัวเข้าหากัน คนเราจะมาอยู่ด้วยกัน จะต้องปรับ ไม่ปรับเลยก็ไม่ได้ พรีมท่าทางแข็ง แม่เราก็เป็นผู้หญิงเก่ง คุมงานบริษัทที่พ่อทิ้งไว้ให้ แล้วดูแลเรามาจนป่านนี้ พี่ยะคิดให้ถี่ถ้วนก่อนก็ดีนะคะ...“นะค
สาวน้อยร่างโปร่งปราดเปรียวพาตัวเองเข้ามาในตัวบ้านและเจอกับลุงหมูเจ้าบ้านที่ยังไม่ได้ออกไปทำร้าน หล่อนเอ่ยร่าเริงว่า “วันนี้หยุดค่ะ จะมาคุยกับป้านิดซักหน่อยเรื่องให้ออกแบบห้องน้ำ”รอยยิ้มของหล่อนนำพาเอาความสดใสมาสู่ผู้รับทุกคน...อาจจะเพราะวัยและเพราะการมองโลกในแง่ดีของหล่อนด้วยก็เป็นได้ลุงหมูหรือทรงชัยบอกตัวเองว่าได้เห็นสาวน้อยคนนี้นับจากเยาว์วัยได้รู้เห็นในพัฒนาการของการเติบโตนั่นมาโดยตลอด อาจจะเพราะดาวเรืองนั้นแม้จะรักลูกสาวมากแค่ไหนก็ยังเข้มงวดกับเรื่องบางเรื่องกับเดือนพิลาสอยู่มากทีเดียว เขาไม่เคยได้เห็นหรือได้ยินคำบอกเล่าใดๆ ว่าเดือนพิลาสก็เหมือนลูกครึ่งไทยอเมริกันจำนวนหนึ่งที่แข็งกระด้างกับพ่อแม่ทำตัวไม่ค่อยจะน่ารักอะไรแบบนั้น หล่อนน่ารัก เรียนดีประพฤติดี และเขาก็รู้ว่าดาวเรืองต้องการส่งหล่อนกลับไปอยู่เมืองไทยในวันหน้า...แต่ก็ไม่อยากฝืนใจลูกสาว...ตามใจแอนนี่เสมอ ไม่ว่าจะตัดสินใจยังไง เรียนจบแล้ว แอนนี่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ลุคส์กับดาวเรืองไม่อยากไปบังคับลูก...เขาเองยังมองไม่เห็นว่าทำไมเดือนพิลาสจะกลับบ้านนอกเสียจากว่าจะโดนทางบ้านยายขอให้กลับนางดวงยายของเดือนพิลาสอยากได้ตัวหลานสาวก
เดือนพิลาส หรือ แอนนี่ ลูก แม่ดาวเรือง กับ พ่อลุคส์ หรือ เจ้ากุ๊ก หลาน ยายดวงเดินทางกลับบ้านช่วงซัมเมอร์ หลังจากเกิดวิกฤต 911 เมื่อปี 2544เธอตกบันไดพลอยโจนเป็น นักร้องหมอลำ เมื่ออินทิรา นักร้องวงพิณเพลินประสบอุบัติเหตุเธอต้องขึ้นเวทีชีวิตจะสนุกสนานเฮฮาแค่ไหนกันหนอ ในนามเดือนเด่น แดนดาวMOONLIGHT STARLANDกับตำนานตำมั่วของยายดวงกับตำนานเพลงหมอลำที่สาวฝรั่งลำได้เสนาะหูด้วยลูกคอสามชั้นช่วงเวลาซัมเมอร์ที่หัวใจเธอเผลอรัก จะทำให้เป็นรักนิรันดร์ไหมถามหาหัวใจ ได้เลยนิยายสนุก ไม่เครียดค่ะ ------------------------------------------------- หญิงสาวสวยอายุประมาณยี่สิบสองก้าวลงจากรถที่มาจอดให้ตรงทางเท้าเข้าสู่ร้านอาหารไทยขนาดใหญ่ที่คืนนี้จะมีการจัดงานเลี้ยงชุมนุมคนไทยที่มาอยู่ในละแวกย่านนี้ แม่ของหล่อน...ดาวเรือง เป็นผู้ประสานงานของงานที่จัดหาเงินหนนี้...เป็นงานหาทุนเพื่อจะส่งกลับไปยังประเทศบ้านเกิด...ก็ที่เมืองไทย ตัวหล่อน เดือนพิลาส เป็นลูกครึ่งไทยอเมริกัน พ่อของหล่อน มิสเตอร์ลุคส์ เป็นวิศวกรที่ถูกส่งไปทำงานที่เมืองไทยก่อนหล่อนจะเกิด แล้วพบแม่ที่เป็นนางพยาบาลเพราะมิสเ
เดือนพิลาสเข้ามา...ข้างหลังร้านชุลมุนเพราะไหนจะส่วนทำอาหาร ไหนจะส่วนแต่งตัว...ที่แบ่งกั้น...เพราะจะมีการแสดง...ที่จริงลุงหมูอยากจะไปจัดที่บ้าน แต่ก็จะไม่สะดวกเรื่องขนย้ายครัวใหญ่ไปด้วย...เพราะนี่เป็นงานระดับชุมนุมคนมาก ไม่ใช่แค่คนกันเองที่จะไปปาร์ตี้ที่บ้าน หล่อนเจอพ่อแล้ว พ่อเข้ามาตามหาหล่อนพอดี...หล่อนสูงไม่เท่าพ่อเพราะพ่อตัวสูงมาก...หล่อนสูงแค่ไหล่พ่อเท่านั้นเอง พ่อโอบกอดหล่อน“พร้อมหรือยัง เหนื่อยไหมลูก”“ไม่เหนื่อยค่ะ เดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บ...คิวเพลงแอนนี่มาถึงหรือยัง”หล่อนชอบร้องเพลง...ไม่ถึงขนาดอยากเป็นนักร้องมีเทปเพลงตัวเอง แต่หล่อนก็มีแววทางนี้อยู่พอตัว...หล่อนผลัดเสื้อผ้าชุดแรกออกแล้ว...ชุดสาวอีสาน...แม่เข้ามาพอดี ดาวเรืองพิศมองลูกสาว...แววตาบอกความรักและภูมิใจ“แอนนี่...เร้ว...ได้เวลาพอดี”หล่อนออกมาปรากฏตัวบนหน้าเวทีแล้วขึ้นเพลง “น้องนางบ้านนา” พร้อมกับลีลาที่ซ้อมมาก่อนหน้าแล้ว ก็หล่อนดูจากเทปเพลงของอินทิราในชุดน้องนางบ้านนา...หล่อนทำเลียนแบบอินทิราได้ทุกอย่างทีเดียว...และเพลงนี้หล่อนก็เรียกเสียงปรบมือได้เกรียวกราว...ก่อนจะถอยกลับลงมายังมีเพลงคั่นอีกสามเพลงแล้วจะเป็นคิ
สาวน้อยร่างโปร่งปราดเปรียวพาตัวเองเข้ามาในตัวบ้านและเจอกับลุงหมูเจ้าบ้านที่ยังไม่ได้ออกไปทำร้าน หล่อนเอ่ยร่าเริงว่า “วันนี้หยุดค่ะ จะมาคุยกับป้านิดซักหน่อยเรื่องให้ออกแบบห้องน้ำ”รอยยิ้มของหล่อนนำพาเอาความสดใสมาสู่ผู้รับทุกคน...อาจจะเพราะวัยและเพราะการมองโลกในแง่ดีของหล่อนด้วยก็เป็นได้ลุงหมูหรือทรงชัยบอกตัวเองว่าได้เห็นสาวน้อยคนนี้นับจากเยาว์วัยได้รู้เห็นในพัฒนาการของการเติบโตนั่นมาโดยตลอด อาจจะเพราะดาวเรืองนั้นแม้จะรักลูกสาวมากแค่ไหนก็ยังเข้มงวดกับเรื่องบางเรื่องกับเดือนพิลาสอยู่มากทีเดียว เขาไม่เคยได้เห็นหรือได้ยินคำบอกเล่าใดๆ ว่าเดือนพิลาสก็เหมือนลูกครึ่งไทยอเมริกันจำนวนหนึ่งที่แข็งกระด้างกับพ่อแม่ทำตัวไม่ค่อยจะน่ารักอะไรแบบนั้น หล่อนน่ารัก เรียนดีประพฤติดี และเขาก็รู้ว่าดาวเรืองต้องการส่งหล่อนกลับไปอยู่เมืองไทยในวันหน้า...แต่ก็ไม่อยากฝืนใจลูกสาว...ตามใจแอนนี่เสมอ ไม่ว่าจะตัดสินใจยังไง เรียนจบแล้ว แอนนี่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ลุคส์กับดาวเรืองไม่อยากไปบังคับลูก...เขาเองยังมองไม่เห็นว่าทำไมเดือนพิลาสจะกลับบ้านนอกเสียจากว่าจะโดนทางบ้านยายขอให้กลับนางดวงยายของเดือนพิลาสอยากได้ตัวหลานสาวก
เขามีอาการเหมือนเกร็งทันที“แม่ผมทำไมหรือ พรีม”“เธอไม่ชอบพรีมนะคะ คุณยะลืมเหรอ”คิ้วเขาขมวดหากัน “พรีมคิดมากไปหรือเปล่า”“ไม่มากล่ะค่ะ เธอไม่ชอบพรีม” หล่อนยืนยัน แล้วหัวเราะแค่นๆ ออกมา “พรีมไม่อยากได้ยินอะไรรู้ไหมคะ คุณยะ”“อะไรล่ะ”“เคยได้ยินไหมคะ...คำพูดที่เค้าพูดกัน...ว่าแม่กับเมียน่ะจะทำให้คนกลางลำบากใจ...แล้วพรีมไม่อยากไปโดนแม่คุณกระแทกว่าเพราะพรีมนอนคุยนอน ทูลกับคุณ ทำให้คุณเข้าข้างพรีม”เขาชะงัก...มองหน้าพิมสิริ หล่อนหัวเราะ บอกหน้าตาเฉยต่อมาว่า “พรีมพูดเล่น”แต่ก็ทำให้เขาเงียบไป...แม่กับพรีม...เฮ้อ...เรื่องนี้ยากนักสำหรับเขา...ทำใจลำบาก...เขาเคยปรึกษากับทัสนาน้องสาวเขา หล่อนบอกว่า...พี่ยะพร้อมแค่ไหนล่ะคะ หากรักเพียงพอ แม่ก็เข้าใจลูกชายเสมอ ไม่ใช่นาเข้าข้างแม่ แต่นาอยากบอกว่าแม่ยอมได้ทุกอย่าง ทีนี้ก็อยู่กับพรีมละ ว่าจะเข้าใจแม่บ้างไหม เข้าใจพี่ยะแค่ไหน นาไม่เชื่อนะคะว่าต่างไม่ต้องปรับตัวเข้าหากัน คนเราจะมาอยู่ด้วยกัน จะต้องปรับ ไม่ปรับเลยก็ไม่ได้ พรีมท่าทางแข็ง แม่เราก็เป็นผู้หญิงเก่ง คุมงานบริษัทที่พ่อทิ้งไว้ให้ แล้วดูแลเรามาจนป่านนี้ พี่ยะคิดให้ถี่ถ้วนก่อนก็ดีนะคะ...“นะค
สัตยายืนอยู่ด้านข้างของมุมนี้ มองทอดตาไปบนเวทีที่ยกพื้นขึ้น พิมสิริอยู่บนนั้น อยู่กับความเป็นพรีมที่รู้จักกันติดปากไปทั่วเมือง เขามีส่วนเสริมสร้างหล่อนมาด้วยการชวนหล่อนออกจากค่ายเทปเก่ามาเปิดบริษัทเทปเล็กๆ แล้วให้พรีมได้ทำเพลงชุดแรกจะเรียกว่าเป็นดวงหรือความสามารถก็ยากจะเดาได้ แต่นั่นทำให้บริษัทเล็กๆ ของเขาสามารถผงาดเด่นขึ้นมาได้ พรีมโด่งดังไปทั่วประเทศและนอกประเทศ มีคิวโชว์ร้องเพลง มีงานเสริมเข้ามาและเขาก็สามารถทำรายได้ให้กับบริษัทได้สูงนอกเหนือจากงานอื่นที่รับอยู่...นักร้องเบอร์หนึ่งของบริษัทประสบความสำเร็จก็มีนักร้องคนอื่นเข้ามารอการปั้น...แต่เขายังรีรออยู่ ไม่ใช่เพราะไม่มีเงินทุนแต่เพราะพรีมไม่ยอมพิมสิริคิดว่ามีหล่อนก็เหลือจะพอ…จะมีคนอื่นอีกไม่ได้นะคะ คุณ…เขาไม่อยากขัดใจพรีม...หล่อนขอเขาและหล่อนทำท่าแง่งอน...เขาออกจะเอาใจหล่อน...ไม่เพียงเพราะหล่อนทำรายได้ให้บริษัทแต่เพราะเขารักหล่อนด้วยเขาชวนพรีมออกจากที่เก่าเพราะเรื่องของหัวใจ...เขารักพิมสิริ หวังจะส่งเสริมหล่อน...และความรักก็ดำเนินไปเงียบๆ ไม่เปิดเผยออกนอกหน้า...เขากับหล่อนมีความสัมพันธ์ทางกายกันแล้ว...เว้นแต่ว่ายังไปไม่ถึ
เดือนพิลาสเข้ามา...ข้างหลังร้านชุลมุนเพราะไหนจะส่วนทำอาหาร ไหนจะส่วนแต่งตัว...ที่แบ่งกั้น...เพราะจะมีการแสดง...ที่จริงลุงหมูอยากจะไปจัดที่บ้าน แต่ก็จะไม่สะดวกเรื่องขนย้ายครัวใหญ่ไปด้วย...เพราะนี่เป็นงานระดับชุมนุมคนมาก ไม่ใช่แค่คนกันเองที่จะไปปาร์ตี้ที่บ้าน หล่อนเจอพ่อแล้ว พ่อเข้ามาตามหาหล่อนพอดี...หล่อนสูงไม่เท่าพ่อเพราะพ่อตัวสูงมาก...หล่อนสูงแค่ไหล่พ่อเท่านั้นเอง พ่อโอบกอดหล่อน“พร้อมหรือยัง เหนื่อยไหมลูก”“ไม่เหนื่อยค่ะ เดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บ...คิวเพลงแอนนี่มาถึงหรือยัง”หล่อนชอบร้องเพลง...ไม่ถึงขนาดอยากเป็นนักร้องมีเทปเพลงตัวเอง แต่หล่อนก็มีแววทางนี้อยู่พอตัว...หล่อนผลัดเสื้อผ้าชุดแรกออกแล้ว...ชุดสาวอีสาน...แม่เข้ามาพอดี ดาวเรืองพิศมองลูกสาว...แววตาบอกความรักและภูมิใจ“แอนนี่...เร้ว...ได้เวลาพอดี”หล่อนออกมาปรากฏตัวบนหน้าเวทีแล้วขึ้นเพลง “น้องนางบ้านนา” พร้อมกับลีลาที่ซ้อมมาก่อนหน้าแล้ว ก็หล่อนดูจากเทปเพลงของอินทิราในชุดน้องนางบ้านนา...หล่อนทำเลียนแบบอินทิราได้ทุกอย่างทีเดียว...และเพลงนี้หล่อนก็เรียกเสียงปรบมือได้เกรียวกราว...ก่อนจะถอยกลับลงมายังมีเพลงคั่นอีกสามเพลงแล้วจะเป็นคิ
เดือนพิลาส หรือ แอนนี่ ลูก แม่ดาวเรือง กับ พ่อลุคส์ หรือ เจ้ากุ๊ก หลาน ยายดวงเดินทางกลับบ้านช่วงซัมเมอร์ หลังจากเกิดวิกฤต 911 เมื่อปี 2544เธอตกบันไดพลอยโจนเป็น นักร้องหมอลำ เมื่ออินทิรา นักร้องวงพิณเพลินประสบอุบัติเหตุเธอต้องขึ้นเวทีชีวิตจะสนุกสนานเฮฮาแค่ไหนกันหนอ ในนามเดือนเด่น แดนดาวMOONLIGHT STARLANDกับตำนานตำมั่วของยายดวงกับตำนานเพลงหมอลำที่สาวฝรั่งลำได้เสนาะหูด้วยลูกคอสามชั้นช่วงเวลาซัมเมอร์ที่หัวใจเธอเผลอรัก จะทำให้เป็นรักนิรันดร์ไหมถามหาหัวใจ ได้เลยนิยายสนุก ไม่เครียดค่ะ ------------------------------------------------- หญิงสาวสวยอายุประมาณยี่สิบสองก้าวลงจากรถที่มาจอดให้ตรงทางเท้าเข้าสู่ร้านอาหารไทยขนาดใหญ่ที่คืนนี้จะมีการจัดงานเลี้ยงชุมนุมคนไทยที่มาอยู่ในละแวกย่านนี้ แม่ของหล่อน...ดาวเรือง เป็นผู้ประสานงานของงานที่จัดหาเงินหนนี้...เป็นงานหาทุนเพื่อจะส่งกลับไปยังประเทศบ้านเกิด...ก็ที่เมืองไทย ตัวหล่อน เดือนพิลาส เป็นลูกครึ่งไทยอเมริกัน พ่อของหล่อน มิสเตอร์ลุคส์ เป็นวิศวกรที่ถูกส่งไปทำงานที่เมืองไทยก่อนหล่อนจะเกิด แล้วพบแม่ที่เป็นนางพยาบาลเพราะมิสเ